The technology of storytelling | Joe Sabia

Translator: Sritala Dhanasarnsombut Reviewer: Kietsakul Watcharinyanon

Ladies and gentlemen, gather around.

ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ กระเถิบเข้ามาใกล้ๆเลยครับ

I would love to share with you a story.

วันนี้ผมอยากแชร์เรื่องเล่าให้พวกคุณฟังครับ

Once upon a time

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

in 19th century Germany,

ในศตวรรษที่ 19 ที่เยอรมัน

there was the book.

มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง

Now during this time,

ณ ช่วงเวลานั้น

the book was the king of storytelling.

หนังสือคือราชาแห่งการเล่าเรื่อง

It was venerable.

มันทั้งน่าเคารพนับถือ

It was ubiquitous.

และนิยมแพร่หลาย

But it was a little bit boring.

แต่มันก็น่าเบื่อนิดหน่อย

Because in its 400 years of existence,

เพราะตลอด 400 ปีของมัน

storytellers never evolved the book

ผู้เล่าเรื่องไม่เคยพัฒนาหนังสือ

as a storytelling device.

ในฐานะเครื่องมือเล่าเรื่องแม้แต่น้อย

But then one author arrived,

แต่แล้ว นักเขียนผู้หนึ่งก็เข้ามา

and he changed the game forever.

และได้เปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล

(Music)

(เสียงดนตรี)

His name was Lothar,

เขามีชื่อว่า โลธาร์

Lothar Meggendorfer.

โลธาร์ เมกเกนดอร์เฟอร์

Lothar Meggendorfer put his foot down,

โลธาร์ เมกเกนดอร์เฟอร์ เหลืออด

and he said, "Genug ist genug!"

และพูดว่า "พอกันที"

He grabbed his pen,

เขาหยิบปากกาขึ้น

he snatched his scissors.

คว้าไกรกรร

This man refused to fold to the conventions of normalcy

ชายคนนี้ปฏิเสธที่จะยอมรับความปกติธรรมดา

and just decided to fold.

และตัดสินใจพับ

History would know Lothar Meggendorfer

ประวัติศาสตร์ต้องจารึกโลธาร์ เมกเกนดอร์เฟอร์

as -- who else? --

ว่า เป็นใครนะหรือ?

the world's first true inventor

ผู้ประดิษฐ์หนังสือป๊อปอัพ

of the children's pop-up book.

ของเด็กเล่มแรกที่แท้จริง

(Music)

(เสียงดนตรี)

For this delight and for this wonder,

ด้วยสิ่งที่น่ายินดี และน่าตื่นตาตื่นใจนี้

people rejoiced.

ผู้คนต่างชื่นชมยินดี

(Cheering)

(เสียงเชียร์)

They were happy because the story survived,

พวกเขามีความสุขเพราะเรื่องราวต่างๆ จะยังคงอยู่รอด

and that the world would keep on spinning.

และโลกก็ยังดำเนินต่อไปตามเดิม

Lothar Meggendorfer wasn't the first

โลธาร์ เมกเกนดอร์เฟอร์ไม่ใช่คนแรก

to evolve the way a story was told,

ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงการเล่าเรื่องราว

and he certainly wasn't the last.

และแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนสุดท้าย

Whether storytellers realized it or not,

ไม่ว่าคนเล่าเรื่องจะรู้ตัวหรือไม่

they were channeling Meggendorfer's spirit

พวกเขาได้สืบทอดจิตวิญญาณของเมกเกนดอร์เฟอร์

when they moved opera to vaudville,

เมื่อมีการเปลี่ยนจากโอเปร่า มาเป็นการแสดงสลับฉาก

radio news to radio theater,

จากข่าววิทยุ มาเป็นละครวิทยุ

film to film in motion

จากภาพนิ่ง มาเป็นภาพเคลื่อนไหว

to film in sound, color, 3D,

มาเป็นหนังมีเสียง มีสี เป็น3มิติ

on VHS and on DVD.

บน VHS และ บน DVD

There seemed to be no cure for this Meggendorferitis.

ดูเหมือนจะไม่มียารักษาสำหรับโรคเมกเกนดอร์เฟอร์

And things got a lot more fun when the Internet came around.

และสิ่งต่างๆ ก็สนุกมากขึ้นเมื่ออินเตอร์เน็ตเข้ามา

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Because, not only could people broadcast their stories throughout the world,

เพราะ ไม่ใช่แค่ผู้คนสามารถกระจายเรื่องราวต่างๆสู่โลกได้

but they could do so

แต่พวกเขาทำได้

using what seemed to be an infinite amount of devices.

โดยใช้อุปกรณ์ที่ดูเหมือนมีจำนวนมากมายไม่มีที่สิ้นสุด

For example, one company

ตัวอย่างเช่น บริษัทหนึ่ง

would tell a story of love

เล่าเรื่องราวความรัก

through its very own search engine.

ผ่านทางเซิร์ช เอนจินของตัวเอง

One Taiwanese production studio

สตูดิโอแห่งหนึ่งในไต้หวัน

would interpret American politics in 3D.

สามารถถ่ายทอดการเมืองอเมริกาในรูปแบบ 3มิติได้

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And one man would tell the stories of his father

และคนหนึ่งจะเล่าเรื่องราวต่างๆของพ่อ

by using a platform called Twitter

โดยใช้สิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ทวิตเตอร์

to communicate the excrement his father would gesticulate.

เพื่อถ่ายทอดสิ่งที่พ่อเขาสบถด่า อย่างออกรสชาติ

And after all this, everyone paused;

และหลังจากนั้น ทุกคนหยุดนิ่ง

they took a step back.

พวกเขามองกลับมา

They realized that, in 6,000 years of storytelling,

แล้วรู้ได้ว่า 6000 ปีแห่งการเล่าเรื่องนั้น

they've gone from depicting hunting on cave walls

พวกเราก้าวเดินจากการบรรยายการล่าสัตว์บนกำแพงถ้ำ

to depicting Shakespeare on Facebook walls.

จนมาถึงการบรรยายเรื่องของเชคสเปียร์ลงบนกำแพงของเฟสบุ๊ค

And this was a cause for celebration.

และนี่เป็นเหตุผลในการฉลอง

The art of storytelling has remained unchanged.

ศิลปะแห่งการเล่าเรื่องนั้นไม่ได้แปรเปลี่ยนไป

And for the most part, the stories are recycled.

และส่วนใหญ่แล้ว เรื่องราวต่างๆก็ถูกนำมาเล่าใหม่

But the way that humans tell the stories

แต่วิธีการเล่าเรื่องต่างๆของคนเรานั้น

has always evolved

เปลี่ยนแปลงไป

with pure, consistent novelty.

ด้วยความแปลกใหม่เสมอมา

And they remembered a man,

และพวกเขาจะจดจำชายคนหนึ่ง

one amazing German,

ชาวเยอรมันผู้น่าทึ่ง

every time a new storytelling device

ทุกครั้งที่วิธีการเล่าเรื่องแบบใหม่

popped up next.

ผุดขึ้นมา

And for that,

และด้วยสิ่งนั้น

the audience --

เหล่าผู้ฟัง

the lovely, beautiful audience --

ที่รัก และน่ารัก

would live happily ever after.

ก็อยู่อย่างเป็นสุขตลอดกาล

(Applause)

(เสียงปรบมือ)