Why good leaders make you feel safe | Simon Sinek | TED

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Payungsak Kaenchan

There's a man by the name of Captain

มีชายคนหนึ่งชื่อว่า ร้อยเอก

William Swenson

วิลเลี่ยม สเวนสัน

who recently was awarded the congressional Medal of Honor

ไม่นานมานี้ เขาเพิ่งได้รับ เหรียญกล้าหาญจากรัฐบาล

for his actions on September 8, 2009.

จากการกระทำของเขา เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2009

On that day, a column of American

วันนั้น กองกำลังอเมริกัน

and Afghan troops

และอัฟกานิสถาน

were making their way

กำลังเคลื่อนพล

through a part of Afghanistan

ผ่านดินแดนส่วนหนึ่งของอัฟกานิสถาน

to help protect

เพื่อช่วยปกป้อง

a group of government officials,

กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาล

a group of Afghan government officials,

เจ้าหน้าที่รัฐบาลอัฟกานิสถาน

who would be meeting with some local

ที่จะไปพบปะกับผู้สูงอายุ

village elders.

ในหมู่บ้านต่างๆ

The column came under ambush,

กองทหารดังกล่าวถูกซุ่มโจมตี

and was surrounded on three sides,

และถูกล้อมจากสามทิศทาง

and amongst many other things,

และท่ามกลางความวุ่นวายนั้น

Captain Swenson was recognized

มีคนเห็นร้อยเอกสเวนสัน

for running into live fire

วิ่งฝ่าห่ากระสุน

to rescue the wounded

เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ

and pull out the dead.

และแบกศพผู้เสียชีวิตออกมา

One of the people he rescued was a sergeant,

ทหารที่เขาช่วยชีวิตคนหนึ่งเป็นนายสิบ

and he and a comrade were making their way

ร้อยเอกสเวนสันกับเพื่อนทหารอีกนายหนึ่ง

to a medevac helicopter.

พาเขาไปที่เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้บาดเจ็บ

And what was remarkable about this day

สิ่งน่าทึ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นก็คือ

is, by sheer coincidence,

ด้วยความบังเอิญอย่างยิ่ง

one of the medevac medics

ที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพคนหนึ่ง

happened to have a GoPro camera on his helmet

มีกล้องวิดีโอติดอยู่ที่หมวก

and captured the whole scene on camera.

และจับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ได้

It shows Captain Swenson and his comrade

เป็นภาพร้อยเอกสเวนสัน และเพื่อนทหารอีกคน

bringing this wounded soldier

กำลังประคองนายทหารบาดเจ็บ

who had received a gunshot to the neck.

มีแผลถูกยิงที่ลำคอ

They put him in the helicopter,

เขาช่วยกันลำเลียงนายทหาร ขึ้นเฮลิคอปเตอร์

and then you see Captain Swenson bend over

แล้วเราก็เห็นร้อยเอกสเวนสันโน้มตัวลงไป

and give him a kiss

จูบหน้าผากนายทหารคนนั้น

before he turns around to rescue more.

ก่อนที่เขาจะหันกลับออกไป ช่วยคนอื่นต่อ

I saw this, and I thought to myself,

ผมเห็นวิดีโอนี้ และคิดกับตัวเองว่า

where do people like that come from?

คนแบบนี้มาจากไหนกันนะ

What is that? That is some deep, deep emotion,

มันคืออะไรกัน มันคืออารมณ์ลึกๆ

when you would want to do that.

ที่ทำให้คุณอยากทำแบบนั้น

There's a love there,

มีความรักอยู่ในนั้น

and I wanted to know why is it that

แล้วผมก็สงสัยด้วยว่า

I don't have people that I work with like that?

ทำไมผมไม่มีเพื่อนร่วมงานแบบนั้นบ้าง

You know, in the military, they give medals

ในวงการทหาร เขามอบเหรียญกล้าหาญ

to people who are willing to sacrifice themselves

แก่คนที่ยินดีเสียสละตนเอง

so that others may gain.

เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น

In business, we give bonuses to people

ในวงการธุรกิจ เราให้โบนัส

who are willing to sacrifice others

แก่คนที่พร้อมยอมทำร้ายคนอื่น

so that we may gain.

เพื่อผลประโยชน์ต่อตัวเอง

We have it backwards. Right?

มันกลับหัวกลับหางกันใช่ไหมครับ

So I asked myself, where do people like this come from?

ผมเลยถามตัวเองว่า คนแบบนี้มาจากไหนกัน

And my initial conclusion was that they're just better people.

ตอนแรกข้อสรุปของผมคือ เขาคงเป็นคนที่ดีกว่า

That's why they're attracted to the military.

นั่นทำให้เขาอยากเป็นทหาร

These better people are attracted

คนที่ดีกว่าเหล่านี้ยินดี

to this concept of service.

ที่จะได้บริการผู้อื่น

But that's completely wrong.

แต่ข้อสรุปนั้นผิดโดยสิ้นเชิง

What I learned was that it's the environment,

สิ่งที่ผมเรียนรู้คือ มันเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมต่างหาก

and if you get the environment right,

ถ้าเราสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี

every single one of us has the capacity

พวกเราทุกคนต่างมีศักยภาพ

to do these remarkable things,

ที่จะทำสิ่งที่น่าทึ่งเหล่านี้ได้

and more importantly, others have that capacity too.

ที่สำคัญกว่านั้น คนอื่นๆ ก็มีศักยภาพเช่นกัน

I've had the great honor of getting to meet

ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่ได้พบกับ

some of these, who we would call heroes,

คนเหล่านี้ ที่เราเรียกว่าวีรบุรุษ

who have put themselves and put their lives

คนที่ยอมเสี่ยงชีวิตของตัวเอง

at risk to save others,

เพื่อช่วยชีวิตผู้อื่น

and I asked them, "Why would you do it?

ผมถามเขาว่า คุณจะทำไปทำไม

Why did you do it?"

คุณทำไปทำไมกัน

And they all say the same thing:

ทุกคนตอบเหมือนกัน คือ

"Because they would have done it for me."

"เพราะถ้าเป็นเขา เขาก็จะทำอย่างนี้เพื่อฉันเหมือนกัน"

It's this deep sense of trust and cooperation.

มันคือความร่วมไม้ร่วมมือ และความรู้สึกไว้วางใจอย่างลึกซึ้ง

So trust and cooperation are really important here.

ดังนั้น ความไว้วางใจ และความร่วมมือจึงสำคัญมาก

The problem with concepts of trust and cooperation

ปัญหาของความไว้วางใจ และความร่วมมือคือ

is that they are feelings, they are not instructions.

มันเป็นความรู้สึก ไม่ใช่การทำตามคำสั่ง

I can't simply say to you, "Trust me," and you will.

แค่ผมพูดว่า "ไว้ใจผมสิ" คงไม่อาจทำให้คุณไว้ใจผมได้

I can't simply instruct two people to cooperate, and they will.

แค่สั่งให้คนสองคนร่วมมือกัน และเขาจะทำตาม คงไม่ได้

It's not how it works. It's a feeling.

มันทำอย่างนั้นไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกต่างหาก

So where does that feeling come from?

แล้วความรู้สึกนี้มันมาจากไหนล่ะ

If you go back 50,000 years

ถ้าคุณย้อนกลับไป 50,000 ปี

to the Paleolithic era,

ในยุคหิน

to the early days of Homo sapiens,

ยุคต้นๆ ของเผ่าพันธุ์มนุษย์

what we find is that the world

เราจะพบกับโลก

was filled with danger,

ที่เต็มไปด้วยอันตราย

all of these forces working very, very hard to kill us.

แรงกระทำจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ พยายามเข่นฆ่าเรา

Nothing personal.

ไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล

Whether it was the weather,

อาจจะเป็นอากาศ

lack of resources,

การขาดแคลนทรัพยากร

maybe a saber-toothed tiger,

หรือเสือเขี้ยวดาบ

all of these things working

อันตรายทุกอย่างเหล่านี้

to reduce our lifespan.

ทำให้อายุขัยเราสั้นลง

And so we evolved into social animals,

เราจึงมีวิวัฒนาการมาเป็นสัตว์สังคม

where we lived together and worked together

ใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน

in what I call a circle of safety, inside the tribe,

ในวงล้อมของความปลอดภัย

where we felt like we belonged.

ในเผ่าพันธ์ุที่เราเป็นสมาชิก

And when we felt safe amongst our own,

และเมื่อเรารู้สึกปลอดภัย

the natural reaction was trust and cooperation.

ปฏิกิริยาธรรมชาติที่เกิดขึ้น คือความไว้วางใจและการร่วมมือ

There are inherent benefits to this.

ซึ่งมีประโยชน์มหาศาล

It means I can fall asleep at night

นั่นคือผมจะนอนหลับตอนกลางคืน

and trust that someone from within my tribe will watch for danger.

โดยวางใจได้ว่าบางคนในเผ่า จะเฝ้าระวังภัยให้

If we don't trust each other, if I don't trust you,

ถ้าเราไม่ไว้วางใจกัน ถ้าผมไม่ไว้ใจคุณ

that means you won't watch for danger.

นั่นหมายความถึง คุณคงไม่ระวังเฝ้าภัยให้ผม

Bad system of survival.

เป็นระบบที่แย่มากต่อการอยู่รอด

The modern day is exactly the same thing.

ในโลกสมัยใหม่ก็เหมือนกัน

The world is filled with danger,

โลกเต็มไปด้วยอันตราย

things that are trying to frustrate our lives

สิ่งที่คอยขัดขวางชีวิตเรา

or reduce our success,

หรือลดทอนความสำเร็จ

reduce our opportunity for success.

ลดอกาสประสบความสำเร็จ

It could be the ups and downs in the economy,

อาจจะเป็นความผันผวนทางเศรษฐกิจ

the uncertainty of the stock market.

ความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น

It could be a new technology that renders

หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้

your business model obsolete overnight.

โมเดลธุรกิจของคุณล้าสมัยในชั่วข้ามคืน

Or it could be your competition

หรืออาจจะเป็นคู่แข่งของคุณ

that is sometimes trying to kill you.

ที่บางทีพยายามจะฆ่าคุณ

It's sometimes trying to put you out of business,

ทำให้บริษัทคุณเจ๊ง

but at the very minimum

หรืออย่างน้อยที่สุด

is working hard to frustrate your growth

ก็พยายามอย่างหนัก ที่จะขัดขวางไม่ให้คุณเจริญ

and steal your business from you.

และแย่งส่วนแบ่งทางธุรกิจไปจากคุณ

We have no control over these forces.

เราไม่มีอำนาจความคุมสิ่งเหล่านี้

These are a constant,

มันเป็นค่าคงที่

and they're not going away.

ซึ่งจะไม่หายไปไหน

The only variable are the conditions

ตัวแปรเดียวที่เราเปลี่ยนได้

inside the organization,

คือสภาพแวดล้อมในองค์กร

and that's where leadership matters,

และนั่นคือจุดที่ผู้นำมีบทบาทสำคัญมาก

because it's the leader that sets the tone.

เพราะผู้นำคือผู้สร้างบรรยายกาศในองค์กร

When a leader makes the choice

เมื่อผู้นำเลือกให้ความสำคัญ

to put the safety and lives

แก่ความปลอดภัยและชีวิต

of the people inside the organization first,

ของคนในองค์กรเป็นอันดับต้น

to sacrifice their comforts and sacrifice

ยอมสละความสบาย

the tangible results, so that the people remain

และผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้คนอื่น

and feel safe and feel like they belong,

รู้สึกปลอดภัย และเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม

remarkable things happen.

สิ่งที่น่าทึ่งก็เกิดขึ้นได้

I was flying on a trip,

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเดินทางโดยเครื่องบิน

and I was witness to an incident

ผมได้เห็นเหตุการณ์

where a passenger attempted to board

ที่ผู้โดยสารคนหนึ่งพยายามจะขึ้นเครื่อง

before their number was called,

ก่อนที่พนักงานจะเรียกหมายเลขแถวของเขา

and I watched the gate agent

ผมเห็นเจ้าหน้าที่หน้าประตู

treat this man like he had broken the law,

ปฏิบัติต่อเขาราวกับเขาทำผิดกฎหมาย

like a criminal.

เหมือนอาชญากร

He was yelled at for attempting to board

เขาถูกตะคอกที่พยายามขึ้นเครื่อง

one group too soon.

ก่อนถึงคิวของแถวที่เขานั่ง

So I said something.

ผมเลยพูดขึ้นมาว่า

I said, "Why do you have treat us like cattle?

"ทำไมคุณต้องทำเหมือนเราเป็นวัวควาย

Why can't you treat us like human beings?"

คุณปฏิบัติต่อเราเหมือนมนุษย์ ไม่ได้หรือไงครับ"

And this is exactly what she said to me.

และนี่คือคำตอบของเธอ

She said, "Sir, if I don't follow the rules,

เธอบอกว่า "คุณคะ ถ้าฉันไม่ทำตามกฎ

I could get in trouble or lose my job."

ฉันก็จะเจอปัญหา หรือตกงานได้"

All she was telling me

สิ่งที่เธอบอกผมคือ

is that she doesn't feel safe.

เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย

All she was telling me is that

สิ่งที่เธอบอกผมมันแปลว่า

she doesn't trust her leaders.

เธอไม่ไว้วางใจผู้นำของเธอ

The reason we like flying Southwest Airlines

เหตุผลที่เราชอบบินกับ สายการบินเซาธ์เวสต์ แอร์ไลน์ส

is not because they necessarily hire better people.

ไม่ใช่เพราะเขาจ้างคนที่ดีกว่ามาทำงาน

It's because they don't fear their leaders.

แต่เพราะคนเหล่านี้เขาไม่กลัวผู้นำของเขา

You see, if the conditions are wrong,

คุณเห็นไหม ถ้าเงื่อนไขในสภาพแวดล้อมไม่ดี

we are forced to expend our own time and energy

เราก็ถูกบังคับให้ใช้เวลาและพลังงาน

to protect ourselves from each other,

เพื่อปกป้องตัวเราเองจากคนอื่น

and that inherently weakens the organization.

และการทำอย่างนั้นเอง ก็ทำให้องค์กรอ่อนแอลง

When we feel safe inside the organization,

เมื่อเรารู้สึกว่าอยู่ในองค์กรแล้วปลอดภัย

we will naturally combine our talents

เราจะผนวกพรสวรรค์ และจุดแข็งของเรา

and our strengths and work tirelessly

เข้าด้วยกันและทำงาน อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย

to face the dangers outside

เพื่อร่วมกันเผชิญหน้ากับอันตรายภายนอก

and seize the opportunities.

และคว้าโอกาสดีๆ ต่างๆ

The closest analogy I can give

อุปมาที่ใกล้เคียงที่สุด

to what a great leader is, is like being a parent.

ที่นำมาเปรียบกับผู้นำที่ดี ก็คือพ่อแม่

If you think about what being a great parent is,

ถ้าคุณคิดดูว่าพ่อแม่ที่ดีเป็นอย่างไร

what do you want? What makes a great parent?

คุณต้องการอะไร อะไรทำให้คุณเป็นพ่อแม่ที่ดี

We want to give our child opportunities,

เราต้องการให้โอกาสแก่ลูกๆ ของเรา

education, discipline them when necessary,

ให้การศึกษา การอบรมและลงโทษเมื่อจำเป็น

all so that they can grow up and achieve more

ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาเติบโตขึ้น

than we could for ourselves.

และประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเรา

Great leaders want exactly the same thing.

ผู้นำที่ดีก็ต้องการสิ่งเหล่านี้เช่นกัน

They want to provide their people opportunity,

เขาให้โอกาสคนของเขา

education, discipline when necessary,

ให้การศึกษา การอบรมและลงโทษเมื่อจำเป็น

build their self-confidence, give them the opportunity to try and fail,

สร้างให้เขามีความเชื่อมั่นในตนเอง และให้โอกาสเขาได้ทดลองและล้มเหลว

all so that they could achieve more

ทั้งหมดก็เพื่อให้คนของเรา

than we could ever imagine for ourselves.

ประสบความสำเร็จ ยิ่งกว่าที่เราเคยคิดว่าเราทำได้

Charlie Kim, who's the CEO of a company called Next Jump

ชาร์ลี คิม ซีอีโอของบริษัทชื่อเน็กซ์ จัมพ์

in New York City, a tech company,

ในนิวยอร์ค ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี

he makes the point that

กล่าวไว้ว่า

if you had hard times in your family,

ถ้าครอบครัวคุณเกิดปัญหาทางการเงิน

would you ever consider laying off one of your children?

คุณจะคิดไล่ลูกสักคนหนึ่ง ออกจากครอบครัวไหม

We would never do it.

เราไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก

Then why do we consider laying off people

แล้วทำไมเราถึงคิดจะ

inside our organization?

ไล่คนในบริษัทเราออก

Charlie implemented a policy

ชาร์ลีใช้นโยบาย

of lifetime employment.

การจ้างงานตลอดชีวิต

If you get a job at Next Jump,

ถ้าคุณได้งานที่เน็กซ์ จัมพ์

you cannot get fired for performance issues.

คุณจะไม่มีวันถูกไล่ออกด้วยเรื่องผลงาน

In fact, if you have issues,

ที่จริง ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องผลงาน

they will coach you and they will give you support,

เขาจะฝึก สอน และให้การสนับสนุนคุณ

เหมือนกับที่เราทำกับลูกของเรา

just like we would with one of our children

who happens to come home with a C from school.

เมื่อกลับจากโรงเรียนมาพร้อมเกรด C

It's the complete opposite.

นี่ตรงกันข้ามกับบริษัทต่างๆ เลย

This is the reason so many people

เป็นเหตุผลที่คนจำนวนมาก

have such a visceral hatred, anger,

รู้สึกโกรธแค้นฝังใจ

at some of these banking CEOs

ต่อพวกซีอีโอของสถาบันการเงินต่างๆ

with their disproportionate salaries and bonus structures.

ที่มีโครงสร้างได้รายได้และโบนัสไม่สมสัดส่วน

It's not the numbers.

ไม่ใช่เพราะตัวเลขของเงินที่เขาได้

It's that they have violated the very definition of leadership.

แต่เพราะเขาทำผิดต่อ คำนิยามของความเป็นผู้นำ

They have violated this deep-seated social contract.

ซีอีโอพวกนี้ ละเมิดข้อตกลงทางสังคมที่หยั่งรากลึก

We know that they allowed their people

เราเห็นว่าเขายอมให้คนของเขาถูกสังเวย

to be sacrificed so they could protect their own interests,

เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเขาเอง

or worse, they sacrificed their people

หรือที่แย่กว่านั้น เขาเองนั่นแหละ ที่สังเวยคนของตัวเอง

to protect their own interests.

เพื่อปกป้องผลประโยชน์ส่วนตน

This is what so offends us, not the numbers.

นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราโกรธแค้น ไม่ใช่จำนวนเงินที่เขาได้รับ

Would anybody be offended if we gave

จะมีใครไม่พอใจไหม

a $150 million bonus to Gandhi?

ถ้าเรามอบเงินโบนัสให้คานธี 150 ล้านดอลลาร์

How about a $250 million bonus to Mother Teresa?

หรือ 250 ล้านดอลลาร์แก่แม่ชีเทเรซา

Do we have an issue with that? None at all.

เราจะมีปัญหาไหม ไม่เลย

None at all.

ไม่เลยสักนิด

Great leaders would never sacrifice

ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จะไม่มีวันสังเวย

the people to save the numbers.

คนของตัวเองเพื่อปกป้องตัวเลขการเงิน

They would sooner sacrifice the numbers

เขาจะยอมเสียสละตัวเลขการเงิน

to save the people.

เพื่อรักษาคนของเขาเอาไว้

Bob Chapman, who runs

บ๊อบ แชพแมน

เจ้าของบริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ในแถบมิดเวสต์ของอเมริกา

a large manufacturing company in the Midwest

called Barry-Wehmiller,

ชื่อบริษัทแบรี่ เวห์มิลเลอร์

in 2008 was hit very hard by the recession,

ในปี ค.ศ. 2008 บริษัทของเขาถูกกระทบ อย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย

and they lost 30 percent of their orders overnight.

คำสั่งซื้อลดลง 30 เปอร์เซ็นด์ในชั่วข้ามคืน

Now in a large manufacturing company,

สำหรับบริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่

this is a big deal,

นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก

and they could no longer afford their labor pool.

บริษัทไม่มีเงินจ่ายค่าจ้างให้พนักงานทั้งหมด

They needed to save 10 million dollars,

เขาต้องประหยัดเงินให้ได้ 10 ล้านดอลลาร์

so, like so many companies today,

เช่นเดียวกับบริษัททั่วไปในปัจจุบัน

the board got together and discussed layoffs.

บอร์ดบริหารมาคุยกันเรื่องการเลิกจ้าง

And Bob refused.

บ๊อบปฏิเสธ

You see, Bob doesn't believe in head counts.

คุณเห็นไหม บ๊อบไม่เชื่อ เรื่องการนับ "หัว" พนักงาน

Bob believes in heart counts,

เขาเชื่อในการนับ "หัวใจ"

and it's much more difficult to simply reduce

และมันก็ยากที่อยู่ดีๆ จะไปตัดลด

the heart count.

จำนวนหัวใจลง

And so they came up with a furlough program.

เขาเลยคิดโครงการพักงานขึ้นมา

Every employee, from secretary to CEO,

พนักงานทุกคน ตั้งแต่เลขาถึงซีอีโอ

was required to take four weeks of unpaid vacation.

ต้องลาพักร้อนโดยไม่รับเงินเดือน เป็นเวลารวมสี่สัปดาห์

They could take it any time they wanted,

แต่ละคนจะเลือกลาเมื่อไหร่ก็ได้

and they did not have to take it consecutively.

ไม่จำเป็นต้องลาติดต่อกัน

แต่วิธีการอธิบายของบ๊อบ เมื่อเขาประกาศใช้โครงการนี้

But it was how Bob announced the program

that mattered so much.

มีความหมายสูงมาก

He said, it's better that we should all suffer a little

เขาพูดว่า เราทุกคนลำบากกันคนละนิด

than any of us should have to suffer a lot,

ดีกว่าให้ใครบางคน ต้องลำบากแสนสาหัสอยู่คนเดียว

and morale went up.

ขวัญกำลังใจของพนักงานเพิ่มขึ้น

They saved 20 million dollars,

บริษัทประหยัดเงินได้ 20 ล้านดอลลาร์

and most importantly, as would be expected,

ที่สำคัญที่สุด ซึ่งเราคงคาดเดาได้

when the people feel safe and protected by the leadership in the organization,

เมื่อคนรู้สึกปลอดภัยและได้รับการปกป้อง โดยผู้นำและองค์การ

the natural reaction is to trust and cooperate.

ปฏิกิริยาธรรมชาติที่ตามมาคือ การไว้วางใจและร่วมมือ

And quite spontaneously, nobody expected,

แล้วสิ่งที่เกิดตามมาโดยไม่มีใครคาดคิด

people started trading with each other.

คือผู้คนเริ่มแลกวันลากันเอง

Those who could afford it more

ใครที่ไม่เดือดร้อนมาก

would trade with those who could afford it less.

ก็จะแลกวันลากับคนที่เดือดร้อนมากกว่า

People would take five weeks

โดยยอมลาห้าสัปดาห์

so that somebody else only had to take three.

เพื่อให้บางคนลาแค่สามสัปดาห์

Leadership is a choice. It is not a rank.

การเป็นผู้นำคือทางเลือก ไม่ใช่ตำแหน่ง

I know many people at the seniormost

ผมรู้จักคนหลายคนที่อยู่ในตำแหน่ง

levels of organizations

สูงสุดในองค์การ

who are absolutely not leaders.

แต่ไม่ได้มีความเป็นผู้นำเลย

They are authorities, and we do what they say

เขาเป็นผู้มีอำนาจ และเราต้องทำตามคำสั่งเขา

because they have authority over us,

เพราะเขามีอำนาจเหนือเรา

but we would not follow them.

แต่เราไม่อยากเดินตามเขา

And I know many people

และผมก็รู้จักคนอีกหลายคน

who are at the bottoms of organizations

ที่มีตำแหน่งล่างๆ ในองค์กร

who have no authority

ซึ่งไม่มีอำนาจ

and they are absolutely leaders,

แต่มีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง

and this is because they have chosen to look after

เพราะว่าเขาเลือกที่จะดูแล

the person to the left of them,

คนที่อยู่ทางซ้ายของเขา

and they have chosen to look after

และเลือกที่จะดูแล

the person to the right of them.

คนที่อยู่ทางขวาของเขา

This is what a leader is.

นั่นแหละคือผู้นำ

I heard a story

ผมเคยได้ยินเรื่องเล่า

of some Marines

เกี่ยวกับทหารเรือกลุ่มหนึ่ง

who were out in theater,

ที่จะออกไปทำสงคราม

and as is the Marine custom,

และตามธรรมเนียมทหารเรือ

the officer ate last,

หัวหน้าจะกินอาหารทีหลัง

and he let his men eat first,

ให้ผู้ใต้บังคับบัญชากินก่อน

and when they were done,

เมื่อทุกคนกินเสร็จ

there was no food left for him.

ปรากฏว่าไม่มีอาหารเหลือแล้ว

And when they went back out in the field,

เมื่อพวกเขากลับออกไปรบในสนามรบ

his men brought him some of their food

ผู้ใต้บังคับบัญชาพากันเอาอาหารของตัวเอง

so that he may eat,

มาให้หัวหน้ากิน

because that's what happens.

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

We call them leaders because they go first.

เราเรียกเขาว่าผู้นำ เพราะเขานำไปก่อนเป็นคนแรก

We call them leaders because they take the risk

เราเรียกเขาว่าผู้นำ เพราะเขายอมรับความเสี่ยง

before anybody else does.

ก่อนใครอื่นทั้งหมด

We call them leaders because they will choose

เราเรียกเขาว่าผู้นำ เพราะเขาจะเลือก

to sacrifice so that their people

เสียสละ เพื่อให้คนของเขา

may be safe and protected

ปลอดภัย ได้รับการปกป้อง

and so their people may gain,

และได้ประโยชน์

and when we do, the natural response

เมื่อผู้นำทำสิ่งเหล่านี้ การตอบสนองตามธรรมชาติ

is that our people will sacrifice for us.

ก็คือ คนของเราก็จะยอมเสียสละเพื่อเรา

They will give us their blood and sweat and tears

พวกเขาจะยอมทำงานด้วยเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา

to see that their leader's vision comes to life,

เพื่อให้ได้เห็นวิสัยทัศน์ของผู้นำเป็นจริงขึ้นมา

and when we ask them, "Why would you do that?

และเมื่อเราถามว่า "คุณทำไปทำไม

Why would you give your blood and sweat and tears

ทำไมคุณจึงทุ่มเทเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตา

for that person?" they all say the same thing:

เพื่อคนคนนั้น" พวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า

"Because they would have done it for me."

"เพราะถ้าเป็นเขา เขาก็จะทำอย่างนั้นเพื่อฉันเหมือนกัน"

And isn't that the organization

และนั่นคือองค์กร

we would all like to work in?

แบบที่เราทุกคนอยากทำงานด้วย ไม่ใช่หรือครับ

Thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

Thank you. (Applause)

ขอบคุณ (เสียงปรบมือ)

Thank you. (Applause)

ขอบคุณ (เสียงปรบมือ)