4 reasons to learn a new language | John McWhorter

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Vera Chicharito

The language I'm speaking right now

ภาษาที่ผมกำลังพูดอยู่ในตอนนี้

is on its way to becoming the world's universal language,

กำลังจะกลายเป็นภาษาสากลของโลก

for better or for worse.

ไม่ว่าจะดีร้ายอย่างไร

Let's face it,

เชื่อเถอะครับ

it's the language of the internet,

มันเป็นภาษาของอินเทอร์เน็ต

it's the language of finance,

มันเป็นภาษาของการเงิน

it's the language of air traffic control,

มันเป็นภาษาของการควบคุมการบิน

of popular music,

และเพลงป๊อป

diplomacy --

การทูต

English is everywhere.

ภาษาอังกฤษมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

Now, Mandarin Chinese is spoken by more people,

ทีนี้ ภาษาจีนกลางก็ถูกใช้ โดยคนจำนวนมาก

but more Chinese people are learning English

แต่คนจีนก็หันมาเรียนภาษาอังกฤษกันมากขึ้น

than English speakers are learning Chinese.

มากกว่าที่คนที่พูดภาษาอังกฤษ ไปเรียนภาษาจีนเสียอีก

Last I heard,

ล่าสุด

there are two dozen universities in China right now

มีมหาวิทยาลัยกว่ายี่สิบแห่งในจีนตอนนี้

teaching all in English.

ที่สอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

English is taking over.

ภาษาอังกฤษกำลังเข้าครอบครอง

And in addition to that,

และนอกจากนั้น

it's been predicted that at the end of the century

มันยังถูกคาดว่าภายในปลายศตวรรษนี้

almost all of the languages that exist now --

ภาษาเกือบทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนี้

there are about 6,000 --

ซึ่งมีอยู่ราว 6,000 ภาษา

will no longer be spoken.

จะไม่ถูกใช้กันอีก

There will only be some hundreds left.

มันจะเหลือภาษาอยู่แค่ไม่กี่ร้อยภาษา

And on top of that,

และนอกจากนั้น

it's at the point where instant translation of live speech

ณ จุดที่การแปลสดในการสนทนา

is not only possible, but it gets better every year.

ไม่เพียงแต่เป็นไปได้ แต่ยังพัฒนาดีขึ้นทุก ๆ ปี

The reason I'm reciting those things to you

เหตุผลที่ผมอ้างสิ่งเหล่านี้ให้ฟัง

is because I can tell that we're getting to the point

ก็เพราะว่าผมสามารถบอกได้ว่า เรากำลังไปถึงจุดที่

where a question is going to start being asked,

จะเกิดคำถามที่ว่า

which is: Why should we learn foreign languages --

ทำไมเราควรเรียนภาษาต่างชาติ

other than if English happens to be foreign to one?

ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ในเมื่อภาษาอื่น ๆ ก็จะเป็นแค่ภาษาต่างชาติ

Why bother to learn another one when it's getting to the point

ทำไมยังต้องเรียนภาษาอื่น ๆ อีก เมื่อมันไปถึงจุดที่

where almost everybody in the world will be able to communicate in one?

เกือบทุกคนในโลกจะสามารถสื่อสาร เป็นภาษาอังกฤษได้

I think there are a lot of reasons,

ผมคิดว่ามันก็เป็นเหตุเป็นผลดี

but I first want to address

แต่ก่อนอื่น ผมอยากจะบอกว่า

the one that you're probably most likely to have heard of,

สิ่งหนึ่งที่คุณน่าจะเคยได้ยิน

because actually it's more dangerous than you might think.

เพราะว่าอันที่จริง มันอันตรายกว่าที่คุณอาจคาดเอาไว้

And that is the idea

และนั่นก็คือแนวคิดที่ว่า

that a language channels your thoughts,

ภาษาเป็นช่องความคิดของคุณ

that the vocabulary and the grammar of different languages

คำศัพท์และไวยากรณ์ของภาษาต่าง ๆ

gives everybody a different kind of acid trip,

ให้สารพัดประสบการณ์อันขมขื่น กับทุก ๆ คน

so to speak.

อะไรแบบนั้น

That is a marvelously enticing idea,

มันเป็นแนวคิดที่น่าหลงใหลจริง ๆ ครับ

but it's kind of fraught.

แต่มันก็อันตรายด้วย

So it's not that it's untrue completely.

ฉะนั้น ไม่ใช่ว่ามันจะไม่จริงเลยเสียทีเดียว

So for example, in French and Spanish

ยกตัวอย่างเช่น ในภาษาฝรั่งเศสและสเปน

the word for table is, for some reason, marked as feminine.

ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใด คำว่าโต๊ะ เป็นคำเพศหญิง

So, "la table," "la mesa," you just have to deal with it.

ฉะนั้น "ลา ตาเบลอ" "ลา เมซา" คุณก็ต้องจำไปแบบนั้นแหละ

It has been shown

มันได้ถูกแสดงให้เห็นว่า

that if you are a speaker of one of those languages

ถ้าคุณเป็นผู้ที่ใช้หนึ่งในสองภาษานี้

and you happen to be asked

และถูกถามว่า

how you would imagine a table talking,

ถ้าโต๊ะพูดได้ คุณจะจินตนาการว่าเป็นอย่างไร

then much more often than could possibly be an accident,

บ่อยครั้งเกินกว่าที่มันจะเป็นความบังเอิญ

a French or a Spanish speaker

ผู้ที่พูดภาษาฝรั่งเศสหรือสเปน

says that the table would talk with a high and feminine voice.

จะบอกว่าโต๊ะมีเสียงแบบผู้หญิงเสียงสูง

So if you're French or Spanish, to you, a table is kind of a girl,

ฉะนั้น ถ้าคุณเป็นคนฝรั่งเศสหรือสเปน สำหรับคุณแล้ว โต๊ะเป็นผู้หญิง

as opposed to if you are an English speaker.

ซึ่งมันแตกต่างกัน ถ้าคุณเป็นผู้พูดภาษาอังกฤษ

It's hard not to love data like that,

มันยากที่จะไม่ชอบข้อมูลแบบนี้

and many people will tell you that that means

และคนมากมายก็จะบอกคุณว่า นั่นหมายความว่า

that there's a worldview that you have if you speak one of those languages.

คุณจะมีมุมมองต่อโลกในแบบหนึ่ง ถ้าคุณพูดภาษาใดภาษาหนึ่งเหล่านั้น

But you have to watch out,

แต่คุณต้องระวังนะครับ

because imagine if somebody put us under the microscope,

เพราะว่าลองนึกดูว่าถ้าใครสักคน นำเราไปส่องกล้องจุลทรรศน์

the us being those of us who speak English natively.

ชาวอเมริกันอย่างพวกเรา ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่

What is the worldview from English?

อะไรกันที่เป็นมุมมองต่อโลก ที่เราได้จากภาษาอังกฤษ

So for example, let's take an English speaker.

ยกตัวอย่างเช่น ลองนำผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษ

Up on the screen, that is Bono.

เอามาขึ้นจอ นี่คือ โบโน

He speaks English.

เขาพูดภาษาอังกฤษครับ

I presume he has a worldview.

ผมคาดว่าเขามีมุมมองต่อโลก

Now, that is Donald Trump.

ทีนี้ นี่คือ โดนัล ทรัมพ์

In his way,

ในแบบที่เป็นเขา

he speaks English as well.

เขาก็พูดภาษาอังกฤษเหมือนกันนะครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And here is Ms. Kardashian,

และนี่คือ คุณ คาดาเชียน

and she is an English speaker, too.

และเธอก็พูดภาษาอังกฤษเหมือนกัน

So here are three speakers of the English language.

ฉะนั้น นี่คือผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งสาม

What worldview do those three people have in common?

ทั้งสามมีมุมมองต่อโลกอะไรที่เหมือนกันครับ

What worldview is shaped through the English language that unites them?

มุมมองต่อโลกที่ถูกก่อให้เกิดขึ้น จากภาษาอังกฤษ ที่ทำให้พวกเขาเหมือนกัน

It's a highly fraught concept.

มันเป็นแนวคิดที่เต็มไปด้วยอันตราย

And so gradual consensus is becoming that language can shape thought,

และมันก็เป็นที่เห็นพ้องต้องกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าภาษาสามารถขัดเกลาความคิดของเราได้

but it tends to be in rather darling, obscure psychological flutters.

แต่มันน่าจะเป็นการสะพัดทางความคิดมากกว่า

It's not a matter of giving you a different pair of glasses on the world.

มันไม่ใช่เรื่องของการมอบแว่นตาคู่ใหม่ ที่คุณใช้มองโลกใบนี้

Now, if that's the case,

เอาล่ะครับ ถ้ามันเป็นอย่างนั้น

then why learn languages?

แล้วทำไมเราต้องเรียนภาษาด้วย

If it isn't going to change the way you think,

ถ้ามันไม่ได้เปลี่ยนวิธีการคิดของคุณ

what would the other reasons be?

แล้วเหตุผลอื่นคืออะไร

There are some.

ก็มีครับ

One of them is that if you want to imbibe a culture,

หนึ่งในนั้นก็คือ ถ้าคุณอยากจะดูดซับวัฒนธรรม

if you want to drink it in, if you want to become part of it,

ถ้าคุณอยากจะดื่มด่ำมัน ถ้าคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของมัน

then whether or not the language channels the culture --

แล้วภาษาจะเป็นช่องทางของวัฒนธรรมหรือเปล่า

and that seems doubtful --

และนั่นมันก็น่าสงสัยอยู่

if you want to imbibe the culture,

ถ้าคุณอยากจะดื่มด่ำวัฒนธรรม

you have to control to some degree

คุณจะต้องศึกษาภาษาถึงระดับหนึ่ง

the language that the culture happens to be conducted in.

ที่วัฒนธรรมมีบทบาทอยู่ในนั้น

There's no other way.

มันไม่มีทางอื่นครับ

There's an interesting illustration of this.

มันมีตัวอย่างที่น่าสนใจสำหรับสิ่งนี้

I have to go slightly obscure, but really you should seek it out.

ผมอาจจะต้องพูดคลุมเครือสักหน่อย แต่ผมว่าคุณเดาออกแหละ

There's a movie by the Canadian film director Denys Arcand --

มีภาพยนต์โดยผู้กำกับชาวแคนาดา เดนีส์ อาร์คอง (Denys Arcand)

read out in English on the page, "Dennis Ar-cand,"

สะกดแบบภาษาอังกฤษได้ว่า "เดนนิส อาร์แคนด์"

if you want to look him up.

ถ้าคุณอยากลองไปหาดูนะครับ

He did a film called "Jesus of Montreal."

เขาสร้างภาพยนต์เรื่อง "จีซัส แห่ง มอลทรีล"

And many of the characters

และตัวละครหลายตัว

are vibrant, funny, passionate, interesting French-Canadian,

ก็เป็นชาวแคนาดาที่พูดภาษาฝรั่งเศส ที่มีชีวิตชีวา ตลก ลึกซึ้ง

French-speaking women.

เป็นหญิงที่พูดภาษาฝรั่งเศส

There's one scene closest to the end,

มีฉากหนึ่งตอนใกล้ ๆ จบ

where they have to take a friend to an Anglophone hospital.

ที่พวกเขาต้องพาเพื่อน ไปยังโรงพยาบาลแองโกลโฟน

In the hospital, they have to speak English.

ในโรงพยาบาล พวกเขาต้องพูดภาษาอังกฤษ

Now, they speak English but it's not their native language,

ทีนี้ พวกเขาพูดภาษาอังกฤษ แต่มันไม่ใช่ภาษาแม่ของพวกเขา

they'd rather not speak English.

พวกเขาแทบจะไม่พูดภาษาอังกฤษ

And they speak it more slowly,

และพวกเขาพูดมันอย่างช้า ๆ

they have accents, they're not idiomatic.

พวกเขามีสำเนียง พวกเขาใช้ภาษา อย่างไม่เป็นธรรมชาติ

Suddenly these characters that you've fallen in love with

ทันใดนั้นเอง ตัวละครเหล่านี้ ที่คุณตกหลุมรัก

become husks of themselves, they're shadows of themselves.

ก็กลายเป็นเปลือกของตัวเอง พวกเขาเป็นเงาของตัวเอง

To go into a culture

การที่จะเข้าถึงวัฒนธรรม

and to only ever process people through that kind of skrim curtain

และเพียงแค่จะประเมินคน ผ่านม่านการวิเคราะห์จำแนกแบบนี้

is to never truly get the culture.

ไม่สามารถเข้าถึงวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง

And so to the extent that hundreds of languages will be left,

และด้วยเหตุที่ว่าภาษาหลายร้อย จะถูกละทิ้ง

one reason to learn them

เหตุผลหนึ่งในการเรียนพวกมัน

is because they are tickets to being able to participate

ก็เพราะว่า พวกมันจะเป็นใบเบิกทาง ที่จะทำให้เราสามารถเข้าร่วม

in the culture of the people who speak them,

กับวัฒนธรรม ของคนที่พูดภาษานั้นได้

just by virtue of the fact that it is their code.

ด้วยความงามของข้อเท็จจริง ที่แฝงอยู่ในรหัสของมัน

So that's one reason.

ฉะนั้น นั่นเป็นเหตุผลหนึ่ง

Second reason:

เหตุผลที่สอง

it's been shown

มันแสดงให้เห็นว่า

that if you speak two languages, dementia is less likely to set in,

ถ้าคุณพูดสองภาษา จะเป็นโรคสมองเสื่อมได้น้อยกว่า

and that you are probably a better multitasker.

และคุณน่าจะทำงานหลาย ๆ อย่าง พร้อมกันได้ดีกว่า

And these are factors that set in early,

และนี่ก็เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นแต่เนิ่น ๆ

and so that ought to give you some sense

ฉะนั้น นั่นให้แนวคิดบางอย่างกับคุณ

of when to give junior or juniorette lessons in another language.

ว่าเมื่อไรที่ควรให้เจ้าตัวน้อยทั้งชายหญิง เรียนภาษาต่างชาติ

Bilingualism is healthy.

การรู้สองภาษาเป็นสิ่งที่ดี

And then, third --

และจากนั้น เหตุผลที่สาม

languages are just an awful lot of fun.

ภาษามันแสนจะสนุกครับ

Much more fun than we're often told.

มันสนุกเกินกว่าที่เราเคยได้ฟังมา

So for example, Arabic: "kataba," he wrote,

ยกตัวอย่างเช่น ในภาษาอาราบิก "คาทาบา" แปลว่า เขาผู้ชายเขียนแล้ว

"yaktubu," he writes, she writes.

"ยัคทูบู" เขาผู้ชายเขียน เขาผู้หญิงเขียน

"Uktub," write, in the imperative.

"อุคทูบ" แปลว่าเขียน ในลักษณะของคำสั่ง

What do those things have in common?

สิ่งเหล่านี้มีอะไรเหมือนกันน่ะหรือ

All those things have in common

ทั้งหมดนั้นมีสิ่งที่เหมือนกันก็คือ

the consonants sitting in the middle like pillars.

ตัวพยัญชนะที่อยู่ตรงกลาง เหมือนกับเสา

They stay still,

พวกมันอยู่นิ่ง ๆ

and the vowels dance around the consonants.

และสระที่เต้นไปรอบ ๆ พยัญชนะ

Who wouldn't want to roll that around in their mouths?

ใครจะไม่อยากพูดกันจนลิ้นพันกันล่ะ

You can get that from Hebrew,

มันเป็นแบบนั้นเช่นกันในภาษาฮีบรู

you can get that from Ethiopia's main language, Amharic.

คุณจะพบมันในภาษาหลักของเอธิโอเปีย อย่าง อัมฮาริก

That's fun.

มันสนุกดีครับ

Or languages have different word orders.

หรือภาษามีลำดับคำที่ต่างกัน

Learning how to speak with different word order

การเรียนว่าจะพูดอย่างไร ด้วยลำดับคำที่ต่างกัน

is like driving on the different side of a street if you go to certain country,

เหมือนกับการขับรถบนถนนคนละข้างของถนน ถ้าคุณไปยังบางประเทศ

or the feeling that you get when you put Witch Hazel around your eyes

หรือความรู้สึกตอนที่คุณเอา "วิทซ์ฮาเซล" มาทารอบดวงตา

and you feel the tingle.

แล้วรู้สึกเสียวแปลบ

A language can do that to you.

ภาษาสามารถทำอย่างนั้นกับคุณได้

So for example,

ตัวอย่างเช่น

"The Cat in the Hat Comes Back,"

"เดอะ แคท อิน เดอะ แฮท คัมส์ แบค"

a book that I'm sure we all often return to,

หนังสือที่ผมคิดว่าทุกคนมักกลับไปอ่าน

like "Moby Dick."

อย่าง "โมบี ดิ๊ค"

One phrase in it is, "Do you know where I found him?

ท่อนหนึ่งในนั้นคือ "คุณรู้ไหมว่าผมจะพบเขาได้ที่ไหน

Do you know where he was? He was eating cake in the tub,

คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ที่ไหน เขากำลังกินเค้กอยู่ในอ่าง

Yes he was!"

ใช่ เขาอยู่นั่นแหละ"

Fine. Now, if you learn that in Mandarin Chinese,

เอาล่ะ ทีนี้ ถ้าคุณเรียนภาษาจีนกลาง

then you have to master,

คุณจะเข้าใจถ้ามันเขียนว่า

"You can know, I did where him find?

"คุณสามารถรู้ ผมรู้นะว่าที่ไหนที่จะพบเขาได้

He was tub inside gorging cake,

เขาอยู่อ่างข้างใน ยัดเค้กเข้าปาก

No mistake gorging chewing!"

ไม่ผิดแน่ กำลังยัดกำลังเคี้ยว"

That just feels good.

นั่นมันทำให้รู้สึกดีจริงไหมครับ

Imagine being able to do that for years and years at a time.

ลองนึกดูว่าได้ทำอะไรอย่างนั้น หลายปีติดต่อกันสิครับ

Or, have you ever learned any Cambodian?

หรือว่าคุณเคยเรียนภาษาเขมรไหมครับ

Me either, but if I did,

ผมก็ไม่เคยครับ แต่ถ้าผมเคยล่ะก็

I would get to roll around in my mouth not some baker's dozen of vowels

ผมคงออกเสียงสระได้ไม่ใช่เพียงแค่สิบกว่าตัว

like English has,

แบบในภาษาอังกฤษ

but a good 30 different vowels

แต่มีสระมากมายถึง 30 ตัว

scooching and oozing around in the Cambodian mouth

ขยับและเคลื่อนไปในปากของชาวเขมร

like bees in a hive.

เหมือนกับผึ้งในรัง

That is what a language can get you.

นั่นเป็นสิ่งที่ภาษาให้กับคุณได้

And more to the point,

และมากไปกว่านั้น

we live in an era when it's never been easier to teach yourself another language.

คุณอยู่ในยุคที่การเรียนภาษาด้วยตัวเอง ไม่เคยจะง่ายดายเท่านี้มาก่อน

It used to be that you had to go to a classroom,

มันเคยเป็นแบบที่ว่า คุณต้องไปห้องเรียน

and there would be some diligent teacher --

และที่นั่นก็จะมีคุณครูแสนขยัน

some genius teacher in there --

ครูอัจฉริยะ

but that person was only in there at certain times

แต่คนคนนั้นก็จะอยู่ที่นั่นเป็นบางเวลา

and you had to go then,

และคุณต้องไปหาเขาตามเวลา

and then was not most times.

และเวลาที่จะไปหาเขาก็ไม่ใช่เวลาส่วนใหญ่

You had to go to class.

คุณต้องไปที่ห้องเรียน

If you didn't have that, you had something called a record.

ถ้าคุณไม่ไปเรียนในชั้นเรียน คุณจะมีสิ่งที่เรียกว่าบันทึก

I cut my teeth on those.

มันทำเอาผมสะบักสะบอมเลยครับ

There was only so much data on a record,

มันมีข้อมูลมากมายในบันทึก

or a cassette,

หรือในเทปคัสเซต

or even that antique object known as a CD.

หรือแม้แต่ในวัตถุโบราณที่เรียกกันว่า ซีดี

Other than that you had books that didn't work,

นอกจากนั้น คุณก็มีหนังสือ ที่อ่านแล้วไม่ได้ให้ผล

that's just the way it was.

มันเคยเป็นแบบนั้น

Today you can lay down --

แต่ว่าปัจจุบันนั้น คุณสามารถนอนหงาย

lie on your living room floor,

บนพื้นห้องนั่งเล่นของคุณ

sipping bourbon,

จิบเบอร์เบิน

and teach yourself any language that you want to

และเรียนภาษาใด ๆ ก็ได้ที่ต้องการด้วยตัวเอง

with wonderful sets such as Rosetta Stone.

ด้วยชุดสอนภาษาโรเซตตา สโตน

I highly recommend the lesser known Glossika as well.

ผมแนะนำ กลอสซิกา ที่คนไม่ค่อยรู้จัก ด้วยเช่นกันครับ

You can do it any time,

คุณสามารถจะเรียนตอนไหนก็ได้

therefore you can do it more and better.

ฉะนั้น คุณสามารถจะฝึกฝนได้มากขึ้นและดีขึ้น

You can give yourself your morning pleasures in various languages.

คุณสามารถใช้เวลาสบาย ๆ ในตอนเช้า ไปกับภาษาต่าง ๆ

I take some "Dilbert" in various languages every single morning;

ผมจะอ่าน "ดิลเบิร์ต" ในภาษาต่าง ๆ ทุก ๆ เช้า

it can increase your skills.

มันจะทำให้คุณมีทักษะเพิ่มขึ้น

Couldn't have done it 20 years ago

คุณไม่สามารถทำแบบนี้ได้เมื่อ 20 ปีก่อน

when the idea of having any language you wanted

ซึ่งในตอนนั้น แนวคิดที่ว่า การมีภาษาใดก็ตามที่คุณต้องการ

in your pocket,

อยู่ใกล้ไม้ใกล้มือได้

coming from your phone,

ปรากฏอยู่บนโทรศัพท์มือถือ

would have sounded like science fiction to very sophisticated people.

แนวคิดนี้คงฟังดูเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ สำหรับคนเจนโลก

So I highly recommend

ฉะนั้น ผมขอส่งเสริมว่า

that you teach yourself languages other than the one that I'm speaking,

คุณควรที่จะเรียนภาษาอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาษาที่ผมกำลังพูดอยู่นี้

because there's never been a better time to do it.

เพราะว่ามันไม่มีตอนไหน ที่เหมาะกว่าตอนนี้อีกแล้ว

It's an awful lot of fun.

มันสนุกมากเลยครับ

It won't change your mind,

มันไม่ได้จะเปลี่ยนความคิดของคุณ

but it will most certainly blow your mind.

แต่มันจะเปิดโลกใหม่ให้กับคุณ

Thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)