My escape from North Korea | Hyeonseo Lee | TED

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Unnawut Leepaisalsuwanna Reviewer: Sitthichok Khunthaveelab

ตอนที่ฉันเป็นเด็ก

When I was little, I thought my country was the best on the planet.

ฉันคิดว่าประเทศของฉันประเสริฐที่สุดในโลก

And I grew up singing a song called "Nothing To Envy."

ฉันโตมากับการร้องเพลงที่ชื่อว่า "ไม่มีอะไรต้องอิจฉา"

และฉันก็ภูมิใจมากเลยทีเดียว

And I was very proud.

In school, we spent a lot of time studying the history of Kim Il-Sung,

เราใช้เวลาจำนวนมากที่โรงเรียน

ไปกับการศึกษาประวัติของ คิม อิล-ซ็อง (Kim Il-Sung)

but we never learned much about the outside world,

แต่เราไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย

นอกจากว่า อเมริกา เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นศัตรูกับเรา

except that America, South Korea, Japan are the enemies.

ถึงแม้ฉันจะอยากรู้เรื่องโลกภายนอกบ้างเป็นครั้งคราว

Although I often wondered about the outside world,

ฉันคิดตลอดว่า ฉันจะใช้เวลาทั้งชีวิตในเกาหลีเหนือนี้

I thought I would spend my entire life in North Korea,

until everything suddenly changed.

จนกระทั่งวันหนึ่ง

When I was seven years old, I saw my first public execution.

ตอนอายุ 7 ขวบ ฉันเห็นการประหารชีวิต ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก

But I thought my life in North Korea was normal.

แต่ฉันก็คิดว่านั่นคงเป็นเรื่องปกติของชีวิต

ครอบครัวของฉันไม่ได้ยากจน

My family was not poor,

and myself, I had never experienced hunger.

และตัวฉันก็ไม่เคยต้องหิวโหยมาก่อน

But one day, in 1995, my mom brought home a letter

จนกระทั่งวันหนึ่ง ในปี 1995 แม่ฉันได้จดหมาย

from a coworker's sister.

จากน้องสาวของเพื่อนร่วมงานของแม่

It read, "When you read this,

ซึ่งเขียนไว้ว่า "ในขณะที่เธออ่านจดหมายฉบับนี้

our five family members will not exist in this world,

ครอบครัวของเราทั้ง 5 คงตายไปแล้ว

เพราะเราไม่ได้กินอะไรมา 2 อาทิตย์แล้ว

because we haven't eaten for the past three weeks.

We are lying on the floor together,

เรานอนกองอยู่บนพื้นด้วยกัน

and our bodies are so weak, we are waiting to die."

ร่างกายของเราอ่อนล้ามาก ประหนึ่งรอเวลาตาย

I was so shocked.

ฉันตกใจมาก

This was the first time I heard that people in my country were suffering.

นี่คือครั้งแรกที่ฉันได้ยิน

ว่าผู้คนในประเทศของฉันกำลังทุกข์ทรมาน

ไม่นานนัก ฉันเดินผ่านสถานีรถไฟแห่งหนึ่ง

Soon after, when I was walking past a train station,

I saw something terrible that to this day I can't erase from my memory.

ฉันพบอะไรที่น่าหดหู่มาก

เกินกว่าที่จบลบมันออกไปจากความทรงจำ

A lifeless woman was lying on the ground,

ร่างไร้วิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง กองอยู่บนพื้น

while an emaciated child in her arms

มีเด็กที่ซูบผอมอยู่ในอ้อมอกของเธอ

just stared helplessly at his mother's face.

จ้องหน้าร่างของคุณแม่อย่างไร้ที่พึ่ง

But nobody helped them,

แต่ไม่มีใครช่วยเด็กคนนั้น เพราะทุกคนต่างจดจ้อง

because they were so focused on taking care of themselves and their families.

กับการหาเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวของพวกเขา

A huge famine hit North Korea in the mid-1990s.

ภาวะภัยแล้งโถมเข้าเกาหลีเหนือในช่วงกลางค.ศ. 1990

Ultimately, more than a million North Koreans died during the famine,

ชาวเกาหลีเหนือกว่า 1 ล้านคน

เสียชีวิตลงจากภัยแล้ง ในขณะที่ผู้คนมากมายรอดตาย

and many only survived by eating grass, bugs and tree bark.

ด้วยการกินหญ้า กินแมลง และเปลือกไม้

Power outages also became more and more frequent,

ไฟฟ้าดับบ่อยขึ้นทุกวัน ๆ

so everything around me was completely dark at night,

ทุกอย่างจะมืดสนิทในเวลากลางคืน

except for the sea of lights in China,

ยกเว้นแสงไฟสว่างจ้าที่มาจากฝั่งประเทศจีน

just across the river from my home.

ที่อยู่เพียงแค่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ

I always wondered why they had lights, but we didn't.

ฉันคิดเสมอว่าทำไมพวกเขามีไฟ แต่เราไม่มี

นี่คือภาพถ่ายดาวเทียมของเกาหลีเหนือในเวลากลางคืน

This is a satellite picture showing North Korea at night,

compared to neighbors.

เปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน

This is the Amnok River,

นี่คือแม่น้ำอัมร็อก (Amrok River)

which serves as a part of the border between North Korea and China.

ชายแดนระหว่าง

เกาหลีเหนือและจีน

As you can see, the river can be very narrow at certain points,

ดังที่คุณเห็น แม่น้ำตื้นและแคบมากในบางจุด

กลายเป็นทางหลบหนีให้ชาวเกาหลีเหนือหลาย ๆ คน

allowing North Koreans to secretly cross.

But many die.

แต่หลายคนก็ตายที่นี่

Sometimes, I saw dead bodies floating down the river.

บางครั้งฉันจะเห็นศพคนลอยไปตามแม่น้ำ

I can't reveal many details about how I left North Korea,

ฉันบอกคุณมากไม่ได้ว่าฉันหลบหนีออกมาได้อย่างไร

but I only can say that during the ugly years of the famine,

ฉันบอกได้แค่ว่า ในช่วงภาวะขาดแคลนอย่างหนักนั้น

I was sent to China to live with distant relatives.

ฉันถูกส่งไปที่จีน เพื่ออยู่อาศัยกับญาติที่ห่างไกลของฉัน

But I only thought that I would be separated from my family

ตอนนั้นฉันคิดว่า

ฉันคงพรากจากครอบครัวของฉันไม่นาน

for a short time.

I could have never imagined

ฉันไม่เคยคิดเลย

that it would take 14 years to live together.

ว่าจะต้องใช้เวลากว่า 14 ปี ก่อนที่เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

ในเมืองจีน การอยู่แบบเด็กหญิงที่ไม่มีครอบครัวนั้นลำบากมาก

In China, it was hard living as a young girl without my family.

I had no idea what life was going to be like

ฉันไม่รู้ว่าชีวิตของผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ

as a North Korean refugee.

อย่างฉันจะเป็นอย่างไร

But I soon learned it's not only extremely difficult,

ไม่นานนักฉันก็รู้ว่า มันไม่ใช่แค่ลำบากมาก

it's also very dangerous,

แต่มันอันตรายมากด้วย

since North Korean refugees are considered in China as illegal migrants.

เพราะประเทศจีนถือว่า ผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ

เป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย

So I was living in constant fear that my identity could be revealed,

ฉันต้องใช้ชีวิตภายใต้ความหวาดกลัว

ว่าจะมีคนเปิดเผยตัวตนของฉัน

and I would be repatriated to a horrible fate,

และถูกส่งกลับเกาหลีเหนือ

back in North Korea.

เพื่อเผชิญกับชะตากรรมที่น่าสยดสยอง

One day, my worst nightmare came true,

วันหนึ่ง ฝันร้ายของฉันก็มาถึง

when I was caught by the Chinese police,

ฉันถูกจับกุมตัวโดยตำรวจจีน

and brought to the police station for interrogation.

และถูกส่งตัวมาที่โรงพักเพื่อสอบสวน

Someone had accused me of being North Korean,

มีคนไปฟ้องตำรวจว่าฉันมาจากเกาหลีเหนือ

so they tested my Chinese language abilities,

พวกตำรวจทดสอบว่าฉันพูดจีนได้หรือเปล่า

and asked me tons of questions.

ถามคำถามมากมาย

I was so scared.

ฉันตกใจกลัวมาก

I thought my heart was going to explode.

ประหนึ่งอกจะระเบิด

If anything seemed unnatural, I could be imprisoned and repatriated.

ถ้าฉันทำตัวผิดสังเกตแม้แต่นิดเดียว ฉันอาจถูกขัง

และส่งตัวกลับประเทศ

I thought my life was over.

ฉันคิดว่าชีวิตฉันคงจบแล้ว

But I managed to control all the emotions inside me,

แต่ฉันก็สามารถควบคุมความรู้สึกทั้งหมดไว้ได้

and answer the questions.

และตอบคำถามทั้งหมด

หลังจากที่ตำรวจสอบสวนฉันเสร็จ

After they finished questioning me,

one official said to another,

เจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งกล่าวว่า

"This was a false report. She's not North Korean."

"นี่เป็นการแจ้งความเท็จ

เธอไม่ใช่ชาวเกาหลีเหนือ"

And they let me go. It was a miracle.

แล้วพวกเขาก็ปล่อยตัวฉัน มันมหัศจรรย์มาก

Some North Koreans in China seek asylum in foreign embassies.

ชาวเกาหลีเหนือในจีนหลายคน หวังที่จะลี้ภัย

ตามสถานทูตประเทศต่าง ๆ

But many can be caught by the Chinese police,

แต่หลายคนก็ถูกจับกุมโดยตำรวจจีน

and repatriated.

และถูกส่งตัวกลับประเทศ

These girls were so lucky.

เด็กเหล่านี้โชคดีมาก

Even though they were caught,

ถึงแม้พวกเขาจะโดนจับกุมตัว

they were eventually released, after heavy international pressure.

แต่สุดท้ายก็ถูกปล่อยตัว

หลังจากการกดดันจากนานาประเทศ

แต่ชาวเกาหลีเหนือเหล่านี้โชคไม่ดีนัก

These North Koreans were not so lucky.

Every year, countless North Koreans are caught in China

ทุก ๆ ปี มีชาวเกาหลีเหนือถูกจับกุมในจีน

and repatriated to North Korea,

และส่งตัวกลับไปเกาหลีเหนือมากมาย

where they can be tortured, imprisoned, or publicly executed.

ที่ที่เขาจะโดนทรมาน กักขัง

หรือประหารชีวิตในที่สาธารณะ

Even though I was really fortunate to get out,

ถึงแม้ว่าฉันจะโชคดีที่หลบหนีออกมาได้

many other North Koreans have not been so lucky.

ชาวเกาหลีเหนือมากมายไม่ได้โชคดีเช่นฉัน

It's tragic that North Koreans have to hide their identities

มันน่าสลดใจที่ชาวเกาหลีเหนือต้องคอยหลบซ่อน

and struggle so hard just to survive.

และดิ้นรนสุดชีวิต เพียงเพื่อที่จะอยู่รอด

Even after learning a new language and getting a job,

ถึงแม้จะเรียนภาษาใหม่แล้ว มีงานใหม่ทำแล้ว

their whole world can be turned upside down in an instant.

โลกทั้งใบก็มีสิทธิกลับด้านได้ในชั่วพริบตา

That's why, after 10 years of hiding my identity,

นั่นคือเหตุผล ว่าทำไมหลังจากซ่อนตัวตนมา 10 ปี

ฉันเลือกที่จะเสี่ยง ไปเกาหลีใต้

I decided to risk going to South Korea.

And I started a new life yet again.

และเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง

Settling down in South Korea

การตั้งรกรากในเกาหลีใต้นั้น

was a lot more challenging than I had expected.

ยากกว่าที่ฉันคิดไว้มาก

English was so important in South Korea,

ที่เกาหลีใต้ ภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมาก

so I had to start learning my third language.

ฉันเลยต้องเรียนรู้ภาษาเพิ่มอีกภาษาหนึ่ง

Also, I realized there was a wide gap between North and South.

ฉันยังเห็นด้วยว่า มีช่องว่างแห่งความแตกต่างที่กว้างมาก

ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

We are all Korean, but inside,

เราล้วนแล้วเป็นชาวเกาหลี แต่ลึก ๆ แล้ว

we have become very different, due to 67 years of division.

เราต่างกันมาก

เนื่องจากการแบ่งแยกที่นานกว่า 67 ปี

ฉันเคยสงสัยตัวเองด้วยซ้ำ

I even went through an identity crisis.

Am I South Korean or North Korean?

ว่าฉันเป็นชาวเกาหลีเหนือ หรือเกาหลีใต้

Where am I from? Who am I?

ฉันมาจากที่ไหน ฉันเป็นใคร

Suddenly, there was no country I could proudly call my own.

สุดท้ายฉันไม่มีประเทศใด

ที่ฉันเรียกได้อย่างภูมิใจว่าเป็นประเทศของฉัน

Even though adjusting to life in South Korea was not easy,

แม้ว่าการปรับตัวใช้ชีวิตในเกาหลีใต้นั้นไม่ง่ายเลย

I made a plan -- I started studying for the university entrance exam.

แต่ฉันก็วางแผนไว้

ฉันเริ่มอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย

Just as I was starting to get used to my new life,

และในช่วงที่เริ่มปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ได้แล้ว

I received a shocking phone call.

ฉันได้รับโทรศัพท์ แจ้งข่าวที่ทำให้ตกใจมาก

The North Korean authorities intercepted some money

หน่วยงานของเกาหลีเหนือ

จับได้ว่าฉันส่งเงินกลับไปหาครอบครัว

that I sent to my family,

และครอบครัวฉันกำลังจะถูกลงโทษ

and, as a punishment, my family was going to be forcibly removed

โดยการถูกย้ายออก

ไปยังพื้นที่ห่างไกลในชนบท

to a desolate location in the countryside.

They had to get out quickly.

พวกเขาต้องรีบหนีออกมาให้ได้

So I started planning how to help them escape.

ฉันเลยเริ่มวางแผนการหนีให้พวกเขา

North Koreans have to travel incredible distances

ชาวเกาหลีเหนือต้องเดินทางไกลมาก

on the path to freedom.

เพื่อค้นหาอิสรภาพ

It's almost impossible to cross the border

แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะข้ามชายแดน

between North Korea and South Korea.

ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้

So, ironically, I took a flight back to China

ดังนั้น ฉันเลยต้องนั่งเครื่องบินกลับไปประเทศจีน

and headed toward the North Korean border.

แล้วมุ่งหน้าสู่ชายแดนเกาหลีเหนือ

และเพราะครอบครัวฉันพูดจีนไม่ได้

Since my family couldn't speak Chinese,

I had to guide them somehow through more than 2,000 miles

ฉันต้องคอยนำทางให้พวกเขา

กว่า 2,000 ไมล์ข้ามประเทศจีน

in China, and then into Southeast Asia.

มายังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

เราใช้เวลาบนรถบัส 1 อาทิตย์

The journey by bus took one week,

and we were almost caught several times.

และเกือบถูกจับหลายครั้ง

One time, our bus was stopped and boarded by a Chinese police officer.

มีครั้งหนึ่ง รถบัสของเราถูกหยุด

และตรวจค้นโดยตำรวจจีน

He took everyone's I.D. cards,

เขาตรวจบัตรประชาชนของทุกคน

and he started asking them questions.

และถามคำถาม

Since my family couldn't understand Chinese,

และเพราะว่าครอบครัวฉันฟังภาษาจีนไม่ออก

ฉันคิดว่าครอบครัวฉันจะถูกจับแล้ว

I thought my family was going to be arrested.

เมื่อเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาครอบครัวฉัน

As the Chinese officer approached my family,

I impulsively stood up, and I told him

ฉันยืนขึ้น แล้วบอกเขาว่า

that these are deaf and dumb people that I was chaperoning.

คนพวกนี้หูหนวกและปัญญาอ่อน

ที่ฉันคอยเลี้ยงดูอยู่

He looked at me suspiciously,

เขาจ้องฉันอย่างสงสัย

but luckily, he believed me.

แต่สุดท้ายเขาก็เชื่อ

We made it all the way to the border of Laos.

เราเดินทางข้ามไปจนถึงฝั่งลาว

But I had to spend almost all my money

แต่ฉันต้องใช้เงินเกือบทั้งหมด

to bribe the border guards in Laos.

เพื่อให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ชายแดนลาว

และเมื่อข้ามชายแดนมาแล้ว

But even after we got past the border,

my family was arrested and jailed for illegal border crossing.

ครอบครัวฉันก็ถูกจับขัง

ข้อหาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย

After I paid the fine and bribe,

หลังจากที่ฉันจ่ายสินบนแล้ว

my family was released in one month.

ครอบครัวฉันก็ถูกปล่อยตัวภายใน 1 เดือน

But soon after, my family was arrested and jailed again,

แต่ไม่นาน ครอบครัวฉันก็ถูกจับขังอีกครั้ง

in the capital of Laos.

ในเมืองหลวงของลาว

This was one of the lowest points in my life.

ช่วงนี้เป็นจุดต่ำสุดของชีวิตฉันเลย

I did everything to get my family to freedom,

ฉันพยายามทุกอย่างเพื่อพาครอบครัวของฉันสู่อิสรภาพ

and we came so close,

และเราก็ใกล้ถึงจุดหมายมาก ๆ แล้ว

but my family was thrown in jail,

แต่สุดท้ายครอบครัวฉันก็ถูกจับ

just a short distance from the South Korean embassy.

ไม่ไกลจากสถานทูตเกาหลีใต้

I went back and forth between the immigration office

ฉันต้องเดินทางไปกลับระหว่างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

and the police station,

และสถานีตำรวจ

desperately trying to get my family out.

อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อนำครอบครัวฉันออกจากคุก

but I didn't have enough money to pay a bribe or fine anymore.

แต่ฉันมีเงินไม่มากพอ

ที่จะจ่ายสินบนอีกแล้ว

I lost all hope.

ฉันสูญเสียความหวังทั้งหมดไป

ณ เวลานั้น มีชายคนหนึ่งถามฉัน

At that moment, I heard one man's voice ask me,

"What's wrong?"

"เกิดอะไรขึ้นหรือ"

I was so surprised that a total stranger cared enough to ask.

ฉันประหลาดใจมาก

ที่มีคนแปลกหน้ามีน้ำใจพอที่จะถาม

In my broken English, and with a dictionary,

ด้วยภาษาอังกฤษงู ๆ ปลา ๆ และพจนานุกรมของฉัน

I explained the situation, and without hesitating,

ฉันเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟัง

the man went to the ATM,

ผู้ชายคนนั้นตรงไปที่ตู้เอทีเอ็มทันที

and he paid the rest of the money for my family,

และจ่ายเงิน เพื่อให้ครอบครัวของฉัน

and two other North Koreans to get out of jail.

และชาวเกาหลีเหนืออีกสองคน ได้ออกจากคุก

I thanked him with all my heart, and I asked him,

ฉันขอบคุณเขาด้วยใจจริง และถามเขาว่า

"Why are you helping me?"

"ทำไมคุณถึงช่วยฉันล่ะ"

"I'm not helping you," he said.

"ผมไม่ได้ช่วยคุณ" เขากล่าว

"I'm helping the North Korean people."

"ผมกำลังช่วยชาวเกาหลีเหนือ"

I realized that this was a symbolic moment in my life.

นี่เป็นช่วงเวลาที่ตรึงใจฉัน

The kind stranger symbolized new hope for me and the North Korean people,

ชายแปลกหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของความหวัง

ให้กับฉันและชาวเกาหลีเหนือ ในเวลาที่เราต้องการที่สุด

when we needed it most.

And he showed me that the kindness of strangers

เขาแสดงให้เห็นถึงน้ำใจของคนแปลกหน้า

and the support of the international community

และแรงสนับสนุนของสังคมนานาชาติ

และแสงแห่งความหวังที่เราชาวเกาหลีเหนือต้องการ

are truly the rays of hope we North Korean people need.

Eventually, after our long journey,

ในที่สุด หลังการเดินทางที่ยาวนาน

my family and I were reunited in South Korea.

ครอบครัวของฉันและฉันก็ได้อยู่ด้วยกันอีกในเกาหลีใต้

But getting to freedom is only half the battle.

แต่การไปถึงอิสรภาพได้ก็เป็นเพียงแค่ครึ่งทางของการต่อสู้เท่านั้น

Many North Koreans are separated from their families,

ยังมีชาวเกาหลีเหนืออีกมากมายที่ถูกตัดขาดจากครอบครัว

and when they arrive in a new country,

และเมื่อเขามาเหยียบแผ่นดินใหม่

they start with little or no money.

เขาเริ่มต้นจากการไม่มีอะไรเลย

So we can benefit from the international community

สังคมนานาชาติสามารถช่วยเราได้

for education, English language training, job training, and more.

ด้วยการศึกษา การสอนภาษาอังกฤษ

การสอนงาน และอื่น ๆ

เรายังสามารถเป็นสะพาน

We can also act as a bridge

between the people inside North Korea and the outside world.

ระหว่างคนในเกาหลีเหนือ

และโลกภายนอกได้

Because many of us stay in contact with family members still inside,

เพราะเราจำนวนมากยังติดต่อสื่อสาร

กับครอบครัวที่ยังอยู่ข้างใน

and we send information and money

เราส่งข้อมูล และเงินทอง

that is helping to change North Korea from inside.

เพื่อช่วยเปลี่ยนเกาหลีเหนือจากด้านใน

I've been so lucky, received so much help and inspiration in my life,

ฉันโชคดีมาก ที่ได้รับการช่วยเหลือ

และแรงบันดาลใจมากมายในชีวิต

so I want to help give aspiring North Koreans

ฉันจึงอยากช่วยชาวเกาหลีเหนือที่ยังไม่หมดหวัง

a chance to prosper with international support.

ให้มีโอกาสได้เบ่งบาน

ด้วยแรงสนับสนุนจากนานาชาติ

I'm confident that you will see more and more North Koreans

ฉันเชื่อมั่นว่าคุณจะเห็นชาวเกาหลีเหนือ

ที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ

succeeding all over the world,

including the TED stage.

รวมถึงบนเวที TED แห่งนี้

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)