Bunker Roy: Learning from a barefoot movement

Translator: Sarinee Achavanuntakul Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

I'd like to take you to another world.

ผมอยากพาคุณไปยังโลกอีกโลกหนึ่ง

And I'd like to share

และผมก็อยากแบ่งปัน

a 45 year-old love story

ตำนานรัก 45 ปี

with the poor,

กับคนจน

living on less than one dollar a day.

ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินน้อยกว่าหนึ่งเหรียญสหรัฐต่อวัน

I went to a very elitist, snobbish,

ผมได้รับการศึกษาแบบชนชั้นผู้ดี หยิ่งยโส

expensive education in India,

และมีราคาแพงมากในอินเดีย

and that almost destroyed me.

การศึกษานั้นเกือบทำลายผม

I was all set

ผมพร้อมแล้วที่จะ

to be a diplomat, teacher, doctor --

เป็นนักการทูต อาจารย์ แพทย์ --

all laid out.

พร้อมทุกอย่าง

Then, I don't look it, but I was the Indian national squash champion

แต่แล้วผมก็ไม่ได้เป็น แต่ผมเป็นแชมเปี้ยนสควอชอินเดีย

for three years.

ติดกันสามปี

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

The whole world was laid out for me.

โลกทั้งใบกางอยู่ต่อหน้าผม

Everything was at my feet.

ทุกอย่างรออยู่แทบเท้าผม

I could do nothing wrong.

ผมไม่มีทางทำอะไรผิด

And then I thought out of curiosity

เสร็จแล้วผมก็คิดอยากรู้

I'd like to go and live and work

ว่าใช้ชีวิตและทำงานอย่าง

and just see what a village is like.

ในหมู่บ้าน ดูว่าเป็นยังไง

So in 1965,

ดังนั้นในปี 1965

I went to what was called the worst Bihar famine in India,

ผมจึงไปยังที่ที่ถูกเรียกว่า ทุพภิกขภัยที่รุนแรงที่สุดในอินเดีย ในแคว้นบิฮาร์

and I saw starvation, death,

ผมเห็นคนอดอยาก คนตาย

people dying of hunger, for the first time.

ตายจากความหิวโหยเป็นครั้งแรกในชีวิต

It changed my life.

มันเปลี่ยนชีวิตผมครับ

I came back home,

ผมกลับมาบ้าน

told my mother,

บอกแม่ว่า

"I'd like to live and work in a village."

"ผมอยากไปใช้ชีวิตและทำงานในหมู่บ้าน"

Mother went into a coma.

แม่ช็อค โคมาไปเลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

"What is this?

"นี่มันอะไรกัน?

The whole world is laid out for you, the best jobs are laid out for you,

โลกทั้งใบวางให้แก งานที่ดีที่สุดวางอยู่หน้าแก

and you want to go and work in a village?

แล้วแกกลับอยากไปทำงานในหมู่บ้าน?

I mean, is there something wrong with you?"

คือ แกเป็นอะไรมากหรือเปล่า?"

I said, "No, I've got the best eduction.

ผมตอบว่า "เปล่าหรอก ผมได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด

It made me think.

มันทำให้ผมได้คิด

And I wanted to give something back

และผมก็อยากมอบอะไรกลับคืน

in my own way."

ในแบบผมเอง"

"What do you want to do in a village?

"แกอยากทำอะไรในหมู่บ้าน?

No job, no money,

ไม่มีงาน ไม่มีเงิน

no security, no prospect."

ไม่มีความปลอดภัย ไม่มีอนาคต"

I said, "I want to live

ผมตอบว่า "ผมอยากไปใช้ชีวิต

and dig wells for five years."

ขุดบ่อน้ำบาดาลห้าปี"

"Dig wells for five years?

"ขุดบ่อน้ำบาดาลห้าปี?

You went to the most expensive school and college in India,

แกไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่แพงที่สุดในอินเดีย

and you want to dig wells for five years?"

แล้วแกอยากไปขุดบ่อน้ำบาดาลห้าปี?"

She didn't speak to me for a very long time,

แม่ไม่พูดกับผมเลยนานมากหลังจากนั้น

because she thought I'd let my family down.

เพราะแม่คิดว่าผมทำให้ครอบครัวผิดหวัง

But then,

แต่แล้ว

I was exposed to the most extraordinary knowledge and skills

ผมกลับได้เห็นความรู้และทักษะอันน่าทึ่ง

that very poor people have,

ที่คนยากจนข้นแค้นมี

which are never brought into the mainstream --

ซึ่งไม่เคยได้รับรู้ในกระแสหลัก --

which is never identified, respected,

ไม่เคยถูกระบุ ไม่เคยได้รับความนับถือ

applied on a large scale.

และประยุกต์ใช้ในวงกว้าง

And I thought I'd start a Barefoot College --

ผมคิดว่าผมจะก่อตั้งวิทยาลัยตีนเปล่า --

college only for the poor.

วิทยาลัยสำหรับคนจนเท่านั้น

What the poor thought was important

สิ่งใดก็ตามที่คนจนคิดว่าสำคัญ

would be reflected in the college.

จะสะท้อนออกมาในวิทยาลัยนี้

I went to this village for the first time.

ครั้งแรกที่ผมไปหมู่บ้านนี้

Elders came to me

ผู้นำชุมชนมาหาผม

and said, "Are you running from the police?"

ถามว่า "คุณหนีตำรวจมาหรือเปล่า?"

I said, "No."

ผมตอบว่า "เปล่าครับ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

"You failed in your exam?"

"คุณสอบตกเหรอ?"

I said, "No."

ผมตอบ "เปล่า"

"You didn't get a government job?" I said, "No."

"คุณไม่ได้งานราชการเหรอ?" ผมตอบ "เปล่า"

"What are you doing here?

"แล้วคุณมานี่ทำไม?

Why are you here?

มาทำอะไรที่นี่?

The education system in India

ระบบการศึกษาในอินเดีย

makes you look at Paris and New Delhi and Zurich;

ทำให้คุณมองปารีส นิวเดลี ซูริค

what are you doing in this village?

คุณมาทำอะไรที่หมู่บ้านนี้?

Is there something wrong with you you're not telling us?"

คุณมีอะไรผิดแปลกที่ไม่ยอมบอกเราหรือเปล่า?"

I said, "No, I want to actually start a college

ผมตอบว่า "เปล่า ผมอยากก่อตั้งวิทยาลัย

only for the poor.

สำหรับคนจนเท่านั้น

What the poor thought was important would be reflected in the college."

สิ่งที่คนจนมองว่าสำคัญจะสะท้อนออกมาในวิทยาลัยนี้"

So the elders gave me some very sound and profound advice.

ผู้นำชุมชนจึงได้มอบคำแนะนำที่ดีมากและลึกซึ้งให้กับผม

They said, "Please,

พวกเขาบอกว่า "ขอร้องล่ะ

don't bring anyone with a degree and qualification

อย่าเอาคนที่จบปริญญาและคุณสมบัติดี

into your college."

มาอยู่ในวิทยาลัยของคุณ"

So it's the only college in India

ดังนั้นนี่จึงเป็นวิทยาลัยแห่งเดียวในอินเดีย

where, if you should have a Ph.D. or a Master's,

ที่ถ้าหากคุณจบปริญญาเอกหรือปริญญาโท

you are disqualified to come.

คุณจะไม่ผ่านการคัดเลือก

You have to be a cop-out or a wash-out or a dropout

คุณจะต้องเป็นคนดร็อปเรียน ไร้อนาคต หรือล้มเหลว

to come to our college.

ถึงจะมาวิทยาลัยเราได้

You have to work with your hands.

คุณต้องทำงานด้วยมือเปล่า

You have to have a dignity of labor.

คุณต้องเคารพศักด์ศรีของแรงงาน

You have to show that you have a skill that you can offer to the community

คุณต้องแสดงให้เห็นว่ามีทักษะที่ช่วยชุมชนได้

and provide a service to the community.

และบริการชุมชนเป็น

So we started the Barefoot College,

เราก่อตั้งวิทยาลัยตีนเปล่า

and we redefined professionalism.

และมอบนิยามใหม่ให้กับคำว่า "มืออาชีพ"

Who is a professional?

มืออาชีพคือใครครับ?

A professional is someone

มืออาชีพคือใครก็ตามที่

who has a combination of competence,

มีส่วนผสมของความสามารถ

confidence and belief.

ความมั่นใจ และความเชื่อ

A water diviner is a professional.

หมอดูน้ำเป็นมืออาชีพ

A traditional midwife

หมอตำแยตามประเพณี

is a professional.

ก็เป็นมืออาชีพ

A traditional bone setter is a professional.

ช่างปั้นหม้อตามประเพณีก็เป็นมืออาชีพ

These are professionals all over the world.

มืออาชีพเหล่านี้อยู่ทั่วโลก

You find them in any inaccessible village around the world.

คุณพบพวกเขาได้ในหมู่บ้านกันดารที่ไหนก็ได้ในโลก

And we thought that these people should come into the mainstream

เราคิดว่าคนเหล่านี้ควรออกมาสู่กระแสหลัก

and show that the knowledge and skills that they have

สาธิตให้เห็นว่า ความรู้และทักษะที่พวกเขามี

is universal.

นั้นเป็นสากล

It needs to be used, needs to be applied,

มันต้องถูกใช้ ต้องถูกประยุกต์

needs to be shown to the world outside --

แสดงให้โลกภายนอกเห็นว่า

that these knowledge and skills

ความรู้และทักษะเหล่านี้

are relevant even today.

มีประโยชน์แม้แต่ในวันนี้

So the college works

ฉะนั้นวิทยาลัยจึงทำงาน

following the lifestyle and workstyle of Mahatma Gandhi.

ตามวิถีชีวิตและวิถีการทำงานของ มหาตมะ คานธี

You eat on the floor, you sleep on the floor, you work on the floor.

คุณกินกับพื้น นอนกับพื้น ทำงานกับพื้น

There are no contracts, no written contracts.

ไม่มีสัญญา ไม่มีสัญญาที่เป็นลายลักษณ์อักษร

You can stay with me for 20 years, go tomorrow.

คุณอยู่กับผม 20 ปี แล้วพรุ่งนี้ไปก็ได้

And no one can get more than $100 a month.

และไม่มีใครได้เงินมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อเดือน

You come for the money, you don't come to Barefoot College.

ถ้าคุณอยากได้เงิน คุณไม่มาที่วิทยาลัยตีนเปล่าหรอก

You come for the work and the challenge,

ถ้าคุณมาเพื่อทำงาน และรับความท้าทาย

you'll come to the Barefoot College.

ก็มาที่วิทยาลัยเท้าเปล่า

That is where we want you to try crazy ideas.

นี่คือที่ที่เราอยากให้คุณพยายามสรรค์สร้างความคิด

Whatever idea you have, come and try it.

ไม่ว่าจะมีความคิดอะไร มาลองทำดู

It doesn't matter if you fail.

ไม่สำคัญถ้าคุณล้มเหลว

Battered, bruised, you start again.

บาดเจ็บ ปวดร้าว คุณแค่เริ่มต้นใหม่

It's the only college where the teacher is the learner

นี่เป็นวิทยาลัยแห่งเดียวที่ครูคือนักเรียน

and the learner is the teacher.

และนักเรียนคือครู

And it's the only college where we don't give a certificate.

และเป็นวิทยาลัยแห่งเดียวที่เราไม่มอบประกาศนียบัตรให้

You are certified by the community you serve.

ประกาศนียบัตรคือชุมชนที่คุณรับใช้

You don't need a paper to hang on the wall

คุณไม่ต้องมีกระดาษแปะฝาผนัง

to show that you are an engineer.

เพื่อพิสูจน์ว่าคุณเป็นวิศวกร

So when I said that,

ดังนั้นพอผมพูดแบบนี้

they said, "Well show us what is possible. What are you doing?

พวกเขาก็บอกว่า "โอเค แสดงให้เราเห็นสิว่าอะไรเป็นไปได้ คุณกำลังทำอะไรอยู่?

This is all mumbo-jumbo if you can't show it on the ground."

ทั้งหมดนี้เหลวไหลทั้งเพถ้าคุณแสดงให้เห็นจริงๆ ไม่ได้"

So we built the first Barefoot College

เราก็เลยก่อตั้งวิทยาลัยตีนเปล่าแห่งแรก

in 1986.

ขึ้นในปี 1986

It was built by 12 Barefoot architects

สร้างโดยสถาปนิกตีนเปล่า 12 คน

who can't read and write,

ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้

built on $1.50 a sq. ft.

ด้วยต้นทุน 1.50 เหรียญสหรัฐต่อตารางฟุต

150 people lived there, worked there.

คน 150 คนอยู่ที่นี่ ทำงานที่นี่

They got the Aga Khan Award for Architecture in 2002.

พวกเขาได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น อากา คาน ในปี 2002

But then they suspected, they thought there was an architect behind it.

ผู้มอบรางวัลข้องใจ คิดว่าน่าจะมีสถาปนิกที่อยู่เบื้องหลัง

I said, "Yes, they made the blueprints,

ผมบอกว่า "ใช่ สถาปนิกเขียนแบบ

but the Barefoot architects actually constructed the college."

แต่สถาปนิกตีนเปล่าคือคนที่สร้างวิทยาลัยจริงๆ"

We are the only ones who actually returned the award for $50,000,

เราคือผู้ได้รับรางวัลกลุ่มเดียวที่คืนเงินรางวัล 50,000 เหรียญสหรัฐ

because they didn't believe us,

เพราะพวกเขาไม่เชื่อเรา

and we thought that they were actually casting aspersions

เราคิดว่าพวกเขากำลังใส่ร้าย

on the Barefoot architects of Tilonia.

สถาปนิกตีนเปล่าในติโลเนีย

I asked a forester --

ผมถามนักทำป่าไม้ --

high-powered, paper-qualified expert --

คนที่มีคุณสมบัติตามกระดาษ มีอิทธิพลสูง --

I said, "What can you build in this place?"

ว่า "คุณสร้างอะไรที่นี่ได้บ้าง?

He had one look at the soil and said, "Forget it. No way.

เขามองดินแวบหนึ่งแล้วตอบว่า "ลืมซะเถอะ ไม่มีทางเลย

Not even worth it.

ไม่คุ้มที่จะทำ

No water, rocky soil."

ไม่มีน้ำ ดินก็แข็งเป็นหิน"

I was in a bit of a spot.

ผมติดขัดไปต่อไม่ได้

And I said, "Okay, I'll go to the old man in village

ผมบอกว่า "โอเค ผมจะไปหาผู้อาวุโสในหมู่บ้าน

and say, 'What should I grow in this spot?'"

แล้วถามว่า "ผมควรปลูกอะไรตรงนี้ดีครับ?""

He looked quietly at me and said,

ผู้อาวุโสมองผมเงียบๆ แล้วตอบว่า

"You build this, you build this, you put this, and it'll work."

"เธอสร้างนี่ เธอสร้างโน่น ปลูกอันนี้ แล้วจะได้ผล"

This is what it looks like today.

วันนี้ที่นี่หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ

Went to the roof,

ผมไปบนหลังคา

and all the women said, "Clear out.

สุภาพสตรีทั้งหลายบอกว่า "ออกไป

The men should clear out because we don't want to share this technology with the men.

ผู้ชายควรออกไปให้หมดเพราะเราไม่อยากแบ่งเทคโนโลยีนี้ให้ผู้ชาย

This is waterproofing the roof."

นี่คือการกันน้ำไม่ให้เข้าหลังคา"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

It is a bit of jaggery, a bit of urens

พวกเธอใช้น้ำตาลทรายดิบ ผสมขี้ครอก

and a bit of other things I don't know.

แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างที่ผมไม่รู้

But it actually doesn't leak.

แต่หลังคานี้ก็กันน้ำได้จริงๆ

Since 1986, it hasn't leaked.

ตั้งแต่ปี 1986 ไม่มีน้ำรั่วลงมาเลย

This technology, the women will not share with the men.

นี่คือเทคโนโลยีที่ผู้หญิงไม่ยอมบอกผู้ชาย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

It's the only college

วิทยาลัยนี้เป็นแห่งเดียว

which is fully solar-electrified.

ที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์ทั้งหมด

All the power comes from the sun.

พลังงานทั้งหมดที่ใช้มาจากดวงอาทิตย์

45 kilowatts of panels on the roof.

แผง 45 กิโลวัตต์บนหลังคา

And everything works off the sun for the next 25 years.

ทุกอย่างใช้พลังแสงอาทิตย์ ตลอด 25 ปี

So long as the sun shines,

ตราบใดที่ดวงอาทิตย์ยังส่องแสง

we'll have no problem with power.

เราก็ไม่มีปัญหาพลังงาน

But the beauty is

แต่สิ่งที่งดงามคือ

that is was installed

คนที่ติดตั้งระบบนี้

by a priest, a Hindu priest,

คือพระ พระในศาสนาฮินดู

who's only done eight years of primary schooling --

ซึ่งจบการศึกษาแค่ชั้นประถมแปดปี

never been to school, never been to college.

ไม่เคยเรียนม.ปลาย ไม่เคยไปวิทยาลัย

He knows more about solar

เขารู้เรื่องพลังแสงอาทิตย์

than anyone I know anywhere in the world guaranteed.

มากกว่าทุกคนที่ผมรู้จักบนโลกนี้ รับประกันได้

Food, if you come to the Barefoot College,

อาหาร ถ้าคุณมาเยือนวิทยาลัยตีนเปล่า

is solar cooked.

ก็ปรุงด้วยพลังแสงอาทิตย์

But the people who fabricated that solar cooker

แต่คนที่สร้างหม้อปรุงอาหาร

are women,

ล้วนเป็นผู้หญิง

illiterate women,

ที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้

who actually fabricate

พวกเธอสร้าง

the most sophisticated solar cooker.

หม้อปรุงอาหารพลังแสงอาทิตย์ที่เยี่ยมที่สุด

It's a parabolic Scheffler solar cooker.

มันเป็นหม้อปรุงพลังแสงอาทิตย์ทรงเว้าแบบเชฟเลอร์

Unfortunately, they're almost half German,

โชคร้าย พวกเธอเกือบเป็นครึ่งคนเยอรมัน

they're so precise.

เพราะละเอียดเหลือเกิน

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

You'll never find Indian women so precise.

คุณไม่เจอหรอกครับ ผู้หญิงอินเดียที่ละเอียดขนาดนี้

Absolutely to the last inch,

เที่ยงตรงถึงนิ้วสุดท้าย

they can make that cooker.

พวกเธอสร้างหม้อนี้ได้

And we have 60 meals twice a day

และเราก็มีอาหาร 60 มื้อต่อวัน

of solar cooking.

ปรุงด้วยพลังแสงอาทิตย์

We have a dentist --

เรามีทันตแพทย์ --

she's a grandmother, illiterate, who's a dentist.

ทันตแพทย์คนนี้เป็นยายคน ไม่รู้หนังสือ

She actually looks after the teeth

ดูแลสุขภาพฟัน

of 7,000 children.

ให้เด็กๆ 7,000 คน

Barefoot technology:

เทคโนโลยีตีนเปล่า --

this was 1986 -- no engineer, no architect thought of it --

นี่คือปี 1986 ยังไม่มีวิศวกรหรือสถาปนิกคนไหนคิดออก

but we are collecting rainwater from the roofs.

แต่เราเก็บน้ำฝนจากหลังคา

Very little water is wasted.

เปลืองน้ำน้อยมากๆ

All the roofs are connected underground

หลังคาทั้งหมดเชื่อมต่อใต้ดิน

to a 400,000 liter tank,

กับถังเก็บน้ำขนาด 400,000 ลิตร

and no water is wasted.

ไม่สิ้นเปลืองน้ำเลย

If we have four years of drought, we still have water on the campus,

ถ้าเราเจอภัยแล้งสี่ปีติดกัน เราก็ยังมีน้ำใช้ในวิทยาลัย

because we collect rainwater.

เพราะเราเก็บน้ำฝน

60 percent of children don't go to school,

เด็กร้อยละ 60 ไม่ไปโรงเรียน

because they have to look after animals --

เพราะพวกเขาต้องดูแลสัตว์ --

sheep, goats --

แกะ แพะ --

domestic chores.

ช่วยทำงานบ้าน

So we thought of starting a school

เราก็เลยคิดสร้างโรงเรียนรอบดึก

at night for the children.

สำหรับเด็กๆ

Because the night schools of Tilonia,

โรงเรียนรอบดึกในติโลเนีย

over 75,000 children have gone through these night schools.

ช่วยให้เด็ก 75,000 คนได้ไปโรงเรียน

Because it's for the convenience of the child;

เพราะมันสะดวกสำหรับเด็กๆ

it's not for the convenience of the teacher.

ไม่ใช่สะดวกสำหรับครู

And what do we teach in these schools?

เราสอนอะไรหรือครับในโรงเรียนเหล่านี้?

Democracy, citizenship,

สอนเรื่องประชาธิปไตย การเป็นพลเมือง

how you should measure your land,

วิธีวัดขนาดที่ดิน

what you should do if you're arrested,

วิธีปฏิบัติถ้าถูกจับ

what you should do if your animal is sick.

วิธีปฏิบัติถ้าสัตว์เลี้ยงป่วย

This is what we teach in the night schools.

นี่คือสิ่งที่เราสอนในโรงเรียนรอบดึก

But all the schools are solar-lit.

โรงเรียนทั้งหมดใช้ไฟพลังแสงอาทิตย์

Every five years

ทุกๆ ห้าปี

we have an election.

เราจะจัดการเลือกตั้ง

Between six to 14 year-old children

เด็กที่มีอายุระหว่าง 6-14 ขวบ

participate in a democratic process,

มีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตย

and they elect a prime minister.

พวกเขาเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี

The prime minister is 12 years old.

นายกฯ คนนี้อายุ 12 ขวบ

She looks after 20 goats in the morning,

เธอดูแลแพะ 20 ตัวตอนเช้า

but she's prime minister in the evening.

เป็นนายกรัฐมนตรีตอนเย็น

She has a cabinet,

เธอมีคณะรัฐมนตรี

a minister of education, a minister for energy, a minister for health.

มีรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีพลังงาน รัฐมนตรีสุขภาพ

And they actually monitor and supervise

พวกเขาดูแลและตรวจตราสอดส่อง

150 schools for 7,000 children.

โรงเรียน 150 แห่ง มีเด็กรวมกัน 7,000 คน

She got the World's Children's Prize five years ago,

เธอได้รับรางวัลเด็กแห่งโลกเมื่อห้าปีที่แล้ว

and she went to Sweden.

เธอบินไปสวีเดน

First time ever going out of her village.

ครั้งแรกในชีวิตที่ออกจากหมู่บ้าน

Never seen Sweden.

ไม่เคยไปสวีเดนมาก่อน

Wasn't dazzled at all by what was happening.

ไม่รู้สึกตื่นตะลึงอะไรเลยกับประสบการณ์

And the Queen of Sweden, who's there,

ทีนี้ สมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดนทรงอยู่ในงานด้วย

turned to me and said, "Can you ask this child where she got her confidence from?

หันมาถามผมว่า "ช่วยถามเด็กคนนี้หน่อยได้ไหมว่าเธอเอาความมั่นใจในตัวเองมาจากไหน?

She's only 12 years old,

เธออายุแค่ 12 ขวบเอง

and she's not dazzled by anything."

แต่ไม่ตื่นตะลึงกับอะไรเลย"

And the girl, who's on her left,

เสร็จแล้วเด็กคนนี้ ที่นั่งทางด้านซ้ายของพระองค์

turned to me and looked at the queen straight in the eye

หันมาทางผม มองหน้าพระราชินีตรงๆ

and said, "Please tell her I'm the prime minister."

แล้วบอกว่า "ช่วยบอกเธอหน่อยว่าหนูเป็นนายกรัฐมนตรีนะ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(ปรบมือ)

Where the percentage of illiteracy is very high,

ที่ไหนที่อัตราการไม่รู้หนังสือสูงมาก

we use puppetry.

เราก็ใช้ศิลปะหุ่นกระบอก

Puppets is the way we communicate.

สื่อสารด้วยหุ่นกระบอก

You have Jokhim Chacha

เรามี โจคิม ชาชา

who is 300 years old.

อายุราว 300 ปีได้

He is my psychoanalyst. He is my teacher.

ท่านเป็นนักจิตวิเคราะห์ของผม เป็นครูของผม

He's my doctor. He's my lawyer.

เป็นหมอของผม ทนายของผม

He's my donor.

เป็นผู้บริจาคเงินให้ผม

He actually raises money,

ท่านระดมทุนได้จริงๆ

solves my disputes.

แก้ปัญหาความขัดแย้งของผม

He solves my problems in the village.

แก้ปัญหาของผมในหมู่บ้าน

If there's tension in the village,

ถ้าหากในหมู่บ้านเกิดความตึงเครียด

if attendance at the schools goes down

ถ้าเด็กๆ ไปโรงเรียนน้อยลง

and there's a friction between the teacher and the parent,

และมีแรงเสียดทานระหว่างครูกับผู้ปกครอง

the puppet calls the teacher and the parent in front of the whole village

หุ่นกระบอกก็จะเรียกครูกับผู้ปกครองต่อหน้าคนในหมู่บ้านทั้งหมด

and says, "Shake hands.

แล้วบอกว่า "จับมือกันซะ

The attendance must not drop."

อัตราการไปโรงเรียนต้องไม่ตก"

These puppets

หุ่นกระบอกเหล่านี้

are made out of recycled World Bank reports.

ทำจากกระดาษรีไซเคิล เคยเป็นรายงานธนาคารโลก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(ปรบมือ)

So this decentralized, demystified approach

ดังนั้นวิธีกระจายศูนย์ที่ทำให้ความรู้ไม่ลึกลับ

of solar-electrifying villages,

ของการติดตั้งพลังแสงอาทิตย์ให้กับหมู่บ้าน

we've covered all over India

เราทำทั่วทั้งอินเดีย

from Ladakh up to Bhutan --

ตั้งแต่ลาดักห์ถึงภูฏาน

all solar-electrified villages

หมู่บ้านพลังแสงอาทิตย์ทั้งหลาย

by people who have been trained.

โดยคนที่ผ่านการอบรม

And we went to Ladakh,

เราไปที่ลาดักห์

and we asked this woman --

เราถามผู้หญิงคนนี้ --

this, at minus 40, you have to come out of the roof,

ที่อุณหภูมิติดลบ 40 องศาเซลเซียส คุณต้องออกมาบนหลังคา

because there's no place, it was all snowed up on both sides --

เพราะไม่มีที่ยืน หิมะปกคลุมทุกด้าน --

and we asked this woman,

เราถามผู้หญิงคนนี้ว่า

"What was the benefit you had

"คุณได้ประโยชน์อะไร

from solar electricity?"

จากไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์?"

And she thought for a minute and said,

เธอหยุดคิดนาทีหนึ่ง แล้วตอบว่า

"It's the first time I can see my husband's face in winter."

"เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นหน้าสามีในฤดูหนาว"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Went to Afghanistan.

เราไปที่อัฟกานิสถาน

One lesson we learned in India

บทเรียนบทหนึ่งที่เราได้เรียนรู้ในอินเดีย

was men are untrainable.

คือ ผู้ชายนั้นฝึกไม่ได้

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Men are restless,

ผู้ชายไม่อยู่นิ่ง

men are ambitious,

ผู้ชายทะเยอทะยาน

men are compulsively mobile,

ผู้ชายอยากขยับฐานะทางสังคม

and they all want a certificate.

และพวกเขาล้วนอยากได้ประกาศนียบัตร

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

All across the globe, you have this tendency

ทั่วโลก เราเห็นแนวโน้มอันนี้

of men wanting a certificate.

ว่าผู้ชายอยากได้ประกาศนียบัตร

Why? Because they want to leave the village

ทำไม? ก็เพราะพวกเขาอยากออกจากหมู่บ้าน

and go to a city, looking for a job.

อยากเข้าเมืองไปหางานทำ

So we came up with a great solution:

เราก็เลยพบทางออกที่สุดยอดมาก:

train grandmothers.

ฝึกบรรดาคุณยายดีกว่า

What's the best way of communicating

วิธีสื่อสารที่ดีที่สุดในโลก

in the world today?

ตอนนี้คืออะไรครับ?

Television? No.

โทรทัศน์? ไม่ใช่

Telegraph? No.

โทรเลข? ไม่ใช่

Telephone? No.

โทรศัพท์? ไม่ใช่

Tell a woman.

โทรบอกผู้หญิงซิ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(ปรบมือ)

So we went to Afghanistan for the first time,

เราเลยเข้าอัฟกานิสถานครั้งแรก

and we picked three women

เลือกผู้หญิงมาสามคน

and said, "We want to take them to India."

แล้วบอกว่า "เราอยากพาพวกเธอไปอินเดีย"

They said, "Impossible. They don't even go out of their rooms,

คนอื่นบอกว่า "เป็นไปไม่ได้หรอก ออกจากห้องยังไม่ออกเลย

and you want to take them to India."

แล้วคุณจะพาเธอไปอินเดียเนี่ยนะ"

I said, "I'll make a concession. I'll take the husbands along as well."

ผมตอบว่า "ผมจะอ่อนข้อให้ จะพาสามีพวกเธอมาด้วย"

So I took the husbands along.

ผมก็เลยพาสามีมาด้วย

Of course, the women were much more intelligent than the men.

แน่นอนครับ ผู้หญิงมีสติปัญญามากกว่าผู้ชายมาก

In six months,

ในเวลาหกเดือน

how do we train these women?

เราเปลี่ยนผู้หญิงเหล่านี้อย่างไร?

Sign language.

ภาษามือครับ

You don't choose the written word.

เราไม่เลือกภาษาเขียน

You don't choose the spoken word.

ไม่เลือกภาษาพูด

You use sign language.

แต่ใช้ภาษามือ

And in six months

ภายในเวลาหกเดือน

they can become solar engineers.

พวกเขาก็กลายเป็นวิศวกรพลังแสงอาทิตย์

They go back and solar-electrify their own village.

กลับหมู่บ้านของตัวเองไปติดตั้งพลังแสงอาทิตย์

This woman went back

พวกเธอกลับไป

and solar-electrified the first village,

ทำให้หมู่บ้านแรกใช้พลังแสงอาทิตย์

set up a workshop --

จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ

the first village ever to be solar-electrified in Afghanistan

หมู่บ้านแรกในอัฟกานิสถานที่มีพลังแสงอาทิตย์

[was] by the three women.

ทำโดยผู้หญิงสามคน

This woman

ผู้หญิงคนนี้

is an extraordinary grandmother.

เป็นคุณยายที่สุดยอดมาก

55 years old, and she's solar-electrified 200 houses for me in Afghanistan.

ในวัย 55 ปี เธอทำให้บ้าน 200 หลังใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในอัฟกานิสถาน

And they haven't collapsed.

บ้านพวกนั้นยังไม่พัง

She actually went and spoke to an engineering department in Afghanistan

ที่จริงเธอไปที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ในอัฟกานิสถาน

and told the head of the department

แล้วบอกคณบดีว่า

the difference between AC and DC.

กระแสไฟทางตรงกับสลับแตกต่างกันอย่างไร

He didn't know.

เขาไม่รู้มาก่อน

Those three women have trained 27 more women

ผู้หญิงสามคนนี้ฝึกผู้หญิงอีก 27 คน

and solar-electrified 100 villages in Afghanistan.

ทำให้หมู่บ้าน 100 แห่งในอัฟกานิสถานใช้พลังแสงอาทิตย์

We went to Africa,

เราไปที่แอฟริกา

and we did the same thing.

ทำอย่างเดียวกัน

All these women sitting at one table from eight, nine countries,

ผู้หญิงทั้งหมดนี้ที่นั่งโต๊ะเดียวกันมาจาก 8-9 ประเทศ

all chatting to each other, not understanding a word,

พวกเธอคุยกัน ไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว

because they're all speaking a different language.

เพราะพูดกันคนละภาษา

But their body language is great.

แต่ใช้ภาษากายได้สุดยอดมาก

They're speaking to each other

พวกเธอกำลังคุยกัน

and actually becoming solar engineers.

แล้วก็เป็นวิศวกรพลังแสงอาทิตย์

I went to Sierra Leone,

ผมไปที่ประเทศ เซียรา ลิโอน

and there was this minister driving down in the dead of night --

มีรัฐมนตรีขับรถกลางดึก

comes across this village.

ผ่านหมู่บ้านแห่งนี้

Comes back, goes into the village, says, "Well what's the story?"

เขาขับรถกลับเข้าไปในหมู่บ้าน ถามว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

They said, "These two grandmothers ... "

พวกเขาตอบว่า "ยายสองคนนี้ ...."

"Grandmothers?" The minister couldn't believe what was happening.

"ยาย?" รัฐมนตรีไม่เชื่อตาตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น

"Where did they go?" "Went to India and back."

"ยายไปไหน?" "ไปอินเดียแล้วกลับมา"

Went straight to the president.

รัฐมนตรีคนนี้ตรงดิ่งไปหาประธานาธิบดี

He said, "Do you know there's a solar-electrified village in Sierra Leone?"

เขาบอกว่า "ท่านรู้ไหมว่ามีหมู่บ้านพลังแสงอาทิตย์ในเซียรา ลิโอน?"

He said, "No." Half the cabinet went to see the grandmothers the next day.

ประธานาธิบดีตอบว่า "ไม่รู้" วันต่อมาคณะรัฐมนตรีครึ่งหนึ่งไปหายายสองคนนี้

"What's the story."

"เล่าให้ฟังหน่อย"

So he summoned me and said, "Can you train me 150 grandmothers?"

ท่านเลยให้ตามตัวผมแล้วถามว่า "คุณอบรมยาย 150 คนให้ผมได้ไหม?"

I said, "I can't, Mr. President.

ผมตอบว่า "ผมทำไม่ได้ครับ ท่านประธานาธิบดี

But they will. The grandmothers will."

แต่คุณยายทำได้ เดี๋ยวจะทำให้"

So he built me the first Barefoot training center in Sierra Leone.

ท่านก็เลยก่อตั้งศูนย์อบรมตีนเปล่าให้ผม แห่งแรกในเซียรา ลิโอน

And 150 grandmothers have been trained in Sierra Leone.

แล้วหลังจากนั้นคุณยาย 150 คนก็ผ่านการอบรมในประเทศนั้น

Gambia:

แกมเบีย --

we went to select a grandmother in Gambia.

เราไปเลือกคุณยายในแกมเบีย

Went to this village.

ไปที่หมู่บ้านนี้

I knew which woman I would like to take.

ผมรู้ว่าอยากเลือกผู้หญิงคนไหน

The community got together and said, "Take these two women."

คนในชุมชนประชุมกัน แล้วบอกว่า "สองคนนี้สิ"

I said, "No, I want to take this woman."

ผมบอกว่า "ไม่ ผมอยากพาคนนี้ต่างหาก"

They said, "Why? She doesn't know the language. You don't know her."

พวกเขาตอบว่า "ทำไม? เธอพูดภาษาคุณไม่ได้ คุณไม่รู้จักเธอ"

I said, "I like the body language. I like the way she speaks."

ผมบอกว่า "ผมชอบภาษากาย ชอบวิธีที่เธอพูด"

"Difficult husband; not possible."

"สามียุ่งยาก เป็นไปไม่ได้"

Called the husband, the husband came,

ผมเรียกสามี สามีมาถึง

swaggering, politician, mobile in his hand. "Not possible."

เดินส่ายอาดๆ เข้ามาเหมือนนักการเมือง มือถือในมือ "เป็นไปไม่ได้"

"Why not?" "The woman, look how beautiful she is."

"ทำไมล่ะ?" "ผู้หญิงคนนี้ ดูสิว่าเธอสวยแค่ไหน"

I said, "Yeah, she is very beautiful."

ผมตอบว่า "ใช่ เธอสวยมาก"

"What happens if she runs off with an Indian man?"

"แล้วจะทำไงถ้าเธอหนีตามผู้ชายอินเดียไป?"

That was his biggest fear.

นั่นคือความกลัวขั้นสูงสุด

I said, "She'll be happy. She'll ring you up on the mobile."

ผมตอบว่า "เธอจะมีความสุข เธอจะโทรหาที่มือถือคุณ"

She went like a grandmother

เธอออกจากประเทศไปเหมือนคุณยาย

and came back like a tiger.

กลับมาเหมือนนางเสือ

She walked out of the plane

เธอเดินลงจากเครื่องบิน

and spoke to the whole press as if she was a veteran.

แล้วพูดกับสื่อมวลชนราวกับชำนาญเรื่องนี้

She handled the national press,

เธอรับมือกับสื่อระดับชาติ

and she was a star.

และเป็นดารา

And when I went back six months later, I said, "Where's your husband?"

หกเดือนให้หลัง ผมกลับไปผมถามว่า "สามีคุณอยู่ไหนล่ะ?"

"Oh, somewhere. It doesn't matter."

"อ้อ ก็คงอยู่แถวนี้ ไม่สำคัญหรอก"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Success story.

เรื่องราวแห่งความสำเร็จครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(ปรบมือ)

I'll just wind up by saying

ผมอยากจะสรุปด้วยการบอกว่า

that I think you don't have to look for solutions outside.

ผมคิดว่าคุณไม่ต้องมองหาทางออกจากข้างนอก

Look for solutions within.

มองหาทางออกจากข้างในดีกว่า

And listen to people. They have the solutions in front of you.

และฟังเสียงคนที่มีทางออก อยู่ตรงหน้าคุณ

They're all over the world.

พวกเขาอยู่ทั่วโลก

Don't even worry.

อย่าเป็นห่วงแม้แต่น้อย

Don't listen to the World Bank, listen to the people on the ground.

อย่าฟังธนาคารโลก ฟังคนที่อยู่ที่นั่น

They have all the solutions in the world.

พวกเขามีทางออกทั้งหมดในโลก

I'll end with a quotation by Mahatma Gandhi.

ผมอยากจะจบด้วยวาทะของ มหาตมะ คานธี --

"First they ignore you,

"ขั้นแรกพวกเขาไม่แยแสคุณ

then they laugh at you,

จากนั้นพวกเขาก็หัวเราะเยาะคุณ

then they fight you,

จากนั้นพวกเขาก็ต่อสู้กับคุณ

and then you win."

จากนั้นคุณก็ชนะ"

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)