Why people believe weird things | Michael Shermer

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Unnawut Leepaisalsuwanna

I'm Michael Shermer, director of the Skeptics Society,

ผม ไมเคิล ชาร์เมอร์ ผู้อำนวยการ "สเคปติก โซไซตี้"

publisher of "Skeptic" magazine.

ผู้จัดพิมพ์นิตยสาร "สเคปติก" (Skeptic)

We investigate claims of the paranormal,

พวกเราสืบสวนข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับ สิ่งเหนือธรรมชาติ วิทยาศาสตร์เทียม

pseudo-science, fringe groups and cults, and claims of all kinds between,

กลุ่มแนวคิดทางเลือก ลัทธิ และข้อกล่าวอ้างทุกรูปแบบระหว่าง

science and pseudo-science and non-science and junk science,

วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เทียม สิ่งที่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ลวง

voodoo science, pathological science, bad science, non-science,

วิทยาศาสตร์วูดู อคติในกระบวนการวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์เท็จ

and plain old non-sense.

และพวกเรื่องลวงทั่วไป

And unless you've been on Mars recently,

เว้นแต่ว่าคุณเพิ่งไปเยี่ยมดาวอังคารมาเร็วๆนี้

you know there's a lot of that out there.

คุณก็จะทราบว่าเรื่องพวกนี้มีเต็มไปหมด

Some people call us debunkers, which is kind of a negative term.

บางคนเรียกพวกเราว่าพวกหักล้างความคิด ซึ่งค่อนข้างเป็นคำในแง่ลบ

But let's face it, there's a lot of bunk.

แต่ทำยังไงได้ ก็มันมีเรื่องไร้สาระเต็มไปหมด

We are like the bunko squads of the police departments out there --

และพวกเราก็เป็นเหมือนหน่วยปราบ เรื่องไร้สาระประจำกองตำรวจที่กรูกันออกมา

well, we're sort of like the Ralph Naders of bad ideas,

เอาเหอะ พวกเราคงเป็นเหมือน ราฟ นาเดอร์ (Ralph Naders) ต่อความคิดแย่ๆ

(Laughter)

(หัวเราะ)

trying to replace bad ideas with good ideas.

-- พยายามที่จะแทนที่ความคิดที่ไม่ดีด้วยความคิดที่ดี

I'll show you an example of a bad idea.

ผมจะยกตัวอย่างความคิดแย่ๆให้คุณดู

I brought this with me,

ผมเอานี่มาด้วย

this was given to us by NBC Dateline to test.

เราได้รับมอบมันมาจาก เอ็นบีซี เดต้าไลน์ เพื่อที่จะทดสอบ

It's produced by the Quadro Corporation of West Virginia.

มันถูกผลิตโดย เดอะ ควอโด โคเปอเรชั่น (the Quadro Corporation ) แห่ง เวส เวอร์จิเนีย

It's called the Quadro 2000 Dowser Rod.

มันเรียกว่า ควอโด 2000 แท่งดาวซิ่ง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

This was being sold to high-school administrators for $900 apiece.

มันถูกขายให้กับผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยม ในราคา 900 ดอลล่าร์ต่อเครื่อง

It's a piece of plastic with a Radio Shack antenna attached to it.

มันเป็นพลาสติกชิ้นนึง ที่มีเสาจากร้านเรดิโอแชคติดอยู่

You could dowse for all sorts of things,

คุณใช้มันสุ่มตรวจของได้สารพัดแต่เครื่องนี้

but this particular one was built to dowse for marijuana

ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ตรวจจับกัญชาในตู้ล๊อกเกอร์ของนักเรียน

in students' lockers.

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So the way it works is you go down the hallway,

วิธีการทำงานของมันคือ คุณเดินไปตามห้องโถงและถ้าคุณเห็นว่า

and you see if it tilts toward a particular locker,

มันเอียงไปหาล๊อคเกอร์อันไหน และคุณก็หยุดอยู่ตรงล๊อคเกอร์นั้น

and then you open the locker.

So it looks something like this.

มันจะเป็นอะไรประมาณนี้

I'll show you.

ผมจะทำให้ดูนะครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Well, it has kind of a right-leaning bias.

ไม่ มัน อืม มันเหมือนจะชอบเอียงไปทางขวา

นี่เป็นวิทยาศาสตร์ครับ ดังนั้น ผมจะทำการทดลองแบบควบคุม

Well, this is science, so we'll do a controlled experiment.

มันจะไปทางนี้แน่ๆ

It'll go this way for sure.

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Sir, do you want to empty your pockets, please, sir?

คุณครับ ขอตรวจกระเป๋าหน่อยครับคุณ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So the question was, can it actually find marijuana in students' lockers?

ฉะนั้น คำถามของเราก็คือ มันตรวจจับกัญชาในตู้ล๊อกเกอร์ได้อย่างแม่นยำหรือเปล่า

And the answer is, if you open enough of them, yes.

และคำตอบก็คือ ถ้าคุณค้นเยอะพอ ใช่ครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

But in science, we have to keep track of the misses, not just the hits.

แต่ ในวิทยาศาสตร์ เราต้องเก็บข้อมูลที่มันพลาดด้วย ไม่ใช่แค่ที่โดนเป้าอย่างเดียว

And that's probably the key lesson to my short talk here:

บางที บทเรียนหลักจากการบรรยายสั้นๆของผมนี่ ก็คือ

This is how psychics work, astrologers, tarot card readers and so on.

นี่คือวิธีทำงานของ คนทรง นักทำนาย หมอดูไพ่ และอื่นๆ

People remember the hits and forget the misses.

คนเราจำสิ่งที่มันโดนเป้าได้ แต่ลืมสิ่งที่มันพลาด

In science, we keep the whole database,

ในวิทยาศาสตร์เราต้องเก็บข้อมูลทั้งหมด

and look to see if the number of hits somehow stands out

และดูว่า จำนวนที่โดนเป้านั้น เด่นชัดออกมาหรือเปล่า

from the total number you'd expect by chance.

เมื่อเทียบกับจำนวนที่คิดว่าน่าจะได้จากการสุ่ม

In this case, we tested it.

ในกรณีนี้ เราทดสอบมัน

We had two opaque boxes:

เรามีกล่องขุ่นสองใบ

one with government-approved THC marijuana, and one with nothing.

กล่องนึงมีกัญชาประเภททีเอชซี ที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาล และอีกกล่องไม่มีอะไรเลย

And it got it 50 percent of the time --

มันสามารถชี้ถูกประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์

(Laughter)

ซึ่งมันก็เหมือนกันทุกประการ กับผลที่ได้จากการโยนเหรียญ

which is exactly what you'd expect with a coin-flip model.

So that's just a fun little example here of the sorts of things we do.

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆสนุกๆ ของงานในแบบที่เราทำ

"สเคปติก" ออกเป็นรายปักษ์

"Skeptic" is the quarterly publication. Each one has a particular theme.

แต่ละฉบับมีหัวข้อเรื่องต่างกันไป อันนี้เกี่ยวกับความฉลาดในอนาคต

This one is on the future of intelligence.

Are people getting smarter or dumber?

คนเรากำลังฉลาดมากขึ้น หรือกำลังโง่ลง

I have an opinion of this myself because of the business I'm in,

ผมมีความคิดเห็นส่วนตัว เพราะว่าธุรกิจที่ผมกำลังทำอยู่

but in fact, people, it turns out, are getting smarter.

แต่ที่จริงแล้ว คนเราฉลาดมากขึ้น

ค่าของไอคิวเพิ่มขึ้นสามคะแนนทุกๆสิบปี มันกำลังเพิ่มขึ้น

Three IQ points per 10 years, going up.

Sort of an interesting thing.

ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

With science, don't think of skepticism as a thing, or science as a thing.

ด้วยวิทยาศาสตร์ ผมไม่ได้คิดว่าความกังขา หรือแม้กระทั่งวิทยาศาสตร์ เป็นเหมือนสิ่งของ

Are science and religion compatible?

วิทยาศาสตร์กับศาสนาเข้ากันได้หรือเปล่า

It's like, are science and plumbing compatible?

มันเหมือนกับว่า วิทยาศาสตร์กับระบบท่อน้ำเข้ากันได้ไหม

They're just two different things.

พวกมัน มันเป็นของสองสิ่งที่ต่างกัน

Science is not a thing. It's a verb.

วิทยาศาสตร์ไม่ใช่สิ่งของ มันเป็นการกระทำ

It's a way of thinking about things.

มันเป็นแนวความคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ

It's a way of looking for natural explanations for all phenomena.

มันเป็นการมองหาคำอธิบายทางธรรมชาติ ต่อปรากฎการณ์ทุกอย่าง

I mean, what's more likely:

ผมหมายถึงว่า อะไรที่น่าจะเป็นมากกว่ากัน

that extraterrestrial intelligences or multi-dimensional beings

ระหว่างสิ่งมีชีวิตที่มีความเจริญจากนอกโลก หรือ สิ่งมีชีวิตจากที่อยู่ได้ในหลายมิติ

travel across vast distances of interstellar space

เดินทางข้ามอวกาศอันไกลโพ้น เพื่อที่จะมาทิ้งร่องรอย ครอป เซอร์เคิล

to leave a crop circle in Farmer Bob's field in Puckerbrush, Kansas

ในสวนของชาวนาชื่อบ๊อบ ที่รัฐแคนซัส เพื่อที่จะโฆษณา skeptic.com ให้เรา?

to promote skeptic.com, our web page?

Or is it more likely that a reader of "Skeptic" did this with Photoshop?

หรือว่า มันจะเป็นไปได้มากกว่าที่ คนอ่าน "สเคปติก" ทำขึ้นเองโดยใช้ โฟโต้ช๊อป

And in all cases we have to ask --

และไม่ว่ากรณีใด เราต้องถาม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

What's the more likely explanation?

ว่า อะไรที่น่าจะเป็นคำอธิบายที่ดีที่สุด

Before we say something is out of this world,

และก่อนที่เราจะบอกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่หลุดโลก

we should first make sure that it's not in this world.

เราควรจะมั่นใจซะก่อนว่ามันไม่ได้มาจากโลกนี้

What's more likely:

อะไรที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่ากัน

that Arnold had extraterrestrial help in his run for the governorship,

ระหว่าง อาร์โนล ได้รับความช่วยเหลือนิดหน่อยจากนอกโลก ในการหาเสียงเป็นนายกเทศมนตรี

or that the "World Weekly News" makes stuff up?

หรือว่า "เวิล์ด วีคลี่ นิวส์" กุเรื่องขึ้น

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

The same theme is expressed nicely here in this Sidney Harris cartoon.

และส่วนหนึ่งของมัน -- หัวเรื่องเดียวกันถูกนำเสนออย่างดี

ในการ์ตูน ซิดนี่ แฮริส

For those of you in the back, it says here: "Then a miracle occurs.

สำหรับพวกคุณที่นั่งข้างหลังๆนะครับ มันบอกว่า "แล้วปาฎิหารย์ก็เกิดขึ้น

I think you need to be more explicit here in step two."

ผมคิดว่าคุณต้องการ ความกระจ่างมากกว่านี้ ตรงขั้นที่สองนะ"

This single slide completely dismantles the intelligent design arguments.

สไลด์แผ่นเดียวนี้จะหักล้างเรื่องที่ว่า มีสิ่งทรงปัญญาสร้างโลก ได้อย่างสมบูรณ์

There's nothing more to it than that.

มันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

You can say a miracle occurs,

คุณสามารถบอกว่า มีปาฎิหารย์เกิดขึ้น

it's just that it doesn't explain anything or offer anything.

มันก็แค่นั้น มันไม่ได้อธิบายอะไรเลย

There's nothing to test.

มันไม่ได้ให้อะไร มันไม่มีอะไรที่จะต้องทำการทดสอบ

It's the end of the conversation for intelligent design creationists.

มันเป็นที่สิ้นสุดของการสนทนา สำหรับแนวคิดว่า มีสิ่งทรงปัญญาเป็นผู้สร้าง

And it's true, scientists sometimes throw terms out as linguistic place fillers --

ในขณะที่ ในความเป็นจริง นักวิทยาศาสตร์ใช้คำ

ที่ทำหน้าที่เหมือนคำเติมเต็ม -- พลังงานมืด หรือ สสารมืด หรืออะไรแนวๆนั้น --

dark energy or dark matter, something like that --

until we figure out what it is, we'll call it this.

จนกว่าเราจะเข้าใจว่ามันคืออะไร เราจะเรียกมันอย่างนั้นไปก่อน

It's the beginning of the causal chain for science.

มันเป็นจุดเริ่มต้นของสายลูกโซ่ของวิทยาศาสตร์

สำหรับแนวคิดผู้สร้างนั้น มันเป็นสุดทางของสาย

For intelligent design creationists, it's the end of the chain.

แต่แล้ว เราสามารถถามได้ว่า อะไรที่น่าจะเป็นไปได้

So again, we can ask this: what's more likely?

Are UFOs alien spaceships, or perceptual cognitive mistakes, or even fakes?

ยานยูเอฟโอ เป็นของเอเลียน หรือเป็นเรื่องตาฝาด หรือแม้กระทั่งการกุเรื่องขึ้นมา?

This is a UFO shot from my house in Altadena, California,

นี่คือยูเอฟโอ ที่ถ่ายได้จากบ้านผมใน อัลทาดีน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย

looking down over Pasadena.

มองลงมาเป็น พาซาดีน่า

And if it looks a lot like a Buick hubcap, it's because it is.

และถ้ามันดูคล้้ายกับฝาครอบล้อรถยนต์ ก็เพราะว่ามันคือฝาครอบรถยนต์

You don't even need Photoshop or high-tech equipment,

คุณไม่ต้องใช้โฟโต้ช๊อปด้วยซ้ำ คุณไม่ต้องใช้อุปกรณ์ล้ำสมัย

you don't need computers.

คุณไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์

This was shot with a throwaway Kodak Instamatic camera.

นี่เป็นภาพที่ถ่ายจากกล้องโกดักที่ถูกโยนทิ้ง

You just have somebody off on the side with a hubcap ready to go.

คุณแค่ให้ใครสักคนออกไปข้างๆ พร้อมกับฝาครอบล้อ

Camera's ready -- that's it.

แล้วถ่ายรูปมันมา -- แค่นั้นแหละ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So, although it's possible that most of these things are fake

ถึงแม้ว่ามันเป็นไปได้ว่า สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นของเทียม

or illusions or so on, and that some of them are real,

หรือว่าภาพลวงตา และบางอย่างก็เป็นของจริง

it's more likely that all of them are fake, like the crop circles.

มันน่าจะเป็นไปได้มากกว่าว่า พวกมันทั้งหมดเป็นของเก๊ เหมือนกับครอป เซอร์เคิล

On a more serious note, in all of science we're looking for a balance

พูดให้จริงจังก็คือ ในวิทยาศาสตร์ทุกชนิด เรากำลังมองหาจุดสมดุล

between data and theory.

ระหว่างข้อมูลและทฤษฎี

In the case of Galileo, he had two problems

ในกรณีของกาลิเลโอ เขามีสองปัญหา

when he turned his telescope to Saturn.

เมื่อเขาปรับกล้องส่องโทรทัศน์ไปยังดาวเสาร์

First of all, there was no theory of planetary rings.

สิ่งแรกเลยก็คือ ตอนนั้นไม่มีทฤษฎีดาวที่มีวงแหวน

Second of all, his data was grainy and fuzzy,

แล้วอย่างที่สองก็คือ ข้อมูลของเขานั้นหยาบและเลือนลาง

and he couldn't quite make out what he was looking at.

แล้วเขาก็ไม่ได้เข้าใจอะไรมาก ว่าสิ่งที่เขาดูมันคืออะไร

So he wrote that he had seen --

เขาเขียนถึงสิ่งที่เขาได้เห็น

"I have observed that the furthest planet has three bodies."

"ผมได้สำรวจว่าดาวเคราะห์ที่ไกลที่สุดมีสามรูปร่าง"

And this is what he ended up concluding that he saw.

และนั้นเป็นข้อสรุปของเขาจากที่เห็น

So without a theory of planetary rings and with only grainy data,

ฉะนั้น เมื่อไม่มีทฤษฎีเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่มีวงแหวน และมีข้อมูลนิดเดียว

you can't have a good theory.

เราไม่สามารถตั้งทฤษฎีดีๆได้

It wasn't solved until 1655.

และมันก็ไม่ได้รับการแก้ไขจนกระทั่งปี 1655

This is Christiaan Huygens's book that catalogs all the mistakes

นี่คือ หนังสือของ คริสเตียน ฮอยเก้น ที่เขารวบรวมข้อผิดพลาดต่างๆ

people made trying to figure out what was going on with Saturn.

ที่คนได้สร้างขึ้นเมื่อพยายามที่จะค้นหา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบนดาวเสาร์

It wasn't till Huygens had two things:

สิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น จนกระทั้ง ฮอยเก้นมีสองสิ่ง

He had a good theory of planetary rings and how the solar system operated,

เขามีทฤษฎีที่ดีเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่มีวงแหวน และการทำงานของระบบสุริยจักรวาล

and he had better telescopic, more fine-grain data

และจากนั้นเขาก็มีกล้องโทรทัศน์ที่ดีกว่า มีข้อมูลที่ละเอียดกว่า

in which he could figure out that as the Earth is going around faster --

ซึ่งเขาสามารถเข้าใจได้ว่า เมื่อโลกหมุนเร็วกว่าดาวเสาร์

according to Kepler's Laws -- than Saturn, then we catch up with it.

ตามกฎของแคปเลอร์ -- จนเราไล่มันทัน

And we see the angles of the rings at different angles, there.

และเราเห็นมุมต่างกันของวงแหวน

And that, in fact, turns out to be true.

และจากนั้น มันก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริง

The problem with having a theory is that it may be loaded with cognitive biases.

ปัญหาที่มีต่อทฤษฎีที่มีอยู่ก็คือ

ทฤษฎีของคุณ บางทีอาจเต็มไปด้วยความคิดที่เป็นอคติ

So one of the problems of explaining why people believe weird things

และปัญหาหนึ่งของการอธิบายว่า ทำไมคนเราเชื่อในสิ่งประหลาด

is that we have things, on a simple level,

ผมจะอธิบายสิ่งง่ายๆก่อน

and then I'll go to more serious ones.

จากนั้นค่อยอธิบายสิ่งที่ยากขึ้น

Like, we have a tendency to see faces.

เหมือนกับว่า เรามีแนวโนมที่จะเห็นหน้าต่างๆ

This is the face on Mars.

นี่คือหน้าบนดาวอังคาร

In 1976, where there was a whole movement to get NASA to photograph that area

ในปี 1976 มีความเคลื่อนไหวที่จะให้นาซ่า

ไปถ่ายภาพในบริเวณนั้น เพราะคนเชื่อว่า

because people thought this was monumental architecture made by Martians.

นี่เป็นสถาปัตยกรรมของชาวดาวอังคาร

Here's the close-up of it from 2001.

แต่มันกลายเป็นว่า-- นี่คือภาพระยะใกล้ ถ่ายเมื่อปี 2001

If you squint, you can still see the face.

ถ้าคุณหรี่ตาดูคุณจะเห็นว่ามันเป็นรูปหน้า

And when you're squinting,

แต่เมื่อคุณหรี่ตา สิ่งที่คุณทำก็คือ

you're turning that from fine-grain to coarse-grain,

คุณกำลังทำให้เม็ดทรายละเอียดกลายเป็นเม็ดทรายหยาบๆ

so you're reducing the quality of your data.

และคุณกำลังลดคุณภาพของข้อมูล

And if I didn't tell you what to look for, you'd still see the face,

และถ้าผมไม่ได้บอกคุณว่าให้มองอะไร คุณก็ยังจะเห็นมันเป็นหน้า

because we're programmed by evolution to see faces.

เพราะว่าเราถูกสร้างโดยวิวัฒนาการให้เห็นหน้า

Faces are important for us socially.

หน้าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราในทางสังคม

And of course, happy faces, faces of all kinds are easy to see.

และ แน่นอน หน้าที่มีความสุข

หน้าไม่ว่าจะเป็นแบบไหนสามารถมองเห็นได้โดยง่าย

You see the happy face on Mars, there.

(หัวเราะ)

คุณสามารถเห็นหน้ายิ้มๆบนดาวอังคาร

(Laughter)

If astronomers were frogs, perhaps they'd see Kermit the Frog.

ถ้ามนุษย์อวกาศเป็นกบ บางทีเขาอาจเห็นกบเคอร์มิท

Do you see him there? Little froggy legs.

เห็นเขาไหมครับ

Or if geologists were elephants?

มีขากบด้วย

หรือว่าถ้านักธรณีวิทยาเป็นช้าง

Religious iconography.

ภาพสัญลักษณ์ทางศาสนา

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Discovered by a Tennessee baker in 1996.

ค้นพบโดย คนอบขนมปัง ชาวเทนเนสซี่ ในปี 1996

He charged five bucks a head to come see the nun bun

เขาเรียกเก็บเงินห้าเหรียญต่อหัว สำหรับคนที่จะมาดูขนมปังรูปแม่ชี

till he got a cease-and-desist from Mother Teresa's lawyer.

จนกระทั่งเขาถูกฟ้องให้หยุดการกระทำนี้ โดยทนายของแม่ชีเทเรซ่า

Here's Our Lady of Guadalupe and Our Lady of Watsonville, just down the street,

นี่เป็นเลดี้ออฟกวาดาลูปี และเลดี้ออฟวัทสันวิล

or is it up the street from here?

ลง หรือ ขึ้นไปจากตรงนี้นะ

Tree bark is particularly good because it's nice and grainy, branchy,

เปลือกไม้ค่อนข้างที่จะเหมาะเพราะว่ามันหยาบๆมีกิ่งๆ

black-and-white splotchy and you can get the pattern-seeking --

เป็นขาวดำ กระดำกระด่าง และคุณก็สามารถมองหารูปแบบมันได้

humans are pattern-seeking animals.

มนุษย์เป็นสัตว์ที่มองหารูปแบบ

Here's the Virgin Mary on the side of a glass window in Sao Paulo.

นี่เป็นเวอร์จิน แมรี่ ที่ข้างกระจก ในซาน เปาโลว์

Here's when the Virgin Mary made her appearance on a cheese sandwich --

ทีนี้ นี่เป็นเวอร์จิน แม่รี่ บนแซนวิชชีส

ซึ่งผมได้ไปสัมผัสใน บ่อน ในลาส เวกััส

which I got to actually hold in a Las Vegas casino --

of course, this being America.

แน่นอน เป็นอเมริกันก็แบบนี้แหละ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

This casino paid $28,500 on eBay for the cheese sandwich.

คาสิโนแหน่งนี้ จ่ายเงิน 28,500 ดอลล่าร์บนอีเบย์ เพื่อชีสแซนวิชหนึ่งชิ้น

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But who does it really look like? The Virgin Mary?

แต่ใครกันที่เหมือนกับเวอร์จิน แมรี่จริงๆ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

It has that sort of puckered lips, 1940s-era look.

มันเห็นเป็นรูปมีปากบุ้ย ออกแนว 1940

Virgin Mary in Clearwater, Florida.

เวอร์จิน แม่รี่ ใน เคลียร์วอเตอร์ รัฐฟอริด้า

I actually went to see this one.

ผมอยากจะเห็นอันนี้จริงๆ

There was a lot of people there.

มีคนไปที่นั่นมากมาย คนที่ศัทธา

The faithful come in their wheelchairs and crutches, and so on.

นั่งรถเข็นไป ใช้ไม้พยุงก็มี

We went down and investigated.

และเราก็ลงไป สำรวจ

Just to give you a size, that's Dawkins, me and The Amazing Randi,

เพื่อจะให้คุณทราบขนาด นั่นดอว์กิ้นส์ ผม และแรนดี้

next to this two, two and a half story-sized image.

ถัดไปจากสองอันนี้ ขนาดมันราวๆตึกสองชั้น

All these candles, thousands of candles people had lit in tribute to this.

เทียนพวกนี้ มีเป็นพันๆเล่มที่คนจุดบูชา

So we walked around the backside, to see what was going on.

เราเดินอ้อมไปข้างหลัง เพื่อที่จะดูว่ามันมีอะไร

It turns out wherever there's a sprinkler head and a palm tree,

ปรากฎว่า ที่ไหนก็ตามที่มีหัวพ่นน้ำและต้นปาล์ม

you get the effect.

คุณจะได้ผลดังนี้

Here's the Virgin Mary on the backside, which they started to wipe off.

นั่นเป็นเวอร์จิน แมรี่ ที่ด้านหลัง ซึ่งเริ่มๆที่จะถูกลบ

I guess you can only have one miracle per building.

ผมคาดว่าคุณสามารถมีได้แค่ปาฎิหารเดียวต่อตึก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So is it really a miracle of Mary, or is it a miracle of Marge?

แล้วนี่มันเป็นปาฎิหารจริงๆจากแมรี่ หรือว่าเป็นปาฎิหารจากมาร์จ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And now I'm going to finish up with another example of this,

และเมื่อผมจะจบการบรรยายด้วยตัวอย่างอีกอัน

with auditory illusions.

เกี่ยวกับ มายาทางเสียง

There's this film, "White Noise," with Michael Keaton,

มีหนังเรื่องที่ชื่อ "White Noise"

ที่มี ไมเคิล คีย์ตัน แสดงเกี่ยวกับคนตายพูดโต้ตอบเรา

about the dead talking back to us.

By the way, the whole business of talking to the dead is not that big a deal.

จะว่าไป เรื่องพูดกับคนตายไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ

ใครๆทำก็ได้

Anybody can do it, turns out.

It's getting the dead to talk back that's the really hard part.

แต่จะให้คนตายพูดตอบ มันยากก็ตรงนี้แหละ

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

ในกรณีนี้ ข้อความพวกนี้ถูกซ่อนอยู่ ในปรากฎการณ์อิเล็กทรอนิก

In this case, supposedly, these messages are hidden in electronic phenomena.

There's a ReverseSpeech.com web page where I downloaded this stuff.

มีเวปไซท์ชื่อว่า ReverseSpeech.com ซึ่งผมดาวโหลดคลิปพวกนี้มา

This is the most famous one of all of these.

นี่เป็นเพลงแบบปกติ เป็นเพลงที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุด

Here's the forward version of the very famous song.

นี่เป็นแบบปกติที่หมุนไปข้างหน้า ของเพลงยอดนิยม (เสียงดนตรี)

(Music with lyrics)

If there's a bustle in your hedgerow don't be alarmed now.

It's just a spring clean for the May Queen.

Yes, there are two paths you can go by, but in the long run,

There's still time to change the road you're on.

(Music ends)

Couldn't you just listen to that all day?

โอ้ ฟังได้ทั้งวันเลยเนอะ

(เสียงหัวเราะ)

All right, here it is backwards,

เอาหล่ะ ทีนี้ลองมาฟังถอยหลัง

and see if you can hear the hidden messages that are supposedly in there.

คุณลองสังเกตว่าคุณได้ยินอะไรนะครับ (เสียงดนตรี)

(Music with unintelligible lyrics)

(Lyrics) Satan!

(Unintelligible lyrics continue)

What did you get? Audience: Satan!

ได้ยินอะไรครับ

Satan. OK, at least we got "Satan".

คนดู: "ซาตาน"

Now, I'll prime the auditory part of your brain

ไมเคิล : "ซานตาน" ใช่ไหมครับ โอเค อย่างน้อยคุณได้ยินคำว่า ซาตาน

to tell you what you're supposed to hear, and then hear it again.

ทีนี้ ผมจะเตี้ยมกับสมองส่วนใช้ในการฟังของคุณ

ผมจะบอกว่า คุณควรได้ยินอะไร ทีนี้ ฟังซ้ำนะครับ (เสียงดนตรี)

(Music with lyrics)

(Music ends)

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

You can't miss it when I tell you what's there.

คุณไม่พลาดแน่ถ้าผมบอกก่อนว่ามันมีอะไรบ้าง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I'm going to just end with a positive, nice little story.

เอาหล่ะครับ ผมจะขอจบการบรรยายด้วยเรื่องน่ารักๆ

เกี่ยวกับ -- เดอะ สเคปติกส์ ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อการศึกษา ไม่แสวงหาผลกำไร

The Skeptics is a nonprofit educational organization.

We're always looking for little good things that people do.

เรามองหาสิ่งเล็กๆน้อยๆ สิ่งดีๆที่คนทำเสมอๆ

And in England, there's a pop singer.

และในอังกฤษ ก็มีนักร้องคนนีง

One of the top popular singers in England today, Katie Melua.

เป็นนักร้องเพลงป๊อปที่ดังมากคนนีงที่อังกฤษ ชื่อว่า เคธี่ เมอลัว

And she wrote a beautiful song.

เธอแต่งเพลงเพราะเพลงนึง

It was in the top five in 2005, called, "Nine Million Bicycles in Beijing."

ติดอันดับห้าเพลงสุดฮิทในปี 2005 เพลงชื่อ "Nine Million Bicycles in Beijing"

It's a love story -- she's sort of the Norah Jones of the UK --

มันเป็นเรื่องราวความรัก -- เธอเป็นเหมือน นอราห์ โจนส์ แห่งอังกฤษ

about how she much loves her guy,

เป็นเรื่องบรรยายว่าเธอรักหนุ่มคนนึงมาก

and compared to nine million bicycles, and so forth.

และเปรียบเปรยกับจักรยานเก้าล้านคัน อะไรแนวนั้น

And she has this one passage here.

และเธอก็แต่งท่อนนึงว่า

(Music)

(Lyrics) We are 12 billion light-years from the edge

เราห่างจากขอบจักรวาล 12 พันล้านปีแสง

คงจะทำนองนั้น

That's a guess,

No one can ever say it's true,

ไม่มีใครบอกได้หรอกว่ามันจริง

But I know that I will always be with you.

แต่ฉันรู้ว่าฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป

อืม เพราะเชียว

Michael Shermer: Well, that's nice. At least she got it close.

อย่างน้อยเธอบอกได้ใกล้เคียงครับ

In America it'd be, "We're 6,000 light years from the edge."

ถ้าเป็นในอเมริกา มันคงกลายเป็น "เราห่างจากขอบจักรวาล 6,000 ปีแสง" ไปละ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But my friend, Simon Singh, the particle physicist now turned science educator,

แต่เพื่อนของผม ไซม่อน ซิง ซึ่งเป็นนักฟิสิกส์อนุภาค ตอนนี้ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา

who wrote the book "The Big Bang," and so on,

เขาเขียนหนังสือ "เดอะ บิ๊ก แบง"

uses every chance he gets to promote good science.

เขาใช้ทุกโอกาสที่มี พยายามที่จะส่งเสริมวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง

And so he wrote an op-ed piece in "The Guardian" about Katie's song,

และ เขาเขียนคอลั่ม ออพ-เอ็ด ในหนังสือพิมพ์ "เดอะ การ์เดียน" เกี่ยวกับเพลงของเคธี่ ว่า

in which he said, well, we know exactly how far from the edge.

อืม จริงๆเรารู้ว่าเราห่างจากขอบจักรวาลแค่ไหน

You know, it's 13.7 billion light years, and it's not a guess.

มันมีค่าประมาณ 13.7 พันล้านปีแสง ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเดาเลย

We know within precise error bars how close it is.

เมื่อดูช่วงกว้างของความผิดพลาดแล้ว มันเป็นค่าที่ใกล้เคียงมาก

So we can say, although not absolutely true, it's pretty close to being true.

และเราสามารถบอกได้ว่า ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตรงเป๊ะๆ มันก็น่าจะใกล้เคียงมากกับความเป็นจริง

And, to his credit, Katie called him up after this op-ed piece came out, and said,

และเคธี่ ก็โทรหาเขาหลังจากงานเขียนชิ้นนี้ตีพิมพ์ออกมา

และพูดว่า "ฉันอายมากๆเลย

"I'm so embarrassed. I was in the astronomy club.

ฉันเป็นสมาชิกสมาคมดาราศาสตร์ ฉันน่าจะรู้ดีกว่านี้"

I should've known better."

And she re-cut the song.

และเธอก็ทำเพลงออกมาใหม่

So I will end with the new version.

และผมจะจบการบรรยายด้วย เวอร์ชั่นนี้ครับ

(Music with lyrics)

จากการสำรวจพวกเราห่างจากของจักรวาล

We are 13.7 billion light years

from the edge of the observable universe.

13.7 พันล้านปีแสง

มันเป็นค่าประมาณที่รับรองโดยค่าความผิดพลาดต่ำ

That's a good estimate with well-defined error bars.

และข้อมูลที่มี

And with the available information,

ฉันคาดว่าฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป

I predict that I will always be with you.

(Laughter)

(เสียงปรบมือ)

How cool is that?

เจ๋งไหมครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)