My Daughter, Malala | Ziauddin Yousafzai | TED Talks

Translator: Kwn Siri Reviewer: Tisa Tontiwatkul

In many patriarchal societies and tribal societies,

ในสังคมที่ชายเป็นใหญ่ และในชนพื้นเมืองต่างๆ

fathers are usually known by their sons,

ลูกชายมักเป็นผู้นำชื่อเสียงมาสู่บิดา

but I'm one of the few fathers

แต่ผมเป็นหนึ่งในพ่อไม่กี่คน

who is known by his daughter,

ที่เป็นที่รู้จักเพราะลูกสาว

and I am proud of it.

และผมก็ภาคภูมิใจ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Malala started her campaign for education

มาลาลาเริ่มโครงการรณรงค์เพื่อการศึกษา

and stood for her rights in 2007,

และยืนหยัดเพื่อสิทธิของเธอ ในปี 2007

and when her efforts were honored in 2011,

และเมื่อความพยายามของเธอ ได้รับการยกย่องในปี 2011

and she was given the national youth peace prize,

เธอได้รับรางวัลเยาวชนเพื่อสันติภาพแห่งชาติ

and she became a very famous,

แล้วเธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

very popular young girl of her country.

เป็นสาวน้อยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศ

Before that, she was my daughter,

ก่อนหน้านั้น เธอมีฐานะเป็นลูกสาวของผม

but now I am her father.

แต่ตอนนี้ผมมีฐานะเป็นพ่อของเธอ

Ladies and gentlemen,

ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี

if we glance to human history,

ถ้าเรามองเข้าไปในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ

the story of women

เรื่องราวของผู้หญิง

is the story of injustice,

เป็นเรื่องราวของความอยุติธรรม

inequality,

ความไม่เท่าเทียม

violence and exploitation.

ความรุนแรง และการถูกใช้ตักตวงผลประโยชน์

You see,

คุณจะเห็นว่า

in patriarchal societies,

ในสังคมปิตาธิปไตย

right from the very beginning,

ตั้งแต่แรกเริ่มเลยทีเดียว

when a girl is born,

เมื่อเด็กผู้หญิงเกิดมา

her birth is not celebrated.

ไม่มีการเฉลิมฉลองแด่การกำเนิดของเธอ

She is not welcomed,

ไม่มีใครยินดีต้อนรับเธอ

neither by father nor by mother.

ไม่ว่าจะพ่อหรือแม่

The neighborhood comes

เพื่อนบ้านจะมา

and commiserates with the mother,

แสดงความเวทนาต่อผู้เป็นแม่

and nobody congratulates the father.

และไม่มีใครแสดงความยินดีต่อผู้เป็นพ่อ

And a mother is very uncomfortable

และแม่เด็กจะรู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

for having a girl child.

ที่มีลูกผู้หญิง

When she gives birth to the first girl child,

เมื่อเธอให้กำเนิดลูกคนแรกเป็นหญิง

first daughter, she is sad.

ลูกคนแรกเป็นลูกสาว เธอจะเศร้าใจ

When she gives birth to the second daughter,

เมื่อเธอมีลูกคนที่สองเป็นลูกสาว

she is shocked,

เธอจะหวาดผวา

and in the expectation of a son,

และด้วยความคาดหวังที่จะมีลูกชาย

when she gives birth to a third daughter,

เมื่อเธอให้กำเนิดลูกสาวคนที่สาม

she feels guilty like a criminal.

เธอจะรู้สึกผิดเหมือนเป็นอาชญากร

Not only the mother suffers,

ไม่เพียงแค่แม่เด็กที่ต้องทุกข์ระทม

but the daughter, the newly born daughter,

แต่ลูกสาว ลูกสาวที่เพิ่งเกิดใหม่

when she grows old,

เมื่อเธอเติบโตขึ้น

she suffers too.

เธอจะต้องตรอมใจเช่นกัน

At the age of five,

เมื่อเธออายุได้ห้าขวบ

while she should be going to school,

ช่วงที่เธอควรจะได้ไปโรงเรียน

she stays at home

เธอต้องอยู่กับบ้าน

and her brothers are admitted in a school.

ขณะที่พี่ชายน้องชายของเธอได้เข้าโรงเรียน

Until the age of 12, somehow,

จนกระทั่งเธออายุ 12 ปี แม้ว่า

she has a good life.

เธอจะได้มีชีวิตที่ดี

She can have fun.

เธอจะได้สนุกสนาน

She can play with her friends in the streets,

เธอสามารถออกไปเล่นกับเพื่อนตามถนนหนทาง

and she can move around in the streets

และเธอสามารถโบยบินไปตามท้องถนน

like a butterfly.

ดั่งผีเสื้อ

But when she enters her teens,

แต่เมื่อเธอย่างเข้าช่วงวัยรุ่น

when she becomes 13 years old,

เมื่อเธออายุ 13 ปี

she is forbidden to go out of her home

เธอจะถูกห้ามไม่ให้ออกจากบ้าน

without a male escort.

หากไม่มีญาติผู้ชายเป็นผู้ติดตาม

She is confined under the four walls of her home.

เธอถูกกักตัวไว้ภายในกำแพงสี่ด้านของบ้าน

She is no more a free individual.

หมดสิ้นเสรีของปัจเจก

She becomes the so-called honor

เธอกลายเป็นสิ่งที่ถูกเรียกว่า "เกียรติยศ"

of her father and of her brothers

ของพ่อ ของพี่น้องผู้ชาย

and of her family,

และของครอบครัวเธอ

and if she transgresses

และหากเธอละเมิด

the code of that so-called honor,

หลักเกณฑ์ของสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศนั้น

she could even be killed.

เธออาจถูกฆ่า

And it is also interesting that this so-called

และมันยังน่าสนใจในสิ่งที่เรียกว่า

code of honor,

กฎเกณฑ์ของเกียรติยศ

it does not only affect the life of a girl,

ไม่ได้ส่งผลต่อผู้หญิงเพียงอย่างเดียว

it also affects the life

ยังส่งผลต่อชีวิต

of the male members of the family.

ของสมาชิกผู้ชายในครอบครัว

I know a family of seven sisters and one brother,

ผมรู้จักครอบครัวหนึ่งซึ่งมีลูกสาวเจ็ดคน และมีลูกชายหนึ่งคน

and that one brother,

และลูกชายคนนั้น

he has migrated to the Gulf countries,

ต้องย้ายไปอยู่ที่รัฐรอบอ่าวเปอร์เซีย

to earn a living for his seven sisters

เพื่อหาเลี้ยงพี่สาวน้องสาวทั้งเจ็ด

and parents,

และพ่อแม่

because he thinks that it will be humiliating

เพราะเขาคิดว่ามันน่าอับอาย

if his seven sisters learn a skill

หากพี่สาวน้องสาวทั้งเจ็ดของเขาจะต้องฝึกทักษะ

and they go out of the home

และออกจากบ้าน

and earn some livelihood.

ไปหาเลี้ยงชีพ

So this brother,

ดังนั้นชายคนนี้

he sacrifices the joys of his life

จึงต้องสละความสำราญในชีวิตของเขา

and the happiness of his sisters

และความสุขในชีวิตพี่สาวน้องสาวของเขา

at the altar of so-called honor.

ณ แท่นบูชาของสิ่งที่เรียกว่าเกียรติยศ

And there is one more norm

และยังมีอีกอย่างที่เป็นบรรทัดฐาน

of the patriarchal societies

ในสังคมชายเป็นใหญ่

that is called obedience.

นั่นคือการอยู่ในโอวาท

A good girl is supposed to be

ผู้หญิงที่ดีจะต้อง

very quiet, very humble

สงบปากสงบคำ อ่อนน้อมถ่อมตน

and very submissive.

และว่าง่ายสุดๆ

It is the criteria.

นี่เป็นหลักเกณฑ์

The role model good girl should be very quiet.

แบบอย่างของผู้หญิงที่ดีควรจะต้องสงบปากสงบคำ

She is supposed to be silent

จะต้องเงียบไว้

and she is supposed to accept the decisions

และต้องยอมรับการตัดสินใจ

of her father and mother

ของพ่อ ของแม่

and the decisions of elders,

และของผู้ใหญ่

even if she does not like them.

แม้ว่าจริงๆ แล้ว เธอจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

If she is married to a man she doesn't like

ถ้าเธอต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่ได้ชอบพอ

or if she is married to an old man,

หรือต้องแต่งงานกับชายแก่

she has to accept,

เธอก็ต้องยอมรับ

because she does not want to be dubbed

เพราะเธอไม่ต้องการถูกตราหน้าว่า

as disobedient.

ไม่อยู่ในโอวาท

If she is married very early,

ถ้าเธอต้องแต่งงานตอนยังเด็กมาก

she has to accept.

เธอก็ต้องยอม

Otherwise, she will be called disobedient.

ไม่อย่างนั้นเธอจะถูกตราหน้าว่าไม่อยู่ในโอวาท

And what happens at the end?

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นในตอนสุดท้าย

In the words of a poetess,

ในโลกของหญิงสาว

she is wedded, bedded,

เธอแต่งงาน ร่วมหลับนอน

and then she gives birth to more sons and daughters.

แล้วก็ให้กำเนิดลูกชายลูกสาว

And it is the irony of the situation

และนี่เป็นเหตุการณ์ตลกร้าย

that this mother,

ที่แม่คนนี้

she teaches the same lesson of obedience

ก็จะสั่งสอนเรื่องการอยู่ในโอวาท

to her daughter

ให้กับลูกสาว

and the same lesson of honor to her sons.

และสั่งสอนเรื่องเกียรติยศให้แก่ลูกชาย

And this vicious cycle goes on, goes on.

และวงจรอุบาทว์นี้ก็เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

Ladies and gentlemen,

ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี

this plight of millions of women

ชะตาของหญิงสาวนับล้านคน

could be changed

สามารถเปลี่ยนแปลงได้

if we think differently,

หากเราคิดให้ต่างออกไป

if women and men think differently,

หากผู้หญิงและผู้ชายคิดต่างไปจากเดิม

if men and women in the tribal and patriarchal societies

ถ้าชายและหญิงในชนพื้นเมือง และในสังคมปิตาธิปไตย

in the developing countries,

ในประเทศกำลังพัฒนา

if they can break a few norms

หากพวกเขาสามารถยกเลิกบรรทัดฐานบางอย่าง

of family and society,

ของครอบครัวและสังคม

if they can abolish the discriminatory laws

หากพวกเขาสามารถล้มล้างกฏหมาย ซึ่งสร้างความไม่เท่าเทียม

of the systems in their states,

ในระบบของบ้านเมืองของเขา

which go against the basic human rights

ซึ่งขัดแย้งกับหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

of the women.

ของผู้หญิง

Dear brothers and sisters, when Malala was born,

พี่น้องชายหญิงที่รัก เมื่อตอนมาลาลาเกิด

and for the first time,

และนั่นเป็นครั้งแรก

believe me,

เชื่อผมเถอะ

I don't like newborn children, to be honest,

ผมไม่ชอบเด็กอ่อนเลยจริงๆ สาบานได้

but when I went and I looked into her eyes,

แต่เมื่อผมมองเข้าไปในดวงตาของเธอ

believe me,

เชื่อผมมั้ย

I got extremely honored.

ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างที่สุด

And long before she was born,

และเป็นเวลานานก่อนที่เธอจะเกิด

I thought about her name,

ผมคิดเรื่องตั้งชื่อเธอ

and I was fascinated with a heroic

แล้วผมก็หลงใหลในเรื่องของวีรสตรีคนหนึ่ง

legendary freedom fighter in Afghanistan.

ผู้เป็นนักต่อสู้เพื่อเสรีภาพในตำนานของอัฟกานิสถาน

Her name was Malalai of Maiwand,

ชื่อของเธอคือ มาลาลี (Malalai) แห่ง มาไลวันด์ (Maiwand)

and I named my daughter after her.

ผมตั้งชื่อลูกสาวของผมตามชื่อของเธอ

A few days after Malala was born,

ไม่กี่วันหลังจากที่มาลาลาเกิด

my daughter was born,

ลูกสาวของผมเกิด

my cousin came --

ญาติของผมมาหา

and it was a coincidence --

มันบังเอิญพอดี

he came to my home

เขามาที่บ้านของผม

and he brought a family tree,

และเอาแผนผังครอบครัวมาด้วย

a family tree of the Yousafzai family,

แผนผังตระกูลยูซาฟไซ (Yousafzai)

and when I looked at the family tree,

เมื่อผมดูแผนผังครอบครัวของผม

it traced back to 300 years of our ancestors.

มันโยงย้อนกลับไปถึง 300 ปี ของประวัติบรรพบุรุษของเรา

But when I looked, all were men,

แต่เมื่อผมมองไป ก็เห็นแต่ชื่อของผู้ชาย

and I picked my pen,

แล้วผมก็หยิบปากกา

drew a line from my name,

ขีดเส้นจากชื่อของผม

and wrote, "Malala."

แล้วเขียนชื่อ "มาลาลา"

And when she grow old,

และเมื่อเธอโตขึ้น

when she was four and a half years old,

เมื่อเธออายุได้สี่ขวบครึ่ง

I admitted her in my school.

ผมก็รับเธอเข้าเรียนในโรงเรียนของผม

You will be asking, then, why should I mention about

คุณคงจะถามว่า แล้วไง? ทำไมผมต้องพูดถึง

the admission of a girl in a school?

เรื่องการรับเด็กผู้หญิงเข้าเรียนในโรงเรียน

Yes, I must mention it.

ครับ ผมต้องกล่าวถึงมัน

It may be taken for granted in Canada,

มันอาจเป็นเรื่องธรรมดาในแคนาดา

in America, in many developed countries,

ในอเมริกา ในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้ว

but in poor countries,

แต่ในประเทศยากจน

in patriarchal societies, in tribal societies,

ในสังคมแบบปิตาธิปไตย ในสังคมชนพื้นเมือง

it's a big event for the life of girl.

นี่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตของเด็กผู้หญิง

Enrollment in a school means

การลงทะเบียนเป็นนักเรียนในโรงเรียนหมายถึง

recognition of her identity and her name.

การได้รู้จักอัตลักษณ์และชื่อของเธอ

Admission in a school means

การเข้าโรงเรียนหมายถึง

that she has entered the world of dreams

เธอเข้าสู่โลกแห่งความฝัน

and aspirations

และความมุ่งมาดปรารถนา

where she can explore her potentials

ที่ที่เธอสามารถจะค้นพบศักยภาพของเธอ

for her future life.

เพื่ออนาคตของชีวิตเธอ

I have five sisters,

ผมมีพี่น้องผู้หญิงห้าคน

and none of them could go to school,

และไม่มีสักคนที่ได้เข้าโรงเรียน

and you will be astonished,

และคุณคงจะประหลาดใจ

two weeks before,

สองอาทิตย์ก่อนหน้านี้

when I was filling out the Canadian visa form,

ตอนผมกำลังกรอกเอกสารวีซ่าแคนาดา

and I was filling out the family part of the form,

และตอนผมกำลังกรอกส่วนเรื่องครอบครัว

I could not recall

ผมไม่สามารถนึก

the surnames of some of my sisters.

นามสกุลของพี่น้องบางคนออกได้

And the reason was

และเหตุผลก็คือ

that I have never, never seen the names

ผมไม่เคย ไม่เคยเลย ที่จะเห็นชื่อ

of my sisters written on any document.

ของพี่น้องผมในเอกสารใดๆ

That was the reason that

นั่นเป็นเหตุผลที่

I valued my daughter.

ผมให้คุณค่ากับลูกสาวของผม

What my father could not give to my sisters

สิ่งที่พ่อของผมไม่สามารถให้แก่พี่น้องของผมได้

and to his daughters,

ไม่สามารถให้กับลูกสาวของเขาได้

I thought I must change it.

ผมคิดว่าผมจะต้องเปลี่ยนแปลงมัน

I used to appreciate the intelligence

ผมชื่นชมในความฉลาด

and the brilliance of my daughter.

และความสามารถของลูกสาวผม

I encouraged her to sit with me

ผมให้เธอนั่งอยู่กับผม

when my friends used to come.

เมื่อเพื่อนของผมมาเยี่ยมเยือน

I encouraged her to go with me to different meetings.

ผมพาเธอไปออกงานตามที่ต่างๆ

And all these good values,

สิ่งที่ผมทำนั้นคุ้มค่า

I tried to inculcate in her personality.

ผมพยายามที่จะเสริมสร้างบุคลิกภาพของเธอ

And this was not only she, only Malala.

และไม่ใช่เฉพาะแต่กับมาลาลาเท่านั้น

I imparted all these good values

ผมยังสั่งสอนสิ่งที่มีคุณค่าเหล่านี้

to my school, girl students and boy students as well.

ในโรงเรียนของผม ให้กับนักเรียนทั้งหญิงและชายเช่นกัน

I used education for emancipation.

ผมใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือปลดปล่อย

I taught my girls,

ผมสอนเด็กสาว

I taught my girl students,

ผมสอนนักเรียนหญิงของผม

to unlearn the lesson of obedience.

ให้ลืมบทเรียนของการอยู่ในโอวาท

I taught my boy students

ผมสอนลูกศิษย์ผู้ชาย

to unlearn the lesson of so-called pseudo-honor.

ให้ลืมบทเรียนของไอ้ที่เรียกว่า เกียรติยศจอมปลอมนั่น

Dear brothers and sisters,

พี่น้องที่รัก

we were striving for more rights for women,

เรามุ่งมั่นฝ่าฟันเพื่อสิทธิของผู้หญิง

and we were struggling to have more,

และเราดิ้นรนเพื่อที่จะให้มี

more and more space for the women in society.

พื้นที่ของผู้หญิงในสังคมเพิ่มมากขึ้น

But we came across a new phenomenon.

แต่เราก็ได้พบกับอุบัติการณ์ใหม่

It was lethal to human rights

ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสิทธิมนุษยชน

and particularly to women's rights.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิสตรี

It was called Talibanization.

มันเรียกว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มตาลีบัน (Talibanization)

It means a complete negation

มันหมายถึงการปฏิเสธบทบาท

of women's participation

การมีส่วนร่วมของผู้หญิงโดยสิ้นเชิง

in all political, economical and social activities.

ในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และกิจกรรมทางสังคม

Hundreds of schools were lost.

โรงเรียนหลายร้อยโรงถูกทำลาย

Girls were prohibited from going to school.

เด็กผู้หญิงถูกห้ามไม่ให้ไปโรงเรียน

Women were forced to wear veils

ผู้หญิงถูกบังคับให้ใส่ผ้าคลุมหน้า

and they were stopped from going to the markets.

และถูกห้ามไม่ให้ออกไปตลาด

Musicians were silenced,

นักดนตรีถูกห้ามไม่ให้บรรเลงเพลง

girls were flogged

เด็กผู้หญิงถูกเฆี่ยนตี

and singers were killed.

และนักร้องถูกสังหาร

Millions were suffering,

ผู้คนนับล้านต้องทนทุกข์

but few spoke,

แต่มีคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ไม่ทนเงียบเฉย

and it was the most scary thing

และมันเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด

when you have all around such people

เมื่อผู้คนที่อยู่รายรอบตัวคุณ

who kill and who flog,

เป็นคนที่ฆ่าและทำร้าย

and you speak for your rights.

แต่คุณยังประกาศสิทธิของตน

It's really the most scary thing.

มันช่างเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุดจริงๆ

At the age of 10,

เมื่ออายุได้ 10 ขวบ

Malala stood, and she stood for the right

มาลาลายืนหยัด และเธอยืนหยัดเพื่อสิทธิ

of education.

ในการศึกษา

She wrote a diary for the BBC blog,

เธอเขียนไดอารี่ให้กับบล๊อกของ บีบีซี (BCC)

she volunteered herself

เธออาสาตัวเอง

for the New York Times documentaries,

ให้กับการถ่ายทำสารคดีของ นิวยอร์ค ไทม์ (New York Times)

and she spoke from every platform she could.

และป่าวประกาศไปในทุกทางที่เธอจะสามารถ

And her voice was the most powerful voice.

และเสียงของเธอเป็นเสียงที่ทรงพลังมากที่สุด

It spread like a crescendo all around the world.

มันแพร่กระจายและดังขึ้นเรื่อยๆ ไปทั่วโลก

And that was the reason the Taliban

และนั่นเป็นเหตุผลที่พวกตาลีบัน

could not tolerate her campaign,

ไม่สามารถทนต่อโครงการของเธอได้

and on October 9 2012,

และในวันที่ 9 ตุลาคม 2012

she was shot in the head at point blank range.

เธอถูกยิงเข้าที่ศีรษะในระยะประชิด

It was a doomsday for my family and for me.

มันเป็นวันโลกาวินาศ สำหรับครอบครัวของผมและตัวผม

The world turned into a big black hole.

โลกกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่

While my daughter was

ในขณะที่ลูกสาวของผม

on the verge of life and death,

อยู่ที่ทางแยกระหว่างความเป็นกับความตาย

I whispered into the ears of my wife,

ผมกระซิบที่ข้างหูของภรรยาว่า

"Should I be blamed for what happened

นี่เป็นความผิดของผมหรือเปล่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น

to my daughter and your daughter?"

กับลูกสาวของผมและลูกสาวของคุณ?

And she abruptly told me,

เธอพูดขึ้นมาทันทีว่า

"Please don't blame yourself.

โปรดอย่าโทษตัวเองเลย

You stood for the right cause.

คุณยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง

You put your life at stake

คุณเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน

for the cause of truth,

ในการต่อสู้เพื่อความจริง

for the cause of peace,

ต่อสู้เพื่อสันติภาพ

and for the cause of education,

ต่อสู้เพื่อการศึกษา

and your daughter in inspired from you

และลูกสาวของเราได้แรงบันดาลใจจากคุณ

and she joined you.

เธอจึงเข้าร่วมทางเดินเดียวกับคุณ

You both were on the right path

คุณทั้งคู่อยู่บนทางที่ถูกต้อง

and God will protect her."

และพระเจ้าจะคุ้มครองเธอ

These few words meant a lot to me,

คำไม่กี่คำเหล่านี้มีความหมายมากมายสำหรับผม

and I didn't ask this question again.

และผมก็ไม่เคยถามคำถามนี้อีกเลย

When Malala was in the hospital,

เมื่อตอนที่มาลาลาอยู่ในโรงพยาบาล

and she was going through the severe pains

เธอได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส

and she had had severe headaches

เธอปวดหัวอย่างหนัก

because her facial nerve was cut down,

เพราะเส้นประสาทใบหน้าของเธอขาด

I used to see a dark shadow

ผมเห็นเงามืด

spreading on the face of my wife.

ฉายทาบบนหน้าของภรรยาผม

But my daughter never complained.

แต่ลูกสาวของผมไม่เคยบ่น

She used to tell us,

เธอบอกพวกเราว่า

"I'm fine with my crooked smile

หนูสบายดี แค่ยิ้มได้เบี้ยว

and with my numbness in my face.

และรู้สึกชาบนใบหน้า

I'll be okay. Please don't worry."

หนูจะไม่เป็นไร อย่ากังวลเลย

She was a solace for us,

เธอเป็นสิ่งประโลมใจของเรา

and she consoled us.

เธอปลอบโยนเราให้สบายใจ

Dear brothers and sisters,

พี่น้องที่รัก

we learned from her how to be resilient

เราเรียนรู้จากเธอว่าจะกลับสู่ภาวะปกติอย่างไร

in the most difficult times,

ในเวลาที่ยากลำบากที่สุด

and I'm glad to share with you

และผมยินดีที่จะแบ่งปันกับพวกคุณ

that despite being an icon

ว่าแม้ว่าเธอจะเป็นบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์

for the rights of children and women,

ของสิทธิเด็กและสตรี

she is like any 16-year old girl.

เธอก็เป็นเหมือนเด็กสาวอายุสิบหกคนอื่นๆ

She cries when her homework is incomplete.

เธอร้องไห้เมื่อทำการบ้านไม่เสร็จ

She quarrels with her brothers,

เธอตีกันกับพี่น้องผู้ชาย

and I am very happy for that.

แต่ผมก็มีความสุขมาก

People ask me,

คนมากมายถามผมว่า

what special is in my mentorship

มีอะไรพิเศษในการเลี้ยงดูของผม

which has made Malala so bold

ที่ทำให้มาลาลาพร้อมที่จะต่อสู้

and so courageous and so vocal and poised?

มีความกล้าหาญ กล้าที่จะแสดงความเห็น และมีสติ

I tell them, don't ask me what I did.

ผมตอบพวกเขาว่า อย่าถามเลยว่าผมทำอะไร

Ask me what I did not do.

ถามสิว่าผมไม่ได้ทำอะไร

I did not clip her wings, and that's all.

ผมแค่ไม่ได้ตัดปีกของเธอออก ก็แค่นั้นเอง

Thank you very much.

ขอบคุณมากๆ ครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you. Thank you very much. Thank you. (Applause)

ขอบคุณครับ ขอบคุณมาก ขอบคุณ (เสียงปรบมือ)