The neurons that shaped civilization | VS Ramachandran

317,504 views ・ 2010-01-04

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Bank Light Reviewer: Unnawut Leepaisalsuwanna
00:15
I'd like to talk to you today about the human brain,
0
15260
3000
วันนี้ ผมอยากจะพูดถึงเรื่องสมองของมนุษย์อย่างเราๆ
00:18
which is what we do research on at the University of California.
1
18260
2000
ซึ่งก็เป็นงานวิจัยที่เรากำลังศึกษากันอยู่ ที่มหาวิยาลัย University of California
00:20
Just think about this problem for a second.
2
20260
2000
เรามาลองขบคิดถึงปัญหาต่อไปนี้ดูสักหน่อย
00:22
Here is a lump of flesh, about three pounds,
3
22260
3000
นี่คือก้อนเนื้อ หนักราวๆ 3 ปอนด์ (1.36 กิโลกรัม)
00:25
which you can hold in the palm of your hand.
4
25260
2000
ซึ่งสามารถวางบนฝ่ามือคุณได้อย่างง่ายดาย
00:27
But it can contemplate the vastness of interstellar space.
5
27260
4000
แต่เจ้าก้อนน้อยๆนี้ก็สามารถขบคิดถึงความกว้างใหญ่ระดับจักรวาลได้
00:31
It can contemplate the meaning of infinity,
6
31260
2000
สามารถขบถึงความหมายของ ค่าอนันต์ หรือ ความไม่สิ้นสุด
00:33
ask questions about the meaning of its own existence,
7
33260
3000
ถามคำถามเกี่ยวกับความหมายของการคงอยู่ของตัวมันเอง
00:36
about the nature of God.
8
36260
2000
ไปจนถึง ธรรมชาติของ'พระเจ้าผู้สร้าง'
00:38
And this is truly the most amazing thing in the world.
9
38260
2000
และนี่คือสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดในโลกก็ว่าได้
00:40
It's the greatest mystery confronting human beings:
10
40260
3000
แต่มันก็ยังเป็นสิ่งที่คงความลึกลับมากที่สุดที่มนุษย์เราเผชิญ
00:43
How does this all come about?
11
43260
2000
แล้วมันมาได้ยังไงกันแน่?
00:45
Well, the brain, as you know, is made up of neurons.
12
45260
2000
อืม... เป็นที่ทราบกันดีว่า สมองคนเรานี่ประกอบด้วยเซลล์ประสาท
00:47
We're looking at neurons here.
13
47260
2000
เช่นในภาพที่เราเห็นอยู่นี้
00:49
There are 100 billion neurons in the adult human brain.
14
49260
3000
มันประกอบไปด้วยเซลล์ประสาท 100 พันล้านเซลล์ ในมนุษย์วัยทำงาน
00:52
And each neuron makes something like 1,000 to 10,000 contacts
15
52260
3000
และแต่ละเซลล์ฯก็สร้างการติดต่อสื่อสารกัน 1,000 ถึง 10,000 ครั้ง
00:55
with other neurons in the brain.
16
55260
2000
กับเซลล์ประสาทรอบๆ
00:57
And based on this, people have calculated
17
57260
2000
และจากข้อมูลดังกล่าว ได้มีคนคำนวนว่า
00:59
that the number of permutations and combinations of brain activity
18
59260
3000
ตัวเลขของความหลากหลาย ของกิจกรรมที่เกิดจากการคุยกันเองในเซลล์ฯเหล่านั้น
01:02
exceeds the number of elementary particles in the universe.
19
62260
3000
เกินตัวเลขของธาตุพื้นฐานทุกๆธาตุของทั้งจักรวาล
01:05
So, how do you go about studying the brain?
20
65260
2000
เอาล่ะ แล้วเราจะศึกษาสมองได้อย่างไร?
01:07
One approach is to look at patients who had lesions
21
67260
2000
วิธีหนึ่ง ก็คือ การสังเกตคนไข้ที่มีความบอบชำ้หรือแผลในส่วนต่างๆของสมอง
01:09
in different part of the brain, and study changes in their behavior.
22
69260
3000
และศึกษาความเปลี่ยนแปลงไปจากพฤติกรรมก่อนหน้า
01:12
This is what I spoke about in the last TED.
23
72260
2000
นั่นคือสิ่งที่ผมได้พูดไปใน TED ครั้งที่แล้ว
01:14
Today I'll talk about a different approach,
24
74260
2000
วันนี้ ผมจะมาพูดถึงอีกวิธีหนึ่ง
01:16
which is to put electrodes in different parts of the brain,
25
76260
2000
ซึ่งจะเป็นการนำ เครื่องมืดวัดคลื่นไฟฟ้า วางไว้ที่ส่วนต่างๆของสมอง
01:18
and actually record the activity of individual nerve cells in the brain.
26
78260
4000
และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของแต่ละเซลล์ประสาทในสมอง
01:22
Sort of eavesdrop on the activity of nerve cells in the brain.
27
82260
4000
คล้ายๆกับการดักฟัง เจ้าเซลล์ทั้งหลายในสมองนั่นเอง
01:26
Now, one recent discovery that has been made
28
86260
3000
ล่าสุด ได้มีการค้นพบโดยนักวิจัย
01:29
by researchers in Italy, in Parma,
29
89260
2000
จากเมืองปาร์มา, อิตาลี
01:31
by Giacomo Rizzolatti and his colleagues,
30
91260
3000
นาม Giacomo Rizzolatti และเพื่อนร่วมทีมเขา
01:34
is a group of neurons called mirror neurons,
31
94260
2000
พบว่า มีกลุ่มของเซลล์ประสาท ที่ถูกตั้งชื่อว่า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา'
01:36
which are on the front of the brain in the frontal lobes.
32
96260
3000
ซึ่งรวมอยู่ส่วนหน้าของสมองสองซีก
01:39
Now, it turns out there are neurons
33
99260
2000
ทีนี้ ก็ยังมีเซลล์ประสาทอีกแบบ
01:41
which are called ordinary motor command neurons in the front of the brain,
34
101260
3000
เรียกว่า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ควบคุมทั่วไป' ในส่วนหน้าของสมอง
01:44
which have been known for over 50 years.
35
104260
2000
ที่เป็นที่รู้จักดีมากว่า 50 ปีมาแล้ว
01:46
These neurons will fire when a person performs a specific action.
36
106260
3000
เซลล์ประสาทเหล่านี้จะทำงานเมื่อร่างกายเจ้าของกระทำกริยาบางอย่าง
01:49
For example, if I do that, and reach and grab an apple,
37
109260
3000
เช่น เมื่อผมเอื้อมมือไปหยิบลูกแอปเปิล แบบนี้
01:52
a motor command neuron in the front of my brain will fire.
38
112260
4000
เจ้า 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ก็จะทำงานทันที
01:56
If I reach out and pull an object, another neuron will fire,
39
116260
3000
และถ้าผมเอืื้อมไปดึงของบางอย่าง เซลล์ประสาทอีกตัวก็จะทำงาน
01:59
commanding me to pull that object.
40
119260
2000
เพื่อสั่งให้ผมดึงของสิ่งนั้น
02:01
These are called motor command neurons that have been known for a long time.
41
121260
2000
ทั้งหมดนี้ถูกสั่งงานโดยกลุ่ม 'เซลล์ประสาทมอเตอร์ฯ' ที่เป็นที่รู้จักมานานแล้วนั่นเอง
02:03
But what Rizzolatti found was
42
123260
2000
แต่สิ่งที่ Rizzolatti พบ ก็คือ
02:05
a subset of these neurons,
43
125260
2000
ประเภทย่อยของเจ้าเซลล์ประสาทเหล่านี้
02:07
maybe about 20 percent of them, will also fire
44
127260
2000
ราวๆ 20% ของทั้งกลุ่มอาจทำงาน ขณะที่ผม
02:09
when I'm looking at somebody else performing the same action.
45
129260
3000
กำลังมองดูใครสักคนทำกริยาเดียวกัน
02:12
So, here is a neuron that fires when I reach and grab something,
46
132260
3000
นี่คือเซลล์ประสาทที่ทำงานเวลาผมเอื้อมไปจับวัตถุบางอย่าง
02:15
but it also fires when I watch Joe reaching and grabbing something.
47
135260
3000
แต่มันก็จะทำงานเช่นกัน เมื่อผมมองคุณโจหรือใครสักคนทำกริยาเดียวกัน
02:18
And this is truly astonishing.
48
138260
2000
และนี่เป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง
02:20
Because it's as though this neuron is adopting
49
140260
2000
เพราะว่ามันราวกับว่า เจ้าเซลล์ประสาทตัวนี้ได้
02:22
the other person's point of view.
50
142260
2000
รับเอามุมมองผู้อื่นมาขบคิดเอง
02:24
It's almost as though it's performing a virtual reality simulation
51
144260
4000
ราวกับว่ามันได้จำลอง โลกความจริงเสมือน
02:28
of the other person's action.
52
148260
2000
ของการกระทำของผู้อื่นนั่นเอง
02:30
Now, what is the significance of these mirror neurons?
53
150260
3000
แล้วเจ้า 'เซลล์ประสาทกระจกเงา' เหล่านี้มีความสำคัญอะไรบ้าง?
02:33
For one thing they must be involved in things like imitation and emulation.
54
153260
3000
อย่างหนึ่งก็คือ มันต้องมีความเกี่ยวข้องกับการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรม
02:36
Because to imitate a complex act
55
156260
3000
เพราะว่าการเลียนแบบพฤติกรรมเป็นสิ่งที่ซับซ้อน
02:39
requires my brain to adopt the other person's point of view.
56
159260
3000
ที่ต้องการการรับเอาการมองโลกของผู้อื่นเข้ามา
02:42
So, this is important for imitation and emulation.
57
162260
2000
ฉะนั้นการเลียนแบบและลอกเลียนพฤติกรรมจึงมีความสำคัญ
02:44
Well, why is that important?
58
164260
2000
แล้ว ทำไมถึงสำคัญ?
02:46
Well, let's take a look at the next slide.
59
166260
3000
เรามาลองดูที่สไลด์ต่อไปนี้กัน
02:49
So, how do you do imitation? Why is imitation important?
60
169260
3000
ถามว่า เราเลียนแบบได้อย่างไร? ทำไมมันถึงสำคัญ?
02:52
Mirror neurons and imitation, emulation.
61
172260
2000
"กลุ่มเซลล์ประสาทกระจกเงา, การเลียนแบบ, และการลอกเลียนพฤติกรรม"
02:54
Now, let's look at culture, the phenomenon of human culture.
62
174260
4000
เอาล่ะ ลองมาดูที่ วัฒนธรรม, ปรากฎการณ์ที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษย์กันบ้าง
02:58
If you go back in time about [75,000] to 100,000 years ago,
63
178260
4000
หากเราย้อนเวลาไปราวๆ 75,000 ถึง 100,000 ปีที่แล้ว
03:02
let's look at human evolution, it turns out
64
182260
2000
แล้วมองดูที่วิวัฒนาการของมนุษย์ เราจะพบว่า
03:04
that something very important happened around 75,000 years ago.
65
184260
3000
มีบางอย่างที่สำคัญมากเกิดขึ้นราว 75,000 ปีที่แล้ว
03:07
And that is, there is a sudden emergence and rapid spread
66
187260
2000
และนั่นก็คือ การวิวัฒนาการและแผ่วงกว้างของ
03:09
of a number of skills that are unique to human beings
67
189260
3000
จำนวนความทักษะใหม่ๆที่เป็นเอกลักษณ์ของมนุษย์ยุคนั้น
03:12
like tool use,
68
192260
2000
เช่น การเริ่มใช้เครื่องทุ่นแรง
03:14
the use of fire, the use of shelters, and, of course, language,
69
194260
3000
การใช้ประโยชน์จากไฟ, การรู้จักสร้างที่อยู่อาศัย, และ แน่นอนที่สุดคือ การใช้ภาษา
03:17
and the ability to read somebody else's mind
70
197260
2000
และยังมี ความสามารถในการอ่านจิตใจผู้อื่น
03:19
and interpret that person's behavior.
71
199260
2000
และการแปลภาษากายของคนผู้นั้น
03:21
All of that happened relatively quickly.
72
201260
2000
ทั้งหมดนี้ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วมาก
03:23
Even though the human brain had achieved its present size
73
203260
3000
แม้ว่า สมองมนุษย์ได้มีขนาดเท่าเดิมตั้งแต่เวลานั้น
03:26
almost three or four hundred thousand years ago,
74
206260
2000
เกือบสามถึงสี่พันปีมาจวบจนปัจจุบัน
03:28
100,000 years ago all of this happened very, very quickly.
75
208260
2000
แสนปีก่อน สิ่งเหล่านี้วิวัฒนาการมาเร็วมากๆ
03:30
And I claim that what happened was
76
210260
3000
และผมอยากบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเวลานั้นก็คือ
03:33
the sudden emergence of a sophisticated mirror neuron system,
77
213260
3000
การพัฒนาก้าวกระโดดของระบบเซลล์ประสาทกระจกเงา
03:36
which allowed you to emulate and imitate other people's actions.
78
216260
2000
ซึ่งได้ทำให้คุณสามารถเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆของผู้อื่นได้
03:38
So that when there was a sudden accidental discovery
79
218260
4000
เพื่อว่า เมื่อเกิดการค้นพบที่ไม่คาดคิด
03:42
by one member of the group, say the use of fire,
80
222260
3000
โดยคนหนึ่งที่เป็นสมาชิกในกลุ่ม เช่น การใช้ประโยชน์จากไฟ
03:45
or a particular type of tool, instead of dying out,
81
225260
2000
หรือประเภทของเครื่องมือเฉพาะทางนั้น แทนที่จะถูกลืมเลือนไป
03:47
this spread rapidly, horizontally across the population,
82
227260
3000
ก็ได้แผ่กว้างอย่างรวดเร็ว จนการเลียนแบบหรือความรู้นั้นๆทั่วถึงประชากรทั้งหมด
03:50
or was transmitted vertically, down the generations.
83
230260
3000
หรือส่งผ่านไปยังทายาทรุ่นต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
03:53
So, this made evolution suddenly Lamarckian,
84
233260
2000
นี่เอง ที่ทำให้ทฤษฎีวิวัฒนาการ กลายเป็นแบบ Lamarck
03:55
instead of Darwinian.
85
235260
2000
ไม่ใช่แบบ Darwin
03:57
Darwinian evolution is slow; it takes hundreds of thousands of years.
86
237260
3000
ทฤษฎีวิวัฒนาการแบบดาร์วินจะเป็นไปในแบบช้าๆ กินเวลาเป็นแสนๆปี
04:00
A polar bear, to evolve a coat,
87
240260
2000
หมีขั้วโลก กว่าจะได้เป็นขนขาวๆ
04:02
will take thousands of generations, maybe 100,000 years.
88
242260
3000
ต้องกินเวลาลูกหลานเป็นพันๆรุ่น บางที ก็อาจถึงแสนปี
04:05
A human being, a child, can just watch its parent
89
245260
3000
ในขณะที่ คนเรา เช่น เด็กคนหนึ่ง สามารถจะดูพ่อแม่ตน
04:08
kill another polar bear,
90
248260
3000
ฆ่าหมีขั้วโลก
04:11
and skin it and put the skin on its body, fur on the body,
91
251260
3000
และถลกหนังพร้อมขนมาเป็นเครื่องนุ่งห่มขึ้นมา
04:14
and learn it in one step. What the polar bear
92
254260
2000
แล้วเด็กก็เรียนรู้ทั้งหมดในขั้นตอนเดียว
04:16
took 100,000 years to learn,
93
256260
2000
ขณะที่หมีขั้วโลกของดาร์วิน ใช้เวลาเป็นแสนปีเพื่อเรียนรู้
04:18
it can learn in five minutes, maybe 10 minutes.
94
258260
3000
สมองของเจ้าเด็กสามารถทำได้ภายใน 5 หรือ 10 นาทีเท่านั้น
04:21
And then once it's learned this it spreads
95
261260
2000
และเมื่อมันได้เรียนรู้แล้ว ความรู้นี้ก็จะขยายกว้างออก
04:23
in geometric proportion across a population.
96
263260
3000
ไปตามสัดส่วนแบบเรขาคณิต ทั่วทุกพื้นที่
04:26
This is the basis. The imitation of complex skills
97
266260
3000
นี่เป็นรากฐานสำคัญ การเลียนแบบของทักษะที่ซับซ้อนต่างๆนั้น
04:29
is what we call culture and is the basis of civilization.
98
269260
3000
คือสิ่งที่เราเรียกว่า วัฒนธรรม และ รากฐานของอารยธรรม
04:32
Now there is another kind of mirror neuron,
99
272260
2000
ทีนี้ ก็มีเซลล์ประสาทกระจกเงาอีกแบบ
04:34
which is involved in something quite different.
100
274260
2000
ซึ่งเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่ต่างออกไป
04:36
And that is, there are mirror neurons,
101
276260
2000
กล่าวคือ ในกลุ่มของเซลล์ประสาทกระจกฯ
04:38
just as there are mirror neurons for action, there are mirror neurons for touch.
102
278260
3000
(เช่น นอกจากเซลล์ประสาทกระจกฯ สำหรับกริยาต่างๆแล้ว) ได้มีเซลล์ประสาทกระจกฯสำหรับการสัมผัส
04:41
In other words, if somebody touches me,
103
281260
2000
พูดอีกแบบก็คือ หากมีคนมาแตะต้องมือผม
04:43
my hand, neuron in the somatosensory cortex
104
283260
2000
เซลล์ประสาทในบริเวณที่เป็นส่วนรับการสัมผัส
04:45
in the sensory region of the brain fires.
105
285260
2000
ในบริเวณประสาทรับความรู้สึกจะทำงานทันที
04:47
But the same neuron, in some cases, will fire
106
287260
3000
แต่ เซลล์ประสาทเดียวกันนี้ ก็จะทำงานในกรณีอื่นๆบางกรณีเช่นกัน
04:50
when I simply watch another person being touched.
107
290260
2000
ในเวลาที่ผมแค่เห็นคนอื่นถูกสัมผัส
04:52
So, it's empathizing the other person being touched.
108
292260
3000
ดังนั้น มันสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นที่ถูกสัมผัสได้
04:55
So, most of them will fire when I'm touched
109
295260
2000
และเกือบทั้งกลุ่มเซลล์เหล่านั้น จะทำงานเมื่อผมถูกสัมผัส
04:57
in different locations. Different neurons for different locations.
110
297260
3000
ในตำแหน่งต่างๆกัน กลุ่มเซลล์ฯแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบแต่ละตำแหน่งที่ถูกสัมผัส
05:00
But a subset of them will fire even when I watch somebody else
111
300260
2000
แต่เจ้ากลุ่มย่อยจะทำงานเช่นกันเมื่อผมเห็นคนอื่น
05:02
being touched in the same location.
112
302260
2000
ถูกสัมผัสในตำแหน่งเดียวกัน
05:04
So, here again you have neurons
113
304260
2000
และที่นี่เช่นเดียวกัน คุณก็เป็นเจ้าของเซลล์ฯเหล่านั้น
05:06
which are enrolled in empathy.
114
306260
2000
ซึ่งได้มีถูกสร้างให้มีความเข้าในในผู้อื่นได้อย่างดี
05:08
Now, the question then arises: If I simply watch another person being touched,
115
308260
3000
ทีนี้ คำถามก็คือ: หากผมเห็นคนหนึ่งได้รับการสัมผัส
05:11
why do I not get confused and literally feel that touch sensation
116
311260
4000
ทำไมผมถึงไม่ฉงน และ รู้สึกถึงการสัมผัสนั้นอย่างแท้จริงได้เลย
05:15
merely by watching somebody being touched?
117
315260
2000
ในการที่ ผมแค่การเห็นผู้อื่นถูกสัมผัส ?
05:17
I mean, I empathize with that person but I don't literally feel the touch.
118
317260
4000
กล่าวคือ ผม'เข้าใจ'ความรู้สึกเขา แต่ไม่ได้'รู้สึก'ไปด้วยจริงๆ
05:21
Well, that's because you've got receptors in your skin,
119
321260
2000
นั่นก็เพราะว่าเรามีเซลล์รับความรู้สึกซ่อนอยู่ในชั้นผิวหนัง
05:23
touch and pain receptors, going back into your brain
120
323260
2000
เซลล์รับรู้การสัมผัส และความเจ็บปวด แล้วก็ส่งข้อมูลความรู้สึกนั้นๆไปสู่สมอง
05:25
and saying "Don't worry, you're not being touched.
121
325260
3000
และคล้ายๆกับสมองกระซิบบอกเราว่า "ไม่ต้องห่วง คุณไม่ได้ถูกสัมผัสจริงๆหรอก
05:28
So, empathize, by all means, with the other person,
122
328260
3000
ฉะนั้น แค่จงเข้าใจความรู้สึกทั้งหมดของผู้นั้น
05:31
but do not actually experience the touch,
123
331260
2000
แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมรู้สึกด้วยนะ
05:33
otherwise you'll get confused and muddled."
124
333260
2000
ไม่เช่นนั้นแล้ว คุณจะเกิดความสับสนและวุ่นวายใจได้"
05:35
Okay, so there is a feedback signal
125
335260
2000
นั่นบอกถึงว่า มีสัญญาณตอบรับ
05:37
that vetoes the signal of the mirror neuron
126
337260
2000
ซึ่งห้ามสัญญาณจาก'นิวรอนกระจก' (หรือ เซลล์ประสาทกระจกเงา)
05:39
preventing you from consciously experiencing that touch.
127
339260
3000
ซึ่งป้องกันคุณจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผู้นั้นอย่างแท้จริง
05:42
But if you remove the arm, you simply anesthetize my arm,
128
342260
3000
แต่ถ้าคุณตัดแขนออก คุณจะทำให้แขนผมชาไปเลยอย่างง่ายดาย
05:45
so you put an injection into my arm,
129
345260
2000
คล้ายๆกับฉีดยาชาให้แขนผม
05:47
anesthetize the brachial plexus, so the arm is numb,
130
347260
2000
ทำให้กลุ่มร่างแหประสาทแขนไร้ความรู้สึก แขนจึงชาด้านไป
05:49
and there is no sensations coming in,
131
349260
2000
และไม่มีข้อมูลความรู้สึกเข้ามา
05:51
if I now watch you being touched,
132
351260
2000
และหากตอนนี้ผมเห็นคุณถูกสัมผัส
05:53
I literally feel it in my hand.
133
353260
2000
ผมก็จะค่อยๆกลับมารู้สึกได้ที่มือของผม
05:55
In other words, you have dissolved the barrier
134
355260
2000
พูดอีกอย่างคือ คุณได้ทำลายอุปสรรค
05:57
between you and other human beings.
135
357260
2000
ระหว่างคุณและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันทุกคน
05:59
So, I call them Gandhi neurons, or empathy neurons.
136
359260
3000
ดังนั้นผมจึงเรียกมันว่า 'เซลล์ประสาทคานธี' หรือ 'เซลล์ประสาทแห่งการเข้าใจผู้อื่น'
06:02
(Laughter)
137
362260
1000
((เสียงหัวเราะ))
06:03
And this is not in some abstract metaphorical sense.
138
363260
3000
และนี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็นอุปมาอุปมัยที่จับต้องไม่ได้
06:06
All that's separating you from him,
139
366260
2000
สิ่งที่ขวางกั้นระหว่าง 'คุณ' กับ 'เขา'
06:08
from the other person, is your skin.
140
368260
2000
ก็คือ ผิวหนังหรือร่างกาย คุณเองเท่านั้น
06:10
Remove the skin, you experience that person's touch in your mind.
141
370260
4000
ลองทำเป็นไม่มีร่างกายขวางกั้นดู คุณจะรับรู้ถึงสัมผัสที่ได้จากคนนั้น ภายในจิตใจคุณเอง
06:14
You've dissolved the barrier between you and other human beings.
142
374260
3000
คุณ ได้ทำลายกำแพง ที่กั้นระหว่าง 'คุณ' และ 'เพื่อนมนุษย์' ด้วยกันลงในที่สุด
06:17
And this, of course, is the basis of much of Eastern philosophy,
143
377260
2000
และแน่นอนว่า สิ่งนี่เองที่เป็นรากฐานสำคัญของปรัชญาตะวันออก
06:19
and that is there is no real independent self,
144
379260
3000
คือ ไม่มีสิ่งได้คงอยู่ได้ด้วยตัวมันเองสิ่งเดียว
06:22
aloof from other human beings, inspecting the world,
145
382260
2000
ที่ปลีกตัวจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อการสำรวจโลก
06:24
inspecting other people.
146
384260
2000
สำรวจผู้อื่น
06:26
You are, in fact, connected not just via Facebook and Internet,
147
386260
3000
ความจริงแล้ว คุณไม่ได้เชื่อมต่อกันทาง เฟสบุค และ อิเตอร์เนต เท่านั้น
06:29
you're actually quite literally connected by your neurons.
148
389260
3000
คุณยังเชื่อมต่อกันผ่านสายใยนิวรอนของคุณเองกับเพื่อนมนุษย์ด้วย
06:32
And there is whole chains of neurons around this room, talking to each other.
149
392260
3000
และที่แห่งนี้ก็ มีสายใยของนิวรอนนั้นเชื่อมถึง, สื่อสารกันอยู่ทั่วทั้งห้อง
06:35
And there is no real distinctiveness
150
395260
2000
และจิตสำนึกของคุณก็ไม่ได้แยกออกต่างหากจาก
06:37
of your consciousness from somebody else's consciousness.
151
397260
2000
จิตสำนึกของผู้อื่นแม้แต่น้อย
06:39
And this is not mumbo-jumbo philosophy.
152
399260
2000
และมันไม่ใช่ปรัชญาที่ไร้ความหมายแต่อย่างใด
06:41
It emerges from our understanding of basic neuroscience.
153
401260
3000
มันเกิดมาจากความเข้าใจที่เรามีใน'ประสาทวิทยาศาสตร์' ขั้นพื้นฐาน
06:44
So, you have a patient with a phantom limb. If the arm has been removed
154
404260
3000
ทีนี้ คุณมีคนไข้ที่ไร้แขนหรือขา ที่เขายังรู้สึกว่าแขนขาเขายังอยู่ และหากคุณไร้แขน
06:47
and you have a phantom, and you watch somebody else
155
407260
2000
แต่คุณยังรู้สึกได้ว่ามันยังอยู่ เวลาคุณเห็นแขนผู้อื่นถูกจับ
06:49
being touched, you feel it in your phantom.
156
409260
2000
คุณจะรู้สึกได้ที่ 'แขนล่องหน' ของคุณเอง
06:51
Now the astonishing thing is,
157
411260
2000
แต่สิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ
06:53
if you have pain in your phantom limb, you squeeze the other person's hand,
158
413260
3000
หากคุณรู้สึกปวดที่แขนล่องหนของคุณ และคุณใช้มือที่เหลือบีบหรือ
06:56
massage the other person's hand,
159
416260
2000
นวดมือผู้อื่น
06:58
that relieves the pain in your phantom hand,
160
418260
2000
นั่นจะช่วยคลายปวดให้กับแขนล่องหนคุณเองไปด้วย
07:00
almost as though the neuron
161
420260
2000
ราวกับว่าเจ้านิวรอน (หรือ เซลล์ประสาท)
07:02
were obtaining relief from merely
162
422260
2000
สามารถเอาความผ่อนคลายเข้ามาได้เพียงแต่มัน
07:04
watching somebody else being massaged.
163
424260
2000
ได้เห็นผู้อื่นถูกนวด และผ่อนคลายนั่นเอง
07:06
So, here you have my last slide.
164
426260
3000
และนี่คือสไลด์สุดท้ายของผม
07:09
For the longest time people have regarded science
165
429260
2000
นานมาแล้ว พวกเราได้แบ่งแยกวิทยาศาสตร์
07:11
and humanities as being distinct.
166
431260
2000
ออกจากมนุษยชาติ ไว้อย่างชัดเจน
07:13
C.P. Snow spoke of the two cultures:
167
433260
3000
คุณ C.P. Snow ได้พูดเกี่ยวกับสองสิ่งไว้ว่า:
07:16
science on the one hand, humanities on the other;
168
436260
2000
'วิทยาศาสตร์ก็เรื่องหนึ่ง มนุษยชาติก็อีกเรื่องหนึ่ง
07:18
never the twain shall meet.
169
438260
2000
ไม่สามารถมาร่วมเดินด้วยกันได้'
07:20
So, I'm saying the mirror neuron system underlies the interface
170
440260
2000
แต่ที่ผมอยากบอกก็คือ ระบบของนิวรอนกระจก นั้นได้เป็นตัวเชื่อมระหว่างสองสิ่ง
07:22
allowing you to rethink about issues like consciousness,
171
442260
3000
ซึ่งทำให้คุณต้องมาขบคิดอีกครั้ง เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เช่น จิตสำนึก,
07:25
representation of self,
172
445260
2000
การแสดงออกถึงการคงอยู่ของปัจเจก,
07:27
what separates you from other human beings,
173
447260
2000
สิ่งที่กั้นคุณออกจากเพื่อนมนุษย์คนอื่น,
07:29
what allows you to empathize with other human beings,
174
449260
2000
สิ่งที่ทำให้คุณรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น,
07:31
and also even things like the emergence of culture and civilization,
175
451260
3000
ไปจนถึงเรื่องอื่น เช่น การวิวัฒน์มาของวัฒนธรรมและอารยธรรม
07:34
which is unique to human beings. Thank you.
176
454260
2000
ที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งมนุษยชาติ ขอบคุณครับ
07:36
(Applause)
177
456260
2000
(((เสียงปรบมือ))
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7