Why domestic violence victims don't leave | Leslie Morgan Steiner | TED

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Chana Chananukul Reviewer: jinghe sae kuey

I'm here today to talk about a disturbing question,

วันนี้ฉันจะพูดคุยถึงคำถามที่น่ารำคาญ

which has an equally disturbing answer.

ซึ่งมีคำตอบที่น่ารำคาญไม่แพ้กัน

My topic is the secrets of domestic violence,

หัวข้อของฉันคือ ความลับของความรุนแรงในครอบครัว

and the question I'm going to tackle

คำถามที่ฉันจะแก้ใขปัญหา

is the one question everyone always asks:

เป็นคำถามหนึ่งที่ทุกคนถามเสมอ

Why does she stay?

ว่าเธอทนอยู่ทำไม

Why would anyone stay with a man who beats her?

ทำไมต้องทนอยู่กับชายคนที่ตบตีเธอ

I'm not a psychiatrist, a social worker

ฉันไม่ใช่จิตแพทย์ ไม่ใช่คนงานสังคม

or an expert in domestic violence.

หรือผู้เชี่ยวชาญด้านความรุนแรง

I'm just one woman with a story to tell.

ฉันเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีเรื่องจะเล่า

I was 22. I had just graduated from Harvard College.

ฉันอายุ 22 เพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

I had moved to New York City for my first job

ฉันย้ายไปนิวยอร์ก สำหรับงานแรกของฉัน

as a writer and editor at Seventeen magazine.

เป็นนักเขียน และบรรณาธิการนิตยสาร Seventeen

I had my first apartment,

เป็นครั้งแรกที่ฉันมีอพาร์ทเมนท์ตนเอง

my first little green American Express card,

ครั้งแรกที่มีบัตรเครดิตสีเขียวของ อเมริกัน เอกซ์เพรส

and I had a very big secret.

และฉันมีความลับที่ยิ่งใหญ่มาก

My secret was that I had this gun

ความลับของฉันอยู่ที่ปืนนี้

loaded with hollow-point bullets pointed at my head

ปีนที่เต็มไปด้วยกระสุน จ่อที่หัวของฉัน

by the man who I thought was my soulmate,

โดยชายคนที่ฉันคิดว่าเป็น คู่ชีวิต ของฉัน

many, many times.

เป็นจำนวนมาก ๆ หลายครั้ง

The man who I loved more than anybody on Earth

จากคนที่ฉันรักมากกว่าใครในโลก

held a gun to my head and threatened to kill me

ถือปืนจ่อที่หัวของฉัน ข่มขู่ที่จะฆ่าฉัน

more times than I can even remember.

หลายครั้ง มากกว่าที่ฉันจะจำได้

I'm here to tell you the story of crazy love,

ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเล่าเรื่องราว ของความรักที่งมงาย

a psychological trap disguised as love,

กับจิตที่ไม่ปรกติปลอมแปลงตัวมาในรูปของความรัก

one that millions of women and even a few men

จำนวนหนึ่งในผู้หญิงนับล้าน และแม้กระทั่งผู้ชาย

fall into every year.

ที่ตกอยูในสภาพนี้ทุกปี

It may even be your story.

มันอาจเป็นเรื่องที่เกิดขี้นกับคุณด้วย

I don't look like a typical domestic violence survivor.

ฉันดูไม่เหมือนผู้เคราะห์ร้าย จากความรุนแรงของครอบครัวทั่วไป

I have a B.A. in English from Harvard College,

ฉันจบ ปริญญาตรี ภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

an MBA in marketing from Wharton Business School.

ปริญญาโท การตลาดจาก Wharton Business School

I've spent most of my career working for Fortune 500 companies

ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานในสายอาชีพ ในบริษัทระดับ Fortune 500

including Johnson & Johnson, Leo Burnett and The Washington Post.

รวมถึงจอห์นสัน & จอห์นสัน ลีโอ เบอร์เนตต์ และเดอะวอชิงตันโพสต์

I've been married for almost 20 years to my second husband

ฉันแต่งงานใหม่เกือบ 20 ปีแล้ว กับสามีคนที่สอง

and we have three kids together.

และเรามีลูกด้วยกันสามคน

My dog is a black lab, and I drive a Honda Odyssey minivan.

มีหมาลาบราดอร์สีดำ และขับมินิแวนฮอนด้า รุ่นออดิสซี่

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So my first message for you is that domestic violence

ดังนั้นข้อความแรก ที่ฉันจะบอกคุณคือ ความรุนแรงของครอบครัว

happens to everyone --

เกิดขึ้นกับทุกคน

all races, all religions, all income and education levels.

ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกระดับรายได้ และทุกระดับการศึกษา

It's everywhere.

ความรุนแรงในครอบครัว มันเกิดได้ทุกที่

And my second message is that everyone thinks

และข้อที่สองที่ฉันจะบอก คือการที่ทุกคนคิดว่า

domestic violence happens to women,

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง

that it's a women's issue.

เป็นปัญหาของผู้หญิง

Not exactly.

ไม่จริงเสมอไป

Over 85 percent of abusers are men, and domestic abuse

กว่า 85 เปอร์เซ็นต์ของ ผู้ทารุณคือผู้ชาย และเป็นการทารุณภายในครอบครัว

happens only in intimate, interdependent, long-term relationships,

จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่มีความสัมพันธ์สนิทใกล้ชิด และมีการพึ่งพากันในระยะยาว

in other words, in families,

กล่าวอีกที ก็คือภายในครอบครัว

the last place we would want or expect to find violence,

ซึ่งควรเป็นสถานที่สุดท้ายที่เรา คาดหวังที่จะพบความรุนแรง

which is one reason domestic abuse is so confusing.

ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่การทารุณในครอบครัว เป็นเรื่องวุ่นวายสับสน

I would have told you myself that I was the last person on Earth

ฉันบอกคุณได้ว่า ฉันเป็นคนสุดท้ายบนโลก

who would stay with a man who beats me,

ที่จะอยู่กับชายคนที่ตบตีฉัน

but in fact I was a very typical victim because of my age.

แต่ในความเป็นจริงฉันเป็นเหยื่อทั่วไป ตามอายุของฉัน

I was 22, and in the United States,

ขณะนั้นฉันอายุแค่ 22 ในสหรัฐอเมริกา

women ages 16 to 24 are three times as likely

หญิงอายุ 16 ถึง 24 มีโอกาส 3 เท่า

to be domestic violence victims

ที่จะกลายเป็นเหยื่อ ของความรุนแรงในครอบครัว

as women of other ages,

เมื่อเทียบกับผู้หญิงอายุอื่น ๆ

and over 500 women and girls this age

และผู้หญิงมากกว่า 500 คนในช่วงอายุนี้

are killed every year by abusive partners,

ถูกฆ่าทุกปีจากคู่รัก

boyfriends, and husbands in the United States.

แฟน และสามี ในสหรัฐอเมริกา

I was also a very typical victim because I knew nothing

ฉันก็เป็นเหยื่อทั่วไป เนื่องจากไม่รู้เรื่องอะไร

about domestic violence, its warning signs or its patterns.

เกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว ไม่รู้จักสัญญาณเตือน หรือรูปแบบ

I met Conor on a cold, rainy January night.

ฉันพบกับคอนนอร์ ในคืนที่หนาวและฝนตก เดือนมกราคม

He sat next to me on the New York City subway,

เขานั่งติดกับฉันบนรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก

and he started chatting me up.

เขาเริ่มพูดคุยกับฉันก่อน

He told me two things.

เขาเล่าให้ฉันฟังสองเรื่อง

One was that he, too, had just graduated from an Ivy League school,

เรื่องแรก เขาจบจากโรงเรียน ไอวี่ ลีก (Ivy League) เหมือนฉัน

and that he worked at a very impressive Wall Street bank.

เขาทำงานที่ธนาคารใหญ่แห่งหนึ่งในวอลล์สตรีท

But what made the biggest impression on me that first meeting

แต่สิ่งที่สร้างความประทับใจที่มากที่สุด ในการพบครั้งแรก

was that he was smart and funny

ก็คือเขาฉลาด และมีอารมณ์ขัน

and he looked like a farm boy.

และเขาจะดูเหมือนเด็กบ้านนอก

He had these big cheeks, these big apple cheeks

เขามีแก้มที่ใหญ่ เหมือนลูกแอปเปิ้ล

and this wheat-blond hair,

ผมสีทองนวล เหมือนข้าวสาลีออกรวง

and he seemed so sweet.

และเสมือนเป็นคนที่อ่อนโยนมาก

One of the smartest things Conor did, from the very beginning,

สิ่งหนึ่งที่ฉลาดมาก ที่คอนนอร์ได้ทำแต่เริ่มแรก

was to create the illusion that I was the dominant partner in the relationship.

คือการสร้างภาพลวงตา ว่าฉันเป็นคนที่โดดเด่นในความสัมพันธ์

He did this especially at the beginning

เขาแสดงตั้งแต่เริ่มต้น

by idolizing me.

โดยการเทิดทูนฉัน

We started dating, and he loved everything about me,

เราเริ่มคบกัน เขารักทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉัน

that I was smart, that I'd gone to Harvard,

ที่ฉันฉลาด จบจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

that I was passionate about helping teenage girls, and my job.

ที่ฉันชอบการงานของฉัน ชอบช่วยเหลือสาววัยรุ่น

He wanted to know everything about my family

เขาต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวของฉัน

and my childhood and my hopes and dreams.

เกี่ยวกับวัยเด็ก ความหวัง และความฝันของฉัน

Conor believed in me, as a writer and a woman,

คอนนอร์เชื่อมั่นในตัวฉัน ในฐานะที่ฉันเป็นนักเขียน และเป็นผู้หญิง

in a way that no one else ever had.

ไม่มีใครเคยให้ความรู้สึกในทางเช่นนี้กับฉัน

And he also created a magical atmosphere of trust between us

และเขายังสร้างบรรยากาศอัศจรรย์ ของความไว้วางใจระหว่างเรา

by confessing his secret,

โดยเปิดเผยความลับของเขา

which was that, as a very young boy starting at age four,

ว่าตอนเป็นเด็ก เริ่มตั้งแต่อายุ 4 ขวบ

he had been savagely and repeatedly physically abused

เขาถูกทารุณ และตบตีบ่อยมาก

by his stepfather,

จากพ่อเลี้ยงของเขา

and the abuse had gotten so bad that he had had to drop out of school in eighth grade,

ผลระทบจากการทารุณอย่างมาก ทำให้ต้องหยุดเรียนตอนเกรดแปด

even though he was very smart,

ถึงแม้ว่าเขาจะฉลาดมาก

and he'd spent almost 20 years rebuilding his life.

เขาต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปี เริ่มต้นใหม่สร้างชีวิตใหม่ของเขา

Which is why that Ivy League degree

ซึ่งเป็นเหตุผลที่ ปริญญาจากไอ วี่ลีก

and the Wall Street job and his bright shiny future

และการทำงานที่วอลล์สตรีท เป็นอนาคตสดใสของเขา

meant so much to him.

มีความหมายมากสำหรับเขา

If you had told me

ถ้ามีคนบอกฉัน

that this smart, funny, sensitive man who adored me

ว่าผู้ที่มีความฉลาด อารมณ์ขัน ความอ่อนไหว และชื่นชมในตัวฉัน

would one day dictate whether or not I wore makeup,

อยู่มาวันหนึ่ง จะบังคับว่าฉันจะแต่งหน้าได้หรือไม่

how short my skirts were,

บอกว่ากระโปรงของฉันสั้นเกินไป

where I lived, what jobs I took,

อยู่ที่ไหน ทำงานอะไร

who my friends were and where I spent Christmas,

มีใครเป็นเพื่อน และฉันอยู่ที่ไหนในวันคริสต์มาส

I would have laughed at you,

ฉันคงหัวเราะคุณ

because there was not a hint of violence or control

เนื่องจากมันไม่มีลางของความรุนแรง หรือการควบคุม

or anger in Conor at the beginning.

ในอาการเริ่มต้นของความโกรธ ที่อยู่ในตัวคอนนอร์

I didn't know that the first stage

ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นอาการในระยะแรก

in any domestic violence relationship

ของอาการที่เกี่ยวกับความรุนแรงต่าง ๆ

is to seduce and charm the victim.

คือการหลอกล่อ ทำให้ตัวเองมีเสน่ห์ต่อเหยื่อ

I also didn't know that the second step is to isolate the victim.

ฉันก็ไม่รู้ว่า ขั้นตอนที่สองคือการแยกเหยื่อออกจากคนอื่น

Now, Conor did not come home one day and announce,

วันหนึ่งคอนนอร์ไม่ได้กลับมาบ้าน แล้วเขาประกาศว่า

"You know, hey, all this Romeo and Juliet stuff has been great,

"คุณรู้ไหมว่า ความรักแบบโรมิโอกับจูเลียต มันสวยงามดีนะ

but I need to move into the next phase

แต่เราต้องเดินหน้าไปฉากถัดไป

where I isolate you and I abuse you" — (Laughter) —

ฉันขังคุณ และทำร้ายคุณ" (เสียงหัวเราะ)

"so I need to get you out of this apartment

"ดังนั้นคุณต้องย้ายออกจากอพาร์ทเมนท์นี้"

where the neighbors can hear you scream

เพื่อนบ้านจะได้ไม่ได้ยินเสียงร้อง

and out of this city where you have friends and family

และย้ายออกจากเมือง ที่คุณมีเพื่อน ญาติ พี่น้อง

and coworkers who can see the bruises."

เพื่อนร่วมงาน ที่สามารถมองเห็นรอยฟกช้ำ

Instead, Conor came home one Friday evening

แต่กลับกัน คอนนอร์กลับมาบ้านเย็นวันศุกร์

and he told me that he had quit his job that day,

เขาบอกว่า เขาเพิ่งลาออกจากงานวันนี้

his dream job,

จากงานในความฝันของเขา

and he said that he had quit his job because of me,

และบอกต่อว่า เขาออกจากงานเพราะฉัน

because I had made him feel so safe and loved

เนื่องจากฉันทำให้เขารู้สึกปลอดภัย และมีความรัก

that he didn't need to prove himself on Wall Street anymore,

กระทั่งว่า เขาไม่จำเป็น ต้องพิสูจน์ตัวเองในวอลล์สตรีทอีกต่อไป

and he just wanted to get out of the city

และเขาต้องการย้ายออกไปจากเมืองนี้

and away from his abusive, dysfunctional family,

หนีออกจากความรุนแรง ความผิดปกติของครอบครัว

and move to a tiny town in New England

ย้ายไปยังเมืองเล็กๆ ในนิวอิงแลนด์

where he could start his life over with me by his side.

ที่ที่เขาสามารถเริ่มต้นชีวิตของเขาใหม่ โดยมีฉันเคียงข้างเขา

Now, the last thing I wanted to do was leave New York,

ตอนนี้ สิ่งสุดท้ายที่ฉันต้องการทำ คือการย้ายออกออกจากนิวยอร์ก

and my dream job,

ลาออกจากงานในฝันของฉัน

but I thought you made sacrifices for your soulmate,

แต่ฉันคิดว่า มันเป็นการเสียสละสำหรับคู่ชีวิต

so I agreed, and I quit my job,

ดังนั้นฉันจึงตกลง ลาออกจากงาน

and Conor and I left Manhattan together.

คอนนอร์และฉันย้ายออกจากแมนฮัตตันด้วยกัน

I had no idea I was falling into crazy love,

ฉันไม่มีความคิดเลยว่า ฉันตกอยู่่ในความรักที่งมงาย

that I was walking headfirst into a carefully laid

ซึ่งฉันหัวทิ่มปรักปรำเดินเข้าไป ในแผนการอันรอบคอบ

physical, financial and psychological trap.

มันเป็นกับดักทางกายภาพ ทางการเงิน และจิตใจ

The next step in the domestic violence pattern

ขั้นตอนถัดไปก็มา ในรูปแบบของความรุนแรงในครอบครัว

is to introduce the threat of violence

คือการให้เริ่มรู้จัก การขมขู่ด้วยความรุนแรง

and see how she reacts.

ดูว่าเธอจะตอบสนองอย่างไร

And here's where those guns come in.

นี่คือแหล่งที่มาของปืนเหล่านั้น

As soon as we moved to New England -- you know,

ทันทีที่เราย้ายไปนิวอิงแลนด์ รู้ไหม

that place where Connor was supposed to feel so safe --

มันเป็นสถานที่ ที่คอนนอร์ควรจะรู้สึกว่าปลอดภัย

he bought three guns.

เขาซื้อปืนสามกระบอก

He kept one in the glove compartment of our car.

เขาเก็บหนึ่งกระบอกไว้ในช่องเก็บของหน้ารถ

He kept one under the pillows on our bed,

เขาเก็บหนึ่่งกระบอกใว้ใต้หมอน

and the third one he kept in his pocket at all times.

และกระบอกที่สาม เขาพกไว้ในกระเป๋าของเขาตลอดเวลา

And he said that he needed those guns

เขาอ้างว่า เขาต้องการปืนเหล่านั้น

because of the trauma he'd experienced as a young boy.

เนื่องจากว่า เขาได้รับ ความชอกข้ำทางจิตใจตอนเป็นเด็ก

He needed them to feel protected.

เขาต้องการปืน เพื่อให้รู้สึกว่าปลอดภัย

But those guns were really a message for me,

แต่จริงๆ แล้ว ปืนเหล่านั้นเป็นการส่งสัญญาณให้กับฉัน

and even though he hadn't raised a hand to me,

แม้ว่าเขาไม่ใด้ยกปืนส่องมาทางฉัน

my life was already in grave danger every minute of every day.

ชีวิตของฉันตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง ในทุกๆ นาที ของทุุกวัน

Conor first physically attacked me

คอนนอร์ทำร้ายร่างกายฉันครั้งแรก

five days before our wedding.

ห้าวันก่อนการแต่งงานของเรา

It was 7 a.m. I still had on my nightgown.

เวลา 7 โมงเช้า ฉันยังอยู่ในชุดนอนของฉัน

I was working on my computer trying to finish a freelance writing assignment,

ฉันทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ พยายามส่งงานเขียนให้เสร็จตามกำหนด

and I got frustrated,

แต่ฉันมีความหงุดหงิดกับงาน

and Conor used my anger as an excuse

คอนนอร์จึงใช้ความหงุดหงิดนี้เป็นข้ออ้าง

to put both of his hands around my neck

ใช้มือทั้งสองข้างของเขาบีบคอฉัน

and to squeeze so tightly that I could not breathe or scream,

และแน่นพอที่ฉันไม่สามารถหายใจ หรือร้องตะโกน

and he used the chokehold

เขาเค้นกำคอหอย

to hit my head repeatedly against the wall.

กระแทกหัวของฉันกับกำแพงหลายๆ ครั้ง

Five days later, the ten bruises on my neck had just faded,

ห้าวันต่อมา หลังจากที่รอยฟกช้ำดำเขียวสิบกว่าแห่ง บนรอบคอจางลง

and I put on my mother's wedding dress,

ฉันได้ใส่ชุดเจ้าสาวของแม่ฉัน

and I married him.

แต่งงานกับเขา

Despite what had happened,

แม้จะมีสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น

I was sure we were going to live happily ever after,

ฉันแน่ใจว่า เราจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข หลังจากนี้

because I loved him, and he loved me so much.

เพราะฉันรักเขา และเขารักฉันมาก

And he was very, very sorry.

เขาก็ได้แสดงความเสียใจมากๆ

He had just been really stressed out by the wedding

เขาเครียดจากการแต่งงาน

and by becoming a family with me.

การมาเป็นครอบครัวร่วมกับฉัน

It was an isolated incident,

มันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแยกกัน

and he was never going to hurt me again.

เขาจะไม่ทำร้ายฉันอีกต่อไป

It happened twice more on the honeymoon.

มันเกิดขึ้นอีกสองครั้งในการไป ฮันนีมูน

The first time, I was driving to find a secret beach

ครั้งแรก ขณะที่ฉันกำลังขับรถ ตามหาชายหาดลับ

and I got lost,

แล้วฉันหลงทาง

and he punched me in the side of my head so hard

เขาชกอย่างแรงมาที่ข้างใบหน้าของฉัน

that the other side of my head repeatedly hit

จนใบหน้าอีกข้างหนึ่งไปกระแทกซ้ำ

the driver's side window.

กับกระจกข้างหน้าต่างคนขับ

And then a few days later, driving home from our honeymoon,

และภายหลังจากนั้นไม่กี่วัน ขณะขับรถกลับจากฮันนีมูนกลับบ้าน

he got frustrated by traffic,

เขาเกิดอารมณ์หงุดหงิดจากรถติด

and he threw a cold Big Mac in my face.

เขาขว้างแฮมเบอร์เกอร์ Big Mac ใส่หน้าฉัน

Conor proceeded to beat me once or twice a week

คอนนอร์ตบตีฉัน หนึ่งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์

for the next two and a half years of our marriage.

เป็นเวลาสองปีครึ่ง จากการแต่งงานของเรา

I was mistaken in thinking that I was unique

ฉันเข้าใจผิด ว่าฉันเป็นคนเดียว

and alone in this situation.

ที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้

One in three American women

หนึ่งในสามผู้หญิงอเมริกัน

experiences domestic violence or stalking at some point in her life,

มีประสบการณ์กับความรุนแรงในครอบครัว หรือการถูกเฝ้าสะกดรอยตามชีวิตของเธอ

and the CDC reports that 15 million children

และหน่วยงาน CDC รายงานว่า เด็กจำนวนกว่า 15 ล้านคน

are abused every year, 15 million.

ถูกทำร้ายทารุณในทุกๆ ปี 15 ล้านคน

So actually, I was in very good company.

ดังนั้น จริงๆแล้วฉันตกอยูในกลุ่มคนจำนวนมาก

Back to my question:

กลับไปที่คำถามของฉัน

Why did I stay?

ฉันทนอยู่ทำไม

The answer is easy.

คำตอบง่าย ๆ

I didn't know he was abusing me.

ฉันไม่รู้ว่า เขากำลังทำร้ายทารุณฉัน

Even though he held those loaded guns to my head,

ถึงแม้ว่าเขาถือปืนพร้อมกระสุนจ่อที่หัวของฉัน

pushed me down stairs,

ผลักฉันตกบันได

threatened to kill our dog,

ขู่ว่าจะฆ่าหมาที่เราเลี้ยงกัน

pulled the key out of the car ignition as I drove down the highway,

ดึงกุญแจรถออกขณะที่ฉันขับอยู่บนทางด่วน

poured coffee grinds on my head

เทผงกาแฟ ลงบนหัวฉัน

as I dressed for a job interview,

ขณะที่ฉันแต่งตัวเพื่อไปสัมภาษณ์งาน

I never once thought of myself as a battered wife.

ฉันไม่เคยคิดถึงการเป็นภรรยา ที่จะตอบโต้สามี

Instead, I was a very strong woman

ในทางกลับกัน ฉันเป็นหญิงที่แข็งแกร่ง

in love with a deeply troubled man,

ที่หลงรักกับชายที่มีปัญหาหนัก

and I was the only person on Earth

และฉันเป็นคนเดียวในโลก

who could help Conor face his demons.

ที่สามารถช่วยคอนนอร์ เผชิญหน้าปีศาจของเขา

The other question everybody asks is,

คำถามอื่น ๆ ที่ทุกคนถามคือ

why doesn't she just leave?

ทำไมฉันไม่หนีล่ะ

Why didn't I walk out? I could have left any time.

เหตุใดถึงไม่หนีไป ซึ่งฉันสามารถไปเมื่อไรก็ได้

To me, this is the saddest and most painful question that people ask,

สำหรับฉัน มันเป็นคำถามที่น่าเศร้า และน่าเจ็บปวดมากที่สุด

because we victims know something you usually don't:

เพราะเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย จะรู้ถึงสิ่งที่คนปกติไม่รู้

It's incredibly dangerous to leave an abuser.

มันอันตรายอย่างเหลือเชื่อ ที่จะหนีจากคนที่ทารุณคุณ

Because the final step in the domestic violence pattern

เพราะว่าในขั้นตอนสุดท้าย ของความรุนแรงในครอบครัว

is kill her.

คือการฆ่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย

Over 70 percent of domestic violence murders

กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของการฆาตกรรม จากความรุนแรงในครอบครัว

happen after the victim has ended the relationship,

เกิดขึ้นหลังจากที่เหยื่อสิ้นสุดความสัมพันธ์

after she's gotten out,

หลังจากที่เหยื่อหลุดออกมา

because then the abuser has nothing left to lose.

เนื่องจากผู้ทารุณ ไม่มีอะไรที่ต้องสูญเสียอีกแล้ว

Other outcomes include long-term stalking,

นอกจากการฆ่า อาจเป็นการสะกดรอยตาม

even after the abuser remarries;

แม้กระทั่งหลังจากผู้ทารุณแต่งงานใหม่ไปแล้ว

denial of financial resources;

หรือปฏิเสธการช่วยเหลือทางการเงิน

and manipulation of the family court system

การจัดการของระบบศาลครอบครัว

to terrify the victim and her children,

เพื่อหลอกเหยื่อและลูกๆ

who are regularly forced by family court judges

ผู้ซึ่่งมักถูกศาลครอบครัวบังคับ

to spend unsupervised time

ให้ใช้เวลากับลูกโดยไม่มีใครเฝ้าระวัง

with the man who beat their mother.

กับคนที่ตบตีแม่ของเขา

And still we ask, why doesn't she just leave?

และเรายังจะถามว่า ทำไมเธอไม่หนีไป

I was able to leave,

ฉันหนีออกมาได้

because of one final, sadistic beating

เพราะการตบตีทารุณครั้งสุดท้าย

that broke through my denial.

ที่ทำลายความคิดที่ฉันเคยปฏิเสธ

I realized that the man who I loved so much

ฉันคิดได้ว่า คนที่ฉันรักมาก

was going to kill me if I let him.

กำลังจะฆ่าฉัน ถ้าฉันปล่อยให้เขาทำ

So I broke the silence.

ดังนั้นฉันต้องทำลายความเงียบลง

I told everyone:

ฉันบอกทุกคน

the police, my neighbors,

ทั้งตำรวจ เพื่อนบ้านของฉัน

my friends and family, total strangers,

เพื่อน พ่อแม่ พี่น้อง รวมทั้งคนแปลกหน้า

and I'm here today because you all helped me.

และฉันมาพูดที่นี่วันนี้ได้ เพราะคนเหล่านั้นได้ช่วยฉัน

We tend to stereotype victims

เรามักจะตกเป็นเหยื่อ

as grisly headlines,

พาดหัวข่าวน่าสยดสยอง

self-destructive women, damaged goods.

เป็นผู้หญิงที่ยอมให้ถูกทำลาย ถูกทำให้เสียหาย

The question, "Why does she stay?"

คำถามว่า "ทำไมเธอถึงทนอยู่กับมัน"

is code for some people for, "It's her fault for staying,"

เป็นอีกนัยของบางคนว่า "มันเป็นความผิดเธอที่เธอทนอยู่"

as if victims intentionally choose to fall in love with men

ประหนึ่งว่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย จงใจเลือกตกหลุมรักกับผู้ชาย

intent upon destroying us.

ที่แสดงเจตนาที่จะทำร้าย

But since publishing "Crazy Love,"

ตั้งแต่การตีพิมพ์บทความ "Crazy Love" (ความรักที่งมงาย)

I have heard hundreds of stories from men and women

ฉันได้รับรู้เรื่องราวเป็นร้อยเรื่อง จากชายและหญิง

who also got out,

ผู้ซึ่งหนีพ้นออกมาได้

who learned an invaluable life lesson from what happened,

ผู้ที่เรียนรู้บทเรียนชีวิตจากสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างประเมินค่ามิได้

and who rebuilt lives -- joyous, happy lives --

และผู้เริ่มสร้างชีวิตใหม่ มีชีวิตรื่นเริง และมีความสุข

as employees, wives and mothers,

พนักงาน ภรรยา และ แม่ของลูก

lives completely free of violence, like me.

ที่ใช้ชีวิตอิสระอย่างสมบูรณ์ ปราศจากความรุนแรงอย่างฉัน

Because it turns out that I'm actually a very typical domestic violence victim

เพราะมันกลายเป็นว่าฉันจริงๆ เป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัวโดยทั่วไป

and a typical domestic violence survivor.

ที่ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัวโดยทั่วไป

I remarried a kind and gentle man,

ฉันแต่งงานใหม่กับชาย ที่มีความเมตตาปราณี และเป็นสุภาพบุรุษ

and we have those three kids.

เรามีลูกด้วยกันสามคน

I have that black lab, and I have that minivan.

ฉันมีหมาลาบราดอร์สีดำ และมีรถมินิแวน

What I will never have again,

สิ่งที่ฉันจะไม่มีอีก

ever,

ตลอดไป

is a loaded gun held to my head

คือปืนพร้อมกระสุน จ่อที่หัวของฉัน

by someone who says that he loves me.

จากคนที่บอกว่ารักฉัน

Right now, maybe you're thinking,

ขณะนี้ คุณอาจกำลังคิดว่า

"Wow, this is fascinating,"

"มันน่าทึ่งมาก"

or, "Wow, how stupid was she,"

หรือ "ทำไมเธอถึงโง่ได้ขนาดนี้"

but this whole time, I've actually been talking about you.

แต่ทั้งหมดที่พูดมานี้ ฉันพูดถึงพวกคุณ

I promise you there are several people

ฉันมั่นใจว่ามีหลายๆ คน

listening to me right now

ที่กำลังฟังฉันในขณะนี้

who are currently being abused

ผู้ที่ปัจจุบัน กำลังถูกทำร้ายทารุณ

or who were abused as children

หรือเคยถูกทำร้ายทารุณเมื่อตอนเป็นเด็ก

or who are abusers themselves.

หรือเป็นผู้ทำร้ายตัวเองก็ตาม

Abuse could be affecting your daughter,

ลูกสาวของคุณอาจถูกทำร้ายทารุณอยู่

your sister, your best friend right now.

แม้กระทั่งน้องสาว หรือเพื่อนสนิทของคุณ ในขณะนี้

I was able to end my own crazy love story

ฉันสามารถยุติเรื่องรักที่งมงายของตัวฉันเอง

by breaking the silence.

โดยการทำลายความเงียบ

I'm still breaking the silence today.

ฉันจะยังทำลายความเงียบต่อไปทุกวัน

It's my way of helping other victims,

มันเป็นวิธีของฉันที่จะช่วยผู้เคราะห์ร้ายอื่นๆ

and it's my final request of you.

และเป็นคำขอร้องข้อสุดท้ายของฉันต่อคุณ

Talk about what you heard here.

พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้ยินที่นี่

Abuse thrives only in silence.

ความทารุณโหดร้ายจะเกิดต่อไป จากความเงียบสงบเท่านั้น

You have the power to end domestic violence

คุณมีพลังพอ ที่จะสิ้นสุดความรุนแรงในครอบครัว

simply by shining a spotlight on it.

เพียงแค่ทำให้มันเรื่องเด่นสำคัญ

We victims need everyone.

เราผู้เป็นเหยื่อ ต้องการทุกคน

We need every one of you to understand

เราต้องการให้ทุกคนเข้าใจ

the secrets of domestic violence.

ความลับของความรุนแรงในครอบครัว

Show abuse the light of day by talking about it

เปิดเผยความทารุณให้แสดงออกมา ด้วยการพูดคุยเกี่ยวกับมัน

with your children, your coworkers,

คุยกับลูกของคุณ เพื่อนที่ทำงานของคุณ

your friends and family.

คุยกับเพื่อนๆ และญาติ พ่อแม่ พี่น้อง

Recast survivors as wonderful, lovable people

หล่อหลอมผู้รอดชีวิต ให้เป็นคนที่น่ารักและแสนวิเศษ

with full futures.

มีอนาคตที่สดใส

Recognize the early signs of violence

จงรู้จักสัญญาณแรกๆ ของความรุนแรง

and conscientiously intervene,

เข้าไปแทรกแซงให้เแป็นเรื่องราว

deescalate it, show victims a safe way out.

ลดระดับมันลง แล้วแสดงหนทางออกให้ผู้เคราะห์ร้าย

Together we can make our beds,

เราทุกคนสามารถร่วมกัน

our dinner tables and our families

ทำให้บ้านของเรา ครอบครัวของเรา

the safe and peaceful oases they should be.

เป็นสวรรค์ที่เงียบสงบและปลอดภัย ดั่งที่มันควรจะเป็น

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)