On being wrong | Kathryn Schulz

709,524 views ・ 2011-04-26

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Sritala Dhanasarnsombut Reviewer: Phatra Sae-ting
00:15
So it's 1995,
0
15260
3000
ในปี ค.ศ. 1995
00:18
I'm in college,
1
18260
2000
ฉันยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอยู่
00:20
and a friend and I go on a road trip
2
20260
3000
เพื่อนกับฉันมักขับรถเที่ยว
00:23
from Providence, Rhode Island
3
23260
2000
จากโพรวิเดนส์ โรด ไอแลนด์
00:25
to Portland, Oregon.
4
25260
2000
ถึงพอร์ทแลนด์ โอเรกอน
00:27
And you know, we're young and unemployed,
5
27260
3000
แล้วอย่างที่รู้ พวกเราเด็กแล้วก็ยังไม่มีงานทำ
00:30
so we do the whole thing on back roads
6
30260
2000
ดังนั้นเราจึงเลือกเดินทางตามชนบท
00:32
through state parks
7
32260
2000
ผ่านสวนสาธารณะของรัฐ
00:34
and national forests --
8
34260
3000
และป่าสงวนต่างๆ
00:37
basically the longest route we can possibly take.
9
37260
3000
หลักๆเราเลือกเส้นทางที่ยาวที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
00:41
And somewhere in the middle of South Dakota,
10
41260
3000
ในสถานที่นึงใจกลางรัฐเซาท์ดาโกต้า
00:44
I turn to my friend
11
44260
3000
ฉันหันไปหาเพื่อนของฉัน
00:47
and I ask her a question
12
47260
2000
แล้วถามว่า
00:49
that's been bothering me
13
49260
2000
มันกวนใจฉัน
00:51
for 2,000 miles.
14
51260
3000
ตลอดทาง 2,000 ไมล์
00:55
"What's up with the Chinese character I keep seeing by the side of the road?"
15
55260
4000
ตัวหนังสือจีนที่ฉันเห็นอยู่ข้างทางเนี่ยมันคืออะไรกันแน่?
01:02
My friend looks at me totally blankly.
16
62260
4000
เพื่อนฉันทำหน้ามึนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูด
01:06
There's actually a gentleman in the front row
17
66260
2000
เหมือนกับที่ท่านสุภาพบุรุษด้านหน้านี้เป็นอยู่
01:08
who's doing a perfect imitation of her look.
18
68260
3000
คุณเป็นตัวอย่างอาการของเพื่อนฉันได้อย่างดี
01:11
(Laughter)
19
71260
3000
(หัวเราะ)
01:14
And I'm like, "You know,
20
74260
2000
แล้วฉันก็แบบว่า ก็นั่นไง
01:16
all the signs we keep seeing
21
76260
2000
ป้ายที่เราเห็นตามทาง
01:18
with the Chinese character on them."
22
78260
3000
ที่มีตัวหนังสือภาษาจีนอยู่ไง
01:22
She just stares at me for a few moments,
23
82260
3000
เธอจ้องฉันอยู่ครู่หนึ่ง
01:25
and then she cracks up,
24
85260
3000
และในที่สุดเธอก็เข้าใจ
01:28
because she figures out what I'm talking about.
25
88260
2000
และนึกออกว่าสิ่งที่ฉันพูดถึงคืออะไร
01:30
And what I'm talking about is this.
26
90260
3000
สิ่งที่ฉันพูดก็คือ สิ่งนี้
01:33
(Laughter)
27
93260
6000
(หัวเราะ)
01:39
Right, the famous Chinese character for picnic area.
28
99260
4000
ใช่แล้วค่ะ ตัวหนังสือจีนอันโด่งดังที่หมายถึงพื้นที่ปิกนิคนั่นเอง
01:43
(Laughter)
29
103260
2000
(หัวเราะ)
01:45
I've spent the last five years of my life
30
105260
4000
ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาของฉันได้ใช้ไปกับ
01:49
thinking about situations
31
109260
2000
การครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
01:51
exactly like this --
32
111260
3000
อย่างในสถานการณ์นี้
01:54
why we sometimes misunderstand
33
114260
2000
ว่าทำไมบางครั้งพวกเราเข้าใจผิด
01:56
the signs around us,
34
116260
2000
กับสัญลักษณ์รอบตัวเรา
01:58
and how we behave when that happens,
35
118260
3000
และทำไมเราถึงได้ทำตัวเช่นนั้น
02:01
and what all of this can tell us about human nature.
36
121260
4000
แล้วสิ่งเหล่านี้มันบอกอะไรเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์
02:05
In other words, as you heard Chris say,
37
125260
2000
อีกนัยนึง อย่างที่คริสพูด
02:07
I've spent the last five years
38
127260
2000
ว่าฉันได้ใช้เวลาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
02:09
thinking about being wrong.
39
129260
3000
คิดเกี่ยวกับเรื่องความผิดพลาด
02:12
This might strike you as a strange career move,
40
132260
3000
คุณอาจคิดว่ามันเป็นการเลือกสายอาชีพที่แปลกอยู่
02:15
but it actually has one great advantage:
41
135260
3000
แต่มันมีข้อได้เปรียบอยู่อย่างนึง
02:18
no job competition.
42
138260
2000
คือ การไม่มีคู่แข่ง
02:20
(Laughter)
43
140260
2000
(หัวเราะ)
02:22
In fact, most of us do everything we can
44
142260
3000
ในความเป็นจริงแล้ว พวกเราทำทุกวิถีทาง
02:25
to avoid thinking about being wrong,
45
145260
3000
ที่จะเลี่ยงการทำพลาด
02:28
or at least to avoid thinking about the possibility
46
148260
2000
หรืออย่างน้อยก็พยายามคิดหาทางหลีกเลี่ยง
02:30
that we ourselves are wrong.
47
150260
2000
ว่าเราผิด
02:32
We get it in the abstract.
48
152260
2000
ซึ่งนำเราเข้าไปสู่นามธรรม
02:34
We all know everybody in this room makes mistakes.
49
154260
2000
พวกเราต่างรู้กันดีว่าทุกคนในที่นี้ก็เคยทำผิดกันทั้งนั้น
02:37
The human species, in general, is fallible -- okay fine.
50
157260
3000
เผ่าพันธุ์มนุษย์เรา โดยส่วนใหญ่ก็ผิดพลาดกันอยู่แล้ว
02:41
But when it comes down to me, right now,
51
161260
3000
แต่เมื่อมาถึงตอนนี้
02:44
to all the beliefs I hold,
52
164260
2000
สำหรับสิ่งที่ฉันเชื่อ
02:46
here in the present tense,
53
166260
3000
ณ ปัจจุบัน
02:49
suddenly all of this abstract appreciation of fallibility
54
169260
4000
ทันใดนั้น การรู้ซึ้งถึงนามธรรมเกี่ยวกับความผิดพลาด
02:53
goes out the window --
55
173260
3000
ทำให้ฉันเปิดกว้าง
02:56
and I can't actually think of anything I'm wrong about.
56
176260
3000
และคิดไม่ออกว่าจริงๆแล้วฉันเคยทำอะไรผิดบ้าง
03:00
And the thing is, the present tense is where we live.
57
180260
3000
จริงๆแล้ว ณ ปัจจุบัน คือที่ที่เราอยู่
03:03
We go to meetings in the present tense;
58
183260
3000
เราไปสัมมนา ในขณะนี้
03:06
we go on family vacations in the present tense;
59
186260
2000
เราไปเที่ยววันหยุดกับครอบครัว ณ ช่วงเวลานี้
03:08
we go to the polls and vote in the present tense.
60
188260
4000
เราไปเข้าคูหาเลือกตั้งก็ทำในช่วงเวลานี้
03:12
So effectively, we all kind of wind up traveling through life,
61
192260
3000
ผลสรุปก็คือเราผ่านพ้นช่วงเวลาต่างๆในชีวิต
03:15
trapped in this little bubble
62
195260
2000
กักขังตัวเองอยู่ในฟองสบู่เล็กๆ
03:17
of feeling very right about everything.
63
197260
3000
ที่เกี่ยวกับการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง
03:21
I think this is a problem.
64
201260
2000
ฉันคิดว่านี่คือปัญหา
03:23
I think it's a problem for each of us as individuals,
65
203260
3000
ฉันคิดว่ามันเป็นปัญหากับเราทุกๆคน
03:26
in our personal and professional lives,
66
206260
3000
ทั้งในชีวิตส่วนตัวและหน้าที่การงาน
03:29
and I think it's a problem for all of us collectively as a culture.
67
209260
3000
และฉันคิดว่ามันเป็นปัญหาจากการสั่งสมอบรมมาเป็นเวลานาน
03:32
So what I want to do today
68
212260
2000
ดังนั้นสิ่งที่ฉันอยากทำในวันนี้
03:34
is, first of all, talk about why we get stuck
69
214260
3000
สิ่งแรกก็คือพูดถึงเหตุผลที่พวกเรายึดติดกับ
03:37
inside this feeling of being right.
70
217260
2000
ความรู้สึกถึงความถูกต้อง
03:39
And second, why it's such a problem.
71
219260
3000
ถัดมาก็คือ ทำไมมันถึงเป็นปัญหา
03:42
And finally, I want to convince you
72
222260
2000
และสุดท้ายฉันอยากจะบอกคุณ
03:44
that it is possible
73
224260
2000
ว่ามันมีความเป็นไปได้
03:46
to step outside of that feeling
74
226260
2000
ที่จะก้าวออกจากความรู้สึกนั้น
03:48
and that if you can do so,
75
228260
2000
และถ้าคุณทำได้
03:50
it is the single greatest
76
230260
2000
มันคือก้าวสำคัญ
03:52
moral, intellectual and creative leap you can make.
77
232260
3000
ที่คุณสามารถทำได้ทั้งทางจริยธรรม วิชาการและความสร้างสรรค์
03:57
So why do we get stuck
78
237260
2000
มาเริ่มจากทำไมเราถึงยึดติด
03:59
in this feeling of being right?
79
239260
2000
กับความรู้สึกถูกต้อง
04:01
One reason, actually, has to do with a feeling of being wrong.
80
241260
3000
เหตุผลนึงเกี่ยวข้องกับความรู้สึกของการทำผิดพลาด
04:04
So let me ask you guys something --
81
244260
2000
ดังนั้นขอฉันถามพวกคุณบางอย่างหน่อย
04:06
or actually, let me ask you guys something, because you're right here:
82
246260
4000
ขอถามพวกคุณแล้วกัน เพราะคุณนั่งตรงนี้
04:10
How does it feel -- emotionally --
83
250260
3000
คุณรู้สึกอย่างไร ทางด้านอารมณ์
04:13
how does it feel to be wrong?
84
253260
3000
คุณรู้สึกอย่างไรเวลาทำผิด
04:16
Dreadful. Thumbs down.
85
256260
3000
หวาดกลัว คว่ำหัวแม่โป้งลง
04:19
Embarrassing. Okay, wonderful, great.
86
259260
2000
อาย โอเค ดีคะ
04:21
Dreadful, thumbs down, embarrassing --
87
261260
2000
มีทั้งหวาดกลัว ทั้งคว่ำหัวโป้งลง แล้วก็อาย
04:23
thank you, these are great answers,
88
263260
3000
ขอบคุณค่ะ เป็นคำตอบที่ดีมาก
04:26
but they're answers to a different question.
89
266260
3000
แต่พวกเขาไม่ได้ตอบคำถามฉัน
04:29
You guys are answering the question:
90
269260
2000
พวกคุณตอบคำถามที่ว่า
04:31
How does it feel to realize you're wrong?
91
271260
3000
คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณรู้ตัวว่าคุณทำผิดพลาด
04:34
(Laughter)
92
274260
4000
(หัวเราะ)
04:38
Realizing you're wrong can feel like all of that and a lot of other things, right?
93
278260
3000
การที่เรารู้ตัวว่าเราผิดพลาดเราจะรู้สึกอย่างที่พวกคุณบอกและในอีกหลายๆแบบ จริงไหมคะ?
04:41
I mean it can be devastating, it can be revelatory,
94
281260
3000
ฉันหมายถึงมันอาจจะทำให้ผิดหวัง ทำให้สิ้นหวัง
04:44
it can actually be quite funny,
95
284260
2000
หรืออาจจะรู้สึกตลก
04:46
like my stupid Chinese character mistake.
96
286260
3000
อย่างตัวหนังสือจีนโง่ๆที่ฉันเข้าใจผิดก็เป็นได้
04:49
But just being wrong
97
289260
3000
แต่แค่ทำผิด
04:52
doesn't feel like anything.
98
292260
2000
ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอะไร
04:54
I'll give you an analogy.
99
294260
3000
ฉันจะเปรียบเทียบให้คุณฟัง
04:57
Do you remember that Loony Tunes cartoon
100
297260
2000
พวกคุณรู้จักการ์ตูนของลูนนี่ ทูนส์ใช่ไหม
04:59
where there's this pathetic coyote
101
299260
2000
ที่มีเจ้าตัวคโยตี้ที่น่าสงสาร
05:01
who's always chasing and never catching a roadrunner?
102
301260
2000
ไล่ตามแต่ไม่เคยจับเจ้าตัวโรดรันเนอร์ได้
05:03
In pretty much every episode of this cartoon,
103
303260
3000
ในเกือบทุกตอนของการ์ตูนเรื่องนี้
05:06
there's a moment where the coyote is chasing the roadrunner
104
306260
2000
จะมีช่วงนึงที่คโยตี้ไล่โรดรันเนอร์
05:08
and the roadrunner runs off a cliff,
105
308260
2000
แล้วโรดรันเนอร์วิ่งออกนอกหุบเขา
05:10
which is fine -- he's a bird, he can fly.
106
310260
3000
ซึ่งก็ไม่เป็นไรเพราะเขาเป็นนก เขาบินได้
05:13
But the thing is, the coyote runs off the cliff right after him.
107
313260
4000
แต่คโยตี้ที่วิ่งออกนอกหุบเขาตามหลังเนี่ยสิ
05:17
And what's funny --
108
317260
2000
สิ่งนี้แหละที่ตลก
05:19
at least if you're six years old --
109
319260
2000
อย่างน้อยก็ตอนคุณอายุ 6 ขวบ
05:21
is that the coyote's totally fine too.
110
321260
2000
แล้วนี่คโยตี้รู้สึกโอเคด้วยหรือเปล่า
05:23
He just keeps running --
111
323260
2000
ที่เขาวิ่งไปเรื่อยๆ
05:25
right up until the moment that he looks down
112
325260
2000
จนกระทั่งในตอนที่เขามองลง
05:27
and realizes that he's in mid-air.
113
327260
3000
และได้รู้ตัวว่าเขาอยู่กลางอากาศ
05:30
That's when he falls.
114
330260
3000
แล้วก็หล่นลงไป
05:34
When we're wrong about something --
115
334260
2000
ในตอนที่เราทำผิดบางอย่าง
05:36
not when we realize it, but before that --
116
336260
3000
ไม่ใช่ตอนที่เรารู้สึกตัว แต่เป็นช่วงเวลาก่อนหน้านั้น
05:39
we're like that coyote
117
339260
3000
เราก็เหมือนกับเจ้าคโยตี้
05:42
after he's gone off the cliff and before he looks down.
118
342260
3000
ที่วิ่งเลยหุบเขา ก่อนที่ตัวเองจะมองข้างล่าง
05:46
You know, we're already wrong,
119
346260
3000
คุณรู้ว่าเราผิดแล้ว
05:49
we're already in trouble,
120
349260
2000
เราเจอปัญหาแล้ว
05:51
but we feel like we're on solid ground.
121
351260
3000
แต่เรายังรู้สึกเหมือนเราอยู่บนพื้นมั่นคง
05:55
So I should actually correct something I said a moment ago.
122
355260
3000
ดังนั้นฉันขอแก้ไขในสิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้
05:58
It does feel like something to be wrong;
123
358260
3000
ว่ามันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
06:01
it feels like being right.
124
361260
3000
เหมือนกับที่เรารู้สึกว่ามันถูกต้อง
06:04
(Laughter)
125
364260
3000
(หัวเราะ)
06:07
So this is one reason, a structural reason,
126
367260
3000
นี่คือเหตุผลนึง ที่เป็นองค์ประกอบนึงของเหตุผล
06:10
why we get stuck inside this feeling of rightness.
127
370260
2000
ที่ว่าทำไมเรายึดติดกับความรู้สึกถูกต้องไว้ในตัวเรา
06:12
I call this error blindness.
128
372260
2000
ฉันเรียกสิ่งนี้ว่าข้อผิดพลาดที่เรามองไม่เห็น
06:14
Most of the time,
129
374260
2000
โดยส่วนใหญ่แล้ว
06:16
we don't have any kind of internal cue
130
376260
3000
เราไม่มีข้อคิดภายในหัวเรา
06:19
to let us know that we're wrong about something,
131
379260
2000
เกี่ยวกับการทำผิดพลาดเลย
06:21
until it's too late.
132
381260
3000
จนกระทั่งมันสายไปแล้ว
06:24
But there's a second reason that we get stuck inside this feeling as well --
133
384260
3000
แต่มีอีกเหตุผลนึงที่ทำให้พวกเรายึดติดกับความรู้สึกนี้เหมือนกัน
06:27
and this one is cultural.
134
387260
2000
และนั่นก็คือการปลูกฝังวัฒนธรรม
06:30
Think back for a moment to elementary school.
135
390260
3000
ลองนึกย้อนไปเมื่อตอนสมัยประถม
06:33
You're sitting there in class,
136
393260
2000
คุณกำลังนั่งอยู่ในห้องเรียน
06:35
and your teacher is handing back quiz papers,
137
395260
3000
แล้วคุณครูของคุณก็ยื่นกระดาษทดสอบให้
06:38
and one of them looks like this.
138
398260
2000
แล้วของใครบางคนจะเป็นหน้าตาแบบนี้
06:40
This is not mine, by the way.
139
400260
2000
แต่นั่นไม่ใช่ฉัน บอกไว้ก่อน
06:42
(Laughter)
140
402260
2000
(หัวเราะ)
06:44
So there you are in grade school,
141
404260
3000
คุณอยู่ในชั้นเรียน
06:47
and you know exactly what to think
142
407260
2000
และคุณรู้แน่นอนว่าคุณต้องคิดอะไร
06:49
about the kid who got this paper.
143
409260
3000
เกี่ยวกับเด็กที่เป็นเจ้าของกระดาษใบนี้
06:52
It's the dumb kid, the troublemaker,
144
412260
3000
ว่าเป็นเด็กโง่ เด็กเจ้าปัญหา
06:55
the one who never does his homework.
145
415260
3000
ที่ไม่เคยทำการบ้านส่งเลย
06:58
So by the time you are nine years old,
146
418260
3000
เมื่อคุณอายุได้ 9 ขวบ
07:01
you've already learned, first of all,
147
421260
2000
อย่างแรก คุณได้เรียนรู้ว่า
07:03
that people who get stuff wrong
148
423260
2000
คนที่ทำอะไรผิดๆ
07:05
are lazy, irresponsible dimwits --
149
425260
3000
คือคนที่ขี้เกียจ ไม่รับผิดชอบ ปัญญาทึบ
07:08
and second of all,
150
428260
2000
อย่างที่สอง
07:10
that the way to succeed in life
151
430260
2000
ก็คือหนทางที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น
07:12
is to never make any mistakes.
152
432260
3000
จะต้องไม่ทำอะไรผิดพลาด
07:16
We learn these really bad lessons really well.
153
436260
4000
พวกเราเรียนรู้บทเรียนแย่ๆเหล่านี้ได้อย่างดี
07:21
And a lot of us --
154
441260
2000
และในหลายคน
07:23
and I suspect, especially a lot of us in this room --
155
443260
4000
และฉันสันนิษฐานว่าหลายคนในที่นี้
07:27
deal with them by just becoming
156
447260
2000
จัดการกับเรื่องนี้โดย
07:29
perfect little A students,
157
449260
2000
กลายเป็นเด็กนักเรียนเกรดเอ
07:31
perfectionists, over-achievers.
158
451260
3000
เป็นพวกเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งเป้าไว้สูง
07:34
Right,
159
454260
2000
ใช่ไหมคะ?
07:36
Mr. CFO, astrophysicist, ultra-marathoner?
160
456260
4000
คุณซีเอฟโอ นักฟิสิกส์ดวงดาว แล้วก็นักมาราธอนทั้งหลาย
07:40
(Laughter)
161
460260
7000
(หัวเราะ)
07:47
You're all CFO, astrophysicists, ultra-marathoners, it turns out.
162
467260
4000
คุณกลายเป็น ซีเอฟโอ นักฟิสิกส์ดวงดาว นักมาราธอน
07:51
Okay, so fine.
163
471260
2000
นั่นก็ โอเค
07:53
Except that then we freak out
164
473260
3000
กระทั่งเมื่อตอนที่เราตื่นตระหนก
07:56
at the possibility that we've gotten something wrong.
165
476260
2000
กับเรื่องที่เราทำผิดพลาด
07:58
Because according to this,
166
478260
3000
จากเรื่องนี้
08:01
getting something wrong
167
481260
2000
การทำอะไรผิด
08:03
means there's something wrong with us.
168
483260
3000
หมายถึงมีอะไรบางอย่างในตัวเราผิดปกติ
08:06
So we just insist that we're right,
169
486260
2000
ดังนั้นเรายืนกรานว่าเราถูก
08:08
because it makes us feel smart and responsible
170
488260
2000
เพราะว่ามันทำให้เรารู้สึกว่าเราฉลาดและดูมีความรับผิดชอบ
08:10
and virtuous and safe.
171
490260
3000
รู้สึกถูกต้องและปลอดภัย
08:14
So let me tell you a story.
172
494260
2000
ขอให้ฉันเล่าเรื่องนึง
08:16
A couple of years ago,
173
496260
2000
เมื่อสองสามปีที่แล้ว
08:18
a woman comes into Beth Israel Deaconess Medical Center for a surgery.
174
498260
3000
ผู้หญิงหลายคนมาที่ เบธ อิสราเอล เดคอนส์ เมดิเคิร์ล เซ็นเตอร์ ที่สำหรับศัลยกรรม
08:21
Beth Israel's in Boston.
175
501260
2000
เบธ อิสราเอล อยู่ที่บอสตัน
08:23
It's the teaching hospital for Harvard --
176
503260
2000
เป็นที่ศึกษาแพทย์ของฮาร์เวิร์ด
08:25
one of the best hospitals in the country.
177
505260
2000
หนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดของประเทศ
08:27
So this woman comes in and she's taken into the operating room.
178
507260
3000
ผู้หญิงเหล่านี้ไปเข้ารับการผ่าตัด
08:30
She's anesthetized, the surgeon does his thing --
179
510260
2000
เธอก็โดนวางยาสลบ ส่วนศัลยแพทย์ก็ทำงานของเขาไป
08:32
stitches her back up, sends her out to the recovery room.
180
512260
3000
เย็บแผล แล้วก็ส่งเธอเข้าห้องพักฟื้น
08:35
Everything seems to have gone fine.
181
515260
3000
ทุกอย่างดูเหมือนเป็นไปได้ด้วยดี
08:38
And she wakes up, and she looks down at herself,
182
518260
3000
จนกระทั่งตอนที่เธอตื่นขึ้นแล้วมองที่ตัวเอง
08:41
and she says, "Why is the wrong side of my body in bandages?"
183
521260
4000
แล้วเธอก็พูดว่า "ทำไมผ้าพันแผลอยู่ผิดข้างล่ะ?"
08:45
Well the wrong side of her body is in bandages
184
525260
3000
สาเหตุที่มันผ้าพันแผลอยู่ผิดฝั่ง
08:48
because the surgeon has performed a major operation
185
528260
2000
เพราะว่าศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดสำคัญ
08:50
on her left leg instead of her right one.
186
530260
3000
ที่ขาด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวา
08:54
When the vice president for health care quality at Beth Israel
187
534260
3000
เมื่อรองประธานฝ่ายประกันคุณภาพด้านการดูแลสุขภาพของเบธ อิสราเอล
08:57
spoke about this incident,
188
537260
3000
ได้กล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้
09:00
he said something very interesting.
189
540260
3000
เขาได้พูดบางอย่างที่น่าสนใจ
09:03
He said, "For whatever reason,
190
543260
3000
เขาพูดว่า ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม
09:06
the surgeon simply felt
191
546260
2000
ศัลยแพทย์รู้สึกว่า
09:08
that he was on the correct side of the patient."
192
548260
2000
เขาได้ผ่าตัดให้คนไข้ถูกฝั่งแล้ว
09:10
(Laughter)
193
550260
3000
(หัวเราะ)
09:15
The point of this story
194
555260
2000
จุดประสงค์ของเรื่องนี้คือ
09:17
is that trusting too much in the feeling
195
557260
3000
เชื่อมั่นกับความรู้สึกมากเกินไป
09:20
of being on the correct side of anything
196
560260
3000
ว่าตัวเองอยู่ฝั่งที่ถูกต้องในทุกๆเรื่อง
09:23
can be very dangerous.
197
563260
3000
อาจจะเป็นเรื่องอันตรายได้
09:26
This internal sense of rightness
198
566260
3000
ความรู้สึก สัมผัสเกี่ยวกับเรื่องความถูกต้องภายใน
09:29
that we all experience so often
199
569260
2000
ที่เราได้ประสบบ่อยๆนั้น
09:31
is not a reliable guide
200
571260
2000
ไม่สามารถเชื่อ ยึดเอาเป็นแนวทางได้
09:33
to what is actually going on in the external world.
201
573260
3000
สำหรับใช้ในโลกภายนอกได้
09:36
And when we act like it is,
202
576260
2000
แล้วเมื่อเราทำแบบนั้น
09:38
and we stop entertaining the possibility that we could be wrong,
203
578260
4000
เราหมดสนุกกับความเป็นไปได้ที่เราจะทำผิด
09:42
well that's when we end up doing things
204
582260
2000
เมื่อนั้นเราก็จะจบลงด้วย
09:44
like dumping 200 million gallons of oil into the Gulf of Mexico,
205
584260
4000
การเทน้ำมันลงในอ่าวเม็กซิโกกว่าสองร้อยล้านแกลลอน
09:48
or torpedoing the global economy.
206
588260
3000
หรือถล่มเศรษฐกิจโลก
09:52
So this is a huge practical problem.
207
592260
3000
นี่คือปัญหาใหญ่ในเชิงปฏิบัติ
09:55
But it's also a huge social problem.
208
595260
3000
แต่มันก็เป็นปัญหาใหญ่ทางสังคมด้วยเช่นกัน
09:58
Think for a moment about what it means to feel right.
209
598260
4000
ลองใช้เวลาคิดสักครู่ ว่าการรู้สึกถูกมันมีความหมายอย่างไร
10:02
It means that you think that your beliefs
210
602260
2000
มันหมายถึงสิ่งที่คุณเชื่อ
10:04
just perfectly reflect reality.
211
604260
3000
มันสะท้อนความเป็นจริงอย่างลงตัว
10:07
And when you feel that way,
212
607260
2000
และเมื่อคุณรู้สึกเช่นนั้น
10:09
you've got a problem to solve,
213
609260
2000
คุณมีปัญหาที่ต้องแก้
10:11
which is, how are you going to explain
214
611260
2000
ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณจะอธิบายอย่างไร
10:13
all of those people who disagree with you?
215
613260
3000
กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ
10:16
It turns out, most of us explain those people the same way,
216
616260
3000
มันกลายเป็นว่าเราอธิบายให้คนอื่นฟังในแบบเดียวกัน
10:19
by resorting to a series of unfortunate assumptions.
217
619260
3000
โดยการบอกเล่าสมมติฐานอาภัพเหล่านั้น
10:23
The first thing we usually do when someone disagrees with us
218
623260
3000
อย่างแรกที่เราจะทำเมื่อมีคนไม่เห็นด้วยกับเรา
10:26
is we just assume they're ignorant.
219
626260
3000
คือเราคิดไปเองว่าพวกเขาโง่เขลา
10:29
They don't have access to the same information that we do,
220
629260
2000
พวกเขาไม่ได้รับข้อมูลแบบเดียวกับเรา
10:31
and when we generously share that information with them,
221
631260
3000
แล้วเมื่อเราใจดีแบ่งปันข้อมูลกับพวกเขาแล้ว
10:34
they're going to see the light and come on over to our team.
222
634260
3000
พวกเขาก็จะเห็นทางสว่างแ้ล้วเข้าพวกกับเรา
10:37
When that doesn't work,
223
637260
3000
แล้วเมื่อมันไม่ได้ผล
10:40
when it turns out those people have all the same facts that we do
224
640260
2000
เมื่อพวกเขาเหล่านั้นรู้ข้อมูลเหมือนกับที่เรารู้
10:42
and they still disagree with us,
225
642260
2000
แต่ยังไม่เห็นด้วยกับเรา
10:44
then we move on to a second assumption,
226
644260
2000
เราก็ไปยังสมมติฐานที่สอง
10:46
which is that they're idiots.
227
646260
2000
นั่นก็คือพวกนี้มันงี่เง่า
10:48
(Laughter)
228
648260
2000
(หัวเราะ)
10:50
They have all the right pieces of the puzzle,
229
650260
2000
พวกเขามีองค์ประกอบครบทุกอย่างแล้ว
10:52
and they are too moronic to put them together correctly.
230
652260
3000
แต่กลับโง่เกินกว่าที่จะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้
10:55
And when that doesn't work,
231
655260
2000
และเมื่อมันยังไม่ได้ผลอีก
10:57
when it turns out that people who disagree with us
232
657260
3000
เมื่อคนเหล่านี้ไม่เห็นด้วยกับคุณ
11:00
have all the same facts we do
233
660260
2000
ทั้งที่รับข้อมูลทุกอย่างเหมือนกัน
11:02
and are actually pretty smart,
234
662260
3000
แล้วยังเป็นคนฉลาดด้วย
11:05
then we move on to a third assumption:
235
665260
3000
เมื่อนั้นเราก็เข้าสู่สมมติฐานที่สาม
11:08
they know the truth,
236
668260
3000
คือพวกเขารู้ความจริง
11:11
and they are deliberately distorting it
237
671260
2000
แต่พวกเขาจงใจบิดเบือนมัน
11:13
for their own malevolent purposes.
238
673260
3000
เพื่อจุดประสงค์ร้ายบางอย่าง
11:17
So this is a catastrophe.
239
677260
2000
นี่เลยกลายเป็นภัยพิบัติ
11:19
This attachment to our own rightness
240
679260
3000
นี่เป็นสิ่งที่ตามมากับความรู้สึกถูกต้องของเรา
11:22
keeps us from preventing mistakes
241
682260
2000
ที่พยายามผลักเราออกจากความผิดพลาด
11:24
when we absolutely need to
242
684260
2000
ในเวลาที่เราต้องการมัน
11:26
and causes us to treat each other terribly.
243
686260
3000
และทำให้เราปฏิบัติต่อกันอย่างน่ากลัว
11:30
But to me, what's most baffling
244
690260
2000
แต่สำหรับฉันแล้ว สิ่งที่น่ามึนงงที่สุด
11:32
and most tragic about this
245
692260
3000
และน่าสลดใจมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือ
11:35
is that it misses the whole point of being human.
246
695260
4000
เราได้มองข้ามความเป็นมนุษย์ไป
11:39
It's like we want to imagine
247
699260
2000
เหมือนกับเราอยากจินตนาการ
11:41
that our minds are just these perfectly translucent windows
248
701260
3000
ว่าความคิดเราโปร่งใสเหมือนกับหน้าต่างโปร่งแสง
11:44
and we just gaze out of them
249
704260
2000
เมื่อมองไปที่มัน
11:46
and describe the world as it unfolds.
250
706260
3000
โลกทั้งโลกก็คลี่คลายเปิดเผย
11:49
And we want everybody else to gaze out of the same window
251
709260
2000
และพวกเราก็อยากให้คนอื่นๆมองไปหน้าต่างเดียวกับเรา
11:51
and see the exact same thing.
252
711260
2000
และเห็นในอย่างเดียวกับเรา
11:53
That is not true,
253
713260
2000
ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย
11:55
and if it were, life would be incredibly boring.
254
715260
3000
และถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ โลกคงน่าเบื่อมาก
11:58
The miracle of your mind
255
718260
3000
ความอัศจรรย์เกี่ยวกับความคิดคุณ
12:01
isn't that you can see the world as it is.
256
721260
3000
ไม่ได้อยู่ที่การที่คุณมองโลกอย่างที่มันเป็น
12:05
It's that you can see the world as it isn't.
257
725260
3000
แต่เป็นการมองโลกในแบบที่มันไม่ควรเป็นต่างหาก
12:09
We can remember the past,
258
729260
2000
เราสามารถจดจำอดีตได้
12:11
and we can think about the future,
259
731260
3000
เราสามารถคิดถึงอนาคตได้
12:14
and we can imagine what it's like
260
734260
2000
และเราสามารถจินตนาการได้ว่ามันเป็นอย่างไร
12:16
to be some other person in some other place.
261
736260
3000
ที่เป็นคนๆนึงในอีกที่ๆนึง
12:19
And we all do this a little differently,
262
739260
2000
พวกเราทุกคนก็ทำสิ่งนี้แต่ต่างกันในรายละเอียด
12:21
which is why we can all look up at the same night sky
263
741260
2000
ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเราสามารถมองออกไปในคืนเดียวกันแล้ว
12:23
and see this
264
743260
2000
เห็นสิ่งนี้
12:25
and also this
265
745260
2000
แล้วก็สิ่งนี้
12:27
and also this.
266
747260
3000
สิ่งนี้ด้วย
12:30
And yeah, it is also why we get things wrong.
267
750260
3000
ใช่ค่ะ แล้วมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เราทำอะไรผิดด้วย
12:34
1,200 years before Descartes said his famous thing
268
754260
2000
พันสองร้อยปีที่แล้วก่อนที่เดสอาร์เทสพูดเรื่องดัง
12:36
about "I think therefore I am,"
269
756260
2000
เกี่ยวกับ "ฉันคิด...ฉันจึงมีอยู่"
12:38
this guy, St. Augustine, sat down
270
758260
2000
บุคคลนี้ เซนส์ ออกัสติน นั่งลง
12:40
and wrote "Fallor ergo sum" --
271
760260
3000
เขียนว่า "ฟอร์ลอร์ แอร์โก ซัม"
12:43
"I err therefore I am."
272
763260
4000
"เพราะฉันทำผิด ฉันจึงมีอยู่"
12:47
Augustine understood
273
767260
2000
ออกัสตีนเข้าใจ
12:49
that our capacity to screw up,
274
769260
2000
เกี่ยวกับสมรรถภาพความผิดพลาดของเรา
12:51
it's not some kind of embarrassing defect
275
771260
2000
ไม่ใช่ข้อบกพร่องที่น่าอาย
12:53
in the human system,
276
773260
2000
ในระบบร่างกายมนุษย์เลย
12:55
something we can eradicate or overcome.
277
775260
3000
หรือเป็นสิ่งที่เราสามารถขจัดหรือเอาชนะ
12:58
It's totally fundamental to who we are.
278
778260
3000
มันเป็นพื้นฐานทั้งหมดที่เรามี
13:01
Because, unlike God,
279
781260
2000
เพราะเราไม่เหมือนพระเจ้า
13:03
we don't really know what's going on out there.
280
783260
3000
เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างนอกนั่น
13:06
And unlike all of the other animals,
281
786260
3000
และเราก็ไม่เหมือนกับสัตว์ต่างๆ
13:09
we are obsessed with trying to figure it out.
282
789260
4000
พวกเราหมกมุ่นกับการแก้ปัญหาเหล่านี้
13:13
To me, this obsession
283
793260
2000
สำหรับฉัน ความหมกมุ่นนี้
13:15
is the source and root
284
795260
2000
เป็นแหล่งข้อมูลและรากฐาน
13:17
of all of our productivity and creativity.
285
797260
3000
ของผลผลิตและความคิดสร้างสรรค์ของเรา
13:20
Last year, for various reasons,
286
800260
3000
เมื่อปีที่แล้ว ในเหตุผลหลายๆอย่างต่างกัน
13:23
I found myself listening to a lot of episodes
287
803260
2000
ฉันนั่งฟังวิทยุรายการวิทยุ
13:25
of the Public Radio show This American Life.
288
805260
2000
ชื่อ ดีส อเมริกัน ไลฟ์ หลายตอน
13:27
And so I'm listening and I'm listening,
289
807260
3000
ฉันฟังไปเรื่อยๆ
13:30
and at some point, I start feeling
290
810260
3000
และถึงจุดนึงฉันก็รู้สึกว่า
13:33
like all the stories are about being wrong.
291
813260
3000
ฉันชอบเรื่องเกี่ยวกับความผิดพลาดเหล่านี้
13:37
And my first thought was,
292
817260
2000
ความคิดแรกในหัวฉันคือ
13:39
"I've lost it.
293
819260
2000
ฉันหลงทางแล้ว
13:41
I've become the crazy wrongness lady.
294
821260
2000
ฉันกลายเป็นหญิงบ้าผู้คลั่งความผิดพลาดไปแล้ว
13:43
I just imagined it everywhere,"
295
823260
2000
ฉันคิดไปได้ต่างๆนานา
13:45
which has happened.
296
825260
2000
ซึ่งมันจริง
13:47
But a couple of months later,
297
827260
2000
แต่สองสามเดือนหลังจากนั้น
13:49
I actually had a chance to interview Ira Glass, who's the host of the show.
298
829260
2000
ฉันได้มีโอกาสสัมภาษณ์ อิรา กลาส ที่เป็นพิธีกรของรายการนี้
13:51
And I mentioned this to him,
299
831260
2000
และฉันก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
13:53
and he was like, "No actually, that's true.
300
833260
3000
แล้วเขาก็พูดว่า ไม่ ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องจริง
13:56
In fact," he says,
301
836260
2000
มันคือ
13:58
"as a staff, we joke
302
838260
2000
เราเป็นผู้ดำเนินรายการ เราขำ
14:00
that every single episode of our show
303
840260
2000
ในทุกๆตอนของรายการ
14:02
has the same crypto-theme.
304
842260
3000
ที่มีรูปแบบเหมือนๆกัน
14:05
And the crypto-theme is:
305
845260
2000
รูปแบบนั้นก็คือ
14:07
'I thought this one thing was going to happen
306
847260
3000
"ฉันคิดว่ามันต้องเป็นแบบนี้แน่เลย
14:10
and something else happened instead.'
307
850260
3000
แต่แล้วกลับกลายเป็นอีกอย่างนึงซะนี่"
14:13
And the thing is," says Ira Glass, "we need this.
308
853260
3000
แล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องการ อิรา กราสกล่าว
14:16
We need these moments
309
856260
2000
เราต้องการช่วงเวลาเหล่านี้
14:18
of surprise and reversal and wrongness
310
858260
2000
ช่วงเวลาประหลาดใจ พลิกผลันและความผิดพลาดต่างๆ
14:20
to make these stories work."
311
860260
2000
ที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ดี
14:22
And for the rest of us, audience members,
312
862260
2000
และสำหรับคนที่เหลือ หรือผู้ชม
14:24
as listeners, as readers,
313
864260
3000
ที่เป็นผู้ฟังหรือผู้อ่าน
14:27
we eat this stuff up.
314
867260
2000
พวกเราเสพสิ่งเหล่านี้เข้าไป
14:29
We love things like plot twists
315
869260
3000
พวกเราชอบพล๊อตที่มีจุดหักมุม
14:32
and red herrings and surprise endings.
316
872260
3000
จุดเปลี่ยนและเรื่องประหลาดใจในตอนจบ
14:35
When it comes to our stories,
317
875260
3000
เมื่อมาถึงเรื่องของพวกเรา
14:38
we love being wrong.
318
878260
3000
เรารักที่จะผิดพลาด
14:41
But, you know, our stories are like this
319
881260
2000
แต่อย่างที่คุณรู้ เรื่องของพวกเราเป็นแบบนี้
14:43
because our lives are like this.
320
883260
3000
เพราะพวกเรามีชีวิตแบบนี้
14:46
We think this one thing is going to happen
321
886260
3000
พวกเราคิดว่าสิ่งนึงจะต้องเกิดขึ้น
14:49
and something else happens instead.
322
889260
3000
แต่กลับมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นแทน
14:52
George Bush thought he was going to invade Iraq,
323
892260
2000
จอร์ช บุช คิดว่าเขาจะบุกยึกอิรัก
14:54
find a bunch of weapons of mass destruction,
324
894260
2000
ค้นหาคลังอาวุธทำลายล้าง
14:56
liberate the people and bring democracy to the Middle East.
325
896260
3000
ปลดปล่อยคนและนำประชาธิปไตยสู่ตะวันออกกลาง
15:00
And something else happened instead.
326
900260
2000
แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นแทน
15:03
And Hosni Mubarak
327
903260
2000
โฮสนี่ มูบารัค
15:05
thought he was going to be the dictator of Egypt for the rest of his life,
328
905260
2000
คิดว่าเขาจะเป็นผู้นำเผด็จการของอียิปต์ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
15:07
until he got too old or too sick
329
907260
2000
จนกระทั่งเขาแก่และป่วยเกินกว่าที่จะทำ
15:09
and could pass the reigns of power onto his son.
330
909260
3000
เขาจะยกทุกอย่างให้อยู่ในอำนาจของลูกชาย
15:12
And something else happened instead.
331
912260
3000
แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น
15:16
And maybe you thought
332
916260
2000
และบางทีคุณคิดว่า
15:18
you were going to grow up and marry your high school sweetheart
333
918260
2000
คุณจะโตขึ้น แต่งงานกับหวานใจตอนสมัยวัยรุ่น
15:20
and move back to your hometown and raise a bunch of kids together.
334
920260
3000
กลับบ้านเกิด แล้วก็เลี้ยงลูกด้วยกัน
15:24
And something else happened instead.
335
924260
3000
แต่มันก็ไม่เป็นอย่างนั้น
15:27
And I have to tell you
336
927260
2000
และฉันจะบอกคุณว่า
15:29
that I thought I was writing an incredibly nerdy book
337
929260
2000
ฉันคิดว่าฉันเขียนหนังสือเนิร์ดสุดๆ
15:31
about a subject everybody hates
338
931260
2000
ในเรื่องที่ทุกคนเกลียด
15:33
for an audience that would never materialize.
339
933260
3000
สำหรับคนอ่านที่ไม่เคยทำอะไรเป็นรูปเป็นร่าง
15:36
And something else happened instead.
340
936260
2000
แต่มันก็ไม่เป็นแบบนั้น
15:38
(Laughter)
341
938260
2000
(หัวเราะ)
15:40
I mean, this is life.
342
940260
2000
ฉันหมายถึง นี่คือชีวิต
15:42
For good and for ill,
343
942260
2000
ทั้งดี ทั้งแย่
15:44
we generate these incredible stories
344
944260
3000
เรารวมมันเป็นเรื่องอย่างลงตัว
15:47
about the world around us,
345
947260
2000
เกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา
15:49
and then the world turns around and astonishes us.
346
949260
3000
และเมื่อโลกเปลี่ยนไปและทำให้เราประหลาดใจ
15:55
No offense, but this entire conference
347
955260
3000
ไม่ได้ว่าร้ายนะคะ แต่ตลอดสัมมนานี้
15:58
is an unbelievable monument
348
958260
2000
คืออนุสาวรีย์อันน่าทึ่ง
16:00
to our capacity to get stuff wrong.
349
960260
2000
ที่เป็นผลผลิตของความผิดพลาดของเรา
16:02
We just spent an entire week
350
962260
2000
เราใช้เวลาทั้งสัปดาห์
16:04
talking about innovations and advancements
351
964260
2000
พูดเกี่ยวกับเรื่องนวัตกรรม ความก้าวหน้า
16:06
and improvements,
352
966260
2000
และความเจริญต่างๆ
16:08
but you know why we need all of those innovations
353
968260
3000
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าทำไมเราต้องการนวัตกรรม
16:11
and advancements and improvements?
354
971260
2000
ความก้าวหน้าและความเจริญเหล่านั้น
16:13
Because half the stuff
355
973260
2000
เพราะกว่าครึ่งของเรื่องพวกนี้
16:15
that's the most mind-boggling and world-altering --
356
975260
3000
ทั้งเรื่องน่าเชื่อถือต่างๆ เรื่องความเปลี่ยนแปลงของโลก
16:18
TED 1998 --
357
978260
2000
TED 1998
16:20
eh.
358
980260
2000
เออ
16:22
(Laughter)
359
982260
4000
(หัวเราะ)
16:26
Didn't really work out that way, did it?
360
986260
2000
มันไม่ได้ผลใช่ไหมเนี่ย
16:28
(Laughter)
361
988260
2000
(หัวเราะ)
16:30
Where's my jet pack, Chris?
362
990260
3000
ตั๋วเครื่องบินฉันอยู่ไหนเนี่ยคริส
16:33
(Laughter)
363
993260
4000
(หัวเราะ)
16:37
(Applause)
364
997260
5000
(ปรบมือ)
16:42
So here we are again.
365
1002260
3000
นี่ไง เอาอีกแล้ว
16:45
And that's how it goes.
366
1005260
2000
มันมาอีกแล้ว
16:47
We come up with another idea.
367
1007260
2000
เราได้ความคิดใหม่ๆ
16:49
We tell another story.
368
1009260
3000
เราเล่าเรื่องราวอีกเรื่อง
16:52
We hold another conference.
369
1012260
3000
เราสัมมนาอีกอัน
16:55
The theme of this one,
370
1015260
2000
แต่เนื้อเรื่องคือเรื่องนี้
16:57
as you guys have now heard seven million times,
371
1017260
2000
เหมือนกับที่พวกคุณฟังมาเป็นร้อยๆพันๆครั้ง
16:59
is the rediscovery of wonder.
372
1019260
2000
คือถูกค้นพบอีกครั้งจากความสงสัย
17:01
And to me,
373
1021260
2000
และสำหรับฉันแล้ว
17:03
if you really want to rediscover wonder,
374
1023260
3000
ถ้าคุณอยากค้นพบสิ่งเหล่านี้
17:06
you need to step outside
375
1026260
2000
คุณจะต้องคิดนอกกรอบ
17:08
of that tiny, terrified space of rightness
376
1028260
6000
ออกมาจากที่คับแคบแย่ๆแห่งความถูกต้องนั่น
17:14
and look around at each other
377
1034260
3000
มองดูรอบๆกันและกัน
17:17
and look out at the vastness
378
1037260
3000
มองไปยังที่โล่งกว้าง
17:20
and complexity and mystery
379
1040260
3000
ที่ที่สับสนและลึกลับ
17:23
of the universe
380
1043260
3000
ของจักรวาล
17:26
and be able to say,
381
1046260
3000
แล้วสามารถพูดได้ว่า
17:29
"Wow, I don't know.
382
1049260
4000
ว้าว ฉันไม่รู้เลย
17:33
Maybe I'm wrong."
383
1053260
2000
บางทีฉันคงผิด
17:35
Thank you.
384
1055260
2000
ขอบคุณค่ะ
17:37
(Applause)
385
1057260
3000
(ปรบมือ)
17:40
Thank you guys.
386
1060260
2000
ขอบคุณทุกคนนะคะ
17:42
(Applause)
387
1062260
3000
(ปรบมือ)

Original video on YouTube.com
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7