How healthy living nearly killed me | A.J. Jacobs

Translator: Pattapon Kasemtanakul Reviewer: Pim Arkkarayut

I've spent the last decade

ผมได้ใช้เวลาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา

subjecting myself to pain and humiliation,

ดำดิ่งลงไปในความเจ็บปวดและอับอาย

hopefully for a good cause,

หวังว่าจะพบสิ่งที่ดียิ่งขึ้น

which is self-improvement.

นั่นคือการพัฒนาตัวเอง

And I've done this in three parts.

ผมแบ่งทั้งหมดออกเป็น 3 ส่วน

So first I started with the mind.

เริ่มต้นที่ความคิด

And I decided to try to get smarter

ผมตัดสินใจว่าจะทำให้ตัวเองฉลาดขึ้น

by reading the entire Encyclopedia Britannica

ด้วยการอ่านสารานุกรมบริตานิกา (Encyclopedia Britannica) ทั้งหมด

from A to Z --

ตั้งแต่ A ถึง Z

or, more precisely, from "a-ak" to "Zywiec."

หรือจริงๆ คือจาก "a-ak" ถึง "Zyweic"

And here's a little image of that.

นี่เป็นตัวอย่างรูปตอนนั้น

And this was an amazing year.

และนั่นเป็นปีที่เยี่ยมมาก

It was really a fascinating journey.

เป็นการเดินทางที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก

It was painful at times,

แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด

especially for those around me.

โดยเฉพาะกับคนรอบตัว

My wife started to fine me one dollar

ภรรยาผมจะปรับผมหนึ่งดอลลาร์

for every irrelevant fact I inserted into conversation.

ทุกๆ ครั้งที่ผมใส่ข้อเท็จจริงหลงจากประเด็นที่เราคุยกัน

So it had its downsides.

ถือซะว่าเป็นข้อเสียของวิธีนี้

But after that,

แต่หลังจากนั้น

I decided to work on the spirit.

ผมก็ทุ่มเทไปที่จิตใจ

As I mentioned last year,

อย่างที่บอกไปเมี่อปีที่แล้ว

I grew up with no religion at all.

ผมเป็นคนไม่มีศาสนาตั้งแต่เด็ก

I'm Jewish,

ผมเป็นคนยิว

but I'm Jewish in the same way the Olive Garden is Italian.

แต่ก็เป็นคนยิวเหมือนกับร้านอาหารไทยที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา

(Laughter)

(หัวเราะ)

Not really.

ล้อเล่นครับ

But I decided to learn about the Bible and my heritage

ผมจึงตัดสินใจอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลแล้วก็ศึกษาต้นกำเนิดของตัวเอง

by actually diving in

ด้วยความตั้งใจที่จะซึมซับวัฒนธรรม

and trying to live it and immerse myself in it.

และพยายามใช้ชีวิตให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมัน

So I decided to follow all the rules of the Bible.

ผมปฏิบัติตามหลักทุกอย่างในพระคัมภีร์

And from the Ten Commandments

ตั้งแต่บัญญัติ 10 ประการ

to growing my beard --

ไปจนถึงการไว้เครา

because Leviticus says you cannot shave.

เพราะเลวีนิติ (Leviticus) บอกว่าเราห้ามโกนหนวด

So this is what I looked like by the end.

สุดท้ายผมเลยกลายเป็นแบบนี้

Thank you for that reaction.

ขอบคุณครับ

(Laughter)

(หัวเราะ)

I look a little like Moses, or Ted Kaczynski.

ผมดูเหมือนโมเสส (Moses) ไม่ก็ผู้ก่อการร้าย

I got both of them.

ผมได้ยินมาทั้งคู่

So there was the topiary there.

ผมเลยตัดแต่งมันซักหน่อย

And there's the sheep.

และนั่นมีแกะด้วย

Now the final part of the trilogy

มาถึงส่วนสุดท้ายของเรื่อง

was I wanted to focus on the body

ผมพุ่งประเด็นไปที่ร่างกาย

and try to be the healthiest person I could be,

และพยายามให้สุขภาพดีให้มากที่สุด

the healthiest person alive.

เพื่อเป็นคนสุขภาพดีที่สุดที่มีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้

So that's what I've been doing the last couple of years.

นั่นคือสิ่งที่ผมทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

And I just finished a couple of months ago.

เพิ่งหยุดไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง

And I have to say, thank God.

ต้องขอบอกว่า ขอบคุณพระเจ้า

Because living so healthily was killing me.

เพราะการใช้ชีวิตอย่างสุขภาพดีกำลังฆ่าผม

(Laughter)

(หัวเราะ)

It was so overwhelming,

มันคุกคามมาก

because the amount of things you have to do,

เพราะสิ่งที่ผมต้องทำ

it's just mind-boggling.

มันเยอะเหลือเชื่อมาก

I was listening to all the experts

ผมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญต่างๆ

and talking to sort of a board of medical advisers.

และไปคุยกับคณะที่ปรึกษาทางการแพทย์

And they were telling me

แล้วพวกเขาก็บอกผม

all the things I had to do.

ว่าผมต้องทำอะไรบ้าง

I had to eat right,

ผมต้องกินให้ถูกต้อง

exercise, meditate, pet dogs,

ออกกำลังกาย ทำสมาธิ เลี้ยงสุนัข

because that lowers the blood pressure.

เพราะมันช่วยลดความดันเลือดลง

I wrote the book on a treadmill,

ผมเขียนหนังสือตอนอยู่บนลู่วิ่ง

and it took me about a thousand miles

ผมเลยวิ่งไปเป็นพันๆ ไมล์เลยครับ

to write the book.

แค่จะเขียนหนังสือซักเล่ม

I had to put on sunscreen.

ผมต้องทาครีมกันแดด

This was no small feat,

แต่มันไม่ได้ผลหรอกครับ

because if you listen to dermatologists,

เพราะถ้าคุณไปถามหมอผิวหนัง

they say that you should have a shot glass full of sunscreen.

หมอจะบอกให้คุณต้องทาครั้งละเป็นจอกๆ

And you have to reapply it every two to four hours.

และต้องทาใหม่ทุกๆ 2 ถึง 4 ชั่วโมง

So I think half of my book advance

ผมคิดว่าหนังสือของผมกว่าครึ่ง

went into sunscreen.

ชุ่มไปด้วยครีมกันแดด

I was like a glazed doughnut

ผมดูเหมือนโดนัทเคลือบน้ำตาลสะท้อนแสง

for most of the year.

อยู่เป็นปี

There was the washing of hands.

ยังมีเรื่องการล้างมือ

I had to do that properly.

ผมต้องล้างให้ถูกต้อง

And my immunologist told me

นักภูมิคุ้มกันวิทยาของผมบอกว่า

that I should also wipe down

ผมควรจะเช็ด

all of the remote controls and iPhones in my house,

รีโมตคอนโทรลและ iPhone ในบ้านให้หมด

because those are just orgies of germs.

เพราะมันเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

So that took a lot of time.

ผมใช้เวลาเช็ดนานมาก

I also tried to be the safest person I could be,

ผมยังเคยพยายามอยู่อย่างปลอดภัยให้มากที่สุด

because that's a part of health.

เพราะมันก็เป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพ

I was inspired

ผมได้รับแรงบันดาลใจจาก

by the Danish Safety Council.

สภาความปลอดภัยแห่งเดนมาร์ก (Danish Safety Council)

They started a public campaign

พวกเขารณรงค์เรื่องนี้

that says, "A walking helmet is a good helmet."

บอกว่า "ใส่หมวกกันน็อกเวลาเดินเพื่อความปลอดภัย"

So they believe you should not just wear helmets for biking,

พวกเขาเชื่อว่าหมวกกันน็อกไม่ควรใส่เวลาปั่นจักรยานเท่านั้น

but also for walking around.

แต่ควรใส่เวลาเดินไปไหนมาไหนด้วย

And you can see there

อย่างที่คุณเห็น

they're shopping with their helmets.

พวกเขาไปซื้อของทั้งๆ ที่สวมหมวกกันน็อก

(Laughter)

(หัวเราะ)

Well yeah, I tried that.

แน่นอน ผมลองมาแล้ว

Now it's a little extreme, I admit.

ผมยอมรับว่ามันค่อนข้างสุดโต่งไปหน่อย

But if you think about this,

แต่ถ้าคุณคิดถึงความจริง

this is actually -- the "Freakonomics" authors wrote about this --

ที่ผู้แต่งหนังสือ "เศรษฐพิลึก" (Freakonomics) บอกว่า

that more people die on a per mile basis

มีผู้คนตายทุกๆ หนึ่งกิโลเมตร

from drunk walking

จากการเมาแล้วเดิน

than from drunk driving.

มากกว่าเมาแล้วขับ

So something to think about tonight

เพราะฉะนั้นคุณรู้แล้วนะว่าคืนนี้คุณควรทำอย่างไรดี

if you've had a couple.

หากคุณดื่มไปซักแก้วสองแก้ว

So I finished,

แล้วผมก็หยุด

and it was a success in a sense.

และรู้สึกว่าประสบความสำเร็จดี

All of the markers went in the right direction.

ผมได้ทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจไว้

My cholesterol went down, I lost weight,

คอเลสเทอรอลผมลดลง น้ำหนักก็ด้วย

my wife stopped telling me that I looked pregnant.

ภรรยาผมเลิกพูดว่าผมดูเหมือนคนท้อง

So that was nice.

มันดูดีมาก

And it was successful overall.

โดยรวมก็ประสบความสำเร็จดี

But I also learned that I was too healthy,

แต่ผมก็ได้เรียนรู้ว่าผมสุขภาพดีเกินไป

and that was unhealthy.

นั่นแหละคือสุขภาพไม่ดี

I was so focused on doing all these things

ผมคิดแต่จะทำเรื่องพวกนี้

that I was neglecting my friends and family.

ผมเริ่มออกห่างเพื่อนและครอบครัว

And as Dan Buettner can tell you,

และอย่างที่คุณแดน บิวต์เนอร์ (Dan Buettner) บอก

having a strong social network

การมีเครือข่ายสังคมที่แข็งแรง

is so crucial to our health.

เป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพของเรา

So I finished.

ผมก็เลยหยุด

And I kind of went overboard

และดูเหมือนผมจะสนุกมากเกินไปหน่อย

on the week after the project was over.

ในสัปดาห์ที่เลิกโครงการ

I went to the dark side,

ผมเข้าสู่ด้านมืด

and I just indulged myself.

ผมตามใจตัวเอง

It was like something out of Caligula.

คล้ายๆ กับคนเพิ่งออกจากคุก

(Laughter)

(หัวเราะ)

Without the sex part.

แต่ไม่มีเรื่องเที่ยวผู้หญิงนะ

Because I have three young kids,

เพราะผมมีลูกแล้ว 3 คน

so that wasn't happening.

มันจึงไม่เกิดขึ้น

But the over-eating and over-drinking, definitely.

แต่ก็กินแหลก ดื่มแหลก แน่นอน

And I finally have stabilized.

สุดท้ายผมก็อยู่ตัว

So now I'm back

และเริ่มดูแลตัวเองอีกครั้ง

to adopting many -- not all; I don't wear a helmet anymore --

ด้วยการปฏิบัติตามข้อปฏิบัติบางข้อ ไม่ทั้งหมดนะ ผมไม่ใส่หมวกกันน็อกอีกแล้ว

but dozens of healthy behaviors

แต่พฤติกรรมเพื่อสุขภาพทั้งหลาย

that I adopted during my year.

ที่ผมทำตลอดทั้งปี

It was really a life-changing project.

เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมมาก

And I, of course, don't have time to go into all of them.

และแน่นอนผมไม่มีเวลาทำมันทุกอย่างหรอก

Let me just tell you two really quickly.

ให้ผมบอกอะไรคุณซัก 2 อย่างๆ เร็วๆ แล้วกัน

The first is -- and this was surprising to me;

อย่างแรก อันนี้ผมประหลาดใจมาก

I didn't expect this to come out --

ผมไม่ได้หวังเอาไว้ถึงขนาดนี้

but I live a much quieter life now.

แต่ผมมีชีวิตที่เงียบกว่าเดิมมาก

Because we live in such a noisy world.

เพราะพวกเราอยู่ในโลกที่แสนหนวกหู

There's trains and planes and cars

มีทั้งรถไฟ เครื่องบิน รถยนต์

and Bill O'Reilly, he's very noisy.

และบิล โอไรลีย์ (Bill O'Reilly) เขาเสียงดังมาก

(Laughter)

(หัวเราะ)

And this is a real underestimated, under-appreciated health hazard --

และนี่คือภัยคุกคามทางสุขภาพที่ถูกมองข้าม ไม่มีคนสนใจ

not just because it harms our hearing, which it obviously does,

ไม่ใช่แค่ว่ามันส่งผลเสียต่อการได้ยินของเรา ซึ่งก็แน่นอน

but it actually initiates

แต่มันก็เป็นตัวเริ่ม

the fight-or-flight response.

การตอบสนองแบบสู้หรือหนี (fight or flight response)

A loud noise will get your fight-or-flight response going.

เสียงดังๆ จะทำให้คุณมีการตอบสนองแบบสู้หรือหนี

And this, over the years,

และสิ่งนี้แหละ

can cause real damage, cardiovascular damage.

ที่เป็นอันตรายจริงๆ ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

The World Health Organization just did a big study

องค์การอนามัยโลกได้ทำวิจัยครั้งสำคัญ

that they published this year.

ที่เพิ่งตีพิมพ์ในปีนี้

And it was done in Europe.

เป็นงานวิจัยจากยุโรป

And they estimated

ที่ซึ่งพวกเขาประมาณการว่า

that 1.6 million years of healthy living

ทุกปีเราสูญเสียการมีสุขภาพดีไป 1 ล้าน 6 แสนปี

are lost every year in Europe

ในยุโรป

because of noise pollution.

จากมลพิษทางเสียง

So they think it's actually very deadly.

พวกเขาจึงคิดว่ามันอันตรายมากจริงๆ

And by the way,

นอกจากนั้น

it's also terrible for your brain.

มันยังเป็นอันตรายต่อสมองด้วย

It really impairs cognition.

ทำให้ความจำไม่ดี

And our Founding Fathers knew about this.

และบิดาผู้ก่อตั้งสหรัฐอเมริกาก็รู้ดี

When they wrote the Constitution,

ตอนที่พวกท่านร่างรัฐธรรมนูญ

they put dirt all over the cobblestones outside the hall

พวกท่านได้โรยผงฝุ่นไว้บนถนนรอบๆ ห้องประชุม

so that they could concentrate.

พวกท่านจะได้มีสมาธิ

So without noise reduction technology,

ฉะนั้นหากไม่มีเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนนี้

our country would not exist.

ประเทศของเราก็คงไม่เกิดขึ้น

So as a patriot,

ในฐานะที่เป็นคนรักชาติคนหนึ่ง

I felt it was important to --

ผมรู้สึกว่ามันสำคัญที่จะต้อง

I wear all the earplugs and the earphones,

ใส่ที่อุดหูและหูฟังทั้งหมดเลย

and it's really improved my life

และชีวิตผมดีขึ้นมาก

in a surprising and unexpected way.

อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

And the second point I want to make, the final point,

และประเด็นที่สองที่ผมอยากบอก เป็นประเด็นสุดท้าย

is that -- and it's actually been a theme of TEDMED --

และก็เป็นสาระสำคัญใน TEDMED ซะด้วย

that joy is so important to your health,

นั่นคือความสุขเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพมาก

that very few of these behaviors

มากซะจนมีข้อปฏิบัติเพื่อสุขภาพเพียงไม่กี่อย่าง

will stick with me

ที่จะติดตัวผมต่อไป

unless there's some sense of pleasure and joy in them.

เพราะผมมีความสุขที่ได้ทำมัน

And just to give you one instance of this:

และผมจะยกตัวอย่างซักข้อให้คุณฟัง

food.

อาหาร

The junk food industry

อุตสาหกรรมอาหารขยะ

is really great

มันดีมาก

at pressing our pleasure buttons

ในการกดปุ่มความสุขของเรา

and figuring out what's the most pleasurable.

และทำให้เรารู้ว่าทำอะไรแล้วมีความสุขที่สุด

But I think we can use their techniques

แต่ผมคิดว่าเราสามารถนำเคล็ดลับพวกนั้น

and apply them to healthy food.

มาใช้ในอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

To give just one example,

ตัวอย่างเช่น

we love crunchiness, mouthfeel.

พวกเราชอบรสสัมผัสที่กรุบกรอบ

So I basically have tried to incorporate crunchiness

ผมจึงลองนำความกรุบกรอบมาใส่

into a lot of my recipes --

ลงในอาหารของผม

throw in some sunflower seeds.

ด้วยการเพิ่มเมล็ดทานตะวันเข้าไป

And you can almost trick yourself

ทำให้คุณเกือบจะหลอกตัวเองได้

into thinking you're eating Doritos.

ว่ากำลังกินโดริโตส (Doritos, ขนมกรุบกรอบ) อยู่

(Laughter)

(หัวเราะ)

And it has made me a healthier person.

นี่แหละที่ทำให้ผมเป็นคนที่สุขภาพดี

So that is it.

แค่นั้นเอง

The book about it comes out in April.

หนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้จะออกเดือนเมษายน

It's called "Drop Dead Healthy."

ชื่อว่า "Drop Dead Healthy"

And I hope that I don't get sick during the book tour.

หวังว่าผมจะไม่ป่วยระหว่างที่เดินสายแจกลายเซ็นนะ

That's my greatest hope.

ขอไว้อย่างเดียวเลย

So thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(ปรบมือ)