Can you really tell if a kid is lying? | Kang Lee

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Hi.

สวัสดีครับ

Let me ask the audience a question:

ผมขอถามคุณผู้ชมสักคำถามหนึ่งนะ

Did you ever lie as a child?

ตอนเด็ก ๆ คุณเคยโกหกไหมครับ

If you did, could you please raise your hand?

ถ้าเคย ช่วยยกมือหน่อยได้ไหมครับ

Wow! This is the most honest group of people I've ever met.

ว้าว! นี่เป็นกลุ่มที่ซื่อสัตย์ที่สุด ที่ผมเคยเจอเลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So for the last 20 years,

20 ปีที่ผ่านมานี้

I've been studying how children learn to tell lies.

ผมศึกษาการโกหกของเด็ก ๆ

And today, I'm going to share with you

และวันนี้ ผมจะเล่าให้คุณฟัง

some of the discoveries we have made.

ถึงการค้นพบบางอย่างที่เราเจอ

But to begin, I'm going to tell you a story from Mr. Richard Messina,

เริ่มจาก ผมจะเล่าเรื่องของ ริชาร์ด เมสซินา

who is my friend and an elementary school principal.

ซึ่งเป็นเพื่อนของผม และเป็นครูใหญ่โรงเรียนประถม

He got a phone call one day.

วันหนึ่งเขาได้รับโทรศัพท์

The caller says,

ปลายสายพูดว่า

"Mr. Messina, my son Johnny will not come to school today

"คุณเมสซินาครับ จอห์นนี่ ลูกชายผมจะไม่มาเรียนวันนี้

because he's sick."

เพราะเขาป่วยน่ะครับ"

Mr. Messina asks,

คุณเมสซิยาถามกลับว่า

"Who am I speaking to, please?"

"ผมกำลังคุยกับใครอยู่ครับเนี่ย"

And the caller says,

ปลายสายตอบมาว่า

"I am my father."

"ผมเป็นพ่อของผมครับ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So this story --

เรื่องนี้...

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

sums up very nicely three common beliefs we have

เป็นการสรุปความเชื่อสามอย่างของเรา

about children and lying.

เกี่ยวกับเด็กและการโกหกได้ดีมาก

One, children only come to tell lies

ข้อแรก คือ เด็ก ๆ เริ่มโกหก

after entering elementary school.

หลังจากเข้าโรงเรียนประถม

Two, children are poor liars.

ข้อสอง เด็ก ๆ โกหกไม่เก่งเลย

We adults can easily detect their lies.

ผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ จับโกหกเด็กได้ง่ายมาก

And three, if children lie at a very young age,

และข้อสาม ถ้าเด็ก ๆ โกหกตั้งแต่เล็ก

there must be some character flaws with them,

เขาต้องมีลักษณะนิสัยที่บกพร่อง

and they are going to become pathological liars for life.

และเขาจะกลายเป็นคนขี้โกหกไปตลอดชีวิต

Well, it turns out

แต่ปรากฎว่า

all of the three beliefs are wrong.

ความเชื่อทั้งสามอย่างนี้ผิดหมด

We have been playing guessing games

เราเล่นเกมทายคำตอบ

with children all over the world.

กับเด็ก ๆ ทั่วโลก

Here is an example.

นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง

So in this game, we asked children to guess the numbers on the cards.

ในเกมนี้ เราให้เด็ก ๆ ทายตัวเลขบนบัตร

And we tell them if they win the game,

และบอกเขาว่า ถ้าชนะ

they are going to get a big prize.

เขาจะได้รางวัลใหญ่

But in the middle of the game,

แต่พอเล่นไปได้ครึ่งทาง

we make an excuse and leave the room.

เราบอกเด็ก ๆ ว่าขอออกไปข้างนอกสักครู่

And before we leave the room,

และก่อนที่เราจะออกไปจากห้อง

we tell them not to peek at the cards.

เราบอกเด็ก ๆ ว่าอย่าแอบดูคำตอบในบัตรนะ

Of course,

แน่นอนล่ะ

we have hidden cameras in the room

เรามีกล้องซ่อนอยู่ในห้อง

to watch their every move.

เพื่อสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของเด็ก

Because the desire to win the game is so strong,

เพราะความปรารถนาอยากชนะนั้นแรงกล้ามาก

more than 90 percent of children will peek

เด็ก ๆ มากกว่าร้อยละ 90 แอบดูบัตร

as soon as we leave the room.

ทันทีที่เราออกจากห้อง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

The crucial question is:

แต่คำถามที่สำคัญคือ

When we return and ask the children

เมื่อเรากลับมาแล้วถาม

whether or not they have peeked,

ว่าเขาแอบดูหรือเปล่า

will the children who peeked confess

เด็ก ๆ ที่แอบดูจะสารภาพ

or lie about their transgression?

หรือจะโกหกเรื่องการละเมิดกติกา

We found that regardless of gender, country, religion,

เราพบว่า ไม่ว่าจะเพศ ประเทศ ศาสนาไหน

at two years of age,

เด็กอายุสองขวบ

30 percent lie,

ร้อยละ 30 โกหก

70 percent tell the truth about their transgression.

ร้อยละ 70 พูดความจริงว่าตนละเมิดกติกา

At three years of age,

เด็กอายุสามขวบ

50 percent lie and 50 percent tell the truth.

ร้อยละ 50 โกหก ร้อยละ 50 พูดความจริง

At four years of age,

เด็กอายุสี่ขวบ

more than 80 percent lie.

มากกว่าร้อยละ 80 โกหก

And after four years of age,

และสี่ขวบขึ้นไป

most children lie.

เด็ก ๆ ส่วนมากโกหก

So as you can see,

คุณคงเห็นแล้วว่า

lying is really a typical part of development.

การโกหกเป็นส่วนหนึ่ง ของพัฒนาการตามปกติ

And some children begin to tell lies

เด็กบางคนเริ่มโกหก

as young as two years of age.

ตั้งแต่อายุสองขวบ

So now, let's take a closer look at the younger children.

ทีนี้ มาดูรายละเอียดในเด็กเล็ก ๆ กัน

Why do some but not all young children lie?

ทำไมมีแค่บางคน ไม่ใช่ทุกคนที่โกหก

In cooking, you need good ingredients

ในการทำอาหาร คุณต้องการส่วนผสมที่ดี

to cook good food.

เพื่อปรุงอาหารที่ดี

And good lying requires two key ingredients.

การโกหกที่ดี ต้องมีส่วนผสมหลักสองอย่าง

The first key ingredient is theory of mind,

ส่วนผสมแรกคือ ทฤษฎีว่าด้วยจิตใจ

or the mind-reading ability.

หรือความสามารถในการอ่านใจผู้อื่น

Mind reading is the ability to know

การอ่านใจผู้อื่นคือความสามารถที่จะรู้ว่า

that different people have different knowledge about the situation

ต่างคนต่างมีความรู้ เกี่ยวกับสถานการณ์หนึ่งไม่เหมือนกัน

and the ability to differentiate between what I know

และความสามารถที่จะแยกแยะ ระหว่างสิ่งที่ฉันรู้

and what you know.

กับสิ่งที่เธอรู้

Mind reading is important for lying

การอ่านใจสำคัญสำหรับการโกหก

because the basis of lying is that I know

เพราะพื้นฐานของการโกหกนั้นคือการรู้ว่า

you don't know

คุณไม่รู้

what I know.

ว่าผมรู้อะไร

Therefore, I can lie to you.

ดังนั้น ผมจึงโกหกคุณได้

The second key ingredient for good lying is self-control.

ส่วนผสมหลักอย่างที่สองของการโกหก คือการควบคุมตนเอง

It is the ability to control your speech, your facial expression

นั่นคือ ความสามารถในการ ควบคุมคำพูด สีหน้า

and your body language,

และภาษากาย

so that you can tell a convincing lie.

เพื่อให้โกหกได้เนียน

And we found that those young children

และเราพบว่าเด็กเล็ก ๆ

who have more advanced mind-reading and self-control abilities

ที่มีความสามารถในการอ่านใจคน และการควบคุมตนเองสูง

tell lies earlier

เริ่มโกหกได้เร็วกว่า

and are more sophisticated liars.

และโกหกได้เนียนกว่า

As it turns out, these two abilities are also essential for all of us

เห็นได้ว่า ความสามารถสองอย่างนี้ ยังมีความสำคัญสำหรับเราทุกคน

to function well in our society.

ในการใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดี

In fact, deficits in mind-reading and self-control abilities

อันที่จริง ความบกพร่อง ในการอ่านใจและควบคุมตนเองนั้น

are associated with serious developmental problems,

สัมพันธ์กับปัญหาทางพัฒนาการที่ร้ายแรง

such as ADHD and autism.

เช่น โรคสมาธิสั้น และออทิสซึม

So if you discover your two-year-old is telling his or her first lie,

ดังนั้น ถ้าคุณจับได้ว่า ลูกอายุสองขวบของคุณโกหกเป็นครั้งแรก

instead of being alarmed,

แทนที่จะตื่นตกใจ

you should celebrate --

คุณควรจะฉลองมากกว่านะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

because it signals that your child has arrived at a new milestone

เพราะมันคือสัญญาณว่า ลูกของคุณมาถึงหลักชัยที่สำคัญอีกขั้นหนึ่ง

of typical development.

ของพัฒนาการตามปกติแล้ว

Now, are children poor liars?

ทีนี้ เด็ก ๆ นี่โกหกไม่เก่งหรอก ใช่ไหม

Do you think you can easily detect their lies?

คุณคิดว่าคุณจับโกหกของเด็ก ๆ ได้อย่างง่ายดายใช่ไหมครับ

Would you like to give it a try?

ลองดูหน่อยไหมครับ

Yes? OK.

นะ โอเค

So I'm going to show you two videos.

ผมจะฉายวิดีโอให้คุณดูสองคลิป

In the videos,

ในวิดีโอนี้

the children are going to respond to a researcher's question,

เด็ก ๆ กำลังจะตอบคำถามผู้วิจัย

"Did you peek?"

"หนูแอบดูหรือเปล่า"

So try to tell me

คุณลองบอกผมนะ

which child is lying

ว่าเด็กคนไหนโกหก

and which child is telling the truth.

และเด็กคนไหนพูดความจริง

Here's child number one.

นี่คือเด็กคนแรก

Are you ready?

พร้อมไหมครับ

(Video) Adult: Did you peek? Child: No.

(วิดีโอ) ผู้ใหญ่: หนูแอบดูหรือเปล่า เด็ก: เปล่า

Kang Lee: And this is child number two.

คัง ลี: และนี่คือเด็กคนที่สอง

(Video) Adult: Did you peek? Child: No.

(วิดีโอ) ผู้ใหญ่: หนูแอบดูหรือเปล่า เด็ก: เปล่า

KL: OK, if you think child number one is lying,

คัง ลี: โอเค ถ้าคุณคิดว่าเด็กคนแรกโกหก

please raise your hand.

ยกมือขึ้นครับ

And if you think child number two is lying, please raise your hand.

ถ้าคุณคิดว่าเด็กคนที่สองโกหก ยกมือขึ้นครับ

OK, so as a matter of fact,

โอเค ที่จริงแล้ว

child number one is telling the truth,

เด็กคนแรกพูดจริง

child number two is lying.

และเด็กคนที่สองโกหก

Looks like many of you are terrible detectors of children's lies.

ดูเหมือนพวกคุณหลายคน จับโกหกเด็กไม่เก่งเลยนะครับเนี่ย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Now, we have played similar kinds of games

ทีนี้ เราเล่มเกมแบบเดียวกันนี้

with many, many adults from all walks of life.

กับผู้ใหญ่จากทุกสาขาอาชีพ

And we show them many videos.

เราให้เขาดูวิดีโอมากมาย

In half of the videos, the children lied.

ครึ่งหนึ่ง เด็ก ๆ ในวิดีโอโกหก

In the other half of the videos, the children told the truth.

อีกครึ่งหนึ่งเด็ก ๆ พูดความจริง

And let's find out how these adults performed.

มาดูกันว่าผู้ใหญ่เหล่านี้ทำได้ดีแค่ไหน

Because there are as many liars as truth tellers,

เนื่องจากมีเด็กที่โกหก เท่ากับเด็กที่พูดความจริง

if you guess randomly,

ถ้าคุณเดาสุ่ม

there's a 50 percent chance you're going to get it right.

คุณจะมีโอกาสถูก 50%

So if your accuracy is around 50 percent,

ถ้าคุณตอบถูก 50%

it means you are a terrible detector of children's lies.

แปลว่าคุณจับโกหกไม่เก่งเลยนะ

So let's start with undergrads and law school students,

เอาล่ะ เริ่มจากนักศึกษาปริญญาตรี และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์

who typically have limited experience with children.

ที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับเด็ก ๆ

No, they cannot detect children's lies.

ไม่เลย กลุ่มนี้ไม่สามารถจับโกหกเด็ก ๆ ได้

Their performance is around chance.

เขาตอบถูกพอ ๆ กับการเดาสุ่ม

Now how about social workers and child-protection lawyers,

ทีนี้ แล้วพวกนักสังคมสงเคราะห์ และทนายความของศูนย์คุ้มครองเด็ก

who work with children on a daily basis?

ที่ทำงานกับเด็กอยู่ทุกวันล่ะ

Can they detect children's lies?

กลุ่มนี้จะจับโกหกเด็กได้ไหม

No, they cannot.

ก็ไม่

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

What about judges,

แล้วผู้พิพากษา

customs officers

เจ้าหน้าที่ศุลกากร

and police officers,

และตำรวจ

who deal with liars on a daily basis?

ที่ต้องเจอคนโกหกทุกวันล่ะ

Can they detect children's lies?

เขาจะจับโกหกเด็กได้ไหม

No, they cannot.

ก็ไม่

What about parents?

แล้วคนเป็นพ่อแม่ล่ะ

Can parents detect other children's lies?

จะจับโกหกเด็กได้ไหม

No, they cannot.

ก็ไม่

What about, can parents detect their own children's lies?

แล้วถ้าพ่อแม่จับโกหกลูกของตัวเองล่ะ

No, they cannot.

ก็ไม่ได้อีกล่ะครับ

(Laughter) (Applause)

(เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

So now you may ask

ทีนี้ คุณอาจจะตั้งคำถามว่า

why children's lies are so difficult to detect.

ทำไมการโกหกของเด็กจึงจับได้ยากนัก

Let me illustrate this with my own son, Nathan.

ผมจะแสดงให้ดูโดยใช้เนธัน ลูกชายของผมเป็นตัวอย่าง

This is his facial expression

นี่คือสีหน้าของเขา

when he lies.

เมื่อโกหก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So when children lie,

เมื่อเด็ก ๆ โกหก

their facial expression is typically neutral.

การแสดงออกทางสีหน้าของพวกเขา มักดูเป็นปกติธรรมชาติ

However, behind this neutral expression,

แต่เบื้องหลังสีหน้านิ่งเฉยนี้

the child is actually experiencing a lot of emotions,

เด็ก ๆ เกิดอารมณ์มากมาย

such as fear, guilt, shame

เช่น กลัว รู้สึกผิด ละอาย

and maybe a little bit of liar's delight.

และอาจจะลิงโลดใจนิดหน่อยที่โกหกได้

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Unfortunately, such emotions are either fleeting or hidden.

น่าเสียดายที่อารมณ์เหล่านี้ หายไปไวมาก หรือถูกซ่อนไว้

Therefore, it's mostly invisible to us.

เราจึงแทบมองไม่เห็น

So in the last five years,

ในห้าปีที่ผ่านมา

we have been trying to figure out a way to reveal these hidden emotions.

เราได้พยายามหาทาง เผยอารมณ์ที่ซ่อนเร้นเหล่านี้ออกมา

Then we made a discovery.

แล้วเราก็ค้นพบ

We know that underneath our facial skin,

เรารู้ว่า ภายใต้ผิวหน้าของเรา

there's a rich network of blood vessels.

มีเครือข่ายเส้นเลือดเต็มไปหมด

When we experience different emotions,

เมื่อเราเกิดอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ

our facial blood flow changes subtly.

การไหลเวียนของเลือดบนใบหน้า จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

And these changes are regulated by the autonomic system

การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกควบคุม ด้วยระบบอัตโนมัติ

that is beyond our conscious control.

ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา

By looking at facial blood flow changes,

เมื่อดูการเปลี่ยนแปลง ของการไหลเวียนเลือดนี้

we can reveal people's hidden emotions.

เราสามารถเผยให้เห็น อารมณ์ที่ซ่อนอยู่ของผู้คนได้

Unfortunately, such emotion-related facial blood flow changes

แต่แย่หน่อยที่การเปลี่ยนแปลงการไหลเวียน เลือดบนใบหน้าที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์นี้

are too subtle to detect by our naked eye.

น้อยมากเสียจนเราไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

So to help us reveal people's facial emotions,

เพื่อที่จะเผยให้เห็นอารมณ์ ที่อยู่บนใบหน้าผู้คน

we have developed a new imaging technology

เราจึงพัฒนาเทคโนโลยี การถ่ายภาพแบบใหม่ขึ้น

we call "transdermal optical imaging."

ที่เราเรียกว่า "การถ่ายภาพผ่านผิวหนัง"

To do so, we use a regular video camera to record people

เราใช้กล้องวิดีโอบันทึกภาพสีหน้าของคน

when they experience various hidden emotions.

เมื่อเขาเกิดอารมณ์ต่าง ๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่

And then, using our image processing technology,

จากนั้นก็ใช้เทคโนโลยี การประมวลผลภาพถ่ายของเรา

we can extract transdermal images of facial blood flow changes.

สกัดภาพการเปลี่ยนแปลง การไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนัง

By looking at transdermal video images,

เมื่อดูภาพวิดีโอที่ถ่ายผ่านผิวหนัง

now we can easily see

เราเห็นได้ชัดเลยว่า

facial blood flow changes associated with the various hidden emotions.

การไหลเวียนเลือดใต้ผิวหนัง สัมพันธ์กับอารมณ์ที่ซ่อนเร้น

And using this technology,

และด้วยเทคโนโลยีนี้

we can now reveal the hidden emotions associated with lying,

ตอนนี้เราสามารถเผยอารมณ์ที่ซ่อนเร้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการโกหกได้

and therefore detect people's lies.

ดังนั้นเราจึงจับโกหกได้

We can do so noninvasively,

โดยไม่ต้องรุกล้ำร่างกาย

remotely, inexpensively,

ทำจากระยะไกลได้ ไม่แพง

with an accuracy at about 85 percent,

ด้วยความแม่นยำประมาณ 85%

which is far better than chance level.

ซึ่งดีกว่าการเดาสุ่มมาก

And in addition, we discovered a Pinocchio effect.

นอกจากนี้ เรายังค้นพบ ปรากฏการณ์พิน็อคคิโอ

No, not this Pinocchio effect.

ไม่ใช่แบบนี้นะครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

This is the real Pinocchio effect.

นี่คือปรากฏการณ์พิน็อคคิโอของจริง

When people lie,

เมื่อคนโกหก

the facial blood flow on the cheeks decreases,

การไหลเวียนเลือดไปที่แก้มจะลดลง

and the facial blood flow on the nose increases.

แต่การไหลเวียนเลือดไปที่จมูกจะเพิ่มขึ้น

Of course, lying is not the only situation

แน่นอนว่า การโกหกไม่ใช่สถานการณ์เดียว

that will evoke our hidden emotions.

ที่กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ที่ซ่อนเร้น

So then we asked ourselves,

เราจึงตั้งคำถามกับตัวเองว่า

in addition to detecting lies,

นอกจากจับโกหกแล้ว

how can our technology be used?

เราจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้อะไรได้บ้าง

One application is in education.

การประยุกต์ใช้ด้านหนึ่งคือ ในวงการการศึกษา

For example, using this technology, we can help this mathematics teacher

เช่น เทคโนโลยีนี้ อาจช่วยคุณครูคณิตศาสตร์

to identify the student in his classroom

ระบุว่านักเรียนในชั้นเรียน

who may experience high anxiety about the topic he's teaching

คนไหนที่กำลังวิตกกังวลสูง เกี่ยวกับหัวข้อที่ครูกำลังสอน

so that he can help him.

ครูจะได้ไปช่วยได้

And also we can use this in health care.

เรายังสามารถนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพ

For example, every day I Skype my parents,

เช่น ทุก ๆ วันผมสไกป์หาพ่อแม่ของผม

who live thousands of miles away.

ที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายพันไมล์

And using this technology,

และด้วยเทคโนโลยีนี้

I can not only find out what's going on in their lives

ผมไม่เพียงแต่รู้สารทุกข์สุขดิบ ของพ่อแม่เท่านั้น

but also simultaneously monitor their heart rate, their stress level,

แต่ยังเฝ้าติดตามดูอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความเครียด

their mood and whether or not they are experiencing pain.

อารมณ์ของเขา ดูว่าเขาเจ็บปวดอะไรหรือเปล่า

And perhaps in the future,

บางที ในอนาคต

their risks for heart attack or hypertension.

มันอาจจะประเมินความเสี่ยงการเกิดหัวใจวาย หรือความดันโลหิตสูงได้ด้วย

And you may ask:

คุณอาจจะถามว่า

Can we use this also to reveal politicians' emotions?

เราใช้มันเพื่อเปิดเผยอารมณ์ ของนักการเมืองด้วยได้ไหม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

For example, during a debate.

ตัวอย่างเช่น ระหว่างการอภิปรายโต้แย้ง

Well, the answer is yes.

อืม คำตอบคือ ได้ครับ

Using TV footage,

โดยใช้ภาพจากทีวี

we could detect the politicians' heart rate,

เราสามารถตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ

mood and stress,

อารมณ์ และความเครียดของนักการเมือง

and perhaps in the future, whether or not they are lying to us.

และบางที ในอนาคต อาจจะบอกได้ว่าเขาโกหกหรือเปล่า

We can also use this in marketing research,

เรายังใช้มันในการวิจัยทางการตลาด

for example, to find out

เช่น เพื่อค้นหาว่า

whether or not people like certain consumer products.

คนชอบสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ หรือเปล่า

We can even use it in dating.

เรายังอาจใช้มันในการนัดเดท

So for example,

เช่น

if your date is smiling at you,

เมื่อคู่เดทของคุณยิ้ม

this technology can help you to determine

เทคโนโลยีนี้ช่วยให้คุณบอกได้ว่า

whether she actually likes you

เขาชอบคุณจริง ๆ หรือเปล่า

or she is just trying to be nice to you.

หรือแต่พยายามรักษามารยาท

And in this case,

และในกรณีนี้

she is just trying to be nice to you.

เธอแค่พยายามรักษามารยาท

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So transdermal optical imaging technology

เทคโนโลยีการถ่ายภาพผ่านผิวหนัง

is at a very early stage of development.

ยังเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

Many new applications will come about that we don't know today.

คงมีการประยุกต์ใช้ในเรื่องใหม่ ๆ ที่ในวันนี้เรายังไม่รู้

However, one thing I know for sure

อย่างไรก็ตาม อย่างหนึ่งที่ผมมั่นใจ

is that lying will never be the same again.

คือ การโกหกจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

Thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

Xiè xie.

เซี่ย เซี่ย [ขอบคุณครับ]

(Applause)

(เสียงปรบมือ)