Moral behavior in animals | Frans de Waal

Translator: Kanawat Senanan Reviewer: Paravee Asava-Anan

I was born in Den Bosch,

ผมเกิดที่เมืองเดน บอช (Den Bosch)

where the painter Hieronymus Bosch named himself after.

ที่ซึ่งจิตรกรนามเฮียโรนีมุส บอช (Hieronymus Bosch) ตั้งชื่อตนตามชื่อเมืองๆนี้

And I've always been very fond of this painter

และนั้นก็ทำให้ผมชื่นชอบศิลปินท่านนี้เรื่อยมา

ศิลปินท่านนี้มีชีวิตและสร้างผลงาน อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 15

who lived and worked in the 15th century.

And what is interesting about him in relation to morality

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวเขาเกี่ยวกับเรื่องของศีลธรรม

ก็คือในเวลาที่เขามีชีวิตอยู่นั้น อิทธิพลทางศาสนาค่อยๆเสื่อมลง

is that he lived at a time where religion's influence was waning,

ผมคิดว่า เขาเองก็คงสงสัยอยู่เหมือนกัน

and he was sort of wondering, I think,

ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคม

what would happen with society if there was no religion

หากสังคมไร้เสียซึ่งศาสนาหรือ มีความเชื่อทางศาสนาเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย

or if there was less religion.

And so he painted this famous painting, "The Garden of Earthly Delights,"

แรงบันดาลใจนี้เป็นที่มาของภาพวาดอันโด่งดังของเขา ที่ชื่อว่า "The Garden of Earthly Delights"

บางคนก็ได้ตีความภาพดังกล่าวว่า

which some have interpreted as being humanity before the Fall,

คือสภาวะของมนุษยชาติก่อนจะถึงจุดดับ

or being humanity without any Fall at all.

หรือสภาวะของมนุษย์ชาติที่ไม่มีวันถึงจุดดับเลย

ภาพวาดก็คงทำให้เราท่านสงสัยเหมือนกันว่า

And so it makes you wonder,

what would happen if we hadn't tasted the fruit of knowledge, so to speak,

ถ้าหากบรรพบุรุษไม่ได้ลิ้มรสผลไม้แห่งความรู้แจ้ง มนุษย์ชาติจะเป็นอย่างไรนะ

คุณธรรมอย่างที่เรารู้จักกันจะเป็นอย่างไร

and what kind of morality would we have.

สมัยที่ผมยังเป็นเด็กนักเรียน

Much later, as a student, I went to a very different garden,

ผมเคยไปที่สวนที่พิเศษมากๆอีกแห่งหนึ่ง

a zoological garden in Arnhem where we keep chimpanzees.

สวนสัตว์แห่งหนึ่งที่เมืองอานเฮม

ซึ่งเป็นสวนสัตว์ที่พวกเราเลี้ยงซิมแปนซีเอาใว้

This is me at an early age with a baby chimpanzee.

และนี่ก็คือรูปผมสมัยเด็กๆ ถ่ายกับลูกซิมแปนซี

(หัวเราะ)

(Laughter)

ผมได้ค้นพบว่า

And I discovered there

that the chimpanzees are very power-hungry and wrote a book about it.

ซิมแปนซีเป็นสัตว์ที่กระหายอำนาจมากๆ ผมเคยเขียนหนังสือเล่าถึงเรื่องนี้ด้วย

ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง งานวิจัยต่างๆที่เน้นศึกษาพฤติกรรมสัตว์ป่า

And at that time the focus in a lot of animal research

was on aggression and competition.

ส่วนใหญ่นั้นมุ่งเน้นไปที่ความก้าวร้าว และการแข่งขันกันเอง

ผมได้เคยชี้ประเด็นนี้เอาไว้ว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย

I painted a whole picture of the animal kingdom

ที่รวมถึงมนุษยชาติด้วยนั้น

and humanity included, was that deep down we are competitors, we are aggressive,

ในก้นบึ้งของจิตใจ พวกเราชื่นชอบการแข่งขัน

เราเป็นพวกก้าวร้าว

we are all out for our own profit, basically.

โดยพื้นฐานแล้ว เราต่างก็มุ่งแสวงหา ผลประโยชน์ให้ตัวเอง

This is the launch of my book.

นี่คืองานเปิดตัวหนังสือของผม

I'm not sure how well the chimpanzees read it,

ผมไม่ค่อยมั่นใจนักว่าพวกลิง อ่านหนังสือรู้เรื่องแค่ไหน

แต่ก็มั่นใจว่าพวกลิงมันชอบหนังสือเล่มนั้นมาก

but they surely seemed interested in the book.

(Laughter)

Now in the process of doing all this work

หลังจากนั้น เมื่อผมได้เริ่ม

จับงานที่มุ่งศึกษาเรื่องอำนาจและการปกครอง

on power and dominance and aggression and so on,

ความก้าวร้าว และเรื่องอื่นๆ

I discovered that chimpanzees reconcile after fights.

ผมก็ได้พบว่า ซิมแปนซีก็มีพฤติกรรม ประนีประนอมกันหลังการต่อสู้

อย่างที่คุณเห็นในรูป คือลิงตัวผู้สองตัว ที่เพิ่งห้ำหั่นกันมาไม่นาน

And so what you see here is two males who have had a fight.

They ended up in a tree, and one of them holds out a hand to the other.

สุดท้ายลิงทั้งสองตัวได้ปีนขึ้นไปอยู่บนยอดต้นไม้ และตัวหนึ่งก็ยื่นมือส่งออกไปยังอีกฝ่าย

หลังจากผมถ่ายรูปนี้ไม่กี่วินาที พวกมันก็ปีนลงมาที่โคนต้นไม้

And about a second after I took the picture,

they came together in the fork of the tree

หลังจากนั้นก็ตรงเข้าไปจูบและสวมกอดกันและกัน

and kissed and embraced each other.

นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ แล้ว

And this is very interesting

เพราะในเวลาอย่างนี้ ทุกอย่างน่าจะมุ่งไปที่ การแข่งขันและความก้าวร้าวเท่านั้น

because at the time, everything was about competition and aggression,

ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงมากๆ

so it wouldn't make any sense.

เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ใครจะชนะ ใครจะแพ้

The only thing that matters is that you win or you lose.

แล้วทำไมจะต้องคืนดีกับอีกฝ่ายหนึ่งด้วย?

But why reconcile after a fight? That doesn't make any sense.

พฤติกรรมลักษณะนี้จึงเป็นเรื่องที่น่างุนงงมากๆ

This is the way bonobos do it. Bonobos do everything with sex.

ส่วนนี่คือสิ่งที่โบโนโบชอบทำ ลิงพวกนี้ ใช้การร่วมเพศเป็นเครื่องมือสำหรับแทบทุกเรื่อง

And so they also reconcile with sex.

แม้กระทั่งการกลับมาปรองดองกันหลังการต่อสู้

But the principle is exactly the same.

แต่หลักการค่อนข้างจะเหมือนกัน

The principle is that you have a valuable relationship

หลักการที่พวกคุณมี

ต่อความสัมพันธ์ที่มีค่า

that is damaged by conflict, so you need to do something about it.

ซึ่งถูกทำลายลงโดยความขัดแย้ง

ดังนั้น คุณควรที่จะต้องทำอะไรสักอย่างกับมัน

So my whole picture of the animal kingdom, and including humans also,

ดังนั้น ภาพรวมอาณาจักรสัตว์ของผม

ซึ่งรวมไปถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วย

ได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่นั้นมา

started to change at that time.

เราจึงเกิดภาพลักษณ์เหล่านั้นขึ้น

So we have this image in political science, economics, the humanities,

ในทางรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ มนุษยศาสตร์

ปรัชญาต่อเหตุการณ์เหล่านั้น

the philosophy for that matter, that man is a wolf to man.

ที่คนนั้นเปรียบเหมือนหมาป่าต่ออีกคน

และลึกลงไปในธรรมชาติของพวกเรา แท้จริงแล้วช่างน่าสะอิดสะเอียน

And so deep down, our nature is actually nasty.

แล้วผมว่ามันไม่ค่อยจะยุติธรรมต่อหมาป่า เท่าไหร่นักหากเราไปมอบภาพลักษณ์เหล่านั้นให้

I think it's a very unfair image for the wolf.

เพราะจริงๆแล้ว หมาป่านั้น

The wolf is, after all, a very cooperative animal.

เป็นสัตว์ที่ร่วมมือกันดีมาก

And that's why many of you have a dog at home,

นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงเลี้ยงสุนัขที่บ้าน

which has all these characteristics also.

สุนัขมีคุณลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

แล้วมันก็ดูไม่ค่อยยุติธรรมต่อมนุษยธรรมเท่าไหร่

And it's really unfair to humanity,

because humanity is actually much more cooperative and empathic

เพราะมนุษยธรรมนั้นมีมากกว่าความร่วมมือ และความเข้าอกเข้าใจกัน

than given credit for.

มากกว่าคุณค่าที่เรานิยามให้มัน

So I started getting interested in those issues

ดังนั้น ผมก็เริ่มสนใจเรื่องพวกนี้ขึ้นเรื่อยๆ

and studying that in other animals.

แล้วก็ศึกษาในกลุ่มสัตว์ประเภทอื่น

และภาพนี้ คือ เสาหลักแห่งศีลธรรม

So these are the pillars of morality.

If you ask anyone, "What is morality based on?"

หากพวกคุณถามใครๆว่า "ความมีศีลธรรม ตัดสินมาจากอะไร"

these are the two factors that always come out.

ก็มักจะนึกถึงสองปัจจัยนี้ขึ้นมา

One is reciprocity,

หนึ่ง คือการพึ่งพาอาศัยกัน

and associated with it is a sense of justice and a sense of fairness.

รวมไปถึงความรู้สึกถึงความยุติธรรม ความรู้สึกถึงความเท่าเทียม

และอีกปัจจัยนึง ก็คือความเข้าอกเข้าใจ และความเห็นใจกัน

And the other one is empathy and compassion.

และความมีศีลธรรมของมนุษย์มากกว่าสิ่งเหล่านั้น

And human morality is more than this, but if you would remove these two pillars,

แต่ถ้าหากคุณลองเอาเสาหลักสองอันนั้นออกไป

there would be not much remaining, I think.

คงไม่มีอะไรเหลืออยู่นักเท่าไหร่

So they're absolutely essential.

และมันคงจะต้องสำคัญมากจริงๆ

So let me give you a few examples here.

ผมจะยกตัวอย่างสักนิดให้คุณดู

This is a very old video from the Yerkes Primate Center,

นี่เป็นวิดีโอเก่าจาก ศูนย์ศึกษาไพรเมตแห่งเยิร์คคีส์ (Yerkes)

ที่ซึ่งฝึกให้เหล่าชิมแปนซีร่วมมือกัน

where they trained chimpanzees to cooperate.

แล้วนั่นมันก็เกือบร้อยปีมาแล้ว

So this is already about a hundred years ago

that we were doing experiments on cooperation.

ที่เราทำการทดลองศึกษาเกี่ยวกับความร่วมมือกัน

What you have here is two young chimpanzees who have a box,

ที่คุณดูอยู่นี่คือลูกชิมแปนซีที่มีกล่องอยู่กล่องหนึ่ง

และกล่องนี้ก็หนักเกินไปสำหรับลูกชิมป์ เพียงตัวเดียวที่จะดึงมัน

and the box is too heavy for one chimp to pull in.

และแน่นอน ในกล่องนั้น มีอาหารอยู่

And of course, there's food on the box.

ไม่งั้นพวกมันคงไม่ดึงแรงขนาดนี้

Otherwise they wouldn't be pulling so hard.

แล้วพวกมันก็ดึงกล่องเข้ามาได้

And so they're bringing in the box.

เห็นไหมว่าพวกมันพร้อมเพรียง เป็นจังหวะเดียวกันเลย

And you can see that they're synchronized.

จะเห็นว่าเมื่อพวกลูกลิงทำงานร่วมกัน พวกมันดึงกล่องในช่วงเวลาเดียวกัน

You can see that they work together, they pull at the same moment.

นี่ค่อนข้างเป็นความฉลาดล้ำกว่าสัตว์พวกอื่น

It's already a big advance over many other animals

เพราะสัตว์อื่นคงทำเช่นนี้ไม่ได้

who wouldn't be able to do that.

Now you're going to get a more interesting picture,

แล้วคุณจะพบภาพที่น่าสนใจมากกว่านี้

เพราะทีนี้เมื่อลูกชิมป์ตัวหนึ่งถูกป้อนอาหารแล้ว

because now one of the two chimps has been fed.

So one of the two is not really interested in the task anymore.

ดังนั้นมันจึงไม่สนใจ

ในงานนี้อีกต่อไป

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

[- and sometimes appears to convey its wishes and meanings by gestures.]

มาดูกันว่า เกิดอะไรขึ้นในตอนจบ

Now look at what happens at the very end of this.

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

He takes basically everything.

อีกตัวมันเอาอาหารไปหมดเลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

There are two interesting parts about this.

ดังนั้น เรื่องนี้มีจุดที่น่าสนใจอยู่สองส่วน

One is that the chimp on the right

หนึ่ง คือ ชิมป์ทางขวามือ

has a full understanding he needs the partner --

เข้าใจดีว่าตัวมันเองต้องการผู้ร่วมงาน

so a full understanding of the need for cooperation.

แล้วก็เข้าใจถึงความจำเป็นของการร่วมมือกัน

แต่อีกตัวที่เป็นผู้ร่วมงานก็เต็มใจจะช่วยเหลือ

The second one is that the partner is willing to work

even though he's not interested in the food.

แม้ว่ามันไม่ได้สนใจในอาหารเท่าไหร่นัก

Why would that be?

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? นั่นอาจเกี่ยวกับเรื่อง การพึ่งพาอาศัยกัน

Well, that probably has to do with reciprocity.

แล้วก็มีหลักฐานอีกหลายอย่างใน กลุ่มสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์อื่นๆ

There's actually a lot of evidence in primates and other animals

ว่าพวกมันตอบแทนความช่วยเหลือกัน

that they return favors.

ดังนั้น มันก็จะได้รับการตอบแทนคืน ความช่วยเหลือกลับมา

He will get a return favor at some point in the future.

เช่นกันในอนาคต

And so that's how this all operates.

และนั่นคือวิธีที่สิ่งเหล่านี้ดำเนินไป

เราลองทดสอบในช้างเช่นเดียวกัน

We do the same task with elephants.

นี่คือช้าง ค่อนข้างอันตรายนะครับ

Now, it's very dangerous to work with elephants.

แล้วอีกปัญหาเกี่ยวกับช้างคือ

Another problem with elephants is that you cannot make an apparatus

คุณไม่รู้จะหาอุปกรณ์อะไร

that is too heavy for a single elephant.

ที่จะหนักเกินไปสำหรับให้ช้างตัวนึงออกแรงลาก

Now you can probably make it,

แต่ถึงแม้คุณจะสร้างมันได้

but it's going to be a pretty clumsy apparatus, I think.

แต่ผมว่ามันยังดูง่อนแง่นเกินไปนะ

แล้วในกรณีนี้ สิ่งที่เราทำคือ

And so what we did in that case --

we do these studies in Thailand for Josh Plotnik --

เราได้ทำการศึกษาเหล่านี้ที่ประเทศไทย ให้แก่ จอร์จ พล็อตนิค (Josh Plotnik)

is we have an apparatus around which there is a rope, a single rope.

เรามีอุปกรณ์ที่ผูกด้วยเชือก เชือกเส้นเดียว

และหากคุณดึงอีกด้านนึงของเชือก

And if you pull on this side of the rope, the rope disappears on the other side.

เชือกจะหายไปจากอีกด้านนึง

ดังนั้น ช้างสองตัวต้องหยิบมันขึ้นมาพร้อมกันและดึง

So two elephants need to pick it up at exactly the same time, and pull.

มิฉะนั้น ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

Otherwise nothing is going to happen and the rope disappears.

แล้วเชือกก็จะหายไป

The first tape you're going to see

ในเทปแรกนี้คุณจะเห็นว่า

is two elephants who are released together arrive at the apparatus.

ช้างสองตัวที่ปล่อยออกไปพร้อมกัน

ไปถึงที่อุปกรณ์

The apparatus is on the left, with food on it.

อุปกรณ์นั่นอยู่ทางซ้ายพร้อมด้วยอาหาร

มันเดินมาด้วยกัน ถึงพร้อมกัน

And so they come together, they arrive together,

พวกมันหยิบเชือกขึ้นพร้อมกันแล้วดึงพร้อมกัน

they pick it up together, and they pull together.

นี่ดูค่อนข้างง่ายสำหรับพวกมัน

So it's actually fairly simple for them.

นั่น มันมาแล้ว

There they are.

และนั่นคือวิธีที่พวกมันดึงกล่องเข้ามา

So that's how they bring it in.

แต่เราจะลองทำให้มันยากขึ้น

But now we're going to make it more difficult.

เพราะจุดประสงค์หลักของการทดลองนี้

Because the purpose of this experiment

คือการดูว่าพวกมันเข้าใจถึงการ่วมมือกัน ได้ดีขนาดไหน

is to see how well they understand cooperation.

พวกมันจะเข้าใจได้เท่ากันกับพวกชิมป์ไหม?

Do they understand that as well as the chimps, for example?

เราจึงทดลองในขั้นต่อไป

What we do in the next step is we release one elephant before the other

โดยการปล่อยช้างออกมาก่อนตัวหนึ่ง

and that elephant needs to be smart enough

และช้างนี่จำเป็นต้องฉลาดพอ

to stay there and wait and not pull at the rope --

ที่จะหยุดรอตรงนั้น และไม่ดึงเชือกนั่น

เพราะหากว่ามันดึงเชือกแล้วเชือกก็จะหายไป และถือเป็นอันจบการทดสอบ

because if he pulls at the rope, it disappears and the whole test is over.

แล้วช้างตัวนี้ก็ทำอะไรบ้างอย่างที่ผิดกฎ

Now this elephant does something illegal that we did not teach it.

ที่เราไม่ได้สอนมันมาก่อน

But it shows the understanding he has,

แต่มันก็แสดงให้เห็นความเข้าใจที่พวกมันมี

เพราะมันวางเท้าใหญ่ๆของมันลงบนเชือก

because he puts his big foot on the rope,

stands on the rope and waits there for the other,

ยืนที่ตรงนั้นและรอช้างอีกตัวหนึ่ง

แล้วให้ช้างอีกตัวออกแรงทำงานทั้งหมด

and then the other is going to do all the work for him.

So it's what we call freeloading.

นี่เรียกว่า กินแรง นะครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

แต่แสดงให้เห็นถึงความฉลาดที่พวกมันมี

But it shows the intelligence that the elephants have.

พวกมันได้พัฒนาเทคนิคอื่นๆอีกหลายอย่าง

They developed several of these alternative techniques

that we did not approve of, necessarily.

ซึ่งไม่ได้รับความเห็นชอบจากเรา

(Laughter)

So the other elephant is now coming ...

นั่น ช้างอีกตัวมาแล้ว

แล้วมันก็กำลังดึง

and is going to pull it in.

นี่ดูอีกตัวสิ แน่นอนมันยังไม่ลืมที่จะกินอาหารเลย

Now look at the other; it doesn't forget to eat, of course.

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

This was the cooperation and reciprocity part.

นี่เรียกว่าความร่วมมือกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของการพึ่งพาอาศัย

แล้ว ความเข้าอกเข้าใจกันล่ะ

Now something on empathy.

Empathy is my main topic at the moment, of research.

การรับรู้ถึงความเข้าอกเข้าใจกัน เป็นหัวข้อหลักของงานวิจัยขณะนั้น

And empathy has two qualities:

และความเข้าอกเข้าใจก็มีสองระดับ

One is the understanding part of it.

ระดับหนึ่งคือ การรับรู้ถึงมัน ซึ่งเป็นนิยามโดยปกติอยู่แล้ว

This is just a regular definition:

ซึ่งก็คือ ความสามารถในการรับรู้เข้าใจ และแบ่งปันความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง

the ability to understand and share the feelings of another.

และอีกระดับนึง คือ ส่วนที่เกี่ยวข้อง กับอารมณ์ความรู้สึก

And the emotional part.

ดังนั้น

ความเข้าอกเข้าใจกันโดยมี 2 ช่องทางในการสื่อสาร

Empathy has basically two channels: One is the body channel,

ช่องทางแรกคือ ทางร่างกาย

If you talk with a sad person,

หากคุณคุยกับคนที่โศกเศร้า

you're going to adopt a sad expression and a sad posture,

คุณก็จะได้รับความรู้สึกเศร้า และท่าทางเศร้าสร้อยนั้นมา

and before you know it, you feel sad.

และมันก็เกิดขึ้นก่อนคุณจะรู้ตัวเสียอีก

And that's sort of the body channel of emotional empathy,

และนั่นคือ การสื่อสารผ่านร่างกาย ของความอกเข้าความใจในอารมณ์

ซึ่งมีในสัตว์หลายๆชนิด

which many animals have.

สุนัขทั่วไปก็มีเช่นกัน

Your average dog has that also.

That's why people keep mammals in the home

นั่นเป็นเหตุว่าทำไมมนุษย์ถึงได้เลี้ยง สัตว์เลือดอุ่นไว้ในบ้าน

and not turtles or snakes or something like that,

แต่ไม่ใช่เต่าหรืองู หรืออะไรพวกนั้น

สัตว์ที่ไม่รู้จักถึงความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

who don't have that kind of empathy.

And then there's a cognitive channel,

แล้วก็มีช่องทางของกระบวนการคิด

which is more that you can take the perspective of somebody else.

ซึ่งคล้ายกับการเอาตัวเองไปอยู่ในมุมมองของผู้อื่น

มันมีอยู่อย่างจำกัดมาก

And that's more limited.

Very few animals, I think elephants and apes, can do that kind of thing.

ในสัตว์ไม่กี่ชนิด ผมคิดว่าช้างและลิง สามารถทำสิ่งนั้นได้

แต่ก็มีสัตว์ไม่กี่ชนิดสามารถทำได้เช่นกัน

ได้อย่างพร้อมเพรียงกัน

So synchronization,

ซึ่งเป็นกระบวนการของการเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น

which is part of that whole empathy mechanism,

ที่เกิดขึ้นมาช้านานในอาณาจักรสัตว์

is a very old one in the animal kingdom.

และในสังคมมนุษย์ แน่นอนครับ เราได้ทำการศึกษามัน

In humans, of course, we can study that with yawn contagion.

นั่นคือ การหาวติดต่อ

Humans yawn when others yawn.

มนุษย์มักจะหาวเมื่อคนอื่นหาว

And it's related to empathy.

มันมีความเชื่อมโยงกับการเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น

It activates the same areas in the brain.

มันเกิดการกระตุ้นที่บริเวณเดียวกันของสมอง

Also, we know that people who have a lot of yawn contagion

แล้วเราก็รู้ว่าคนที่มีอาการหาวติดต่อมากๆนั้น

ค่อนข้างมีความเห็นใจเข้าใจผู้อื่นสูง

are highly empathic.

People who have problems with empathy, such as autistic children,

คนที่มีความผิดปกติกับการเข้าใจผู้อื่น เช่นเด็กออทิสติก

พวกเขาจะไม่เกิดการหาวติดต่อ

they don't have yawn contagion.

มันจึงเชื่อมโยงกัน

So it is connected.

And we study that in our chimpanzees by presenting them with an animated head.

เราได้ศึกษาในชิมแปนซีด้วยการให้พวกมัน ดูตัวการ์ตูนลิงที่มีเฉพาะส่วนหัว

นี่ครับ มันเป็นแบบด้านซ้ายบน

So that's what you see on the upper-left, an animated head that yawns.

ภาพหัวการ์ตูนจะหาว

แล้วนั่น เจ้าชิมแปนซีกำลังดูอยู่

And there's a chimpanzee watching,

an actual real chimpanzee watching a computer screen

ชิมแปนซีตัวจริงกำลังดูภาพบนจอคอมพิวเตอร์

on which we play these animations.

ซึ่งเรากำลังเปิดให้ดู

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

แล้วก็เกิด "หาวติดต่อ"

So yawn contagion that you're probably all familiar with --

บางที่คุณอาจจะคุ้นเคยบ้างว่า --

and maybe you're going to start yawning soon now --

แล้วคุณอาจจะเริ่มหาวแล้วก็ได้

is something that we share with other animals.

นี่เป็นสิ่งที่เราแบ่งปันกันกับสัตว์ประเภทอื่น

And that's related to that whole body channel of synchronization

มันเชื่อมต่อกับทั้งร่างกายอย่างพร้อมเพรียงกัน

that underlies empathy,

นั่นมันซ่อนอยู่ภายใต้ความเข้าใจผู้อื่น

and that is universal in the mammals, basically.

และพบได้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแทบทุกชนิด

We also study more complex expressions -- This is consolation.

ตอนนี้เรายังศึกษาการแสดงออกที่ซับซ้อนมากขึ้น นี่คือการปลอบโยน

This is a male chimpanzee who has lost a fight and he's screaming,

นี่คือชิมแปนซีตัวผู้ ที่เพิ่งแพ้ในการต่อสู้ และมันกำลังกรีดร้อง

and a juvenile comes over and puts an arm around him

และลิงตัวที่เด็กกว่าเข้ามาหาและโอบแขนรอบๆมัน

และทำให้มันสงบลง

and calms him down.

That's consolation.

นั่นคือการปลอบโยน มันคล้ายมากกับ การปลอบโยนในมนุษย์

It's very similar to human consolation.

And consolation behavior --

และพฤติกรรมการปลอบโยนนี้

(Laughter)

ถูกขับเคลื่อนโดยความเห็นอกเห็นใจ

it's empathy driven.

Actually, the way to study empathy in human children

จริงๆ แล้ววิธีที่จะศึกษาเรื่องความเห็นใจ ในเด็กที่เป็นมนุษย์นั้น

is to instruct a family member to act distressed,

คือการสั่งให้คนในครอบครัวทำท่าทางเศร้าสร้อย

และจากนั้นพวกเขาก็สังเกตว่าเด็กจะทำอย่างไร

and then to see what young children do.

ดังนั้นมันจึงเกี่ยวข้องกับการเห็นอกเห็นใจ

And so it is related to empathy,

และนั่นคือการแสดงออกที่เราศึกษา

and that's the kind of expressions we look at.

We also recently published an experiment you may have heard about.

เมื่อเร็วๆนี้เรายังได้ตีพิมพ์งานวิจัยที่คุณอาจเคยได้ยิน

It's on altruism and chimpanzees,

เกี่ยวกับความเผื่อแผ่ในชิมแปนซี

where the question is: Do chimpanzees care about the welfare of somebody else?

ที่ซึ่งคำถามคือ ชิมแปนซีห่วงใย

ความเป็นอยู่ของลิงตัวอื่นๆ ไหม

And for decades it had been assumed that only humans can do that,

และนานนับทศวรรษ เราคิดเองว่า

มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่ทำแบบนั้นได้

that only humans worry about the welfare of somebody else.

มีเพียงแค่มนุษย์ที่ห่วงใยต่อความเป็นอยู่ของคนอื่นๆ

Now we did a very simple experiment.

ทีนี้เราทำการทดลองที่ง่ายมากๆ

เราทดลองกับชิมแปนซีที่อาศัยอยู่ในลอว์เรนซ์วิลล์ (Lawrenceville)

We do that on chimpanzees that live in Lawrenceville,

ที่สถานีทดลองภาคสนามที่เยิร์คคีส์

in the field station of Yerkes.

And so that's how they live.

และนั่นคือวิถีชีวิตของมัน

And we call them into a room and do experiments with them.

เราเอาพวกมันเข้ามาในห้อง และทำการทดลองกับพวกมัน

In this case, we put two chimpanzees side-by-side,

ในกรณีนี้ เราเอาชิมแปนซีสองตัวไว้ในห้องติดๆกัน

and one has a bucket full of tokens, and the tokens have different meanings.

และมีถังอยู่ใบหนึ่งที่เต็มไปด้วยเหรียญ และเหรียญเหล่านั้นมีความหมายต่างกัน

เหรียญแบบหนึ่งจะให้อาหารแต่กับลิงตัวที่เลือก

One kind of token feeds only the partner who chooses,

the other one feeds both of them.

และอีกเหรียญหนึ่งจะให้อาหารกับทั้งสองตัว

So this is a study we did with Vicki Horner.

นี่คือการศึกษาที่เราทำพร้อมด้วย วิคกี้ ฮอร์เนอร์ (Vicky Horner)

And here, you have the two color tokens.

และในกรณีนี้คุณมีเหรียญสองสี

พวกเขามีถังที่เต็มไปด้วยเหรียญ

So they have a whole bucket full of them.

และพวกมันจะต้องเลือกหนึ่งในสองสี

And they have to pick one of the two colors.

คุณจะเห็นว่าผลมันออกมาอย่างไร

You will see how that goes.

ถ้าลิงเลือกตัวเลือกที่เห็นแก่ตัว

So if this chimp makes the selfish choice,

ซึ่งคือเหรียญสีแดงในกรณีนี

which is the red token in this case,

มันต้องเอาเหรียญให้กับเรา

he needs to give it to us,

we pick it up, we put it on a table where there's two food rewards,

เราหยิบเหรียญขึ้น วางบนโต๊ะ ที่ซึ่งอาหารสองชิ้นจะถูกให้เป็นรางวัล

แต่ในกรณีนี้ตัวทางขวาตัวเดียวเท่านั้นจะได้อาหาร

but in this case, only the one on the right gets food.

The one on the left walks away because she knows already

ตัวทางด้านซ้ายเดินหนีเพราะมันรู้ผลอยู่แล้ว

ว่าการทดสอบนี้ไม่ดีสำหรับเธอ

that this is not a good test for her.

Then the next one is the pro-social token.

อันถัดไปเป็นเหรียญแห่งการแบ่งปัน

ลิงตัวที่มีหน้าที่เลือก นี่ถึงตอนที่น่าสนใจแล้วครับ

So the one who makes the choices -- that's the interesting part here --

สำหรับตัวที่เป็นผู้เลือก

for the one who makes the choices, it doesn't really matter.

มันไม่สำคัญเลยว่ามันจะเลือกสีอะไร

So she gives us now a pro-social token and both chimps get fed.

ตอนนี้มันให้เหรียญแห่งการแบ่งปัน และลิงทั้งสองตัวก็จะได้อาหาร

So the one who makes the choices always gets a reward.

ลิงตัวที่เป็นผู้เลือกจะได้อาหารเสมอ

So it doesn't matter whatsoever.

มันไม่สำคัญว่ามันเลือกสีอะไร

And she should actually be choosing blindly.

ดังนั้นมันควรจะเลือกแบบสุ่ม

แต่สิ่งที่เราพบ

But what we find is that they prefer the pro-social token.

คือพวกมันชอบเหรียญแห่งการแบ่งปัน

So this is the 50 percent line, that's the random expectation.

นี่คือเส้น 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นความคาดหวัง จากการเลือกแบบสุ่ม

And especially if the partner draws attention to itself, they choose more.

และถ้าเพื่อนของมันเพ่งความสนใจ ไปที่มันเป็นพิเศษ มันจะเลือกมากขึ้น

แต่ถ้าเพื่อนกดดันมันมากๆ

And if the partner puts pressure on them --

so if the partner starts spitting water and intimidating them --

เช่นถ้าเพื่อนเริ่มพ่นน้ำ และข่มขู่มัน

then the choices go down.

ผลการเลือกจะแย่ลง

(Laughter)

It's as if they're saying,

เหมือนเป็นการบอกเป็นนัยๆว่า

"If you're not behaving, I'm not going to be pro-social today."

"ถ้าแกไม่ทำตัวดีๆ วันนี้ฉันจะไม่เผื่อแผ่กับแก"

และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่มีลิงอีกตัวอยู่

And this is what happens without a partner,

เมื่อไม่มีลิงอีกตัวนั่งอยู่ตรงนั้น

when there's no partner sitting there.

ดังนั้นเราพบว่าชิมแปนซีนั้นห่วงใย

So we found that the chimpanzees do care about the well-being of somebody else --

ความเป็นอยู่ของลิงตัวอื่นๆ

especially, these are other members of their own group.

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันเป็นลิงที่เป็นสมาชิก ของฝูงเดียวกัน

การทดลองสุดท้ายที่ผมอยากจะเล่าให้คุณฟัง

So the final experiment that I want to mention to you

คือการศึกษาเรื่องความยุติธรรม

is our fairness study.

And so this became a very famous study.

และมันได้กลายเป็นการศึกษาที่โด่งดัง

And there are now many more,

และตอนนี้ก็มีการศึกษาลักษณะเดียวกัน อีกมากมาย

because after we did this about 10 years ago,

หลังจากการศึกษาของเราเมื่อ 10 ปีก่อน

it became very well-known.

มันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

And we did that originally with Capuchin monkeys.

เราทำการศึกษากับลิงคาปูชิน (capuchin)

และผมจะแสดงให้คุณเห็นถึงการทดลองที่เราได้ทำ

And I'm going to show you the first experiment that we did.

It has now been done with dogs and with birds

ซึ่งบัดนี้มันได้ถูกนำไปทดลองกับสุนัขและนก

and with chimpanzees.

และกับชิมแปนซี

But with Sarah Brosnan, we started out with Capuchin monkeys.

แต่การทดลองนี้ซึ่งเราร่วมทำกับซาร่าห์ บรอสแนน (Sarah Brosnan) เราเริ่มทดลองกับลิงคาปูชิน

สิ่งที่เราได้ทำ

So what we did is we put two Capuchin monkeys side-by-side.

คือเราเอาลิงคาปูชินสองตัวไว้ในกรงติดๆกัน

Again, these animals, live in a group, they know each other.

และเช่นกัน สัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน มันรู้จักกัน

เราเอามันออกมาจากฝูง และใส่ไว้ในห้องทดสอบ

We take them out of the group, put them in a test chamber.

และเรากำหนดงานง่ายๆ

And there's a very simple task that they need to do.

ซึ่งพวกมันต้องทำ

And if you give both of them cucumber for the task,

และถ้าคุณให้แตงกวาเป็นรางวัลสำหรับงานที่ทำ

ลิงทั้งสองตัวที่อยู่ติดๆกัน

the two monkeys side-by-side,

they're perfectly willing to do this 25 times in a row.

พวกมันเต็มอกเต็มใจจะทำงานนี้ 25 ครั้ง ติดต่อกันเลย

ดังนั้น แตงกวา แม้ว่ามันเป็นเพียงแค่น้ำ ในความคิดของผม

So cucumber, even though it's only really water in my opinion,

but cucumber is perfectly fine for them.

แต่พวกมันก็พอใจแล้วกับแค่แตงกวา

ทีนี้ ถ้าคุณเอาองุ่นให้ลิงตัวหนึ่ง

Now if you give the partner grapes --

the food preferences of my Capuchin monkeys

ซึ่งเป็นอาหารที่ชื่นชอบของลิงคาปูชิน

correspond exactly with the prices in the supermarket --

ซึ่งราคาในซุปเปอร์มาร์เก็ตก็แพงกว่าด้วย

and so if you give them grapes -- it's a far better food --

ดังนั้นถ้าคุณให้องุ่นกับพวกมัน นั่นเป็นอาหารที่ดีกว่ามาก

นั่นแปลว่าคุณสร้างความไม่เท่าเทียมระหว่างพวกมัน

then you create inequity between them.

So that's the experiment we did.

ดั้งนั้น นั่นคือการทดลองที่เราทำ

Recently, we videotaped it with new monkeys

เมื่อเร็วๆนี้ เราบันทึกวิดีโอลิงคู่ใหม่ ที่ไม่เคยทำงานนี้มาก่อน

who'd never done the task,

เราคิดว่าบางทีเราอาจได้การตอบสนองที่รุนแรงกว่า

thinking that maybe they would have a stronger reaction,

และปรากฏว่าเราคิดถูก

and that turned out to be right.

ลิงตัวทางซ้าย คือลิงที่ได้แตงกวา

The one on the left is the monkey who gets cucumber.

ลิงตัวทางขวา คือตัวที่ได้องุ่น

The one on the right is the one who gets grapes.

ตัวที่ได้แตงกวา

The one who gets cucumber --

note that the first piece of cucumber is perfectly fine.

โปรดสังเกตว่าแตงกวาชิ้นแรกนั้นไม่มีปัญหาอะไรเลย

มันกินแตงกวาชิ้นแรก

The first piece she eats.

Then she sees the other one getting grape, and you will see what happens.

แต่เมื่อมันเห็นลิงอีกตัวได้องุ่น คุณจะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

มันให้ก้อนหินกับเรา นั่นคืองานที่เราให้ทำ

So she gives a rock to us. That's the task.

เราให้แตงกวาชิ้นหนึ่งแกมัน และมันก็กิน

And we give her a piece of cucumber and she eats it.

ลิงอีกตัวต้องให้ก้อนหินกับเรา

The other one needs to give a rock to us.

และนั่นคือสืงที่มันทำ

And that's what she does.

And she gets a grape ...

และมันได้องุ่นเป็นรางวัล และมันก็กิน

and eats it.

อีกตัวหนึ่งมองเห็น

The other one sees that.

มันให้ก้อนหินกับเราอีก

She gives a rock to us now,

gets, again, cucumber.

และก็ได้แตงกวาอีก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter ends)

มันทดสอบก้อนหินกับกำแพงดู

She tests a rock now against the wall.

มันต้องเอาก้อนหินให้เรา

She needs to give it to us.

และมันก็ได้แตงกวาอีก

And she gets cucumber again.

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

นี่มันคือการประท้วงตามวอลล์สตรีทดีๆนี่เอง

So this is basically the Wall Street protest that you see here.

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

ผมจะเล่าให้ฟัง

I still have two minutes left --

ผมยังเหลืออีกสองนาที ให้ผมเล่าเรื่องตลกๆ ให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้

let me tell you a funny story about this.

การศึกษานี้เป็นที่โด่งดัง

This study became very famous and we got a lot of comments,

และเราได้รับคำวิจารณ์มากมาย

นักมานุษยวิทยา นักเศรษฐศาสตร์

especially anthropologists, economists, philosophers.

นักปราชญ์

They didn't like this at all.

พวกเขาไม่ชอบมันเอาเสียเลย

Because they had decided in their minds, I believe,

ผมเชื่อว่า นั่นเป็นเพราะพวกเขามีความคิดอยู่ในใจ

that fairness is a very complex issue, and that animals cannot have it.

ว่าความยุติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน

และสัตว์ไม่มีทางรับรู้ถึงมัน

And so one philosopher even wrote us

และนักการกุศลคนหนึ่งเขียนมาหาเรา

that it was impossible that monkeys had a sense of fairness

ว่ามันเป็นไปไม่ได้ว่าลิงไม่มีทางรับรู้ถึงความยุติธรรม

because fairness was invented during the French Revolution.

เพราะความยุติธรรมนั้นถูกสร้างขึ้นมา ระหว่างยุคปฏิวัติฝรั่งเศส

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

ส่วนอีกคนเขียนมาเสียยาวยืด

And another one wrote a whole chapter

saying that he would believe it had something to do with fairness,

ว่าเขาจะเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับความยุติธรรม

if the one who got grapes would refuse the grapes.

ก็ต่อเมื่อลิงตัวที่ได้องุ่นจะต้องปฏิเสธองุ่นนั้น

Now the funny thing is that Sarah Brosnan, who's been doing this with chimpanzees,

ที่ตลกก็คือ ซาราห์ บรอสแนน

ผู้ซึ่งทำการทดลองนี้ในชิมแปนซี

had a couple of combinations of chimpanzees

ทำการทดลองกับชิมแปนซีสองคู่

where, indeed, the one who would get the grape

และปรากฎว่าลิงตัวที่ต้องได้องุ่นจะปฏิเสธองุ่นนั้น

would refuse the grape until the other guy also got a grape.

จนกว่าลิงอีกตัวจะได้องุ่นด้วย

ดังนั้นเราจึงเข้าใกล้มากแล้วสำหรับสิ่ง ที่มนุษย์เรียกว่าความยุติธรรม

So we're getting very close to the human sense of fairness.

And I think philosophers need to rethink their philosophy for a while.

และผมคิดว่านักปราชญ์ควรคิดทบทวนปรัชญา ของพวกเขาอีกสักพัก

So let me summarize.

ดังนั้น ผมจะกล่าวสรุป

I believe there's an evolved morality.

ผมเชื่อว่าศีลธรรมนั้นมีวิวัฒนาการ

I think morality is much more than what I've been talking about,

ผมคิดว่าศีลธรรมนั้นเป็นอะไร มากกว่าสิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้

แต่มันคงเกิดขึ้นไม่ได้หากขาด ส่วนประกอบเหล่านี้

but it would be impossible without these ingredients

องค์ประกอบที่เราพบในลิงพันธุ์อื่นๆ

that we find in other primates,

which are empathy and consolation,

ซึ่งนั่นคือ ความเห็นอกเห็นใจ การปลอบโยน

pro-social tendencies and reciprocity and a sense of fairness.

การช่วยเหลือกันและกัน และความรู้สึกถึงความยุติธรรม

และดังนั้นเราจึงศึกษาในเรื่องนี้

And so we work on these particular issues

to see if we can create a morality from the bottom up, so to speak,

เพื่อที่จะหาว่าเราสามารถสร้างศีลธรรมได้ จากจุดเริ่มต้น

without necessarily god and religion involved,

โดยไม่จำเป็นต้องมีพระเจ้าหรือศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง

และเพื่อหาว่าเราสามารถไปถึงศีลธรรม ที่มีวิวัฒนาการแล้วได้หรือไม่

and to see how we can get to an evolved morality.

ขอบคุณที่รับฟังครับ

And I thank you for your attention.

(Applause)

(เสียงปรบมือ)