Bill Gates: Teachers need real feedback

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: That Theone Reviewer: Chatthip Chaichakan

Everyone needs a coach.

ทุกคนต้องการโค้ช (ครูฝึก)

It doesn't matter whether you're a basketball player,

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักบาสเก็ตบอล

a tennis player, a gymnast

นักเทนนิส นักยิมนาสติก

or a bridge player.

หรือนักเล่นไพ่

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

My bridge coach, Sharon Osberg,

ครูสอนเล่นไพ่ของผม ชารอน ออสเบริก

says there are more pictures of the back of her head

บอกว่ามีภาพด้านหลังของหัวของเธอมากกว่า

than anyone else's in the world. (Laughter)

ของใครทุกคนในโลกนี้ (เสียงหัวเราะ)

Sorry, Sharon. Here you go.

ขอโทษนะชารอน เอานี่ไปแล้วกัน

We all need people who will give us feedback.

เราทุกคนต้องการคนที่ให้ผลตอบรับ (Feedback)

That's how we improve.

นั่นคือวิธีที่เราสามารถพัฒนาได้

Unfortunately, there's one group of people

น่าเสียดาย มีคนกลุ่มหนึ่ง

who get almost no systematic feedback

แทบจะไม่ได้รับผลตอบรับที่เป็นระบบ

to help them do their jobs better,

ที่ช่วยเขาทำงานดีขึ้น

and these people

และคนกลุ่มนั้น

have one of the most important jobs in the world.

ทำงานสำคัญที่สุดในโลกงานหนึ่ง

I'm talking about teachers.

ผมกำลังพูดถึงคุณครูทั้งหลาย

When Melinda and I learned

ตอนเมลินดา(ภรรยา) และผมได้เข้าใจว่า

how little useful feedback most teachers get,

ครูส่วนมากได้รับผลตอบรับที่มีประโยชน์น้อยแค่ไหน

we were blown away.

เราใจหายมาก

Until recently, over 98 percent of teachers

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ มากกว่า 98 เปอร์เซ็นของครู

just got one word of feedback:

ได้รับผลตอบรับหนึ่งเพียงหนึ่งคำ

Satisfactory.

พอใจ

If all my bridge coach ever told me

ถ้าทั้งหมดที่ครูสอนเล่นไพ่ของผมเคยบอกผม

was that I was "satisfactory,"

คือ ฉัน "พอใจ"

I would have no hope of ever getting better.

ผมคงไม่มีโอกาสทำได้ดีขึ้น

How would I know who was the best?

ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ดีที่สุด

How would I know what I was doing differently?

ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมกำลังทำสิ่งทีแตกต่าง

Today, districts are revamping

ทุกวันนี้ เขต(การศึกษา)ต่างๆ กำลังปรับปรุง

the way they evaluate teachers,

วิธีที่เขาใช้ประเมินครู

but we still give them almost no feedback

แต่เรายังคงแทบไม่มีผลตอบรับให้เขา

that actually helps them improve their practice.

ที่จะช่วยเขาปรับปรุงวิธีปฏิบัติอย่างแท้จริง

Our teachers deserve better.

ครูของเราควรได้สิ่งที่ดีกว่านี้

The system we have today isn't fair to them.

ระบบที่เรามีวันนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับเขา

It's not fair to students,

ไม่ยุติธรรมสำหรันนักเรียน

and it's putting America's global leadership at risk.

และมันทำให้ตำแหน่งผู้นำโลกของอเมริกาตกอยู่ในความเสี่ยง

So today I want to talk about how we can help all teachers

วันนี้ผมต้องการพูดเกี่ยวกับว่า เราจะช่วยครูทุกคน

get the tools for improvement they want and deserve.

ให้ได้เครื่องมือเพื่อการพัฒนาที่พวกเขาต้องการ และควรได้รับได้อย่างไร

Let's start by asking who's doing well.

เริ่มจากการถามว่าใครทำได้ดี

Well, unfortunately there's no international ranking tables

น่าเสียดาย ไม่มีตารางจัดอันดับระหว่างประเทศ

for teacher feedback systems.

สำหรับระบบการให้ผลตอบรับครู

So I looked at the countries

ดังนั้นผมดูไปที่ประเทศ

whose students perform well academically,

ที่นักเรียนได้ผลการศึกษาดี

and looked at what they're doing

และดูไปที่สิ่งที่พวกเขากำลังทำ

to help their teachers improve.

เพื่อช่วยให้ครูของพวกเขาได้ปรับปรุง

Consider the rankings for reading proficiency.

พิจารณาที่อันดับความสามารถในการอ่าน

The U.S. isn't number one.

อเมริกาไม่ใช่ที่หนึ่ง

We're not even in the top 10.

เราไม่ติดแม้แต่ 10 อันดับแรก

We're tied for 15th with Iceland and Poland.

เรามีคะแนนเป็นอันดับที่ 15 เท่ากับไอซ์แลนด์ และโปแลนด์

Now, out of all the places

ตอนนี้ จากทุกที่

that do better than the U.S. in reading,

ที่ทำได้ดีกว่าอเมริกาในเรื่องการอ่าน

how many of them have a formal system

มีกี่ประเทศที่มีระบบอย่างเป็นทางการ

for helping teachers improve?

สำหรับช่วยครูพัฒนาตัวเอง

Eleven out of 14.

11 จาก 14

The U.S. is tied for 15th in reading,

อเมริกาได้คะแนนเป็นอันดับที่สิบห้าในการอ่าน

but we're 23rd in science and 31st in math.

แต่เราเป็นอันดับที่ 23 ด้านวิทยาศาสตร์ และ 31 ด้านคณิตศาสตร์

So there's really only one area where we're near the top,

มีเพียงหนึ่งอย่างที่พวกเราเกือบจะเป็นอันดับแรก

and that's in failing to give our teachers

และนั่นคือความล้มเหลว

the help they need to develop their skills.

ด้านการช่วยพัฒนาความเชี่ยวชาญให้ครู

Let's look at the best academic performer:

เรามาดูกันที่ผู้ที่มีผลการเรียนดีที่สุด:

the province of Shanghai, China.

เซียงไฮ้ จีน

Now, they rank number one across the board,

ตอนนี้ พวกเขาติดอันดับหนึ่งในทุกด้าน

in reading, math and science,

ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

and one of the keys to Shanghai's incredible success

และหนึ่งในกุญแจสำคัญของความสำเร็จ อย่างเหลือเชื่อของเซี่ยงไฮ้

is the way they help teachers keep improving.

ก็คือวิธีที่เขาช่วยครูพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

They made sure that younger teachers

พวกเขาทำให้แน่ใจว่าครูอายุน้อย

get a chance to watch master teachers at work.

ได้รับโอกาสดูครูอาวุโสทำงาน

They have weekly study groups,

พวกเขามีกลุ่มเรียนทุกสัปดาห์

where teachers get together and talk about what's working.

ที่พวกครูรวมกัน และพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ใช้ได้ผล

They even require each teacher to observe

ยิ่งไปกว่านั้นเขาเรียกร้องให้ครูแต่ละคนออกความเห็น

and give feedback to their colleagues.

และให้ผลตอบรับกับครูคนอื่น

You might ask, why is a system like this so important?

คุณอาจจะถาม ทำไมระบบแบบนี้สำคัญมาก

It's because there's so much variation

มันเป็นเพราะมีความแตกต่างมาก

in the teaching profession.

ในอาชีพครู

Some teachers are far more effective than others.

ครูบางคนทำได้มีประสิทธิภาพกว่าคนอื่นมาก

In fact, there are teachers throughout the country

ความจริงมีครูหลายคนทั่วทั้งประเทศ

who are helping their students make extraordinary gains.

ที่ช่วยนักเรียนของเขาทำได้ดีเกินธรรมดา

If today's average teacher

ถ้าครูโดยเฉลี่ยในวันนี้

could become as good as those teachers,

สามารถเป็นครูที่ดีได้เท่ากับครูพวกนั้น

our students would be blowing away the rest of the world.

นักเรียนของเราสามารถชนะคนที่เหลือทั้งโลกได้

So we need a system that helps all our teachers

ดั้งนั้นเราต้องการระบบที่ช่วยครูของเราทั้งหมด

be as good as the best.

ให้ทำได้ดีเท่ากับครูที่ดีที่สุด

What would that system look like?

ระบบนั้นคืออะไร

Well, to find out, our foundation

เพื่อที่จะค้นหาความจริง มูลนิธิของเรา

has been working with 3,000 teachers

ทำงานกับครู 3,000 คน

in districts across the country

ในเขตการศึกษาต่างๆทั่วประเทศ

on a project called Measures of Effective Teaching.

ในโครงการที่เรียกว่าวิธีวัดการสอนที่มีประสิทธิภาพ (Measures of Effective Teaching: MET)

We had observers watch videos

เรามีผู้สังเกตการณ์ดูวิดีโอ

of teachers in the classroom

ครูในห้องเรียน

and rate how they did on a range of practices.

และให้คะแนนพวกเขาบนฐานการปฏิบัติหลายๆด้าน

For example, did they ask their students

ตัวอย่างเช่น เขาถามนักเรียน

challenging questions?

ด้วยคำถามกระตุ้นหรือไม่

Did they find multiple ways to explain an idea?

เขามีหลายวิธีที่จะอธิบายความคิดหรือไม่

We also had students fill out surveys with questions like,

เรายังมีนักเรียนทำแบบสอบถามที่มีคำถาม เช่น

"Does your teacher know

"ครูของคุณรู้หรือไม่ว่า

when the class understands a lesson?"

เมื่อไหร่ที่นักเรียนเข้าใจบทเรียน"

"Do you learn to correct your mistakes?"

"คุณเรียนวิธีแก้สิ่งที่ผิดหรือไม่"

And what we found is very exciting.

และเราพบสิ่งที่น่าตื่นเต้นมาก

First, the teachers who did well on these observations

อันดับแรก ครูที่ทำได้ดีจากการสังเกตการณ์เหล่านี้

had far better student outcomes.

มีผลตอบรับจากนักเรียนที่ดีกว่ามาก

So it tells us we're asking the right questions.

มันบอกเราว่า เรากำลังถามคำถามที่ถูก

And second, teachers in the program told us

และอันดับสอง ครูในโปรแกรมบอกเราว่า

that these videos and these surveys from the students

วิดิโอและแบบสอบถามจากนักเรียนเหล่านี้

were very helpful diagnostic tools,

เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยได้มาก

because they pointed to specific places

เพราะสิ่งนี้ชี้เจาะจงลงไป

where they can improve.

ในส่วนที่เขาสามารถพัฒนาได้

I want to show you what this video component of MET

ผมต้องการแสดงให้คุณดูว่า วิดิโอซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของ MET

looks like in action.

ดูเป็นอย่างไรในตอนใช้งานจริง

(Music)

(เพลง)

(Video) Sarah Brown Wessling: Good morning everybody.

(วิดีโอ) ซาร่า บราว วีสลิ่ง: สวัสดี ทุกคน

Let's talk about what's going on today.

เรามาพูดเกี่ยวกับว่าเกิดอะไรขึ้นวันนี้กันเถอะ

To get started, we're doing a peer review day, okay?

เริ่มโดย เราจะทำการทบทวนกับเพื่อน ตกลงไหม

A peer review day, and our goal by the end of class

วันการทบทวนกับเพื่อน และเมือสิ้นสุดชั่วโมงเรียนจุดประสงค์ของเรา

is for you to be able to determine

คือคุณสามารถตัดสินใจได้ว่า

whether or not you have moves to prove in your essays.

คุณมีอะไรที่ต้องขยับเพื่อพิสูจน์ในรายงานของคุณหรือไม่

My name is Sarah Brown Wessling.

ฉันชื่อ ซาร่า บราว วีสลิ่ง

I am a high school English teacher

ฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษโรงเรียนมัธยม

at Johnston High School in Johnston, Iowa.

ที่โรงเรียนมัธยมจอห์นสตัน ในเมืองจอห์นสตัน ไอโอวา

Turn to somebody next to you.

หันไปมองคนข้างคุณ

Tell them what you think I mean when I talk about moves to prove. I've talk about --

บอกเขาว่าคุณคิดว่าฉันหมายถึงอะไร ตอนที่ฉันพูดถึงการขยับที่ต้องพิสูจน์ ฉันได้พูดถึง --

I think that there is a difference for teachers

ฉันคิดว่า มีความแตกต่างสำหรับครู

between the abstract of how we see our practice

ระหว่างความคิดเชิงทฤษฎีในวิธีที่เรามองการทำงานของเรา

and then the concrete reality of it.

และความเป็นจริง

Okay, so I would like you to please bring up your papers.

ดั้งนั้นฉันอยากให้คุณ เอากระดาษของคุณมา

I think what video offers for us

ฉันคิดว่าสิ่งที่วิดิโอให้เรา

is a certain degree of reality.

เป็นความจริงที่แน่นอน

You can't really dispute what you see on the video,

คุณไม่สามารถโต้เถียงสิ่งที่คุณเห็นในวิดีโอ

and there is a lot to be learned from that,

และมีหลายอย่างที่คุณเรียนได้จากวิดิโอ

and there are a lot of ways that we can grow

และมีหลายวิธีที่เราจะเติบโต

as a profession when we actually get to see this.

ในอาชีพ เมื่อเรามองเห็นสิ่งนี้อย่างแท้จริง

I just have a flip camera and a little tripod

ฉันแค่มีกล้องฟลิบ และขาตั้งสามขาตัวเล็ก

and invested in this tiny little wide-angle lens.

และลงทุนกับเลนส์มุมกว้างตัวเล็กอันนี้

At the beginning of class, I just perch it

ตอนเริ่มชั้นเรียน ฉันแค่วางสิ่งนี้บนขาตั้ง

in the back of the classroom. It's not a perfect shot.

ที่หลังชั้นเรียน มันไม่ใช่การถ่ายที่สมบูรณ์

It doesn't catch every little thing that's going on.

มันไม่ได้จับทุกรายละเอียดเล็กๆที่เกิดขึ้น

But I can hear the sound. I can see a lot.

แต่ฉันสามารถได้ยินเสียง ฉันสามารถเห็นหลายอย่าง

And I'm able to learn a lot from it.

และฉันสามารถเรียนหลายอย่างจากมัน

So it really has been a simple

ดังนั้นมันเป็นเครื่องมือที่ง่าย

but powerful tool in my own reflection.

แต่ทรงพลังสำหรับการไตร่ตรองตัวฉันเอง

All right, let's take a look at the long one first, okay?

เริ่มจากดูอันยาวก่อน ตกลงไหม

Once I'm finished taping, then I put it in my computer,

เมื่อฉันเสร็จการบันทึก ฉันใส่สิ่งนี้ในคอมพิวเตอร์ของฉัน

and then I'll scan it and take a peek at it.

และฉันจะตรวจรายละเอียดและดูสิ่งนี้

If I don't write things down, I don't remember them.

ถ้าฉันไม่เขียนลงไป ฉันจำไม่ได้

So having the notes is a part of my thinking process,

ดั้งนั้นการจดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคิดของฉัน

and I discover what I'm seeing as I'm writing.

และฉันพบว่าสิ่งที่ฉันเห็นเหมือนกับสิ่งที่ฉันเขียน

I really have used it for my own personal growth

ฉันใช้สิ่งนี้เพื่อพัฒนาตัวเอง

and my own personal reflection on teaching strategy

และเพื่อสะท้อนตัวฉันในแผนการสอน

and methodology and classroom management,

และวิธีการสอน และการจัดการชั้นเรียน

and just all of those different facets of the classroom.

และทุกๆด้านของชั้นเรียน

I'm glad that we've actually done the process before

ฉันดีใจที่เราได้ทำวิธีนี้มาก่อน

so we can kind of compare what works, what doesn't.

ดังนั้นเราสามารถเปรียบเทียบสิ่งที่ใช้ได้ และสิ่งที่ใช้ไม่ได้

I think that video exposes

ฉันคิดว่าวีดีโอได้เปิดเผยออกมา

so much of what's intrinsic to us as teachers

ถึงสิ่งที่เป็นเนื้อแท้จำนวนมากสำหรับเราในฐานะครู

in ways that help us learn and help us understand,

ในทางด้านช่วยให้เราเรียนรู้ และช่วยให้เราเข้าใจ

and then help our broader communities understand

และช่วยให้สังคมของเราเข้าใจว่า

what this complex work is really all about.

งานที่ซับซ้อนนี้เกี่ยวกับอะไรกันแน่

I think it is a way to exemplify and illustrate

ฉันคิดว่ามันเป็นวิธีที่จะแสดงตัวอย่างและภาพประกอบ:

things that we cannot convey in a lesson plan,

สิ่งที่เราไม่สามารถสื่อไปในแผนการเรียน

things you cannot convey in a standard,

สิ่งที่คุณไม่สามารถสื่อไปในมาตราฐาน

things that you cannot even sometimes convey

สิ่งที่คุณไม่แม้แต่จะสื่อออกไป

in a book of pedagogy.

ในหนังสือด้านครุศาสตร์ได้ในบางครั้ง

Alrighty, everybody, have a great weekend.

เอาล่ะทุกคน ขอให้มีวันหยุดที่ดี

I'll see you later.

แล้วเจอกัน

[Every classroom could look like that]

[ทุกชั้นเรียนสามารถเป็นอย่างนี้ได้]

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Bill Gates: One day, we'd like every classroom in America

บิล เกต: วันหนึ่ง เราอยากให้ทุกชั้นเรียนในอเมริกา

to look something like that.

เป็นแบบนั้น

But we still have more work to do.

แต่เรายังมีงานต้องทำอีกมาก

Diagnosing areas where a teacher needs to improve

การวิเคราะห์ส่วนที่ครูต้องพัฒนา

is only half the battle.

เป็นเพียงครึ่งหนึ่งของการสู้รบ

We also have to give them the tools they need

เรายังต้องให้เครื่องมือที่ครูต้องการ

to act on the diagnosis.

เพื่อนำการวิเคราะห์ไปใช้

If you learn that you need to improve

ถ้าคุณเรียนรู้ว่าคุณต้องการพัฒนา

the way you teach fractions,

วิธีที่คุณสอนเศษส่วน

you should be able to watch a video

คุณควรจะสามารถดูวิดีโอ

of the best person in the world teaching fractions.

ของคนที่ดีที่สุดในโลกสอนเศษส่วน

So building this complete teacher feedback

ดั้งนั้น การสร้างผลตอบรับแบบสมบูรณ์แบบให้กับครู

and improvement system won't be easy.

และระบบการพัฒนา(ครู)จะไม่ง่าย

For example, I know some teachers

ตัวอย่างเช่น ผมรู้จักครูบางคน

aren't immediately comfortable with the idea

ที่จะไม่รู้สึกสบายใจทันทีกับความคิด

of a camera in the classroom.

ที่ว่าจะมีกล้องในชั้นเรียน

That's understandable, but our experience with MET

นั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ประสบการณ์ของเรากับ MET

suggests that if teachers manage the process,

บอกเราว่าถ้าครูทั้งหลายทำตามกระบวนการ

if they collect video in their own classrooms,

ถ้าพวกครูบันทึกวิดีโอในชั้นเรียนของเขา

and they pick the lessons they want to submit,

และเขาเลือกบทเรียนที่เขาต้องการส่ง

a lot of them will be eager to participate.

ครูจำนวนวมากจะอยากเข้าร่วม

Building this system will also require

การสร้างระบบนี้จะต้องการ

a considerable investment.

การลงทุนจำนวนมาก

Our foundation estimates that it could cost

มูลนิธิของเราประเมินว่าค่าใช้จ่ายอาจจะ

up to five billion dollars.

สูงถึงห้าพันล้านเหรียญ

Now that's a big number, but to put it in perspective,

ตอนนี้ นั้นคือเลขจำนวนมาก แต่อีกมุมมอง

it's less than two percent

มันน้อยกว่าสองเปอร์เซ็นต์

of what we spend every year on teacher salaries.

ที่เราจ่ายเงินเดือนครูทุกปี

The impact for teachers would be phenomenal.

ผลกระทบต่อครูจะอยู่ในระดับปรากฎการณ์

We would finally have a way to give them feedback,

เราจะมีวิธีให้ผลตอบรับเขาในที่สุด

as well as the means to act on it.

เช่นเดียวกับหนทางที่จะนำผลตอบรับไปใช้

But this system would have

แต่ระบบจะ

an even more important benefit for our country.

มีประโยชน์ที่สำคัญไปกว่านั้นมากสำหรับประเทศของเรา

It would put us on a path to making sure

มันจะทำให้เราอยู่ในทางที่มั่นใจได้ว่า

all our students get a great education,

นักเรียนของเราทั้งหมดได้รับการศึกษาที่ดี

find a career that's fulfilling and rewarding,

หางานที่สมหวังและมีคุณค่า

and have a chance to live out their dreams.

และมีโอกาสที่จะใช้ชีวิตแบบที่อยากเป็น

This wouldn't just make us a more successful country.

นี่ไม่เพียงจะทำให้เรา เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น

It would also make us a more fair and just one, too.

มันจะทำให้เราเป็นประเทศที่ยุติธรรม และเสมอภาคมากขึ้นด้วย

I'm excited about the opportunity

ผมตื่นเต้นกับโอกาส

to give all our teachers the support they want and deserve.

ที่ให้การสนับสนุนที่ครูต้องการ และควรได้รับแก่ครูทั้งหมดของเรา

I hope you are too.

ผมหวังว่าคุณก็เหมือนกัน

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)