TED's secret to great public speaking | Chris Anderson | TED

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Some people think that there's a TED Talk formula:

บางคนอาจคิดว่า TED Talk มีสูตรสำเร็จ

"Give a talk on a round, red rug."

"พูดบนพรมแดงกลม ๆ "

"Share a childhood story."

"เล่าเรื่องราววัยเด็ก"

"Divulge a personal secret."

"เผยความลับส่วนตัว"

"End with an inspiring call to action."

"ปิดท้ายด้วยการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ลงมือทำอะไรบางอย่าง"

No.

ไม่ใช่เลย

That's not how to think of a TED Talk.

คิดถึง TED Talk แบบนี้ไม่ถูกครับ

In fact, if you overuse those devices,

ที่จริง ถ้าคุณใช้สูตรพวกนี้มากไป

you're just going to come across as clichéd or emotionally manipulative.

มีแต่จะทำให้คุณดูเฝือ หรือจงใจเล่นกับอารมณ์ผู้ฟังมากไป

But there is one thing that all great TED Talks have in common,

แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ TED Talk ที่ยอดเยี่ยม ทุกเรื่องมีเหมือนกัน

and I would like to share that thing with you,

และผมอยากจะแบ่งปันสิ่งนั้นกับคุณ

because over the past 12 years, I've had a ringside seat,

เพราะกว่า12 ปีมาแล้ว ที่ผมได้นั่งชิดขอบเวที

listening to many hundreds of amazing TED speakers, like these.

ได้ฟังผู้พูดที่น่าทึ่งหลายร้อยคน เช่นพวกเขาเหล่านี้

I've helped them prepare their talks for prime time,

ผมช่วยเขาเตรียมปาฐกถา เพื่อช่วงเวลาสำคัญ

and learned directly from them

และเรียนรู้จากพวกเขาโดยตรง

their secrets of what makes for a great talk.

ว่าเคล็ดลับของปาฐกถาที่ยอดเยี่ยมคืออะไร

And even though these speakers and their topics all seem

และแม้ว่าผู้พูดเหล่านี้ กับหัวข้อปาฐกถาของเขา

จะดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

completely different,

they actually do have one key common ingredient.

แต่จริง ๆ แล้ว ล้วนมีส่วนผสมหลักอย่างหนึ่งเหมือนกัน

And it's this:

และนั่นก็คือ

Your number one task as a speaker

งานสำคัญอันดับหนึ่งที่คุณต้องทำ ในฐานะผู้พูด

is to transfer into your listeners' minds an extraordinary gift --

คือถ่ายโอนของขวัญสุดพิเศษ ไปสู่จิตใจของผู้ฟัง

a strange and beautiful object that we call an idea.

สิ่งแปลกประหลาดและสวยงาม ที่เราเรียกว่า "ความคิด"

Let me show you what I mean.

ผมจะอธิบายให้ฟัง

Here's Haley.

นี่คือเฮลีย์

She is about to give a TED Talk

เธอกำลังจะขึ้นพูดบนเวที TED Talk

and frankly, she's terrified.

เอาจริง ๆ นะ เธอกลัวแทบตาย

(Video) Presenter: Haley Van Dyck!

(วิดีโอ) พิธีกร: เฮลีย์ แวน ไดค์

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Over the course of 18 minutes,

ตลอดเวลา 18 นาที

1,200 people, many of whom have never seen each other before,

คน 1,200 คน ซึ่งหลายคนไม่เคยเจอกันมาก่อน

are finding that their brains are starting to sync with Haley's brain

กลับพบว่า สมองของเขา กำลังเริ่มสอดประสานกับสมองของเฮลีย์

and with each other.

และสมองของกันและกัน

They're literally beginning to exhibit the same brain-wave patterns.

แบบแผนของคลื่นสมองของพวกเขา เริ่มเหมือนกันขึ้นมาจริง ๆ

And I don't just mean they're feeling the same emotions.

และผมไม่ได้หมายความแค่ว่า เขามีอารมณ์เหมือนกันเท่านั้น

There's something even more startling happening.

แต่กำลังมีบางอย่าง ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้น

Let's take a look inside Haley's brain for a moment.

เรามาดูภายในสมองของเฮลีย์กันสักนิด

There are billions of interconnected neurons in an impossible tangle.

มีเซลล์ประสาทหลายพันล้านเซลล์ เชื่อมต่อกันยุ่งเหยิง

But look here, right here --

แต่ดูนี่ครับ ตรงนี้

a few million of them are linked to each other

มีกลุ่มเซลล์สองสามล้านเซลล์ ที่เชื่อมโยงกันอยู่

in a way which represents a single idea.

เป็นแบบแผนแทนความคิดอย่างหนึ่ง

And incredibly, this exact pattern is being recreated in real time

และไม่น่าเชื่อครับ แบบแผนเดียวกันนี้ กำลังถูกสร้างขึ้นพร้อมกัน

inside the minds of everyone listening.

ในสมองของแต่ละคนที่กำลังฟังอยู่

That's right; in just a few minutes,

ใช่ครับ ภายในไม่กี่นาที

a pattern involving millions of neurons

แบบแผนที่เกิดจากเซลล์สมองหลายล้านเซลล์

is being teleported into 1,200 minds,

กำลังถูกส่งผ่านไปสู่สมองของคน 1,200 คน

just by people listening to a voice and watching a face.

เพียงแค่พวกเขาฟังเสียง และดูสีหน้าของใครคนหนึ่ง

But wait -- what is an idea anyway?

แต่เดี๋ยวนะ ว่าแต่ "ความคิด" คืออะไรนะ

Well, you can think of it as a pattern of information

อืม คุณสามารถมองว่า มันคือแบบแผนของข้อมูล

that helps you understand and navigate the world.

ที่ช่วยให้คุณเข้าใจ และใช้ชีวิตบนโลกนี้ก็ได้

Ideas come in all shapes and sizes,

ความคิดมีหลายรูปร่างและขนาด

from the complex and analytical

จากซับซ้อน เชิงวิเคราะห์

to the simple and aesthetic.

ไปจนถึงแบบเรียบง่าย เชิงสุนทรีย์

Here are just a few examples shared from the TED stage.

นี่คือตัวอย่างความคิดที่แบ่งปันบนเวที TED

Sir Ken Robinson -- creativity is key to our kids' future.

เซอร์ เคน โรบินสัน -- ความคิดสร้างสรรค์ คือกุญแจสำคัญสู่อนาคตของลูกหลานเรา

(Video) Sir Ken Robinson: My contention is that creativity now

(วิดีโอ) เซอร์ เคน โรบินสัน: ผมเชื่ออย่างหนักแน่นว่า ความคิดสร้างสรรค์

is as important in education as literacy,

มีความสำคัญในการศึกษา พอ ๆ กับการอ่านออกเขียนได้

and we should treat it with the same status.

และเราควรปฏิบัติต่อมันอย่างเท่าเทียมกัน

Chris Anderson: Elora Hardy -- building from bamboo is beautiful.

คริส แอนเดอร์สัน: เอลอรา ฮาร์ดี -- อาคารไม้ไผ่นั้นสวยงาม

(Video) Elora Hardy: It is growing all around us,

(วิดีโอ) เอลอรา ฮาร์ดี้: ไม้ไผ่เติบโตอยู่รอบตัวเรา

it's strong, it's elegant, it's earthquake-resistant.

มันแข็งแรง งามสง่า และทนทานต่อแผ่นดินไหว

CA: Chimamanda Adichie -- people are more than a single identity.

คริส: ชิมามานดา อดิชี -- คนเราไม่ได้มีอัตลักษณ์ด้านเดียว

(Video) Chimamanda Adichie: The single story creates stereotypes,

(วิดีโอ) ชิมามานดา อดิชี: เรื่องราวด้านเดียวทำให้เกิดภาพเหมารวม

and the problem with stereotypes is not that they are untrue,

และภาพเหมารวมนั้นมีปัญหา ไม่ใช่เพราะว่ามันไม่จริง

but that they are incomplete.

แต่เพราะว่ามันไม่ครบรอบด้าน

CA: Your mind is teeming with ideas,

คริส: สมองของคุณเต็มไปด้วยความคิด

and not just randomly.

ซึ่งไม่ได้อยู่กันสะเปะสะปะ

They're carefully linked together.

แต่มันเชื่อมโยงกันอย่างมีระบบ

Collectively they form an amazingly complex structure

และเมื่อรวมกันเข้า ก็เกิดโครงสร้างที่ซับซ้อนอย่างน่าทึ่ง

that is your personal worldview.

นั่นคือโลกทัศน์ส่วนตัวของคุณ

It's your brain's operating system.

มันคือระบบปฏิบัติการของสมองคุณ

It's how you navigate the world.

มันคือแนวทางที่คุณใช้ชีวิตบนโลก

And it is built up out of millions of individual ideas.

และมันถูกสร้างขึ้นมาจาก ความคิดต่าง ๆ หลายล้านหน่วย

So, for example, if one little component of your worldview

อย่างเช่น ถ้าส่วนประกอบเล็ก ๆ ของโลกทัศน์ของคุณ

is the idea that kittens are adorable,

คือความคิดว่าลูกแมวนั้นน่ารัก

then when you see this,

เมื่อคุณเห็นสิ่งนี้

you'll react like this.

คุณก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้

But if another component of your worldview

แต่ถ้าส่วนประกอบอีกชิ้นหนึ่ง ของโลกทัศน์ของคุณ

is the idea that leopards are dangerous,

คือความคิดว่าเสือดาวอันตราย

then when you see this,

ดังนั้น เมื่อคุณเห็นเจ้านี่

you'll react a little bit differently.

คุณก็จะตอบสนองต่างออกไป

So, it's pretty obvious

เข้าใจไม่ยากเลยใช่ไหมครับ

why the ideas that make up your worldview are crucial.

ว่าทำไมความคิดที่ประกอบกันขึ้น เป็นโลกทัศน์ของคุณจึงสำคัญมาก

You need them to be as reliable as possible -- a guide,

คุณต้องการให้เครื่องนำทางนี้ มีความเชื่อถือได้มากที่สุด

to the scary but wonderful real world out there.

เพื่อนำทางคุณในโลกแห่งความจริง ที่น่ากลัวแต่งดงามข้างนอกนั่น

Now, different people's worldviews can be dramatically different.

ทีนี้ โลกทัศน์ของคนเรา อาจต่างกันเยอะมาก

For example,

อย่างเช่น

how does your worldview react when you see this image:

จากโลกทัศน์ของคุณ คุณจะตอบสนองอย่างไร เมื่อคุณเห็นภาพนี้

(Video) Dalia Mogahed: What do you think when you look at me?

(วิดีโอ) ดาเลีย โมโกเฮด: เวลาคุณมองฉัน คุณคิดอะไรคะ

"A woman of faith," "an expert," maybe even "a sister"?

"หญิงผู้มีศรัทธาในศาสนา" "ผู้เชี่ยวชาญ" หรือแม้แต่ "น้องสาว"

Or "oppressed," "brainwashed,"

หรือ "คนที่ถูกกดขี่" "คนที่ถูกล้างสมอง"

"a terrorist"?

หรือ "ผู้ก่อการร้าย"

CA: Whatever your answer,

คริส: ไม่ว่าคุณจะตอบว่าอะไร

there are millions of people out there who would react very differently.

ก็จะมีคนหลายล้านคน ที่จะตอบแตกต่างจากคุณไปมาก

So that's why ideas really matter.

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมความคิดจึงสำคัญ

If communicated properly, they're capable of changing, forever,

ถ้าสื่อสารอย่างเหมาะสม ความคิดก็สามารถเปลี่ยนแปลง

how someone thinks about the world,

วิธีคิดที่คนเรามีต่อโลกไปตลอดกาล

and shaping their actions both now and well into the future.

และปรับเปลี่ยนการกระทำของเขา ทั้งตอนนี้และในอนาคตอีกยาวไกล

Ideas are the most powerful force shaping human culture.

ความคิดเป็นแรงที่ทรงพลังที่สุด ที่รังสรรค์วัฒนธรรมของมนุษย์

So if you accept

ดังนั้น ถ้าคุณยอมรับว่า

that your number one task as a speaker is to build an idea

งานสำคัญอันดับหนึ่งของคุณในฐานะผู้พูด

inside the minds of your audience,

คือการสร้างความคิดขึ้นในสมองของผู้ฟัง

here are four guidelines for how you should go about that task:

นี่คือแนวทางสี่ข้อ ว่าคุณจะทำงานนี้สำเร็จได้อย่างไร

One, limit your talk to just one major idea.

หนึ่ง จำกัดขอบเขตปาฐกถาของคุณ ให้มีความคิดหลักเพียงเรื่องเดียว

Ideas are complex things;

ความคิดเป็นสิ่งซับซ้อน

you need to slash back your content so that you can focus

คุณต้องตัดเนื้อหาลง เพื่อมุ่งความสนใจ

on the single idea you're most passionate about,

ไปที่ความคิดหนึ่งเดียว ที่คุณคลั่งไคล้มากที่สุด

and give yourself a chance to explain that one thing properly.

และให้โอกาสตัวคุณเอง อธิบายสิ่งสิ่งเดียวนั้นให้ดี

You have to give context, share examples, make it vivid.

คุณต้องปูพี้น เล่าตัวอย่าง ทำให้มันชัดเจนแจ่มแจ้ง

So pick one idea,

ดังนั้น เลือกหนึ่งความคิด

and make it the through-line running through your entire talk,

ทำให้มันเป็นเส้นเรื่องที่ร้อยผ่าน ตลอดทั้งปาฐกถาของคุณ

so that everything you say links back to it in some way.

เพื่อให้ทุกอย่างที่คุณพูด เชื่อมโยงกลับไปยังความคิดนั้น

Two, give your listeners a reason to care.

สอง ให้เหตุผลแก่ผู้ฟัง ว่าเขาทำไมเขาจึงควรใส่ใจ

Before you can start building things inside the minds of your audience,

ก่อนคุณจะเริ่มสร้างอะไรบางอย่าง ในสมองของผู้ฟัง

you have to get their permission to welcome you in.

คุณต้องได้รับอนุญาตจากเขา ให้เขาต้อนรับคุณเข้าไป

And the main tool to achieve that?

และเครื่องมือหลักที่จะทำได้

Curiosity.

ก็คือ ความอยากรู้อยากเห็น

Stir your audience's curiosity.

กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้ฟัง

Use intriguing, provocative questions

ใช้คำถามที่ปลุกเร้า น่าฉงน

to identify why something doesn't make sense and needs explaining.

เพื่อชี้ให้เห็นว่ามีอะไรบางอย่างไม่ลงตัว และต้องการคำอธิบาย

If you can reveal a disconnection in someone's worldview,

ถ้าคุณสามารถเผยให้เห็น ส่วนที่ขาดหายไปในโลกทัศน์ของเขา

they'll feel the need to bridge that knowledge gap.

เขาก็จะเกิดความรู้สึก อยากปิดช่องว่างของความรู้นั้น

And once you've sparked that desire,

และเมื่อคุณจุดประกายความปรารถนานั้นแล้ว

it will be so much easier to start building your idea.

การเริ่มสร้างความคิดในหัวของเขา มันจะง่ายขึ้นมาก

Three, build your idea, piece by piece,

สาม สร้างความคิดของคุณ ทีละเล็กทีละน้อย

out of concepts that your audience already understands.

จากแนวคิดต่าง ๆ ที่ผู้ฟังของคุณเข้าใจอยู่แล้ว

You use the power of language

คุณต้องใช้พลังของภาษา

to weave together concepts that already exist

เพื่อถักทอความคิดขึ้นมา จากแนวคิดต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้ว

in your listeners' minds --

ในหัวของผู้ฟังของคุณ

but not your language, their language.

แต่ไม่ใช่ภาษาของคุณนะ ต้องเป็นภาษาของเขา

You start where they are.

คุณต้องเริ่มต้นตรงจุดที่เขายืน

The speakers often forget that many of the terms and concepts they live with

ผู้พูดหลายคนมักลืมว่าคำ หรือแนวคิดต่าง ๆ ที่เขาใช้อยู่ทุกวัน

are completely unfamiliar to their audiences.

เป็นคำที่ผู้ฟังไม่คุ้นเคยเลย

Now, metaphors can play a crucial role in showing how the pieces fit together,

อุปมาอุปไมยมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้เห็นว่า ชิ้นส่วนต่าง ๆ ประกอบเข้ากันอย่างไร

because they reveal the desired shape of the pattern,

เพราะมันเผยให้เห็น แบบแผนรูปร่างที่พึงปรารถนา

based on an idea that the listener already understands.

จากความคิดที่ผู้ฟังเข้าใจอยู่แล้ว

For example, when Jennifer Kahn

ตัวอย่างเช่น เมื่อเจนนิเฟอร์ คาห์น

wanted to explain the incredible new biotechnology called CRISPR,

ต้องการอธิบายเทคโนโลยีชีวภาพ ตัวใหม่ที่น่าทึ่ง ชื่อ CRISPR

she said, "It's as if, for the first time,

เธอพูดว่า "มันเหมือนกับ

you had a word processor to edit DNA.

คุณมีโปรแกรมเวิร์ดโพรเซสเซอร์ สำหรับตัดต่อดีเอ็นเอเป็นครั้งแรก

CRISPR allows you to cut and paste genetic information really easily."

CRISPR ช่วยให้คุณตัดและวาง ข้อมูลทางพันธุกรรมได้ง่ายมาก"

Now, a vivid explanation like that delivers a satisfying aha moment

นี่ล่ะครับ คำอธิบายที่แจ่มแจ้งแบบนี้ ทำให้เกิดวินาทีปิ๊งแว๊บ

as it snaps into place in our minds.

เมื่อความคิดนั้นวิ่งเข้าไปอยู่เป็นที่เป็นทาง ในสมองของเรา

It's important, therefore, to test your talk on trusted friends,

มันจึงสำคัญมาก ที่คุณต้องทดลอง กล่าวปาฐกถาให้เพื่อนที่ไว้ใจได้ฟัง

and find out which parts they get confused by.

และค้นหาว่าส่วนไหนที่ทำให้เขาสับสน

Four, here's the final tip:

สี่ นี่คือเทคนิคสุดท้าย

Make your idea worth sharing.

ทำให้ความคิดของคุณ มีค่าควรแก่การเผยแพร่

By that I mean, ask yourself the question:

ซึ่งผมหมายถึง ให้คุณถามตัวเองว่า

"Who does this idea benefit?"

"ใครจะได้ประโยชน์จากความคิดนี้"

And I need you to be honest with the answer.

และขอให้คุณตอบอย่างซื่อสัตย์ จริงใจ

If the idea only serves you or your organization,

ถ้าความคิดนั้นเป็นประโยชน์ แค่กับคุณ หรือองค์กรของคุณ

then, I'm sorry to say, it's probably not worth sharing.

ผมเสียใจด้วยนะ ที่ต้องบอกว่า มันคงไม่มีค่าควรแก่การเผยแพร่

The audience will see right through you.

ผู้ฟังเขาดูเจตนาคุณออกครับ

But if you believe that the idea has the potential

แต่ถ้าคุณเชื่อว่าความคิดนั้นมีศักยภาพ

to brighten up someone else's day

ที่จะทำให้วันของใครสักคนสดใสขึ้น

or change someone else's perspective for the better

หรือเปลี่ยนมุมมองของผู้คนไปในทางที่ดีขึ้น

or inspire someone to do something differently,

หรือบันดาลใจให้ใครสักคน ทำอะไรที่แตกต่าง

then you have the core ingredient to a truly great talk,

นั่นคือคุณมีส่วนผสมหลัก ของปาฐกถาที่ยอดเยี่ยม

one that can be a gift to them and to all of us.

ที่จะเป็นของขวัญแก่ผู้ฟัง และพวกเราทุกคนแล้ว