Sergey Brin: Why Google Glass?

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Thanathip Gorlph Reviewer: Theeraparp Riambuppha

Okay, it's great to be back at TED.

ผมรู้สึกดีมาก ที่ได้กลับมาพูดที่ TED อีก

Why don't I just start by firing away with the video?

ผมขอเริ่มด้วยวิดีโอนี้แล้วกัน

(Music)

(เสียงดนตรี)

(Video) Man: Okay, Glass, record a video.

(เสียงวีดีโอ) โอเค แว่นตา บันทึกวีดีโอ

Woman: This is it. We're on in two minutes.

ได้เวลาแล้วล่ะ เราจะเริ่มแสดงใน 2 นาที

Man 2: Okay Glass, hang out with The Flying Club.

โอเคแว่นตา พาชั้นไปเที่ยวกับชมรมการบินหน่อยซิ

Man 3: Google "photos of tiger heads." Hmm.

กูเกิ้ล หา "ภาพหัวเสือ"

Man 4: You ready? You ready? (Barking)

พร้อมมั้ย พร้อมมั้ย (เสียงเห่า)

Woman 2: Right there. Okay, Glass, take a picture.

แบบนั้นแหละ โอเคแว่นตา ถ่ายภาพเลย

(Child shouting)

(เสียงเด็กเล่นสนุก)

Man 5: Go!

ไปเลย!

Man 6: Holy [beep]! That is awesome.

โอ้วแม่ย้อย สุดยอดไปเลย

Child: Whoa! Look at that snake!

โอโห ดูเจ้างูนั่นสิ!

Woman 3: Okay, Glass, record a video!

โอเค แว่นตา บันทึกวิดีโอ!

Man 7: After this bridge, first exit.

สุดสะพานนี้แล้วไปทางออกแรกนะ

Man 8: Okay, A12, right there!

โอเค ประตู A12 อยู่ตรงนั้นแหละ!

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

(Children singing)

(เด็กๆ ร้องเพลง)

Man 9: Google, say "delicious" in Thai.

กูเกิ้ล พูดคำว่า "delicious" เป็นภาษาไทย

Google Glass: อร่อยMan 9: Mmm, อร่อย.

(เสียงกูเกิ้ล) "อร่อย" (เสียงผู้ชาย) อืมม อร่อย

Woman 4: Google "jellyfish."

กูเกิ้ล หา "แมงกะพรุน"

(Music)

(เสียงดนตรี)

Man 10: It's beautiful.

มันสวยงามจริงๆ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Sergey Brin: Oh, sorry, I just got this message from a Nigerian prince.

ขออภัยครับ ผมเพิ่งได้รับข้อความ จากเจ้าชายประเทศไนจีเรีย

He needs help getting 10 million dollars.

เค้าต้องการให้ช่วยหาเงิน 10 ล้านดอลล่าร์

I like to pay attention to these

ผมชอบให้ความสนใจเรื่องแบบนี้นะ

because that's how we originally funded the company,

เพราะมันเป็นวิธีที่เราใช้ หาเงินทุนให้กับบริษัทในช่วงเริ่มแรก

and it's gone pretty well.

และมันก็ไปได้สวย

Though in all seriousness,

ถึงกระนั้นก็เถอะ

this position that you just saw me in,

ไอ้ท่าทางของผม ที่พวกคุณเพิ่งเห็นไป

looking down at my phone,

ที่ต้องก้มลงมองมือถือตัวเองเนี่ย

that's one of the reasons behind this project, Project Glass.

นั่นเป็นหนึ่งเหตุผลที่เราเริ่มโครงการ Google Glass

Because we ultimately questioned

เพราะสุดท้าย พวกเราก็ตั้งคำถามกันว่า

whether this is the ultimate future

ว่ามันใช่แล้วเหรอ ที่เจ้ามือถือนี้ จะเป็นจุดสูงสุดของอนาคต

of how you want to connect to other people in your life,

ในการติดต่อกับผู้คนในชีวิตของคุณ

how you want to connect to information.

และในการเชื่อมต่อกับข้อมูล

Should it be by just walking around looking down?

เรายังต้องก้มลงไปดู ในขณะที่เดินอยู่ จริงหรือ?

But that was the vision behind Glass,

นั่นเป็นวิสัยทัศน์ที่ผลักดันโครงการนี้

and that's why we've created this form factor.

และเป็นเหตุผลที่เราสร้างเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ขึ้นมา

Okay. And I don't want to go through all the things it does and whatnot,

ผมไม่อยากจะพูดถึงสิ่งที่มันทำได้และทำไม่ได้

but I want to tell you a little bit more

แต่ผมอยากจะบอกพวกคุณมากกว่านี้ซักหน่อย

about the motivation behind what led to it.

เกี่ยวกับแรงผลักดันที่ทำให้เกิดเจ้านี่ขึ้นมา

In addition to potentially socially isolating yourself

นอกจากศักยภาพในการทำให้ตัวเองเหมือนอยู่คนเดียว

when you're out and about looking at your phone,

ขณะอยู่นอกบ้าน และดูมือถือตัวเอง

it's kind of, is this what you're meant to do with your body?

คือผมจะถามว่า มันเป็นสิ่งที่พวกคุณอยากทำรึเปล่า

You're standing around there

พวกคุณยืนอยู่แถวๆนี้

and you're just rubbing

ลูบและเลื่อน

this featureless piece of glass.

แว่นตาธรรมดาๆ

You're just kind of moving around.

แล้วก็เดินไปเดินมาเฉยๆ

So when we developed Glass, we thought really about,

ดังนั้นขณะที่เราพัฒนาแว่นตานี้ เราก็คิดว่า

can we make something that frees your hands?

เราจะสร้างสิ่งที่ทำให้เรามีมือว่างๆ ได้รึเปล่า?

You saw all of the things people are doing

พวกคุณเห็นผู้คนในวีดีโอ

in the video back there.

ทำหลายสิ่งหลายอย่าง

They were all wearing Glass,

พวกเค้าทุกคนใส่แว่นตานี้

and that's how we got that footage.

เราเลยได้วีดีโอตัวอย่างมา

And also you want something that frees your eyes.

อีกอย่าง พวกคุณก็ต้องการไม่ให้มันรกสายตา

That's why we put the display up high,

พวกเราจึงทำให้ภาพโปรแกรมอยู่สูงขึ้นไป

out of your line of sight,

เหนือระดับสายตา

so it wouldn't be where you're looking

มันจะไม่บังสิ่งที่จะมอง

and it wouldn't be where you're making

และไม่ขัดขวาง

eye contact with people.

การส่งสายตากัน

And also we wanted to free up the ears,

และเราต้องการปลดปล่อยหูด้วยเนี่ยสิ

so the sound actually goes through,

ดังนั้นเสียงของแว่นตา

conducts straight to the bones in your cranium,

จึงส่งผ่านกระโหลกแทน

which is a little bit freaky at first, but you get used to it.

มันอาจจะรู้สึกแปลกๆบ้าง แต่ซักพักเดี๋ยวก็ชิน

And ironically, if you want to hear it better,

ในทางกลับกัน ถ้าอยากได้ยินเสียงดีขึ้น

you actually just cover your ear,

พวกคุณก็แค่ปิดหูตัวเอง

which is kind of surprising, but that's how it works.

อาจจะฟังดูแปลกๆ แต่มันเป็นแบบนี้จริงๆ

My vision when we started Google 15 years ago

ความคิดของผม ตอนที่พวกเรา ก่อตั้ง Google เมื่อ 15 ปีก่อนนั้น

was that eventually you wouldn't

ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว

have to have a search query at all.

ระบบค้นหาข้อมูลจะเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ

You'd just have information come to you as you needed it.

พวกคุณจะได้ข้อมูลเข้ามาตามที่คุณต้องการ

And this is now, 15 years later,

และตอนนี้ ผ่านมาแล้ว 15 ปี

sort of the first form factor

เจ้าอุปกรณ์ตัวนี้แหละ

that I think can deliver that vision

ที่จะทำให้ความคิดนั้นเป็นจริงขึ้นมา

when you're out and about on the street

ขณะที่พวกคุณอยู่นอกบ้าน และกำลังอยู่บนถนน

talking to people and so forth.

คุยกับผู้คน และทำกิจวัตรต่างๆ

This project has lasted now, been just over two years.

โครงการนี้ก็เริ่มมาได้ 2 ปีแล้ว

We've learned an amazing amount.

พวกเราได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง

It's been really important to make it comfortable.

ความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญมากๆ

So our first prototypes we built were huge.

ตัวต้นแบบอันแรกที่เราสร้างมันใหญ่เทอะทะ

It was like cell phones strapped to your head.

เหมือนเอาโทรศัพท์มือถือมามัดติดกับหัว

It was very heavy, pretty uncomfortable.

มันยุ่งยากลำบากมาก

We had to keep it secret from our industrial designer

เราต้องเก็บมันเป็นความลับ จากผู้ที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ของจริง

until she actually accepted the job,

จนกระทั่งเธอรับงานนี้

and then she almost ran away screaming.

และเธอเกือบจะกรีดร้อง แล้ววิ่งหนีไปทันทีเลย

But we've come a long way.

แต่เราได้ดำเนินการมาไกลแล้ว

And the other really unexpected surprise was the camera.

อีกอย่างที่สร้างความประหลาดใจ คือกล้องถ่ายภาพ

Our original prototypes didn't have cameras at all,

ตัวต้นแบบดั้งเดิมของเรา ไม่ได้มีกล้องเลย

but it's been really magical to be able to capture moments

มันอัศจรรย์มาก ที่เราจะสามารถบันทึกช่วงเวลาต่างๆ

spent with my family, my kids.

ช่วงเวลาที่ผมอยู่กับครอบครัว กับลูกๆ

I just never would have dug out a camera

ผมคงไม่เอากล้องถ่ายภาพ

or a phone or something else to take that moment.

หรือมือถือ หรืออะไรก็ตาม มาทำให้เสียเวลาในช่วงจังหวะนั้น

And lastly I've realized, in experimenting with this device,

และผมก็นึกขึ้นได้ขณะที่กำลังทดลองกับเจ้าแว่นนี้

that I also kind of have a nervous tic.

ว่าผมมีพฤติกรรมบางอย่างซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว

The cell phone is -- yeah, you have to look down on it and all that,

อย่างมือถือเนี่ย คุณต้องก้มลงไปมองมัน ฯลฯ

but it's also kind of a nervous habit.

แต่มันก็เป็นนิสัยที่เราทำซ้ำๆ อย่างไม่รู้ตัวเหมือนกัน

Like if I smoked, I'd probably just smoke instead.

อย่างการสูบบุหรี่ ผมสูบเฉยๆก็ได้

I would just light up a cigarette. It would look cooler.

แต่ผมจะจุดบุหรี่ไว้เฉยๆก่อน มันดูเท่ขึ้นเยอะ

You know, I'd be like --

มันก็เหมือนกับ...

But in this case, you know, I whip this out

อย่างกรณีเนี่ย ผมชักมือถือขึ้นมา

and I sit there and look as if I have something

แล้วก็นั่งดูมือถืออย่างกับว่า

very important to do or attend to.

มีอะไรสำคัญที่ต้องทำ

But it really opened my eyes to how much of my life

แล้วผมก็เปิดตาดูตัวเอง แล้วก็รู้ตัวว่าผมเสียเวลาในชีวิตแค่ไหน

I spent just secluding away,

ไปกับการออกห่างจากผู้คน

be it email or social posts or whatnot,

ไม่ว่าจะเป็นอีเมล หรือจะเป็นโพสต์ ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คหรืออะไรก็เถอะ

even though it wasn't really --

ถึงมันจะไม่...

there's nothing really that important or that pressing.

เอาจริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรสำคัญ หรือกดดันเลย

And with this, I know I will get certain messages

และเจ้าแว่นนี่ จะทำให้ผมรู้ว่า ผมจะได้รับข้อความสำคัญจริงๆ

if I really need them,

ถ้าผมต้องการมัน

but I don't have to be checking them all the time.

แต่ผมไม่จำเป็นต้องมานั่งเช็คเองตลอดเวลาแล้ว

Yeah, I've really enjoyed actually exploring the world more,

ผมรู้สึกสนุกไปกับการท่องโลกมากกว่าเดิม

doing more of the crazy things like you saw in the video.

ทำเรื่องบ้าๆบอๆ อย่างที่พวกคุณ เห็นในวีดีโอมากกว่าเดิม

Thank you all very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)