Leather and meat without killing animals | Andras Forgacs

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Kanawat Senanan

When my father and I started a company

เมื่อผมและพ่อเริ่มก่อตั้งบริษัท

to 3D print human tissues and organs,

เพื่อที่จะสร้างเนื้อเยื่อและอวัยวะมนุษย์ โดยวิธีพิมพ์แบบสามมิติ

some people initially thought we were a little crazy.

บางคนคิดว่าพวกเรานี่ท่าจะเพี้ยนหน่อยๆ

But since then, much progress has been made,

แต่จากตรงนั้น ได้มีความก้าวหน้าพัฒนามากมาย

both in our lab and other labs around the world.

ทั้งในห้องทดลองของเราและห้องทดลองอื่นๆทั่วโลก

And given this, we started getting questions like,

และด้วยเหตุนี้ เราเริ่มจะได้รับคำถามดั่งเช่น

"If you can grow human body parts,

"ถ้าคุณสามารถปลูกชิ้นส่วนมนุษย์ได้ล่ะก็

can you also grow animal products like meat and leather?"

คุณจะปลูกผลิตภัณฑ์สัตว์เช่นเนื้อหรือหนังได้หรือเปล่า"

When someone first suggested this to me,

เมื่อใครสักคนแนะนำผมอย่างนี้เป็นครั้งแรก

quite frankly I thought they were a little crazy,

บอกตรงๆ เลยว่า ผมคิดว่านี่มันบ้าไปสักหน่อย

but what I soon came to realize

แต่ต่อมาผมก็ได้ตระหนักว่า

was that this is not so crazy after all.

มันไม่ได้บ้าบออะไรเลย

What's crazy is what we do today.

ที่บ้าบอนี่คือสิ่งที่เราทำทุกวันนี้ต่างหาก

I'm convinced that in 30 years,

ผมเชื่อว่าในอีก 30 ปี

when we look back on today

เมื่อเรามองย้อนกลับมายังปัจจุบัน

and on how we raise and slaughter billions of animals

และวิธีที่เราเลี้ยงและฆ่าสัตว์หลายพันล้านตัว

to make our hamburgers and our handbags,

เพื่อเป็นเนื้อเบอร์เกอร์และทำกระเป๋าถือของเรา

we'll see this as being wasteful

เราจะเห็นว่าสิ่งนี้สิ้นเปลือง

and indeed crazy.

และบ้าบอเสียจริงๆ

Did you know that today we maintain

คุณทราบไหมครับว่า ปัจจุบันเราเลี้ยง

a global herd of 60 billion animals

ฝูงสัตว์ในโลกนี้ 6 หมื่นล้านตัว

to provide our meat, dairy, eggs and leather goods?

เพื่อที่จะให้เราได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์ เนื้อ นม ไข่ และหนัง

And over the next few decades,

และในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า

as the world's population expands to 10 billion,

เมื่อประชากรโลกได้ขยายตัวถึงหนึ่งหมื่นล้าน

this will need to nearly double

มันจำเป็นที่จะต้องเพิ่มสัตว์เกือบสองเท่า

to 100 billion animals.

เป็นจำนวนหนึ่งแสนล้านตัว

But maintaining this herd

แต่การที่จะเลี้ยงฝูงสัตว์นี้

takes a major toll on our planet.

ได้ย่ำยีโลกของเราไปอย่างมาก

Animals are not just raw materials.

บรรดาสัตว์ไม่ได้เป็นแค่วัตถุดิบ

They're living beings,

พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิต

and already our livestock

และปศุสัตว์ของเรานั้น

is one of the largest users of land,

ก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้รายใหญ่อยู่แล้ว สำหรับทรัพยากรณ์พื้นแผ่นดิน

fresh water,

น้ำจืด

and one of the biggest producers of greenhouse gases

และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่

which drive climate change.

ซึ่งเร่งการเกิดสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง

On top of this,

ยิ่งไปกว่านั้น

when you get so many animals so close together,

เมื่อคุณมีสัตว์มากมายเหลือเกินเข้ามาอยู่ด้วยกัน

it creates a breeding ground for disease

มันสร้างแหล่งกำเนิดโรค

and opportunities for harm and abuse.

และโอกาสที่จะเกิดอันตรายและทารุณกรรม

Clearly, we cannot continue on this path

เป็นที่ชัดเจนว่า เราไม่สามารถจะทำแบบนี้อีกต่อไป

which puts the environment, public health,

ซึ่งทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข

and food security at risk.

และความปลอดภัยของอาหาร

There is another way, because essentially,

มันยังมีอีกหนทาง เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้ว

animal products are just collections of tissues,

ผลิตภัณฑ์จากสัตว์เป็นแค่การรวมตัวกันของเนื้อเยื่อ

and right now we breed and raise

และตอนนี้เราทำการผสมพันธุ์และเลี้ยง

highly complex animals

สัตว์ที่มีความซับซ้อนมาก

only to create products

เพียงเพื่อที่จะได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์

that are made of relatively simple tissues.

ที่ทำจากเนื้อเยื่อที่มีโครงสร้างง่ายๆ

What if, instead of starting with a complex

จะเป็นอย่างไร หากแทนที่เราเริ่มจาก

and sentient animal,

สัตว์ที่ซับซ้อนและมีความรู้สึก

we started with what the tissues are made of,

เราเริ่มจากอะไรก็ตามที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อเยื่อ

the basic unit of life,

องค์ประกอบพื้นฐานของชีวิต

the cell?

เซลล์

This is biofabrication, where cells themselves

นี่มันคือประดิษฐกรรมชีวภาพ ที่ซึ่งเซลล์เอง

can be used to grow biological products

สามารถถูกนำไปใช้ปลูกเป็นผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพ

like tissues and organs.

เช่นเนื้อเยื่อและอวัยวะ

Already in medicine,

ในทางการแพทย์

biofabrication techniques have been used

เทคนิคการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ทางชีวภาพนี้ ได้ถูกใช้

to grow sophisticated body parts,

เพื่อปลูกชิ้นส่วนของร่างกายอันแสนวิจิตพิสดาร

like ears, windpipes, skin, blood vessels and bone,

เช่น หู หลอดลม ผิวหนัง เส้นเลือด และกระดูก

that have been successfully implanted into patients.

ที่ได้ถูกปลูกถ่ายให้กับคนไข้ได้เป็นที่สำเร็จ

And beyond medicine, biofabrication can be

และมากไปกว่าทางด้านการแพทย์ ประดิษฐกรรมทางชีวภาพ

a humane, sustainable and scalable new industry.

สามารถที่จะเป็นอุตสาหกรรม ที่มีความเมตตา ยั่งยืน และเติบโตได้

And we should begin by reimagining leather.

และเราควรจะเริ่มโดยการให้ภาพพจน์ใหม่กับหนัง

I emphasize leather because it is so widely used.

ผมเน้นย้ำถึงหนังเพราะว่ามันถูกใช้อย่างกว้างขวาง

It is beautiful, and it has long been a part of our history.

มันสวยงาม และมันอยู่ในประวัติศาสตร์ ของเรามายาวนาน

Growing leather is also technically simpler

การปลูกหนังนั้นยังใช้เทคนิคที่ง่าย

than growing other animal products like meat.

กว่าการปลูกผลิตภัณฑ์จากสัตว์ชนิดอื่นเช่นเนื้อ

It mainly uses one cell type,

หลักๆแล้วมันใช้เซลล์เพียงชนิดเดียว

and it is largely two-dimensional.

และมันก็ค่อนข้างจะมีแค่สองมิติ

It is also less polarizing for consumers and regulators.

มันยังทำให้เกิดการโต้แย้งแบ่งฝ่ายน้อย ในวงผู้บริโภคและผู้มีอำนาจจัดการอีกด้วย

Until biofabrication is better understood,

จนกว่าประดิษฐกรรมทางชีวภาพนี้จะเป็นที่เข้าใจมากขึ้น

it is clear that, initially at least,

เบื้องต้น อย่างน้อยๆมันเป็นที่ชัดเจนว่า

more people would be willing to wear novel materials

มีคนยอมจะสวมใส่วัสดุแปลกใหม่

than would be willing to eat novel foods,

มากว่ายอมที่จะกินอาหารแปลกใหม่

no matter how delicious.

ไม่ว่ามันจะอร่อยแค่ไหนก็ตาม

In this sense, leather is a gateway material,

ด้วยเหตุผลนี้ หนังจึงเป็นดั่งใบเบิกทาง

a beginning for the mainstream biofabrication industry.

เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสอุตสาหกรรมประดิษฐกรรมชีวภาพ

If we can succeed here,

ถ้าเราสามารถที่จะประสบความสำเร็จตรงนี้ได้

it brings our other consumer bioproducts like meat

มันจะนำผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เช่น เนื้อ

closer on the horizon.

เข้าใกล้เราอีกขั้น

Now how do we do it?

ทีนี้ เราจะทำอย่างไรล่ะ

To grow leather, we begin by taking cells

ในการปลูกหนัก เราเริ่มจากนำเซลล์

from an animal, through a simple biopsy.

มาจากสัตว์ โดยการตัดเนื้อเยื่อแบบง่ายๆ

The animal could be a cow,

สัตว์นั้นอาจเป็นวัว

lamb, or even something more exotic.

แกะ หรือแม้กระทั่งอะไรที่แปลกกว่านั้น

This process does no harm,

กระบวนการนี้ไม่ได้ทำอันตราย

and Daisy the cow can live a happy life.

และเดซี่ เจ้าวัวของเราก็สามารถมีชีวิตแสนสุขได้

We then isolate the skin cells

จากนั้นเราก็แยกเซลล์ผิวหนัง

and multiply them in a cell culture medium.

และเพิ่มจำนวนพวกมันในอาหารเพาะเลี้ยงเซลล์

This takes millions of cells

มันใช้เซลล์เป็นล้านๆ

and expands them into billions.

และเพิ่มจำนวนมันไปเป็นหลายสิบล้าน

And we then coax these cells to produce collagen,

และจากนั้นเราก็เหนี่ยวนำให้เซลล์เหล่านี้ ผลิตคอลาเจน (collagen)

as they would naturally.

อย่างที่มันทำตามธรรมชาติ

This collagen is the stuff between cells.

คอลาเจนนี่เป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างเซลล์

It's natural connective tissue.

มันเป็นตัวประสานเนื้อเยื่อตามธรรมชาติ (connective tissue)

It's the extracellular matrix,

มันเป็นสารระหว่างเซลล์​ (extracellular matrix)

but in leather, it's the main building block.

แต่ในหนัง มันเป็นส่วนประกอบพื้นฐานหลัก

And what we next do is we take the cells and their collagen

และต่อไปเราก็นำเซลล์และคอลาเจนของพวกมัน

and we spread them out to form sheets,

และเราก็แผ่พวกมันออกเป็นผืน

and then we layer these thin sheets on top of one another,

และจากนั้นก็นำผืนเซลล์บางๆนี้ซ้อนกันทีละชั้นทีละชั้น

like phyllo pastry, to form thicker sheets,

เหมือนกับแผ่นแป้งฟิโล เพื่อที่จะได้ผืนหนังที่หนาขึ้น

which we then let mature.

ซึ่งเราจะปล่อยให้มันเติบโต

And finally, we take this multilayered skin

และในที่สุด เรานำผิวหนังหลายชั้นนี้

and through a shorter and much less chemical tanning process,

ผ่านกระบวนการฟอกหนังที่ใช้เวลาน้อยกว่าและใช้สารเคมีน้อยกว่า

we create leather.

เราได้สร้างหนังขึ้น

And so I'm very excited to show you,

และผมก็ตื่นเต้นมากที่จะนำเสนอต่อหน้าคุณ

for the first time,

เป็นครั้งแรก

the first batch of our cultured leather,

หนังที่ปลูกขึ้นชุดแรกของเรา

fresh from the lab.

สดใหม่จากห้องทดลอง

This is real, genuine leather,

นี่คือหนังจริงๆแท้ๆ

without the animal sacrifice.

ปราศจากการคร่าชีวิตสัตว์

It can have all the characteristics of leather

มันสามารถที่จะมีคุณสมบัติทุกอย่างเหมือนหนัง

because it is made of the same cells,

เพราะว่ามันทำมาจากเซลล์แบบเดียวกัน

and better yet,

และที่ดีกว่านั้น

there is no hair to remove,

มันไม่มีขนที่เราต้องมาดึงออก

no scars or insect's bites,

ไม่มีแผล หรือรอยแมลงกัด

and no waste.

และไม่มีของเสีย

This leather can be grown in the shape of a wallet,

หนังนี้สามารถที่จะถูกปลูกขึ้นในรูปของกระเป๋าเงิน

a handbag or a car seat.

กระเป๋าถือ หรือว่าที่นั่งในรถยนต์

It is not limited to the irregular shape of a cow

มันถูกจำกัดอยู่ในรูปร่างเบี้ยวๆของวัว

or an alligator.

หรือว่าจระเข้

And because we make this material,

และเพราะว่าเราสร้างวัสดุนี้ขึ้น

we grow this leather from the ground up,

พวกเราปลูกหนังนี้จากจุดเริ่มต้น

we can control its properties in very interesting ways.

เราสามารถที่จะควบคุมคุณสมบัติของมันในรูปแบบที่น่าสนใจมาก

This piece of leather

หนังชื้นนี้

is a mere seven tissue layers thick,

ประกอบด้วยเนื้อเยื่อหนาแค่ 7 ชั้น

and as you can see, it is nearly transparent.

และอย่างที่คุณเห็น มันแทบจะโปร่งแสง

And this leather is 21 layers thick and quite opaque.

และหนังนี้ที่มีความหนา 21 ชั้น และค่อนข้างจะทึบ

You don't have that kind of fine control

คุณไม่สามารถมีการควบคุมอย่างละเอียดเช่นนี้

with conventional leather.

เมื่อทำหนังด้วยวิธีดั้งเดิมปกติ

And we can tune this leather for other desirable qualities,

และเราสามารถที่จะเปลี่ยนหนังนี้ให้มีคุณภาพเป็นดั่งต้องการ

like softness, breathability,

เช่น ความนุ่ม การระบายอากาศ

durability, elasticity and even things like pattern.

ความทนทาน ความยืดหยุ่น และแม้กระทั่งลวดลาย

We can mimic nature,

เราสามารถเลียนแบบธรรมชาติ

but in some ways also improve upon it.

แต่ด้วยวิธีเดียวกันก็ยังสามารถพัฒนามันไปไกลกว่านั้นได้

This type of leather can do what today's leather does,

หนังชนิดนี้สามารถทำในสิ่งที่หนังในทุกวันนี้ทำได้

but with imagination, probably much more.

แต่ถ้าเพิ่มจินตนาการเข้าไป บางทีมันเป็นได้มากกว่านั้น

What could the future of animal products look like?

อนาคตของผลิตภัณฑ์จากสัตว์จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

It need not look like this,

มันไม่จำเป็นต้องมีหน้าตาแบบนี้

which is actually the state of the art today.

ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแล้ว ณ วันนี้

Rather, it could be much more like this.

แต่เป็นเหมือนกับอะไรแบบนี้มากกว่า

Already, we have been manufacturing with cell cultures

เราได้ทำการผลิตด้วยการเลี้ยงเซลล์

for thousands of years, beginning with products

มาเป็นพันๆปีแล้ว เริ่มจากผลิตภัณฑ์ เช่น

like wine, beer and yogurt.

ไวน์ เบียร์ และโยเกิร์ต

And speaking of food, our cultured food has evolved,

และเมื่อพูดถึงอาหาร อาหารจากกระบวน การผลิตทางชีวภาพได้มีการพัฒนา

and today we prepare cultured food

และในวันนี้ เราปรุงอาหารชนิดนี้

in beautiful, sterile facilities like this.

ในที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สะอาดและสวยงามแบบนี้

A brewery is essentially a bioreactor.

ถังหมักนั้นหลักๆแล้วก็คือเครื่องปฎิกรณ์ชีวภาพ

It is where cell culture takes place.

มันเป็นที่ที่การเพาะเลี้ยงเซลล์เกิดขึ้น

Imagine that in this facility,

ลองจินตนาการดูว่าเครื่องเหล่านี้

instead of brewing beer,

แทนที่จะทำการหมักเบียร์

we were brewing leather

เราเพาะเลี้ยงหนัง

or meat.

หรือเนื้อแทน

Imagine touring this facility,

ลองจินตนาการถึงการเยี่ยมชมสิ่งเหล่านี้

learning about how the leather or meat is cultured,

เรียนรู้ว่า หนังและเนื้อนั้นปลูกหรือเพาะเลี้ยงขึ้นได้อย่างไร

seeing the process from beginning to end,

ดูกระบวนการจากต้นจนจบ

and even trying some.

และแม้กระทั่งลองชิมดู

It's clean, open and educational,

มันสะอาด เปิดกว้าง และให้ความรู้

and this is in contrast to the hidden,

และมันก็แตกต่างกับ โรงงาน

guarded and remote factories

ที่หลบๆซ่อนๆ ได้รับการคุ้มกัน และอยู่ห่างไกล

where leather and meat is produced today.

ซึ่งผลิตหนังและเนื้อในปัจจุบัน

Perhaps biofabrication

บางทีประดิษฐกรรมทางชีวภาพ

is a natural evolution of manufacturing for mankind.

เป็นวิวัฒนาการตามธรรมชาติของการผลิตสำหรับมนุษยชาติ

It's environmentally responsible,

มันห่วงใยธรรมชาติ

efficient and humane.

มีประสิทธิภาพและ มีมนุษยธรรม

It allows us to be creative.

มันให้โอกาสเรามีความคิดสร้างสรรค์

We can design new materials, new products,

พวกเราสามารถออกแบบวัสดุใหม่ ผลงานใหม่

and new facilities.

และเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่

We need to move past just killing animals

เราต้องเปลี่ยนจากอดีต ที่ต้องฆ่าสัตว์

as a resource

เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบ

to something more civilized and evolved.

แล้วเปลี่ยนไปยังสิ่งที่มีอารายธรรมและพัฒนาไปมากกว่านั้น

Perhaps we are ready for something

บางที เราพร้อมแล้วสำหรับอะไรบางอย่าง

literally and figuratively more cultured.

ที่มี "วัฒนธรรม" มากกว่านี้ ทั้งโดยนัยและโดยแท้จริง

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)