The way we think about work is broken | Barry Schwartz

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

Today I'm going to talk about work.

วันนี้ผมจะพูดเรื่องงาน

And the question I want to ask and answer is this:

และคำถามที่ผมจะถามและตอบคือ

"Why do we work?"

"ทำไมเราจึงทำงาน"

Why do we drag ourselves out of bed every morning

ทำไมเราจึงลากตัวเองขึ้นจากเตียงทุกเช้า

instead of living our lives

แทนที่จะใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วย

just filled with bouncing from one TED-like adventure to another?

การผจญภัยแบบ TED จากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่ง

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

You may be asking yourselves that very question.

คุณอาจกำลังถามตัวเองด้วยคำถามเดียวกัน

Now, I know of course, we have to make a living,

ทีนี้ ผมรู้ว่า แน่นอนล่ะ เราต้องหาเลี้ยงชีพ

but nobody in this room thinks that that's the answer to the question,

แต่ไม่มีใครในห้องนี้คิดหรอกว่า นั่นเป็นคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า

"Why do we work?"

"ทำไมเราจึงทำงาน"

For folks in this room, the work we do is challenging,

สำหรับผู้คนในห้องนี้ งานที่เราทำนั้นท้าทาย

it's engaging, it's stimulating, it's meaningful.

น่าสนใจ เร้าใจ มีความหมาย

And if we're lucky, it might even be important.

และถ้าเราโชคดี มันอาจจะสำคัญด้วย

So, we wouldn't work if we didn't get paid,

ครับ เราคงไม่ทำงานหากเราไม่ได้เงิน

but that's not why we do what we do.

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผล ว่าทำไมเราจึงทำสิ่งที่เราทำ

And in general,

และตามปกติแล้ว

I think we think that material rewards are a pretty bad reason

ผมคิดว่า พวกเราเชื่อว่า รางวัลทางวัตถุเป็นเหตุผลที่แย่

for doing the work that we do.

ในการอธิบายว่า ทำไมเราจึงทำงานที่เราทำ

When we say of somebody that he's "in it for the money,"

เมื่อเราพูดถึงใครสักคนว่า "เขาทำงานนี้เพื่อเงิน"

we are not just being descriptive.

เราค่อนขอด เราไม่ได้บรรยายพฤติกรรมเขาเฉยๆ นะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Now, I think this is totally obvious,

ทีนี้ ผมว่ามันชัดเจนอยู่แล้ว

but the very obviousness of it raises what is for me

แต่ความชัดเจนอันนี้ ยังทำให้ผมเกิดคำถามต่อ

an incredibly profound question.

เป็นคำถามที่ลึกซึ้งอย่างน่าเหลือเชื่อที่ว่า

Why, if this is so obvious,

ทำไม ทั้งที่มันชัดเจนขนาดนี้

why is it that for the overwhelming majority of people on the planet,

แล้วทำไม สำหรับคนส่วนใหญ่บนโลกนี้

the work they do has none of the characteristics

งานที่เขาทำจึงไม่มีลักษณะใดๆ

that get us up and out of bed and off to the office every morning?

ที่ดึงเราให้ลุกขึ้นจากเตียง และออกไปทำงานทุกๆ เช้า

How is it that we allow the majority of people on the planet

ทำไมเราจึงยอมให้คนส่วนใหญ่บนโลกนี้

to do work that is monotonous, meaningless and soul-deadening?

ทำงานที่ซ้ำซาก ไร้ความหมาย และทำให้จิตวิญญาณเหี่ยวเฉา

Why is it that as capitalism developed,

ทำไมขณะที่ทุนนิยมพัฒนาขึ้น

it created a mode of production, of goods and services,

มันถึงสร้างกระบวนการผลิตสินค้าและบริการ

in which all the nonmaterial satisfactions that might come from work were eliminated?

ที่ทำให้ความพึงพอใจของเราที่่ได้จากงาน ซึ่งไม่ได้อยู่ในรูปวัตถุถูกลดทอนไปจนหมด

Workers who do this kind of work,

คนที่ทำงานแบบนี้

whether they do it in factories, in call centers,

ไม่ว่าจะเป็นในโรงงาน ในศูนย์บริการลูกค้า

or in fulfillment warehouses,

หรือโกดังจัดส่งสินค้า

do it for pay.

ทำไปเพื่อเงิน

There is certainly no other earthly reason to do what they do except for pay.

ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่พวกเขาจะทำงานนั้น นอกจากทำไปเพื่อเงิน

So the question is, "Why?"

คำถามคือ "ทำไมล่ะ"

And here's the answer:

และคำตอบก็คือ

the answer is technology.

เป็นเพราะเทคโนโลยี

Now, I know, I know --

เอาล่ะ ผมรู้ ผมรู้

yeah, yeah, yeah, technology, automation screws people, blah blah --

ใช่ ใช่ ใช่ เทคโนโลยี ระบบอัตโนมัติ ทำให้คนมีปัญหานู่นนั่นนี่

that's not what I mean.

ผมไม่ได้หมายถึงอะไรพวกนี้

I'm not talking about the kind of technology

ผมไม่ได้กำลังพูดถึงเทคโนโลยีพวกนั้น

that has enveloped our lives, and that people come to TED to hear about.

ที่ห้อมล้อมชีวิตเรา ที่เรามารอฟังกันที่ TED

I'm not talking about the technology of things,

ผมไม่ได้พูดถึงเทคโนโลยีในรูปสิ่งของ

profound though that is.

แม้ว่ามันจะมีความลึกซึ้งและสำคัญ

I'm talking about another technology.

ผมกำลังพูดถึงเทคโนโลยีอีกอย่างหนึ่ง

I'm talking about the technology of ideas.

ผมกำลังพูดถึงเทคโนโลยีของความคิด

I call it, "idea technology" --

ผมเรียกมันว่า "เทคโนโลยีทางความคิด"

how clever of me.

ผมเลือกคำได้ฉลาดไหมล่ะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

In addition to creating things, science creates ideas.

นอกจากจะสร้างสิ่งของแล้ว วิทยาศาสตร์ยังสร้างความคิดด้วย

Science creates ways of understanding.

วิทยาศาสตร์สร้างวิถีความเข้าใจ

And in the social sciences,

และในสาขาวิชาสังคมศาสตร์

the ways of understanding that get created are ways of understanding ourselves.

วิถีความเข้าใจที่ถูกสร้างขึ้น คือวิถีความเข้าใจในตัวเราเอง

And they have an enormous influence on how we think, what we aspire to,

และมันก็มีอิทธิพลมหาศาลต่อวิธีคิดของเรา สิ่งที่เราอยากทำ

and how we act.

และการแสดงออกของเรา

If you think your poverty is God's will, you pray.

ถ้าคุณคิดว่าความยากจนของคุณ คือประสงค์ของพระเจ้า คุณก็จะสวดอ้อนวอน

If you think your poverty is the result of your own inadequacy,

ถ้าคุณคิดว่าความยากจนของคุณ เป็นผลมาจากความบกพร่องของคุณเอง

you shrink into despair.

คุณก็หดหู่จมสู่ความสิ้นหวัง

And if you think your poverty is the result of oppression and domination,

และถ้าคุณคิดว่าความยากจนของคุณ เป็นผลมาจากการกดขี่จากชนชั้นปกครอง

then you rise up in revolt.

คุณก็จะลุกขึ้นมาปฏิวัติ

Whether your response to poverty is resignation or revolution,

การตอบสนองต่อความจนของคุณ จะเป็นการยอมจำนนหรือการปฏิวัติ

depends on how you understand the sources of your poverty.

ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคุณ ว่าที่มาของความยากจนคืออะไร

This is the role that ideas play in shaping us as human beings,

นี่คือบทบาทที่ความคิด มีต่อการหล่อหลอมมนุษย์เรา

and this is why idea technology may be the most profoundly important technology

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเทคโนโลยีความคิด อาจเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด

that science gives us.

ที่วิทยาศาสตร์มอบให้กับเรา

And there's something special about idea technology,

และมันก็มีบางอย่างที่พิเศษ เกี่ยวกับเทคโนโลยีความคิด

that makes it different from the technology of things.

ที่ทำให้มันแตกต่างจากเทคโนโลยีของสิ่งของ

With things, if the technology sucks,

สำหรับสิ่งของต่างๆ ถ้าเทคโนโลยีมันห่วย

it just vanishes, right?

มันก็จะหายไป ใช่ไหมครับ

Bad technology disappears.

เทคโนโลยีที่ห่วยก็จะหายไป

With ideas --

แต่กรณีความคิด

false ideas about human beings will not go away

ความคิดที่ผิดเกี่ยวกับมนุษย์จะไม่หายไปไหน

if people believe that they're true.

ถ้าคนเชื่อว่ามันจริง

Because if people believe that they're true,

เพราะถ้าคนเชื่อว่ามันจริง

they create ways of living and institutions

คนเราก็จะสร้างวิถีชีวิตและสถาบันต่างๆ

that are consistent with these very false ideas.

ที่สอดรับกับความคิดผิดๆ เหล่านี้

And that's how the industrial revolution created a factory system

และนั่นคือที่มาที่การปฏิวัติอุตสาหกรรม สร้างระบบโรงงานขึ้นมา

in which there was really nothing you could possibly get out of your day's work,

เป็นระบบที่คุณไม่ได้อะไรเลยจริงๆ จากการทำงานของคุณแต่ละวัน

except for the pay at the end of the day.

นอกจากเงินค่าจ้าง

Because the father -- one of the fathers

เพราะบิดา หรือหนึ่งในบิดา

of the Industrial Revolution, Adam Smith --

ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม อดัม สมิธ

was convinced that human beings were by their very natures lazy,

เชื่อว่าธรรมชาติของมนุษย์เราเป็นคนขี้เกียจ

and wouldn't do anything unless you made it worth their while,

และจะไม่ทำอะไร จนกว่า คุณจะทำให้สิ่งนั้นมันคุ้มกับการเสียเวลา

and the way you made it worth their while

และวิธีทำให้มันคุ้มกับการเสียเวลา

was by incentivizing, by giving them rewards.

ก็โดยสร้างสิ่งจูงใจ โดยการให้รางวัล

That was the only reason anyone ever did anything.

นั่นเป็นเหตุผลเดียว ที่ใครจะทำอะไรสักอย่าง

So we created a factory system consistent with that false view of human nature.

เราจึงสร้างระบบโรงงานให้สอดรับ กับมุมมองที่ผิดเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์

But once that system of production was in place,

แต่เมื่อระบบการผลิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว

there was really no other way for people to operate,

มันก็ไม่มีวิถีทางอื่นใดให้ผู้คนทำงาน

except in a way that was consistent with Adam Smith's vision.

นอกจากในวิถีทางที่สอดคล้อง กับมุมมองของอดัม สมิธ

So the work example is merely an example

ตัวอย่างเรื่องงานเป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง

of how false ideas can create a circumstance

ของการที่ความคิดผิดๆ สร้างสถานการณ์

that ends up making them true.

ที่ทำให้ความคิดนั้นเป็นจริงขึ้นมาในที่สุด

It is not true

มันไม่จริงเลย

that you "just can't get good help anymore."

ที่กล่าวว่าเรา "หาคนทำงานดีๆ ไม่ได้แล้ว"

It is true

แต่มันจริง ที่จะกล่าวว่า

that you "can't get good help anymore"

คุณ "หาจะคนทำงานดีๆ ไม่ได้เลย

when you give people work to do that is demeaning and soulless.

เมื่องานที่คุณให้คนทำ เป็นงานที่ไร้คุณค่า ไร้จิตวิญญาณ"

And interestingly enough, Adam Smith --

ที่น่าสนใจคือ อดัม สมิธ

the same guy who gave us this incredible invention

ชายคนเดียวกัน ที่มอบวิธีการจัดการที่เหลือเชื่อให้เรา

of mass production, and division of labor

เช่น การผลิตปริมาณมาก การแบ่งแยกแรงงานในการผลิต

-- understood this.

เขาก็เข้าใจเรื่องนี้

He said, of people who worked in assembly lines,

เขาเคยพูดถึงคนที่ทำงาน ในสายพานการผลิตไว้

of men who worked in assembly lines, he says:

เขาบอกว่า คนที่ทำงานในสายพานการผลิต

"He generally becomes as stupid as it is possible for a human being to become."

"เขาจะกลายเป็นคนโง่ที่สุด เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะโง่ได้"

Now, notice the word here is "become."

สังเกตคำที่เขาใช้นะครับ "กลายเป็น"

"He generally becomes as stupid as it is possible for a human being to become."

"เขาจะ 'กลายเป็น' คนโง่ที่สุด เท่าที่มนุษย์คนหนึ่งจะโง่ได้"

Whether he intended it or not, what Adam Smith was telling us there,

ไม่ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่สิ่งที่อดัม สมิธพูดตรงนี้

is that the very shape of the institution within which people work

คือรูปลักษณ์ของสถาบันที่เราทำงานอยู่

creates people who are fitted to the demands of that institution

สร้างคนที่เหมาะกับ ความต้องการของสถาบันนั้น

and deprives people of the opportunity

และพรากโอกาสที่คนเหล่านั้น

to derive the kinds of satisfactions from their work that we take for granted.

จะได้รับความพึงพอใจจากการทำงาน ที่เรามีอยู่แต่ไม่รู้คุณค่า

The thing about science -- natural science --

สำหรับวิทยาศาสตร์ธรรมชาตินั้น

is that we can spin fantastic theories about the cosmos,

เราสามารถสร้างทฤษฎีที่น่ามหัศจรรย์ เกี่ยวกับจักรวาล

and have complete confidence

และมีความมั่นใจเต็มที่

that the cosmos is completely indifferent to our theories.

ว่าจักรวาลทำงานเหมือนทฤษฎีของเรา

It's going to work the same damn way

แต่จักรวาลก็จะดำเนินไปเหมือนเดิมของมัน

no matter what theories we have about the cosmos.

ไม่ว่าทฤษฎีเกี่ยวกับจักรวาลของเรา จะบอกว่ายังไง

But we do have to worry about the theories we have of human nature,

แต่เราต้องเป็นห่วงทฤษฎี เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ที่เรามีอยู่

because human nature will be changed by the theories we have

เพราะธรรมชาติของมนุษย์ จะถูกเปลี่ยนแปลงไปตามทฤษฎีที่เรามี

that are designed to explain and help us understand human beings.

ที่ออกแบบมาเพื่ออธิบาย และช่วยให้เราเข้าใจมนุษย์นั่นแหละ

The distinguished anthropologist, Clifford Geertz, said, years ago,

คลิฟฟอร์ด เกียรซ์ นักมานุษยวิทยาชื่อดัง กล่าวไว้หลายปีมาแล้วว่า

that human beings are the "unfinished animals."

มนุษย์เราเป็น "สัตว์ที่ยังสร้างไม่เสร็จ"

And what he meant by that was that it is only human nature

เขาหมายความว่า มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์

to have a human nature

ที่จะมีธรรมชาติ

that is very much the product of the society in which people live.

อันเป็นผลผลิตของสังคมที่เราอาศัยอยู่

That human nature, that is to say our human nature,

ธรรมชาติข้อนี้ของมนุษย์ หมายความว่าธรรมชาติของมนุษย์เรา

is much more created than it is discovered.

ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา มากกว่าถูกค้นพบ

We design human nature

เราออกแบบธรรมชาติของมนุษย์

by designing the institutions within which people live and work.

ด้วยการออกแบบสถาบัน ที่มนุษย์ทำงานและใช้ชีวิต

And so you people --

ดังนั้น พวกคุณทั้งหลาย

pretty much the closest I ever get to being with masters of the universe --

นี่ผมได้เข้าใกล้ผู้สร้างจักรวาล มากที่สุดก็คราวนี้แหละ

you people should be asking yourself a question,

พวกคุณควรตั้งคำถามกับตัวเอง

as you go back home to run your organizations.

เมื่อคุณกลับบ้าน ไปบริหารองค์กรของคุณ

Just what kind of human nature do you want to help design?

ว่าคุณอยากช่วยออกแบบ ธรรมชาติของมนุษย์ ให้เป็นแบบไหน

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thanks.

ขอบคุณครับ