What is color? - Colm Kelleher

สีคืออะไร - โคล์ม เคลเลอห์ (Colm Kelleher)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Rawee Ma

One of the most striking properties about life is that it has color.

หนึ่งในคุณสมบัติที่น่าทึ่งที่สุด เกี่ยวกับแสงก็คือ มันมีสี

To understand the phenomenon of color, it helps to think about light as a wave.

เพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับสี เราควรที่จะมองว่าแสงเป็นคลื่นอย่างหนึ่ง

But, before we get to that,

แต่ก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้น

let's talk a little bit about waves in general.

ลองมาพูดกันสักหน่อยถึงเรื่องคลื่น

Imagine you're sitting on a boat on the ocean watching a cork bob up and down in the water.

ลองคิดดูว่าคุณกำลังนั่งเรือที่อยู่ในมหาสมุทร และกำลังมองไม้ก๊อกลอยขึ้น ๆ ลง ๆ

The first thing you notice about the motion is that it repeats itself.

สิ่งแรกที่คุณสังเกตได้ถึงการเคลื่อนที่ก็คือ มันเกิดขึ้นซ้ำ ๆ

The cork traces the same path over and over again... up and down, up and down.

ไม้ก๊อกเคลื่อนตามเส้นทางเดิม ซ้ำไปซ้ำมา ขึ้นลงขึ้นลง

This repetitive or periodic motion is characteristic of waves.

การเคลื่อนที่ซ้ำ ๆ เป็นลำดับนี้ เป็นลักษณะของคลื่น

Then you notice something else...

แล้วคุณก็จะสังเกตเห็นบางอย่างอีก ...

using a stopwatch, you measure the time it takes for the piece of cork

โดยใช้นาฬิกาจับเวลา คุณสามารถวัดเวลา ที่ไม้ก๊อกใช้

to go over its highest position down to its lowest and then back up again.

เพื่อเคลื่อนที่จากจุดสูงสุด ไปยังจุดที่ต่ำสุด ก่อนจะกลับขึ้นมาอึกครั้ง

Suppose this takes two seconds.

สมมติว่ามันใช้เวลาสองวินาที

To use the physics jargon, you've measured the period of the waves that cork is bobbing on.

ศัพท์ทางฟิสิกส์ที่คือ คุณวัดช่วงของคลื่น ที่ไม้ก๊อกลอยขึ้นลง

That is, how long it takes a wave to go through its full range of motion once.

นั่นคือ ระยะเวลาที่คลื่นเดินทาง ผ่านช่วงทั้งหมดของการเคลื่อนที่หนึ่งรอบ

The same information can be expressed in a different way by calculating the wave's frequency.

ข้อมูลเดียวกันสามารถถูกแสดงในอีกแบบ โดยการคำนวณความถี่ของคลื่น

Frequency, as the name suggest, tells you how frequent the waves are.

ตามที่ชื่อของมันบอก ความถี่บอกคุณว่า คลื่นมีความถี่เท่าไร

That is, how many of them go by in one second.

นั่นคือในหนึ่งวินาทีมีคลื่นกี่ลูก

If you know how many seconds one full wave takes,

ถ้าคุณรู้ว่าคลื่นหนึ่งลูกใช้เวลาเท่าไร

then it's easy to work out how many waves go by in one second.

มันก็ง่ายที่จะหาว่า จะมีคลื่นกี่ลูกในหนึ่งวินาที

In this case, since each wave takes 2 seconds, the frequency is 0.5 waves per second.

ในกรณีนี้ เมื่อแต่ละคลื่นใช้เวลา 2 วินาที ความถี่คือ 0.5 คลื่นต่อวินาที

So enough about bobbing corks... What about light and color?

พอแล้วกับไม้ก๊อกที่ลอยขึ้น ๆ ลงๆ แล้วแสงกับสีล่ะ

If light is a wave, then it must have a frequency. Right?

ถ้าแสงเป็นคลื่น มันจะต้องมีความถึ่ใช่ไหม

Well... yes, it does.

ใช่แล้ว

And it turns out that we already have a name for the frequency of the light that our eyes detect.

และเราก็มีชื่อสำหรับความถี่ของแสง ที่ตาของเราสามารถมองเห็นได้

It's called color.

มันเรียกว่า สี

That's right. Color is nothing more than a measure of how quickly the light waves are waving.

ใช่แล้ว สีไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่า การวัดว่าคลื่นแสงมีความเร็วเท่าไร

If our eyes were quick enough, we might be able to observe this periodic motion directly,

ถ้าตาของคุณเร็วพอ เราจะสามารถ มองเห็นการเคลื่อนที่เป็นลำดับนี้ได้โดยตรง

like we can with the cork and the ocean.

อย่างที่เราสามารถมองเห็นไม้ก๊อกและมหาสมุทร

But the frequency of the light we see is so high,

แต่ความถี่ของแสงที่เราเห็นนั้นสูงมาก

it waves up and down about 400 million million times a second,

มันเคลื่อนที่ขึ้นลง ประมาณ 400 ล้านครั้งต่อวินาที

that we can't possibly see it as a wave. But we can tell, by looking at its color, what its frequency is.

ทำให้เราไม่สามารถเห็นมันเป็นคลื่น แต่เราบอกความถี่ของมันได้จากสีของมัน

The lowest frequency light that we can see is red and the highest frequency is purple.

แสงที่มีความถี่ต่ำที่สุดที่เราเห็นได้มีสีแดง และที่มีความถี่มากที่สุดมีสีม่วง

In between all the other frequencies form a continuous band of color, called the visible spectrum.

ระหว่างนั้น ความถี่อื่น ๆ ทำให้เกิดแถบสี ที่เรียกว่าสเปกตรัมที่มองเห็นได้

So, what if you had a yellow pencil sitting on your desk?

แล้วถ้าคุณมีดินสอสีเหลืออยู่บนโต๊ะล่ะ

Well, the sun emits all colors of light, so light of all colors is hitting your pencil.

ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยสีทั้งหมดของแสง ฉะนั้น แสงที่มีทุกสีจึงตกกระทบดินสอ

The pencil looks yellow because it reflects yellow light more than it reflects the other colors.

ดินสองดูเป็นสีเหลืองเพราะว่ามันสะท้อน แสงสีเหลืองมากกว่าสีอื่น ๆ

What happens to the blue, purple and red light?

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับแสงสีน้ำเงิน ม่วง และแดง

They get absorbed and the energy they are carrying is turned into heat.

พวกมันถูกดูดซับและพลังงานที่พวกมันนำมา ก็ถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน

It is similar with objects of other colors.

สำหรับวัตถุที่มีสีอื่น ๆ ก็คล้าย ๆ กัน

Blue things reflect blue light, red things reflect red light and so on.

ของสีฟ้าสะท้อนแสงสีฟ้า ของสีแดงสะท้อนแสงสีแดง อะไรทำนองนี้

White objects reflect all colors of light,

วัตถุสีขาวสะท้อนสีทั้งหมดของแสง

while black things do exactly the opposite and absorb at all frequencies.

วัตถุสีดำทำสิ่งที่ตรงกันข้าม และดูดซับความถี่ทั้งหมด

This - by the way - is why it's uncomfortable to wear your favorite Metallica t-shirt on a sunny day.

นั่นเป็นเหตุผล ว่าทำไมคุณถึงรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อใส่เสื้อเมทาลิกาสีดำตัวโปรดในวันอากาศร้อน