The world needs all kinds of minds | Temple Grandin

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Worawach Tungjitcharoen

I think I'll start out and just talk a little bit

ก่อนอื่นฉันจะเริ่มด้วยการพูดถึงออทิสติกสักหน่อย

ว่ามันคืออะไร

about what exactly autism is.

Autism is a very big continuum

ออทิสติกนี่มีความหลากหลายมาก

that goes from very severe -- the child remains nonverbal --

ตั้งแต่รุนแรงสุดๆ คือเด็กที่ไม่พูดเลยตลอดชีวิต

all the way up to brilliant scientists and engineers.

ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ฉลาดสุดๆ

And I actually feel at home here,

ที่จริงวันนี้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนอยู่บ้านเลย

because there's a lot of autism genetics here.

เพราะในที่นี้ มีคนที่มีความเป็นออทิสติกอยู่ในสายเลือดเยอะแยะ

(Laughter)

คุณคง...

You wouldn't have any --

(เสียงปรบมือ)

(Applause)

It's a continuum of traits.

มันเป็นคุณลักษณะที่มีระดับมากน้อยแตกต่างกัน

When does a nerd turn into Asperger, which is just mild autism?

พวกเนิร์ดที่สนใจอะไรบางอย่างแบบสุดขั้ว กลายเป็น

แอสเพอร์เกอร์ หรือออทิสติกอ่อนๆ ไปตั้งแต่เมื่อไหร่

I mean, Einstein and Mozart and Tesla would all be probably diagnosed

ฉันหมายความว่า ถ้าไอน์สไตน์ โมสาร์ต

และเทสลามีชีวิตอยู่วันนี้ เขาคงถูกจะวินิจฉัย

as autistic spectrum today.

ว่าเป็นออทิสติกอ่อนๆ นะ

And one of the things that is really going to concern me

สิ่งหนึ่งที่ฉันห่วงจริงๆ ก็คือ

จะทำอย่างไรให้เด็กเหล่านี้เติบโตขึ้น

is getting these kids to be the ones

that are going to invent the next energy things

และเป็นผู้สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ต่อไป

อย่างที่บิลเกตส์พูดไปเมื่อเช้านี้

that Bill Gates talked about this morning.

OK, now, if you want to understand autism: animals.

โอเค ทีนี้ ถ้าคุณอยากเข้าใจ

คนเป็นออทิสติก และพวกสัตว์ต่างๆ

I want to talk to you now about different ways of thinking.

ฉันอยากจะพูดถึงรูปแบบวิธีคิดที่แตกต่างกันออกไป

You have to get away from verbal language.

คุณต้องข้ามให้พ้นวัจนภาษา (ภาษาที่เป็นถ้อยคำ)

I think in pictures. I don't think in language.

ฉันคิดเป็นภาพ

ฉันไม่ได้คิดเป็นภาษา

Now, the thing about the autistic mind is it attends to details.

ทีนี้ ลักษณะพิเศษของสมองของคนเป็นออทิสติก

คือการใส่ใจรายละเอียด

This is a test where you either have to pick out the big letters

โอเค นี่เป็นแบบทดสอบที่คุณจะต้อง

เลือกอักษรตัวใหญ่ หรืออักษรตัวเล็ก

or the little letters,

and the autistic mind picks out the little letters more quickly.

สมองของคนเป็นออทิสติก

เห็นอักษรตัวเล็กได้เร็วกว่า

And the thing is, the normal brain ignores the details.

ในขณะที่สมองคนปกติละเลยรายละเอียดพวกนี้ไป

Well, if you're building a bridge, details are pretty important

ทีนี้ เวลาคุณสร้างสะพาน รายละเอียดเป็นสิ่งสำคัญมาก

เพราะสะพานอาจพังได้ถ้าคุณละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

because it'll fall down if you ignore the details.

สิ่งหนึ่งที่ฉันเป็นห่วงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ทุกวันนี้

And one of my big concerns with a lot of policy things today

ก็คือ อะไรๆ มันเป็นนามธรรมมากขึ้นเรื่อยๆ

is things are getting too abstract.

People are getting away from doing hands-on stuff.

ผู้คนห่างเหินจากการทำงาน

ชนิดที่ได้ลงไม้ลงมือทำจริงๆ

I'm really concerned that a lot of the schools

ฉันกังวลจริงๆ ที่เห็นโรงเรียนจำนวนมาก

have taken out the hands-on classes, because art, and classes like that --

ตัดรายวิชาเชิงปฏิบัติออกไป

เพราะศิลปะ และวิชาทำนองนี้

those are the classes where I excelled.

เป็นวิชาที่ฉันทำได้ดี

In my work with cattle,

โอเค ในงานปศุสัตว์ที่ฉันทำ

I noticed a lot of little things that most people don't notice

ฉันสังเกตเห็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่างที่คนส่วนใหญ่ไม่สังเกต

would make the cattle balk.

อะไรที่ทำให้วัวตกใจและขัดขืน

For example, this flag waving right in front of the veterinary facility.

อย่างเช่น ธงที่โบกสะบัดอยู่หน้าศูนย์พยาบาลสัตว์

This feed yard was going to tear down their whole veterinary facility;

ฟาร์มแห่งนี้เกือบจะรื้อศูนย์พยาบาลสัตว์ทิ้งไปแล้ว

all they needed to do was move the flag.

ความจริงที่เขาต้องทำคือแค่เอาธงออกไป

Rapid movement, contrast.

อย่าให้มีอะไรที่เคลื่อนไหววูบวาบ แสงสีที่ตัดกัน

In the early '70s when I started, I got right down in the chutes

ช่วงต้นยุค 70 ที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันลงไปคลาน

ในทางเดินของวัวเพื่อดูว่ามันเห็นอะไรบ้าง

to see what cattle were seeing.

People thought that was crazy.

คนอื่นมองว่าฉันบ้า แต่ฉันพบว่า เสื้อคลุมที่พาดไว้บนรั้วทำให้มันกลัว

A coat on a fence would make them balk, shadows would make them balk,

เงาวูบวาบ และสายยางบนพี้นก็ทำให้มันตกใจไม่ยอมเดิน

a hose on the floor -- people weren't noticing these things.

คนทั่วไปไม่สังเกตสิ่งเหล่านี้

A chain hanging down ...

โซ่ที่ห้อยลงมาจากรั้วด้วย

And that's shown very, very nicely in the movie.

หนัง (ชีวประวัติของ Temple) สื่อสารเรื่องนี้ออกมาได้ดีมาก

In fact, I loved the movie, how they duplicated all my projects.

ที่จริงฉันชอบที่หนังเล่าถึง

โปรเจ็คทุกอย่างที่ฉันทำเลย

That's the geek side.

เขาเอาภาพที่ฉันวาดมาใช้ในหนังด้วย

My drawings got to star in the movie, too.

And, actually, it's called "Temple Grandin,"

อ้อ หนังที่ว่านั้นชื่อ "Temple Grandin"

not "Thinking in Pictures."

ไม่ใช่ "Thinking in Picture" (ชื่อหนังสือชีวประวัติของ Temple)

So what is thinking in pictures?

ทีนี้ คำว่าคิดเป็นภาพนี่มันคืออะไร

It's literally movies in your head.

มันคือหนังที่ฉายอยู่ในหัวคุณเลยแหละ

My mind works like Google for images.

สมองของฉันทำงานเหมือน Google ที่ใช้ค้นหาภาพ

ตอนเด็กๆ ฉันไม่รู้ว่าวิธีการคิดของฉันต่างจากคนอื่น

When I was a young kid, I didn't know my thinking was different.

ฉันคิดว่าทุกคนคิดเป็นภาพ

I thought everybody thought in pictures.

จนเมื่อฉันเขียนหนังสือเรื่อง Thinking In Pictures

Then when I did my book, "Thinking in Pictures,"

ฉันไปสัมภาษณ์ผู้คนว่าเขามีวิธีการคิดยังไง

I started interviewing people about how they think.

And I was shocked to find out that my thinking was quite different.

ฉันตกใจมากที่พบว่าวิธีการคิดของฉัน

มันต่างจากคนอื่นมากเลย

Like if I say, "Think about a church steeple,"

อย่างถ้าฉันพูดถึง "ยอดหอคอยของโบสถ์"

most people get this sort of generalized generic one.

คนส่วนใหญ่ก็จะคิดถึงยอดหอคอยทั่วๆ ไปแบบคร่าวๆ

Now, maybe that's not true in this room,

แม้ว่าจะคนในห้องนี้อาจจะไม่ได้คิดแบบนี้

but it's going to be true in a lot of different places.

แต่คนส่วนใหญ่ข้างนอกเขาคิดแบบนี้

I see only specific pictures.

ส่วนฉันจะเห็นเป็นภาพที่เจาะจงเลย

They flash up into my memory, just like Google for pictures.

มันแวบขึ้นมาในหัวฉัน เหมือนกูเกิ้ลสำหรับหารูปภาพ

And in the movie, they've got a great scene in there,

ในหนังเขาก็ทำซีนหนึ่งไว้ดีมาก

ตอนที่มีคนพูดคำว่า "รองเท้า" แล้วภาพของเท้ามากมายจากยุคปี 50 และ 60

where the word "shoe" is said, and a whole bunch of '50s and '60s shoes

pop into my imagination.

แวบเข้ามาในจินตนาการของฉัน

OK, there's my childhood church; that's specific.

โอเค นี่คือโบสถ์ที่ฉันไปตอนเด็กๆ

ชัดเจนและเจาะจงแบบนี้เลย มีอีก อันนี้คือฟอร์ท คอลลินส์

There's some more, Fort Collins.

OK, how about famous ones?

โอเค เอาโบสถ์ที่ดังๆ บ้างดีไหม

And they just kind of come up, kind of like this.

คือ ภาพมันจะแวบเข้ามาแบบนี้

Just really quickly, like Google for pictures.

เร็วมากๆ เหมือนกูเกิ้ลสำหร้บค้นหารูปภาพ

And they come up one at a time,

แล้วจะแวบขึ้นมาทีละรูป

and then I think, "OK, well, maybe we can have it snow,

แล้วฉันก็จะคิดต่อว่า เอ เติมหิมะเข้าไปดีไหม

or we can have a thunderstorm,"

หรือจะเป็นภาพท้องฟ้ามีพายุฝน

and I can hold it there and turn them into videos.

แล้วก็สร้างเป็นวิดีโอขึ้นมาในหัว

Now, visual thinking was a tremendous asset

ทีนี้ การคิดเป็นภาพนี่เป็นประโยชน์มหาศาล

in my work designing cattle-handling facilities.

ในงานออกแบบโรงเรือนและการจัดการปศุสัตว์

And I've worked really hard on improving how cattle are treated

และฉันก็พยายามอย่างมากที่จะปรับปรุง

วิธีการปฏิบัติกับวัวก่อนที่มันจะถูกส่งเข้าโรงชำแหละ

at the slaughter plant.

ฉันไม่เอาภาพน่าสยองของโรงชำแหละมาฉายหรอก

I'm not going to go into any gucky slaughter slides.

I've got that stuff up on YouTube, if you want to look at it.

ฉันอัพโหลดภาพพวกนั้นขึ้นบนยูทูปแล้ว ถ้าคุณอยากดูนะ

แต่หนึ่งในสิ่งที่ฉันทำได้ในงานออกแบบของฉัน

(Laughter)

But one of the things that I was able to do in my design work

ก็คือ ฉันสามารถทดสอบการทำงาน

is I could test-run a piece of equipment in my mind,

ของเครื่องมือที่ฉันออกแบบได้ในจินตนาการ

just like a virtual reality computer system.

เหมือนระบบคอมพิวเตอร์เสมือนจริง

And this is an aerial view of a recreation of one of my projects

นี่เป็นภาพจากมุมมองทางอากาศ

ของอุปกรณ์ตัวหนึ่งในโปรเจ็คของฉันที่ได้นำไปถ่ายทอดในหนัง

that was used in the movie.

That was like just so super cool.

เจ๋งดีนะ ว่าไหม

And there were a lot of, kind of, Asperger types and autism types

ฉันว่ามีคนที่เป็นแอสเพอร์เกอร์

และออทิสติกหลายแบบเลยนะ ที่ทำงานอยู่ในกองถ่ายหนังน่ะ

working out there on the movie set, too.

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

But one of the things that really worries me is:

แต่อย่างหนึ่งที่ฉันห่วงมากเลย

ก็คือ ปัจจุบันคนหนุ่มสาวที่เป็นแบบนี้หายไปไหนกัน

Where's the younger version of those kids going today?

They're not ending up in Silicon Valley,

พวกเขาไม่ได้เข้าทำงานในซิลิกอนแวลี่ย์ ที่ซึ่งเหมาะกับพวกเขา

where they belong.

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

One of the things I learned very early on because I wasn't that social,

สิ่งหนึ่งที่ฉันเรียนรู้ตั้งแต่ยังวัยรุ่นเพราะว่าฉันไม่ใช่คนเข้าสังคมเก่ง

is I had to sell my work, and not myself.

ก็คือ ฉันต้องขายงานของฉัน ไม่ใช่ตัวตนของฉัน

And the way I sold livestock jobs is I showed off my drawings,

และวิธีการขายงานระบบจัดการปศุสัตว์ของฉัน

คือการโชว์ภาพที่ฉันวาด ฉันโชว์รูปเครื่องมือต่างๆ

I showed off pictures of things.

Another thing that helped me as a little kid

อีกอย่างที่ช่วยฉันได้คือ ตอนที่ฉันเด็กๆ

is, boy, in the '50s, you were taught manners.

นั่นคือ ยุคปี 50 คุณจะถูกสอนเรื่องมารยาท

You were taught you can't pull the merchandise off the shelves

ว่าคุณไม่สามารถไปหยิบสินค้าในร้านมาจากชั้น

แล้วโยนเล่นไปมาได้

in the store and throw it around.

พอเด็กโตถึงช่วงเกรด 3 เกรด 4 (9-10 ขวบ)

When kids get to be in third or fourth grade,

you might see that this kid's going to be a visual thinker,

คุณอาจจะเห็นเด็กคนนี้เริ่มกลายเป็นนักคิดด้วยภาพ

drawing in perspective.

วาดรูปที่มีมิติความลึกได้

Now, I want to emphasize

ทีนี้ ฉันอยากจะเน้นว่า เด็กออทิสติกทุกคน

that not every autistic kid is going to be a visual thinker.

ไม่ได้กลายเป็นนักคิดด้วยภาพกันทุกคน

Now, I had this brain scan done several years ago,

ฉันมีภาพสแกนสมองที่ทำเมื่อสองสามปีก่อน

and I used to joke around about having a gigantic Internet trunk line

ฉันเคยพูดเล่นสนุกๆ ว่า

ฉันมีสายอินเทอร์เน็ตใหญ่ยักษ์

going deep into my visual cortex.

ฝังอยู่ในสมองส่วนการมองเห็นของตัวเอง

This is tensor imaging.

นี่เป็นภาพถ่ายแบบ tensor ของสมองฉัน

And my great big Internet trunk line is twice as big as the control's.

แสดงให้เห็นว่าสายอินเทอร์เน็ตในหัวของฉัน

มันใหญ่กว่าคนทั่วไปถึงสองเท่า

The red lines there are me,

เส้นสีแดงนั่นคือของฉัน

and the blue lines are the sex and age-matched control.

เส้นสีน้ำเงินเป็นของคนที่นำมาเปรียบเทียบ ซึ่งเป็นผู้หญิงวัยเดียวกับฉัน

And there I got a gigantic one,

เห็นไหม ฉันมีเส้นสีแดงเส้นใหญ่เยอะแยะ

and the control over there, the blue one, has got a really small one.

ของคนปกติ สีน้ำเงินนั่น

เส้นเล็กกว่ามาก

And some of the research now is showing

ตอนนี้งานวิจัยบางชิ้นเผยว่า

that people on the spectrum actually think with the primary visual cortex.

คนเราคิดด้วยสมองส่วนการมองเห็นได้จริงๆ แต่จะมากน้อยต่างไปในแต่ละคน

Now, the thing is, the visual thinker is just one kind of mind.

ทีนี้ คนที่คิดด้วยภาพก็คือสมองรูปแบบหนึ่งเท่านั้น

You see, the autistic mind tends to be a specialist mind --

คุณเห็นแล้วใช่ไหม ว่าสมองของคนเป็นออทิสติกนั้นมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

good at one thing, bad at something else.

ดีอย่างหนื่ง แต่อย่างอื่นแย่

And where I was bad was algebra.

เรื่องที่ฉันแย่คือพีชคณิต และฉันก็ไม่เคยได้รับอนุญาต

And I was never allowed to take geometry or trig.

ให้ลงเรียนเรขาคณิตหรือตรีโกณมิติ

Gigantic mistake.

ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่แย่มาก ฉันพบว่ามีเด็กจำนวนมากที่อยากข้ามพีชคณิต

I'm finding a lot of kids who need to skip algebra,

go right to geometry and trig.

ไปเรียนเรขาคณิตและตรีโกณมิติเลย

Now, another kind of mind is the pattern thinker.

ทีนี้ สมองอีกแบบหนึ่ง คือ นักคิดระบบหรือแบบแผน

More abstract.

อะไรที่เป็นนามธรรมกว่า นั่นคือพวกวิศวกร

These are your engineers, your computer programmers.

นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์

This is pattern thinking.

เอาละ นี่คือการคิดเป็นระบบแบบแผน เจ้าตั๊กแตนตำข้าวตัวนี้

That praying mantis is made from a single sheet of paper --

ทำมาจากกระดาษแผ่นเดียว

no scotch tape, no cuts.

ไม่ใช้เทปกาว ไม่มีการตัด

And there in the background is the pattern for folding it.

ลวดลายบนพี้นหลังนั่นคือแบบที่ใช้พับเจ้าตั๊กแตนตัวนี้

Here are the types of thinking:

นี่คือรูปแบบการคิดต่างๆ

photo-realistic visual thinkers, like me;

คิดเป็นภาพเสมือนจริง อย่างฉัน

pattern thinkers, music and math minds.

คิดเป็นระบบแบบแผน เช่น ดนตรี และคณิตศาสตร์

Some of these oftentimes have problems with reading.

คนพวกนี้บางคนก็จะมีปัญหาเรื่องการอ่าน

You also will see these kind of problems with kids that are dyslexic.

คุณจะพบปัญหาแบบนี้

ในเด็กที่เป็นโรค dyslexia (อาการความบกพร่องในการอ่าน) ด้วย

You'll see these different kinds of minds.

คุณจะเห็นสมองที่แตกต่างแบบนี้

And then there's a verbal mind, they know every fact about everything.

แล้วก็มีสมองที่คิดเป็นคำพูด ซึ่งเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างได้

ทีนี้ อีกประเด็นคือเรื่องประสาทสัมผัส

Now, another thing is the sensory issues.

ฉันกังวลมากที่ต้องใส่เครื่องมือนี้ไว้บนหน้า

I was really concerned about having to wear this gadget on my face.

And I came in half an hour beforehand

ฉันก็เลยเข้ามาก่อนครึ่งชั่วโมง

so I could have it put on and kind of get used to it,

เพื่อจะได้ใส่มัน แล้วทำตัวให้เคยชินกับมัน

and they got it bent so it's not hitting my chin.

แล้วต้องดัดมันออกไปไม่ให้มันมาแกะกะแถวคาง

But sensory is an issue.

แต่ประสาทสัมผัสนี่เป็นปัญหาจริงๆ เด็กบางคนไม่ชอบแสงฟลูออเรสเซนต์

Some kids are bothered by fluorescent lights;

others have problems with sound sensitivity.

บางคนมีปัญหาว่าไวต่อเสียงมาก

You know, it's going to be variable.

ต่างคนก็มีปัญหาต่างกันออกไป

Now, visual thinking gave me a whole lot of insight

ทีนี้ การคิดเป็นภาพช่วยฉันได้มาก

into the animal mind.

ในการทำความเข้าใจสัตว์

Because think about it: an animal is a sensory-based thinker,

เพราะอะไร ลองคิดดู การคิดของสัตว์ก็ใช้ข้อมูลจากประสาทสัมผัส

not verbal -- thinks in pictures, thinks in sounds, thinks in smells.

ไม่ได้ใช้คำพูด พวกมันคิดเป็นภาพ

คิดเป็นเสียง คิดเป็นกลิ่น

Think about how much information there is on the local fire hydrant.

ลองคิดดูสิ ว่ามีข้อมูลอยู่บนหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอันหนึ่งมากแค่ไหน

He knows who's been there --

พวกสัตว์รู้ว่าก่อนหน้านี้มีใครผ่านมาตรงนั้นบ้าง ตั้งแต่เมื่อไหร่

(Laughter)

When they were there.

เป็นมิตรหรือศัตรู มีใครที่มันจะจับคู่ด้วยได้ไหม

Are they friend or foe? Is there anybody he can go mate with?

There's a ton of information on that fire hydrant.

มีข้อมูลมหาศาลเลยบนหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอันหนึ่ง

It's all very detailed information.

เป็นข้อมูลที่มีรายละเอียดมาก

And looking at these kind of details gave me a lot of insight into animals.

รายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้

ช่วยฉันได้มากในการทำความเข้าใจสัตว์

Now, the animal mind, and also my mind,

ทีนี้ สมองของสัตว์ แล้วก็สมองของฉันด้วย

puts sensory-based information into categories.

เราเอาข้อมูลที่ได้จากประสาทสัมผัส

มาจัดเป็นหมวดหมู่

Man on a horse,

คนขี่ม้า

and a man on the ground --

กับคนที่ยืนบนพี้น

that is viewed as two totally different things.

เป็นสองอย่างที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

You could have a horse that's been abused by a rider.

คุณอาจจะเจอม้าที่เคยถูกคนขี่ทำร้าย

They'll be absolutely fine with the veterinarian

มันไม่กลัวสัตวแพทย์นะ

and with the horseshoer, but you can't ride him.

ไม่กลัวช่างทำเกือกม้าด้วย แต่คุณขี่มันไม่ได้นะ

You have another horse, where maybe the horseshoer beat him up,

คนอาจจะเจอม้าอีกตัว ที่ถูกช่างทำเกือกตีเอา

and he'll be terrible for anything on the ground with the veterinarian,

มันก็จะกลัวใครก็ตามที่ยืนบนพื้น

รวมทั้งสัตวแพทย์ด้วย แต่มันกลับยอมให้คนขี่

but a person can ride him.

วัวก็เหมือนกัน

Cattle are the same way.

Man on a horse, a man on foot -- they're two different things.

คนขี่ม้า

กับคนที่เดินเท้า เป็นสองอย่างที่แตกต่างกัน

You see, it's a different picture.

เห็นไหมล่ะ มันคือภาพสองภาพที่ไม่เหมือนกัน

See, I want you to think about just how specific this is.

ทีนี้ ฉันอยากให้คุณเห็นว่ามันจำเพาะเจาะจงขนาดไหน

Now, this ability to put information into categories,

ไอ้ความสามารถที่จะจัดข้อมูลเข้าหมวดหมู่เป็นประเภทเนี่ย

I find a lot of people are not very good at this.

ฉันพบว่าคนส่วนใหญ่จัดระบบข้อมูลที่มีรายละเอียดมากๆ ได้ไม่ดี

When I'm out troubleshooting equipment

เวลาฉันไปซ่อมอุปกรณ์

or problems with something in a plant,

หรือไปแก้ปัญหาอะไรในโรงงาน

they don't seem to be able to figure out:

ดูเหมือนผู้คนในโรงงานพวกนั้นเขาคิดไม่ออกว่า "นี่เรามีปัญหาเรื่องคน

"Do I have a training-people issue?

Or do I have something wrong with the equipment?"

หรือว่าเรื่องอุปกรณ์กันแน่"

In other words, categorize equipment problem from a people problem.

พูดอีกอย่างคือ แยะแยะหมวดหมู่ปัญหาเรื่องเครื่องมือ

กับปัญหาเรื่องคนออกจากกันไม่ได้

I find a lot of people have difficulty doing that.

ฉันพบว่าคนจำนวนมากมีปัญหาเรื่องนี้

Now, let's say I figure out it's an equipment problem.

ทีนี้ พอฉันคิดออกว่ามันเป็นปัญหาทางเครื่องมือ

Is it a minor problem, with something simple I can fix?

แล้วมันเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่ฉันแก้ได้

หรือว่ามันมีปัญหาทั้งระบบกันแน่

Or is the whole design of the system wrong?

People have a hard time figuring that out.

คนส่วนมากแยกแยะเรื่องนี้ไม่ออกอีกเช่นกัน

Let's just look at something like, you know,

ลองดูสิ อย่างเช่นการแก้ปัญหา

solving problems with making airlines safer.

ว่าจะทำอย่างไรให้สายการบินมีความปลอดภัยมากขึ้น

Yeah, I'm a million-mile flier.

ใช่ ฉันบินมาเป็นล้านไมล์แล้วนี่

I do lots and lots of flying,

ฉันบินไปไหนมาไหนเยอะมาก

and if I was at the FAA,

ถ้าฉันไปที่ทบวงการบินพลเรือนของสหรัฐอเมริกา

what would I be doing a lot of direct observation of?

คุณว่าฉันจะไปดูอะไรบ้าง?

It would be their airplane tails.

ฉันจะไปดูหางเครื่องบิน

You know, five fatal wrecks in the last 20 years,

คุณรู้ไหม โศกนาฏกรรมเครื่องบินตกห้าครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา

the tail either came off,

ถ้าไม่ใช่ว่าหางหลุดออกมา ก็ต้องมีอุปกรณ์บางอย่างที่อยู่ในหาง

or steering stuff inside the tail broke in some way.

ชำรุดเสียหาย

It's tails, pure and simple.

มันคือหางเครื่องบิน ง่ายๆ เลย

And when the pilots walk around the plane, guess what?

แล้วรู้ไหม เวลานักบินเดินดูรอบเครื่องบิน

They can't see that stuff inside the tail.

เขาไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในหางเครื่องบิน

Now as I think about that,

แต่เวลาฉันมาคิด

I'm pulling up all of that specific information.

ฉันดึงข้อมูลรายละเอียดปลีกย่อยอันนี้ขึ้นมา

It's specific.

มันเป็นข้อมูลที่จำเพาะเจาะจงมาก เห็นไหม ฉันคิดจากข้อมูลขึ้นมา

See, my thinking's bottom-up.

I take all the little pieces and I put the pieces together like a puzzle.

ฉันเอาข้อมูลชิ้นเล็กชิ้นน้อยมาปะติดปะต่อเข้าด้วยกันเหมือนตัวต่อ

Now, here is a horse that was deathly afraid of black cowboy hats.

ทีนี้ นี่คือเจ้าม้าตัวหนึ่ง

ที่กลัวหมวกคาวบอยสีดำเอามากๆ

He'd been abused by somebody with a black cowboy hat.

เพราะมันเคยถูกใครบางคนที่ใส่หมวกสีดำทำร้ายเอา

White cowboy hats, that was absolutely fine.

ถ้าคุณใส่หมวกสีขาว อันนี้ไม่มีปัญหา

Now, the thing is, the world is going to need

ทีนี้ ประเด็นสำคัญก็คือ โลกเราต้องการ

all of the different kinds of minds to work together.

มันสมองทุกรูปแบบ

ให้มาทำงานร่วมกัน

We've got to work on developing all these different kinds of minds.

เราต้องมาช่วยกันสร้างมันสมองแบบต่างๆ เหล่านี้

And one of the things that is driving me really crazy

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันโมโหมากตลอดเวลาที่

as I travel around and I do autism meetings,

ฉันเดินทางไปประชุมเรื่องออทิสติกในที่ต่างๆ

is I'm seeing a lot of smart, geeky, nerdy kids,

ก็คือ ฉันเห็นเด็กเนิร์ดที่มีสมองอัจฉริยะมากมาย

and they just aren't very social,

พวกนี้เข้าสังคมไม่ค่อยเก่ง

and nobody's working on developing their interest

แล้วก็ไม่มีใครใส่ใจที่จะพัฒนาเขาในทางที่เขาสนใจเลย

เช่น ความสนใจทางวิทยาศาสตร์

in something like science.

And this brings up the whole thing of my science teacher.

ประเด็นนี้ทำให้ฉันคิดถึงครูวิทยาศาสตร์ของฉัน

My science teacher is shown absolutely beautifully in the movie.

หนังถ่ายทอดภาพครูสอนวิทยาศาสตร์ของฉันได้งดงามมาก

I was a goofball student when I was in high school.

ฉันมันก็แค่เด็กโง่ๆ เซ่อๆ คนหนึ่ง

ตอนอยู่มัธยมปลายฉันไม่สนใจเรียนเลย

I just didn't care at all about studying,

until I had Mr. Carlock's science class.

จนกระทั่งฉันเข้าเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของคุณครูคาร์ล็อก

He was now Dr. Carlock in the movie.

หรือด็อกเตอร์คาร์ล็อกที่คุณเห็นในหนัง

And he got me challenged to figure out an optical illusion room.

เขาให้การบ้านที่ท้าทาย

ให้ฉันคิดว่าจะสร้างห้องลวงตาได้อย่างไร

This brings up the whole thing of you've got to show kids

นั่นแหละ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ

interesting stuff.

ให้เด็กได้เห็นอะไรเจ๋งๆ

You know, one of the things that I think maybe TED ought to do

รู้ไหม อย่างหนึ่งที่ฉันว่า TED น่าจะทำ ก็คือ

is tell all the schools about all the great lectures that are on TED,

บอกทุกๆ โรงเรียนให้รู้ว่ามีเล็กเชอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายใน TED

และยังมีอะไรเจ๋งๆ อีกเยอะมากในอินเทอร์เน็ต

and there's all kinds of great stuff on the Internet

ที่สามารถทำให้เด็กสนใจได้

to get these kids turned on.

เพราะฉันเห็นเด็กเนิร์ดพวกนี้จำนวนมาก

Because I'm seeing a lot of these geeky, nerdy kids,

and the teachers out in the Midwest and other parts of the country

แล้วพวกครูในภาคกลางแถบตะวันตก (ของอเมริกา) รวมทั้งภาคอื่นๆ ด้วย

when you get away from these tech areas,

ถ้าไม่ได้เข้าถึงเทคโนโลยีพวกนี้

they don't know what to do with these kids.

เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเด็กพวกนี้ดี

And they're not going down the right path.

แล้วเขาก็เลยไม่ได้เดินตามแนวทางที่ถูก

The thing is, you can make a mind

ทีนี้ ประเด็นคือ คุณอาจจะฝึกให้สมอง

to be more of a thinking and cognitive mind,

เชี่ยวชาญทางการคิด การใช้กระบวนการทางปัญญา

or your mind can be wired to be more social.

หรือสมองคุณอาจจะมีทักษะทางสังคมเป็นเยี่ยม

And what some of the research now has shown in autism

ตอนนี้มีงานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่า คนที่เป็นออทิสติก

is there may by extra wiring back here in the really brilliant mind,

อาจจะมีเครือข่ายใยประสาทที่พิเศษ

ในสมองที่เป็นเลิศ แต่เราสูญเสียวงจรเรื่องสังคมไป

and we lose a few social circuits here.

มันได้อย่างเสียอย่าง ระหว่างการคิด กับการเข้าสังคม

It's kind of a trade-off between thinking and social.

And then you can get to the point where it's so severe,

ถ้าเป็นรุนแรงมากๆ

you're going to have a person that's going to be non-verbal.

คุณก็อาจได้เห็นคนที่พูดหรือใช้ภาษาไม่ได้เลย

In the normal human mind,

ในสมองของคนปกติทั่วไป

language covers up the visual thinking we share with animals.

สมองที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาจะคลุมสมองส่วนการคิดเป็นภาพ

This is the work of Dr. Bruce Miller.

ที่เรามีเหมือนกับสัตว์ นี่เป็นงานวิจัยของด๊อกเตอร์บรูซ มิลเลอร์

เขาศึกษาผู้ป่วยอัลไซเมอร์

He studied Alzheimer's patients that had frontal temporal lobe dementia.

ที่มีภาวะสมองเสื่อมในส่วนกลีบขมับส่วนหน้า

And the dementia ate out the language parts of the brain.

สมองส่วนการใช้ภาษาของผู้ป่วยเสื่อมไปหมดแล้ว

And then this artwork came out of somebody

แล้วดูสิ ภาพวาดชิ้นนี้วาดโดยผู้ป่วยที่เคยเป็นช่างติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์

who used to install stereos in cars.

Now, Van Gogh doesn't know anything about physics,

แล้วยังมีแวนโก๊ะซึ่งไม่รู้เรื่องฟิสิกส์เลย

but I think it's very interesting that there was some work done

แต่ฉันว่ามันน่าสนใจมากเลย

เพราะล่าสุดมีงานวิจัยที่แสดงว่า

to show that this eddy pattern in this painting

ลวดลายในภาพวาดของแวนโก๊ะ

followed a statistical model of turbulence,

ตรงกับแบบจำลองทางสถิติของความผันผวน

which brings up the whole interesting idea

ซึ่งทำให้เกิดแนวคิดที่น่าสนใจขึ้นมาว่า

of maybe some of this mathematical patterns is in our own head.

บางที แบบแผนทางคณิตศาสตร์บางอย่าง

อาจจะอยู่ในสมองของมนุษย์อยู่แล้ว

And the Wolfram stuff --

แล้วยังมีเรื่องของ วูลฟ์แฟรม อีก (ผู้พูดก่อนหน้า เทมเปิล)

I was taking notes and writing down all the search words I could use,

ฉันนั่งจดบันทึกคำค้นทั้งหมด

ที่ฉันสามารถใช้ได้

because I think that's going to go on in my autism lectures.

เพราะฉันคิดว่ามันเป็นตัวอย่างในการบรรยายเรื่องออทิสติกของฉันได้ด้วย

We've got to show these kids interesting stuff.

เราต้องหาอะไรที่น่าสนใจมาให้เด็กพวกนี้ดู

And they've taken out the auto-shop class

แต่ตอนนี้ โรงเรียนเอาวิชาซ่อมรถ

and the drafting class and the art class.

การร่างแบบ และศิลปะออกจากหลักสูตร

I mean, art was my best subject in school.

ฉันว่าศิลปะเป็นวิชาที่ดีที่สุดในโรงเรียน

We've got to think about all these different kinds of minds,

เราต้องนึกถึงมันสมองที่แตกต่างหลากหลายเหล่านี้

และเราต้องช่วยกันพัฒนาสมองเหล่านี้

and we've got to absolutely work with these kind of minds,

because we absolutely are going to need

เพราะแน่นอนว่าเราจำเป็นต้องอาศัย

these kinds of people in the future.

คนเหล่านี้ในอนาคต

And let's talk about jobs.

ทีนี้มาพูดเรื่องงานบ้าง

OK, my science teacher got me studying,

ครูวิทยาศาสตร์ของฉันกระตุ้นให้ฉันเรียนหนังสือ

because I was a goofball that didn't want to study.

เพราะฉันเป็นเด็กโง่ๆ เซ่อๆ คนหนึ่งที่ไม่อยากเรียน

But you know what? I was getting work experience.

แต่คุณรู้ไหม ตอนนั้นฉันทำงานหาประสบการณ์อยู่นะ

I'm seeing too many of these smart kids who haven't learned basic things,

ฉันสังเกตเห็นว่าเด็กๆ เหล่านี้ไม่ได้เรียนรู้เรื่องพื้นฐานบางอย่าง

เช่น การตรงต่อเวลา

like how to be on time -- I was taught that when I was eight years old.

ฉันถูกสอนเรื่องนี้ตอนฉันอายุแปดขวบ

แล้วก็มารยาทบนโต๊ะอาหารเวลาไปงานเลี้ยงที่บ้านคุณยายในวันเสาร์

How to have table manners at granny's Sunday party.

ฉันถูกสอนมาตั้งแต่ยังเด็กมากๆ

I was taught that when I was very, very young.

And when I was 13, I had a job at a dressmaker's shop sewing clothes.

แล้วตอนฉันอายุ 13 ฉันได้งานในร้านตัดเสื้อ

งานเย็บผ้า

I did internships in college,

ฉันไปฝึกงานตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย

I was building things,

ฉันประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ

and I also had to learn how to do assignments.

แล้วก็เรียนรู้ที่จะทำงานที่ได้รับมอบหมาย

You know, all I wanted to do was draw pictures of horses when I was little.

คุณรู้ไหม ที่จริงตอนเด็กๆ ฉันไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากวาดรูปม้า

My mother said, "Well let's do a picture of something else."

แม่ของฉันบอกว่า "ไหนลองวาดรูปอย่างอื่นหน่อยสิ"

เด็กๆ เหล่านี้ต้องเรียนรู้ที่จะทำอย่างอื่นด้วย

They've got to learn how to do something else.

เช่น ถ้าเด็กหมกมุ่นกับตัวต่อเลโก

Let's say the kid is fixated on Legos.

ก็ให้เขาต่อเลโกเป็นของต่างๆ

Let's get him working on building different things.

The thing about the autistic mind is it tends to be fixated.

เพราะสมองของคนเป็นออทิสติก

มักจะหมกมุ่นกับอะไรบางอย่าง

Like if the kid loves race cars, let's use race cars for math.

เช่น ถ้าเด็กชอบรถแข่ง

ก็ใช้รถแข่งมาสอนเลขเขาสิ

Let's figure out how long it takes a race car to go a certain distance.

ไหนลองคิดซิว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่รถถึงจะวิ่งได้ระยะทางเท่านั้นเท่านี้

In other words, use that fixation

พูดง่ายๆ คือ ใช้ความหมกมุ่นนั้น

in order to motivate that kid, that's one of the things we need to do.

มาสร้างแรงจูงใจให้เด็ก นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำ

I really get fed up when the teachers,

ฉันเหลืออดจริงๆ กับพวกครู

especially when you get away from this part of the country,

โดยเฉพาะย่านอื่นที่ไม่ใช่แถบนี้

they don't know what to do with these smart kids.

เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเด็กฉลาดๆ พวกนี้

นั่นทำให้ฉันโมโหมาก

It just drives me crazy.

What can visual thinkers do when they grow up?

คนที่คิดเป็นภาพทำอะไรได้บ้างเมื่อเขาโตขึ้น

They can do graphic design, all kinds of stuff with computers,

กราฟฟิกดีไซน์ งานมากมายเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

photography, industrial design.

ถ่ายภาพ ออกแบบอุตสาหกรรม

The pattern thinkers -- they're the ones that are going to be your mathematicians,

นักคิดระบบแบบแผน พวกนี้ก็จะกลายเป็น

นักคณิตศาสตร์ วิศวกรซอฟแวร์

your software engineers, your computer programmers,

นักโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อะไรทำนองนั้น

all of those kinds of jobs.

And then you've got the word minds; they make great journalists,

แล้วก็มีสมองที่ถนัดเรื่องถ้อยคำ พวกนี้ก็จะเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่เก่ง

and they also make really, really good stage actors.

เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม

Because the thing about being autistic is,

เพราะสำหรับคนที่เป็นออทิสซึมอย่างฉัน

I had to learn social skills like being in a play.

ฉันต้องเรียนรู้ทักษะทางสังคม ซึ่งเหมือนการเล่นละคร

You just kind of ... you just have to learn it.

มันต้องเรียนน่ะ มันจำเป็นนะ

And we need to be working with these students.

และเราก็จำเป็นต้องดูแลเด็กพวกนี้อย่างใกล้ชิด

And this brings up mentors.

ซึ่งต้องอาศัยพี่เลี้ยงที่คอยให้คำปรึกษา

You know, my science teacher was not an accredited teacher.

อย่างครูสอนวิทยาศาสตร์ของฉัน เขาไม่ได้มีประกาศนียบัตรวิชาชีพครู

He was a NASA space scientist.

เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า

Some states now are getting it to where, if you have a degree in biology

ตอนนี้บางรัฐก็เริ่มเปลี่ยนแล้ว

โดยให้คนที่มีปริญญาทางชีววิทยา เคมี

or in chemistry,

you can come into the school and teach biology or chemistry.

มาสอนชีววิทยาและเคมีในโรงเรียนได้

We need to be doing that.

เราต้องทำอย่างนี้

Because what I'm observing is,

เพราะสิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตเห็นคือ

the good teachers, for a lot of these kids,

ครูที่ดีสำหรับเด็กจำนวนมาก

are out in the community colleges.

ไปอยู่ในวิทยาลัยชุมชน

But we need to be getting some of these good teachers

เราต้องหาครูดีๆ แบบนี้เข้ามาในโรงเรียนมัธยมบ้าง

into the high schools.

อีกอย่างหนึ่งที่จะได้ผลดีมากๆ ก็คือ

Another thing that can be very, very, very successful is:

มีคนมากมายที่เกษียณแล้ว

there's a lot of people that may have retired

from working in the software industry,

จากวงการซอฟต์แวร์ เราให้เขามาสอนเด็กๆ ก็ได้

and they can teach your kid.

สิ่งที่เขาสอนจะเก่าก็ไม่เป็นไร

And it doesn't matter if what they teach them is old,

because what you're doing is you're lighting the spark.

เพราะสิ่งที่เราต้องการคือการจุดประกาย

You're getting that kid turned on.

ทำให้เด็กตื่นเต้นสนอกสนใจ

And you get him turned on, then you'll learn all the new stuff.

ถ้าคุณทำให้เขาสนใจได้ เดี๋ยวเขาก็เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่มีทั้งหมดต่อเอง

Mentors are just essential.

ครูพี่เลี้ยงจึงสำคัญมากๆ

I cannot emphasize enough what my science teacher did for me.

ฉันไม่รู้จะย้ำยังไงให้มากกว่านี้

ถึงสิ่งดีๆ ที่ครูวิทยาศาสตร์ทำให้ฉัน

And we've got to mentor them, hire them.

เราต้องแนะแนวทางให้เด็กๆ เหล่านี้ จ้างเขามาทำงาน

And if you bring them in for internships in your companies,

และถ้าคุณรับเด็กเหล่านี้เข้ามาฝึกงาน

ประเด็นคือ กับเด็กออทิสติกและแอสเพอร์เกอร์

the thing about the autism, Asperger-y kind of mind,

you've got to give them a specific task.

คุณต้องมอบหมายงานแบบเจาะจง อย่าบอกแค่ว่าให้ "ออกแบบซอฟต์แวร์"

Don't just say, "Design new software."

คุณต้องบอกเขาให้เจาะจงชัดเจนกว่านั้น

You've got to tell them something more specific:

เช่น "ออกแบบซอฟต์แวร์สำหรับโทรศัพท์

"We're designing software for a phone

and it has to do some specific thing,

ให้มันทำงานบางอย่างที่คุณต้องการ

and it can only use so much memory."

โดยใช้หน่วยความจำไม่เกินเท่านี้"

That's the kind of specificity you need.

คุณต้องบอกให้ชัดเจนแบบนี้

Well, that's the end of my talk.

เอาล่ะ ฉันพูดจบแล้ว

And I just want to thank everybody for coming.

ขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้ค่ะ

It was great to be here.

ฉันยินดีมากที่ได้มาพูดวันนี้

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

(Applause ends)

โอ้ คุณมีคำถามเหรอ โอเค

Oh -- you have a question for me? OK.

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณมากครับ

Chris Anderson: Thank you so much for that.

You know, you once wrote -- I like this quote:

คุณรู้ไหม ผมชอบที่คุณเคยเขียนไว้

"If by some magic, autism had been eradicated from the face of the Earth,

ว่า "ถ้ามีปาฏิหาริย์

ทำให้โรคออทิสติกหายไปจากโลกนี้

then men would still be socializing in front of a wood fire

วันนี้มนุษย์ก็คงยังพบปะสังสรรค์กันหน้ากองไฟ

at the entrance to a cave."

ตรงปากทางเข้าถ้ำอยู่"

(Laughter)

Temple Grandin: Because who do you think made the first stone spear?

เทมเปิล แกรมดิน: เพราะอะไรล่ะ คุณรู้ไหมใครเอาหินมาทำหอกทำขวานเป็นคนแรก

บรรพบุรุษเราที่เป็นแอสเพอร์เกอร์ ถ้าคุณกำจัดยีนของอาการออทิสติกไปหมด

It was the Asperger guy,

and if you were to get rid of all the autism genetics,

ก็คงจะไม่มีซิลิกอนแวลีย์อีกต่อไป

there'd be no more Silicon Valley, and the energy crisis would not be solved.

วิกฤตพลังงานก็คงจะไม่ได้รับการแก้ไขด้วย

(เสียงปรบมือ)

(Applause)

CA: I want to ask you a couple other questions,

คริส: ครับ ผมอยากถามคุณอีกสองสามคำถาม

ถ้าคุณคิดว่าคำถามไหนไม่เหมาะสม

and if any of these feel inappropriate, it's OK just to say, "Next question."

ก็บอกผมเลยนะ ว่า "ขอคำถามถัดไป"

But if there is someone here who has an autistic child,

ถ้าเกิดมีใครสักคนในที่นี้

มีลูกเป็นออทิสติก

or knows an autistic child and feels kind of cut off from them,

หรือรู้จักเด็กที่เป็นออทิสติก

ที่แปลกแยก ไม่ยอมคุยกับเขา

what advice would you give them?

คุณจะแนะนำว่ายังไงครับ?

TG: Well, first of all, we've got to look at age.

เทมเปิล: อย่างแรกคือ คุณต้องดูว่าเด็กอายุเท่าไหร่

ถ้าเด็กอายุ สอง สาม หรือสี่ขวบ

If you have a two, three or four-year-old, no speech, no social interaction,

ไม่พูด ไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

I can't emphasize enough: Don't wait.

ฉันขอเน้นสุดๆ เลยนะว่า

อย่าทิ้งไว้ คุณต้องคอยสอนตัวต่อตัวอย่างน้อย 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

You need at least 20 hours a week of one-to-one teaching.

The thing is, autism comes in different degrees.

ที่คุณต้องเข้าใจคือ โรคออทิสติกมีความรุนแรงหลายระดับ

About half of the people on the spectrum are not going to learn to talk,

ประมาณครึ่งหนึ่งของคนที่เป็นออทิสติก

จะไม่สามารถพูด และไม่สามารถไปทำงาน

and they won't be working in Silicon Valley.

ที่ซิลิกอนแวลีย์ได้ เป็นไปไม่ได้เลย

That would not be a reasonable thing for them to do.

แต่อีกครึ่งหนึ่ง คุณจะเจอเด็กเนิร์ด

But then you get these smart, geeky kids with a touch of autism,

ที่มีอาการออทิสติกอ่อนๆ

and that's where you've got to get them turned on

กลุ่มนี้ละ ที่คุณต้องไปจุดประกายให้เขา

with doing interesting things.

โดยให้ทำอะไรที่น่าสนใจ

I got social interaction through shared interests --

ฉันเองเข้าสังคมได้ก็เพราะเจอคนที่มีความสนใจร่วมกัน

I rode horses with other kids, I made model rockets with other kids,

ฉันขี่ม้ากับเด็กคนอื่น ฉันทำจรวดจำลองกับเด็กคนอื่น

did electronics lab with other kids.

ทำแล็บอิเล็กทรอนิกส์กับเด็กคนอื่น

And in the '60s, it was gluing mirrors onto a rubber membrane on a speaker

ตอนยุค 60 นั่น เราเอากระจกติดเข้ากับ

แผ่นยางที่หุ้มลำโพง แล้วจัดงานแสดงแสงสีเสียง

to make a light show.

That was, like, we considered that super cool.

ซึ่งพวกเรารู้สึกว่ามันเจ๋งมากเลย

(Laughter)

คริส: มันจะเกินจริงไปไหมครับ

CA: Is it unrealistic for them

to hope or think that that child loves them, as some might, as most, wish?

ถ้าเขาจะคาดหวังว่า

เด็กคนนั้นจะรักเขา

TG: Well, I tell you, that child will be loyal,

เทมเปิล: ฉันจะบอกให้ เด็กเหล่านี้จะจงรักภักดีกับคุณมาก

and if your house is burning down, they're going to get you out of it.

ถ้าบ้านคุณไฟไหม้ เขาจะลุยเข้าไปช่วยคุณออกมาเลยล่ะ

คริส: ว้าว ทีนี้ คนส่วนใหญ่ ถ้าคุณไปถามเขาว่า

CA: Wow. So most people, if you ask them what they're most passionate about,

อะไรที่เขารักและเอาใจใส่มากที่สุด เขาจะตอบทำนองว่า

they'd say things like, "My kids" or "My lover."

"ลูกของฉัน" หรือ "คนรักของฉัน"

แล้วคุณล่ะครับ อะไรที่คุณรักและใส่ใจมากที่สุด?

What are you most passionate about?

TG: I'm passionate about that the things I do

เทมเปิล: ฉันรักสิ่งที่ฉันทำ อยากให้สิ่งฉันทำ

เปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ขึ้น

are going to make the world a better place.

เวลามีคุณแม่ของเด็กออทิสติกพูดกับฉันว่า

When I have a mother of an autistic child say,

"ลูกฉันเข้าเรียนมหาวิทยาลัยก็เพราะหนังสือของคุณ

"My kid went to college because of your book

หรือเพราะได้ฟังคุณพูด" นั่นล่ะที่ทำให้ฉันมีความสุข

or one of your lectures,"

that makes me happy.

คุณรู้ไหม โรงฆ่าสัตว์ที่ฉันเคยทำงานด้วย

You know, the slaughter plants I worked with in the '80s;

เมื่อช่วงปี 80 มันแย่มากๆ เลย

they were absolutely awful.

I developed a really simple scoring system for slaughter plants,

ฉันสร้างระบบง่ายๆ สำหรับให้คะแนนโรงฆ่าสัตว์ขึ้นมา

where you just measure outcomes:

แค่นับว่ามีวัวกี่ตัวที่ล้ม

How many cattle fell down?

มีวัวกี่ตัวที่ถูกตี

How many got poked with the prodder?

How many cattle are mooing their heads off?

วัวกี่ตัวที่ร้องสุดใจขาดดิ้น

ง่ายมากๆ อย่างนี้เลย

And it's very, very simple.

You directly observe a few simple things.

คุณสังเกตเห็นอะไรง่ายๆ บางอย่างได้กับตา

It's worked really well.

มันได้ผลดีมาก ฉันมีความสุขเวลาที่เห็น

I get satisfaction out of seeing stuff

อะไรที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในโลกได้จริงๆ

that makes real change in the real world.

เราต้องมีอะไรที่จับต้องได้แบบนั้นมากขึ้น

We need a lot more of that, and a lot less abstract stuff.

และลดอะไรที่เป็นนามธรรมลงซะบ้าง

CA: Totally.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)

CA: When we were talking on the phone, one of the things you said

คริส: ตอนที่เราคุยโทรศัพท์กัน

คุณพูดอะไรอย่างหนึ่ง ซึ่งทำให้ผมทึ่งมาก

that really astonished me

was that one thing you were passionate about was server farms.

คุณบอกว่าคุณสนใจเซิร์ฟเวอร์ฟาร์ม เล่าให้เราฟังหน่อยได้ไหมครับ

Tell me about that.

เทมเปิล: ฉันตื่นเต้นมากเลยตอนที่ได้อ่านเรื่องนี้

TG: Well, the reason why I got really excited when I read about that,

เพราะเซิร์ฟเวอร์เป็นที่เก็บความรู้

it contains knowledge.

It's libraries.

เหมือนห้องสมุด

And to me, knowledge is something that is extremely valuable.

ฉันว่าความรู้เป็นอะไรที่มีค่ามาก

เมื่อสิบกว่าปีก่อน

So, maybe over 10 years ago now, our library got flooded.

ห้องสมุดของเราโดนน้ำท่วม

This is before the Internet got really big.

นั่นเป็นยุคก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะบูม

And I was really upset about all the books being wrecked,

ฉันเศร้ามากเลยที่หนังสือทั้งหมดเสียหาย

เพราะมันหมายถึงความรู้ถูกทำลายไปด้วย

because it was knowledge being destroyed.

ฉันเลยสนใจเซิร์ฟเวอร์ฟาร์ม หรือศูนย์ข้อมูล

And server farms, or data centers, are great libraries of knowledge.

เพราะมันคือห้องสมุดชั้นดีที่เอาไว้เก็บความรู้

CA: Temple, can I just say,

คริส: เทมเปิล ผมอยากบอกว่าผมดีใจมากจริงๆ ที่คุณมาพูดให้กับเราที่ TED

it's an absolute delight to have you at TED.

เทมเปิล: ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณ

Thank you so much.

TG: Well, thank you so much. Thank you.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)