Teach girls bravery, not perfection | Reshma Saujani

Translator: Pitipa Chongwatpol Reviewer: Phanlaphat Saemavattanagit

So a few years ago,

หลายปีก่อน

I did something really brave,

ฉันได้ทำบางสิ่งที่กล้าหาญมาก

or some would say really stupid.

หรือบางคนอาจจะบอกว่าโง่มาก

I ran for Congress.

ฉันลงเล่นการเมือง

For years, I had existed safely behind the scenes in politics

หลายปีที่ฉันอยู่เบื้องหลังของวงการเมือง

as a fundraiser, as an organizer,

เป็นผู้ระดมทุน เป็นผู้จัดงาน

but in my heart, I always wanted to run.

แต่ในใจของฉันนั้นอยากลงเลือกตั้งมาตลอด

The sitting congresswoman had been in my district since 1992.

ในเขตของฉันมี ส.ส. ผู้หญิง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1992

She had never lost a race,

เธอไม่เคยแพ้การเลือกตั้งเลย

and no one had really even run against her in a Democratic primary.

และไม่มีใคร ที่จะลงแข่งเลือกตั้งขั้นต้นกับเธอด้วยซ้ำ

But in my mind, this was my way

ในความคิดของฉัน นี่คือหนทาง

to make a difference,

ที่จะสร้างความแตกต่าง

to disrupt the status quo.

ที่จะทำลายสถานะเดิม ๆ

The polls, however, told a very different story.

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจนั้นออกมาเป็นอีกอย่างหนึ่ง

My pollsters told me that I was crazy to run,

ผู้สำรวจประชามติบอกฉันว่า มันบ้ามากที่ฉันจะลงสมัคร

that there was no way that I could win.

มันไม่มีทางไหนเลยที่ฉันจะชนะ

But I ran anyway,

แต่ฉันก็ลงสมัครอยู่ดี

and in 2012, I became an upstart in a New York City congressional race.

ในปี ค.ศ. 2012 ฉันได้เป็นตัวแทน ในการเลือกสมาชิกสภาคองเกรสของเมืองนิวยอร์ก

I swore I was going to win.

ฉันสาบานว่าฉันจะชนะ

I had the endorsement from the New York Daily News,

ฉันได้รับการสนับสนุน จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก เดลีนิวส์

the Wall Street Journal snapped pictures of me on election day,

หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ลงรูปของฉันในวันเลือกตั้ง

and CNBC called it one of the hottest races in the country.

สำนักข่าวซีเอ็นบีซี เรียกเหตุการณ์นี้ ว่าการแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดในประเทศ

I raised money from everyone I knew,

ฉันระดมทุมจากทุกคนที่ฉันรู้จัก

including Indian aunties

รวมถึงป้าชาวอินเดียหลายคน

that were just so happy an Indian girl was running.

ที่มีความสุขอย่างมาก ที่สาวชาวอินเดียได้ลงแข่งเลือกตั้ง

But on election day, the polls were right,

แต่ในการเลือกตั้ง ผลสำรวจนั้นถูกต้อง

and I only got 19 percent of the vote,

ฉันได้รับการโหวตแค่ 19 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

and the same papers that said I was a rising political star

หนังสือพิมพ์ต่างๆที่เคยบอกว่า ฉันเป็นดาวเด่นทางการเมือง

now said I wasted 1.3 million dollars

กลับบอกว่าฉันทำให้ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐนั้น สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

on 6,321 votes.

จาก 6,321 โหวต

Don't do the math.

อย่าคำนวณเลยค่ะ

It was humiliating.

มันน่าอับอายมาก

Now, before you get the wrong idea,

ก่อนที่พวกคุณจะเข้าใจผิด

this is not a talk about the importance of failure.

นี่ไม่ใช่การพูดเกี่ยวกับ ความสำคัญของการล้มเหลว

Nor is it about leaning in.

หรือการกล้าทำสิ่งใด

I tell you the story of how I ran for Congress

ฉันเล่าเรื่องเกี่ยวกับการลงเลือกตั้งของฉัน

because I was 33 years old

เพราะตอนนั้นฉันอายุ 33 ปี

and it was the first time in my entire life

และมันเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน

that I had done something that was truly brave,

ที่ฉันทำในสิ่งที่กล้าหาญอย่างแท้จริง

where I didn't worry about being perfect.

โดยที่ฉันไม่ได้กังวลกับ การเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ

And I'm not alone:

และฉันไม่ได้อยู่คนเดียว

so many women I talk to tell me

ผู้หญิงหลาย ๆ คน ที่ฉันคุยด้วยบอกกับฉันว่า

that they gravitate towards careers and professions

ว่าพวกเธอมุ่งไปทางอาชีพและวิชาชีพ

that they know they're going to be great in,

ที่พวกเธอรู้ว่าพวกเธอจะทำมันได้ดี

that they know they're going to be perfect in,

ที่พวกเธอรู้ว่าจะทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

and it's no wonder why.

แล้วมันก็ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม

Most girls are taught to avoid risk and failure.

เด็กผู้หญืงส่วนใหญ่ถูกสอน ให้หลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือการพ่ายแพ้

We're taught to smile pretty,

เราถูกสอนมาให้ยิ้มสวย ๆ

play it safe, get all A's.

ระวังตัว สอบให้ได้เอทั้งหมด

Boys, on the other hand,

ในทางกลับกัน เด็กผู้ชายนั้น

are taught to play rough, swing high,

ถูกสอนให้เล่นอะไรที่ยาก ผาดโผน

crawl to the top of the monkey bars and then just jump off headfirst.

ให้ปีนขึ้นไปที่สูง และกระโดดเอาหัวลงมา

And by the time they're adults,

แล้วพอถึงเวลาที่พวกเขาเป็นผู้ใหญ่

whether they're negotiating a raise or even asking someone out on a date,

ไม่ว่าจะเป็นการต่อรองขึ้นเงินเดือน หรือแม้แต่การขอออกเดท

they're habituated to take risk after risk.

พวกเขาเคยชินกับการที่จะเสี่ยง

They're rewarded for it.

พวกเขาได้รับรางวัลจากมัน

It's often said in Silicon Valley,

สิ่งทีมักจะพูดกันในซิลิคอนแวลลีย์

no one even takes you seriously unless you've had two failed start-ups.

คือ ไม่มีใครเห็นความสำคัญของคุณหรอก ถ้าคุณไม่ได้มีสองธุรกิจที่ล้มเหลว

In other words,

พูดง่าย ๆ คือ

we're raising our girls to be perfect,

เราสอนเด็กผู้หญิงให้มีความสมบูรณ์แบบ

and we're raising our boys to be brave.

และเราสอนเด็กผู้ชายให้มีความกล้า

Some people worry about our federal deficit,

บางคนกังวลเกี่ยวกับ การขาดดุลของรัฐบาลกลางของเรา

but I, I worry about our bravery deficit.

แต่ฉันกังวลเกี่ยวกับการขาดความกล้า

เศรษฐกิจและสังคมของเรากำลังสูญเสีย

Our economy, our society, we're just losing out

เพราะเราไม่ได้สอนให้เด็กผู้หญิงมีความกล้า

because we're not raising our girls to be brave.

การขาดความกล้าทำให้ผู้หญิงไม่มีบทบาท ในโครงการ STEM

The bravery deficit is why women are underrepresented in STEM,

ในองค์กรณ์ ในคณะผู้บริหาร ในสภา

in C-suites, in boardrooms, in Congress,

และส่วนใหญ่ในทุกที่ที่คุณมองเห็น

and pretty much everywhere you look.

ในยุค 1980 นักจิตวิทยา Carol Dweck

In the 1980s, psychologist Carol Dweck

ดูว่ากลุ่มเด็กฉลาดระดับ ป.5 จะใช้วิธีการใด ในการจัดการการบ้าน

looked at how bright fifth graders handled an assignment

ที่ยากเกินไปสำหรับพวกเขา

that was too difficult for them.

เธอพบว่ากลุ่มเด็กฉลาดผู้หญิงนั้น หยุดทำด้วยความรวดเร็ว

She found that bright girls were quick to give up.

ยิ่งมีไอคิวสูงเท่าไหร่ ยิ่งมีแนวโน้มที่จะล้มเลิกมากเท่านั้น

The higher the IQ, the more likely they were to give up.

ในทางกลับกัน กลุ่มเด็กฉลาดผู้ชาย

Bright boys, on the other hand,

มองว่าโจทย์ยากนั้นเป็นความท้าทาย

found the difficult material to be a challenge.

พวกเขามองว่ามันเป็นสิ่งกระตุ้น

They found it energizing.

พวกเขามีแนวโน้มมากกว่า ที่จะเพิ่มความพยายาม

They were more likely to redouble their efforts.

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

What's going on?

ในระดับนักเรียน ป. 5

Well, at the fifth grade level,

โดยปกติแล้วเด็กผู้หญิงนั้น

girls routinely outperform boys in every subject,

เรียนดีกว่าเด็กผู้ชายในทุกวิชา รวมถึงวิทยาศาสตร์ และ คณิตศาสตร์

including math and science,

ดังนั้นความสามารถไม่ใช่ปัญหา

so it's not a question of ability.

ความแตกต่างคือวิธี ที่เด็กชายและหญิงใช้รับมือกับความท้าทาย

The difference is in how boys and girls approach a challenge.

และมันไม่ได้จบอยู่ที่ ป.5

And it doesn't just end in fifth grade.

รายงานจากบริษัท HP พบว่า ผู้ชายจะสมัครงาน

An HP report found that men will apply for a job

ถ้าเขามีคุณสมบัติ ตรงเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์

if they meet only 60 percent of the qualifications,

แต่ผู้หญิงนั้น จะสมัคร

but women, women will apply

ก็ต่อเมื่อพวกเธอมีคุณสมบัติ ครบ 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

only if they meet 100 percent of the qualifications.

100 เปอร์เซ็นต์

100 percent.

การศึกษานี้ถูกใช้เป็นหลักฐานว่า

This study is usually invoked as evidence that, well,

ผู้หญิงต้องมีความมั่นใจเพิ่มขึ้น

women need a little more confidence.

แต่ฉันคิดว่ามันเป็นหลักฐาน

But I think it's evidence

ว่าผู้หญิงถูกรังสรรค์ ให้ปรารถนาความสมบูรณ์แบบ

that women have been socialized to aspire to perfection,

และพวกเธอก็ระวังมากเกินไป

and they're overly cautious.

(เสียงปรบมมือ)

(Applause)

และแม้ตอนที่เรากำลังทะเยอทะยาน

And even when we're ambitious,

แม้ตอนที่เรากำลังจะกล้าทำสิ่งใด

even when we're leaning in,

การปลูกฝังเรื่องความสมบูรณ์แบบนั้น

that socialization of perfection

ทำให้เรากล้าที่จะเสี่ยง กับอาชีพของเราน้อยลง

has caused us to take less risks in our careers.

ทำให้งาน 600,000 ตำแหน่ง ที่กำลังเปิดรับอยู่นี้

And so those 600,000 jobs that are open right now

ด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี

in computing and tech,

ผู้หญิงนั้นถูกลืม

women are being left behind,

และมันหมายถึงเศรษฐกิจของเรา ก็ถูกละเลย

and it means our economy is being left behind

ในนวัตกรรมและปัญหาต่าง ๆ ที่ผู้หญิงสามารถแก้ได้

on all the innovation and problems women would solve

ถ้าพวกเธอถูกปลูกฝังให้มีความกล้า

if they were socialized to be brave

แทนการปลูกฝังให้สมบูรณ์แบบ

instead of socialized to be perfect.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)

ในปี ค.ศ. 2012 ฉันก่อตั้งบริษัทสอนเด็กผู้หญิงเขียนโปรแกรม

So in 2012, I started a company to teach girls to code,

และสิ่งที่ฉันพบ จากการสอนพวกเธอเขียนโปรแกรมคือ

and what I found is that by teaching them to code

ฉันปลูกฝังให้พวกเธอมีความกล้า

I had socialized them to be brave.

การเขียนโปรแกรมเป็นขั้นตอนที่ไม่สิ้นสุด

Coding, it's an endless process of trial and error,

ในการลองผิด ลองถูก เพื่อที่จะ ได้คำสั่งที่ถูกต้อง ในตำแหน่งที่ถูกต้อง

of trying to get the right command in the right place,

บางทีแค่เครื่องหมาย อัฒภาค

with sometimes just a semicolon

ทำให้เกิดความแตกต่าง ระหว่างสำเร็จกับล้มเหลว

making the difference between success and failure.

โปรแกรมหยุดทำงาน และจบลงด้วยความล้มเหลว

Code breaks and then it falls apart,

และมันใช้ความพยายามมากมายหลายครั้ง

and it often takes many, many tries

จนกระทั่งช่วงเวลาที่พิเศษนั้น

until that magical moment

ตอนที่สิ่งที่คุณพยายามสร้าง กลายเป็นจริงขึ้นมา

when what you're trying to build comes to life.

มันต้องการความขยันหมันเพียร

It requires perseverance.

มันต้องการความไม่สมบูรณ์แบบ

It requires imperfection.

เราเห็นได้จากโปรแกรมของเรา

We immediately see in our program

เด็กผู้หญิงนั้นกลัวที่จะทำไม่ถูก

our girls' fear of not getting it right,

ที่จะไม่สมบูรณ์แบบ

of not being perfect.

ครูสอนเขียนโปรแกรมเล่าว่า

Every Girls Who Code teacher tells me the same story.

ในสัปดาห์แรกของการเรียนเขียนโปรแกรม ของเด็กผู้หญิง

During the first week, when the girls are learning how to code,

เด็กนักเรียนหญิงจะเรียกเธอ แล้วบอกว่า

a student will call her over and she'll say,

"หนูไม่รู้ว่าจะเขียนโค้ดอะไรค่ะ"

"I don't know what code to write."

คุณครูจะมองไปที่จอของเธอ

The teacher will look at her screen,

และจะพบจอที่ว่างเปล่า

and she'll see a blank text editor.

ถ้าเธอไม่ได้คิดอะไร เธอคงคิดว่านักเรียน

If she didn't know any better, she'd think that her student

ใช้ 20 นาทีที่ผ่านมา นั่งจ้องหน้าจอเพียงอย่างเดียว

spent the past 20 minutes just staring at the screen.

แต่ถ้าเธอลองกดย้อนกลับแค่ไม่กี่ครั้ง

But if she presses undo a few times,

เธอจะเห็นว่านักเรียนของเธอ ได้เขียนโค้ดและลบมันทิ้ง

she'll see that her student wrote code and then deleted it.

เธอลองทำ และเธอก็ใกล้จะทำสำเร็จ

She tried, she came close,

แต่เธอไม่ได้ทำมันอย่างถูกต้องทุกอย่าง

but she didn't get it exactly right.

แทนที่จะแสดงความคืบหน้าในสิ่งที่เธอทำ

Instead of showing the progress that she made,

เธอเลือกที่จะไม่แสดงอะไรเลย

she'd rather show nothing at all.

สมบูรณ์แบบหรือไม่มีเลย

Perfection or bust.

แต่มันกลับกลายเป็นว่า เด็กผู้หญิงเขียนโปรแกรมได้ดีมาก

It turns out that our girls are really good at coding,

แต่มันไม่พอเพียงเพื่อสอนพวกเธอเขียนโปรแกรม

but it's not enough just to teach them to code.

เพื่อนของฉัน เลฟ บรี เป็นอาจารย์

My friend Lev Brie, who is a professor at the University of Columbia

ที่ University of Columbia สอนการใช้ Java

and teaches intro to Java

เล่าให้ฟังเกี่ยวกับ นักศึกษาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ของเขา

tells me about his office hours with computer science students.

เวลาที่ผู้ชายมีปัญหากับงานที่ได้รับ

When the guys are struggling with an assignment,

พวกเขาจะเข้ามาหาแล้วบอกว่า

they'll come in and they'll say,

"อาจารย์ครับ โค้ดของผมมันมีปัญหา"

"Professor, there's something wrong with my code."

เด็กผู้หญิงจะเข้ามาและบอกว่า

The girls will come in and say,

"อาจารย์คะ หนูมีอะไรบางอย่างผิดปกติค่ะ"

"Professor, there's something wrong with me."

เราต้องเริ่มที่จะยกเลิก การปลูกฝังความสมบูรณ์แบบ

We have to begin to undo the socialization of perfection,

แต่เราต้องรวมมันเข้ากับ การสร้างความเป็นพี่น้อง

but we've got to combine it with building a sisterhood

ที่จะทำให้เด็กผู้หญิงรู้ว่า พวกเขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

that lets girls know that they are not alone.

เพราะว่าการพยายามให้มากขึ้น ไม่ได้ช่วยแก้ระบบที่พังแล้ว

Because trying harder is not going to fix a broken system.

ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าผู้หญิงกี่คนที่บอกฉัน

I can't tell you how many women tell me,

ว่า "ฉันกลัวที่จะยกมือขึ้น"

"I'm afraid to raise my hand,

ฉันกลัวที่จะถามคำถาม

I'm afraid to ask a question,

เพราะฉันไม่อยากเป็นคนเดียว

because I don't want to be the only one

ที่ไม่เข้าใจ

who doesn't understand,

คนเดียวที่มีปัญหา

the only one who is struggling.

เวลาที่เราสอนเด็กผู้หญิงให้มีความกล้า

When we teach girls to be brave

และเรามีเครือข่ายสนับสนุน ที่ให้กำลังใจพวกเธอ

and we have a supportive network cheering them on,

พวกเธอจะสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ

they will build incredible things,

และฉันเห็นมันทุกวัน

and I see this every day.

ยกตัวอย่างเช่น เด็กนักเรียน ม. ปลาย สองคน

Take, for instance, two of our high school students

ที่สร้างเกม Tampon Run --

who built a game called Tampon Run --

ใช่ Tampon Run --

yes, Tampon Run --

เพื่อต่อสู้กับข้อห้ามเวลามีประจำเดือน

to fight against the menstruation taboo

และการกีดกันทางเพศโดยใช้เกมส์

and sexism in gaming.

หรือผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย

Or the Syrian refugee

ที่กล้าแสดงความรัก ต่อประเทศใหม่ของเธอ

who dared show her love for her new country

โดยการสร้างแอพ ให้ชาวอเมริกันเข้าถึงการลงคะแนน

by building an app to help Americans get to the polls.

หรือเด็กสาวอายุ 16 ปีที่สร้างอัลกอริทึม

Or a 16-year-old girl who built an algorithm

ที่ช่วยในการตรวจสอบว่ามะเร็งนั้น ไม่เป็นอันตราย หรือ เป็นแบบร้ายแรง

to help detect whether a cancer is benign or malignant

เพื่อใช้โอกาสเล็กน้อยที่มี ในการช่วยชีวิตพ่อของเธอ

in the off chance that she can save her daddy's life

เพราะเขาเป็นมะเร็ง

because he has cancer.

นี่เป็นแค่สามตัวอย่างจากหลายพันเหตุการณ์

These are just three examples of thousands,

เด็กผู้หญิงหลายพันคน ที่ถูกสอนให้ไม่สมบูรณ์แบบ

thousands of girls who have been socialized to be imperfect,

คนที่เรียนรู้ที่จะพยายามต่อไป คนที่เรียนรู้ที่จะอุตสาหะ

who have learned to keep trying, who have learned perseverance.

ถึงแม้ว่าพวกเธอจะโตไปเป็น นักเขียนโปรแกรมหรือไม่ก็ตาม

And whether they become coders

หรือ ฮิลลารี่ คลินตัน หรือบียอนเซ่ คนต่อไป

or the next Hillary Clinton or Beyoncé,

พวกเธอจะไม่เลื่อนฝันของพวกเธอ

they will not defer their dreams.

และฝันอื่น ๆ ที่สำคัญอย่างมาก สำหรับประเทศของเรา

And those dreams have never been more important for our country.

สำหรับเศรษฐกิจของอเมริกา สำหรับทุกเศรษฐกิจที่จะเติบโต

For the American economy, for any economy to grow,

เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง

to truly innovate,

เราจะทิ้งประชากรครึ่งหนึ่ง ไว้ข้างหลังไม่ได้

we cannot leave behind half our population.

เราต้องปลูกฝังให้เด็กผู้หญิง ให้สามารถอยู่กับความไม่สมบูรณ์แบบ

We have to socialize our girls to be comfortable with imperfection,

และเราต้องทำมันตอนนี้

and we've got to do it now.

เราไม่สามารถรอให้พวกเธอเรียนรู้ ที่จะกล้าเหมือนที่ฉันทำ

We cannot wait for them to learn how to be brave like I did

ตอนที่ฉันอายุ 33 ปี

when I was 33 years old.

เราต้องสอนให้พวกเธอกล้าตั้งแต่ในโรงเรียน

We have to teach them to be brave in schools

และตั้งแต่เริ่มทำงาน

and early in their careers,

ตอนที่มันมีศักยภาพมากที่สุด

when it has the most potential to impact their lives

ที่จะมีผลต่อชีวิตพวกเธอ และชีวิตของผู้อื่น

and the lives of others,

และเราต้องแสดงให้พวกเธอเห็นว่า

and we have to show them that they will be loved and accepted

พวกเธอจะได้รับความรักและการยอมรับ ไม่ใช่เพราะความสมบูรณ์แบบ

not for being perfect

แต่เพราะความกล้าหาญ

but for being courageous.

ฉันอยากให้พวกคุณทุกคน บอกกับเด็กสาวทุกคนที่คุณรู้จัก

And so I need each of you to tell every young woman you know --

น้องสาว, หลานสาว, พนักงาน, เพื่อนร่วมงาน

your sister, your niece, your employee, your colleague --

ให้สามารถอยู่กับความไม่สมบูรณ์แบบได้

to be comfortable with imperfection,

เพราะเวลาที่เราสอนเด็กผู้หญิง ให้ไม่สมบูรณ์แบบ

because when we teach girls to be imperfect,

และเราช่วยให้พวกเธอใช้ประโยชน์จากมัน

and we help them leverage it,

เราจะสร้างการเคลื่อนไหว ของผู้หญิงที่กล้าหาญ

we will build a movement of young women who are brave

และเป็นคนที่จะสร้างโลกที่ดีกว่านี้ สำหรับตัวของพวกเขา

and who will build a better world for themselves

และสำหรับพวกเราทุกคน

and for each and every one of us.

ขอบคุณค่ะ

Thank you.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)

ขอบคุณค่ะ

Thank you.

คริส แอนเดอร์สัน: เรชม่า ขอบคุณครับ

Chris Anderson: Reshma, thank you.

คุณมีวิสัยทัศน์ที่มีพลังอย่างมาก

It's such a powerful vision you have. You have a vision.

บอกผมหน่อยว่ามันเป็นยังไงบ้าง

Tell me how it's going.

มีเด็กผู้หญิงอยู่ในโปรแกรมของคุณกี่คน?

How many girls are involved now in your program?

เรชม่า: ในปี ค.ศ. 2012 เราสอน 20 คน

Reshma Saujani: Yeah. So in 2012, we taught 20 girls.

ปีนี้เราจะสอน 40,000 คน จากทั้งหมด 50 รัฐ

This year we'll teach 40,000 in all 50 states.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)

และจำนวนนี้มีพลังอย่างมาก

And that number is really powerful,

ปีที่แล้วเรามีผู้หญิง 7,500 คน ที่จบด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์

because last year we only graduated 7,500 women in computer science.

เพราะปัญหามันแย่มาก

Like, the problem is so bad

แล้วเราสามารถเปลี่ยนแปลงมันได้อย่างรวดเร็ว

that we can make that type of change quickly.

คริส: และคุณก็ทำงานร่วมกับ หลายบริษัทที่อยู่ในที่นี้

CA: And you're working with some of the companies in this room even,

ที่ยินดีที่จะร่วมงาน กับคนที่จบจากโปรแกรมของคุณ?

who are welcoming graduates from your program?

เรชม่า: ใช่ค่ะ เรามีประมาณ 80 พันธมิตร

RS: Yeah, we have about 80 partners,

ทั้ง Twitter และ Facebook

from Twitter to Facebook

ทั้ง Adobe, IBM, Microsoft, Pixar และ Disney

to Adobe to IBM to Microsoft to Pixar to Disney,

ฉันหมายถึงทุกบริษัทที่มีอยู่

I mean, every single company out there.

และถ้าคุณไม่สมัครเข้ามา ฉันจะไปหาคุณ

And if you're not signed up, I'm going to find you,

เพราะเราต้องการทุกบริษัท ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี

because we need every single tech company

ให้รับเด็กสาว ที่เขียนโปรแกรมไปทำงาน

to embed a Girls Who Code classroom in their office.

คริส: และคุณมีเรื่องที่จะเล่า เกี่ยวกับบริษัทพวกนั้น

CA: And you have some stories back from some of those companies

เวลาที่คุณทำให้เกิดความสมดุลทางเพศมากขึ้น

that when you mix in more gender balance

ในทีมของวิศวกร สิ่งดี ๆ เกิดขึ้น

in the engineering teams, good things happen.

เรชม่า: สิ่งที่ยอดเยี่ยมเกิดขึ้น

RS: Great things happen.

ฉันว่ามันบ้ามาก เวลาคิดถึงความจริงที่ว่า

I mean, I think that it's crazy to me to think about the fact

85 เปอร์เซ็นต์ของผู้บริโภคนั้นคือผ้หญิง

that right now 85 percent of all consumer purchases are made by women.

ผู้หญิงมีอัตราการใช้สื่อทางสังคม มากกว่าผู้ชาย 600 เปอร์เซ็นต์

Women use social media at a rate of 600 percent more than men.

เราครองอินเทอร์เน็ต

We own the Internet,

เราควรจะสร้างบริษัทแห่งอนาคต

and we should be building the companies of tomorrow.

และฉันคิดว่าถ้าบริษัทมีทีมที่หลากหลาย

And I think when companies have diverse teams,

และมีผู้หญิงที่น่าทึ่ง เป็นส่วนหนึ่งในทีมวิศวกร

and they have incredible women that are part of their engineering teams,

พวกเขาสร้างสิ่งที่น่าประทับใจ และเราเห็นมันทุกวัน

they build awesome things, and we see it every day.

คริส: เรชม่า คุณเห็นปฏิกิริยาแล้ว คุณกำลังทำสิ่งสำคัญอย่างมาก

CA: Reshma, you saw the reaction there. You're doing incredibly important work.

ทั้งชุมชนนี้กำลังเชียร์คุณอยู่ ขอพลังจงสถิตย์กับคุณ ขอบคุณครับ

This whole community is cheering you on. More power to you. Thank you.

เรชม่า: ขอบคุณค่ะ

RS: Thank you.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)