A civil response to violence (with English subtitles) | Emiliano Salinas

Translator: Carolina Montero Reviewer: Sebastian Betti

Translator: Thipnapa Huansuriya Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

My name is Emiliano Salinas

ผมชื่อ เอมิลิอาโน ซาลีนาส (Emiliano Salinas)

and I'm going to talk about the role

ผมจะพูดถึงบทบาท

we members of society play

ที่เราในฐานะสมาชิกของสังคม

in the violent atmosphere

มีต่อบรรยากาศความรุนแรง

this country is living in right now.

ที่ประเทศของเราเผชิญอยู่ในขณะนี้

I was born in 1976.

ผมเกิดเมื่อปี 1976

I grew up in a traditional Mexican family.

โตมาในครอบครัวเม็กซิกันแบบดั้งเดิม

As a child, I had a pretty normal life:

ตอนเด็กๆ ผมก็มีชีวิตปกติดี

I would go to school, play with my friends and cousins.

ผมไปโรงเรียน เล่นกับเพื่อน กับลูกพี่ลูกน้อง

But then my father became President of Mexico

แต่แล้วเมื่อพ่อผมกลายเป็นประธานาธิบดีของเม็กซิโก

and my life changed.

ชีวิตผมก็เปลี่ยนไป

What I'm about to say,

สิ่งที่ผมกำลังจะพูด

at least some of what I'm about to say,

อย่างน้อยก็บางส่วนของสิ่งที่ผมจะพูด

will cause controversy.

คงจุดประเด็นให้เกิดการโต้แย้งกัน

Firstly, because I'm the one who's going to say it.

ประการแรก เพราะว่าผมเป็นคนพูด

And secondly, because what I'm going to say is true,

และประการที่สอง เพราะสิ่งที่ผมพูดมันเป็นความจริง

and it will make a lot of people nervous

และมันจะทำให้คนจำนวนมากต้องวิตกกังวล

because it's something we don't want to hear.

เพราะมันเป็นสิ่งที่เราไม่อยากได้ยิน

But it's imperative that we listen

แต่เราจำเป็นต้องฟัง

because it's undeniable and definitive.

เพราะมันเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

It will also make members of

มันจะทำให้สมาชิก

criminal organizations nervous

องค์กรอาชญากรรมต้องวิตกกังวลไปด้วย

for the same reasons.

เพราะเหตุผลเดียวกัน

I'm going to talk about the role

ผมกำลังจะพูดถึงบทบาทของเรา

we members of society play

ในฐานะสมาชิกของสังคม

in this phenomenon,

ท่ามกลางปรากฏการณ์เช่นนี้

and about four different response levels

และการตอบสนองสี่ระดับ

we citizens have against violence.

ที่พลเมืองอย่างเรามีต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น

I know many will find it difficult to separate the fact

ผมรู้ว่าหลายคนคงรู้สึกว่ามันยากที่จะแยก

that I'm Carlos Salinas de Gortari's son

ความจริงที่ว่าผมเป็นลูกชายประธานาธิบดี

from the fact that I'm a citizen

ออกจากความจริงที่ว่าผมเองก็เป็นพลเมืองคนหนึ่ง

concerned about the country's current situation.

ที่ห่วงใยสถานการณ์ในประเทศของเราในปัจจุบันนี้

Don't worry.

ไม่ต้องห่วงครับ

It's not necessary for understanding

มันไม่จำเป็นต่อการทำความเข้าใจ

the importance of what I'm going to say.

ความสำคัญของสิ่งที่ผมกำลังจะพูดหรอกครับ

I think we have a problem in Mexico.

ผมคิดว่าเม็กซิโกของเรามีปัญหา

We have a big problem.

เรามีปัญหาใหญ่มาก

I think there's consensus on this.

ผมคิดว่าทุกคนเห็นตรงกัน

No one argues --

ไม่มีใครค้าน

we all agree there's a problem.

เราล้วนเห็นตรงกันว่าเรามีปัญหา

What we don't agree on

แต่ที่เราเห็นไม่ตรงกัน

is what the problem actually is.

คือ ปัญหามันคืออะไรกันแน่

Is it the Zetas? The drug traffickers? The government?

พวก Zetas แก๊งค้ายาเสพติดเหรอ หรือรัฐบาล

Corruption? Poverty? Or is it something else?

คอรัปชั่น ความยากจน หรือว่าอะไรอย่างอื่น

I think none of these is the problem.

ผมคิดว่าทุกอย่างที่กล่าวมาไม่ใช่ปัญหาเลย

I don't mean they don't deserve attention.

ผมไม่ได้หมายความว่ามันไม่ควรได้รับความสนใจ

But we won't be able to take care of any of those things

แต่เราไม่มีวันแก้ปัญหาพวกนี้ได้

if we don't solve the real problem

ถ้าเราไม่แก้ปัญหาที่แท้จริง

we have in Mexico first.

ที่เราเผชิญอยู่ในเม็กซิโกเสียก่อน

The real problem we have is

ปัญหาที่แท้จริงที่เรามีคือ

most of us Mexicans, we believe we are victims

คนเม็กซิกันเราส่วนใหญ่ เชื่อว่าเราเป็นเหยื่อ

of our circumstances.

ของสถานการณ์

We are a country of victims.

เราเป็นประเทศที่เป็นเหยื่อ

Historically, we've always acted as victims

ตามประวัติศาสตร์ เราทำตัวเป็นเหยื่อ

of something or somebody.

ของอะไรบางอย่างหรือคนบางกลุ่มตลอดมา

We were victims of the Spaniards.

เราตกเป็นเบี้ยล่างของสเปน

Then we were victims of the French.

แล้วก็ฝรั่งเศส

Then we were victims of Don Porfirio.

แล้วเราก็เป็นเหยื่อของ Don Porfirio (อดีตประธานาธิบดีเม็กซิกัน)

Then we were victims of the PRI.

แล้วก็ PRI

Even of Salinas.

แล้วก็ Salinas

And of El Peje.

และก็ El Peje

And now of the Zetas and the traffickers and the criminals and the kidnappers ...

มาตอนนี้ก็เป็นเหยื่อของ Zetas พวกลักลอบค้ายา อาชญากร และแก๊งลักพาตัว

Hold on! Wait a minute!

เดี๋ยวก่อนสิครับ

What if none of these things is the problem?

ถ้าเกิดทุกอย่างที่ว่ามาไม่ใช่ปัญหาล่ะ

The problem is not the things we feel victims of.

ปัญหาไม่ได้เกิดจากสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราตกเป็นเหยื่อ

The problem is that we play the role of victims.

แต่อยู่ที่เราเองยอมรับบทเหยื่อ

We need to open our eyes and see that we are not victims.

เราต้องลืมตาและมองให้เห็นว่าเราไม่ใช่เหยื่อ

If only we stopped feeling like victims,

ถ้าเราหยุดคิดและหยุดมองว่าตัวเองเป็นเหยื่อ

if we stopped acting as victims,

หยุดทำตัวเป็นเหยื่อ

our country would change so much!

ประเทศของเราจะเปลี่ยนแปลงไปมากเลย

I'm going to talk about how to go from a society

ผมจะพูดถึงแนวทางว่า ทำอย่างไรเราจึงจะก้าวข้าม

that acts as a victim of circumstances

การเป็นสังคมที่ทำตัวเป็นเหยื่อของสถานการณ์

to a responsible, involved society

ไปสู่การเป็นสังคมที่รับผิดชอบและมีส่วนร่วม

that takes the future of its country in its own hands.

สังคมที่กุมอนาคตของประเทศไว้ในมือ

I'm going to talk about four different levels

ผมจะพูดถึงสี่ระดับการตอบสนอง

of civil response against violence,

ของพลเมืองต่อความรุนแรง

from weakest

จากระดับอ่อนที่สุด

to strongest.

ไปจนถึงระดับที่เข้มแข็งที่สุด

The first level, the weakest level of civil response against violence,

ระดับแรก ซึ่งเป็นการตอบสนองที่อ่อนแอที่สุดของพลเมืองต่อความรุนแรง

is denial and apathy.

ก็คือการปฏิเสธไม่รับรู้และการเพิกเฉย

Today, much of Mexican society is in denial

ทุกวันนี้ คนในสังคมเม็กซิกันส่วนใหญ่กำลังปฏิเสธ

of the situation we're going through.

ไม่รับรู้เหตุการณ์ที่เรากำลังเผชิญ

We want to go on with our daily life

เราอยากใช้ชีวิตของเราไปตามปกติ

even though we are not living under normal circumstances.

แม้ว่าความจริงเราจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติแล้ว

Daily life in our country is,

ชีวิตประจำวันในประเทศของเรา

to say the least,

ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องเรียกว่า

under extraordinary, exceptional circumstances.

อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติไปแล้ว

It's like someone who has a serious illness

เหมือนคนป่วยเป็นโรคร้าย

and pretends it's the flu

หลอกตัวเองว่าแค่เป็นหวัด

and it will just go away.

แล้วเดี๋ยวมันก็หายไปเอง

We want to pretend that Mexico has the flu.

เราอยากจะเชื่อว่าเม็กซิโกของเราแค่เป็นหวัด

But it doesn't.

แต่มันไม่ใช่นะครับ

Mexico has cancer.

เม็กซิโกกำลังเป็นมะเร็งแล้ว

And if we don't do something about it,

และถ้าเราไม่ทำอะไรสักอย่าง

the cancer will end up killing it.

มะเร็งร้ายก็จะฆ่าประเทศของเราในที่สุด

We need to move Mexican society

เราต้องขับเคลื่อนสังคมเม็กซิกัน

from denial and apathy

จากการปฏิเสธและการเพิกเฉย

to the next level of citizen response,

ไปสู่ระดับการตอบสนองของพลเมืองที่สูงขึ้น

which is, effectively, recognition.

นั่นคือ การตระหนักถึงปัญหา

And that recognition will sow fear --

ซึ่งจะนำมาซึ่งความกลัว

recognizing the seriousness of the situation.

เมื่อเราตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์

But, fear is better than apathy

แต่ความกลัวก็ยังดีกว่าการไม่รู้สึกรู้สมอะไร

because fear makes us do something.

เพราะความกลัวจะทำให้เราลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง

Many people in Mexico

คนจำนวนมากในเม็กซิโก

are afraid today.

ทุกวันนี้ก็กำลังกลัว

We're very afraid.

เรารู้สึกกลัวกันมาก

And we're acting out of that fear.

และเราก็แสดงพฤติกรรมบางอย่างอันเนื่องมาจากความกลัว

And let me tell you what the problem is

ผมขอพูดหน่อยว่า การกระทำที่ขับเคลื่อนด้วยความกลัว

with acting out of fear --

มันเป็นปัญหาอย่างไร

and this is the second level of civil response:

นี่เป็นการตอบสนองระดับที่สองนะครับ

fear.

นั่นคือความกลัว

Let's think about Mexican streets:

ลองนึกถึงถนนหนทางในเม็กซิโก

they're unsafe because of violence,

มันไม่ปลอดภัยเพราะมีความรุนแรง

so people stay at home.

คนก็เลยอยู่บ้าน

Does that make streets more or less safe?

คุณว่านั่นทำให้ท้องถนนปลอดภัยมากขึ้นหรือน้อยลง

Less safe!

น้อยลงครับ!

So streets become more desolate and unsafe,

เพราะถนนยิ่งเปลี่ยวและไม่ปลอดภัยมากขึ้น

so we stay home more --

เราก็เลยยิ่งเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน

which makes streets even more desolate and unsafe,

ซึ่งยิ่งทำให้ถนนเปลี่ยวและอันตรายมากขึ้นไปอีก

and we stay home even more.

และเราก็ยิ่งเก็บตัวอยู่ในบ้านยิ่งกว่าเดิม

This vicious circle ends up with the whole population

วงจรอุบาทนี้จะทำให้ในท้ายที่สุดประชากรทั้งหมด

stuck inside their houses, scared to death --

ก็จะติดอยู่ในบ้าน กลัวแทบตาย

even more afraid than when we were out on the streets.

กลัวยิ่งกว่าตอนที่พวกเขาอยู่บนท้องถนนกันเยอะๆ เสียอีก

We need to confront this fear.

เราต้องเผชิญหน้ากับความกลัวนี้ครับ

We need to move Mexican society,

เราต้องผลักดันสังคมเม็กซิโก

the members of society who are at this level,

และสมาชิกในสังคมที่มีการตอบสนองอยู่ในระดับนี้

to the next level, which is action.

ให้ก้าวไปสู่ระดับต่อไป นั่นคือการลงมือทำอะไรสักอย่าง

We need to face our fears and take back our streets,

เราต้องเผชิญหน้ากับความกลัว และเอาท้องถนนของเรา

our cities, our neighborhoods.

เมืองของเรา ชุมชนของเราคืนมา

For many people, acting involves courage.

สำหรับหลายๆ คน การลงมือคือการตอบโต้ด้วยความโกรธ

We go from fear to courage.

เราเปลี่ยนจากกลัวเป็นโกรธแค้น

They say, "I can't take it anymore.

บางคนบอกว่า "ทนไม่ไหวแล้ว

Let's do something about it."

ลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างดีกว่า"

Recently --

ไม่นานมานี้

this is a sensitive figure --

ตัวเลขที่ผมจะพูดนี้มันสะเทือนใจหน่อยนะครับ

35 public lynchings have been recorded

นั่นคือ มีเหตุรุมประชาทัณฑ์เกิดขึ้น 35 ครั้งแล้ว

so far in 2010

ในปี 2010 ที่ผ่านมา

in Mexico.

ในประเทศเม็กซิโก

Usually it's one or two a year.

เมื่อก่อนนี้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแค่ปีละหนึ่งหรือสองกรณี

Now we're experiencing one every week.

ตอนนี้มันเกิดขึ้นราวอาทิตย์ละครั้ง

This shows that society is desperate

นี่แสดงให้เห็นว่าสังคมเราสิ้นหวังแล้ว

and it's taking the law into its own hands.

จึงได้ตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาตัดสินและลงทัณฑ์กันเอง

Unfortunately, violent action --

แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า มันเป็นการกระทำที่ใช้ความรุนแรง

though action is better than no action --

แม้การลงมือทำอะไรบางอย่างจะดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

but taking part in it

แต่การตอบสนองด้วยความรุนแรงแบบนี้

only disguises violence.

มีแต่จะซ่อนหรือแฝงความรุนแรงไว้ชั่วคราว

If I'm violent with you

ถ้าผมใช้ความรุนแรงกับคุณ

and you respond with violence,

แล้วคุณตอบโต้ด้วยความรุนแรง

you become part of the violence

คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของความรุนแรงด้วยเช่นกัน

and you just disguise my violence.

และคุณก็ทำได้เพียงแค่ระงับความรุนแรงของผมไว้ชั่วคราว

So civil action

ดังนั้น การแสดงออกของประชาชนพลเมือง

is vital,

เป็นสิ่งสำคัญมาก

but it's also vital to take people

แต่เราก็จำเป็นที่จะต้อง

who are at the level of courage

พาเขาก้าวข้ามระดับความโกรธแค้น

and violent action

และการตอบกลับด้วยความรุนแรง

to the next level,

ไปสู่ระดับที่เหนือกว่านั้น

which is non-violent action.

นั่นคือการตอบสนองโดยไม่ใช้ความรุนแรง

It's pacific, coordinated civil action,

เป็นการตอบโต้โดยสันติและประสานกันอย่างเป็นระบบ

which doesn't mean passive action.

ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเป็นฝ่ายตั้งรับ

It means it's determined and effective,

มันหมายถึงการตอบโต้อย่างมุ่งมั่นมีประสิทธิภาพ

but not violent.

แต่ไม่ใช้ความรุนแรง

There are examples of this kind of action in Mexico.

ในเม็กซิโกมีตัวอย่างของการตอบสนองแบบนี้แล้ว

Two years ago, in Galena City, Chihuahua,

สองปีที่แล้ว ในเมือง Galena รัฐ Chihuahua

a member of the community was kidnapped,

คนในชุมชนแห่งหนึ่งถูกลักพาตัวไป

Eric Le Barón.

เขาชื่อ Eric Le Barón

His brothers, Benjamín and Julián,

พี่ชายของเขา Benjamín กับ Julián

got together with the rest of the community

ประชุมร่วมกับคนในชุมชนทั้งหมด

to think of the best course of action:

เพื่อคิดหาทางออกที่ดีที่สุด

to pay the ransom,

จะจ่ายค่าไถ่ดีไหม

to take up arms and go after the kidnappers

หรือจับอาวุธแล้วออกไปไล่ล่าพวกโจรลักพาตัว

or to ask the government for help.

หรือขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล

In the end, Benjamín and Julián decided

สุดท้าย Benjamín กับ Julián ตัดสินใจว่า

the best thing they could do

สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้

was to organize the community and act together.

คือการรวบรวมคนในชุมชนแล้วร่วมมือกันทำอะไรสักอย่าง

So what did they do?

เขาทำอะไรกันน่ะเหรอครับ

They mobilized the whole community of Le Barón

เขารวบรวมคนทั้งชุมชนในเมือง Le Barón

to go to Chihuahua,

พากันไปที่เมือง Chihuahua

where they organized a sit-in

และเริ่มนั่งประท้วง

in the central park of the city.

ในสวนสาธารณะกลางเมือง

They sent a message to the kidnappers:

พวกเขาสื่อสารไปยังพวกโจรลักพาตัวว่า

"If you want your ransom come and get it.

"ถ้าอยากได้ค่าไถ่ก็ออกมาเอาไปสิ

We'll be waiting for you right here."

พวกเรารออยู่ตรงนี้แหละ"

They stayed there.

พวกเขานั่งรออยู่ตรงนั้น

Seven days later, Eric was set free

เจ็ดวันต่อมา Eric ก็ได้รับการปล่อยตัว

and was able to return home.

และกลับบ้านได้

This is an example of what an organized society can do,

นี่คือตัวอย่างว่าสังคมที่ร่วมมือกันสามารถทำอะไรได้บ้าง

a society that acts.

เป็นสังคมที่ขับเคลื่อนอะไรบางอย่างได้

Of course, criminals can respond.

แน่นอนว่าพวกอาชญากรอาจจะตอบโต้

And in this case, they did.

และในกรณีนี้ก็มีการตอบโต้กลับมาจริงๆ

On July 7th, 2009,

วันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2009

Benjamín Le Barón was murdered.

Benjamín Le Barón ถูกฆาตกรรม

But Julián Le Barón keeps working

แต่ Julián Le Barón ยังคงเดินหน้า

and he has been mobilizing communities in Chihuahua

ขับเคลื่อนมวลชนในรัฐ Chihuahua

for over a year.

ต่อมาอีกมากกว่าหนึ่งปี

And for over a year he has known that a price has been put on his head.

ซึ่งตลอดเวลาปีกว่านั้น เขาก็รู้ว่าเขาถูกตั้งค่าหัว

But he keeps fighting.

แต่เขาก็ยังคงสู้ต่อ

He keeps organizing.

เขายังจัดตั้งมวลชน

He keeps mobilizing.

ขับเคลื่อนมวลชน

These heroic acts are present all over the country.

การกระทำที่กล้าหาญเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วประเทศ

With a thousand Juliáns working together,

ถ้ามีคนอย่าง Juliáns สักพันคนมาร่วมมือกัน

Mexico would be a very different country.

เม็กซิโกคงแตกต่างไปจากวันนี้มาก

And they're out there!

คนเหล่านั้นก็มีอยู่ทั่วไป

They just have to raise their hands.

แค่รอให้เขายกมือขึ้นอาสา

I was born in Mexico, I grew up in Mexico

ผมเกิดในเม็กซิโก โตในเม็กซิโก

and along the way, I learned to love Mexico.

และระหว่างนั้น ผมก็เรียนรู้ที่จะรักเม็กซิโก

I think anyone who has stepped foot on this land --

ผมคิดว่า ใครก็ตามที่ได้เข้ามาสัมผัสแผ่นดินนี้

not to mention all Mexican people --

ไม่ใช่แค่คนเม็กซิโก

will agree that it's not difficult

ย่อมเห็นด้วยกับผมว่ามันไม่ยากเลย

to love Mexico.

ที่จะหลงรักเม็กซิโก

I've traveled a lot

ผมเดินทางมาเยอะ

and nowhere else have I found the passion Mexicans have.

ไม่มีที่ไหนเลยที่ผมเห็นความรักอันแรงกล้าอย่างที่คนเม็กซิกันมี

That devotion we feel

ความศรัทธาที่เรามีต่อ

for the national football team.

ทีมฟุตบอลประจำชาติของเรา

That devotion we show

ความเสียสละทุ่มเทของเรา

in helping victims of disasters,

ในการช่วยเหลือเหยื่อพิบัติภัย

such as the earthquake in 1985

เช่นเหตุแผ่นดินไหวเมื่อปี 1985

or this year's floods.

หรือเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นปีนี้

The passion with which we've been singing the national anthem

ความรู้สึกอันแรงกล้าเวลาเราร้องเพลงชาติ

since we were kids.

ตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก

When we thought Masiosare

เมื่อเราคิดว่ามีคนต่างชาติ

was the strange enemy,

ที่เป็นศัตรูมุ่งร้ายประเทศเรา

and we sang, with a childlike heart,

เราร้องเพลง ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์เหมือนเด็กๆ

"a soldier in each son."

"ทหารหาญในตัวลูกเม็กซิกันทุกคน" (เนื้อร้อง)

I think the biggest insult,

ผมคิดว่าการสบประมาทที่รุนแรงที่สุด

the worst way you can offend a Mexican

วิธีที่เลวร้ายที่สุดในการเหยียดหยามคนเม็กซิกัน

is to insult their mother.

ก็คือการดูถูกแม่ของพวกเรา

A mother is the most sacred thing in life.

แม่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในชีวิต

Mexico is our mother and today she cries out for her children.

เม็กซิโกคือแม่ของเรา และวันนี้แม่กำลังร้องไห้เพราะลูกๆ

We are going through the darkest moment

เรากำลังเผชิญช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด

in our recent history.

ในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของเรา

Our mother, Mexico, is being violated before our very eyes.

แม่ของเรา ประเทศเม็กซิโก กำลังถูกล่วงเกินต่อหน้าต่อตาของเรา

What are we going to do?

เราจะทำอย่างไรกันดีล่ะครับ

Masiosare, the strange enemy, is here.

Masiosare ศัตรูตัวร้ายอยู่ตรงนี้แล้ว

Where is the soldier in each son?

ทหารหาญในตัวของลูกเม็กซิกันอยู่ที่ไหนครับ

Mahatma Gandhi,

มหาตมะ คานธี

one of the greatest civil fighters of all time, said,

หนึ่งในนักต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กล่าวว่า

"Be the change you wish to see in the world."

"จงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เธออยากให้เกิดขึ้นในโลก"

Today in Mexico we're asking for Gandhis.

วันนี้เม็กซิโกกำลังต้องการคานธี

We need Gandhis.

เราต้องการคานธี

We need men and women who love Mexico

เราต้องการหญิงชายที่รักประเทศเม็กซิโก

and who are willing to take action.

และยินดีลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง

This is a call for every true Mexican

ผมขอร้องให้ลูกเม็กซิกันทุกคน

to join this initiative.

เข้าร่วมการเคลื่อนไหวนี้

This is a call

นี่คือการขอร้อง

so that every single thing we love about Mexico --

เพื่อที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารักเกี่ยวกับเม็กซิโก

the festivals, the markets,

งานเทศกาลต่างๆ ตลาด

the restaurants, the cantinas,

ร้านอาหารต่างๆ

the tequila, the mariachis, the serenades,

เหล้าเตอกิลา, วงดนตรี, และ เสียงดนตรี

the posadas, El Grito, the Day of the Dead,

เทศกาล Posadas, El Grito, The Day of the Dead

San Miguel, the joy, the passion for life,

เมือง San Miguel ความสุข ความมีชีวิตชีวา

the fight and everything it means to be Mexican --

การต่อสู้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความหมายของเม็กซิกัน

doesn't disappear from this world.

จะไม่เลือนหายไปจากโลกนี้

We're facing a very powerful opponent.

เรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีพลังอำนาจมาก

But we are many more.

แต่พวกเรารวมกันก็มีจำนวนมากกว่าเยอะ

They can take a man's life.

พวกเขาอาจคร่าชีวิตคน

Anyone can kill me,

อาจจะมีใครมาฆ่าผม

or you, or you.

หรือคุณ หรือไม่ก็คุณ

But no one can kill

แต่ไม่มีใครสามารถฆ่า

the spirit of true Mexicans.

จิตวิญญาณของคนเม็กซิกันได้

The battle is won,

การรบสิ้นสุดแล้ว

but we still have to fight it.

แต่เรายังต้องสู้ต่อไป

2000 years ago, the Roman poet Juvenal

2000 ปีที่แล้ว กวีโรมันชื่อ Jovenal

said something that today echoes

กล่าวประโยคที่ยังคงสะท้อนก้อง

in the heart of every true Mexican.

อยู่ในใจของคนสายเลือดเม็กซิกันทุกคน

He said, "Count it the greatest sin

เขาพูดว่า "นับว่าเป็นบาปอันยิ่งใหญ่

to prefer life to honor,

หากใครเลือกการเอาชีวิตรอดมากกว่าศักดิ์ศรี

and for the sake of living

และยอมสูญเสียสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีค่าควรแก่การดำรงอยู่

to lose what makes life worth living."

เพียงเพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ"

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)