The secret to desire in a long-term relationship | Esther Perel | TED

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Chana Chananukul Reviewer: Yada Sattarujawong

ทำไมเซ็กส์ที่ดีจึงมักจางหายไป

So, why does good sex so often fade,

แม้แต่คู่รักที่ยังคงรักกันมากที่สุด

even for couples who continue to love each other as much as ever?

And why does good intimacy not guarantee good sex,

และทำไมความสนิทสนมที่ดี ก็ไม่รับประกันว่าคู่สมรสมี sex ที่ดี

contrary to popular belief?

เพราะขัดกับความเชื่อที่คนส่วนใหญ่เชื่อกันหรือ?

Or, the next question would be,

คำถามต่อไปคือ

can we want what we already have?

เรายังสามารถ ต้องการสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ได้หรือ?

That's the million-dollar question, right?

เป็นคำถามล้านดอลลาร์ใช่ไหม?

And why is the forbidden so erotic?

แล้วทำไมสิ่งต้องห้ามถึงดึงดูดกามรมณ์?

What is it about transgression that makes desire so potent?

อะไรเกี่ยวกับการกระทำผิดกฎ ที่ทำให้ความปรารถนานั้นมีพลัง?

And why does sex make babies,

และทำไม sex ทำให้เกิดทารก

and babies spell erotic disaster in couples?

และเด็กทารก หมายถึงภัยพิบัติสำหรับคู่รัก?

(Laughter)

It's kind of the fatal erotic blow, isn't it?

มันเป็นระเบิดสำหรับความรื่นรมย์ใช่มั๊ย

And when you love, how does it feel?

และเมื่อคุณมีรัก มันรู้สึกอย่างไร?

And when you desire, how is it different?

และเมื่อคุณแค่ต้องการ มันต่างกันอย่างไร?

These are some of the questions

เหล่านี้เป็นบางส่วนของคำถาม

that are at the center of my exploration on the nature of erotic desire

ที่เป็นจุดรวมของการสำรวจของฉัน

กับลักษณะของความปรารถนากาม

and its concomitant dilemmas in modern love.

และวิกฤติ ที่เราต้องเผชิญในความรักสมัยใหม่

So I travel the globe,

ดังนั้นฉันจึงเดินทางรอบโลก

and what I'm noticing is that everywhere where romanticism has entered,

และสิ่งที่ฉันสังเกตเห็นคือ

ทุกที่ ที่มีความโรแมนติก

there seems to be a crisis of desire.

ดูเหมือนว่า จะมีวิกฤตของความปรารถนา

A crisis of desire, as in owning the wanting --

วิกฤตของความปรารถนา หมายถึงในเรื่องการเป็นเจ้าของ และในด้านความต้องการ -

desire as an expression of our individuality,

ความปรารถนา ในฐานะการแสดงออกส่วนตัวของเรา

of our free choice, of our preferences, of our identity --

ทางเลือกอิสระของเรา ของการตั้งค่าของเรา จากเอกลักษณ์ของเรา

desire that has become a central concept

ความปรารถนาที่ได้กลายเป็นแนวคิดกลาง

as part of modern love and individualistic societies.

เป็นส่วนหนึ่งของความรักที่ทันสมัย และสังคมของปัจเจกบุคคล

You know, this is the first time in the history of humankind

คุณรู้ไหมว่า นี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติ

where we are trying to experience sexuality in the long term

ที่เรากำลังพยายามที่จะได้สัมผัส กับความสัมพันธ์ทางเพศในระยะยาว,

ไม่ใช่เพราะเราต้องการลูก 14 คน

not because we want 14 children,

for which we need to have even more because many of them won't make it,

ที่จริงเราจำเป็นต้องมีลูกให้มากขึ้น ด้วยซ้ำไป เพราะหลายคนมีลูกไม่ได้

and not because it is exclusively a woman's marital duty.

และไม่ใช่เพราะว่ามันเป็น หน้าที่เฉพาะของผู้หญิงที่สมรสแล้วคนหนึ่ง

This is the first time that we want sex over time

ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่เราต้องการ sex เมื่อเวลาผ่านไป

ความสุขเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ ที่มีรากมาจากความปรารถนา

about pleasure and connection that is rooted in desire.

So what sustains desire, and why is it so difficult?

ดังนั้น อะไรเป็นสิ่งรักษาความปรารถนา และทำไมมันยากจัง?

And at the heart of sustaining desire in a committed relationship,

และหัวใจของความปรารถนาที่ยั่งยืน ในความสัมพันธ์ระยะยาว

I think, is the reconciliation of two fundamental human needs.

ฉันคิดว่ามันคือความสมานฉันท์ของสองความต้องการ ขั้นพื้นฐานของมนุษย์สองคน

On the one hand, our need for security, for predictability,

ด้านหนึ่ง เราจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัย ของเรา เราสามารถคาดการณ์ล่วงหน้า

for safety, for dependability,

เพื่อความปลอดภัย เพื่อให้เกิดความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคง-

for reliability, for permanence.

All these anchoring, grounding experiences of our lives

ทั้งหมดเหล่านี้มีน้ำหนักถ่วง ประสบการณ์พื้น ๆ ของชีวิตของเรา

that we call home.

สิ่งที่เราเรียกว่าบ้าน

But we also have an equally strong need -- men and women --

แต่เรายังมีความต้องการมากเท่ากันทั้งใน - ชายและหญิง -

for adventure, for novelty,

ความต้องการ การผจญภัย ความแปลกใหม่ ความลึกลับ ความเสี่ยง และสำหรับอันตราย

for mystery, for risk, for danger,

for the unknown, for the unexpected, surprise --

สำหรับสิ่งลึกลับ ความประหลาดใจที่ไม่คาดคิด

you get the gist.

คุณจะได้รับส่วนสำคัญ - สำหรับระยะทาง การเดินทาง

For journey, for travel.

So reconciling our need for security and our need for adventure

ดังนั้นทำความต้องการของเรา ให้ถูกต้องเพื่อความปลอดภัย

และความต้องการของเรา เข้าไปผจญภัยในหนึ่งความสัมพันธ์

into one relationship,

or what we today like to call a passionate marriage,

หรือสิ่งที่เราวันนี้ชอบที่จะเรียกว่า การแต่งงาน ความรัก

used to be a contradiction in terms.

เคยเป็นแง่ความขัดแย้ง

Marriage was an economic institution

แต่งงานเป็นสถาบันทางเศรษฐกิจ

ในที่ที่คุณจะได้รับความร่วมมือจากคู่ชีวิต

in which you were given a partnership for life

in terms of children and social status

ในแง่ของเด็กและสถานะทางสังคม

and succession and companionship.

อย่างต่อเนื่องและมิตรภาพ

แต่ตอนนี้เราต้องการให้คู่ชีวิตของเรา จะยังคงให้เราทุกสิ่งเหล่านี้

But now we want our partner to still give us all these things,

but in addition I want you to be my best friend

นอกจากนี้ฉันต้องการ ให้คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน

and my trusted confidant and my passionate lover to boot,

และเป็นคนสนิทที่เชื่อถือได้ และคนรักที่น่าหลงใหลของฉัน

and we live twice as long.

และเราอยู่ด้วยกันนานขึ้นสองเท่า

(Laughter)

(หัวเราะ)

ดังนั้นเราเลือกคนๆนึงมา และเราก็ขอให้พวกเขา

So we come to one person, and we basically are asking them

to give us what once an entire village used to provide.

ที่จะทำให้เราสิ่งที่ครั้งหนึ่ง ทั้งหมู่บ้านเคยให้:

Give me belonging, give me identity,

ให้ฉันเป็นของคุณ มีสถานะ มีความต่อเนื่อง

give me continuity,

but give me transcendence and mystery and awe all in one.

แต่ให้ฉันอยู่เหนือความเข้าใจ มีความลึกลับ มีความน่าเกรงขาม ทั้งหมดในคนๆเดียว

Give me comfort, give me edge.

ให้มีความสดวกสบาย มีอาณาเขต

Give me novelty, give me familiarity.

ให้ฉันมึความแปลกใหม่ ให้ความสนินสนม

Give me predictability, give me surprise.

ให้ฉันคาดเดาได้ ให้ฉันประหลาดใจ

And we think it's a given,

และเราคิดว่ามันเป็นของเล่น ที่ได้รับ และชุดชั้นในเท่านั้นที่จะช่วยเรา

and toys and lingerie are going to save us with that.

(Laughter)

(ปรบมือ)

(Applause)

ดังนั้นตอนนี้เราได้รับการความเป็นจริง ที่อยู่ในเรื่องนี้ใช่มั้ย?

So now we get to the existential reality of the story, right?

Because I think, in some way --

เพราะฉันคิดว่า ในทางใดทางหนึ่ง - และฉันจะหวลกลับมา -

and I'll come back to that --

but the crisis of desire is often a crisis of the imagination.

แต่วิกฤติของความปรารถนา ที่มักจะเป็นวิกฤตของจินตนาการ

So why does good sex so often fade?

sex ที่ดีทำไมจึงมักจะจางหายไป?

What is the relationship between love and desire?

ความสัมพันธ์ระหว่างความรัก และความปรารถนาคืออะไร?

How do they relate, and how do they conflict?

สองอย่างเกี่ยวข้องกัน และมันขัดแย้งกันอย่างไร?

เพราะว่าความลึกลับของกามารมย์อยู่ในนั้น

Because therein lies the mystery of eroticism.

So if there is a verb, for me, that comes with love, it's "to have."

ดังนั้นหากมีคำกริยา สำหรับฉัน ที่มาพร้อมกับความรักก็คือ คำว่า "มี."

And if there is a verb that comes with desire, it is "to want."

และถ้ามีเป็นคำกริยา ที่มาพร้อมกับความปรารถนามันคือ "ต้องการ".

In love, we want to have, we want to know the beloved.

ในความรัก ที่เราต้องการได้ เราต้องการรู้ได้รับความรัก

We want to minimize the distance.

เราต้องการที่จะลดระยะทาง เราต้องการที่ทำสัมผัสช่องว่าง

We want to contract that gap.

We want to neutralize the tensions.

.เราต้องการที่จะรับการดูแลต่อต้านความตึงเครียด เราต้องการความใกล้ชิด

We want closeness.

แต่ในความปรารถนา ที่เรามีแนวโน้มที่จะไม่ต้องการ ที่จะกลับไปยังสถานที่ที่เราเคยไปแล้ว

But in desire,

we tend to not really want to go back to the places we've already gone.

Forgone conclusion does not keep our interest.

ข้อสรุปก่อน ๆ ไม่ได้ทำให้เราสนใจ

In desire, we want an Other,

ในความปรารถนา ที่เราต้องการอีกด้าน ที่เราสามารถไปเยี่ยมชม

somebody on the other side that we can go visit,

ที่เราสามารถไปใช้เวลาด้วย

that we can go spend some time with,

that we can go see what goes on in their red-light district.

ที่เราสามารถไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตห้ามไปไฟแดง

You know?

ในความปรารถนา ที่เราต้องการสะพานที่จะข้าม

In desire, we want a bridge to cross.

Or in other words, I sometimes say, fire needs air.

หรือในคำอื่น ๆ ฉันบางครั้งก็บอก เปลวไฟจำเป็นต้องใช้อากาศ

Desire needs space.

ความปรารถนาต้องการความเป็นอิสระส่วนตัว

And when it's said like that, it's often quite abstract.

และเมื่อมันกล่าวว่าเช่นนั้น ก็มักค่อนข้างจะเป็นนามธรรม

But then I took a question with me.

แต่แล้วฉันเอาคำถามกับตัวเอง

And I've gone to more than 20 countries in the last few years

และฉันได้ไปกว่า 20 ประเทศในไม่กี่ปีที่ผ่านมา

กับแคมเปญ "ผสมพันธุ์ในกรง" และฉันถามผู้คน,

with "Mating in Captivity," and I asked people,

when do you find yourself most drawn to your partner?

เมื่อไรที่คุณพบว่าคู่ของคุณน่าสนใจที่สุด?

Not attracted sexually, per Se, but most drawn.

ไม่มีความดึงดูดทางเพศ แต่ส่วนใหญ่เลือก

And across culture, across religion, and across gender -- except for one --

และต่างวัฒนธรรม ต่างศาสนา และต่างเพศ -

ยกเว้นหนึ่ง - มีสองสามคำตอบ ที่เป็นคำตอบบ่อย ๆ

there are a few answers that just keep coming back.

ดังนั้นกลุ่มแรกคือ: คนส่วนใหญ่จะเลือกคู่ของฉัน

So the first group is:

I am most drawn to my partner when she is away,

เมื่อเธออยู่พ้นไป เมื่อเราอยู่ห่างกัน เมื่อเรารวมตัว

when we are apart, when we reunite.

Basically, when I get back in touch

โดยทั่วไป เมื่อฉันได้รับการติดต่อกลับมา

with my ability to imagine myself with my partner,

ด้วยความสามารถของฉันที่จะจินตนาการ ว่าตัวเองกับคู่ของฉัน

when my imagination comes back in the picture,

เมื่อจินตนาการของฉันกลับมาในภาพ

and when I can root it in absence and in longing,

และเมื่อฉันสามารถไม่ยึดแน่น กับในความปรารถนา

which is a major component of desire.

ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของความปรารถนา

But then the second group is even more interesting.

แต่แล้วกลุ่มที่สองเป็นที่น่าสนใจยิ่ง:

I am most drawn to my partner

ฉันส่วนใหญ่จะเลือกคู่ของฉัน

when I see him in the studio,

เมื่อเห็นเขาในสตูดิโอเมื่อ เธออยู่บนเวที,

when she is onstage,

when he is in his element,

เมื่อเขาอยู่ในองค์ประกอบของเขา เมื่อเธอทำสิ่งที่เธอหลงใหล

when she's doing something she's passionate about,

when I see him at a party and other people are really drawn to him,

เมื่อเห็นเขาที่งานปาร์ตี้ และเขามีความดึงดูดแก่คนอื่น ๆ

when I see her hold court.

เมื่อฉันเห็นเธอถูกเกี้ยวพา

Basically, when I look at my partner radiant and confident.

โดยทั่วไปเมื่อฉันมองไปที่คู่ของฉัน ด้วยความสดใส และความมั่นใจ,

Probably the biggest turn-on across the board.

อาจเกิดมีความรู้สึกพิศวาทมากที่สุดที่ผ่านมา

Radiant, as in self-sustaining.

ความสดใส ในขณะที่ต้องค้ำจุนตัวเอง

I look at this person -- by the way, in desire

ฉันมองไปที่คนนี้ - โดยวิธีการ ในความปรารถนา

people rarely talk about it, when we are blended into one,

ไม่ค่อยมีคนพูดคุยเกี่ยวกับมันเมื่อ เราผสมเป็นหนึ่ง

ห้าเซนติเมตรจากกันและกัน ฉันไม่ทราบว่าในนิ้วมันเป็นเท่าใด

five centimeters from each other.

I don't know in inches how much that is.

But it's also not when the other person is that far apart

แต่มันก็ยังไม่ใช่ เมื่ออีกคนอยู่ห่างไกลกัน

that you no longer see them.

ที่คุณไม่เห็นพวกเขาอีกค่อไป

มันเป็นตอนที่ฉันกำลังมองหาที่คู่ของฉัน จากระยะที่คุณรู้สึกสบาย,

It's when I'm looking at my partner from a comfortable distance,

where this person that is already so familiar, so known,

คนที่มีความคุ้นเคยอยูแล้ว เพื่อให้เป็นที่รู้จัก ในดังนั้น

is momentarily once again somewhat mysterious, somewhat elusive.

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชั่วขณะ ค่อนข้างลึกลับ เข้าใจยากค่อนข้างยาก

And in this space between me and the other lies the erotic élan,

และในพื้นที่ระหว่างฉัน กับคนที่มีความชำนาญกามโกหก

lies that movement toward the other.

การโกหกเคลื่อนไหวต่อไปเรื่อย ๆ

Because sometimes, as Proust says,

เพราะบางครั้ง Proust กล่าวว่า

mystery is not about traveling to new places,

ความลึกลับไม่เกี่ยวกับการเดินทางไปยังสถานที่ใหม่

but it's about looking with new eyes.

แต่ก็เกี่ยวกับการมองด้วยสายตาใหม่

And so, when I see my partner on his own or her own,

และดังนั้น เมื่อฉันเห็นคู่ของฉัน ตัวเขาเองหรือของเธอเอง

doing something in which they are enveloped,

ทำอะไรในสิ่งที่พวกเขาพัมนามาเป็นอย่างนั้น

I look at this person and I momentarily get a shift in perception,

ฉันมองไปที่ คนที่ฉันในการรับรู้ความเข้าใจในชั่วครู่

and I stay open to the mysteries that are living right next to me.

และฉันจะเปิดให้ความลึกลับ อาศัยอยู่ใกล้ชิดกับฉัน

And then, more importantly, in this description about the other

แล้วที่สำคัญกว่าในคำอธิบายนี้เกี่ยวกับอื่น ๆ

หรือตัวเอง - ก็เหมือนกัน - สิ่งที่เป็นที่น่าสนใจที่สุด

or myself -- it's the same --

what is most interesting is that there is no neediness in desire.

คือว่าไม่มีความจำเป็นในความปรารถนา

Nobody needs anybody.

ไม่มีใครต้องการใคร

There is no caretaking in desire.

ไม่มีการดูแล ในความปรารถนา

Caretaking is mightily loving.

การดูแลอาจเป็นการให้ความรัก มันเป็นพลังต่อต้านยาบำรุงเพศ

It's a powerful anti-aphrodisiac.

(Laughter)

I have yet to see somebody who is so turned on

ฉันยังไม่เห็นใครสักคนที่มีความพิศวาท

by somebody who needs them.

โดยคนที่ต้องการให้พวกเขาทำสิ่งต่างๆให้

Wanting them is one thing.

ความต้องการเป็นเรื่องนึง แต่การเรียกร้องจะปิดกั้นการให้

Needing them is a shot down

and women have known that forever,

ผู้หญิงรู้เรื่องนี้ดีมาเป็นเวลานานแล้ว

เพราะอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพ่อเป็นแม่

because anything that will bring up parenthood

will usually decrease the erotic charge.

มักจะลดแรงผลักทางกาม

(Laughter)

For good reasons, right?

ซึ่งก็มีเหตุผลดีใช่มั้ย?

And then the third group of answers usually would be:

แล้วกลุ่มที่สามของคำตอบมักจะเป็น

when I'm surprised, when we laugh together,

เมื่อฉันประหลาดใจ เมื่อเราหัวเราะด้วยกัน

as somebody said to me in the office today,

แบบเดียวกับที่ใครบางคนบอกกับฉันที่ออฟฟิตวันนี้

when he's in his tux, so I said, you know,

เมื่อเขาอยู่ใน Tuxedo ดังนั้นที่ฉันพูดมาทั้งหมด คุณรู้ว่า

มันก็อาจจะเป็นได้ทั้ง Tuxedo หรือรองเท้าบู๊ตคาวบอย

it's either the tux or the cowboy boots.

แต่โดยทั่วไปก็คือ เมื่อมีความแปลกใหม่

But basically it's when there is novelty.

But novelty isn't about new positions.

แต่ความแปลกใหม่ไม่เกี่ยวกับตำแหน่งใหม่ มันไม่ได้เป็นบุคลิกของเทคนิค

It isn't a repertoire of techniques.

ความแปลกใหม่เป็น สิ่งที่คุณเป็นส่วนหนึ่งของที่คุณนำออกมา?

Novelty is, what parts of you do you bring out?

What parts of you are just being seen?

เพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่คุณมองเห็น?

Because in some way one could say sex isn't something you do, eh?

เพราะในบางวิธีหนึ่งอาจจะบอกว่า

เซ็กซ์ไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณทำใช่มั้ย?

Sex is a place you go.

เซ็กซ์เป็นสถานที่ที่คุณไป มันมีพื้นที่ที่คุณเข้าไป

It's a space you enter

inside yourself and with another, or others.

ภายในตัวเอง และกับคนอื่น หรือคนอื่น ๆ

ดังนั้นคุณจะไปทางไหนในเรื่อง sex?

So where do you go in sex?

What parts of you do you connect to?

ด้านไหนของมันที่คุณรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับมัน?

What do you seek to express there?

คุณทำอะไรเพื่อแสดง หรือเพื่อแสวงหา?

มันเป็นสถานที่สำหรับการอยู่เหนือความเข้าใจ และจิตวิญญาณร่วมกัน?

Is it a place for transcendence and spiritual union?

Is it a place for naughtiness and is it a place to be safely aggressive?

มันเป็นสถานที่สำหรับความดื้อรั้น และเป็นมันเป็นสถานที่ที่จะก้าวร้าวได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

Is it a place where you can finally surrender

มันเป็นสถานที่ที่คุณสามารถยอมจำนน

and not have to take responsibility for everything?

และไม่ต้องรับผิดชอบสำหรับทุกสิ่ง?

มันเป็นสถานที่ที่คุณสามารถแสดง ความปรารถนาแบบเด็กๆ ของคุณ?

Is it a place where you can express your infantile wishes?

สิ่งที่แสดงออกมา? มันเป็นภาษา

What comes out there? It's a language.

It isn't just a behavior.

มันไม่ได้เป็นเพียงพฤติกรรม

And it's the poetic of that language that I'm interested in,

และก็บทกวีของภาษา ที่ฉันมีความสนใจ

which is why I began to explore this concept of erotic intelligence.

ซึ่งเป็นเหตุผลที่่ฉันเริ่มที่จะสำรวจแนวคิด ความลับของกามนี้

You know, animals have sex.

คุณรู้ว่า สัตว์มีเพศสัมพันธ์

It's the pivot, it's biology, it's the natural instinct.

จุดสำคัญ มันคือชีววิทยา มันสัญชาตญาณธรรมชาติ

We are the only ones who have an erotic life,

เราเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีกามารมณ์

which means that it's sexuality transformed by the human imagination.

ซึ่งหมายความว่าความรู้สึกทางเพศ เกิดและเปลี่ยนแปลงได้ด้วยจินตนาการของมนุษย์

We are the only ones who can make love for hours,

เราเป็นคนชนิดเดียวที่สามารถทำการร่วมเพศเป็นชั่วโมง,

have a blissful time, multiple orgasms,

มีช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุข ถึงจุดสุดยอดหลาย ๆ ครั้ง

and touch nobody, just because we can imagine it.

โดยไม่มีการสัมผัส เพียงเพราะเราสามารถจินตนาการมัน

We can hint at it. We don't even have to do it.

เราสามารถเดามันได้ เราไม่ต้องแม้กระทั่งที่จะทำมัน

We can experience that powerful thing called anticipation,

ที่เราสามารถจะมีประสบการณ์ ที่ทรงพลังที่เรียกว่าความคาดหวัง,

which is a mortar to desire.

ซึ่งเป็นต้นทางของความปรารถนา

The ability to imagine it, as if it's happening,

เป็นความสามารถในการคิดว่า มันเป็นถ้ามันเกิดขึ้น,

จะได้สัมผัสกับมันราวกับว่ามันกำลังเกิดขึ้น ในขณะที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

to experience it as if it's happening,

while nothing is happening

and everything is happening, at the same time.

และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน

So when I began to think about eroticism,

ดังนั้นเมื่อฉันเริ่มคิดเกี่ยวกับทางเพศ

I began to think about the poetics of sex.

ผมเริ่มที่จะคิดเกี่ยวกับบทกวีของทางเพศ

And if I look at it as an intelligence,

และถ้าฉันองไปที่มันอย่างฉลาด

then it's something that you cultivate.

แล้วมันเป็นอะไรบางอย่าง ที่คุณปลูกฝัง

What are the ingredients?

ส่วนผสมมีอะไรบ้าง? จินตนาการ ความสนุกสนาน

Imagination, playfulness,

novelty, curiosity, mystery.

ความแปลกใหม่ อยากรู้อยากเห็น ความลึกลับ

แต่จุดศูนย์กลางจริงๆ สิ่งนั้นเรียกว่าจินตนาการ

But the central agent is really that piece called the imagination.

But more importantly, for me to begin to understand

แต่ที่สำคัญกว่า สำหรับฉันที่จะเริ่มที่จะเข้าใจ

who are the couples who have an erotic spark,

คู่ที่มีประกายไฟกาม

what sustains desire,

อะไรเป็นสิ่งค้ำจุนความปรารถนา ฉันต้องย้อนกลับไป

I had to go back to the original definition of eroticism,

คำนิยามเดิมของกามารมย์,

the mystical definition,

ความหมายลึกลับ และฉันก็ผ่านมันแล้ว

and I went through it through a bifurcation

แยกสองทาง โดยการมองจริงที่เจ็บปวด

by looking, actually, at trauma,

which is the other side.

ซึ่งเป็นอีกด้าน และฉันมองไปที่มัน

And I looked at it,

looking at the community that I had grown up in,

กำลังมองที่ชุมชนที่ฉันได้เติบโตขึ้นมา,

which was a community in Belgium, all Holocaust survivors,

ซึ่งเป็นชุมชนในเบลเยียม ทุกคนเป็นคนที่รอดจาก Holocaust

และในชุมชนของฉันมีสองกลุ่มคือ

and in my community, there were two groups:

those who didn't die, and those who came back to life.

ผู้ที่ยังไม่ตาย และผู้ที่กลับมาสู่มีชีวิตใหม่

And those who didn't die lived often very tethered to the ground,

และบรรดาผู้ที่ตาย ชีวิตถูกเชือกล่ามอยู่ที่พื้น

could not experience pleasure, could not trust,

ไม่สามารถสัมผัสความสุข ไม่สามารถไว้วางใจ,

because when you're vigilant, worried, anxious, and insecure,

เพราะเมื่อคุณระมัดระวัง เป็นห่วง วิตกกังวล,

และไม่ปลอดภัย คุณจะไม่สามารถยกศีรษะของคุณ

you can't lift your head to go and take off in space

เพื่อจะออกไปสู่พื้นที่ มีความสนุกสนาน มีความปลอดภัย และมีความคิดสร้างสรรค์

and be playful and safe and imaginative.

Those who came back to life

ผู้ที่กลับมาสู่ชีวิตใหม่คือคนเหล่านั้น

were those who understood the erotic as an antidote to death.

ที่เข้าใจกามารมย์ เป็นยาแก้พิษถึงตาย

They knew how to keep themselves alive.

พวกเขารู้วิธีที่จะให้ตัวเองมีชีวิตอยู่

And when I began to listen

และเมื่อฉันเริ่มที่จะฟัง เรื่องการไม่มีความรู้สึกทางเพศ ของสามีภรรยาที่ฉันทำงานด้วย

to the sexlessness of the couples that I work with,

I sometimes would hear people say, "I want more sex,"

บางครั้งฉันจะได้ยินคนพูดว่า "ฉันต้องการ sex อีก"

แต่โดยทั่วไปคนต้องการทาง sex ที่ดีกว่า

but generally, people want better sex,

and better is to reconnect with that quality of aliveness,

และที่ดีคือการเชื่อมต่อ กับคุณภาพของการดำรงชีวิต

of vibrancy, of renewal, of vitality,

จากความสั่นคลอน ของความคึกคัก ของชีวิตใหม่ ของความรัก ของพลังงาน

of Eros, of energy

that sex used to afford them,

sex ที่พวกเขาเคยหาได้ หรือว่าพวกเขาได้ แต่หวังว่า

or that they've hoped it would afford them.

sex ที่พวกเขาจะสามารถหาได้

And so I began to ask a different question.

และดังนั้นฉันจึงเริ่มถามคำถามที่แตกต่าง

ผมปิดตัวเองเมื่อ ... "เริ่มจะกลายเป็นคำถาม

"I shut myself off when ..." began to be the question.

"I turn off my desires when ..."

"ฉันปิดกั้นความปรารถนาของฉันเมื่อ ... " ซึ่งไม่ได้เป็นคำถามเดียวกับ

Which is not the same question as,

"อะไรที่ทำให้ไม่มีตัณหา ... " และ "คุณทำให้ฉันปิดกั้นตัณหาเมื่อ. "

"What turns me off is ..." and "You turn me off when ..."

และผู้คนก็เริ่มจะพูดว่า "ฉันปิดกั้นตัณหาเมื่อ

And people began to say, "I turn myself off when

I feel dead inside, when I don't like my body,

ฉันรู้สึกตายด้าน เมื่อฉันไม่ชอบร่างกายของฉัน

เมื่อฉันรู้สึกแก่ เมื่อฉันไม่ได้มีเวลาสำหรับตัวเอง

when I feel old,

when I haven't had time for myself,

when I haven't had a chance to even check in with you,

เมื่อฉันไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ตรวจสอบกับคุณ,

when I don't perform well at work,

เมื่อฉันทำผลงานได้ไม่ดีในที่ทำงาน

when I feel low self esteem,

เมื่อฉันรู้สึกว่าคุณค่าในตนเองมีน้อย เมื่อฉันไม่ได้มีความรู้สึกในคุณค่าของตนเอง,

when I don't have a sense of self-worth,

เมื่อฉันรู้สึกเหมือน ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะต้องการ ที่จะแสวงหา

when I don't feel like I have a right to want, to take,

to receive pleasure."

ที่จะได้รับความสุข.

And then I began to ask the reverse question.

แล้วฉันก็เริ่มที่จะถามคำถามย้อนกลับ

"I turn myself on when ..."

"ฉันทำให้ตัวเองมีตัณหาเมื่อ ... " เพราะส่วนใหญ่ของเวลา

Because most of the time, people like to ask the question,

คนชอบที่จะถามคำถามว่า "คุณทำให้ฉันมีตัณหา

"You turn me on, what turns me on,"

อะไรทำให้ฉันมีตัณหา "และฉันก็หมดคำถาม. คุณรู้หรือไม่

and I'm out of the question, you know?

Now, if you are dead inside,

ตอนนี้ ถ้าคุณเป็นคนตายด้าน คนอื่น ๆ สามารถทำสิ่งต่างๆมากมายสำหรับวันวาเลนไทน์

the other person can do a lot of things for Valentine's.

It won't make a dent. There is nobody at the reception desk.

มันจะไม่ทำให้คุณบุบสลาย ไม่มีใครจะมาเป็นแผนกต้อนรับคุณ

(หัวเราะ)

(Laughter)

So I turn myself on when,

ดังนั้นฉันทำให้ตัวเองมีตัณหา

I turn on my desires, I wake up when ...

ฉันหันเหปราถนา เมื่อฉันตื่นขึ้นมา

Now, in this paradox between love and desire,

ขณะนี้ในความขัดแย้งระหว่าง ความรักและความปรารถนา

what seems to be so puzzling

สิ่งที่ดูเหมือนจะมีปริศนา เมื่อมีส่วนประกอบผสมหลายอย่าง

is that the very ingredients that nurture love --

เช่นการถูกเลี้ยงดู - การร่วมกัน, ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน

mutuality, reciprocity,

protection, worry, responsibility for the other --

การป้องกัน ความกังวล ความรับผิดชอบต่อผู้อื่น

are sometimes the very ingredients that stifle desire.

บางครั้งก็เป็นส่วนผสมมาก ที่จะยับยั้งความปรารถนา

Because desire comes with a host of feelings

เพราะความต้องการมาพร้อมกับ ความรู้สึก

that are not always such favorites of love:

ที่ไม่ได้มีในรายการโปรดของความรักเช่น:

jealousy, possessiveness,

ความหึงหวง ที่อยู่ในความครอบครอง ที่จะได้รับความสุข. ", ความก้าวร้าว, อำนาจ, ความครอบงำ,

aggression, power, dominance,

ความดื้อรั้น ความเสียหาย

naughtiness, mischief.

Basically most of us will get turned on at night by the very same things

โดยทั่วไปส่วนใหญ่ ของเราจะมีตัณหาในเวลากลางคืน

โดยสิ่งเดียวกัน เราจะแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านในเวลากลางวัน

that we will demonstrate against during the day.

You know, the erotic mind is not very politically correct.

คุณจะรู้ว่า จิตใจของกามารมย์ ไม่มีอะไรถูกต้องตรงไปตรงมา เหมือนกับความถูกต้องทางการเมือง

If everybody was fantasizing on a bed of roses,

ถ้าทุกคนได้จินตนาการถึงเตียงที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ,

we wouldn't be having such interesting talks about this.

เราก็จะไม่ต้องมีการพูดคุยที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

(Laughter)

But no, in our mind up there are a host of things going on

แต่ไม่มี ในใจของเราไปอยู่ที่นั่น

จะเป็นเจ้าของในสิ่งที่เกิดขึ้นที่เราไม่เคยรู้

that we don't always know how to bring to the person that we love,

ว่าเราจะนำพาบุคคลที่เรารักได้อย่างไร

because we think love comes with selflessness

เพราะเราคิดว่ารักมาพร้อมกับความไม่เห็นแก่ตัว

and in fact desire comes with a certain amount of selfishness

และในความเป็นจริงความปรารถนา ที่มาพร้อมกับจำนวนหนึ่งของความเห็นแก่ตัว

in the best sense of the word:

คำที่จะอธิบายได้ดีที่สุดคือคำพูดที่ว่า มันคือ

the ability to stay connected to one's self in the presence of another.

ความสามารถในการรักษาความเป็นตัวของตัวเอง

ต่อหน้าผู้อื่น

So I want to draw that little image for you,

ดังนั้นฉันจึงต้องการเลือก ที่จะจินตนาการน้อย ๆ สำหรับคุณ

because this need to reconcile these two sets of needs,

เพราะต้องหันไปทางที่ถูกค้อง ทั้งสองชุดของความต้องการ

we are born with that.

เราจะเกิดมาพร้อมกับที่

Our need for connection, our need for separateness,

ความจำเป็นในการเชื่อมต่อ ของเราที่จำเป็นที่จะต้องแยกต่างหากจาก

or our need for security and adventure,

หรือความต้องการของเราสำหรับ ความปลอดภัยและการผจญภัย

or our need for togetherness and for autonomy,

หรือความต้องการของเรา สำหรับการร่วมกัน และได้รับความอิสระ

และถ้าคุณคิดว่า เกี่ยวกับเด็กน้อย ซึ่งนั่งอยู่บนตักของคุณ

and if you think about the little kid who sits on your lap

และเป็นสถานที่ผู้ให้ความสุข และอย่างปลอดภัย และสะดวกสบาย

and who is cozily nested here and very secure and comfortable,

and at some point all of us need to go out into the world

และในบางจุดเราทุกคนต้องออกไปสู่โลก

to discover and to explore.

การค้นพบและการรู้เห็น

That's the beginning of desire,

ที่จุดเริ่มต้นของความปรารถนา

that exploratory need, curiosity, discovery.

ที่อยากรู้อยากเห็น ความต้องการทดสอบ การค้นพบ

แล้วในบางจุดที่พวกเขาหันไปรอบ ๆ และพวกเขามองคุณ

And then at some point they turn around and they look at you.

และถ้าคุณบอกพวกเขา

And if you tell them,

"Hey kiddo, the world's a great place.

"เฮ้ เด็กน้อย โลกเป็นสถานที่ที่ดีกว้างใหญ่. "ออกไปผจญภัย"

Go for it. There's so much fun out there,"

โลกภายนอกมีความสนุกสนานมาก"

then they can turn away and they can experience

แล้วพวกเขาก็สามารถเบบนเข็มออกไป และพวกเขาจะได้พบกับ

connection and separateness at the same time.

การเชื่อมต่อและเป็นเอกเทศในเวลาเดียวกัน

They can go off in their imagination, off in their body,

พวกเขาสามารถออกไปสู่ในจินตนาการของพวกเขา จินตนาการจะได้ออกจากในร่างของพวกเขา

off in their playfulness,

ออกไปในความสนุกสนาน ของพวกเขาทั้งหมดในขณะที่รู้

all the while knowing that there's somebody when they come back.

ว่ามีใครบางคนเมื่อพวกเขากลับมา

But if on this side there is somebody who says,

แต่ถ้าในด้านนี้มีใครสักคนที่บอกว่า

"I'm worried. I'm anxious. I'm depressed.

"ฉันกังวล. ฉันเป็นห่วง ฉันซึมเศร้า

My partner hasn't taken care of me in so long.

คู่ฉันยังไม่ได้รับการดูแลของฉันในเวลานาน

มีอะไรดี ๆ จากโลกภายนอก? เราไม่ได้มีทุกอย่าง

What's so good out there?

Don't we have everything you need together, you and I?"

คุณต้องร่วมกัน คุณและฉัน? "

then there are a few little reactions

แล้วมีปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อย

that all of us can pretty much recognize.

ที่เราทุกคนส่วนมากสามารถรับรู้

Some of us will come back,

บางส่วนของเราจะกลับมา กลับมาเป็นเวลานานที่ผ่านมา

came back a long time ago,

and that little child who comes back

และว่าเด็กน้อยที่กลับมา

is the child who will forgo a part of himself

เป็นเด็กที่จะทิ้งส่วนหนึ่งของตัวเอง

เพื่อไม่ให้สูญเสียอื่น ๆ

in order not to lose the other.

I will lose my freedom in order not to lose connection.

ฉันจะสูญเสียอิสรภาพของฉันเพื่อไม่ให้สูญเสียการเชื่อมต่อ

And I will learn to love in a certain way

และฉันจะได้เรียนรู้ที่จะรักในวิธีการบางอย่าง

ที่จะกลายเป็นภาระกับความกังวลเป็นพิเศษ

that will become burdened with extra worry

and extra responsibility and extra protection,

และความรับผิดชอบเป็นพิเศษ และความคุ้มครองพิเศษ

and I won't know how to leave you

และฉันจะไม่ทราบวิธีการที่ละทิ้งคุณ

in order to go play, in order to go experience pleasure,

เพื่อที่จะไปเล่น เพื่อที่จะไปมีความสุขประสพการณ์

in order to discover, to enter inside myself.

เพื่อที่จะค้นพบ ให้กับตัวเอง

Translate this into adult language.

แปลให้เป็นภาษาผู้ใหญ่

It starts very young.

มันเริ่มต้นตอนอายุน้อยมาก คงต่อไปถึงชีวิตการสืบพันธ์

It continues into our sex lives up to the end.

ไปถึงที่สิ้นสุด

Child number two comes back

เด็กคนที่สองกลับมา

but looks like that over their shoulder all the time.

แต่ดูเหมือนว่า มองข้ามไหล่ของพวกเขาตลอดเวลา

"Are you going to be there?

คุณกำลังเดินทางไปสู่ที่นั้น?

Are you going to curse me, scold me?

คุณกำลังจะสาปแช่งฉัน? คุณจะด่าว่าฉัน?

Are you going to be angry with me?"

ที่คุณจะต้องโกรธฉันใช่ไหม? "

And they may be gone, but they're never really away.

และพวกเขาก็อาจจะหายไป แต่พวกเขาจริง ๆ ไม่ได้ไป

And those are often the people that will tell you,

และผู้ที่มักเป็นคนที่จะบอกคุณ

ในการเริ่มต้น อันสุดร้อนรุ่ม

"In the beginning, it was super hot."

Because in the beginning,

เพราะในการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

the growing intimacy wasn't yet so strong

ยังไม่แข็งแรงนัก

that it actually led to the decrease of desire.

ที่จริงมันนำไปสู่การลดลงของความปรารถนา

The more connected I became, the more responsible I felt,

เชื่อมต่อมากขึ้น ฉันรูสึกกลายเป็นผู้รับผิดชอบมากขึ้น

the less I was able to let go in your presence.

อย่างน้อยฉันก็สามารถที่จะปล่อยให้ไปในที่ ที่มีของคุณ

The third child doesn't really come back.

ลูกคนที่สามไม่ได้กลับมาจริง ๆ

So what happens, if you want to sustain desire,

อะไรจะเกิด ถ้าคุณต้องการที่จะรักษาความปรารถนา

it's that real dialectic piece.

มันโต้แย้งว่าจริง

On the one hand you want the security in order to be able to go.

อีกด้านหนึ่งคุณต้องการความปลอดภัย ในการที่จะสามารถไป

On the other hand if you can't go, you can't have pleasure,

อีกด้านหนึ่ง ถ้าคุณไม่สามารถไป คุณจะไม่สามารถมีความสุข

you can't culminate, you don't have an orgasm,

คุณไม่สามารถมีผล, คุณไม่ได้มีการสำเร็จความใคร่

you don't get excited because you spend your time

คุณไม่ได้รับตื่นเต้นเพราะคุณใช้เวลาของคุณ

in the body and the head of the other and not in your own.

ร่างกายคุณ ศีรษะของคนอื่น และส่วนอื่นไม่ได้เป็นของคุณเอง

So in this dilemma about reconciling these two sets of fundamental needs,

ดังนั้นในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เกี่ยวกับการกลับมาทำให้ถูกต้อง

ทั้งสองชุดของความต้องการขั้นพื้นฐาน

there are a few things that I've come to understand erotic couples do.

มีบางสิ่งที่ฉันได้มาทำเข้าใจคู่กาม

One, they have a lot of sexual privacy.

หนึ่งพวกเขาได้มีมากของความเป็นส่วนตัวทางเพศ

They understand that there is an erotic space

พวกเขาเข้าใจว่ามีพื้นที่ว่างกามารมย์

that belongs to each of them.

ที่เป็นของแต่ละคนของพวกเขา

They also understand that foreplay is not something you do

พวกเขายังเข้าใจว่าสนุกสนานไม่ได้เป็นสิ่งที่คุณควรทำ

five minutes before the real thing.

ห้านาที ก่อนสิ่งที่จริง

Foreplay pretty much starts at the end of the previous orgasm.

การลูบไล้มากเริ่มต้น สิ้นสุดของการสำเร็จความใคร่

พวกเขายังเข้าใจว่าพื้นที่กามารมย์

They also understand that an erotic space isn't about,

you begin to stroke the other.

ไม่เกี่ยวกับที่คุณจะเริ่มจังหวะอื่น ๆ

It's about you create a space where you leave Management Inc.,

มันเกี่ยวกับการที่คุณสร้างพื้นที่ ที่คุณออกจากการบริหารจัดการ

maybe where you leave the Agile program --

ที่คุณอาจจะออกจาก สาวบริการตามร้านอหาร

(Laughter)

(หัวเราะ)

และความจริงเพียงแค่เดินเข้าไปในสถานที่

And you actually just enter that place where you stop being the good citizen

ที่คุณหยุดการเป็นพลเมืองดี

who is taking care of things and being responsible.

ที่จะคอยดูแลการ และสิ่งที่เป็นความรับผิดชอบ

Responsibility and desire just butt heads.

รับผิดชอบและความปรารถนาเพียงหัวชนฝา

They don't really do well together.

พวกเขาจริง ๆ ไม่ได้ทำดีร่วมกัน

Erotic couples also understand that passion waxes and wanes.

คู่กามยังเข้าใจไขความรักที่เหมือนเทียนไข แล้วละลายไป

It's pretty much like the moon.

มันสวยมากเช่นดวงจันทร์ มันมีสุริยุปราคา

It has intermittent eclipses.

But what they know is they know how to resurrect it.

แต่อะไรสิ่งที่พวกเขาจะรู้ว่า รู้วิธีใดที่จะชุบชีวิตมัน

They know how to bring it back.

พวกเขารู้วิธีที่จะนำมันกลับมา

And they know how to bring it back

และพวกเขารู้วิธีที่จะนำมันกลับมา

เพราะพวกเขามีทุ่งหมอก หนึ่งตำนานที่ยิ่งใหญ่

because they have demystified one big myth,

which is the myth of spontaneity,

ซึ่งเป็นตำนานของความเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็น

which is that it's just going to fall from heaven

ว่ามันเพิ่งจะหล่นลงมาจากสวรรค์ ในขณะที่คุณกำลังพับซักรีด

while you're folding the laundry like a deus ex machina,

เหมือนเครื่องเอ็กซ์เร และในความเป็นจริงพวกเขาเข้าใจ

and in fact they understood

ว่าอะไรก็ตามที่เป็นไปเพียงเกิดขึ้น

that whatever is going to just happen in a long-term relationship, already has.

ในความสัมพันธ์ระยะยาวแล้วมี

Committed sex is premeditated sex.

ความมุ่งมั่นต่อ sex คือ sex ที่มีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า

จงใจ เจตนา

It's willful. It's intentional.

ตั้งใจ และการแสดงออก

It's focus and presence.

สุขสันต์ วันวาเลนไทน์

Merry Valentine's.

(Applause)

(ปรบมือ)