Erin McKean: Go ahead, make up new words!

Translator: Sritala Dhanasarnsombut Reviewer: Chatthip Chaichakan

I'm a lexicographer.

ฉันเป็นนักเขียนพจนานุกรมคะ

I make dictionaries.

ฉันทำพจนานุกรม

And my job as a lexicographer

และหน้าที่ของฉันก็คือ

is to try to put all the words possible into the dictionary.

พยายามใส่คำทุกคำลงใน พจนานุกรม

My job is not to decide what a word is; that is your job.

หน้าที่ฉันไม่ใช่การตัดสินว่าคำนั้นๆ แปล ว่าอะไร นั่นเป็นงานของคุณ

Everybody who speaks English decides together

ทุกคนที่พูดภาษาอังกฤษ ตัดสินร่วมกัน

what's a word and what's not a word.

อะไรใช่คำ และไม่ใช่คำ

Every language is just a group of people who agree to understand each other.

ทุกภาษาก็แค่กลุ่มคนที่ตกลง ที่จะเข้าใจซึ่งกันและกัน

Now, sometimes when people are trying to decide whether a word is good or bad,

เดี๋ยวนี้ บางครั้งเวลาที่ผู้คนพยายาม ตัดสินว่านี่เป็นคำที่ดีหรือไม่ดี

they don't really have a good reason.

พวกเขาไม่ได้มีเหตุผลดีๆ นักหรอก

So they say something like, "Because grammar!"

ก็มักจะพูดกันว่า "เพราะมันเป็นแกรมม่า (ไวยากรณ์)"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I don't actually really care about grammar too much -- don't tell anybody.

ฉันไม่ค่อยใส่ใจแกรมม่ามากนัก อย่าไปบอกใครเชียว

But the word "grammar," actually, there are two kinds of grammar.

แต่คำว่า "แกรมม่า" จริงๆ แล้ว มีอยู่ 2 ประเภท

There's the kind of grammar that lives inside your brain,

คือ แกรมม่าประเภทที่อาศัยอยู่ ในสมองของเรา

and if you're a native speaker of a language

และถ้าคุณเป็นเจ้าของภาษา ในภาษานั้น

or a good speaker of a language,

หรือเก่งภาษานั้น

it's the unconscious rules that you follow when you speak that language.

มันเป็นกฎที่ใช้แบบไม่รู้ตัว เวลาที่คุณพูดภาษานั้นๆ

And this is what you learn when you learn a language as a child.

และนี่คือการเรียนภาษา เมื่อเราเรียนตอนเด็ก

And here's an example:

มาดูตัวอย่างกันค่ะ

This is a wug, right?

นี่คือ วัค ใช่ไหมคะ

It's a wug.

นี่คือ วัค

Now there is another one.

และนี่ก็อีกตัว

There are two of these.

มีตัวแบบนี้ 2 ตัว

There are two ...

พวกนั้นเป็น...

Audience: Wugs.

ผู้ชม: วัคส์

Erin McKean: Exactly! You know how to make the plural of wug.

เอริน แม็คคีน: ใช่เลย คุณรู้ว่า ต้องแปลง วัค เป็นพหูพจน์ยังไง

That rule lives in your brain.

กฎนั้นอยู่ในหัวของเรา

You never had to be taught this rule, you just understand it.

มันไม่จำเป็นต้องสอน คุณก็แค่เข้าใจมันเอง

This is an experiment that was invented by a professor at [Boston University]

นี่เป็นการทดลองที่สร้างโดย ศาสตราจารย์ (ที่มหาวิทยาลัยบอสตัน)

named Jean Berko Gleason back in 1958.

ชื่อว่าชอน เบอร์โก กลีสัน ในปี 1958

So we've been talking about this for a long time.

ที่จริงเราก็พูดเรื่องนี้กันมานานแล้ว

Now, these kinds of natural rules that exist in your brain,

กฎธรรมชาติที่อยู่ ในสมองคุณ

they're not like traffic laws, they're more like laws of nature.

มันไม่เหมือนกับกฎจราจร มันเหมือนกับกฎของธรรมชาติมากกว่า

And nobody has to remind you to obey a law of nature, right?

และไม่มีใครมาเตือนคุณให้ทำ ตามกฎนี้ด้วย จริงไหมคะ

When you leave the house in the morning, your mom doesn't say,

พอคุณออกจากบ้านในตอนเช้า แม่คุณก็ไม่ได้พูดว่า

"Hey, honey, I think it's going to be cold, take a hoodie,

"ลูกรัก แม่ว่าวันนี้น่าจะหนาว ใส่เสื้อมีหมวกซะ

don't forget to obey the law of gravity."

แล้วอย่าลืมทำตามกฎแรงโน้มถ่วงด้วยนะลูก"

Nobody says this.

ไม่มีใครพูดแบบนี้กันหรอก

Now, there are other rules that are more about manners than they are about nature.

มาถึงอีกกฎกันบ้าง ที่จะออกทาง มารยาท มากกว่าทางธรรมชาติ

So you can think of a word as like a hat.

เช่นคุณคิดถึงคำว่าหมวก

Once you know how hats work,

เมื่อคุณรู้ว่าหมวกใช้ยังไง

nobody has to tell you, "Don't wear hats on your feet."

ไม่มีใครต้องบอกคุณว่า "อย่าใส่หมวกที่เท้านะ"

What they have to tell you is, "Can you wear hats inside?

สิ่งที่เขาต้องบอกคุณคือ "คุณใส่หมวกในอาคารได้ไหม"

Who gets to wear a hat?

ใครสามารถใส่หมวกได้

What are the kinds of hats you get to wear?"

หมวกแบบไหนที่คุณใส่ได้

Those are more of the second kind of grammar,

เหล่านี้คือแกรมม่าในประเภท ที่สอง

which linguists often call usage, as opposed to grammar.

ซึ่งนักภาษาศาสตร์เรียกบ่อยครั้ง ว่าการใช้งานแบบตรงข้ามแกรมม่า

Now, sometimes people use this kind of rules-based grammar

บางครั้งคนเราใช้กฎนี้เป็น หลักแกรมม่า

to discourage people from making up words.

เพื่อกดให้คนไม่กล้าคิดคำใหม่ๆ

And I think that is, well, stupid.

และฉันคิดว่ามัน.. อืม โง่

So, for example, people are always telling you,

ตัวอย่างเช่น คนที่มัก พูดกับคุณเสมอว่าให้

"Be creative, make new music, do art, invent things, science and technology."

คิดนอกกรอบ สร้างเพลงใหม่ งานศิปะ ประดิษฐ์ของ พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

But when it comes to words, they're like,

แต่พอพูดถึงเรื่อง คำ พวกเขาก็แบบ

"Don't! No. Creativity stops right here, whippersnappers. Give it a rest."

"ไม่! อย่า ความคิดสร้างสรรค์หยุดตรงนั้น เจ้าคนอ่อนวัยไร้เดียงสา พับเก็บไปซะ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But that makes no sense to me.

แต่นั่นมันไม่จริงสำหรับฉันเลย

Words are great. We should have more of them.

คำต่างๆ มันเจ๋ง เราควรมีคำเยอะๆ

I want you to make as many new words as possible.

ฉันอยากให้คุณสร้าง คำให้มากที่สุด เท่าที่ทำได้

And I'm going to tell you six ways that you can use to make new words in English.

และฉันจะบอก 6 วิธีที่คุณ สามารถสร้างคำในภาษาอังกฤษได้

The first way is the simplest way.

วิธีแรกเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด

Basically, steal them from other languages.

ง่ายๆ เลย ขโมยจากภาษาอื่น

["Go rob other people"] (Laughter)

["ไปขโมยชาวบ้านกัน"] (เสียงหัวเราะ)

Linguists call this borrowing,

นักภาษาศาสตร์เรียกว่า การยืม

but we never give the words back , so I'm just going to be honest

แต่ เราไม่เคยคืนคำเหล่านั้น ดังนั้น ฉันจะเรียกแบบซื่อๆ

and call it stealing.

เลยนะว่า การขโมย

We usually take words for things that we like, like delicious food.

เรามักเลือกเอาคำต่างๆ จาก สิ่งที่เราชอบ เช่น อาหารที่อร่อย

We took "kumquat" from Chinese, we took "caramel" from French.

เราเอา "คุมเควท" (ส้มจี้ด) จากภาษาจีน แล้วก็ "คาราเมล" จากภาษาฝรั่งเศส

We also take words for cool things like "ninja," right?

แล้วเราก็เลือกเอาคำ จากของเจ๋งๆ อย่างเช่น "นินจา" ใช่ไหมคะ

We took that from Japanese,

คำนี้เราเอามาจากภาษาญี่ปุ่น

which is kind of a cool trick because ninjas are hard to steal from.

ซึ่งเป็นเทคนิคที่เจ๋งมากเพราะ มันยากที่จะขโมยนินจาจริงๆ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So another way that you can make words in English

อีกวิธีที่คุณจะสร้างคำ ในภาษาอังกฤษคือ

is by squishing two other English words together.

ยำคำภาษาอังกฤษ 2 คำเข้าด้วยกัน

This is called compounding.

วิธีนี้เรียกว่า การประสม

Words in English are like Lego:

คำในภาษาอังกฤษเหมือนกับเลโก้

If you use enough force, you can put any two of them together.

ถ้าคุณใช้กำลังมากพอ คุณสามารถยำ 2 คำไหนเข้าด้วยกันก็ได้

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

We do this all the time in English:

เราทำแบบนี้ในภาษาอังกฤษเสมอแหละ

Words like "heartbroken," "bookworm," "sandcastle" all are compounds.

อย่างเช่น "อกหัก" "หนอนหนังสือ" "ปราสาททราย" ทั้งหมดนี้ก็ประสมกัน

So go ahead and make words like "duckface," just don't make duckface.

ดังนั้นก็ลุยเลย ลองสร้างคำอย่าง "หน้าเป็ด" แต่อย่าทำหน้าแบบนั้นก็พอ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Another way that you can make words in English is kind of like compounding,

อีกหนึ่งทางในการสร้างคำใน ภาษาอังกฤษก็คล้ายๆ การประสม

but instead you use so much force when you squish the words together

แต่คุณใช้แรงมากเกินไป ตอนที่คุณอัดมันเข้าด้วยกัน

that some parts fall off.

ทำให้บางส่วนหลุดออกไป

So these are blend words,

วิธีนี้คือการสนธิคำ

like "brunch" is a blend of "breakfast" and "lunch."

อย่าง "บรันช์" คือการกลืนกันของ "มื้อเช้า" และ "มื้อกลางวัน"

"Motel" is a blend of "motor" and "hotel."

"โมเทล" กลืนระหว่าง "รถ" กับ "โรงแรม"

Who here knew that "motel" was a blend word?

มีใครในที่นี้รู้บ้างว่า "โมเทล" เป็นคำสนธิ

Yeah, that word is so old in English

ใช่ คำนี้เก่ามากในภาษาอังกฤษ

that lots of people don't know that there are parts missing.

ที่หลายคนไม่ทราบว่ามีบาง ส่วนหายไป

"Edutainment" is a blend of "education" and "entertainment."

"เอ็ดดูเทนเม้นท์" ก็สนธิ ระหว่าง "การศึกษา" และ "ความบันเทิง"

And of course, "electrocute" is a blend of "electric" and "execute."

และแน่นอน "อิเล็กโทรคิวท์" สนธิกัน ของ "ไฟฟ้า" กับ "การประหาร"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

You can also make words by changing how they operate.

คุณสามารถสร้างคำใหม่ โดยการเปลี่ยนการทำงานมันซะ

This is called functional shift.

วิธีนี้เรียกว่า เปลี่ยนการใช้งาน

You take a word that acts as one part of speech,

คุณเอาคำหนึ่งที่เป็นหนึ่งใน บทพูด

and you change it into another part of speech.

แล้วเปลี่ยนไปไว้อีกส่วน ของบทพูด

Okay, who here knew that "friend" hasn't always been a verb?

โอเค ใครในที่นี้รู้บ้างว่า "เพื่อน" ไม่ได้เป็นกริยาตลอด

"Friend" used to be noun and then we verbed it.

"เพื่อน" ใช้เป็นคำนาม แล้วเรา เอามาใช้เป็นกริยาด้วย

Almost any word in English can be verbed.

คำเกือบทุกคำในภาษาอังกฤษใช้เป็นกริยาได้

You can also take adjectives and make them into nouns.

คุณสามารถเอาคำคุณศัพท์ มาใช้เป็นคำนามได้

"Commercial" used to be an adjective and now it's a noun.

"คอมเมอร์เชียล" เป็นคำคุณศัพท์ แต่ตอนนี้เราใช้เป็นคำนามด้วย

And of course, you can "green" things.

และแน่นอนว่า คุณทำให้เป็นสีเขียวได้

Another way to make words in English is back-formation.

อีกวิธีนึงในการสร้างคำภาษาอังกฤษ คือการตัดทอนรูปคำ

You can take a word and you can kind of squish it down a little bit.

คุณก็เอาคำมา แล้วก็บีบ ให้มันเล็กลงหน่อย

So for example, in English we had the word "editor" before we had the word "edit."

เช่นว่า ในภาษาอังกฤษ เรามีคำว่า "เอดิเตอร์" ก่อนหน้าคำว่า "เอดิต"

"Edit" was formed from "editor."

คำว่า "เอดิต" มาจาก "เอดิเตอร์"

Sometimes these back-formations sound a little silly:

บางครั้งวิธีลดทอนนี้ก็ฟังดูตลกๆ

Bulldozers bulldoze, butlers butle and burglers burgle.

บูล์โดเซอร์ บูล์โดซ บัทเลอร์ บัททัล แล้วก็ บักเกลอร์ เบอร์เกิล

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Another way to make words in English

อีกวิธีสำหรับภาษาอังกฤาในการสร้างคำ

is to take the first letters of something and squish them together.

คือ การเอาตัวอักษรแรกของคำ มารวมกัน

So National Aeronautics and Space Administration becomes NASA.

เช่น องค์การอวกาศแห่งชาติของประเทศอเมริกา กลางเป็น นาซ่า

And of course you can do this with anything, OMG!

และแน่นอนว่าคุณใช้ได้กับทุกคำ โอ เอ็ม จี!

So it doesn't matter how silly the words are.

ดังนั้น มันไม่เกี่ยวว่า คำจะดูตลกแค่ไหน

They can be really good words of English.

มันสามารถเป็นคำที่ดีในภาษาอังฤษได้

"Absquatulate" is a perfectly good word of English.

"สุดจี้ดจริงๆ" ก็เป็นคำที่ใช่ สำหรับภาษาอังกฤษ

"Mugwump" is a perfectly good word of English.

"คนเป็นกลาง" ก็ดีสำหรับ ภาษาอังกฤษ

So the words don't have have to sound normal, they can sound really silly.

คำ ไม่จำเป็นต้องฟังดูปกติ มันสามารถฟังดูขำๆ ได้

Why should you make words?

ทำไมคุณไม่สร้างคำล่ะ

You should make words because every word

คุณควรสร้างคำขึ้นเพราะทุกคำ

is a chance to express your idea and get your meaning across.

คือโอกาสในการสื่อความคิด และความหมายของคุณออกมา

And new words grab people's attention.

และคำใหม่ได้ความสนใจจากคนรอบๆ

They get people to focus on what you're saying

ทำให้คนทั่วไปจับจ้อง ว่าคุณพูดว่าอะไร

and that gives you a better chance to get your meaning across.

และให้โอกาสที่ดีกว่ากับคุณ ในการส่งความหมายต่อ

A lot of people on this stage today have said,

คนในวงการนี้ พูดว่า

"In the future, you can do this,

"ในอนาคตคุณสามารถทำแบบนี้

you can help with this, you can help us explore, you can help us invent."

ช่วยแบบนั้น ช่วยค้นพบ ช่วย ประดิษฐ์ต่างๆ"

You can make a new word right now.

คุณสร้างคำได้เดี๋ยวนี้

English has no age limit.

ภาษาอังกฤษไม่มีเลขอายุจำกัด

Go ahead, start making words today,

เอาเลยค่ะ เริ่มสร้างคำตั้งแต่วันนี้

send them to me, and I will put them in my online dictionary, Wordnik.

ส่งมาให้ฉัน แล้วฉันจะดึงพวกมัน มาอยู่ในพจนานุกรมออนไลน์ Wordnik

Thank you so much.

ขอบคุณมากค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)