Madeleine Albright: On being a woman and a diplomat

Translator: Dussadee Suebsangin Reviewer: Rawee Ma

Pat Mitchell: What is the story of this pin?

แพท : เข็มกลัดนี่ สื่ออะไรคะ

Madeleine Albright: This is "Breaking the Glass Ceiling."

เมเดลีน : การเอาชนะขีดจำกัดค่ะ

PM: Oh.

แพท : โอ้ว

That was well chosen, I would say, for TEDWomen.

เลือกได้เหมาะมากกับผู้หญิง TED เลยค่ะ

MA: Most of the time I spend when I get up in the morning

เมดีลีน : ฉันมักใช้เวลาช่วงเช้าเลือกเข็มกลัด

is trying to figure out what is going to happen.

ให้เข้ากับว่าวันนี้จะมีเหตุการณ์อะไรบ้าง

And none of this pin stuff would have happened

ที่ฉันใช้เข็มกลัดพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย

if it hadn't been for Saddam Hussein.

ถ้าไม่เป็นเพราะซัดดัม ฮุดเซน

I'll tell you what happened.

ฉันขอเล่าหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น

I went to the United Nations as an ambassador,

ฉันเข้าสู่สหประชาชาติในฐานะทูต

and it was after the Gulf War,

ตอนนั้นสงครามอ่าวเปอร์เซียเพิ่งสงบ

and I was an instructed ambassador.

แล้วฉันก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูตยูเอ็น

And the cease-fire had been translated

ข้อตกลงหยุดยิงก็ถูกเปลี่ยนแปลง

into a series of sanctions resolutions,

กลายเป็นกระบวนการคว่ำบาตร

and my instructions

และฉันก็ได้รับคำสั่ง

were to say perfectly terrible things about Saddam Hussein constantly,

ให้พูดถึงซัดดัม ฮุดเซน ในทางลบเท่านั้น

which he deserved -- he had invaded another country.

ซึ่งก็สมควรแล้วเพราะเขาโจมตีประเทศอื่น ๆ

And so all of a sudden, a poem appeared in the papers in Baghdad

มีสื่อสิ่งพิมพ์โจมตีฉันมากมาย ในแบกแดดแทบจะทันทีทันควัน

comparing me to many things,

เปรียบเทียบฉันต่าง ๆ นานา

but among them an "unparalleled serpent."

หนึ่งในฉายาเหล่านั้นคือฉันเป็น "อสรพิษ"

And so I happened to have a snake pin.

แล้วฉันก็มีเข็มกลัดรูปงูอยู่พอดี

So I wore it when we talked about Iraq.

ฉันจึงติดมันทุกครั้งที่ต้องพูดถึงอิรัก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And when I went out to meet the press,

และเมื่อต้องไปพบกับสื่อ

they zeroed in, said, "Why are you wearing that snake pin?"

พวกเขาถามว่าทำไมต้องติดเข็มกลัดงู

I said, "Because Saddam Hussein compared me to an unparalleled serpent."

ฉันตอบว่า "เพราะซัดดัม ฮุสเซ็น เปรียบเปรยฉันเป็นอสรพิษร้าย "

And then I thought, well this is fun.

ฉันก็เลยคิดว่า มันก็น่าสนุกดี

So I went out and I bought a lot of pins

ฉันเลยซื้อเข็มกลัดมาอีกเยอะเลยค่ะ

that would, in fact, reflect

ซึ่งจริง ๆ แล้ว นั่นสะท้อน

what I thought we were going to do on any given day.

สิ่งที่เราทำในแต่ละวันได้ดีมากค่ะ

So that's how it all started.

นั่นคือที่มาค่ะ

PM: So how large is the collection?

แพท : มีเข็มกลัดเยอะไหมค่ะ

MA: Pretty big.

เมเดลีน : เยอะทีเดียวค่ะ

It's now traveling.

ตอนนี้มันกำลังเดินทาง

At the moment it's in Indianapolis,

ขณะนี้อยู่ในอินเดียนาโปลิส

but it was at the Smithsonian.

แต่มันอยู่ที่สมิธโซเนี่ยน

And it goes with a book that says, "Read My Pins."

และไปพร้อมกับหนังสือชื่อ "อ่านเข็มกลัดฉันซิ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

PM: So is this a good idea.

แพท : ค่ะ นี่ถือเป็นไอเดียที่ดีถูกมั้ยคะ

I remember when you were the first woman

ฉันจำได้ว่า ตอนที่คุณเป็นผู้หญิงคนแรก

as Secretary of State,

ที่ว่าการรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

and there was a lot of conversation always

มีคำวิพากษ์วิจารณ์สารพัด

about what you were wearing,

เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสวมใส่

how you looked --

คุณดูเป็นยังไง --

the thing that happens to a lot of women,

มันก็เป็นเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงหลาย ๆ คน

especially if they're the first in a position.

โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้หญิงคนแรก ในตำแหน่งนั้น ๆ

So how do you feel about that -- the whole --

แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับ อะไรพวกนั้น--

MA: Well, it's pretty irritating actually

เมเดลีน: จริง ๆ มันน่าหงุดหงิดค่ะ

because nobody ever describes what a man is wearing.

เพราะไม่ค่อยมีใครสนใจว่าผู้ชายใส่ชุดอะไร

But people did pay attention to what clothes I had.

แต่ผู้คนกลับสนใจว่าฉันใส่ชุดอะไร

What was interesting was that,

แต่ที่น่าสนใจคือ

before I went up to New York as U.N. ambassador,

ก่อนฉันไปที่นิวยอร์คในฐานะทูตสหประชาชาติ

I talked to Jeane Kirkpatrick, who'd been ambassador before me,

ฉันได้พูดคุยกับ จีน เคิร์กแพทริก ซึ่งเธอรับตำแหน่งก่อนฉัน

and she said, "You've got to get rid of your professor clothes.

เธอพูดว่า "คุณน่าจะทิ้งชุดคุณครูพวกนั้นซะ

Go out and look like a diplomat."

แล้วแต่งตัวให้เป็นนักการฑูตหน่อย"

So that did give me a lot of opportunities to go shopping.

นั่นทำให้ฉันมีข้ออ้างไปช๊อปปิ้งได้บ่อย ๆ

But still, there were all kinds of questions

แต่ก็ยังมีคำถามแปลก ๆ มากมาย

about -- "did you wear a hat?" "How short was your skirt?"

เกี่ยวกับ--"คุณสวมหมวกรึเปล่า" "กระโปรงคุณยาวเท่าไหร่"

And one of the things --

และมีอีกอย่าง --

if you remember Condoleezza Rice was at some event and she wore boots,

ถ้าคุณจำ คอนโดลีซซา ไรซ์ ได้ บางงานเธอก็สวมรองเท้าบูทออกงาน

and she got criticized over that.

และเธอถูกวิจารณ์อย่างหนัก

And no guy ever gets criticized. But that's the least of it.

แต่ไม่มีผู้ชายคนไหนโดนแแบบนั้น แต่ก็เป็นส่วนน้อยค่ะ

PM: It is, for all of us, men and women,

แพท: ใช่ค่ะ แล้วสำหรับเราทั้งชายและหญิง

finding our ways of defining our roles,

ที่หาทางกำหนดบทบาทของเราเอง

and doing them in ways that make a difference in the world

และพยายามหาทางสร้างสิ่งที่แตกต่างแก่โลก

and shape the future.

และสร้างอนาคต

How did you handle that balance

คุณรักษาสมดุลได้ยังไง

between being the tough diplomatic

ระหว่างตัวตนของนักการฑูตที่เป็นงานยาก

and strong voice of this country

และเป็นกระบอกเสียงสำคัญของชาติ

to the rest of the world

เพื่อสันติสุขของโลก

and also how you felt about yourself

และคุณรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง

as a mother, a grandmother, nurturing ...

ในฐานะเป็นแม่ เป็นยาย ต้องดูแลลูก ๆ หลาน ๆ

and so how did you handle that?

คุณรับมือกับมันได้ยังไงค่ะ

MA: Well the interesting part was I was asked

เมเดลีน: ที่น่าสนใจคือดิฉันถูกถามว่า

what it was like to be the first woman Secretary of State

รู้สึกอย่างไรที่เป็นผู้หญิงคนแรก ที่เป็นรมต

a few minutes after I'd been named.

หลังจากไม่กี่นาทีที่ได้ตำแหน่ง

And I said, "Well I've been a woman for 60 years,

ฉันตอบว่า "ฉันก็เป็นผู้หญิงมา 60 ปี

but I've only been Secretary of State for a few minutes."

แต่เพิ่งเป็นรมต.ต่างประเทศไม่กี่นาทีนี้เอง"

So it evolved.

มันคือวิวัฒนาการ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But basically I love being a woman.

แต่ฉันชอบในความเป็นผู้หญิงค่ะ

And so what happened --

รู้ไหมค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น --

and I think there will probably be some people in the audience

ฉันคิดว่าผู้ฟังในที่นี้หลายท่าน

that will identify with this --

น่าจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ --

I went to my first meeting, first at the U.N.,

ฉันเข้าไปประชุมที่ยูเอ็นครั้งแรก

and that's when this all started,

ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

because that is a very male organization.

เพราะเป็นองค์กรที่เต็มไปด้วยผู้ชาย

And I'm sitting there -- there are 15 members of the Security Council --

ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น--มีสมาชิก 15 ท่าน

so 14 men sat there staring at me,

ดังนั้น มีผู้ชาย 14 คนจ้องมาที่ฉัน

and I thought -- well you know how we all are.

ฉันก็ได้แต่คิดว่า--คุณนึกออกใช่มั้ยค่ะ

You want to get the feeling of the room,

เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของที่ประชุม

and "do people like me?"

และ "พวกเค้าชอบฉันไหม"

and "will I really say something intelligent?"

หรือ "ต้องพูดอะไรที่ดูฉลาดดีไหม"

And all of a sudden I thought, "Well, wait a minute.

แต่ฉันคิดขึ้นมาได้ทันทีว่า"เอาล่ะ เดี๋ยวนะ

I am sitting behind a sign that says 'The United States,'

ฉันกำลังนั่งอยู่หลังป้ายของ 'สหรัฐอเมริกา'

and if I don't speak today

แล้วถ้าวันนี้ฉันไม่กล้าส่งเสียง

then the voice of the United States will not be heard,"

เสียงของสหรัฐอเมริกาก็จะไม่มีใครได้ยิน"

and it was the first time that I had that feeling

นั่นคือครั้งแรกที่ฉันรู้สึกแบบนั้น

that I had to step out of myself

ฉันต้องลบภาพของตัวเองออกไปก่อน

in my normal, reluctant female mode

จากธรรมดาที่อึกอักเพราะเป็นผู้หญิง

and decide that I had to speak on behalf of our country.

แต่ต้องพูดในฐานะที่ เป็นตัวแทนของประเทศต่างหาก

And so that happened more at various times,

ซึ่งการตั้งแง่แบบนั้นก็มีมาเรื่อย ๆ

but I really think that there was a great advantage in many ways

แต่ฉันคิดว่ามีข้อได้เปรียบหลาย ๆ อย่าง

to being a woman.

ในความเป็นผู้หญิง

I think we are a lot better

ดิฉันคิดว่าเราได้เปรียบ

at personal relationships,

ในเชิงการสร้างมนุษยสัมพันธ์

and then have the capability obviously

แต่ก็มีความสามารถพอ

of telling it like it is when it's necessary.

ที่จะตรงไปตรงมา เมื่อจำเป็น

But I have to tell you, I have my youngest granddaughter,

ฉันต้องเล่าว่า หลานสาวคนเล็กของฉัน

when she turned seven last year,

ตอนเธอเจ็ดขวบเมื่อปีก่อน

said to her mother, my daughter,

เธอบอกแม่ ซึ่งคือลูกสาวฉันว่า

"So what's the big deal about Grandma Maddie being Secretary of State?

"มันแปลกตรงไหนที่คุณยายแม็ดดี้เป็น รมต.ต่างประเทศ

Only girls are Secretary of State."

ก็มีแต่ผู้หญิงที่เป็นรมต.ต่างประเทศ"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

PM: Because in her lifetime -- MA: That would be so.

แพท: เพราะตลอดชีวิตที่เธอเห็น -- เมเดลีน: ก็อาจจะอย่างนั้นค่ะ

PM: What a change that is.

แพท: นั่นเป็นจุดเปลี่ยนเลยค่ะ

As you travel now all over the world,

แล้ว ตอนนี้คุณได้เดินทางทั่วโลก

which you do frequently,

ค่อนข้างบ่อย

how do you assess

คุณมองอย่างไรค่ะ

this global narrative around the story of women and girls?

บทบาทของผู้หญิงในโลกใบนี้เป็นอย่างไรบ้าง

Where are we?

เราอยู่ตรงไหน

MA: I think we're slowly changing,

แมเดลีน: ฉันคิดว่าเรากำลังค่อย ๆ เปลี่ยนไป

but obviously there are whole pockets

แต่ให้ชัดแล้วเรายังต้องมองในภาพรวม

in countries where nothing is different.

ในประเทศที่ทุกอย่างเท่าเทียมกัน

And therefore it means that we have to remember

สิ่งที่ตามมาเราต้องจำไว้ว่า

that, while many of us have had huge opportunities --

ขณะที่เราได้รับโอกาสมากมาย--

and Pat, you have been a real leader in your field --

และแพท คุณก็เป็นผู้หญิงแนวหน้าในสายงาน

is that there are a lot of women

ซึ่งก็มีผู้หญิงอีกมากมาย

that are not capable

ที่ยังไม่มีความสามารถ

of worrying and taking care of themselves

เพียงพอที่จะดูแลตัวเองได้

and understanding that women have to help other women.

และต้องเข้าใจว่า ผู้หญิงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

And so what I have felt --

ซึ่งฉันรู้สึกว่า--

and I have looked at this

ฉันได้มองประเด็นนี้

from a national security issue --

ผ่านประเด็นความมั่นคงของชาติ--

when I was Secretary of State, I decided

ตอนเป็นรัฐมนตรี ฉันตัดสินใจว่า

that women's issues had to be central to American foreign policy,

เรื่องบทบาทสตรีต้องอยู่ในนโยบายต่างประเทศ

not just because I'm a feminist,

ไม่ใช่เพราะฉันเป็นผู้หญิงเท่านั้น

but because I believe that societies are better off

แต่เพราะฉันเชื่อว่าสังคมจะดีขึ้น

when women are politically and economically empowered,

เมื่อผู้หญิงมีอำนาจและบทบาท ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ

that values are passed down,

คุณค่าจะถูกส่งต่อลงไป

the health situation is better,

ระบบสาธารณสุขดีขึ้น

education is better,

การศึกษาดีขึ้น

there is greater economic prosperity.

เกิดความเจริญมากกว่าเศรษฐกิจเฉพาะด้าน

So I think that it behooves us --

ดังนั้นมันจึงจำเป็นค่ะ --

those of us that live in various countries

พวกเราที่อยู่ในหลายประเทศ

where we do have economic and political voice --

ที่ซึ่งเรามีสิทธิ์มีเสียงด้านเศรษฐกิจและการเมือง

that we need to help other women.

จึงต้องช่วยเหลือผู้หญิงในประเทศอื่น ๆ

And I really dedicated myself to that,

ซึ่งฉันเองอุทิศตัวในเรื่องนี้

both at the U.N. and then as Secretary of State.

ทั้งตอนที่อยู่ที่ยูเอ็นและในบทบาทรัฐมนตรี

PM: And did you get pushback

แพท: แล้วคุณโดนคัดค้านบ้างไหมคะ

from making that a central tenant of foreign policy?

ในการผลักดันเรื่องนี้ในนโยบายต่างประเทศ

MA: From some people.

แมเดลีน: ก็มีบ้างบางคนค่ะ

I think that they thought that it was a soft issue.

คิดว่าพวกเขามองมันเป็นเรื่องเล็กน้อย

The bottom line that I decided

แต่ท้ายที่สุดฉันตัดสินใจแล้ว

was actually women's issues are the hardest issues,

ว่าเรื่องของสตรีเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง

because they are the ones that have to do with life and death

เพราะนโยบายเหล่านั้นเกี่ยวพันกับ ความเป็นความตาย

in so many aspects,

จากในหลายแง่มุม

and because, as I said,

อย่างที่ฉันเล่าไป

it is really central to the way that we think about things.

ใจความหลักมันคือวิธีคิดต่อสิ่งต่าง ๆ

Now for instance,

อย่างเช่น

some of the wars that took place

ช่วงที่มีสงครามหลายแห่ง

when I was in office,

ตอนที่ฉันยังทำงานอยู่

a lot of them, the women were the main victims of it.

เหยื่อส่วนมากแล้วเป็นผู้หญิงค่ะ

For instance, when I started,

อย่างตอนรับตำแหน่งใหม่ ๆ

there were wars in the Balkans.

มีสงครามคาบสมุทรบัลข่าน

The women in Bosnia were being raped.

ผู้หญิงในบอสเนียถูกข่มขืน

We then managed to set up a war crimes tribunal

เราจึงตั้งศาลอาชญากรสงคราม

to deal specifically with those kinds of issues.

เพื่อจัดการกับเรื่องดังกล่าวนี้โดยเฉพาะค่ะ

And by the way, one of the things that I did at that stage

หนึ่งในหลาย ๆ อย่างที่ฉันทำในตอนนั้น

was, I had just arrived at the U.N.,

ตอนที่ฉันเพิ่งทำงานที่ยูเอ็น

and when I was there, there were 183 countries in the U.N.

ขณะนั้นมีประเทศสมาชิก 183 ประเทศ

Now there are 192.

ปัจจุบันมี 192

But it was one of the first times that I didn't have to cook lunch myself.

เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่ต้องทำอาหารกลางวันเอง

So I said to my assistant,

ฉันบอกผู้ช่วยว่า

"Invite the other women permanent representatives."

"เชิญตัวแทนจากชาติสมาชิกอื่น ที่เป็นผู้หญิงมาทานอาหารร่วมกันหน่อย"

And I thought when I'd get to my apartment

ฉันคิดเองว่าเมื่อถึงอพาร์ทเมนท์

that there'd be a lot of women there.

ต้องมีผู้หญิงมาเยอะแน่ ๆ

I get there, and there are six other women, out of 183.

แต่ฉันไปถึงมีผู้หญิงแค่ 6 คนจาก 183 ประเทศ

So the countries that had women representatives

ดังนั้น ประเทศที่ตัวแทนเป็นผู้หญิงคือ

were Canada, Kazakhstan, Philippines,

แคนาดา คาซัคสถาน ฟิลิปปินส์

Trinidad Tobago, Jamaica,

ตรินิแดดโตเบโก จาไมก้า

Lichtenstein and me.

ลิกเตนสไตน์ แล้วก็ฉัน

So being an American, I decided to set up a caucus.

ในฐานะอเมริกันชน ฉันเลยประชุมพรรคเสียเลย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And so we set it up,

นั่นล่ะค่ะ เรารวมตัวกัน

and we called ourselves the G7.

แล้วเรียกตัวเองว่ากลุ่มจี 7

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

PM: Is that "Girl 7?" MA: Girl 7.

แพท: มาจาก "สตรี 7" แมเดลีน: ค่ะ สตรี 7

And we lobbied

แล้วเราก็ล็อบบี้

on behalf of women's issues.

ในเรื่องเกี่ยวกับสตรี

So we managed to get two women judges

เราจัดการหาผู้พิพากษาผู้หญิง 2 ท่าน

on this war crimes tribunal.

ให้อยู่ในศาลอาญากรสงคราม

And then what happened

สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

was that they were able to declare that rape was a weapon of war,

พวกเธอตัดสินว่าการข่มขืนถือเป็นอาวุธสงคราม

that it was against humanity.

ที่เป็นภัยต่อมนุษยชาติ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

PM: So when you look around the world

แพท: ในหลายประเทศทั่วโลก

and you see that, in many cases --

ถ้าคุณมองจะเห็นว่ามีหลายกรณี--

certainly in the Western world --

โดยเฉพาะในโลกตะวันตก--

women are evolving into more leadership positions,

ผู้หญิงขึ้นมายืนบนตำแหน่งผู้นำมากขึ้น

and even other places

และที่อื่น ๆ ก็เหมือนกัน

some barriers are being brought down,

อุปสรรคต่าง ๆ ลดลงไปมาก

but there's still so much violence,

แต่ก็ยังมีความรุนแรง

still so many problems,

ยังมีปัญหาอีกเยอะ

and yet we hear there are more women

ทั้งที่เราได้ยินบ่อย ๆ ว่ามีผู้หญิง

at the negotiating tables.

ได้ร่วมบนโต๊ะเจรจาต่าง ๆ

Now you were at those negotiating tables

คุณเองมีโอกาสเข้าร่วมการเจรจา

when they weren't, when there was maybe you --

ในขณะที่พวกเธอไม่มีโอกาส ตอนนั้นเรามีคุณ

one voice, maybe one or two others.

1 เสียง หรืออาจจะมากกว่านั้น

Do you believe, and can you tell us why,

คุณยังเชื่ออยู่เปล่า แล้วบอกเราได้ไหมค่ะ

there is going to be a significant shift

ว่าเมื่อไหร่จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน

in things like violence

ในเรื่องอย่างเช่น ความรุนแรง

and peace and conflict and resolution

สันติภาพ ความขัดแย้ง และข้อยุติ

on a sustainable basis?

อย่างยั่งยืนจริง ๆ

MA: Well I do think, when there are more women,

แมเดลีน: ที่ฉันคิดก็ต่อเมื่อมีผู้หญิงมากขึ้น

that the tone of the conversation changes,

และอารมณ์ในการพูดคุยก็จะเปลี่ยน

and also the goals of the conversation change.

รวมถึงเป้าหมายในการเจรจาต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยน

But it doesn't mean that the whole world

แต่ไม่ได้แปลว่าโลกทั้งโลก

would be a lot better

จะดีขึ้นเสียทีเดียว

if it were totally run by women.

ถ้าให้ผู้หญิงเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง

If you think that, you've forgotten high school.

ถ้าคุณคิดแบบนั้นคุณคงลืมนึกถึงช่วงมัธยมไป

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But the bottom line

แต่ที่ประเด็นหลักคือ

is that there is a way,

มันเป็นหนทางหนึ่งค่ะ

when there are more women at the table,

เมื่อมีผู้หญิงบนเวทีการพูดคุย

that there's an attempt

ก็จะทำให้มีความพยายาม

to develop some understanding.

ในการสร้างความเข้าใจได้ดีขึ้น

So for instance, what I did when I went to Burundi,

ตัวอย่างเช่นตอนฉันไปบูรุนดี

we'd got Tutsi and Hutu women together

เรามีผู้หญิงมาจากทั้งเผ่าตุดซี่และฮูตู

to talk about some of the problems

มาการถกกันถึงปัญหา

that had taken place in Rwanda.

ที่เกิดขึ้นในรวันดา

And so I think the capability of women

ซึ่งฉันได้เห็นความสามารถของผู้หญิง

to put themselves --

ในการมีส่วนร่วม --

I think we're better about putting ourselves into the other guy's shoes

ฉันคิดว่าเราทำได้มากกว่าคิดไว้แต่แรก

and having more empathy.

เรามองได้ลึกซึ้งกว่า

I think it helps in terms of the support

ฉันคิดว่ามันช่วยสนับสนุนซึ่งกันและกัน

if there are other women in the room.

ถ้ามีผู้หญิงอีกซักคนอยู่ในห้องนั้นกับคุณ

When I was Secretary of State,

ตอนที่ฉันเป็นรมต.ต่างประเทศ

there were only 13 other women foreign ministers.

มีแค่ 13 ท่านที่เป็นรมต.ต่างประเทศหญิง

And so it was nice when one of them would show up.

มันดีมาก ๆ เมื่อหนึ่งในพวกเธอแสดงออก

For instance, she is now the president of Finland,

ยกตัวอย่าง ตอนนี้เธอเป็นประธานาธิบดีฟินแลนด์ค่ะ

but Tarja Halonen was the foreign minister of Finland

แต่ทาเรีย ฮาโลเน่น เป็นรมต.ต่างประเทศของฟินแลนด์

and, at a certain stage, head of the European Union.

รวมทั้งเป็นประธานกลุ่มสหภาพยุโรปด้วย

And it was really terrific.

ซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก

Because one of the things I think you'll understand.

เพราะมีเรื่องหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเข้าใจค่ะ

We went to a meeting,

เราเข้าร่วมประชุม

and the men in my delegation,

ซึ่งมีผู้แทนที่เป็นผู้ชาย

when I would say, "Well I feel we should do something about this,"

ฉันพูดขึ้นว่า "ฉันรู้สึกว่า เราควรทำบางอย่างในเรื่องนี้"

and they'd say, "What do you mean, you feel?"

พวกเขาพูดว่า"หมายถึงอะไรที่ว่ารู้สึกน่ะ"

And so then Tarja was sitting across the table from me.

แล้ว เอ่อ ทาเรีย นั่งอยู่ตรงข้ามฉัน

And all of a sudden we were talking about arms control,

ที่เรากำลังพูดถึงคือเรื่องการควบคุมอาวุธ

and she said, "Well I feel we should do this."

เธอพูดว่า "ฉันรู้สึกว่า เราต้องทำค่ะ"

And my male colleagues kind of got it all of a sudden.

นั่นแหละค่ะเพื่อนร่วมงานชายของดิฉัน ก็ดูเข้าใจอะไร ๆ ได้ทันที

But I think it really does help

แต่ฉันคิดว่ามันช่วยจริง ๆ นะคะ

to have a critical mass of women

ถ้ามีผู้หญิงจำนวนมากพอ

in a series of foreign policy positions.

ในตำแหน่งเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ

The other thing that I think is really important:

และอีกสิ่งที่ฉันคิดว่าสำคัญมากคือ

A lot of national security policy

นโยบายเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

isn't just about foreign policy,

ไม่ใช่แต่เฉพาะนโยบายต่างประเทศ

but it's about budgets, military budgets,

แต่มันเกี่ยวกับงบประมาณ งบด้านการทหาร

and how the debts of countries work out.

การบริหารหนี้ของประเทศต่าง ๆ

So if you have women

ถ้าคุณมีสุภาพสตรี

in a variety of foreign policy posts,

ร่วมในการออกนโยบายต่างประเทศด้านต่าง ๆ

they can support each other

พวกเธอจะสนับสนุนกัน

when there are budget decisions being made in their own countries.

เมื่อมีการจัดตั้งงบประมาณในแต่ละประเทศ

PM: So how do we get

แพท: แล้วเราจะทำยังไงค่ะ

this balance we're looking for, then, in the world?

ถึงจะเกิดสมดุลแบบที่คุณบอกบนโลกนี้

More women's voices at the table?

สตรีที่มีสิทธิ์มีเสียงเพิ่มขึ้น

More men who believe

มีผู้ชายที่ยอมเชื่อว่า

that the balance is best?

การมีสมดุลแบบนั้นดีที่สุด

MA: Well I think one of the things --

แมเดลีน: คือฉันว่าสิ่งหนึ่งทั้งหมดนะคะ--

I'm chairman of the board of an organization

ฉันเองก็เป็นกรรมการบริหารขององค์กร

called the National Democratic Institute

ที่ชื่อว่าสถาบันส่งเสริมประชาธิปไตย (NDI)

that works to support women candidates.

ซึ่งทำงานเพื่อสนับสนุนผู้แทนสตรี

I think that we need

ฉันคิดว่าเราจำเป็น

to help in other countries

จะต้องช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ

to train women

ในการสร้างผู้หญิง

to be in political office,

ให้เข้าสู่การเมือง

to figure out how they can in fact

เพื่อแสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วพวกเธอ

develop political voices.

พัฒนาเสียงทางการเมืองได้

I think we also need to be supportive

และฉันคิดว่าต้องคอยสนับสนุน

when businesses are being created

เมื่อมีการจัดตั้งองค์กรใด ๆ ขึ้นมา

and just make sure that women help each other.

และต้องแน่ใจว่าผู้หญิงคอยช่วยเหลือกัน

Now I have a saying

ฉันต้องบอกว่า

that I feel very strongly about,

ฉันเข้าใจเรื่องนี้อย่างมาก

because I am of a certain age

เพราะฉันอยู่ในวัยนี้แล้ว

where, when I started in my career,

เมื่อตอนที่เริ่มทำงาน

believe it or not, there were other women who criticized me:

เชื่อมั้ยค่ะ มีผู้หญิงหลายคนตำหนิฉัน

"Why aren't you in the carpool line?"

"ทำไมคุณถึงไม่ใช้ช่องทางถนนร่วมกัน"

or "Aren't your children suffering

หรือ "ลูก ๆ คุณเสียใจไหม

because you're not there all the time?"

เพราะคุณไม่เคยอยู่กับพวกเขาเลยนี่"

And I think we have a tendency to make each other feel guilty.

ซึ่งฉันคิดว่าคนเรามักจะชอบทำให้คนอื่น รู้สึกว่าผิด

In fact, I think "guilt" is every woman's middle name.

จริง ๆ แล้วฉันคิดว่า "ความรู้สึกว่าผิด" เป็นชื่อกลางของผู้หญิงไปแล้ว

And so I think what needs to happen

นั้นแหละค่ะฉันถึงคิดว่ามันจำเป็น

is we need to help each other.

ที่เราต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

And my motto is that there's a special place in hell

ฉันมีคติว่านรกมีขุมพิเศษค่ะ

for women who don't help each other.

สำหรับผู้หญิงที่ไม่รู้จักช่วยผู้หญิงด้วยกัน

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

PM: Well Secretary Albright, I guess you'll be going to heaven.

แพท: คะ ท่านอัลไบรท์ค่ะ ฉันเดาว่าคุณได้ไปสวรรค์แน่ ๆ

Thank you for joining us today.

ขอบคุณสำหรับวันนี้ค่ะ

MA: Thank you all. Thanks Pat.

แมเดลีน: ขอบคุณทุกคนค่ะ ขอบคุณค่ะ แพท

(Applause)

(เสียงปรบมือ)