Asia's rise -- how and when | Hans Rosling

Translator: Kietsakul Watcharinyanon Reviewer: Thobphon Chulpongsatorn

Once upon a time,

กาลครั้งหนึ่ง

at the age of 24,

ในวัย 24 ปี

I was a student at St. John's Medical College in Bangalore.

ผมเป็นนักศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยแพทย์เซนต์จอห์น ในบังกะลอร์

I was a guest student during one month

ผมเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนเป็นเวลา 1 เดือน

of a public health course.

ในวิชาสาธารณสุข

And that changed my mindset forever.

และมันได้เปลี่ยนความคิดผมไปตลอดกาล

The course was good, but it was not the course content

วิชานั้นเป็นวิชาที่ดี แต่ไม่ใช่เพราะเนื้อหาวิชา

in itself that changed the mindset.

ที่เปลี่ยนความคิดผม

It was the brutal realization,

ผมได้รับรู้ถึงความจริงที่โหดร้าย

the first morning,

ในเช้าวันแรก

that the Indian students were better than me.

ว่านักเรียนชาวอินเดียเก่งกว่าผม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

You see, I was a study nerd.

คุณคงพอจะเข้าใจนะครับ ผมเคยเป็นเด็กบ้าเรียน

I loved statistics from a young age.

รักวิชาสถิติตั้งแต่เด็ก

And I studied very much in Sweden.

และเรียนอย่างหนักที่ประเทศสวีเดน

I used to be in the upper quarter of all courses I attended.

ผมเคยเป็นนักเรียนที่เรียนดีในทุกวิชา

But in St. John's, I was in the lower quarter.

แต่ที่เซนต์จอห์น ผมกลับอยู่กลุ่มท้ายแถว

And the fact was that Indian students

และความเป็นจริงก็คือ นักเรียนในอินเดีย

studied harder than we did in Sweden.

ขยันเรียนกว่านักเรียนในสวีเดน

They read the textbook twice,

พวกเขาอ่านหนังสือสองรอบ

or three times or four times.

หรือสาม หรือสี่รอบ

In Sweden we read it once and then we went partying.

ในสวีเดน เราอ่านแค่รอบเดียว แล้วก็ออกไปสังสรรค์

(Laugher)

(เสียงหัวเราะ)

And that, to me,

และสิ่งนั้น สำหรับผม

that personal experience

ประสบการณ์นั้น

was the first time in my life

คือครั้งแรกในชีวิต

that the mindset I grew up with

ที่ความคิดที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด

was changed.

ถูกเปลี่ยน

And I realized that perhaps

ผมรับรู้ว่าบางที

the Western world will not continue

โลกตะวันตกอาจจะไม่

to dominate the world forever.

ยิ่งใหญ่ตลอดไป

And I think many of you have the same sort of personal experience.

และผมคิดว่าพวกคุณหลายคนคงเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกัน

It's that realization of someone you meet

มันเป็นการรับรู้จากการได้พบใครสักคน

that really made you change your ideas about the world.

ที่ทำให้โลกที่คุณมองเห็นเปลี่ยนไป

It's not the statistics, although I tried to make it funny.

มันไม่ใช่สถิติ แม้ว่าผมจะให้มันดูตลกแบบนั้น

And I will now,

และในตอนนี้

here, onstage,

ณ ที่นี่ บนเวทีแห่งนี้

try to predict when that will happen --

ผมจะพยายามทำนายว่าเมื่อใด

that Asia will regain

ที่เอเชียจะกลับมา

its dominant position

ทวงความยิ่งใหญ่

as the leading part of the world,

ในฐานะผู้นำโลก

as it used to be, over thousands of years.

เหมือนที่เคยเป็น เมื่อหลายพันปีมาแล้ว

And I will do that

ผมจะทำ

by trying to predict precisely

โดยจะพยายามทำนายอย่างแม่นยำ

at what year

ว่าในปีใด

the average income per person

ที่รายได้เฉลี่ยต่อคน

in India, in China, will reach that of the West.

ในอินเดีย และจีน จะเทียบเท่ากับโลกตะวันตก

And I don't mean the whole economy,

ผมไม่ได้หมายถึงเศรฐกิจทั้งระบบ

because to grow an economy

เพราะการขยายขนาดเศรษฐกิจ

of India to the size of U.K. --

ของอินเดีย ไปสู่ขนาดของประเทศอังกฤษ

that's a piece of cake, with one billion people.

มันเป็นเรื่องจิบจ้อย ด้วยจำนวนคนหนึ่งพันล้านคน

But I want to see when will the average pay, the money

แต่ที่ผมต้องการจะรู้ คือเมื่อใดที่รายได้เฉลี่ยที่เป็นตัวเงิน

for each person, per month,

ของแต่ละคน ต่อหนึ่งเดือน

in India and China,

ในอินเดีย และจีน

when will that have reached that of U.K. and the United States?

จะเท่ากับของอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

But I will start with a historical background.

แต่ผมจะเริ่มด้วยการแสดงถึงประวัติศาสตร์

And you can see my map if I get it up here. You know?

อย่างที่คุณเห็นบนแผนภูมิของผม ถ้ามันอยู่บนนั้น

I will start at 1858.

ผมจะเริ่มที่ปี 1858

1858 was a year of great technological

ปี 1858 เป็นปีแห่งความก้าวหน้า

advancement in the West.

ทางเทคโนโลยีในโลกตะวันตก

That was the year when Queen Victoria

ในเป็นปีที่สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย

was able, for the first time, to communicate

สามารถสื่อสาร

with President Buchanan,

กับประธานาธิบดีบูแคนัน เป็นครั้งแรก

through the Transatlantic Telegraphic Cable.

ผ่านสายโทรเลขที่เชื่อมข้ามมหาสมุทรแอทแลนติก

And they were the first to "Twitter" transatlantically.

และนั่นเป็นการใช้ "ทวิตเตอร์" ข้ามมหาสมุทรแอทแลนติกเป็นครั้งแรก

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And I've been able, through this wonderful Google and Internet,

หลังจากค้นหาด้วยกูเกิล และอินเตอร์เนทที่ยอดเยี่ยมนี้

to find the text of the telegram

ผมเจอข้อความบนโทรเลข

sent back from President Buchanan to Queen Victoria.

ที่ตอบกลับจากโดยประธานาธิบดีบูแคนัน ไปยังพระราชินีวิคตอเรีย

And it ends like this: "This telegraph

เขาลงท้ายไว้ว่า "โทรเลขฉบับนี้

is a fantastic instrument to diffuse religion,

เป็นเครื่องมือมหัศจรรย์ ที่จะแพร่กระจายศาสนา

civilization, liberty and law throughout the world."

ความศิวิไลซ์ เสรีภาพ และกฎเกณฑ์ต่างๆทั่วโลก"

Those are nice words. But I got sort of curious

เป็นข้อความที่ดี แต่ผมเกิดความสงสัยเล็กน้อย

of what he meant with liberty, and liberty for whom.

กับความหมายของเสรีภาพ มันเป็นเสรีภาพของใคร

And we will think about that

และเราจะได้เห็น

when we look at the wider picture of the world in 1858.

เมื่อเรามองโลกในปี 1858 ให้กว้างไกลขึ้น

Because 1858

เพราะในปี 1858

was also watershed year

เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลง

in the history of Asia.

ครั้งประวัติศาสตร์ของทวีปเอเชีย

1858 was the year

และยังเป็นปี

when the courageous uprising

ที่การลุกขึ้นต่อต้านอย่างกล้าหาญ

against the foreign occupation of India

ต่อการเข้ามาของชาวต่างชาติในประเทศอินเดีย

was defeated by the British forces.

ถูกปราบปรามโดยกองกำลังจากประเทศอังกฤษ

And India was up to 89 years more of foreign domination.

และอินเดียก็ถูกปกครองโดยต่อไปอีก 89 ปี

1858 in China

ปี 1858 ในจีน

was the victory in the Opium War by the British forces.

เป็นปีที่กองกำลังของประเทศอังกฤษได้รับชัยชนะในสงครามฝิ่น

And that meant that foreigners, as it said in the treaty,

ซึ่งชาวต่างชาติ ตามระบุไว้ในสนธิสัญญา

were allowed to trade freely in China.

สามารถค้าขายในประเทศจีนได้อย่างเสรี

It meant paying with opium for Chinese goods.

โดยใช้ฝิ่นเป็นตัวกลางในการซื้อสินค้าจีน

And 1858 in Japan

ปี 1858 ในประเทศญี่ปุ่น

was the year when Japan had to sign the Harris Treaty

เป็นปีที่ประเทศญี่ปุ่นจำยอมต้องลงนามในสนธิสัญญาแฮร์ริส

and accept trade on favorable condition for the U.S.

และยอมรับการค้าขายบนเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ

And they were threatened by those black ships there,

ซึ่งพวกเขาถูกขู่เข็ญ ด้วยเรือดำ

that had been in Tokyo harbor over the last year.

ที่เทียบท่าอยู่ในอ่าวโตเกียวในปีก่อนหน้า

But, Japan, in contrast to India and China,

แต่กรณีของประเทศญี่ปุ่น แตกต่างกับประเทศอินเดีย และประเทษจีนตรงที่

maintained its national sovereignty.

พวกเขายังรักษาอำนาจอธิปไตยเอาไว้ได้

And let's see how much difference that can make.

มาดูกันว่ามันทำให้เกิดความแตกต่างได้มากแค่ไหน

And I will do that by bringing these bubbles

ผมจะแสดงให้คุณดูด้วยการนำวงกลมเหล่านี้

back to a Gapminder graph here,

มาใส่ในแผนภูมิแกปไมเดอร์์นี้

where you can see each bubble is a country.

โดยแต่ละวงแทนประเทศต่างๆ

The size of the bubble here is the population.

ขนาดของวงกลมแสดงถึงจำนวนประชากร

On this axis, as I used to have income per person in comparable dollar.

บนแกนนี้ ผมกำหนดให้เป็นรายได้ต่อคนในหน่วยดอลล่าร์

And on that axis I have life expectancy, the health of people.

ส่วนแกนนี้ ผมกำหนดให้เป็นช่วงอายุของชีวิต หรือสุขภาพของประชาชน

And I also bring an innovation here.

นอกจากนั้นผมยังมีนวัตกรรมใหม่

I have transformed the laser beam

ผมได้แปลงตัวชี้เลเซอร์

into an ecological, recyclable version here, in green India.

ให้กลายเป็นแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และนำมากลับใช้ใหม่ได้ เพื่อเพิ่มสีเขียวในอินเดีย

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

And we will see, you know.

แล้วเราจะได้เห็น

Look here, 1858, India was here,

ดูสิ ในปี 1858 ประเทศอินเดียเคยอยู่ที่จุดนี้

China was here, Japan was there,

ประเทศจีนอยู่ที่จุดนี้ ประเทศญี่ปุ่นอยู่นั่น

United States and United Kingdom

สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร

was richer over there.

อยู่ในตำแหน่งที่ร่ำรวยกว่าด้านโน้น

And I will start the world like this.

ผมจะเริ่มต้นแบบนี้

India was not always like this level.

ประเทศอินเดียไม่ได้อยู่ในจุดนี้มาตลอด

Actually if we go back into the historical record,

อันที่จริง ถ้าเราย้อนกลับไปดูบันทึกในอดีต

there was a time hundreds of years ago

ครั้งหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว

when the income per person in India and China

รายได้ต่อคนในประเทศอินเดีย และประเทศจีน

was even above that of Europe.

เคยสูงกว่าของทวีปยุโรปด้วยซ้ำไป

But 1850 had already been many, many years of foreign domination,

แต่หลังจากปี 1850 ซึ่งต่างชาติได้ปกครองเป็นเวลานาน

and India had been de-industrialized.

และประเทศอินเดียก็ถูกทำให้เสื่อมถอย

And you can see that the countries who were growing

คุณคงพอจะเห็นได้ว่าประเทศที่เติบโต

their economy was United States and United Kingdom.

ทางเศรษฐกิจก็คือ สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร

And they were also, by the end of the century, getting healthy,

และพวกเขาก็ยังมีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย จนสิ้นศตวรรษ

and Japan was starting to catch up.

ประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มที่จะไล่ตาม

India was trying down here.

อินเดียกำลังพยายามอยู่ด้านล่างนี้

Can you see how it starts to move there?

คุณมองเห็นไหมว่ามันเริ่มเคลื่อนที่อย่างไร

But really, really natural sovereignty was good for Japan.

แต่ความมีอำนาจอธิปไตยของประเทศญี่ปุ่น มีผลดีอย่างเห็นได้ชัด

And Japan is trying to move up there.

และประเทศญี่ปุ่นกำลังพยายามจะขึ้นไปที่นั่น

And it's the new century now. Health is getting better,

และก็มาถึงศตวรรษใหม่ สุขภาพเริ่มดีขึ้น

United Kingdom, United States.

สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ

But careful now -- we are approaching the First World War.

ระวังให้ดี เรากำลังเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

And the First World War, you know,

และก็มาถึงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อย่างที่คุณรู้

we'll see a lot of deaths and economical problems here.

เราจะเห็นผู้เสียชีวิต และปัญหาเศรษฐกิจมากมาย

United Kingdom is going down.

สหราชอาณาจักรเริ่มตกต่ำ

And now comes the Spanish flu also.

แล้วไข้หวัดเสปนก็เข้ามาอีก

And then after the First World War, they continue up.

จากนั้น หลังจบสงครามโลก พวกเขากกลับมาดีขึ้น

Still under foreign domination, and without sovereignty,

แต่ยังไงก็ตาม การรุกรานจากต่างชาติ และการไม่มีอำนาจอธิปไตย

India and China are down in the corner.

ทำให้ทั้งประเทศอินเดีย และประเทษจีนยังคงติดอยู่ที่มุมเดิม

Not much has happened.

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก

They have grown their population but not much more.

พวกเขามีประชากรเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มากนัก

In the 1930's now, you can see

มาถึงช่วงปี 1930 คุณก็จะได้เห็น

that Japan is going to a period of war,

ว่าประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเข้าสู่ช่วงสงคราม

with lower life expectancy.

ด้วยอายุเฉลี่ยที่แย่ลง

And the Second World War was really a terrible event,

สงครามโลกครั้งที่สองเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาก

also economically for Japan.

ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นเช่นกัน

But they did recover quite fast afterwards.

แต่พวกเขาก็ฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็วหลังจากนั้น

And we are moving into the new world.

แล้วเราก็ก้าวเข้าสู่โลกยุคใหม่

In 1947 India finally

ในปี 1947 ในที่สุดประเทศอินเดีย

gained its independence.

ก็ได้รับเอกราชคืนมา

And they could raise the Indian flag and become a sovereign nation,

พวกเขาสามารถชักธงอินเดียขึ้นยอดเสา และกลายเป็นประเทศเอกราช

but in very big difficulties down there.

แต่ก็ต้องผ่านความยากลำบากด้านล่างนั่น

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

In 1949 we saw the emergence of the modern China

ในปี 1949 เราได้พบกับการเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ของประเทศจีน

in a way which surprised the world.

ในแบบที่ทำให้โลกตะึลึง

And what happened?

มันเกิดอะไรขึ้น

What happens in the after independence?

เกิดอะไรขึ้นหลังจากการได้รับเอกราช

You can see that the health started to improve.

คุณจะเห็นได้ว่าเริ่มมีการพัฒนาในด้านสุขภาพ

Children started to go to school.

เด็กๆเริ่มไปโรงเรียน

Health services were provided.

เริ่มมีการให้บริการทางสาธารณสุข

This is the Great Leap Forward, when China fell down.

นี่คือนโยบายก้าวกระโดด ซึ่งทำให้ประเทศจีนตกต่ำลง

It was central planning by Mao Tse Tung.

มันเป็นเพราะแผนการรวมศูนย์อำนาจของเหมา เจ๋อ ตุง

China recovered. Then they said,

ประเทศจีนฟื้นตัวกลับมาได้ แล้วพวกเขาก็พูดว่า

"Nevermore, stupid central planning."

"จะไม่มีแผนรวมศุนย์อำนาจโง่ๆอีกต่อไป"

But they went up here, and India was trying to follow.

แต่พวกเขาก็ขึ้นไปถึงจุดนั่น และประเทศอินเดียก็พยายามตามขึ้นไป

And they were catching up indeed.

แล้วพวกเขาก็ตามทัน

And both countries had the better health, but still

ทั้งคู่มีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ก็ยัง

a very low economy.

มีเศรษฐกิจที่แย่อยู่

And we came to 1978, and Mao Tse Tung died,

แล้วเราก็มาถึงปี 1978 เหมา เจ๋อ ตุง เสียชีวิต

and a new guy turned up from the left.

และคนใหม่ก็ก้าวขึ้นมาจากทางซ้าย

And it was Deng Xiaoping coming out here.

เขาคนนั้นก็คือ เติ้ง เสี่ยวผิง

And he said, "Doesn't matter

เขากล่าวว่า "ไม่สำคัญ

if a cat is white or black,

ว่าแมวขาว แมวดำ

as long as it catches mice."

จับหนูได้เป็นพอ"

Because catching mice

เพราะการจับหนู

is what the two cats wanted to do.

เป็นสิ่งที่แมวทั้งคู่อยากจะทำ

And you can see the two cats being here,

คุณจะเห็นได้ว่าแมวทั้งคู่อยู่ที่นี่

China and India, wanting to catch the mices over there, you know.

ประเทศจีน และประเทศอินเดีย ต้องการจะจับหนูที่อยู่ตรงโน้น

And they decided to go not only for health and education,

พวกเขาตัดสินใจที่จะตามไป ไม่เฉพาะในด้านสุขภาพ และการศึกษาเท่านั้น

but also starting to grow their economy.

แต่ยังรวมถึงเริ่มการขยายเศรษฐกิจด้วย

And the market reformer was successful there.

แล้วการปฏิรูปทางการตลาดก็ประสบความสำเร็จ

In '92 India follows with a market reform.

ในปี 92 ประเทศอินเดียก็ตามไปด้วยการปฏิรูปทางการตลาด

And they go quite closely together,

พวกเขาเคลื่อนไปพร้อมๆกัน

and you can see that the similarity with India and China,

และคุณจะเห็นได้ว่า ความคล้ายกันระหว่างประเทศอินเดีย และประเทศจีน

in many ways, are greater than the differences with them.

ในหลายๆด้านนั้น มีมากกว่าความแตกต่าง

And here they march on. And will they catch up?

และตอนนี้พวกเข้าก็ก้าวต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาจะตามทันหรือไม่

This is the big question today.

เป็นคำถามมาจนถึงทุกวันนี้

There they are today.

พวกเขาอยู่ที่จุดนั้นในวันนี้

Now what does it mean that the --

ความหมายของมันก็คือ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

the averages there -- this is the average of China.

ค่าเฉลี่ยนั้น คือค่าเฉลี่ยของประเทศจีน

If I would split China, look here,

ถ้าเราแบ่งประเทศจีนเป็นส่วนๆ ดูสิ

Shanghai has already catched up.

เซี่ยงไฮ้ตามไปทันแล้ว

Shanghai is already there.

เซี้ยงไฮ้อยู่ที่นั่นแล้ว

And it's healthier than the United States.

สุขภาพที่นั้นดีกว่าในสหรัฐฯเสียอีก

But on the other hand, Guizhou, one of the poorest

ในขณะที่ มณฑลกุ้ยโจว หนึ่งในจังหวัดที่ยากจนที่สุด

inland provinces of China, is there.

ในจีนแผ่นดินใหญ่ อยู่ที่นั่น

And if I split Guizhou into urban and rural,

และถ้าผมแบ่งมณฑลกุ้ยโจวเป็นเขตเมือง และเขตชนบท

the rural part of Guizhou goes down there.

เขตชนบทของมณฑลกุ้ยโจวลงไปอยู่ข้างล่างนั่น

You see this enormous inequity in China,

ความไม่เสมอภาคกันในประเทศจีนนั้นสูงอย่างชัดเจน

in the midst of fast economic growth.

ท่ามกลางการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจที่รวดเร็ว

And if I would also look at India,

แล้วถ้ามองไปที่ประเทศอินเดียด้วย

you have another type of inequity, actually, in India.

คุณจะพบกับความไม่เสมอภาคในอีกรูปแบบหนึ่ง

The geographical, macro-geographical difference is not so big.

ความแตกต่างทางภูมิศาสตร์มหภาคนั้นไม่มากนัก

Uttar Pradesh, the biggest of the states here,

รัฐอุตตรประเทศ รัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ตรงนี้

is poorer and has a lower health than the rest of India.

เป็นรัฐที่ยากจน และมีสุขภาพแย่กว่าส่วนที่เหลือในอินเดีย

Kerala is flying on top there,

รัฐเกรละ อยู่ข้างบนโน้น

matching United States in health,

สุขภาพเทียบเท่ากับสหรัฐฯ

but not in economy.

แต่เศรษฐกิจไม่เป็นแบบนั้น

And here, Maharashtra, with Mumbai,

และมหาราษฏระ มุมไบ

is forging forward.

กำลังก้าวไปข้างหน้า

Now in India, the big inequities are within the state,

ในประเทศอินเดีย ความไม่เสมอภาคจะมีมากภายในแต่ละรัฐ

rather than between the states.

มากกว่าระหว่างรัฐ

And that is not a bad thing, in itself.

นั่นไม่ใช่เรื่องไม่ดี สำหรับตัวมันเอง

If you have a lot inequity, macro-geographical inequities

ถ้าคุณมีความไม่เสมอภาคมาก ความไม่เสมอในทางภูมิศาสตร์มหภาค

can be more difficult in the long term to deal with,

ในระยะยาว มันจะสร้างความยากลำบากมากกว่า

than if it is in the same area where you have a growth center

เมื่อเทียบกับการที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ที่ที่มีศูนย์กลางความเจริญ

relatively close to where poor people are living.

อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่คนยากจนอาศัยอยู่

No, there is one more inequity. Look there, United States.

ไม่เท่านั้น ยังมีความไม่เสมอภาคอีกอย่าง ดูนั่น ในสหรัฐฯ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Oh, they broke my frame.

โอ้ พวกเขาหลุดออกนอกกรอบของผม

Washington, D.C. went out here.

วอชิงตัน ดี. ซี. ออกไปข้างนอกนั่น

My friends at Gapminder wanted me to show this

เพื่อนของผมที่ แกปไมเดอร์ อยากให้ผมแสดงสิ่งนี้

because there is a new leader in Washington

เพราะมีผู้นำคนใหม่ในวอชิงตัน

who is really concerned about the health system.

ผู้ที่ใส่ใจกับระบบสุขภาพมาก

And I can understand him, because Washington, D.C.

แต่ผมก็เข้าใจเขา เพราะวอชิงตัน ดี. ซี.

is so rich over there

รวยมาก

but they are not as healthy as Kerala.

แต่กลับมีสุขภาพแย่กว่าเกรละ

It's quite interesting, isn't it?

มันน่าสนใจไม่ใช่เหรอ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

I can see a business opportunity for Kerala,

ผมมองเห็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับเกรละ

helping fix the health system in the United States.

โดยเข้าไปช่วยแก้ไขระบบสุขภาพในสหรัฐฯ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Now here we have the whole world. You have the legend down there.

ตอนนี้เราจะได้เห็นทั้งโลก คำอธิบายอยู่ข้างล่างนั่น

And when you see the two giant cats here, pushing forward,

และเมื่อคุณเห็นแมวยักษ์สองตัวตรงนี้ กำลังก้าวไปข้างหน้า

you see that in between them

คุณจะเห็นว่าระหว่างพวกมัน

and ahead of them,

และข้างหน้าพวกมัน

is the whole emerging economies of the world,

เป็นระบบเศรษฐกิจที่กำลังก้าวหน้าทั้งหมดของโลก

which Thomas Friedman so correctly called the "flat world."

ซึ่ง โทมัส ฟรีดแมน เรียกไว้อย่างถูกต้องที่สุดว่า "โลกแบน"

You can see that in health and education,

คุณจะเห็นว่าในด้านสุขภาพ และการศึกษา

a large part of the world population is putting forward,

ประชาการส่วนใหญ่ของโลกกำลังก้าวไปข้างหน้า

but in Africa, and other parts,

แต่ในทวีปแอฟริกา หรือส่วนอื่นๆ

as in rural Guizhou in China,

เช่นเดียวกับเขตชนบทของมณฑลกุ้ยโจวในประเทศจีน

there is still people with low health and very low economy.

ยังมีผู้คนที่มีสุขภาพแย่ และยากจน

We have an enormous disparity in the world.

มีความแตกต่างกันอย่างมหาศาลในโลกนี้

But most of the world in the middle are pushing forwards very fast.

แต่เกือบจะทั้งหมดของส่วนที่อยู่ตรงกลางกำลังไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

Now, back to my projections.

ตอนนี้ กลับมาดูที่การทำนายของผม

When will it catch up? I have to go back to very conventional graph.

เมื่อใดพวกเขาจะตามทัน ผมจะกลับไปดูกราฟที่ธรรมดาที่สุด

I will show income per person on this axis instead,

ผมจะแทนแกนนี้ด้วยรายได้ต่อคน

poor down here, rich up there.

คนจนอยู่ข้างล่างนี่ คนรวยอยู่ข้างบนนั้น

And then time here, from 1858

และเวลาที่นี่ เริ่มจากปี 1858

I start the world.

โลกเริ่มต้นขึ้น

And we shall see what will happen with these countries.

แล้วราจะได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศเหล่านี้

You see, China under foreign domination

คุณเห็นมั้ย ประเทศภายใต้การปกครองของต่างชาติ

actually lowered their income and came down to the Indian level here.

มีรายได้ลดลง จนมาอยู่ระดับเดียวกับประเทศอินเดีย

Whereas U.K. and United States is getting richer and richer.

ในขณะที่สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯกลับรวยขึ้นๆ

And after Second World War, United States is richer than U.K.

และหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐฯก็ร่ำรวยกว่าสหราชอาณาจักร

But independence is coming here.

แต่เอกราชกำลังจะมาถึง

Growth is starting, economic reform.

การเติบโตเริ่มต้นขึ้น เกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจ

Growth is faster, and with projection from IMF

การเติบโตรวดเร็วขึ้น และตามการคาดการณ์ของ ไอเอ็มเอฟ

you can see where you expect them to be in 2014.

คุณจะได้เห็นจุดที่คาดว่าพวกมันจะไปถึงในปี 2014

Now, the question is, "When will the catch up take place?"

และตอนนี้ เกิดคำถามที่ว่า เมื่อใดที่พวกมันจะตามทัน

Look at, look at the United States.

ดูนั่น ดูที่สหรัฐฯ

Can you see the bubble?

คุณเห็นวงกลมนั่นไหม

The bubbles, not my bubbles,

วงนั่น ไม่ใช่วงของผม

but the financial bubbles.

แต่เป็นวงฟองสบู่

That's the dot com bubble. This is the Lehman Brothers doorstep there.

นั่นคือวงกลม ดอท คอม นี่คือบันไดหน้าประตูบ้านของ Lehman Brothers

You see it came down there.

คุณจะเห็นมันตกลง

And it seems this is another rock coming down there, you know.

และดูเหมือนจะมีหินถล่มลงมาอีก อย่างที่คุณรู้

So they doesn't seem to go this way, these countries.

ดังนั้น ประเทศพวกนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เคลื่อนไปทางนี้

They seem to go in a more humble growth way, you know.

พวกเขาดูเหมือนจะเคลื่อนไปอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตน

And people interested in growth

และผู้คนที่สนใจในการเจริญเติบโต

are turning their eyes towards Asia.

ก็หันไปมองที่ทวีปเอเชีย

I can compare to Japan. This is Japan coming up.

ผมขอเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่น นี่คือประเทศญี่ปุ่นกำลังขึ้นไป

You see, Japan did it like that.

คุณเห็นไหม ประเทศญี่ปุ่นทำแบบนั้น

We add Japan to it.

เราเพิ่มประเทศญี่ปุ่นเข้าไป

And there is no doubt that fast catch up

ไม่มีข้อกังขาเลยว่าการตามทัน

can take place.

จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Can you see here what Japan did?

คุณเห็นไหมว่าประเทศญี่ปุ่นทำอะไร

Japan did it like this, until full catch up,

ประเทศญี่ปุ่นทำแบบนี้ จนกระทั่งตามทัน

and then they follow with the other high-income economies.

แล้วพวกเขาก็ตามประเทศที่มีรายได้สูงไปเรื่อยๆ

But the real projections for those ones,

แต่สำหรับการทำนายที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้น

I would like to give it like this.

ผมจะทำแบบนี้

Can be worse, can be better.

อาจจะแย่กว่า หรือดีกว่านี้

It's always difficult to predict, especially about the future.

การทำนายนั้นยากเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของอนาคต

Now, a historian tells me it's even more difficult to predict about the past.

นักประวัติศาสตร์เคยบอกกับผมว่ามันยากยิ่งกว่าที่จะทำนายอดีต

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I think I'm in a difficult position here.

ผมคิดว่าผมกำลังลำบาก

Inequalities in China and India

ความไม่เสมอภาคในประเทศจีน และประเทศอินเดีย

I consider really the big obstacle

ผมคิดว่ามันเป็นอุปสรรคสำคัญ

because to bring the entire population into growth and prosperity

เพราะการที่จะทำให้ประชากรทั้งประเทศกินดีอยู่ดี

is what will create a domestic market,

จะเป็นตัวสร้างตลาดในประเทศขึ้น

what will avoid social instability,

จะเป็นตัวหลีกเลี่ยงความไร้เสถียรภาพในสังคม

and which will make use of the entire capacity

และเป็นการใช้ความสามารถของประชากรทั้งหมด

of the population.

ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

So, social investments in health, education and infrastructure,

ดังนั้นการลงทุนในด้านสุขภาพ การศึกษา และโครงสร้างพื้นฐาน

and electricity is really what is needed in India and China.

และระบบไฟฟ้าคือสิ่งที่จำเป็นในประเทศอินเดีย และประเทศจีน

You know the climate. We have great international experts

มาถึงเรื่องสภาพอากาศ มีผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติมากมาย

within India telling us that the climate is changing,

ในอินเดียที่บอกกับเราว่าสภาพอากาศกำลังเปลี่ยนแปลง

and actions has to be taken,

และเราต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง

otherwise China and India would be the countries

มิเช่นนั้น ทั้งประเทศจีนและประเทศอินเดียจะกลายเป็นประเทศ

most to suffer from climate change.

ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด

And I consider India and China the best partners in the world

และผมคิดว่าประเทศอินเดีย และประเทศจีนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดในโลก

in a good global climate policy.

ในเรื่องของนโยบายเกี่ยวกับสภาวะภูมิอากาศของโลก

But they ain't going to pay

แต่มันก็ไม่มีผลมากนัก

for what others, who have more money,

กับสิ่งที่พวกที่มีเงินมากกว่า

have largely created, and I can agree on that.

ได้สร้างขึ้น และผมเห็นด้วยว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

But what I'm really worried about is war.

แต่สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือสงคราม

Will the former rich countries really accept

ประเทศที่ร่ำรวยมาก่อนจะยอมรับ

a completely changed world economy,

ความเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจโลก

and a shift of power away from where it has been

และการโอนถ่ายอำนาจจากที่ที่มันเคยอยู่

the last 50 to 100 to 150 years,

เมื่อ 50 หรือ 100 หรือ 150 ปีก่อน

back to Asia?

กลับมาที่ทวีปเอเชียได้หรือไม่

And will Asia be able to handle that

และทวีปเอเชียจะรับมือกับ

new position of being in charge

การเป็นผู้บัญชาการ

of being the most mighty, and the governors of the world?

เป็นผู้กุมอำนาจ และปกครองโลกได้หรือไม่

So, always avoid war,

ดังนั้น ต้องหลีกเล่ียงสงคราม

because that always pushes human beings backward.

เพราะมันทำให้มนุษยชาติถดถอยเสมอ

Now if these inequalities, climate and war can be avoided,

ถ้าหากความไม่เสมอภาค สภาพวะอากาศ และสงครามไม่เกิดขึ้น

get ready for a world in equity,

เตรียมตัวพบกับโลกที่เท่าเทียมกัน

because this is what seems to be happening.

เพราะนี่คือสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น

And that vision that I got as a young student,

และมุมมองที่ผมได้รับมาสมัยที่ยังเป็นนักรียน

1972, that Indians can be much better than Swedes,

ในปี 1972 ที่ว่าคนอินเดียเก่งกว่าคนสวีเดนมาก

is just about to happen.

ก็กำลังจะเกิดขึ้น

And it will happen precisely

และมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

the year 2048

ในปี 2048

in the later part of the summer, in July,

ในช่วงท้ายของฤดูร้อน เดือนกรกฎาคม

more precisely, the 27th of July.

ให้ชัดเจนยิ่งกว่านั้น คือวันที่ 27 กรกฎาคม

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

The 27th of July, 2048

วันที่ 27 กรกฎาคม 2048

is my 100th birthday.

วันเกิดอายุครบ 100 ปีของผม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And I expect to speak

และผมจะมาพูด

in the first session of the 39th TED India.

เป็นคนแรกใน TED อินเดียครั้งที่ 39

Get your bookings in time. Thank you very much.

รีบจองที่นั่งของคุณ ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)