Wade Davis: Cultures at the far edge of the world

You know, one of the intense pleasures of travel

คุณรู้ไหมว่าหนึ่งในความสุขอันยิ่งใหญ่ ของการท่องเที่ยว

and one of the delights of ethnographic research

และหนึ่งในความดีใจของการศึกษา ด้านชาติพันธุ์วรรณนา

is the opportunity to live amongst those

คือการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเขาเหล่านั้น

who have not forgotten the old ways,

ซึ่งยังไม่ลืมวิถีชีวิตอันเก่าแก่

who still feel their past in the wind,

ผู้ซึ่งยังรู้สึกได้ถึงอดีตในสายลม

touch it in stones polished by rain,

ยังสัมผัสถึงอดีตจากหิน ที่ถูกกัดกร่อนโดยสายฝน

taste it in the bitter leaves of plants.

ยังลิ้มรสถึงอดีตได้ในใบไม้รสขมของต้นพืช

Just to know that Jaguar shamans still journey beyond the Milky Way,

เพียงเพื่อที่จะรู้ว่าเหล่าหมอผี Jaguar ยังคงเดินทางผ่านเลยทางช้างเผือกอยู่

or the myths of the Inuit elders still resonate with meaning,

หรือตำนานของผู้อาวุโสชาวอินนุยท์ ยังคงก้องกังวานไปด้วยความหมาย

or that in the Himalaya,

หรือดั่งเช่นที่หิมาลัย

the Buddhists still pursue the breath of the Dharma,

เหล่าพระสงฆ์ยังคงมุ่งสู่คำสอนของธรรมะ

is to really remember the central revelation of anthropology,

ซึ่งความจริงคือ การรำลึกถึงการค้นพบหลักของมนุษยวิทยา

and that is the idea that the world in which we live

และนี่คือแนวคิดที่ว่า โลกที่เราอาศัยอยู่นั้น

does not exist in some absolute sense,

ไม่มีตัวตนอยู่ในบางสัจธรรม

but is just one model of reality,

แต่เป็นเพียงแค่รูปแบบของความเป็นจริง

the consequence of one particular set of adaptive choices

เป็นผลที่ตามมาของชุดทางเลือก ในการปรับตัวชุดหนึ่งโดยเฉพาะ

that our lineage made, albeit successfully, many generations ago.

ที่เชื้อสายบรรพบุรุษของเรา ได้ทำไว้สำเร็จเมื่อหลายรุ่นก่อน

And of course, we all share the same adaptive imperatives.

และแน่นอน เราก็ใช้ความสำคัญ ในการปรับตัวเดียวกันนั้นด้วย

We're all born. We all bring our children into the world.

เราทุกคนเกิดมา เราให้กำเนิดลูกหลานของเราบนโลกนี้

We go through initiation rites.

เราได้ผ่านพิธีกรรมแรกเริ่ม

We have to deal with the inexorable separation of death,

เราต้องรับมือกับการตายจากกัน ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

so it shouldn't surprise us that we all sing, we all dance,

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ ที่พวกเราล้วนร้องรำทำเพลง

we all have art.

เราล้วนมีศิลปะ

But what's interesting is the unique cadence of the song,

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ท่วงทำนองอันเป็นเอกลักษณ์ของเพลง

the rhythm of the dance in every culture.

จังหวะของการเต้นในทุกๆ วัฒนธรรม

And whether it is the Penan in the forests of Borneo,

และไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าเพนานในป่าบอร์เนียว

or the Voodoo acolytes in Haiti,

หรือเหล่าผู้ช่วยนักบวชวูดูในเฮติ

or the warriors in the Kaisut desert of Northern Kenya,

หรือเหล่านักรบ แห่งทะเลทราย Kaisut แห่งเคนย่าเหนือ

the Curandero in the mountains of the Andes,

หรือ Curandero ในเทือกเขาแอนดีส

or a caravanserai in the middle of the Sahara --

หรือชาวคาราวานเซอเร กลางทะเลทรายซาฮาร่า

this is incidentally the fellow that I traveled into the desert with

นี่คือคนที่ผมได้บังเอิญ ร่วมเดินทางไปในทะเลทรายด้วย

a month ago --

เมื่อเดือนก่อน

or indeed a yak herder in the slopes of Qomolangma,

หรือว่าจะเป็นคนเลี้ยงตัวยาค ที่เนินเขาโคโมลังมา

Everest, the goddess mother of the world.

เทือกเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นพระแม่ของผืนพิภพ

All of these peoples teach us that there are other ways of being,

ผู้คนเหล่านี้สอนเราว่า ยังมีวิธีการดำรงอยู่แบบอื่นๆ อีก

other ways of thinking,

วิถีการคิดแบบอื่น

other ways of orienting yourself in the Earth.

วิธีการอื่นสำหรับการกำหนดตัวตน ของคุณเองในโลก

And this is an idea, if you think about it,

และหากคุณลองคิดดู นี่คือแนวคิด

can only fill you with hope.

ที่จะเติมเต็มคุณด้วยความหวังเท่านั้น

Now, together the myriad cultures of the world

ขณะนี้ เหล่าวัฒนธรรมในโลก จำนวนนับไม่ถ้วนได้ร่วมกัน

make up a web of spiritual life and cultural life

สร้างเครือข่ายชีวิต ด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม

that envelops the planet,

ซึ่งห่อหุ้มดาวเคราะห์ดวงนี้ไว้

and is as important to the well-being of the planet

และมีความสำคัญ ต่อความสมบูรณ์พูนสุขของโลก

as indeed is the biological web of life that you know as a biosphere.

เป็นเครือข่ายชีวิตทางชีววิทยา ของชีวิตที่คุณรู้จักกันในชื่อ biosphere

And you might think of this cultural web of life

และคุณอาจคิดว่าเครือข่ายชีวิตทางวัฒนธรรมนี้

as being an ethnosphere,

เป็น ethnosphere

and you might define the ethnosphere

และคุณอาจบัญญัติให้ ethnosphere

as being the sum total of all thoughts and dreams, myths,

เป็นศูนย์รวม ของความคิดและความฝัน ตำนาน

ideas, inspirations, intuitions brought into being

แนวคิด แรงบัลดาลใจ สัญชาตญาณที่เกิดขึ้น

by the human imagination since the dawn of consciousness.

ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของการรับรู้

The ethnosphere is humanity's great legacy.

Ethnosphere คือมรดกชิ้นยอดของมนุษย์ชาติ

It's the symbol of all that we are

นี่คือสัญลักษณ์ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรา

and all that we can be as an astonishingly inquisitive species.

และทุกสิ่งที่เราสามารถเป็นได้ ในฐานะ ชาติพันธุ์ที่มีความอยากรู้อยากเห็นอันน่าทึ่ง

And just as the biosphere has been severely eroded,

และดั่งเช่นที่ biosphere ถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรง

so too is the ethnosphere

ethnosphere ก็เป็นเช่นเดียวกัน

-- and, if anything, at a far greater rate.

-- และยังถูกกัดกร่อนในอัตราที่รวดเร็วกว่า

No biologists, for example, would dare suggest

ยกตัวอย่างเช่น จะไม่มีนักชีววิทยาคนใดกล้าที่จะพูด

that 50 percent of all species or more have been or are

ว่า 50% ของชาติพันธุ์ทั้งหมด หรือมากกว่านั้นได้หรือกำลัง

on the brink of extinction because it simply is not true,

ใกล้จะสูญพันธุ์ เพราะว่านั่นไม่ใช่ความจริง

and yet that -- the most apocalyptic scenario

แต่ -- สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด

in the realm of biological diversity --

ในโลกของความหลากหลายด้านชีวภาพ

scarcely approaches what we know to be the most optimistic scenario

ไม่มาสู่สถานการณ์ ที่เราคิดว่าดีที่สุดเลยแม้แต่น้อย

in the realm of cultural diversity.

ในโลกแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม

And the great indicator of that, of course, is language loss.

และแน่นอนที่สุด ข้อบ่งชี้สำคัญ ก็คือการสาปสูญของภาษา

When each of you in this room were born,

เมื่อคุณแต่ละคนในห้องนี้ได้เกิดมา

there were 6,000 languages spoken on the planet.

ในดาวเคราะห์ดวงนี้ มีภาษาที่ใช้พูดกันกว่า 6:00 ภาษา

Now, a language is not just a body of vocabulary

ภาษาไม่เพียงแต่เป็นแค่โครงร่างของคำศัพท์

or a set of grammatical rules.

หรือชุดหลักไวยกรณ์เท่านั้น

A language is a flash of the human spirit.

ภาษาคือประกายแสงของจิตวิญญาณมนุษย์

It's a vehicle through which the soul of each particular culture

ภาษาเป็นพาหนะ นำพาจิตวิญญาณของแต่ละวัฒนธรรม

comes into the material world.

ผ่านเข้าสู่โลกแห่งรูปธรรม

Every language is an old-growth forest of the mind,

ภาษาแต่ละภาษานั้น คือผืนป่าอันเก่าแก่แห่งจิตใจ

a watershed, a thought, an ecosystem of spiritual possibilities.

คือลุ่มน้ำ ความคิด และระบบนิเวศน์ ของความเป็นไปได้ทางจิตวิญญาณ

And of those 6,000 languages, as we sit here today in Monterey,

และในขณะที่เรานั่งอยู่ในเมืองมอเทอเรย์วันนี้ ในภาษา 6:00 ภาษานี้

fully half are no longer being whispered into the ears of children.

มีครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้ถูกนำมาพูดคุย ถ่ายทอดให้เด็กๆ ฟังอีกต่อไป

They're no longer being taught to babies,

ภาษาไม่ได้ถูกนำไปสอนเด็กทารกอีกต่อไป

which means, effectively, unless something changes,

ซึ่งหมายความว่า หากไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแล้ว

they're already dead.

ภาษาเหล่านั้นได้สูญหายไปแล้วจริงๆ

What could be more lonely than to be enveloped in silence,

จะมีอะไรเปล่าเปลี่ยวมากไปกว่า การถูกห้อมล้อมด้วยความเงียบ

to be the last of your people to speak your language,

การเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มคนของคุณ ที่ยังใช้ภาษาของตนเองอยู่

to have no way to pass on the wisdom of the ancestors

การหมดสิ้นหนทาง ที่จะส่งต่อภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ

or anticipate the promise of the children?

หรือเฝ้ารอความหวังของลูกหลาน

And yet, that dreadful fate is indeed the plight of somebody

แต่แล้ว ชะตากรรมที่เลวร้ายนั้น เป็นชะตากรรมของใครบางคน

somewhere on Earth roughly every two weeks,

ที่อยู่แห่งใดแห่งหนึ่งในโลกนี้ ประมาณทุกๆ 2 สัปดาห์

because every two weeks, some elder dies

เพราะว่าทุกๆ 2 สัปดาห์ จะมีผู้สูงอายุจากโลกนี้ไป

and carries with him into the grave the last syllables

และได้นำพยางค์สุดท้ายของภาษาอันเก่าแก่

of an ancient tongue.

ไปกับเขาด้วย

And I know there's some of you who say, "Well, wouldn't it be better,

และผมรู้ว่ามีพวกคุณบางคน ที่พูดว่า "แล้วไม่ดีหรือไง

wouldn't the world be a better place

โลกจะน่าอยู่ขึ้นไม่ใช่หรือ

if we all just spoke one language?" And I say, "Great,

หากพวกเราทุกคน พูดภาษาเดียวกัน" ผมก็จะบอกว่า "เยี่ยม

let's make that language Yoruba. Let's make it Cantonese.

งั้นเอาภาษา Yoruba เป็นยังไง ใช้ภาษาจีนกวางตุ้งดีมั้ย

Let's make it Kogi."

ใช้ภาษา Kogi แล้วกัน"

And you'll suddenly discover what it would be like

แล้วคุณจะรู้ในทันทีทันใดว่าเป็นอย่างไร

to be unable to speak your own language.

ที่ไม่สามารถใช้ภาษาของตนเองได้

And so, what I'd like to do with you today

ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากจะท ำร่วมกับพวกคุณในวันนี้

is sort of take you on a journey through the ethnosphere,

คือการนำพาคุณ ไปในการเดินทางสู่ ethnosphere

a brief journey through the ethnosphere,

การเดินทางสั้นๆ ผ่าน ethnosphere

to try to begin to give you a sense of what in fact is being lost.

เพื่อที่จะให้คุณได้เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่สูญสิ้นไปจริงๆ

Now, there are many of us who sort of forget

มีพวกเราหลายๆ คนที่เหมือนกับลืมไป

that when I say "different ways of being,"

ว่าเมื่อผมพูด "วิถีการดำรงอยู่ที่แตกต่างออกไป"

I really do mean different ways of being.

ผมหมายถึงวิถีการดำรงอยู่ ที่แตกต่างออกไปจริงๆ

Take, for example, this child of a Barasana in the Northwest Amazon,

ตัวอย่างเช่น เด็กชาวบาราซาน่า ในอะเมซอนตะวันตกเฉียงเหนือคนนี้

the people of the anaconda

ชาวเผ่าแห่งอานาคอนด้า

who believe that mythologically they came up the milk river

ที่เชื่อตามตำนานว่างูอานาคอนด้า ขึ้นมาจากแม่น้ำแห่งน้ำนม

from the east in the belly of sacred snakes.

จากทางตะวันออกในท้องของงูศักดิ์สิทธ์

Now, this is a people who cognitively

นี่คือผู้คนที่ โดยทางการรับรู้แล้ว

do not distinguish the color blue from the color green

ไม่สามารถแยกแยะ ความแตกต่างของฟ้าและสีเขียวได้

because the canopy of the heavens

เพราะว่าท้องฟ้าบนสรวงสวรรค์

is equated to the canopy of the forest

นั้นเท่าเทียมกันกับท้องฟ้าแห่งผืนป่า

upon which the people depend.

ซึ่งผู้คนได้พึ่งพาอาศัยอยู่

They have a curious language and marriage rule

พวกเขามีภาษา และวัฒนธรรมการแต่งงานที่น่าสนใจ

which is called "linguistic exogamy:"

ซึ่งเรียกว่าการแต่งงานนอกกลุ่มทางภาษา

you must marry someone who speaks a different language.

คุณจะต้องแต่งงานกับผู้ที่พูดภาษาอื่น

And this is all rooted in the mythological past,

ซึ่งวัฒนธรรมนี้มีรากเหง้า มาจากตำนานในอดีต

yet the curious thing is in these long houses,

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในบ้านทรงยาวเหล่านี้

where there are six or seven languages spoken

มีภาษาที่ใช้พูดอยู่หกหรือเจ็ดภาษา

because of intermarriage,

เนื่องจากการแต่งงานข้ามวัฒนธรรม

you never hear anyone practicing a language.

คุณจะไม่ได้ยินใครฝึกใช้ภาษา

They simply listen and then begin to speak.

พวกเขาเพียงแค่ฟังแล้วเริ่มพูดเอง

Or, one of the most fascinating tribes I ever lived with,

หรือหนึ่งในชนเผ่าที่น่าสนใจที่สุดที่ เท่าที่ผมเคยอาศัยอยู่ด้วย

the Waorani of northeastern Ecuador,

คือเผ่า Waorani แห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเอกวาดอร์

an astonishing people first contacted peacefully in 1958.

ผู้คนที่น่าพิศวงนี้ติดต่อ กับโลกภายนอกอย่างสันติในปี 1958

In 1957, five missionaries attempted contact

ในปี 1957 นักเผยแพร่ศาสนา 5 คน พยายามติดต่อ

and made a critical mistake.

และได้ทำความผิดพลาดร้ายแรง

They dropped from the air

โดยการโปรยรูปภาพอาบมัน

8 x 10 glossy photographs of themselves

ขนาดแปดคูณสิบของตนเองจากบนอากาศ

in what we would say to be friendly gestures,

ซึ่งเราคิดว่าเป็นการแสดงออกถึงความเป็นมิตร

forgetting that these people of the rainforest

โดยลืมไปว่าชนเผ่าแห่งป่าฝนเหล่านี้

had never seen anything two-dimensional in their lives.

ไม่เคยเห็นอะไรที่อยู่ใน รูป 2 มิติมาก่อนเลยในชีวิต

They picked up these photographs from the forest floor,

พวกเขาเก็บรูปภาพขึ้นมาจากพื้นป่า

tried to look behind the face to find the form or the figure,

พยายามมองด้านหลังของใบหน้าเพื่อหารูปทรง

found nothing, and concluded that these were calling cards

แต่ไม่พบอะไร และสรุปว่านี่เป็นสัญญาณของปีศาจ

from the devil, so they speared the five missionaries to death.

พวกเขาเลยพุ่งหอกใส่นักเผยแพร่ศาสนาทั้ง 5 จนถึงแก่ความตาย

But the Waorani didn't just spear outsiders.

แต่พวก Waorani ไม่ได้พุ่งหอกใส่แค่คนนอกเท่านั้น

They speared each other.

พวกเขาพุ่งหอกใส่กันและกันด้วย

54 percent of their mortality was due to them spearing each other.

54% ของการเสียชีวิต เกิดจากการพุ่งหอกใส่กันเอง

We traced genealogies back eight generations,

ซึ่งเราลองไล่ย้อนกลับไป 8 ชั่วอายุคน

and we found two instances of natural death

เราพบการตายตามธรรมชาติ 2 ราย

and when we pressured the people a little bit about it,

และเมื่อเราลองซักไซร้ถามผู้คนเกี่ยวกับเรื่องนี้

they admitted that one of the fellows had gotten so old

พวกเขายอมรับว่า ผู้เสียชีวิตเหล่านั้นชราภาพมาก

that he died getting old, so we speared him anyway. (Laughter)

ซึ่งกำลังจะแก่ตายอยู่แล้ว เราก็ยังพุ่งหอกใส่เขาอยู่ดี (หัวเราะ)

But at the same time they had a perspicacious knowledge

แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขามีสติปัญญาอันเฉียบแหลม

of the forest that was astonishing.

เกี่ยวกับป่า ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก

Their hunters could smell animal urine at 40 paces

นักล่าของพวกเขาสามารถ ตามกลิ่นปัสสาวะของสัตว์ได้ในระยะ 40 ก้าว

and tell you what species left it behind.

และสามารถบอกคุณได้ว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด

In the early '80s, I had a really astonishing assignment

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 ผมได้รับงานที่น่าทึ่งมากๆ

when I was asked by my professor at Harvard

เมื่อศาสตราจารย์ของผมที่ฮาวาร์ดถามว่า

if I was interested in going down to Haiti,

ผมสนใจที่จะไปเฮติหรือไม่

infiltrating the secret societies

เพื่อลักลอบเข้าไปในสังคมลับ

which were the foundation of Duvalier's strength

ซึ่งเป็นรากฐานความแข็งแกร่งของ Duvalier

and Tonton Macoutes,

และ Tonton Macoutes

and securing the poison used to make zombies.

และเก็บตัวอย่างยาพิษที่ใช้ในพีธีทำซอมบี้

In order to make sense out of sensation, of course,

เพื่อที่จะสามารถ ทำความเข้าใจในงานอันน่าตื่นเต้นนี้

I had to understand something about this remarkable faith

ผมต้องเข้าใจบางสิ่งเกี่ยวกับชะตาชีวิตที่น่าทึ่งนี้

of Vodoun. And Voodoo is not a black magic cult.

ของชาว Vodoun ซึ่งวูดูนั้นไม่ใช่ลัทธิมนต์ดำ

On the contrary, it's a complex metaphysical worldview.

ในทางกลับกัน คือทัศนะวิสัยต่อโลกแบบอภิปรัชญาที่ซับซ้อน

It's interesting.

น่าสนใจมาก

If I asked you to name the great religions of the world,

หากผมขอให้พวกคุณ บอกชื่อศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในโลก

what would you say?

คุณจะบอกว่าอย่างไร

Christianity, Islam, Buddhism, Judaism, whatever.

ศาสนาคริสต์ อิสลาม พุทธ ยิว อะไรก็ตาม

There's always one continent left out,

แต่มักจะมีทวีปหนึ่งที่ถูกมองข้าม

the assumption being that sub-Saharan Africa

ความเชื่อว่าทวีปแอฟริกา ตั้งแต่ทะเลทรายซาฮาร่าลงไป

had no religious beliefs. Well, of course, they did

ไม่มีความเชื่อทางศาสนา แต่จริงๆ แล้วพวกเขามี

and Voodoo is simply the distillation

และวูดูเป็นเพียงแค่การกลั่นกรอง

of these very profound religious ideas

ของแนวคิดทางศาสนาที่ลึกซึ้งยิ่งเหล่านี้

that came over during the tragic Diaspora of the slavery era.

ที่ได้มาระหว่างโศกนาฏกรรม การหนีจากยุคการล่าทาส

But, what makes Voodoo so interesting

แต่สิ่งที่ทำให้วูดูน่าสนใจอย่างมาก

is that it's this living relationship

ก็คือความสัมพันธ์ที่มีชีวิต

between the living and the dead.

ระหว่างคนเป็นกับคนตาย

So, the living give birth to the spirits.

เมื่อคนเป็นให้กำเนิดวิญญาณ

The spirits can be invoked from beneath the Great Water,

วิญญาณสามารถ ถูกปลุกจากเบื้องล่างน้ำศักดิ์สิทธ์

responding to the rhythm of the dance

ตอบสนองต่อจังหวะการเต้นรำ

to momentarily displace the soul of the living,

เพื่อที่จะแยกวิญญาณ ออกจากคนเป็นเพียงช่วงหนึ่ง

so that for that brief shining moment, the acolyte becomes the god.

และในช่วงเสี้ยวเวลาอันเจิดจ้านั้นเอง ผู้ช่วยนักบวชจะกลายเป็นพระเจ้า

That's why the Voodooists like to say

เพราะอย่างนั้นผู้ปฏิบัติวูดูจึงชอบพูดว่า

that "You white people go to church and speak about God.

"พวกคนขาวอย่างคุณ ไปโบสถ์เพื่อพูดถึงพระเจ้า

We dance in the temple and become God."

เราเต้นในวิหารของเราแล้วกลายเป็นพระเจ้า"

And because you are possessed, you are taken by the spirit --

และเพราะว่าคุณถูกสิง คุณเป็นหนึ่งเดียวกับดวงวิญญาณ

how can you be harmed?

คุณจะได้รับอันตรายได้อย่างไร

So you see these astonishing demonstrations:

ดังนั้น คุณจะเห็น การแสดงอันน่าทึ่งเหล่านี้ เช่น

Voodoo acolytes in a state of trance

ผู้ช่วยนักบวชวูดูในสภาพเข้าทรง

handling burning embers with impunity,

ถือถ่านที่ยังคุกรุ่นอยู่โดยปลอดภัย

a rather astonishing demonstration of the ability of the mind

ช่างเป็นการแสดงถึง ความสามารถของจิตใจที่น่าทึ่ง

to affect the body that bears it

ซึ่งมีผลต่อร่างกายที่เป็นภาชนะรองรับ

when catalyzed in the state of extreme excitation.

เมื่อถูกกระตุ้นในสถาพที่ถูกปลุกเร้าอย่างรุนแรง

Now, of all the peoples that I've ever been with,

ในบรรดาผู้คนที่ผมได้เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมด้วยมา

the most extraordinary are the Kogi

พวกที่แปลกประหลาดที่สุดคือเผ่า Kogi

of the Sierra Nevada de Santa Marta in northern Colombia.

แห่ง Sierra Nevada de Santa Marta ในตอนเหนือของโคลัมเบีย

Descendants of the ancient Tairona civilization

ลูกหลานของอารายธรรมโบราณที่กดขี่โหดร้าย

which once carpeted the Caribbean coastal plain of Colombia,

ซึ่งเคยครอบครองพื้นที่ราบแถบ ชายฝั่งแคริบเบียนของโคลัมเบีย

in the wake of the conquest,

ในช่วงหลังของการพิชิต

these people retreated into an isolated volcanic massif

ผู้คนเหล่านี้ถอยร่นไป อยู่ในบริเวณภูเขาไฟไปที่โดดเดี่ยว

that soars above the Caribbean coastal plain.

ซึ่งยืนตระหง่านเหนือพื้นที่ ราบแถบชายฝั่งคาริบเบียน

In a bloodstained continent,

ในทวีปที่โชลมไปด้วยเลือด

these people alone were never conquered by the Spanish.

ผู้คนเหล่านี้เท่านั้น ที่ไม่ได้ถูกพิชิตลงโดยชาวสเปน

To this day, they remain ruled by a ritual priesthood

จนกระทั่งทุกวันนี้ พวกเขายังคงถูกปกครองโดยการทำพิธีบวช

but the training for the priesthood is rather extraordinary.

แต่การฝึกสำหรับการเป็นนักบวชนั้น แปลกประหลาดมาก

The young acolytes are taken away from their families

ผู้ช่วยนักบวชที่ยังเด็กจะถูกพรากไป จากครอบครัว

at the age of three and four,

เมื่ออายุได้ 3 หรือ 4 ขวบ

sequestered in a shadowy world of darkness

ถูกแยกให้อยู่โดดเดี่ยว ในโลกภายใต้เงาของความมืด

in stone huts at the base of glaciers for 18 years:

ให้กระท่อมหินที่ฐาน ของธารน้ำแข็งเป็นเวลา 18 ปี

two nine-year periods

แบ่งเป็นสองช่วง ช่วงละ 9 ปี

deliberately chosen to mimic the nine months of gestation

ถูกเลือกอย่างตั้งใจเพื่อเลียนแบบ กระบวนการตั้งครรภ์เป็นเวลา 9 เดือน

they spend in their natural mother's womb;

ซึ่งพวกเขาได้อยู่ในครรภ์ของมารดา

now they are metaphorically in the womb of the great mother.

ตอนนี้ เปรียบได้ว่าพวกเขา ได้อยู่ในครรภ์ของพระแม่ธรณี

And for this entire time,

และตลอดช่วงเวลานี้

they are inculturated into the values of their society,

พวกเขาได้ถูกปลูกฝังในคุณค่า แห่งชุมชนของพวกเขา

values that maintain the proposition that their prayers

คุณค่าที่คอยค้ำจุนจุดประสงค์ ที่คำภาวนาของพวกเขา

and their prayers alone maintain the cosmic --

และคำภาวนาของพวกเขาเท่านั้น ที่คอยค้ำจุนจักรวาล

or we might say the ecological -- balance.

หรือที่เราเรียกว่าสมดุลทางธรรมชาติ

And at the end of this amazing initiation,

และในช่วงท้ายของกรรมวิธีเริ่มแรกอันน่าทึ่งนี้

one day they're suddenly taken out

จู่ๆ วันหนึ่งพวเขาก็ถูกพาออกมา

and for the first time in their lives, at the age of 18,

และเป็นครั้งแรกในชีวิตเมืออายุได้ 18 ปี

they see a sunrise. And in that crystal moment of awareness

พวกเขาจะเห็นพระอาทิตย์ขึ้น และในช่วงเวลาแห่งการรับรู้ที่กระจ่าง

of first light as the Sun begins to bathe the slopes

ของแสงอาทิตย์แรกเริ่มสาดส่องไปทั่วเชิงเขา

of the stunningly beautiful landscape,

ที่มีภาพภูมิประเทศอันน่าตื่นตะลึง

suddenly everything they have learned in the abstract

ในทันทีนั้น ทุกอย่างที่พวกเขา ได้เรียนมาในแบบนามธรรม

is affirmed in stunning glory. And the priest steps back

จะได้รับการยืนยันอย่างเจิดจ้า แล้วนักบวชก็จะถอยออกมา

and says, "You see? It's really as I've told you.

และพูดว่า "เห็นไหม เป็นอย่างที่ได้บอกเจ้าไว้

It is that beautiful. It is yours to protect."

ว่ามันงดงามเพียงใด นี่คืิอสิ่งที่เจ้าต้องปกป้องไว้"

They call themselves the "elder brothers"

พวกเขาเรียกตัวเองว่าพี่ชาย

and they say we, who are the younger brothers,

และพวกเขาบอกว่า พวกเราที่เป็นน้องชาย

are the ones responsible for destroying the world.

เป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการทำลายโลก

Now, this level of intuition becomes very important.

สัญชาตญาณในระดับนี้กลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง

Whenever we think of indigenous people and landscape,

เมื่อใดที่เรานึกถึงเหล่าชนพื้นเมือง และภูมิประเทศ

we either invoke Rousseau

เราก็จะอ้างถึง Rousseau

and the old canard of the "noble savage,"

และเรื่องหลอกลวงเก่าๆ ของคนเถื่อนที่ไร้มลทิน

which is an idea racist in its simplicity,

ซึ่งเป็นแนวคิดการเหยียดผิว ในรูปแบบง่ายที่สุด

or alternatively, we invoke Thoreau

หรือเราอาจจะเลือกอ้างถึง Thoreau

and say these people are closer to the Earth than we are.

แล้วบอกว่าคนเหล่านี้ ใกล้ชิดกับโลกมากกว่าพวกเรา

Well, indigenous people are neither sentimental

ที่จริงแล้ว ชนพื้นเมืองเหล่านี้ ไม่ได้มีอารมณ์อ่อนไหว

nor weakened by nostalgia.

หรือรู้สึกอาลัยอาวรณ์ในเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมา

There's not a lot of room for either

สำหรับพวกเขาแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น

in the malarial swamps of the Asmat

ในบึง Asmat ที่เต็มไปด้วยเชื้อมาลาเรีย

or in the chilling winds of Tibet, but they have, nevertheless,

หรือในสายลมอันหนาวเหน็บของธิเบต แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้

through time and ritual, forged a traditional mystique of the Earth

หล่อหลอมความเร้นลับทางประเพณี ของพื้นพิภพผ่านเวลาและพิธีกรรม

that is based not on the idea of being self-consciously close to it,

ซึ่งไม่ได้มีพื้นฐานมาจากแนวคิด ของการอยู่ใกล้กับสิ่งนี้อย่างมีสติรับรู้ของตน

but on a far subtler intuition:

แต่อยู่บนสัญชาตญาณที่เรียบง่ายกว่านั้น

the idea that the Earth itself can only exist

แนวคิดที่ว่าโลกจะมีตัวตนอยู่ได้

because it is breathed into being by human consciousness.

เพราะโลกมีชีวิตขึ้นมาได้ด้วยการ รับรู้ของมนุษย์เท่านั้น

Now, what does that mean?

นั่นหมายความว่าอย่างไร

It means that a young kid from the Andes

หมายความว่า เด็กคนหนึ่งจากเถือกเขาแอนดีส

who's raised to believe that that mountain is an Apu spirit

ที่ถูกเลี้ยงดูมาให้เชื่อว่า ภูเขานั้นคือวิญญาณของ Apu

that will direct his or her destiny

ที่จะคอยชี้นำชะตาชีวิตของเขาและเธอ

will be a profoundly different human being

จะเป็นมนุษย์ที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

and have a different relationship to that resource

และมีความสัมพันธ์กับแหล่งความรู้นั้น

or that place than a young kid from Montana

หรือสถานที่นั้นต่างออกไป จากเด็กที่มาจากมอนทาน่า

raised to believe that a mountain is a pile of rock

ซึ่งถูกเลี้ยงให้เชื่อว่าภูเขาก็เป็นแค่กองหิน

ready to be mined.

ที่พร้อมสำหรับการทำเหมืองแร่

Whether it's the abode of a spirit or a pile of ore is irrelevant.

การเป็นบ้านของวิญญาณ หรือเป็นแค่ก้อนแร่นั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญ

What's interesting is the metaphor that defines the relationship

สิ่งที่น่าสนใจก็คือการเปรียบเทียบ ที่กำหนดความสัมพันธ์

between the individual and the natural world.

ระหว่างปัจเจกชนกับโลกธรรมชาติ

I was raised in the forests of British Columbia

ผมถูกเลี้ยงขึ้นมาในป่าบริทิชโคลัมเบีย

to believe those forests existed to be cut.

ผมเชื่อว่าป่าเกิดขึ้นมาเพื่อถูกตัด

That made me a different human being

ทำให้ผมเป็นคนที่แตกต่างออกไป

than my friends amongst the Kwagiulth

จากเพื่อนของผมในเผ่า Kwakiutl

who believe that those forests were the abode of Huxwhukw

ผู้ที่เชื่อว่าป่าเหล่านั้น เป็นบ้านของ Hukuk

and the Crooked Beak of Heaven

และจงอยปากที่โค้งงอของสวรรค์

and the cannibal spirits that dwelled at the north end of the world,

และ วิญญาณกินคน ที่อาศัยอยู่ที่ส่วนเหนือสุดของโลก

spirits they would have to engage during their Hamatsa initiation.

เป็นเหล่าวิญญาณที่พวกเขา ต้องเข้าร่วมในระหว่างพิธีบวช Hamatsa

Now, if you begin to look at the idea

หากคุณเริ่มที่จะดูแนวคิด

that these cultures could create different realities,

ที่วัฒนธรรมเหล่านี้ อาจสร้างความเป็นจริงที่แตกต่าง

you could begin to understand

คุณอาจจะเริ่มเข้าใจถึง

some of their extraordinary discoveries. Take this plant here.

การค้นพบอันน่าอันเยี่ยมยอดของพวกเขา อย่างเช่นพืชต้นนี้

It's a photograph I took in the Northwest Amazon just last April.

เป็นรูปภาพที่ผมถ่ายจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของอะมาซอนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

This is ayahuasca, which many of you have heard about,

นี่คือ ayahuasca ซึ่งพวกคุณหลายคนเคยได้ยินมา

the most powerful psychoactive preparation

ยาปรุงสมุนไพรซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทรุนแรงที่สุด

of the shaman's repertoire.

จากเทคนิคของหมอผี

What makes ayahuasca fascinating

สิ่งที่ทำให้ ayahuasca นั้นน่าหลงใหล

is not the sheer pharmacological potential of this preparation,

ไม่ใช่ศักยภาพด้านเภสัชวิทยา ของยาสมุนไพรตัวนี้

but the elaboration of it. It's made really of two different sources:

แต่เป็นการผลิตของยา ยาทำมาจากวัตถุดิบสองชนิดที่แตกต่างกัน

on the one hand, this woody liana

ชนิดแรกคือเถาวัลย์ไม้

which has in it a series of beta-carbolines,

ซี่งมีสารจำพวก beta-carboline อยู่

harmine, harmaline, mildly hallucinogenic --

harmine และ harmoline ซึ่งมีฤทธิ์หลอนประสาทอ่อนๆ

to take the vine alone

ในการใช้เถาวัลย์อย่างเดียว

is rather to have sort of blue hazy smoke

จะทำให้รู้สึกเหมือนมีควันสีฟ้า

drift across your consciousness --

ล่องลอยอยู่เหนือสติสัมปชัญญะของคุณ

but it's mixed with the leaves of a shrub in the coffee family

แต่จะถูกนำไปผสมกับ ใบจากพุ่มไม้ในตระกูลต้นกาแฟ

called Psychotria viridis.

เรียกว่า Psychotria viridis

This plant had in it some very powerful tryptamines,

พืชชนิดนี้มีสารจำพวก tryptamine ซึ่งมีฤทธิ์แรงมาก

very close to brain serotonin, dimethyltryptamine,

ซึ่งใกล้เคียงกับสาร serotonin ในสมอง หรือ dimethyltryptamine-5

5-methoxydimethyltryptamine.

methoxydimethyltryptamine

If you've ever seen the Yanomami

หากคุณเคยพบ Yanomami

blowing that snuff up their noses,

พวกเขาสูดดมยานัตถุ์นั้น

that substance they make from a different set of species

ซึ่งเป็นสารที่พวกเขาทำมาจากพืชหลากพันธุ์

also contains methoxydimethyltryptamine.

ยังมีสาร methoxydimethyltryptamine อยู่ด้วย

To have that powder blown up your nose

หากใช้จมูกสูดผงนั่นเข้าไป

is rather like being shot out of a rifle barrel

จะรู้สึกเหมือนกับถูกยิงออกมา จากลำกล้องปืนไรเฟิล

lined with baroque paintings and landing on a sea of electricity. (Laughter)

มีรอยด้วยภาพวาดแนวพิศดาร แล้วตกลงสู่ทะเลแห่งกระแสไฟฟ้า (หัวเราะ)

It doesn't create the distortion of reality;

สิ่งนี้ไม่ได้สร้างการบิดเบือนความเป็นจริง

it creates the dissolution of reality.

แต่ก่อให้เกิดการพังทลายของความเป็นจริง

In fact, I used to argue with my professor, Richard Evan Shultes --

จริงๆ แล้ว ผมเคยโต้เถียงกับศาสตราจารย์ของผมชื่อ Richard Evan Shultes

who is a man who sparked the psychedelic era

ซึ่งเป็นผู้จุดประกายยุคบุปฝาชน

with his discovery of the magic mushrooms

ด้วยการค้นพบเห็ดมหัศจรรย์

in Mexico in the 1930s --

ในเม็กซิโกในช่วงทศวรรษที่ 1930

I used to argue that you couldn't classify these tryptamines

ผมเคยแย้งกับท่านว่า คุณไม่สามารถแยกประเภท tryptamine ว่า

as hallucinogenic because by the time you're under the effects

เป็นสารหลอนประสาท เพราะว่าเมือคุณตกอยู่ในฤทธิ์ของมัน

there's no one home anymore to experience a hallucination. (Laughter)

คุณก็หมดสติไม่ได้ประสบกับ อาการหลอนประสาทแล้ว (หัวเราะ)

But the thing about tryptamines is they cannot be taken orally

แต่ tryptamine ไม่สามารถเสพโดยการกินได้

because they're denatured by an enzyme

เพราะว่ามันถูกต้านทานโดยเอนไซม์

found naturally in the human gut called monoamine oxidase.

ที่พบในอวัยวะภายในของมนุษย์ตามธรรมชาติ ซึ่งเรียกว่า mono amine oxidase

They can only be taken orally if taken in conjunction

คุณสามารถกินได้วิธีเดียวโดยการทานร่วมกับ

with some other chemical that denatures the MAO.

สารเคมีอื่นซึ่งมีฤทธิ์ต้านทาน MAO

Now, the fascinating things

สิ่งที่น่าสนใจยิ่ง

are that the beta-carbolines found within that liana

ก็คือ beta-carboline ที่พบในเถาวัลย์ไม้

are MAO inhibitors of the precise sort necessary

เป็นตัวยับยั้ง MAO ที่ลงตัวเหมาะเจาะเพียงพอที่จะ

to potentiate the tryptamine. So you ask yourself a question.

ช่วยเสริมพลังของ tryptamine ได้ คุณถึงถามตัวเองว่า

How, in a flora of 80,000 species of vascular plants,

จากพืชพันธุ์กว่า 80:00 พันธุ์ ในตระกูลพืชฝาดสมาน

do these people find these two morphologically unrelated plants

คนเหล่านี้หาพืช ที่มีโครงสร้างแตกต่างกัน 2 ชนิด

that when combined in this way,

ซึ่งเมื่อนำมาผสมกันในวิธีนี้แล้ว

created a kind of biochemical version

ได้ก่อให้เกิดรูปแบบทางชีวเคมี

of the whole being greater than the sum of the parts?

ของการเป็นตัวเต็มเดี่ยวๆ ที่มากกว่าผลรวมของส่วนต่างๆ

Well, we use that great euphemism, "trial and error,"

เราใช้วิธีที่เรียกให้สวยหรูว่าการลองผิดลองถูก

which is exposed to be meaningless.

ซึ่งดูแล้วไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง

But you ask the Indians, and they say, "The plants talk to us."

แต่เมื่อคุณถามชาวอินเดียน พวกเขาตอบว่า "พืชพูดกับพวกเรา"

Well, what does that mean?

หมายความว่าอย่างไรกัน

This tribe, the Cofan, has 17 varieties of ayahuasca,

เผ่า Cofan นี้มี ayahuasca กว่า 17 ชนิด

all of which they distinguish a great distance in the forest,

ซึ่งทั้งหมดอยู่แยกกันในป่า เป็นระยะทางที่ไกลมาก

all of which are referable to our eye as one species.

ซึ่งในสายตาของพวกเรา มองเห็นเป็นพืชชนิดเดียวกัน

And then you ask them how they establish their taxonomy

แล้วเมื่อคุณถามว่าพวกเขา แยกประเภทออกได้อย่างไร

and they say, "I thought you knew something about plants.

พวกเขาก็จะพูดว่า "หลงนึกว่าคุณรู้เรื่องต้นไม้ซะอีก

I mean, don't you know anything?" And I said, "No."

คือว่า คุณรู้อะไรบ้างมั้ย" ซึ่งผมก็ตอบไปว่า "ไม่รู้"

Well, it turns out you take each of the 17 varieties

กลายเป็นว่า คุณเก็บพืชแต่และชนิด ทั้ง 17 ชนิด

in the night of a full moon, and it sings to you in a different key.

ในคืนพระจันทร์เต็มดวง และพืชจะร้องเพลงให้คุณในโทนที่แตกต่างกัน

Now, that's not going to get you a Ph.D. at Harvard,

วิธีนี้จะไม่ทำให้คุณได้ปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ด

but it's a lot more interesting than counting stamens. (Laughter)

แต่ก็น่าสนใจมากกว่าการนับเกสรตัวผู้

Now --

ตอนนี้

(Applause) --

(เสียงปรบมือ)

the problem -- the problem is that even those of us

ปัญหา -- ปัญหาคือแม้กระทั่งพวกเรา

sympathetic with the plight of indigenous people

เห็นใจต่อสถานการณ์อันเลวร้าย ของชนเผ่าเหล่านั้น

view them as quaint and colorful

มองพวกเขาเป็บผู้มีสีสันและน่าอัศจรรย์

but somehow reduced to the margins of history

แต่ด้วยเหตุบางประการถูกลดจำนวน เหลือแค่ส่วนเล็กๆในหน้าประวัติศาสตร์

as the real world, meaning our world, moves on.

ขณะที่โลกแท้จริง หมายถึงโลกของเราก้าวไปข้างหน้า

Well, the truth is the 20th century, 300 years from now,

ความจริงก็คือศตวรรษที่ 20 ในอีก 300 ปีข้างหน้า

is not going to be remembered for its wars

จะไม่ถูกจดจำในเรื่องสงครามต่างๆ

or its technological innovations,

หรือความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

but rather as the era in which we stood by

แต่จะถูกจดจำว่าเป็นยุคที่เรายืนอยู่เฉยๆ

and either actively endorsed or passively accepted

แล้วอนุมัติอย่างเปิดเผยหรือแอบยอมรับ

the massive destruction of both biological and cultural diversity

การทำลายล้างครั้งมโหฬารของทั้งความหลากหลาย ทางชีวภาพและวัฒนธรรม

on the planet. Now, the problem isn't change.

บนดาวเคราะห์ใบนี้ ปัญหาก็ยังคงเดิม

All cultures through all time

วัฒนธรรมทั้งหลายในทุกยุคทุกสมัย

have constantly been engaged in a dance

ได้ข้าร่วมการเฉลิมฉลองร่วมกับ

with new possibilities of life.

กับความเป็นไปได้ในชีวิตอย่างสม่ำเสมอ

And the problem is not technology itself.

และปัญหาก็ไม่ใช่ที่ตัวเทคโนโลยีเอง

The Sioux Indians did not stop being Sioux

ชาวอินเดียนเผ่า Sioux ไม่ได้เลิกเป็น Sioux

when they gave up the bow and arrow

เมื่อพวกเขาเลิกใช้ธนูและลูกศร

any more than an American stopped being an American

ไม่ต่างไปจากที่ชาวอเมริกัน ไม่ได้เลิกเป็นชาวอเมริกัน

when he gave up the horse and buggy.

เมื่อพวกเขาเลิกใช้ม้าและรถเทียมม้า

It's not change or technology

ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงหรือเทคโนโลยี

that threatens the integrity of the ethnosphere. It is power,

ที่คุกคามความมั่นคงของ ethnosphere แต่เป็นพลังต่างหาก

the crude face of domination.

ใบหน้าหยาบช้าของการปกครอง

Wherever you look around the world,

และเมื่อใดที่คุณมองไปรอบๆ โลก

you discover that these are not cultures destined to fade away;

คุณจะพบว่าวัฒนธรรมเหล่านี้ ไม่ควรที่จะสูญหายไป

these are dynamic living peoples

ผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ใช้ชีวิตหลากหลาย

being driven out of existence by identifiable forces

ที่ถูกขับไล่ไปสู่การดับสูญโดยอำนาจที่เขารู้จักดี

that are beyond their capacity to adapt to:

ซึ่งพวกเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้าได้

whether it's the egregious deforestation

ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ทำลายป่าอันเลวทราม

in the homeland of the Penan --

ในบ้านเกิดของชาวเพนาน

a nomadic people from Southeast Asia, from Sarawak --

ชาวเผ่าเร่ร่อนจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากซาลาวัก

a people who lived free in the forest until a generation ago,

ผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่า อย่างอิสระจนกระทั่งถึงรุ่นก่อน

and now have all been reduced to servitude and prostitution

ตอนนี้ถูกลดสภาพลงเหลือ เพียงทาสและการค้าประเวณี

on the banks of the rivers,

ตามชายฝั่งแม่น้ำ

where you can see the river itself is soiled with the silt

ที่คุณจะเห็นแม่น้ำที่เหลือเพียงแค่โคลน

that seems to be carrying half of Borneo away

ซึ่งดูเหมือนจะพัดพาครึ่งหนึ่ง ของหมู่เกาะบอร์เนียวไป

to the South China Sea,

ถึงทะเลจีนใต้

where the Japanese freighters hang light in the horizon

ซึ่งมีเรือขนสินค้าญี่ปุ่นลอยลำอยู่สุดขอบฟ้า

ready to fill their holds with raw logs ripped from the forest --

พร้อมที่จะรับท่อนซุงที่ถูกกระชากออก จากป่าให้เต็มท้องเรือ

or, in the case of the Yanomami,

หรือในกรณีของ Yanomami

it's the disease entities that have come in,

คือเชื้อของโรคร้ายที่ได้เข้ามา

in the wake of the discovery of gold.

ในช่วงหลังของการค้นพบทองคำ

Or if we go into the mountains of Tibet,

หรือหากเราไปที่เทือกเขาในธิเบต

where I'm doing a lot of research recently,

ซึ่งในช่วงหลังๆ ผมได้ทำการค้นคว้าวิจัยไว้มาก

you'll see it's a crude face of political domination.

คุณจะเห็นใบหน้าอันหยาบกร้าน ของการยึดครองทางการเมือง

You know, genocide, the physical extinction of a people

คุณรู้ใช่ไหม ว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การทำให้มนุษย์สูญพันธุ์

is universally condemned, but ethnocide,

จะถูกประนามจากทุกฝ่าย แต่การทำลายล้างวัฒนธรรม (ethnocide)

the destruction of people's way of life, is not only not condemned,

การทำลายล้างวิถีชีวิตของผู้คน กลับไม่เพียงไม่ได้รับการประนาม

it's universally, in many quarters, celebrated

แต่กลับได้รับการเฉลิมฉลอง

as part of a development strategy.

โดยนับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนา

And you cannot understand the pain of Tibet

คุณไม่สามารถเข้าใจถึงความเจ็บปวดของธิเบตได้

until you move through it at the ground level.

จนกว่าคุณจะได้สำรวจดูในระดับพื้นดิน

I once travelled 6,000 miles from Chengdu in Western China

ผมเคยเดินทางจากเมืองเฉิงตูทางตะวันตกของจีน เป็นระยะทาง 6:00 ไมล์

overland through southeastern Tibet to Lhasa

ทางภาคพื้นดินผ่านเขตตะวันตกเฉียงใต้ ของธิเบตสู่เมืองลาซา

with a young colleague, and it was only when I got to Lhasa

ร่วมกับเพื่อนร่วมงานอายุน้อย และเมื่อผมไปถึงลาซา

that I understood the face behind the statistics

ผมก็ได้เข้าใจถึงความจริงเบื้องหลังสถิติ

you hear about:

ที่พวกคุณเคยได้ยิน

6,000 sacred monuments torn apart to dust and ashes,

อนุเสาวรีย์อันศักดิ์สิทธิ์ 6:00 แห่ง ซึ่งถูกรื้อลงมาจนกลายเป็นธุลีดิน

1.2 million people killed by the cadres

คนกว่า 1.2 ล้านคนถูกฆ่าโดยนักปฏิวัติ

during the Cultural Revolution.

ในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรม

This young man's father had been ascribed to the Panchen Lama.

พ่อของเด็กหนุ่มคนนี้ถูกตราหน้าว่า เป็นปันเชน ลามะ

That meant he was instantly killed

ซึ่งหมายความว่าเขาถูกฆ่าในทันที

at the time of the Chinese invasion.

ในช่วงการบุกของจีน

His uncle fled with His Holiness in the Diaspora

ลุงของเขาหนีไปกับองค์ดาไลลามะ ในกลุ่มผู้หลบหนี

that took the people to Nepal.

ซึ่งพาผู้คนอพยพไปยังเนปาล

His mother was incarcerated

แม่ของเขาถูกจองจำเนื่องจาก

for the crime of being wealthy.

ความผิดเพราะมีฐานะร่ำรวย

He was smuggled into the jail at the age of two

เขาถูกลอบนำเข้าไปในคุกเมื่ออายุได้ 2 ขวบ

to hide beneath her skirt tails

โดยให้หลบอยู่ใต้กระโปรงของแม่

because she couldn't bear to be without him.

เพราะเธอไม่สามารถอยู่โดยไม่มีเขาได้

The sister who had done that brave deed

พี่สาวซึ่งได้ทำเรื่องกล้าหาญนั้น

was put into an education camp.

ถูกจับเข้าค่ายอบรมศึกษา

One day she inadvertently stepped on an armband

วันหนึ่งเธอได้เหยียบปลอกแขน ของประธานเหมาโดยไม่ตั้งใจ

of Mao, and for that transgression,

และเพราะการกระทำผิดนั้น

she was given seven years of hard labor.

เธอถูกลงโทษให้ใช้แรงงานหนักเป็นเวลา 7 ปี

The pain of Tibet can be impossible to bear,

ความเจ็บปวดของธิเบตอาจเป็นสิ่งที่ไม่อาจรับได้

but the redemptive spirit of the people is something to behold.

แต่จิดวิญญาณไถ่บาปของผู้คนเป็นสิ่งที่ต้องจับตามอง

And in the end, then, it really comes down to a choice:

และในท้ายที่สุด ก็จะเหลือแค่การเลือก

do we want to live in a monochromatic world of monotony

ว่าเราอยากมีชีวิตอยู่ในโลกสีโทนเดียว อันน่าเบื่อซ้ำซาก

or do we want to embrace a polychromatic world of diversity?

หรือเราต้องการจะรับโลกที่มากด้วยสีสัน แห่งความหลากหลายกันแน่

Margaret Mead, the great anthropologist, said, before she died,

Margaret Mead นักมนุษย์วิทยาที่ยิ่งใหญ่เคยพูดเอาไว้ว่าก่อนสิ้นลม

that her greatest fear was that as we drifted towards

ว่าสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการที่กำลังเข้าไปสู่

this blandly amorphous generic world view

โลกทัศน์โดยรวมที่มืดบอดนี้

not only would we see the entire range of the human imagination

ไม่เพียงแต่เราจะเห็นสุดขอบ การจินตนาการของมนุษย์

reduced to a more narrow modality of thought,

ซึ่งเหลือเป็นเพียงแค่ทัศนะภาวะ ของความคิดที่คับแคบ

but that we would wake from a dream one day

แต่เป็นการที่เราตื่นจากความฝันในสักวันหนึ่ง

having forgotten there were even other possibilities.

โดยที่ลืมเลือนว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นๆ อีก

And it's humbling to remember that our species has, perhaps,

และเป็นการถ่อมตนที่จะระลึกถึง เผ่าพันธุ์ของเราซึ่งอาจจะ

been around for [150,000] years.

มีมานานกว่า 600:00 ปี

The Neolithic Revolution -- which gave us agriculture,

การปฏิวัติหลังยุคหิน -- ซึ่งทำให้เรามีการเกษตรกรรม

at which time we succumbed to the cult of the seed;

ซึ่งเป็นเวลาที่เรายอมให้กับลัทธิแห่งเมล็ดพันธุ์

the poetry of the shaman was displaced

บทกวีของเหล่าหมอผีถูกแทนที่

by the prose of the priesthood;

ด้วยความจืดชืดของการเป็นนักเทศ

we created hierarchy specialization surplus --

เราได้สร้างระบบชนชั้นวรรณะ

is only 10,000 years ago.

เมื่อ 10:00 ปีก่อนเท่านั้น

The modern industrial world as we know it

ยุคอุตสาหกรรมที่เรารู้จักในปัจจุบัน

is barely 300 years old.

มีอายุเพียงแค่ 300 ปีเท่านั้น

Now, that shallow history doesn't suggest to me

ประวัติศาสตร์สั้นๆ นั้นไม่ได้บอกผม

that we have all the answers for all of the challenges

ว่าเรามีคำตอบสำหรับหรับทุกความท้าทาย

that will confront us in the ensuing millennia.

ที่เราจะเผชิญในสหัสวรรษหน้า

When these myriad cultures of the world

เมื่อวัฒนธรรมมากมายในโลกนี้

are asked the meaning of being human,

ถูกถามถึงความหมายของการเป็นมนุษย์

they respond with 10,000 different voices.

พวกเขาจะตอบกลับมาด้วยเสียงที่แตกต่างกัน : 10:00 เสียง

And it's within that song that we will all rediscover the possibility

และในเสียงเพลงนั้นเอง ที่เราจะค้นพบความเป็นไปได้อีกครั้ง

of being what we are: a fully conscious species,

ในการเป็นสิ่งที่เราเป็น: สิ่งมีชีวิตที่มีความรับรู้สมบูรณ์

fully aware of ensuring that all peoples and all gardens

รับรู้เต็มที่ที่จะทำให้คนและผืนป่าท้งหมด

find a way to flourish. And there are great moments of optimism.

มีหนทางที่จะเบ่งบาน และมีช่วงเวลาแห่งการมองโลกในแง่ดี

This is a photograph I took at the northern tip of Baffin Island

นี่คือรูปที่ผมได้ถ่ายที่แหลม ทางตอนเหนือของเกาะ Baffin

when I went narwhal hunting with some Inuit people,

เมื่อผมไปล่าปลาวาฬขนาดเล็กกับชาวอินนุยท์

and this man, Olayuk, told me a marvelous story of his grandfather.

และชายคนนี้ชื่อโอลาย่า ได้เล่าเรื่องสนุกสนานของปู่ให้ผมฟัง

The Canadian government has not always been kind

รัฐบาลของแคนนาดานั้นไม่ได้ใจดีเสมอไป

to the Inuit people, and during the 1950s,

กับชาวอินนุยท์ และในช่วงทศวรรษที่ 1950

to establish our sovereignty, we forced them into settlements.

เพื่อก่อตั้งอำนาจอธิปไตยของเรา เราบังคับให้พวกเขาไปอยู่ในชุมชน

This old man's grandfather refused to go.

ปู่ของชายชราคนนี้ไม่ยอมไป

The family, fearful for his life, took away all of his weapons,

ทางครอบครัวซึ่งห่วงใยในชีวิตของเขา ได้ปลดอาวุธเขา

all of his tools.

เครื่องมือทั้งหมด

Now, you must understand that the Inuit did not fear the cold;

คุณต้องเข้าใจว่าชาวอินนุยท์นั้น ไม่ได้กลัวความหนาว

they took advantage of it.

พวกเขาใช้มันให้เป็นประโยชน์

The runners of their sleds were originally made of fish

ส่วนกระดานเลื่อนของเลื่อนหิมะของเขานั้น เดิมทีทำจากปลา

wrapped in caribou hide.

หุ้มด้วยหนังกวาง caribou

So, this man's grandfather was not intimidated by the Arctic night

ปู่ของชายคนนี้ไม่ได้หวาดกลัวค่ำคืน ในคาบสมุทรอาร์คติก

or the blizzard that was blowing.

หรือพายุหิมะที่โหมกระหน่ำอยู่

He simply slipped outside, pulled down his sealskin trousers

เขาเพียงแค่แอบลอบออกไป และลดกางเกงหนังแมวน้ำ

and defecated into his hand. And as the feces began to freeze,

แล้วถ่ายอุจจาระลงบนมือ และเมื่ออุจาระเริ่มแข็ง

he shaped it into the form of a blade.

เขาก็แต่งรูปทรงให้กลายเป็นใบมีด

He put a spray of saliva on the edge of the shit knife

เขาพ่นน้ำลายใส่ปลายมีดอุจจาระ

and as it finally froze solid, he butchered a dog with it.

และมื่อมันแข็งเต็มที่เขาก็ใช้มันฆ่าหมา

He skinned the dog and improvised a harness,

เขาถลกหนังมันและนำมาดัดแปลงเป็นสายรัด

took the ribcage of the dog and improvised a sled,

นำซี่โครงของหมามาทำเป็นเลื่อน

harnessed up an adjacent dog,

รัดหมาตัวที่อยู่ติดกัน

and disappeared over the ice floes, shit knife in belt.

แล้วหายไปบนแผ่นน้ำแข็ง โดยมีมีดอุจจาระเหน็บไว้ที่เอว

Talk about getting by with nothing. (Laughter)

การเอาตัวรอดตัวเปล่ามันต้องแบบนี้ (หัวเราะ)

And this, in many ways --

และเรื่องนี้ ในหลายๆ ด้านแล้ว

(Applause) --

(เสียงปรบมือ)

is a symbol of the resilience of the Inuit people

คือสัญลักษณ์แห่งความยืดหยุ่นของชาวอินนุยท์

and of all indigenous people around the world.

และในชนเผ่าพื้นเมืองทั้งหมดทั่วโลก

The Canadian government in April of 1999

ในเดือนเมษายน ปี 1999 รัฐบาลแคนนาดา

gave back to total control of the Inuit

ได้ยกอำนาจการปกครองทั้งหมด คืนแก่ชาวอินนุยท์

an area of land larger than California and Texas put together.

เป็นพื้นที่ที่มีขนาดใหญ่กว่า รัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัสรวมกัน

It's our new homeland. It's called Nunavut.

เป็นบ้านเกิดใหม่ของเราที่เรียกว่า Nunavut

It's an independent territory. They control all mineral resources.

เป็นพรมแดนอิสระ พวกเขาควบคุมทรัพยากรแร่ทั้งหมด

An amazing example of how a nation-state

ถือเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของการที่ประเทศ

can seek restitution with its people.

ที่สามารถบรรลุถึงการให้คืนแก่ประชาชน

And finally, in the end, I think it's pretty obvious

และในท้ายที่สุด ผมคิดว่ามันชัดเจนเพียงพอ

at least to all of all us who've traveled

อย่างน้อยก็สำหรับพวกเราที่ได้เดินทาง

in these remote reaches of the planet,

ไปสู่ที่ห่างไกลสุดขอบดาวเคราะห์ดวงนี้

to realize that they're not remote at all.

เพื่อรับรู้ว่าที่เหล่านั้นไม่ได้ห่างไกลเลย

They're homelands of somebody.

ที่เหล่านั้นเป็นบ้านเกิดของใครบางคน

They represent branches of the human imagination

เป็นตัวแทนของกิ่งก้านสาขาของจินตนาการมนุษย์

that go back to the dawn of time. And for all of us,

ทีย้อนกลับไปถึงครั้งโบราณกาล และสำหรับเราทุกคน

the dreams of these children, like the dreams of our own children,

ความฝันของเด็กเหล่านี้ ก็เป็นเหมือนกับความฝันของลูกหลานของเรา

become part of the naked geography of hope.

ซึ่งกลายเป็นภูมิศาสตร์แห่งความหวังอันเปลือยเปล่า

So, what we're trying to do at the National Geographic, finally,

ท้ายที่สุด สิ่งที่เราต้องการทำที่ National Geographic

is, we believe that politicians will never accomplish anything.

คือ เราเชื่อว่านักการเมือง จะไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้

We think that polemics --

เราคิดว่าการโต้เถียง --

(Applause) --

(เสียงปรบมือ)

we think that polemics are not persuasive,

เราคิดว่าการโต้เถียงไม่ใช่การโน้มน้าว

but we think that storytelling can change the world,

แต่เราคิดว่าการเล่าเรื่องราวสามารถเปลี่ยนโลกได้

and so we are probably the best storytelling institution

และเราอาจจะเป็นสถาบันเล่าเรื่องที่ดีที่สุด

in the world. We get 35 million hits on our website every month.

ในโลก โดยที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์เรากว่า 35 ล้านครั้ง ในแต่ละเดือน

156 nations carry our television channel.

กว่า 156 ประเทศมีรายการโทรทัศน์ของเรา

Our magazines are read by millions.

วารสารของเรามีผู้อ่านเป็นจำนวนหลายล้านคน

And what we're doing is a series of journeys

และสิ่งที่เราทำคือการเดินทาง

to the ethnosphere where we're going to take our audience

สู่ ethnosphere ซึ่งเราจะนำผู้ชมของเรา

to places of such cultural wonder

ไปสู่สถานที่ของความมหัศจรรย์ทางวัฒนธรรม

that they cannot help but come away dazzled

ซึ่งพวกเขาจะต้องตื่นตะลึง

by what they have seen, and hopefully, therefore,

จากสิ่งที่เขาได้พบเห็นมา และหวังว่า

embrace gradually, one by one,

พวกเขาแต่ละคนจะยินดีรับ

the central revelation of anthropology:

หัวใจของการค้นพบทางมนุษยวิทยา

that this world deserves to exist in a diverse way,

ว่าโลกนี้ควรจะดำรงอยู่ด้วยหนทาง ที่หลากหลาย

that we can find a way to live

ที่เราสามารถหาหนทางในการมีชีวิต

in a truly multicultural, pluralistic world

ในโลกที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลายอย่างแท้จริง

where all of the wisdom of all peoples

ที่ซึ่งสติปัญญาทั้งหมดของทุกคน

can contribute to our collective well-being.

สามารถมีส่วนร่วมต่อความผาสุข ของพวกเราทั้งปวง

Thank you very much.

ขอบคุณทุกคนมากครับ

(Applause)

(ปรบมือ)