What Islam really says about women | Alaa Murabit

Translator: Ponrawee Prasertsom Reviewer: Patarapen Manorompatrasal

So on my way here,

ระหว่างที่ฉันเดินทางมาที่นี่

the passenger next to me and I had a very interesting conversation

ฉันกับผู้โดยสารที่นั่งข้าง ๆ คุยกันเรื่องที่น่าสนใจมาก

during my flight.

ระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน

He told me, "It seems like the United States has run out of jobs,

เขาว่า "ดูเหมือนว่าเดี๋ยวนี้อเมริกา จะไม่มีงานให้คนทำแล้วนะ

because they're just making some up:

เพราะว่าเริ่มสร้างงานขึ้นมาเพิ่ม

cat psychologist, dog whisperer, tornado chaser."

นักจิตวิทยาสำหรับแมว นักกระซิบกับสุนัข นักไล่ตามทอร์นาโด"

A couple of seconds later, he asked me,

ครู่เดียวหลังจากนั้น เขาก็ถามฉันว่า

"So what do you do?"

"แล้วคุณล่ะทำงานอะไร"

And I was like, "Peacebuilder?"

ฉันก็คิด "นักสร้างสันติภาพ" มั้ย

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Every day, I work to amplify the voices of women

ทุก ๆ วัน ฉันทำงาน เป็นกระบอกเสียงให้ผู้หญิง

and to highlight their experiences

และเน้นประสบการณ์

and their participation in peace processes and conflict resolution,

กับบทบาทในกระบวนการสร้างสันติภาพ และคลี่คลายความขัดแย้งของพวกเธอ

and because of my work,

และเพราะงานของฉันนี่เอง

I recognize that the only way to ensure the full participation of women globally

ที่ทำให้ฉันทราบว่า หนทางเดียวที่จะยืนยัน การมีส่วนร่วมของผู้หญิงทั่วโลกได้

is by reclaiming religion.

คือการทวงคืนศาสนากลับมา

Now, this matter is vitally important to me.

เรื่องนี้สำคัญมากสำหรับฉัน

As a young Muslim woman, I am very proud of my faith.

ในฐานะหญิงสาวชาวอิสลาม ฉันภูมิใจกับศรัทธาของตัวเองมาก

It gives me the strength and conviction to do my work every day.

มันให้กำลังใจ และความเชื่อมั่น ในการทำงานของฉันทุก ๆ วัน

It's the reason I can be here in front of you.

มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉัน ยืนอยู่หน้าพวกคุณในวันนี้

But I can't overlook the damage that has been done in the name of religion,

แต่ฉันไม่สามารถมองข้ามความเสียหาย ที่ถูกสร้างขึ้นในนามของศาสนา

not just my own, but all of the world's major faiths.

ไม่เพียงแต่ศาสนาของฉันเท่านั้น ศาสนาอื่น ๆ ทั่วโลกด้วย

The misrepresentation and misuse and manipulation of religious scripture

การตีความ การใช้ และการชักนำด้วย คัมภีร์ศาสนาแบบผิด ๆ

has influenced our social and cultural norms,

ได้ส่งอิทธิพลต่อมาตรฐาน ของสังคมและวัฒนธรรม

our laws, our daily lives,

กฎหมายของเรา ชีวิตประจำวันของเรา

to a point where we sometimes don't recognize it.

จนถึงจุดที่บางทีเราก็มองไม่เห็นมัน

My parents moved from Libya, North Africa, to Canada

พ่อแม่ของฉันย้ายจากลิเบีย แอฟริกาเหนือ ไปแคนาดา

in the early 1980s,

ในช่วงต้น ๆ ยุค 80

and I am the middle child of 11 children.

และฉันเป็นลูกคนกลางใน 11 คน

Yes, 11.

ใช่ค่ะ 11 คน

But growing up, I saw my parents,

แต่ระหว่างที่ฉันโตขึ้น ฉันได้เห็นพ่อแม่

both religiously devout and spiritual people,

ที่ต่างก็มีศรัทธาที่แรงกล้า และจิตวิญญาณให้ศาสนา

pray and praise God for their blessings,

สวดภาวนา และสรรเสริญพระเจ้า ที่ให้พรพวกเขามา

namely me of course, but among others. (Laughter)

โดยเฉพาะที่ให้ฉันมา แต่ก็มีอย่างอื่นด้วย (เสียงหัวเราะ)

They were kind and funny and patient,

พวกเขาใจดี ตลก และอดทน

limitlessly patient, the kind of patience that having 11 kids forces you to have.

อดทนแบบไร้ขีดจำกัด อดทนแบบที่ การมีลูก 11 คนบังคับให้คุณต้องมี

And they were fair.

และพวกเขายุติธรรม

I was never subjected to religion through a cultural lens.

ฉันไม่เคยถูกผูกอยู่กับศาสนา ผ่านการมองของวัฒนธรรม

I was treated the same,

ฉันได้รับการปฏิบัติเหมือน ๆ กัน

the same was expected of me.

และฉันก็ถูกคาดหวังให้ทำแบบเดียวกัน

I was never taught that God judged differently based on gender.

ฉันไม่เคยถูกสอนว่า พระเจ้าตัดสิน คนต่างกันโดยใช้เพศเป็นที่ตั้ง

And my parents' understanding of God as a merciful and beneficial friend

และการที่พ่อแม่ฉันมองพระองค์ว่า เป็นเพื่อนและผู้เกื้อหนุน

and provider shaped the way I looked at the world.

ที่เมตตาและช่วยเหลือเรา ได้กำหนดวิธีที่ฉันมองโลก

Now, of course, my upbringing had additional benefits.

แน่นอนว่า ฉันได้ประโยชน์เพิ่มเติมอีก ในช่วงที่ฉันถูกเลี้ยง

Being one of 11 children is Diplomacy 101. (Laughter)

การเป็นหนึ่งในลูก 11 คน เป็นวิชาการทูตเบื้องต้น

To this day, I am asked where I went to school,

จนถึงวันนี้ ฉันถูกถามว่า ฉันเรียนที่ไหน

like, "Did you go to Kennedy School of Government?"

อย่าง "ที่ Kennedy School of Government หรือเปล่า"

and I look at them and I'm like, "No,

ฉันมองหน้าพวกเขาแล้วตอบว่า "เปล่า"

I went to the Murabit School of International Affairs."

ฉันเรียนที่ "วิทยาลัยการต่างประเทศมุราบิต"

It's extremely exclusive. You would have to talk to my mom to get in.

มันพิเศษมาก ต้องคุยกับแม่ฉันถึงจะได้เข้า

Lucky for you, she's here.

โชคดีสำหรับคุณที่เธออยู่ที่นี่

But being one of 11 children and having 10 siblings

แต่การเป็นหนึ่งในลูก 11 คน และมีพี่น้อง 10 คน

teaches you a lot about power structures and alliances.

สอนคุณเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจ และพันธมิตร

It teaches you focus; you have to talk fast or say less,

มันสอนคุณให้รวมสมาธิเป็น คุณต้องพูดเร็วขึ้น หรือไม่ก็น้อยลง

because you will always get cut off.

เพราะคุณจะถูกจำกัดเวลาพูดเสมอ

It teaches you the importance of messaging.

มันสอนให้คุณรู้ถึงความสำคัญ ของการสื่อสาร

You have to ask questions in the right way to get the answers you know you want,

คุณต้องถามคำถามอย่างถูกต้อง เพื่อให้ได้คำตอบอย่างที่ต้องการ

and you have to say no in the right way to keep the peace.

และคุณต้องปฏิเสธอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

But the most important lesson I learned growing up

แต่บทเรียนที่สำคัญที่สุด ที่ฉันได้รับระหว่างโตขึ้น

was the importance of being at the table.

คือความสำคัญของการอยู่ที่โต๊ะ

When my mom's favorite lamp broke, I had to be there when she was trying

ตอนที่โคมไฟโปรดของแม่พัง ฉันต้องอยู่ที่นั่นเมื่อเธอพยายาม

to find out how and by who, because I had to defend myself,

สอบสวนว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และโดยใคร เพราะฉันต้องปกป้องตัวเอง

because if you're not, then the finger is pointed at you,

เพราะถ้าฉันไม่ ก็จะมีคนชี้นิ้วมาโทษฉัน

and before you know it, you will be grounded.

และก่อนที่จะรู้ตัว ฉันก็จะถูกกักบริเวณ

I am not speaking from experience, of course.

แน่นอนว่า ฉันไม่ได้พูดจาก ประสบการณ์หรอกนะ

When I was 15 in 2005, I completed high school and I moved

ตอนที่ฉันอายุ 15 ในปี 2005 ฉันจบ ม. ปลาย และย้าย

from Canada -- Saskatoon --

จากซาสคาทูน แคนาดา

to Zawiya, my parents' hometown in Libya,

ไปซาวิยา บ้านเกิดของพ่อแม่ฉันที่ลิเบีย

a very traditional city.

เป็นเมืองที่เคร่งประเพณีมาก

Mind you, I had only ever been to Libya before on vacation,

ลืมบอกไป ฉันเคยไปที่ลิเบีย มาก่อน แต่เป็นแค่การเที่ยว

and as a seven-year-old girl, it was magic.

ตอนที่อายุแค่เจ็บขวบ ตอนนั้นสุดยอดมาก

It was ice cream and trips to the beach and really excited relatives.

มันคือไอศกรีม ชายหาด และก็ญาติ ๆ ที่ตื่นเต้นกับฉัน

Turns out it's not the same as a 15-year-old young lady.

แต่กลายเป็นว่ามันไม่เหมือนกัน ตอนที่ฉันอายุ 15

I very quickly became introduced to the cultural aspect of religion.

ฉันได้รับรู้ด้านวัฒนธรรม ของศาสนาอย่างรวดเร็ว

The words "haram" -- meaning religiously prohibited --

คำว่า "ฮะราม" ที่แปลว่า การห้ามในเชิงศาสนา

and "aib" -- meaning culturally inappropriate --

กับ "อะอิบ" ที่แปลว่า ไม่เหมาะสมในวัฒนธรรม

were exchanged carelessly,

ถูกใช้สลับไปมาอย่างไม่ระวัง

as if they meant the same thing and had the same consequences.

ราวกับว่ามีความหมายเดียวกัน และทำให้เกิดผลแบบเดียวกัน

And I found myself in conversation after conversation with classmates

ฉันพบตัวเองอยู่ท่ามกลางบทสนทนา มากมายของตัวเองกับเพื่อนร่วมชั้น

and colleagues, professors, friends, even relatives,

และเพื่อนร่วมงาน อาจารย์ เพื่อน หรือกระทั่งญาติ

beginning to question my own role and my own aspirations.

เริ่มที่จะตั้งคำถามกับกฎ และความทะเยอทะยานของฉัน

And even with the foundation my parents had provided for me,

และแม้ฉันจะมีพื้นฐานที่ พ่อแม่ได้ให้ฉันไว้

I found myself questioning the role of women in my faith.

ฉันเริ่มที่จะตั้งคำถามกับ บทบาทของผู้หญิงในศาสนาของฉัน

So at the Murabit School of International Affairs,

ที่วิทยาลัยการต่างประเทศมุราบิต

we go very heavy on the debate,

เราจริงจังกับการโต้วาทีเรื่องนี้มาก

and rule number one is do your research, so that's what I did,

และกฎข้อแรกก็คือ ต้องหาข้อมูล และนั่นคือสิ่งที่ฉันทำ

and it surprised me how easy it was

และฉันก็ประหลาดใจ เมื่อพบว่ามันง่ายมาก

to find women in my faith who were leaders,

ที่จะหาผู้หญิงในศาสนาของฉัน ที่เป็นผู้นำ

who were innovative, who were strong --

ที่มีความคิดริเริ่ม ที่แข็งแกร่ง

politically, economically, even militarily.

ด้านการเมือง เศรษฐกิจ หรือกระทั่งการทหาร

Khadija financed the Islamic movement

คะดีจะฮ์ช่วยเหลือด้านการเงิน ให้การเคลื่อนไหวของอิสลาม

in its infancy.

ในช่วงแรกสุด

We wouldn't be here if it weren't for her.

เราคงมาไม่ถึงตรงนี้ถ้าไม่มีเธอ

So why weren't we learning about her?

แล้วทำไมเราถึงไม่เรียนรู้เรื่องเธอล่ะ

Why weren't we learning about these women?

ทำไมเราถึงไม่เรียนรู้เรื่องผู้หญิงเหล่านี้

Why were women being relegated to positions which predated

ทำไมผู้หญิงถึงถูกกำหนดให้ อยู่ในตำแหน่งที่มีมาตั้งแต่ก่อน

the teachings of our faith?

การเผยแพร่ความเชื่อของเรา

And why, if we are equal in the eyes of God,

และถ้าเราเท่าเทียมกัน ในสายตาของพระเจ้า

are we not equal in the eyes of men?

ทำไมเราถึงไม่เท่าเทียมกัน ในสายตาของมนุษย์

To me, it all came back to the lessons I had learned as a child.

สำหรับฉัน มันกลับไปสู่ บทเรียนที่ฉันเรียนตอนเด็ก ๆ

The decision maker, the person who gets to control the message,

คนที่เป็นผู้ตัดสิน ที่ควบคุม เนื้อความที่ออกมา

is sitting at the table,

คือคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

and unfortunately, in every single world faith,

และน่าเศร้า ที่ในทุก ๆ ศาสนา

they are not women.

คนเหล่านั้นไม่ใช่ผู้หญิง

Religious institutions are dominated by men

สถาบันศาสนาถูกครอบงำโดยผู้ชาย

and driven by male leadership,

และถูกขับเคลื่อนด้วย ความเป็นผู้นำแบบผู้ชาย

and they create policies in their likeness,

พวกเขากำหนดนโยบาย ให้สอดคล้องกับตัวเขาเอง

and until we can change the system entirely,

และจนกว่าที่เราจะสามารถ เปลี่ยนแปลงระบบได้โดยสิ้นเชิง

then we can't realistically expect to have full economic

เราไม่สามารถคาดหวัง การมีส่วนร่วมด้านเศรษฐกิจ

and political participation of women.

และการเมืองของผู้หญิง ได้อย่างจริงจัง

Our foundation is broken.

ฐานของเรานั้นชำรุดเสียหาย

My mom actually says, you can't build a straight house on a crooked foundation.

แม่ของฉันเคยบอกว่า คุณไม่สามารถ สร้างบ้านที่ตั้งตรงได้ บนฐานที่บิดเบี้ยว

In 2011, the Libyan revolution broke out, and my family was on the front lines.

ในปี 2011 เกิดการปฏิวัติที่ลิเบีย และครอบครัวของฉันอยู่ที่แนวหน้า

And there's this amazing thing that happens in war,

และมันก็เกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้น ในสงครามนั้น

a cultural shift almost, very temporary.

มันเกือบจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรม และอยู่ชั่วคราวมาก ๆ

And it was the first time that I felt it was not only acceptable

เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่า การมีส่วนร่วมของฉัน

for me to be involved, but it was encouraged.

ไม่เพียงถูกยอมรับ แต่มันถูกส่งเสริม

It was demanded.

ถูกเรียกร้องเลยล่ะ

Myself and other women had a seat at the table.

ฉันและผู้หญิงคนอื่น ๆ มีเก้าอี้นั่งที่โต๊ะ

We weren't holding hands or a medium.

เราไม่ได้แค่จับมือกัน หรือเป็นตัวกลาง

We were part of decision making.

เราเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ

We were information sharing. We were crucial.

เราเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูล เรามีความสำคัญมาก

And I wanted and needed for that change to be permanent.

และฉันต้องการอย่างมาก ที่จะให้ความเปลี่ยนแปลงนั้นถาวร

Turns out, that's not that easy.

ปรากฏว่ามันไม่ง่ายเลย

It only took a few weeks before the women that I had previously worked with

ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ผู้หญิงที่ฉัน เพิ่งจะทำงานด้วย

were returning back to their previous roles,

ก็เริ่มกลับไปมีบทบาทแบบที่เคยมี

and most of them were driven by words of encouragement

และพวกเธอส่วนใหญ่ ถูกขับเคลื่อนด้วยคำพูดสนับสนุน

from religious and political leaders,

จากผู้นำทางศาสนาและการเมือง

most of whom cited religious scripture as their defense.

ที่ส่วนใหญ่ก็อ้างคัมภีร์สนับสนุน

It's how they gained popular support for their opinions.

เป็นวิธีหาผู้สนับสนุนความเห็น ของพวกเขาให้เป็นที่นิยม

So initially, I focused on the economic and political empowerment of women.

เมื่อแรกเริ่ม ฉันมุ่งเน้นการเสริมอำนาจ ทางเศรษฐกิจและการเมืองให้ผู้หญิง

I thought that would lead to cultural and social change.

ฉันคิดว่านั่นจะเปลี่ยนแปลง วัฒนธรรมและสังคม

It turns out, it does a little, but not a lot.

แต่กลายเป็นว่า มันเปลี่ยนได้แค่นิดเดียว ไม่มากเท่าไร

I decided to use their defense as my offense,

ฉันจึงตัดสินใจใช้สิ่งที่พวกเขาใช้ปกป้อง ตัวเอง มาเป็นเครื่องมือจู่โจมของฉัน

and I began to cite and highlight Islamic scripture as well.

ฉันเริ่มที่จะอ้าง และเน้นข้อความ จากคัมภีร์อิสลามเช่นเดียวกัน

In 2012 and 2013, my organization led the single largest

ในปี 2012 และ 2013 องค์กรของฉัน มีการรณรงค์ที่ใหญ่ที่สุด

and most widespread campaign in Libya.

และแพร่กระจายมากที่สุดในลิเบีย

We entered homes and schools and universities, even mosques.

พวกเราไปตามบ้าน โรงเรียน และมหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งมัสยิด

We spoke to 50,000 people directly,

เราพูดกับคน 50,000 คนโดยตรง

and hundreds of thousands more through billboards and television commercials,

และคนอีกนับแสนผ่านป้ายโฆษณา และโฆษณาโทรทัศน์

radio commercials and posters.

โฆษณาบนวิทยุ และโปสเตอร์

And you're probably wondering how a women's rights organization

คุณอาจจะสงสัยว่า องค์กรส่งเสริมสิทธิสตรี

was able to do this in communities which had previously opposed

ทำอย่างนี้ในชุมชนที่ก่อนหน้านี้ต่อต้าน

our sheer existence.

แม้แต่ตัวตนของผู้หญิงได้อย่างไร

I used scripture.

ฉันใช้คัมภีร์

I used verses from the Quran and sayings of the Prophet,

ฉันใช้ข้อความจากคัมภีร์อัลกุรอาน และคำพูดของพระศาสดา

Hadiths, his sayings which are, for example,

ฮะดีษ คำพูดของท่าน เช่น

"The best of you is the best to their family."

"ตัวเจ้าที่ดีที่สุด คือผู้ที่ทำดีที่สุด ต่อครอบครัว"

"Do not let your brother oppress another."

"อย่าให้พี่น้องของเจ้ากดขี่ผู้อื่น"

For the first time, Friday sermons led by local community imams

เป็นครั้งแรก ที่ธรรมกถาวันศุกร์ ที่นำโดยอิหม่ามประจำชุมชน

promoted the rights of women.

สนับสนุนสิทธิสตรี

They discussed taboo issues, like domestic violence.

มีการพูดถึงหัวข้อต้องห้าม อย่างการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

Policies were changed.

นโยบายถูกเปลี่ยน

In certain communities, we actually had to go as far

ในบางชุมชน เราจำเป็นต้องพูดถึงขนาดว่า

as saying the International Human Rights Declaration,

คำประกาศสิทธิมนุษยชนสากล

which you opposed because it wasn't written by religious scholars,

ที่พวกเขาต่อต้าน เพราะว่าไม่ได้ถูกเขียน โดยนักวิชาการที่เคร่งศาสนา

well, those same principles are in our book.

จริง ๆ แล้วหลักการเดียวกันก็อยู่ใน คัมภีร์ของเรา

So really, the United Nations just copied us.

ดังนั้น จริง ๆ แล้วก็คือสหประชาชาติ แค่ลอกของเราไป

By changing the message, we were able to provide

การเปลี่ยนข้อความที่สื่อสาร ทำให้เราสามารถสื่อ

an alternative narrative which promoted the rights of women in Libya.

เรื่องราวแนวใหม่ ที่สนับสนุนสิทธิสตรีในลิเบีย

It's something that has now been replicated internationally,

ตอนนี้นานาชาติก็ได้ทำตามเรา

and while I am not saying it's easy -- believe me, it's not.

และแม้ฉันจะบอกว่ามันไม่ง่าย เชื่อฉันเถอะ มันไม่ง่ายเลย

Liberals will say you're using religion and call you a bad conservative.

เสรีนิยมจะว่าคุณใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ และเป็นอนุรักษ์นิยมที่แย่

Conservatives will call you a lot of colorful things.

อนุรักษ์นิยมจะว่าคุณไปต่าง ๆ นานา

I've heard everything from, "Your parents must be extremely ashamed of you" --

ฉันเคยได้ยินตั้งแต่ "พ่อแม่เธอ จะต้องอับอายกับเธอที่สุดแน่ ๆ"

false; they're my biggest fans --

ไม่จริง พวกท่านเป็นแฟนตัวยงของฉัน

to "You will not make it to your next birthday" --

ไปจนถึง "เธออยู่ไม่รอดจนวันเกิดปีหน้าหรอก"

again wrong, because I did.

ก็ไม่จริงอีก เพราะฉันก็รอดมาได้

And I remain

และฉันก็ยังเป็น

a very strong believer that women's rights and religion are not mutually exclusive.

ผู้ที่เชื่ออย่างมากว่า สิทธิสตรี และศาสนาอยู่ด้วยกันได้

But we have to be at the table.

แต่เราจำเป็นต้องอยู่ที่โต๊ะ

We have to stop giving up our position, because by remaining silent,

เราต้องหยุดละทิ้งตำแหน่งของพวกเรา เพราะหากเราเงียบ

we allow for the continued persecution and abuse of women worldwide.

เราได้อนุญาตให้มีการข่มเหง และทารุณผู้หญิงอย่างต่อเนื่องทั่วโลก

By saying that we're going to fight for women's rights

การพูดว่าเราจะต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี

and fight extremism with bombs and warfare,

และต่อสู้กับลัทธิสุดโต่ง ด้วยระเบิดและสงคราม

we completely cripple local societies which need to address these issues

เป็นการทำให้สังคมท้องถิ่นพิการ สังคมที่เราต้องจัดการปัญหาเหล่านี้

so that they're sustainable.

เพื่อให้พวกเขาดำรงอยู่ได้

It is not easy, challenging distorted religious messaging.

มันไม่ง่ายเลย ที่เราจะท้าทาย ข้อความทางศาสนาที่บิดเบือน

You will have your fair share of insults and ridicule and threats.

คุณจะถูกต่อว่า ล้อเลียน และข่มขู่

But we have to do it.

แต่เราจำเป็นต้องทำ

We have no other option than to reclaim the message of human rights,

เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกเสียจาก นำประเด็นสิทธิมนุษยชน

the principles of our faith,

และหลักการความเชื่อของเรากลับมา

not for us, not for the women in your families,

ไม่ใช่เพื่อพวกเราเอง ไม่ใช่เพื่อผู้หญิงในครอบครัวของพวกคุณ

not for the women in this room,

ไม่ใช่เพื่อผู้หญิงในห้องนี้

not even for the women out there,

ไม่ใช่เพื่อผู้หญิงข้างนอก

but for societies that would be transformed

แต่เพื่อสังคม ที่จะถูกเปลี่ยนแปลง

with the participation of women.

ด้วยการมีส่วนร่วมของผู้หญิง

And the only way we can do that,

และทางเดียวที่เราจะทำอย่างนั้นได้

our only option,

ตัวเลือกเดียวของเรา

is to be, and remain, at the table.

คืออยู่ที่โต๊ะ และไม่ไปไหน

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)