Sam Richards: A radical experiment in empathy

Translator: Unnawut Leepaisalsuwanna Reviewer: Heartfelt Grace

นักศึกษาของผมมักถามผมว่า

My students often ask me, "What is sociology?"

"สังคมวิทยาคืออะไร?"

And I tell them it's the study of the way in which human beings are shaped

ผมตอบว่า "มันคือการศึกษา

ถึงวิธีที่ตัวตนของมนุษย์ก่อเกิดขึ้น

จากอิทธิพลของสิ่งที่เรามองไม่เห็น"

by things that they don't see.

And they say, "So, how can I be a sociologist?

พวกเขาถามต่อว่า "แล้วเราจะเป็นนักสังคมวิทยาได้อย่างไร?

How can I understand those invisible forces?"

เราจะเข้าใจพลังที่มองไม่เห็นได้อย่างไร?"

ผมตอบว่า "ลอง 'ใส่ใจ' ดูสิ

And I say, "Empathy.

Start with empathy.

เริ่มจากเอาใจเขามาใส่ใจเรา

It all begins with empathy.

ทุกอย่างเริ่มที่การใส่ใจ

Take yourself out of your shoes,

เอา 'ใจของฉัน' ออกไป

put yourself into the shoes of another person."

แล้วใส่ 'ใจของเขา' เข้ามา"

Here, I'll give you an example.

ผมจะยกตัวอย่างหนึ่ง

So I imagine my life if, a hundred years ago,

ผมจินตนาการถึงชีวิตผม

ว่าถ้าหากโลกเมื่อร้อยปีก่อน

China had been the most powerful nation in the world

ประเทศจีนทรงอำนาจมากที่สุดในโลก

and they came to the United States in search of coal.

พวกเขาล่องเรือมาสหรัฐอเมริกา

เพื่อเสาะหาถ่านหิน

And they found it, and, in fact, they found lots of it right here.

และพวกเขาก็เจอมัน เจอเยอะเลยด้วยสิ

And pretty soon, they began shipping that coal,

และไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็เริ่มขนย้ายถ่านหินเหล่านั้น

ตันแล้วตันเล่า

ton by ton,

railcar by railcar, boatload by boatload,

คันแล้วคันเล่า ลำแล้วลำเล่า

กลับไปยังประเทศจีน และประเทศอื่นๆรอบโลก

back to China and elsewhere around the world.

และพวกเขาก็มั่งคั่งจากการขนย้ายถ่านหิน

And they got fabulously wealthy in doing so.

And they built beautiful cities

พวกเขาสร้างเมืองที่งดงาม

all powered on that coal.

ที่ผลักดันด้วยถ่านหิน

And back here in the United States,

มองกลับมาที่สหรัฐอเมริกา

เราพบเจอแต่ความสิ้นหวังและความขาดแคลน

we saw economic despair, deprivation.

นี่คือสิ่งที่ผมเห็น

This is what I saw.

I saw people struggling to get by,

ผมเห็นผู้คนดิ้นรนสู้ชีวิต

not knowing what was what and what was next.

ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเขา แล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก

And I asked myself the question:

แล้วผมก็ถามตัวเองว่า

"มันเป็นไปได้อย่างไร ที่คนในสหรัฐจะยากจนเหลือเกิน

How is it possible that we could be so poor here in the United States,

เพราะเราก็มีถ่านหินมากมาย

because coal is such a wealthy resource; it's so much money?

น่าจะเป็นเงินที่มหาศาลเลยนะ?"

แล้วผมก็เข้าใจ

And I realize:

because the Chinese ingratiated themselves

เพราะพวกคนจีนเข้ามาตีสนิท

with a small ruling class here in the United States,

กับชนชั้นปกครองในสหรัฐอเมริกา

who stole all of that money and all of that wealth for themselves.

ผู้ซึ่งริบเอาเงินและความมั่งคั่งทั้งหมด เพื่อตัวเอง

And the rest of us, the vast majority of us,

และพวกเราที่เหลือ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่

struggle to get by.

ก็ได้เพียงกัดฟันสู้ชีวิตต่อไป

And the Chinese gave this small ruling elite

แล้วคนจีนพวกนั้น ก็มอบอาวุธยุทธโธปกรณ์และ

loads of military weapons and sophisticated technology

เทคโนโลยีที่ซับซ้อนกับชนชั้นปกครองกลุ่มน้อยๆกลุ่มนี้

เพื่อให้มั่นใจได้ว่า

in order to ensure that people like me

would not speak out against this relationship.

คนธรรมดาอย่างผมจะไม่มีปากเสียง

Does this sound familiar?

ฟังดูคุ้นหูไหมครับ?

And they did things like train Americans to help protect the coal.

แล้วพวกเขาก็ฝึกฝนชาวอเมริกัน

ให้ช่วยปกป้องถ่านหินของพวกเขา

And everywhere, there were symbols of the Chinese --

แล้วในทุกๆที่ ก็มีแต่สัญลักษณ์ของคนจีน --

everywhere, a constant reminder.

ทุกๆที่ เป็นสิ่งที่เตือนใจเสมอ

มองกลับไปที่เมืองจีน

And back in China,

พวกเขาพูดอะไรกันบ้าง?

what do they say in China?

Nothing! They don't talk about us. They don't talk about the coal.

ไม่เลย พวกเขาไม่พูดถึงเรา ไม่พูดถึงถ่านหิน

และถ้าคุณถามพวกเขา

If you ask them,

they'll say, "Well, you know, we need the coal.

เขาก็จะบอกว่า "คุณก็รู้ เราต้องการถ่านหินนี่นา

I mean, come on, I'm not going to turn down my thermostat.

ผมไม่อยากปิดเครื่องทำความร้อนของผมนะ

ผมไม่ยอมหรอก"

You can't expect that."

And so, I get angry, and I get pissed,

ผมเลยโมโหมาก

as do lots of average people.

เฉกเช่นคนปกติทั่วไป

แล้วเราก็สู้กลับ สถานการณ์ก็แย่ลง

And we fight back, and it gets really ugly.

And the Chinese respond in a very ugly way.

พวกคนจีนก็สู้กลับอย่างน่าสยอง

And before we know it, they send in the tanks

ทันใดนั้น เขาก็ส่งรถถังเข้ามา

and they send in the troops.

ส่งทหารเข้ามา

And lots of people are dying.

คนล้มตายลงจำนวนมาก

And it's a very, very difficult situation.

มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก

Can you imagine what you would feel

คุณพอจินตนาการออกไหม

ถ้าเป็นคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร?

if you were in my shoes?

คุณจินตนาการได้ไหม เมื่อคุณเดินออกจากตึกนี้

Can you imagine walking out of this building

and seeing a tank sitting out there,

แล้วคุณเห็นรถถังจ่อหน้าคุณอยู่

or a truck full of soldiers?

หรือรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยทหาร

แค่ลองนึกสภาพ ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร

Just imagine what you would feel, because you know why they're here;

เพราะคุณรู้ว่าพวกเขามาทำไม มาเพื่ออะไร

you know what they're doing here.

แล้วคุณก็รู้สึกถึงความโกรธแค้น ความหวาดกลัว

And you just feel the anger and you feel the fear.

If you can, that's empathy. That's empathy.

ถ้าคุณรู้สึกได้ นั่นแหละการเอาใจใส่ -- เอาใจเขามาใส่ใจเรา

You've left your shoes, and you've stood in mine.

คุณยอมออกจากที่ตั้งของตนเอง เพื่อมาอยู่ที่ของผม

คุณต้องรู้สึก ถึงจะรู้

And you've got to feel that.

โอเค นั่นแค่อุ่นเครื่องนะครับ

OK, so that's the warm-up.

แค่อุ่นเครื่อง

That's the warm-up.

Now we're going to have the real radical experiment.

ทีนี้เรามาลอง

การทดลองสุดโต่งกันดีกว่า

So, for the remainder of my talk, what I want you to do

ต่อจากนี้ไปจนจบ ผมอยากให้คุณ

is put yourselves in the shoes of an ordinary Arab Muslim

ลองมายืนในฐานะผม

เป็นมุสลิมอาหรับธรรมดาคนหนึ่ง

living in the Middle East --

อาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง --

in particular, in Iraq.

พูดตรงๆก็ อยู่ในอิรัก

And so to help you,

เพิ่มเติมอีกนิด

perhaps you're a member of this middle-class family in Baghdad.

คุณเป็นสมาชิกของครอบครัวชนชั้นกลางในกรุงแบกแดด --

What you want is the best for your kids.

และคุณต้องการสิ่งที่ดีที่สุด ให้ลูกๆของคุณ

You want your kids to have a better life.

คุณต้องการให้ลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น

And you watch the news, you pay attention.

คุณดูข่าว คุณตั้งใจรับข้อมูล

You read the newspaper, you go down to the coffee shop with your friends,

คุณอ่านหนังสือพิมพ์ คุณไปนั่งคุยตามร้านกาแฟ

และคุณอ่านหนังสือพิมพ์จากทั่วโลก

you read the newspapers from around the world.

บางทีคุณก็ดูโทรทัศน์ดาวเทียมด้วย

Sometimes you even watch satellite, CNN, from the United States.

ดูช่องข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) จากสหรัฐอเมริกา

You have a sense of what the Americans are thinking.

คุณจึงรู้ ว่าคนอเมริกันคิดอย่างไร

แต่จริงๆแล้ว คุณต้องการชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับตัวคุณเอง

But really, you just want a better life for yourself.

นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ

That's what you want.

You're Arab Muslim living in Iraq.

คุณเป็นชาวมุสลิมอาหรับ อาศัยอยู่ในประเทศอิรัก

คุณต้องการชีวิตที่ดีขึ้น

You want a better life for yourself.

ทีนี้ ผมจะบอกคุณ

So here, let me help you.

Let me help you with some things that you might be thinking.

ผมจะบอกอะไรบางอย่าง

เป็นสิ่งที่คุณอาจจะคิดอยู่

Number one:

หนึ่ง: การบุกรุกเข้ามาในดินแดนของคุณ

this incursion into your land these past 20 years and before --

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา

the reason anyone is interested in your land,

เหตุผลที่ทุกคนสนใจแผ่นดินของคุณ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา

and particularly the United States, is oil.

ก็คือน้ำมัน

It's all about oil; you know that, everybody knows that.

และน้ำมันเท่านั้น คุณก็รู้ ใครๆก็รู้

People back in the United States know it's about oil.

คนในอเมริการู้ว่าเหตุผลคือน้ำมัน

It's because somebody else has a design for your resource.

เหตุผลเพราะคนอื่นๆ

ต้องการทรัพยากรของคุณ

It's your resource -- it's not somebody else's.

มันเป็นทรัพยากรของคุณ ไม่ใช่ของใครอื่น

It's your land; it's your resource.

มันอยู่ใต้แผ่นดินของคุณ มันเป็นของคุณ

Somebody else has a design for it.

แต่คนอื่นต้องการมัน

คุณรู้ไหมทำไมพวกเขาต้องการมัน?

And you know why they have a design?

You know why they have their eyes set on it?

ทำไมทุกคนถึงตาลุกวาวกับสิ่งนี้?

เพราะพวกเขามีระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ

Because they have an entire economic system

ที่ขาดน้ำมันไม่ได้ --

that's dependent on that oil -- foreign oil,

น้ำมันต่างชาติด้วยสิ

oil from other parts of the world that they don't own.

น้ำมันจากที่อื่น ที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของ

And what else do you think about these people?

คุณจะคิดอะไรกับคนพวกนี้อีก?

พวกอเมริกัน พวกร่ำรวย

The Americans, they're rich.

Come on, they live in big houses, they have big cars.

มีบ้านหลังใหญ่ๆ มีรถคันใหญ่ๆ

มีผมบลอนด์ ตาสีฟ้า มีความสุข

They all have blond hair, blue eyes. They're happy.

คุณเชื่ออย่างนั้น แต่มันไม่จริงเสมอไป

You think that. It's not true, of course, but that's the media impression.

นั่นคือภาพลักษณ์ที่เห็นในสื่อ นั่นคือสิ่งที่คุณเห็น

And that's what you get.

และพวกเขามีบ้านเมืองใหญ่โต

And they have big cities,

and the cities are all dependent on oil.

บ้านเมืองเหล่านั้น ล้วนต้องพึ่งพาน้ำมัน

And back home, what do you see?

มองกลับมายังบ้านของคุณ คุณเห็นอะไร?

Poverty, despair, struggle.

ความยากจน ความสิ้นหวัง การดิ้นรนต่อสู้

ดูสิ คุณไม่ได้อยู่ในประเทศร่ำรวยเลย

Look, you don't live in a wealthy country.

I mean -- this is Iraq.

นี่คืออิรัก

This is what you see.

นี่คือสิ่งที่คุณเห็น

You see people struggling to get by.

คุณเห็นผู้คนดิ้นรนสู้ชีวิต

คุณเห็นความยากจนทุกหนแห่ง

It's not easy; you see a lot of poverty.

และคุณก็รู้สึกอะไรบางอย่าง

And you feel something about this.

These people have designs for your resource,

คนพวกนี้ต้องการทรัพยากรของคุณ

และนี่คือสิ่งที่คุณต้องเห็นหรือ?

and this is what you see?

มีอีกอย่างที่คุณรู้ --

Something else you see that you talk about --

พวกอเมริกันไม่พูดกัน แต่พวกคุณคุยกัน

Americans don't talk about this, but you do --

มีกำลังทหารอยู่ทั่วโลก

there's this thing, this militarization of the world,

และศูนย์กลางก็อยู่ที่สหรัฐอเมริกา

and it's centered right in the United States.

และเกินครึ่งของค่าใช้จ่ายทางทหาร

And the United States is responsible

ของทั้งโลก

for almost one half of the world's military spending.

อยู่ที่สหรัฐอเมริกา --

คิดเป็น 4 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก

Four percent of the world's population!

และคุณรู้สึกถึงมันได้ คุณเห็นมันทุกวัน

And you feel it; you see it every day.

มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณ

It's part of your life.

And you talk about it with your friends.

คุณพูดถึงมันกับเพื่อน

คุณอ่านเกี่ยวกับมัน

You read about it.

And back when Saddam Hussein was in power,

และเมื่อครั้งที่ ซัดดัม ฮุสเซน อยู่ในอำนาจ

the Americans didn't care about his crimes.

พวกอเมริกันก็ไม่ได้สนใจสักหน่อย

When he was gassing the Kurds and gassing Iran,

ตอนที่ซัดดัมฆ่าชาวเคิร์ดส์ ฆ่าชาวอิหร่าน

พวกอเมริกันไม่สนใจ

they didn't care about it.

When oil was at stake,

แต่เมื่อไหร่มีเรื่องน้ำมันเข้ามาเกี่ยว

somehow, suddenly, things mattered.

ทุกอย่างก็ดูสำคัญขึ้นมาทันที

And what you see, something else:

ยังมีอีก

สหรัฐอเมริกา

the United States,

the hub of democracy around the world --

ในฐานะศูนย์กลางของประชาธิปไตย

พวกเขาเหมือนจะ

they don't seem to really be supporting democratic countries

ไม่สนับสนุนประชาธิปไตยในประเทศอื่นเลย

all around the world.

There are a lot of countries, oil-producing countries,

มีประเทศอีกมากมาย ประเทศที่ผลิตน้ำมัน

that aren't very democratic, but supported by the United States.

ที่ไม่ได้มีประชาธิปไตย แต่ก็สหรัฐฯก็สนับสนุน

มันแปลกดีนะ

That's odd.

Oh -- these incursions, these two wars,

อ้อ การบุกรุก ที่ทำสงครามทั้งสองครั้ง

the 10 years of sanctions,

ปิดกั้นการค้าเป็นสิบปี

the eight years of occupation,

ยึดครองอีก 8 ปี

the insurgency that's been unleashed on your people,

การจลาจลที่เกิดขึ้น

คนบริสุทธิ์เป็นแสนๆคน

the tens of thousands, the hundreds of thousands

of civilian deaths?

ต้องล้มตายลง

เพียงเพราะน้ำมัน

All because of oil.

You can't help but think that.

จะไม่ให้คิดไม่ได้หรอก

You talk about it.

คุณพูดถึงมัน

It's in the forefront of your mind, always.

มันอยู่ในหัวคุณตลอดเวลา

You say, "How is that possible?"

คุณคิดว่า "มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?"

And this man, he's everyman --

ผู้ชายคนนี้ เขาคือทุกคน --

your grandfather, your uncle,

ปู่ของคุณ ลุงของคุณ

พ่อของคุณ ลูกของคุณ

your father, your son, your neighbor,

เพื่อนบ้านคุณ อาจารย์ของคุณ ศิษย์ของคุณ

your professor, your student.

Once a life of happiness and joy

ครั้งหนึ่งเคยมีความสุข

and suddenly, pain and sorrow.

แต่แล้วทันใดก็กลายเป็นความเจ็บปวดและเศร้าหมอง

ทุกๆคนในประเทศของคุณ

Everyone in your country has been touched by the violence,

เคยพบเจอความรุนแรง

เจอการนองเลือด ความเจ็บปวด

the bloodshed, the pain, the horror -- everybody.

และการหลอกหลอน ที่เจอทุกคน

Not a single person in your country has not been touched.

ไม่มีแม้แต่คนเดียว ในประเทศของคุณ

ที่ไม่เคยเจอสิ่งเหล่านี้

แต่ยังมีอีก

But there's something else.

There's something else about these people, these Americans who are there.

มีอะไรเกี่ยวกับพวก

คนอเมริกันนี้อีก

There's something else about them that you see

มีอะไรบ้างอย่างที่คุณเห็น -- แต่พวกเขาไม่รู้ตัว

that they don't see themselves.

คุณเห็นอะไร? พวกเขาเป็นคริสเตียน

And what do you see? They're Christians!

They're Christians.

พวกเขาเป็นคริสเตียน

They worship the Christian God, they have crosses, they carry Bibles.

เขาบูชาพระเจ้าของเขา ถือไบเบิล ถือไม้กางเขน

Their Bibles have a little insignia

แถมไบเบิลของเขายังมีประทับว่า

"กองทัพสหรัฐฯ" อีกต่างหาก

that says "US Army" on them.

And their leaders, their leaders:

ดูพวกหัวหน้าเขาสิ พวกหัวหน้าเขา!

before they send their sons and daughters off to war in your country --

ก่อนที่เขาจะส่งลูกหลาน

ไปทำสงครามในประเทศของคุณ --

และคุณก็รู้เหตุผลว่าทำไม --

and you know the reason --

before they send them off,

ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งไป

they go to a Christian church, and they pray to their Christian God,

เขาไปโบสถ์คริสเตียน ไปขอพรจากพระเจ้าของเขา

ขอให้ช่วยปกปักรักษา และชี้นำทางสว่าง

and they ask for protection and guidance from that god.

ทำไมล่ะ?

Why?

Well, obviously, when people die in the war,

แน่นอน คนที่ล้มตายในสงคราม

they are Muslims, they are Iraqis -- they're not Americans.

พวกเขาเป็นคนมุสลิม เป็นชาวอิรัก --

พวกเขาไม่ใช่อเมริกัน

คุณไม่ต้องการให้คนอเมริกันตายหนิ

You don't want Americans to die -- "Protect Our Troops."

แล้วคุณก็รู้สึกอะไรบางอย่าง --

And you feel something about that --

แน่นอนว่าต้องรู้สึก

of course you do.

And they do wonderful things.

พวกเขาก็ทำสิ่งที่ดีนะ

You read about it, you hear about it.

คุณอ่านเจอ คุณได้ยินได้ฟังมา

They're there to build schools and help people.

เขามาสร้างโรงเรียน ช่วยเหลือผู้คน และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาอยากทำ

That's what they want to do.

พวกเขาทำสิ่งที่ดีงาม แต่ก็ทำสิ่งที่ไม่ดีด้วย

They do wonderful things, but they also do the bad things,

คุณแยกแยะไม่ออก

and you can't tell the difference.

แล้วคุณก็เจอคนอย่าง พลโทวิลเลี่ยม บอยกิ้น (William Boykin)

And this guy, you get a guy like Lt. Gen. William Boykin.

เขาคือคนที่พูดว่า พระเจ้าของคุณเป็นเรื่องหลอกลวง

Here's a guy who says that your god is a false god.

Your god's an idol; his god is the true god.

พระเจ้าของคุณเป็นเรื่องงมงาย พระเจ้าของเขาคือของจริง

The solution to the problem in the Middle East, according to him,

ทางออกของปัญหาในตะวันออกกลาง ที่เขาเสนอแนะ

คือเปลี่ยนคุณให้เป็นคริสเตียนให้หมด --

is to convert you all to Christianity --

แค่ลบล้างศาสนาของคุณทิ้งเอง

just get rid of your religion.

And you know that. Americans don't read about this guy.

คุณรู้เรื่องของเขา แต่คนอเมริกันไม่รู้

พวกเขาไม่รู้จักพลโทคนนี้ด้วยซ้ำ แต่คุณรู้

They don't know anything about him, but you do.

You pass it around. You pass his words around.

แล้วคุณก็บอกต่อ บอกถ้อยคำของเขาต่อๆกัน

ผมจริงจังนะ

I mean, this is serious. You're afraid.

He was one of the leading commanders in the second invasion of Iraq.

เขาเป็นหนึ่งในผู้บัญชาการทหารโจมตีอิรัก

คุณก็คงคิดในใจ "ถ้าคนคนนี้มันพูด

And you're thinking, "My God, if this guy is saying that,

then all the soldiers must be saying that."

แสดงว่าทหารที่เหลือก็คงพูดเหมือนกัน"

และคำพูดเหล่านั้น ก็อยู่ที่นี่แล้ว

And this word here --

George Bush called this war a crusade.

จอร์จ บุช กล่าวว่านี่คือสงครามศาสนา

Man, the Americans, they're just like, "Ah, crusade.

คนอเมริกันก็จะพูดกันว่า "อะไรนะ สงครามอะไร

ไม่รู้ ฉันไม่รู้เรื่อง"

Whatever. I don't know what that means."

แต่คุณรู้ว่ามันหมายถึงอะไร

You know what it means -- it's a holy war against Muslims.

มันคือสงครามศักดิ์สิทธิ์ ต่อต้านชาวมุสลิม

Look, invade, subdue them, take their resources.

รุกรานเข้าไปสิ กดดันเข้าไปสิ กวาดทรัพยากรทั้งหมดมา

ถ้าพวกมันไม่ยอม ก็ฆ่ามันซะ

If they won't submit, kill them.

นี่คือเรื่องราวทั้งหมด

That's what this is about.

And you're thinking, "My God, these Christians are coming to kill us."

คุณคงกำลังคิด "ตายแน่ๆ พวกคริสเตียนตั้งใจมาฆ่าเรา"

นี่มันน่ากลัว

This is frightening.

You feel frightened. Of course you feel frightened.

คุณรู้สึกหวาดกลัว แน่นอน คุณรู้สึกกลัว

And this man, Terry Jones:

แล้วผู้ชายคนนี้อีก เทอร์รี่ โจนส์ (Terry Jones):

I mean here's a guy who wants to burn Qurans, right?

ผู้ชายคนนี้จะเผาคัมภีร์อัลกุรอาน

คนอเมริกันคงบอกว่า "ไอ้หมอนี่มันบ้า

And the Americans: "Ah, he's a knucklehead.

มันเป็นผู้จัดการโรงแรมเก่า

He's a former hotel manager; he's got three dozen members of his church ..."

มีคนแค่ไม่กี่สิบคน ที่เห็นด้วยกับเขา"

คนอเมริกันหัวเราะเยาะกัน แต่คุณคงไม่ขำ

They laugh him off.

You don't laugh him off, because in the context of everything else,

เพราะเมื่อมองภาพรวมแล้ว

ทุกอย่างมันไปด้วยกันหมด

all the pieces fit.

นี่คือสิ่งที่ทุกคนเห็น

Of course this is how Americans think.

ไม่ใช่แค่คนในอิรัก แต่ผู้คนทั้งตะวันออกกลาง

So people all over the Middle East, not just in your country,

กำลังประท้วง

are protesting.

"คนนั้นมันจะเผาคัมภีร์อัลกุรอาน คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเรา

"He wants to burn Qurans, our holy book.

พวกคริสเตียนพวกนี้ พวกมันเป็นใคร?

These Christians -- who are these Christians?

ทำไมมันถึงชั่วร้ายเช่นนี้ --

They're so evil, they're so mean -- this is what they're about?"

นี่คือสิ่งที่พวกมันต้องการสินะ"

This is what you're thinking as an Arab Muslim,

และนี่คือสิ่งที่คุณจะคิด ในฐานะคนมุสลิม

ในฐานะชาวอิรัก

as an Iraqi.

Of course you're going to think this.

ในขณะที่คุณกำลังคิดถึงเรื่องพวกนั้น

And then your cousin says, "Hey coz, check out this website.

ลูกพี่ลูกน้องของคุณก็เดินมา

บอกว่า "ลองดูเว็บไซต์นี่สิ

You've got to see this -- Bible Boot Camp.

ไม่ดูไม่ได้แล้ว -- นี่คือค่ายทหารไบเบิล

พวกคริสเตียนพวกนี้บ้าไปแล้ว

These Christians are nuts!

They're training their little kids to be soldiers for Jesus.

พวกเขาฝึกเด็กของเขา ให้เป็นทหารของพระเยซู

They take little kids and run them through these things

พวกเขาเอาพวกนี้มาฝึก

till they teach them how to say, 'Sir! Yes, sir!'

แล้วสอนให้เด็กรู้จักซ้ายหันขวาหัน

สอนขว้างระเบิด สอนดูแลรักษาอาวุธ

and things like 'grenade toss' and 'weapons care and maintenance.'

แล้วไปที่เว็บไซต์

And go to the website -- it says 'US Army' right on it.

ก็มีคำว่า "กองทัพสหรัฐฯ" อยู่บนนั้น

I mean, these Christians, they're nuts.

พวกคริสเตียนพวกนี้ ทำอย่างนี้กับเด็กได้อย่างไร?"

How can they do this to their little kids?"

และคุณก็อ่านเว็บไซต์นี้

And you're reading this website.

And of course, Christians in the United States, or anybody,

แน่นอนว่าคริสเตียนในสหรัฐฯ หรือใครก็ตามเถอะ

says, "This is some little church in the middle of nowhere."

พูดกันว่า "นี่มันแค่โบสถ์เล็กๆ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้"

แต่คุณไม่ได้เห็นแบบนั้น

You don't know that.

For you, this is like, all Christians.

สำหรับคุณ นี่คือคนคริสเตียน

It's all over the Web: "Bible Boot Camp."

มันอยู่ทั่วอินเทอร์เน็ตเลย ค่ายที่ว่านี้

And look at this.

แล้วดูนี่สิ

They even teach their kids --

พวกเขายังสอนเด็ก --

they train them in the same way the US Marines train.

ฝึกเด็กเล็ก แบบเดียวกับที่ฝึกหน่วยจู่โจม

มันน่าสนใจไหมล่ะ

Isn't that interesting.

And it scares you, and it frightens you.

มันทำให้คุณกลัว ทำให้คุณระแวง

So these guys, you see them.

ลองมองคนพวกนี้

You see, I, Sam Richards -- I know who these guys are.

ผม แซม ริชาร์ดส์ รู้ว่าพวกนี้เป็นใคร

นี่คือลูกศิษย์ผม เพื่อนของผม

They're my students, my friends; I know what they're thinking.

ผมรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ "คุณไม่รู้อะไรเลย"

You don't know.

แต่เวลาคุณมองพวกเขา

When you see them, they're something else.

มันมีอะไรบางอย่าง อะไรสักอย่าง

They're something else.

นี่คือสิ่งที่คุณเข้าใจ (พวกคริสเตียนผู้รุกราน)

That's what they are to you.

เราไม่ได้มองอย่างนั้นในสหรัฐอเมริกา

We don't see it that way in the United States,

but you see it that way.

แต่คุณนั่นคือสิ่งที่คุณเห็น

So here.

ดังนั้น

Of course, you've got it wrong.

แน่นอน คุณเข้าใจผิด

You're generalizing. It's wrong.

คุณเหมารวมเกินไป มันไม่จริง

You don't understand the Americans.

คุณไม่เข้าใจคนอเมริกัน

It's not a Christian invasion.

นี่ไม่ใช่การรุกรานทางศาสนา

We're not just there for oil; we're there for lots of reasons.

เราไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อน้ำมัน เรามีอีกหลายเหตุผล

คุณเข้าใจผิดหมดแล้ว

You have it wrong. You've missed it.

แน่นอนว่า พวกคุณไม่ต้องการความรุนแรง

And of course, most of you don't support the insurgency;

คุณไม่ต้องการฆ่าคนอเมริกัน

you don't support killing Americans;

you don't support the terrorists.

คุณไม่สนับสนุนผู้ก่อการร้าย

Of course you don't. Very few people do.

จะมีสักกี่คนเชียวที่ต้องการสิ่งเหล่านั้น

But -- some of you do.

แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี

และนั่นคือมุมมองหนึ่ง

And this is a perspective.

OK. So now, here's what we're going to do.

โอเค ต่อจากนี้ไป

Step outside of your shoes that you're in right now,

ลองวางมุมมองนั้นลงก่อน

มุมมองของชาวอิรัก

and step back into your normal shoes.

แล้วลองกลับมาเป็นคนเดิมที่คุณเป็น

So everyone's back in the room. OK?

ทุกคนกลับมาที่ห้องประชุมนี้แล้วนะ

ต่อไปนี้คือการทดลองสุดโต่ง

Now here comes the radical experiment.

เรากลับมาบ้านหมดแล้ว

So we're all back home.

รูปนี้ ผู้หญิงคนนี้

This photo: this woman --

ผมเข้าใจเธอ

man, I feel her.

ผมรู้สึกได้

I feel her.

เธอคือน้องสาวผม

She's my sister,

my wife, my cousin, my neighbor.

ภรรยาผม ญาติผม เพื่อนบ้านผม

She's anybody to me.

เธอเป็นคนที่ผมรู้จัก

These guys standing there, everybody in the photo --

คนพวกนี้อีก ทุกคนในรูป

I feel this photo, man.

ผมเข้าใจความรู้สึก

และนี่คือสิ่งที่ผมอยากให้คุณทำ

So here's what I want you to do.

Let's go back to my first example, of the Chinese.

ลองกลับไปที่ตัวอย่างแรก เรื่องคนจีน

I want you to go there.

ผมต้องการให้คุณไปที่นั่น

It's all about coal, and the Chinese are here in the United States.

เรื่องของถ่านหิน คนจีนอยู่ในสหรัฐฯ

What I want you to do is picture her

ผมอยากให้คุณลองนึกภาพ คนในรูปเป็นชาวจีน

as a Chinese woman receiving a Chinese flag

รับธงชาติจีน

because her loved one has died in America in the coal uprising.

เพราะคนรักของเธอ เสียชีวิตที่อเมริกา

ในสงครามถ่านหิน

And the soldiers are Chinese,

ทหารพวกนี้เป็นทหารจีน

and everybody else is Chinese.

คนอื่นๆก็เป็นคนจีน

As an American, how do you feel about this picture?

ในฐานะคนอเมริกัน คุณจะรู้สึกยังไง

คุณคิดยังไงกับภาพนี้

What do you think about that scene?

OK, try this. Bring it back.

ลองดูนะ กลับมาที่เดิม

นี่คือรูป

This is the scene here.

It's an American, American soldiers,

คนอเมริกัน ทหารอเมริกัน

American woman who lost her loved one in the Middle East,

หญิงชาวอเมริกัน ที่เสียคนรักไป

ในตะวันออกกลาง -- ในอิรักหรืออัฟกานิสถาน

in Iraq or Afghanistan.

แล้วลองเอาใจเขามาใส่

Now, put yourself in the shoes,

กลับไปเป็นชาวมุสลิม

go back to the shoes of an Arab Muslim living in Iraq.

ชาวมุสลิมอาหรับคนนั้น ที่อาศัยอยู่ในอิรัก

คุณรู้สึกยังไง คิดอะไรอยู่

What are you feeling and thinking about this photo,

เกี่ยวกับรูปรูปนี้

เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้

about this woman?

โอเค

OK,

now follow me on this,

ลองคิดตามนะ

because I'm taking a big risk here.

เพราะผมกำลังทำอะไรที่เสี่ยงมากๆ

ผมจะเชิญคุณ มาร่วมเสี่ยงกับผม

And so I'm going to invite you to take a risk with me.

These gentlemen here, they're insurgents.

สุภาพบุรุษเหล่านี้่ พวกก่อความไม่สงบ

They were caught by the American soldiers, trying to kill Americans.

ถูกจับโดยทหารอเมริกัน

โทษฐานพยายามฆ่าชาวอเมริกัน

And maybe they succeeded. Maybe they succeeded.

พวกเขาอาจทำสำเร็จ อาจสำเร็จด้วยซ้ำ

ลองเอาใจของทหารอเมริกัน

Put yourself in the shoes of the Americans who caught them.

มาใส่ใจคุณดู

Can you feel the rage?

คุณรู้สึกถึงความโกรธแค้นไหม

Can you feel that you just want to take these guys

คุณรู้สึกไหม ว่าอยากจะ

and wring their necks?

บีบคอไอ้สองคนนี้

Can you go there?

คุณนึกภาพออกไหม

It shouldn't be that difficult.

ไม่น่าจะยากนะ

You just -- oh, man.

ชักจะทนไม่ไหวแล้วสิ

Now, put yourself in their shoes.

ทีนี้ ลองเอาใจคนสองคนนี้มาใส่ดูสิ

พวกเขาเป็นนักฆ่าที่โหดเหี้ยม

Are they brutal killers

หรือเป็นผู้พิทักษ์ที่กล้าหาญ

or patriotic defenders?

แบบไหนดี?

Which one?

Can you feel their anger,

คุณรู้สึกถึงความโกรธแค้นของเขาไหม

their fear,

ความกลัว

their rage

ความโกรธเกรี้ยว

กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ในประเทศของเขา?

at what has happened in their country?

คุณนึกภาพออกไหม

Can you imagine that maybe one of them, in the morning,

ไม่แน่นะ เมื่อเช้า คนพวกนี้

bent down to their child and hugged their child

ย่อตัวลงไปหาลูกของเขา แล้วกอดลูกๆ

and said, "Dear, I'll be back later.

และพูดว่า "ลูกรัก เดี๋ยวพ่อกลับมานะ

I'm going out to defend your freedom, your lives.

พ่อต้องออกไปรักษาอิสรภาพของพวกเจ้า ชีวิตของเจ้า

พ่อจะคอยดูแลพวกเรา

I'm going out to look out for us,

the future of our country."

ดูแลอนาคตของเรา"

คุณนึกภาพออกไหม?

Can you imagine that?

Can you imagine saying that?

คุณนึกภาพตัวเองพูดอย่างนั้นได้ไหม?

Can you go there?

คุณรู้สึกได้หรือเปล่า

What do you think they're feeling?

คุณคิดว่าพวกเขารู้สึกยังไง?

You see, that's empathy.

นั่นแหละ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา

มันคือความเข้าใจ

It's also understanding.

[understand]

คุณอาจจะถามว่า

Now, you might ask,

"OK, Sam, so why do you do this sort of thing?

"โอเค แซม เราจะคิดไปเพื่ออะไร?

Why would you use this example of all examples?"

ทำไมต้องยกตัวอย่างนี้ ตัวอย่างอื่นก็มี"

ผมบอกว่า

And I say, because.

You're allowed to hate these people.

พวกคุณเกลียดคนพวกนี้ได้

You're allowed to just hate them with every fiber of your being.

ไม่มีใครห้าม ไม่ให้คุณเกลียด

จากเบื้องลึกของหัวใจ

And if I can get you to step into their shoes

แต่ถ้าผมสามารถ

ทำให้คุณเข้าใจคนพวกนี้

and walk an inch -- one tiny inch --

แล้วออกเดินแค่คืบเดียว

ขอแค่คืบเดียว

ลองนึกดูว่า คุณจะวิเคราะห์ปัญหาสังคม

then imagine the kind of sociological analysis

that you can do in all other aspects of your life.

ได้มากแค่ไหน ในทุกๆด้านของชีวิต?

คุณอาจเดินไปหนึ่งไมล์

You can walk a mile

when it comes to understanding why that person's driving 40 miles per hour

เพื่อทำความเข้าใจว่า

ทำไมคนบางคน ถึงขับรถเชื่องช้า

อยู่ในช่องทางขวาสุด

in the passing lane;

or your teenage son;

หรือลูกวัยแรกรุ่นของคุณ

or your neighbor who annoys you by cutting his lawn on Sunday mornings.

หรือเพื่อนบ้านคุณ ที่รบกวนคุณ

มาตัดหญ้าตอนเช้าวันอาทิตย์

Whatever it is, you can go so far.

อะไรก็ตาม คุณจะเข้าใจได้ดีขึ้นเยอะ

And this is what I tell my students:

และนี่คือสิ่งที่ผมบอกลูกศิษย์ของผม

step outside of your tiny, little world.

ลองเอา 'ตัวกูของกู' วางไว้

Step inside of the tiny, little world of somebody else.

แล้วเอาโลกเล็กๆของใครสักคน

ใส่เข้ามา

แล้วทำซ้ำๆ หลายๆรอบ

And then do it again

and do it again and do it again.

And suddenly, all these tiny, little worlds,

แล้วโลกเล็กๆ ที่คุณเข้าไปลองอาศัย

they come together in this complex web.

จะประกอบกัน กลายเป็นโลกใบใหญ่

And they build a big, complex world.

และในวันที่โลกของคุณใหญ่พอ

And suddenly, without realizing it,

คุณก็จะเห็นโลกใบใหม่

โดยที่คุณไม่รู้ตัว

you're seeing the world differently.

Everything has changed.

ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

Everything in your life has changed.

ทุกอย่างในชีวิตของคุณเปลี่ยนไป

และนั่นแหละ คือความหมายของทุกอย่าง

And that's, of course, what this is about.

ไปใช้ชีวิตของคนอีกคน

Attend to other lives,

ในอีกมุมมอง

other visions.

Listen to other people,

ฟังเรื่องราวของคนอื่น

เพื่อเพิ่มปัญญาของเรา

enlighten ourselves.

I'm not saying that I support the terrorists in Iraq.

ผมไม่ได้บอกนะ

ว่าผมสนับสนุนการก่อการร้ายในอิรัก

แต่ในฐานะนักสังคมวิทยา

But as a sociologist, what I am saying is:

ที่ผมพยายามพูดคือ

I understand.

ผมเข้าใจ

And now perhaps -- perhaps -- you do, too.

และผมหวัง -- ผมหวังว่า -- คุณก็เข้าใจแล้วเหมือนกัน

ขอบคุณครับ

Thank you.

(Applause)

(เสียงปรบมือ)