Why our screens make us less happy | Adam Alter

827,995 views ・ 2017-08-01

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Patipat Sathaporn Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut
00:12
So, a few years ago I heard an interesting rumor.
0
12748
2987
เมื่อหลายปีก่อนผมได้ฟัง เรื่องตลกที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง
00:16
Apparently, the head of a large pet food company
1
16209
2388
มีหัวหน้าบริษัทอาหารสัตว์แห่งหนึ่ง
00:18
would go into the annual shareholder's meeting
2
18621
2255
เขาเข้าที่ประชุมประจำปีของผู้ถือหุ้น
00:20
with can of dog food.
3
20900
1461
พร้อมกับกระป๋องอาหารสุนัข
00:22
And he would eat the can of dog food.
4
22385
2101
แล้วเขาก็กินอาหารสุนัขนั้นจนหมดกระป๋อง
00:24
And this was his way of convincing them that if it was good enough for him,
5
24510
3553
นี่เป็นการโน้มน้าวใจให้เห็นว่า ถ้าสินค้านี้ดีพอสำหรับเขาเอง
00:28
it was good enough for their pets.
6
28087
1677
มันก็ดีพอสำหรับสัตว์เลี้ยง ของพวกเขา
00:29
This strategy is now known as "dogfooding,"
7
29788
2436
กลยุทธ์นี้รู้จักกันในชื่อ "กินอาหารสุนัขตัวเอง"
00:32
and it's a common strategy in the business world.
8
32248
2319
และมันก็เป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่เจอได้ทั่วไป
00:34
It doesn't mean everyone goes in and eats dog food,
9
34591
2484
ไม่ได้หมายความว่าทุกคน ต้องไปกินอาหารสุนัขนะครับ
00:37
but businesspeople will use their own products
10
37099
2221
แต่นักธุรกิจจะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเอง
00:39
to demonstrate that they feel --
11
39344
1537
เพื่อแสดงให้เห็นว่า พวกเขารู้สึก
00:40
that they're confident in them.
12
40905
1705
มั่นใจในสินค้าของตัวเอง
00:42
Now, this is a widespread practice,
13
42634
1925
ตอนนี้มันก็เป็นหลักปฏิบัติอย่างกว้างขวาง
00:44
but I think what's really interesting is when you find exceptions
14
44583
3095
แต่ผมคิดว่าที่น่าสนจริง ๆ คือ เมื่อคุณเจอข้อยกเว้น
00:47
to this rule,
15
47702
1151
ต่อกฎนี้
00:48
when you find cases of businesses or people in businesses
16
48877
2707
เมื่อคุณเจอกรณีที่ธุรกิจหรือคนในวงธุรกิจ
00:51
who don't use their own products.
17
51608
1594
ที่ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง
00:53
Turns out there's one industry where this happens in a common way,
18
53226
3121
ปรากฏว่ามีอุตสาหกรรมหนึ่ง ที่เรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา
00:56
in a pretty regular way,
19
56371
1160
ปกติธรรมดามากจริง ๆ
00:57
and that is the screen-based tech industry.
20
57555
2434
และนั่นก็คืออุตสาหกรรมเทคโนโลยี ที่ทำงานด้วยหน้าจอ
01:00
So, in 2010, Steve Jobs, when he was releasing the iPad,
21
60013
4394
ในปี 2010 สตีฟ จ็อบส์ เปิดตัว iPad
01:04
described the iPad as a device that was "extraordinary."
22
64431
3742
เขาอธิบายว่ามันเป็นอุปกรณ์ ที่ "พิเศษเหนือธรรมดา"
01:08
"The best browsing experience you've ever had;
23
68197
2540
"ประสบการณ์ดีที่สุดใน การท่องอินเตอร์เน็ตที่คุณเคยมี
01:10
way better than a laptop, way better than a smartphone.
24
70761
2733
ทางเลือกที่ดีกว่าแล็ปท็อป ทางเลือกที่ดีกว่าสมาร์ทโฟน
01:13
It's an incredible experience."
25
73518
1527
มันเป็นประสบการณ์อันเหลือเชื่อ"
01:15
A couple of months later, he was approached by a journalist
26
75069
2785
ไม่กี่เดือนต่อมา เขาก็ถูกสัมภาษณ์โดยนักข่าว
01:17
from the New York Times,
27
77878
1156
จากนิวยอร์กไทมส์
01:19
and they had a long phone call.
28
79058
1499
พวกเขาคุยโทรศัพท์กันอย่างยืดยาว
01:20
At the end of the call,
29
80581
1170
ในช่วงท้ายของการสนทนา
01:21
the journalist threw in a question that seemed like a sort of softball.
30
81775
3390
นักข่าวตั้งคำถามที่ดูเบา แต่หนักหน่วง
01:25
He said to him, "Your kids must love the iPad."
31
85189
2575
เขาถามว่า "ลูก ๆ ของคุณจะต้องรัก iPad แน่ ๆ เลย"
01:28
There's an obvious answer to this,
32
88623
1629
คำตอบมันน่าจะชัดอยู่แล้ว
01:30
but what Jobs said really staggered the journalist.
33
90276
2619
แต่สิ่งที่จ็อบส์ตอบมาทำให้ นักข่าวคนนั้นซวนเซไปเลย
01:32
He was very surprised,
34
92919
1191
เขาประหลาดใจมาก ๆ
01:34
because he said, "They haven't used it.
35
94134
2575
เพราะจ็อบส์ตอบว่า "พวกเขาไม่ได้ใช้มันเลย
01:36
We limit how much technology our kids use at home."
36
96733
2922
เราจำกัดว่าเด็ก ๆ จะใช้เทคโนโลยี ได้มากแค่ไหนเมื่ออยู่บ้าน"
01:39
This is a very common thing in the tech world.
37
99679
3863
นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก ในโลกเทคโนโลยี
01:43
In fact, there's a school quite near Silicon Valley
38
103566
2435
ในความเป็นจริงคือมีโรงเรียน ใกล้ ๆ ซิลิคอนวัลเลย์
01:46
called the Waldorf School of the Peninsula,
39
106025
2273
ชื่อว่า โรงเรียนวอลดอร์ฟ แห่งเพนินซูลา
01:48
and they don't introduce screens until the eighth grade.
40
108322
3164
พวกเขาไม่ให้เด็ก ๆ ใช้ อุปกรณ์ที่มีหน้าจอจนกว่าจะเกรดแปด
01:51
What's really interesting about the school
41
111510
2042
เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับโรงเรียนนั้นก็คือ
01:53
is that 75 percent of the kids who go there
42
113576
2049
กว่า 75% ของเด็กที่เรียนที่นั่น
01:55
have parents who are high-level Silicon Valley tech execs.
43
115649
3067
มีพ่อแม่เป็นผู้บริหารระดับสูง ของซิลิคอน วัลเลย์
01:59
So when I heard about this, I thought it was interesting and surprising,
44
119162
3515
เมื่อผมได้ฟังเรื่องนี้ ผมก็คิดว่ามันทั้งน่าสนและน่าประหลาดใจ
02:02
and it pushed me to consider what screens were doing to me
45
122701
3032
และก็ทำให้ผมคิดทบทวนว่า หน้าจอสี่เหลี่ยมนี่กำลังทำอะไรกับผม
02:05
and to my family and the people I loved,
46
125757
1957
กับครอบครัวและคนที่ผมรัก
02:07
and to people at large.
47
127738
1262
และต่อคนอื่นทั่วไป
02:09
So for the last five years,
48
129024
1922
ดังนั้นในช่วงห้าปีที่ผ่านมา
02:10
as a professor of business and psychology,
49
130970
2033
ในฐานะอาจารย์ด้านธุรกิจและจิตวิทยา
02:13
I've been studying the effect of screens on our lives.
50
133027
2704
ผมจึงศึกษาถึงผลกระทบของ หน้าจอที่มีต่อชีวิตเรา
02:16
And I want to start by just focusing on how much time they take from us,
51
136709
4082
ผมจะเริ่มที่ว่ามันพรากเวลาจากเราไปเท่าไร
02:20
and then we can talk about what that time looks like.
52
140815
2506
และเราค่อยมาคุยกันว่า ช่วงเวลานั้นมันเป็นอะไรยังไง
02:23
What I'm showing you here is the average 24-hour workday
53
143345
2667
ที่ผมให้ทุกคนดูอยู่คือ 24 ชั่วโมงของวันธรรมดาโดยเฉลี่ย
02:26
at three different points in history:
54
146036
2338
ในสามช่วงเวลาของประวัติศาสตร์
02:28
2007 -- 10 years ago --
55
148398
2002
ปี 2007 เมื่อสิบปีที่แล้ว
02:30
2015
56
150424
1459
ปี 2015
02:31
and then data that I collected, actually, only last week.
57
151907
3018
และข้อมูลที่จริง ๆ แล้วผมเพิ่งเก็บ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง
02:34
And a lot of things haven't changed
58
154949
1749
หลาย ๆ อย่างไม่ได้เปลี่ยนไป
02:36
all that much.
59
156722
1151
มากเท่าไรนัก
02:39
We sleep roughly seven-and-a-half to eight hours a day;
60
159140
2775
เราหลับประมาณเจ็ดชั่วโมงครึ่งถึง แปดชั่วโมงต่อวัน
02:41
some people say that's declined slightly, but it hasn't changed much.
61
161939
3317
บางคนบอกว่ามันลดลงนิดหน่อย แต่ก็นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากนัก
02:45
We work eight-and-a-half to nine hours a day.
62
165280
3254
เราทำงานแปดชั่วโมงครึ่งถึง เก้าชั่วโมงต่อวัน
02:48
We engage in survival activities --
63
168558
1732
เราทำกิจการเพื่อการดำรงชีพ
02:50
these are things like eating and bathing and looking after kids --
64
170314
3127
อย่างเช่น กินข้าว อาบน้ำ เลี้ยงลูก
02:53
about three hours a day.
65
173465
1156
ประมาณสามชั่วโมงต่อวัน
02:54
That leaves this white space.
66
174645
1528
มีพื้นที่สีขาวเหลืออยู่ตรงนี้
02:56
That's our personal time.
67
176197
1667
นั่นคือเวลาส่วนตัว
02:57
That space is incredibly important to us.
68
177888
2788
พื้นที่ตรงนั้นสำคัญกับเราอย่างยิ่ง
03:01
That's the space where we do things that make us individuals.
69
181114
2874
พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ที่ทำให้เรา เป็นตัวของตัวเอง
03:04
That's where hobbies happen, where we have close relationships,
70
184012
3101
เป็นเวลาของงานอดิเรก การสานสัมพันธ์
03:07
where we really think about our lives, where we get creative,
71
187137
2882
ไว้ใช้ขบคิดเกี่ยวชีวิต หรือไว้ใช้คิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ ๆ
03:10
where we zoom back and try to work out
72
190043
1814
ที่ใช้ย้อนกลับมามองตัวเอง
03:11
whether our lives have been meaningful.
73
191881
1860
ว่าชีวิตนี้มีความหมายแล้วหรือยัง
03:13
We get some of that from work as well,
74
193765
1828
เราได้บางสิ่งนี้จากการทำงานได้เช่นกัน
03:15
but when people look back on their lives
75
195617
1915
แต่เมื่อคนเรามองย้อนกลับไปดูชีวิต
03:17
and wonder what their lives have been like
76
197556
2004
และสงสัยขึ้นมาว่าชีวิตของเรานั้น
03:19
at the end of their lives,
77
199584
1243
จะเป็นยังไงในตอนสุดท้าย
03:20
you look at the last things they say --
78
200851
1887
ลองดูสิ่งสุดท้ายที่พวกเขากล่าว
03:22
they are talking about those moments that happen in that white personal space.
79
202762
3701
พวกเขากำลังคุยถึงช่วงเวลาตรงนั้น ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนตัวสีขาวนั่น
03:26
So it's sacred; it's important to us.
80
206487
2003
มันจึงศักดิ์สิทธิ์ มีความสำคัญต่อเรา
03:28
Now, what I'm going to do is show you
81
208514
1851
คราวนี้สิ่งที่ผมจะให้ทุกคนดู คือ
03:30
how much of that space is taken up by screens across time.
82
210389
3252
เราหมดเวลาตรงนั้นไปกับ หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ นี้ไปเท่าไร
03:33
In 2007,
83
213665
1325
ปี 2007
03:35
this much.
84
215014
1151
หมดไปเท่านี้ครับ
03:36
That was the year that Apple introduced the first iPhone.
85
216189
2980
นั่นคือปีที่ Apple เปิดตัว iPhone เครื่องแรก
03:39
Eight years later,
86
219193
1198
แปดปีต่อมา
03:41
this much.
87
221059
1221
เป็นเท่านี้ครับ
03:43
Now, this much.
88
223138
1789
และมากเท่านี้ในปัจจุบัน
03:44
That's how much time we spend of that free time in front of our screens.
89
224951
3438
ที่เห็นกันคือระยะเวลาที่ เวลาว่างของเราหมดไปกับหน้าจอ
03:48
This yellow area, this thin sliver, is where the magic happens.
90
228413
3303
พื้นที่สีเหลืองนี้ ตรงเส้นบางๆ นี้ คือจุดที่สิ่งพิเศษเกิดขึ้นครับ
03:51
That's where your humanity lives.
91
231740
1582
นั่นคือที่ของความเป็นมนุษย์ของคุณ
03:53
And right now, it's in a very small box.
92
233346
2032
และตอนนี้มันเหลือน้อยแค่นี้เอง
03:56
So what do we do about this?
93
236063
1625
แล้วเราจะทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้าง
03:57
Well, the first question is:
94
237712
1357
คำถามแรกเลยก็คือ
03:59
What does that red space look like?
95
239093
1859
พื้นที่สีแดงนั้นเป็นยังไง
04:00
Now, of course, screens are miraculous
96
240976
2105
แน่นนอนว่าตอนนี้หน้าจอเป็นสิ่งมหัศจรรย์
04:03
in a lot of ways.
97
243105
1428
สำหรับหลาย ๆ อย่าง
04:04
I live in New York,
98
244557
1257
ผมอยู่ที่นิวยอร์ก
04:05
a lot of my family lives in Australia,
99
245838
1998
แต่ครอบครัวผมอยู่ที่ออสเตรเลีย
04:07
and I have a one-year-old son.
100
247860
1430
และผมมีลูกชายวัยหนึ่งขวบคนนึง
04:09
The way I've been able to introduce them to him is with screens.
101
249314
3898
ผมคุยกับเขาได้ผ่านจอ
04:13
I couldn't have done that 15 or 20 years ago
102
253236
2090
ผมทำแบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ 15 หรือ 20 ปีก่อน
04:15
in quite the same way.
103
255350
1158
ด้วยวิธีการแบบนี้
04:16
So there's a lot of good that comes from them.
104
256532
2157
นั่นคือเรื่องดีมาก ๆ ที่มากับมัน
04:18
One thing you can do is ask yourself:
105
258713
1846
อีกสิ่งหนึ่งที่คุณทำได้คือถามตัวเองว่า
04:20
What goes on during that time?
106
260583
2083
เกิดอะไรขึ้นบ้างในช่วงเวลานั้น
04:22
How enriching are the apps that we're using?
107
262690
2438
แล้วแอพฯ ที่เราใช้ล่ะให้ประโยชน์ มากน้อยแค่ไหน
04:25
And some are enriching.
108
265152
1274
บางอย่างใช้แล้วดีจริง ๆ
04:26
If you stop people while they're using them and say,
109
266450
2442
ถ้าคุณลองไปขัดจังหวะคนกำลังเล่นแอพฯ แล้วถามว่า
04:28
"Tell us how you feel right now,"
110
268916
1588
บอกเราหน่อยสิ ตอนนี้รู้สึกยังไง
04:30
they say they feel pretty good about these apps --
111
270528
2396
เขาก็จะตอบว่าก็รู้สึกดีกับแอพฯ พวกนี้
04:32
those that focus on relaxation, exercise, weather, reading,
112
272948
3360
นี่คือกลุ่มที่เน้นการผ่อนคลาย การออกกำลัง อากาศ การอ่านหนังสือ
04:36
education and health.
113
276332
1543
การศึกษา และสุขภาพ
04:37
They spend an average of nine minutes a day on each of these.
114
277899
3134
พวกเขาใช้แอพฯ กลุ่มนี้เฉลี่ย 9 นาที ต่อวัน
04:41
These apps make them much less happy.
115
281057
2330
แอพฯ พวกนี้ทำให้เรามีความสุขน้อยลง
04:43
About half the people, when you interrupt them and say, "How do you feel?"
116
283919
3604
เกือบครึ่งของทุกคน เมื่อคุณไปขัดจังหวะ และถามว่า คุณรู้สึกไงบ้าง
04:47
say they don't feel good about using them.
117
287547
2108
เขาจะบอกว่าแอพฯ นี้ เล่นแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี
04:49
What's interesting about these --
118
289679
1631
ที่น่าสนใจของแอพฯ กลุ่มนี้ก็คือ
04:51
dating, social networking, gaming,
119
291334
1710
แอพฯ นัดเดท โซเชียลเน็ตเวิร์ค เกม
04:53
entertainment, news, web browsing --
120
293068
2726
ความบันเทิง ข่าว ส่องเว็บ
04:55
people spend 27 minutes a day on each of these.
121
295818
2606
ผู้คนใช้เวลากับแอพพวกนี้ถึง  27 นาทีต่อวัน
04:58
We're spending three times longer on the apps that don't make us happy.
122
298448
3552
เราใช้เวลามากกว่าถึง 3 เท่า กับแอพที่ทำให้เราไม่มีความสุข
05:02
That doesn't seem very wise.
123
302024
1668
นั่นดูไม่ฉลาดเท่าไรเลย
05:04
One of the reasons we spend so much time on these apps
124
304706
2538
เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราหมดเวลาไปเยอะ กับแอพฯ พวกนั้น
05:07
that make us unhappy
125
307268
1152
ที่ทำให้เราไม่มีความสุข
05:08
is they rob us of stopping cues.
126
308444
1532
ก็คือมันขโมยจุดเตือนให้หยุดไป
05:10
Stopping cues were everywhere in the 20th century.
127
310000
2379
จุดเตือนให้หยุดมีอยู่ทุกหนแห่ง ในศตวรรษที่ 20
05:12
They were baked into everything we did.
128
312403
1864
มันซ่อนอยู่ในทุกเรื่องที่เราทำ
05:14
A stopping cue is basically a signal that it's time to move on,
129
314291
3416
จุดเตือนให้หยุดเป็นสัญญาณเตือนกับเรา ว่าได้เวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว
05:17
to do something new, to do something different.
130
317731
2697
ไปทำอะไรใหม่ ๆ ทำอะไรที่ต่างจากที่ทำอยู่
05:20
And -- think about newspapers; eventually you get to the end,
131
320452
3196
ลองนึกถึงหนังสือพิมพ์ ที่สุดท้ายแล้วเราก็จะอ่านถึงหน้าสุดท้าย
05:23
you fold the newspaper away, you put it aside.
132
323672
2297
และเราก็จะพับ และโยนมันไปไว้ข้าง ๆ
05:25
The same with magazines, books -- you get to the end of a chapter,
133
325993
3158
เหมือนกันกับนิตยสาร หนังสือ ที่คุณก็จะอ่านไปถึงตอนจบของบท
05:29
prompts you to consider whether you want to continue.
134
329175
2777
ทำให้คุณได้หยุดคิดว่าจะทำอะไรต่อไป
05:32
You watched a show on TV, eventually the show would end,
135
332324
2698
หรือถ้าดูรายการทีวี เดี๋ยวรายการมันก็จบ
05:35
and then you'd have a week until the next one came.
136
335046
2405
และคุณต้องรอไปอีกหนึ่งสัปดาห์ จนกว่าตอนใหม่จะมา
05:37
There were stopping cues everywhere.
137
337475
1754
มีจุดเตือนให้หยุดทุกที่เลย
05:39
But the way we consume media today is such that there are no stopping cues.
138
339253
3750
แต่วิธีการเสพสื่อทุกวันนี้เป็นแบบที่ ไม่มีจุดเตือนให้หยุด
05:43
The news feed just rolls on,
139
343743
1575
ฝีดข่าวมันเลื่อนไปได้เรื่อย ๆ
05:45
and everything's bottomless: Twitter, Facebook, Instagram,
140
345342
3673
และทุกสิ่งไม่มีตอนจบ ทั้ง  twitter Facebook instagram
05:49
email, text messaging, the news.
141
349039
3142
อีเมล์ ข้อความสั้น หรือข่าว
05:52
And when you do check all sorts of other sources,
142
352205
2970
พอคุณเช็คจากทุกแหล่งข่าวแล้ว
05:55
you can just keep going on and on and on.
143
355199
2341
คุณก็ยังไปต่อได้อีกเรื่อย ๆ
05:57
So, we can get a cue about what to do from Western Europe,
144
357564
4410
เราอาจจะไปขอยืมจุดหยุดแบบที่ ทำกันในยุโรปตะวันตก
06:01
where they seem to have a number of pretty good ideas in the workplace.
145
361998
3401
ที่นั่นดูเหมือนจะมีไอเดียดี ๆ พวกนี้เยอะ ในที่ทำงาน
06:05
Here's one example. This is a Dutch design firm.
146
365423
2408
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่ง บริษัทออกแบบจากเนเธอแลนด์
06:07
And what they've done is rigged the desks to the ceiling.
147
367855
3386
ที่พวกเขาทำคือโยงโต๊ะทำงานเข้ากับเพดาน
06:11
And at 6pm every day,
148
371265
1152
และทุกวันตอน 6 โมงเย็น
06:12
it doesn't matter who you're emailing or what you're doing,
149
372441
2807
ไม่ว่าคุณกำลังตอบอีเมล์หรือทำอะไรก็ตาม
06:15
the desks rise to the ceiling.
150
375272
1477
โต๊ะทำงานจะถูกยกขึ้นไปติดเพดาน
06:16
(Laughter)
151
376773
1108
(เสียงหัวเราะ)
06:17
(Applause)
152
377905
1250
(เสียงปรบมือ)
06:19
Four days a week, the space turns into a yoga studio,
153
379179
4243
4 วันในสัปดาห์ พื้นที่ตรงนี้จะเปลี่ยนเป็น สตูดิโอโยคะ
06:23
one day a week, into a dance club.
154
383446
1631
1 วันจะเปลี่ยนเป็นคลับเต้นรำ
06:25
It's really up to you which ones you stick around for.
155
385101
2529
ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นคุณกำลังชอบอะไรกัน
06:27
But this is a great stopping rule,
156
387654
1687
นี่เป็นกฎการหยุดที่เยี่ยมไปเลย
06:29
because it means at the end of the day,
157
389365
1887
เพราะหมายความว่า เมื่อหมดวัน
06:31
everything stops, there's no way to work.
158
391276
2037
ทุกอย่างต้องหยุด ห้ามทำงานอีกต่อไป
06:33
At Daimler, the German car company, they've got another great strategy.
159
393337
3444
บริษัท Diamler ผู้ผลิตรถยนต์ที่เยอรมนี พวกเขามีกลยุทธ์ที่เยี่ยมพอ ๆ กัน
06:36
When you go on vacation,
160
396805
1530
เมื่อคุณพักผ่อนวันหยุด
06:38
instead of saying, "This person's on vacation,
161
398359
2204
แทนที่จะบอกว่า "คนนี้อยู่ระหว่างลาพักผ่อน
06:40
they'll get back to you eventually,"
162
400587
1723
พวกเขาจะกลับมาพบคุณในภายหลัง"
06:42
they say, "This person's on vacation, so we've deleted your email.
163
402334
3222
พวกเขากลับพูดว่า "บุคคลนี้กำลังลาพัก ดังนั้นเราจะลบอีเมล์ของคุณทิ้ง"
06:45
This person will never see the email you just sent."
164
405580
2646
"เขาจะไม่เห็นอีเมล์ที่คุณส่งมา"
06:48
(Laughter)
165
408250
1016
(เสียงหัวเราะ)
06:49
"You can email back in a couple of weeks,
166
409290
2641
"คุณจะตอบอีเมล์กลับในอีกสองสามสัปดาห์
06:51
or you can email someone else."
167
411955
1486
หรือจะเมล์ไปหาคนอื่นแทนก็ได้"
06:53
(Laughter)
168
413465
1028
(เสียงหัวเราะ)
06:54
And so --
169
414517
1172
ดังนั้นแล้ว
06:55
(Applause)
170
415713
3642
(เสียงปรบมือ)
07:00
You can imagine what that's like.
171
420702
1638
คุณนึกออกเลยล่ะสิว่ามันเป็นยังไง
07:02
You go on vacation, and you're actually on vacation.
172
422364
2458
ได้หยุดพักผ่อนที่เป็นการหยุดจริงๆ
07:04
The people who work at this company feel
173
424846
1969
คนทำงานที่บริษัทนี้รู้สึกว่า
07:06
that they actually get a break from work.
174
426839
2362
พวกเขาได้พักจากงานอย่างแท้จริง
07:09
But of course, that doesn't tell us much
175
429225
1917
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก
07:11
about what we should do at home in our own lives,
176
431166
2299
เรื่องที่ว่าเราจะทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่บ้าน
07:13
so I want to make some suggestions.
177
433489
1682
ดังนั้นผมจะให้คำแนะนำคร่าว ๆ
07:15
It's easy to say, between 5 and 6pm, I'm going to not use my phone.
178
435195
4493
การพูดว่าช่วง 5 ถึง 6 โมงเย็น ผมจะไม่ใช้โทรศัพท์ เป็นเรื่องง่าย
07:19
The problem is, 5 and 6pm looks different on different days.
179
439712
3431
ปัญหาคือ 5-6โมงเย็น แต่ละวันไม่เหมือนกัน
07:23
I think a far better strategy is to say,
180
443167
2187
ผมว่าทางที่ดีกว่าควรจะเป็นว่า
07:25
I do certain things every day,
181
445378
1469
ทุก ๆ วันผมทำหลายอย่างเลยครับ
07:26
there are certain occasions that happen every day,
182
446871
2354
มีหลายเรื่องที่เกิดขึ้น
07:29
like eating dinner.
183
449249
1259
เช่น ทานอาหารเย็น
07:30
Sometimes I'll be alone,
184
450532
1318
บางครั้งก็อยู่คนเดียว
07:31
sometimes with other people,
185
451874
1506
บางครั้งก็กับคนอื่น
07:33
sometimes in a restaurant,
186
453404
1279
บางทีก็ที่ร้านอาหาร
07:34
sometimes at home,
187
454707
1188
บ้างก็ที่บ้าน
07:35
but the rule that I've adopted is: I will never use my phone at the table.
188
455919
3646
แต่กฎที่ผมตั้งขึ้นมาคือ ผมจะไม่ใช้มือถือบนโต๊ะอาหาร
07:39
It's far away,
189
459943
1434
เอาไปไว้ให้ไกล
07:41
as far away as possible.
190
461401
1461
ไกลเท่าที่จะไกลได้
07:42
Because we're really bad at resisting temptation.
191
462886
2309
เพราะเราต้านทานความอยากได้ไม่ดีเท่าไร
07:45
But when you have a stopping cue that, every time dinner begins,
192
465219
3071
แต่เมื่อมีจุดเตือนให้หยุด เช่นตอนเริ่มมื้อเย็น
07:48
my phone goes far away,
193
468314
1156
มือถือผมจะไปอยู่ไกลตัว
07:49
you avoid temptation all together.
194
469494
1668
ทำให้ลดความปรารถนาไว้ได้
07:51
At first, it hurts.
195
471186
1717
แรก ๆ ก็ทำใจลำบากหน่อย
07:52
I had massive FOMO.
196
472927
1622
ผมนี่กังวลสุด ๆ ไปเลย
07:54
(Laughter)
197
474573
1066
(เสียงหัวเราะ)
07:55
I struggled.
198
475663
1166
ถึงขั้นต้องดิ้นรน
07:57
But what happens is, you get used to it.
199
477189
1930
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณจะชินไปเอง
07:59
You overcome the withdrawal the same way you would from a drug,
200
479143
3098
เราเอาชนะอาการลงแดงได้ แบบเดียวกับการหยุดใช้ยา
08:02
and what happens is, life becomes more colorful, richer,
201
482265
2785
และสิ่งที่เกิดขึ้นอีกคือ ชีวิตมีสีสัน รุ่มรวย
08:05
more interesting --
202
485074
1155
และน่าสนใจมากขึ้น
08:06
you have better conversations.
203
486253
1650
คุณมีบทสนทนาที่ดีกว่าเดิม
08:07
You really connect with the people who are there with you.
204
487927
3024
คุณเชื่อมต่อกับผู้คนที่อยู่รอบตัวคุณ
08:10
I think it's a fantastic strategy,
205
490975
1644
ผมว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่น่าอัศจรรย์
08:12
and we know it works, because when people do this --
206
492643
2489
และเรารู้ว่ามันได้ผล เพราะคนที่ทำเช่นนี้
08:15
and I've tracked a lot of people who have tried this --
207
495156
2590
ผมตามเก็บข้อมูลคนที่ทดลองจำนวนมาก
08:17
it expands.
208
497770
1170
มันขยายไปสู่เวลาอื่น
08:18
They feel so good about it,
209
498964
1316
พวกเขารู้สึกดีต่อเรื่องนี้
08:20
they start doing it for the first hour of the day in the morning.
210
500304
3092
พวกเขาเริ่มมันตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน
08:23
They start putting their phones on airplane mode on the weekend.
211
503420
3125
พวกเขาเริ่มเปิดโหมดเครื่องบิน ในช่วงสุดสัปดาห์
08:26
That way, your phone remains a camera, but it's no longer a phone.
212
506569
3737
ทำแบบนี้ทำให้มือถือคุณยังใช้เป็นกล้องได้ แต่มันจะโทรเข้าโทรออกไม่ได้
08:30
It's a really powerful idea,
213
510330
1335
นี่เป็นความคิดที่มีพลังมาก
08:31
and we know people feel much better about their lives when they do this.
214
511689
3629
และรู้ว่าผู้คนรู้สึกดีขึ้นกับชีวิต เมื่อทำแบบนี้
08:35
So what's the take home here?
215
515793
1589
งั้นสิ่งที่จะได้ไปวันนี้คืออะไร
08:37
Screens are miraculous; I've already said that,
216
517406
2239
หน้าจอมันมหัศจรรย์ ผมบอกเรื่องนี้ไปแล้ว
08:39
and I feel that it's true.
217
519669
1352
ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องจริง
08:41
But the way we use them is a lot like driving down a really fast, long road,
218
521045
4620
แต่วิธีที่เราใช้มันนั้นเหมือนกับ ขับรถไปอย่างรวดเร็วบนถนนที่ยาวไกล
08:45
and you're in a car where the accelerator is mashed to the floor,
219
525689
3163
และคุณอยู่บนรถที่คันเร่งเหยียบมิดติดพื้น
08:48
it's kind of hard to reach the brake pedal.
220
528876
2048
มันก็เลยยากที่จะไปแตะเบรก
08:50
You've got a choice.
221
530948
1492
คุณมีทางเลือก
08:53
You can either glide by, past, say, the beautiful ocean scenes
222
533330
4163
คุณทำได้ทั้งร่อนถลาผ่านวิวทะเลอันสวยงาม
08:57
and take snaps out the window -- that's the easy thing to do --
223
537517
3096
แล้วถ่ายรูปผ่านหน้าต่าง มันง่ายจะตายไป
09:00
or you can go out of your way to move the car to the side of the road,
224
540637
3540
หรือคุณจะไปบนทางของตัวเอง เพื่อจะ
09:04
to push that brake pedal,
225
544201
1472
แตะเบรก
09:05
to get out,
226
545697
1153
เพื่อออกไปข้างนอก
09:06
take off your shoes and socks,
227
546874
1881
ถอดรองเท้า ถุงเท้า
09:08
take a couple of steps onto the sand,
228
548779
2265
ลองเดินไปบนเม็ดทราย
09:11
feel what the sand feels like under your feet,
229
551068
2240
สัมผัสความรู้สึกของทรายใต้ฝ่าเท้า
09:13
walk to the ocean,
230
553332
1151
เดินไปสู่น้ำทะเล
09:14
and let the ocean lap at your ankles.
231
554507
2113
ให้น้ำทะเลได้สาดซัดมาโดนคุณ
09:17
Your life will be richer and more meaningful
232
557027
2815
ชีวิตจะรุ่มรวยและมีคุณค่ายิ่งขึ้น
09:19
because you breathe in that experience,
233
559866
2218
เพราะคุณมีประสบการณ์นั้นด้วยตนเอง
09:22
and because you've left your phone in the car.
234
562108
2396
และเพราะคุณทิ้งโทรศัพท์ไว้ในรถด้วย
09:24
Thank you.
235
564528
1171
ขอบคุณครับ
09:25
(Applause)
236
565723
2301
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7