Why we love, why we cheat | Helen Fisher

Translator: Karen Iguchi Reviewer: Payungsak Kaenchan

I'd like to talk today about the two biggest social trends

สิ่งที่ดิฉันพูดในวันนี้เกี่ยวกับแนวโน้ม ทางสังคมที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสองอย่าง

in the coming century,

ในศตวรรษที่กำลังจะมาถึงนี้

and perhaps in the next 10,000 years.

และบางทีในอีก 10,000 ปีข้างหน้า

But I want to start with my work on romantic love,

แต่ดิฉันอยากจะเริ่มที่งานของชั้น เรื่องความรักโรแมนติกก่อน

because that's my most recent work.

เพราะเป็นงานส่วนใหญ่ ของดิฉันในเร็วๆนี้

What I and my colleagues did was put 32 people, who were madly in love,

สิ่งที่ดิฉันและเพื่อนร่วมงานทำคือนำ คน 32 คนซึ่งกำลังตกหลุมรักอย่างบ้าคลั่ง

into a functional MRI brain scanner.

มาทดสอบผ่านเครื่องสแกนสมอง

17 who were madly in love and their love was accepted;

มี 17 คนที่กำลังตกหลุมรัก และความรักได้รับรักตอบ

and 15 who were madly in love and they had just been dumped.

กับ 15 คนที่ก็ตกหลุมรักเช่นกัน แต่พวกเค้าเพิ่งถูกปฏิเสธมา

And so I want to tell you about that first,

ดิฉันจึงต้องบอกคุณ เกี่ยวกับข้อมูลนี้ก่อน

and then go on into where I think love is going.

แล้วค่อยพาคุณไปที่ๆ ดิฉันคิดว่า ความรักดำเนินไป

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

"What 'tis to love?" Shakespeare said.

"ความรักคืออะไร? " เช็กเสปียร์กล่าว

I think our ancestors --

ดิฉันคิดว่าบรรพบุรุษของเรา --

I think human beings have been wondering about this question

ดิฉันคิดว่ามนุษยชาติ ได้ขบคิดเกี่ยวกับปัญหานี้

since they sat around their campfires

ตั้งแต่พวกเค้านั่งล้อมรอบกองไฟ

or lay and watched the stars a million years ago.

หรือเหยียดตัวลงมองดวงดาว เมื่อหลายล้านปีก่อน

I started out by trying to figure out what romantic love was

ดิฉันเริ่มจากการพยายามคิดว่าอะไร คือความรักแบบโรแมนติก

by looking at the last 45 years of the psychological research

โดยการศึกษางานวิจัยทางจิตวิทยา ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา

and as it turns out,

ผลปรากฏว่า

there's a very specific group of things that happen when you fall in love.

มีบางสิ่งบางอย่างที่ชัดเจนอย่างมาก เกิดขึ้นเมื่อคุณตกหลุมรัก

The first thing that happens is,

สิ่งแรกที่เกิดขึ้นคือ

a person begins to take on what I call, "special meaning."

คนๆ นั้นเริ่มมีลักษณะที่ดิฉันเรียกว่า "ความหมายพิเศษ"

As a truck driver once said to me,

เหมือนที่คนขับรถบรรทุกเคยพูดว่า

"The world had a new center, and that center was Mary Anne."

"โลกมีจุดศูนย์กลางใหม่และ จุดศุนย์กลางนั้นคือ แมรี่ แอน"

George Bernard Shaw said it differently.

จอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ พูดไว้อีกว่า

"Love consists of overestimating the differences

"ความรักประกอบไปด้วย การมองเห็นความแตกต่าง

between one woman and another."

ระหว่างผู้หญิงคนหนึ่ง กับอีกคนหนึ่ง"

And indeed, that's what we do.

และแน่นอน มันคือสิ่งที่พวกเราทำ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And then you just focus on this person.

และหลังจากนั้นคุณก็ สนใจอยู่กับแค่คนๆเดียว

You can list what you don't like about them,

คุณสามารถร่ายรายการ สิ่งที่คุณไม่ชอบเกี่ยวกับเขาได้

but then you sweep that aside and focus on what you do.

แต่หลังจากนั้นคุณเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านั้น และพุ่งความสนใจกับสิ่งที่คุณทำอยู่

As Chaucer said, "Love is blind."

เหมือนที่ชอเซอร์พูด "ความรักนั้นมืดบอด"

In trying to understand romantic love,

ในการพยายามที่จะเข้าใจความรักแบบโรแมนติก

I decided I would read poetry from all over the world,

ดิฉันตัดสินใจว่าจะอ่านบทกวีจากทั่วโลก

and I just want to give you one very short poem

และดิฉันอยากให้คุณ ฟังกลอนสั้นๆ บทหนึ่ง

from eighth-century China,

จากประเทศจีนในศตวรรษที่ 18

because it's an almost perfect example

เพราะมันเป็นตัวอย่าง ที่แทบจะสมบูรณ์แบบ

of a man who is focused totally on a particular woman.

ของผู้ชายที่มุ่งความสนใจ ทั้งหมดไปที่ผู้หญิงคนหนึ่ง

It's a little bit like when you are madly in love with somebody

มันคล้ายๆ กับตอนที่คุณตกหลุมรัก อย่างบ้าคลั่งกับใครบางคน

and you walk into a parking lot --

และเมื่อคุณเดินไปที่ลานจอดรถ--

their car is different from every other car in the parking lot.

รถของเค้าต่างจาก รถทุกคันอื่นๆในลานจอดรถ

Their wine glass at dinner

แก้วไวน์มื้อเย็นของพวกเขา

is different from every other wine glass at the dinner party.

แตกต่างจากแก้วไวน์แก้วอื่นๆ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ

And in this case, a man got hooked on a bamboo sleeping mat.

และในกรณีนี้ ผู้ชายคนนี้ตกอยู่ในภวังค์ ล้มนอนบนผืนเสื่อไม้ไผ่

And it goes like this.

และมันก็เป็นไปเช่นนี้

It's by a guy called Yuan Zhen.

เขียนโดยชายคนหนึ่งชื่อ หยวนเจิน

"I cannot bear to put away the bamboo sleeping mat.

"ผมไม่สามารถละกายจากเสื่อไม้ไผ่ได้

The night I brought you home, I watched you roll it out."

ในคืนที่ผมพาคุณมาบ้าน ผมมองคุณคลี่ม้วนเสื่อออกมา"

He became hooked on a sleeping mat,

เค้าเกิดตกหลุมรักกับเสื่อ

probably because of elevated activity of dopamine in his brain,

น่าจะเป็นเพราะกิจกรรมที่ยกระดับ โดปามีนภายในสมองของเค้า

just like with you and me.

เหมือนๆ กับคุณและดิฉัน

But anyway, not only does this person take on special meaning,

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่คนๆ นี้ที่มี ลักษณะของความหมายพิเศษ

you focus your attention on them.

คุณมุ่งความสนใจของคุณไปที่พวกเค้า

You aggrandize them.

คุณยกยอเค้า

But you have intense energy.

แต่คุณมีพลังอันแรงกล้า

As one Polynesian said, "I felt like jumping in the sky."

เหมือนที่ชาวพอลินีเชียกล่าวไว้ "ฉันรู้สึกเหมือนกระโดดบนท้องฟ้าได้"

You're up all night. You're walking till dawn.

คุณตื่นได้ทั้งคืน คุณเดินได้จนถึงรุ่งเช้า

You feel intense elation when things are going well;

คุณรู้สึกปิติยินดีอย่างมาก เมื่อสิ่งต่างๆ เป็นไปด้วยดี

mood swings into horrible despair when things are going poorly.

ความรู้สึกเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังอย่าง รุนแรงเมื่อสิ่งต่างๆ แย่ลง

Real dependence on this person.

ขึ้นอยู่กับคนๆ นั้นอย่างสมบูรณ์

As one businessman in New York said to me,

เหมือนกับที่นักธุรกิจคนหนึ่ง ในนิวยอร์กพูดกับดิฉัน

"Anything she liked, I liked."

"ผมชอบทุกอย่างที่เธอชอบ"

Simple. Romantic love is very simple.

เรียบง่าย ความรักโรแมนติกนั้นเรียบง่ายมาก

You become extremely sexually possessive.

คุณจะมีความรู้สึกหึงหวงทางเพศอย่างรุนแรง

You know, if you're just sleeping with somebody casually,

คุณก็รู้ ถ้าคุณแค่นอนกับ ใครบางคนเป็นบางครั้ง

you don't really care if they're sleeping with somebody else.

คุณไม่ค่อยสนใจต่อให้พวกเค้าจะนอนกับคนอื่น

But the moment you fall in love,

แต่ในช่วงเวลาที่คุณตกหลุมรัก

you become extremely sexually possessive of them.

คุณจะรู้สึกหึงหวงทางเพศ อย่างรุนแรงกับพวกเค้า

I think there's a Darwinian purpose to this.

ดิฉันคิดว่าตามวัตถุประสงค์ของทฤษฏีดาร์วิน

The whole point of this is to pull two people together

ทั้งหมดนี้คือเพื่อดึงดูดให้ คนสองคนอยู่ด้วยกัน

strongly enough to begin to rear babies as a team.

มากพอที่จะเลี้ยงเด็กเป็นทีมได้

But the main characteristics of romantic love are craving:

แต่อีกคุณลักษณะหลักของ รักแบบโรแมนติกคือ ความอยาก

an intense craving to be with a particular person,

เป็นความกระหายอย่างรุนแรง ที่จะอยู่กับคนๆ หนึ่ง

not just sexually, but emotionally.

ไม่ใช่แค่ในทางเพศแต่ในทางด้านอารมณ์

It would be nice to go to bed with them,

มันคงจะดีถ้าได้นอนกับพวกเค้า

but you want them to call you on the telephone, to invite you out, etc.,

แต่คุณอยากให้พวกเค้าโทรหาคุณ ทางโทรศัพท์เพื่อชวนคุณออกไปเที่ยว ฯลฯ

to tell you that they love you.

และบอกคุณว่าพวกเค้ารักคุณ

The other main characteristic is motivation.

คุณลักษณะใหญ่ๆอีกอย่างคือ แรงจูงใจ

The motor in the brain begins to crank, and you want this person.

มอเตอร์ในสมองเริ่มจะหมุน และคุณต้องการคนนี้

And last but not least, it is an obsession.

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือ ความหมกหมุ่น

Before I put these people in the MRI machine,

ก่อนที่ดิฉันจะเอาคนพวกนี้ เข้าไปในเครื่องสแกนสมอง

I would ask them all kinds of questions.

ดิฉันจะถามคำถามเหล่านี้ทั้งหมดกับพวกเค้า

But my most important question was always the same.

แต่คำถามที่สำคัญที่สุดของดิฉัน มักจะเหมือนเดิม

It was: "What percentage of the day and night do you think about this person?"

มันคือ "คุณคิดถึงคนๆนั้นกี่เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเช้าและเย็น"

And indeed, they would say,

และแน่นอน พวกเค้าจะตอบว่า

"All day. All night.

"ทั้งวันทั้งคืน

I can never stop thinking about him or her."

ชั้นไม่สามารถหยุดคิดถึงเค้าหรือเธอได้เลย"

And then, the very last question --

และคำถามสุดท้าย--

I would always have to work myself up to this question,

ดิฉันมักจะต้องขบคิดถึงปัญหานี้เสมอ

because I'm not a psychologist.

เพราะว่าดิฉันไม่ใช่นักจิตวิทยา

I don't work with people in any kind of traumatic situation.

ดิฉันไม่ได้ทำงานกับ ผู้คนที่มีบาดแผลทางใจใดๆ

My final question was always the same.

คำถามสุดท้ายของดิฉันส่วนใหญ่เหมือนเดิม

I would say, "Would you die for him or her?"

ดิฉันจะพูดว่า "คุณจะยอมตายเพื่อเค้าหรือเธอไหม? "

And, indeed, these people would say "Yes!"

และแน่นอนผู้คนเหล่านั้นจะพูดว่า "ใช่!"

as if I had asked them to pass the salt.

เหมือนกับดิฉันแค่ขอพวกเค้าให้ส่งเกลือมา

I was just staggered by it.

เรื่องนี้ทำให้ดิฉันประหลาดใจ

So we scanned their brains,

ดังนั้นเราจึงสแกนสมองของเค้า

looking at a photograph of their sweetheart

ขณะกำลังมองรูปถ่ายหวานใจของพวกเค้า

and looking at a neutral photograph,

และขณะกำลังมองที่รูปถ่ายปกติ

with a distraction task in between.

โดยมีงานที่เบี่ยงเบนความสนใจคั่นกลาง

So we could look at the same brain when it was in that heightened state

ทำให้เราสามารถศึกษาสมอง เมื่ออยู่ในสภาวะถูกกระตุ้น

and when it was in a resting state.

และเมื่อมันอยู่ในสภาวะปกติ

And we found activity in a lot of brain regions.

และเราค้นพบปฏิกริยามากมายในบริเวณสมอง

In fact, one of the most important was a brain region

อันที่จริง หนึ่งในสิ่งที่สำคัญ ที่สุดคือ บริเวณสมอง

that becomes active when you feel the rush of cocaine.

จะเกิดตื่นตัวขึ้นเมื่อ คุณเสพโคเคน

And indeed, that's exactly what happens.

และแน่นอน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ

I began to realize that romantic love is not an emotion.

ดิฉันเริ่มตระหนักได้ว่าความรัก แบบโรแมนติกนั้นไม่ใช่ความรู้สึก

In fact, I had always thought it was a series of emotions,

จริงแล้วๆ ดิฉันคิดมาตลอด ว่ามันคือชุดของอารมณ์ที่ต่อเนื่องกัน

from very high to very low.

จากสูงมากไปจนถึงต่ำมาก

But actually, it's a drive.

แต่จริงๆแล้วมันคือแรงกระตุ้น

It comes from the motor of the mind,

ซึ่งมาจากมอเตอร์ของจิตใจ

the wanting part of the mind, the craving part of the mind.

ส่วนของใจที่เป็นความต้องการ ส่วนของใจที่เป็นความอยาก

The kind of part of the mind

บริเวณนั้นของจิตใจ

when you're reaching for that piece of chocolate,

เมื่อคุณกำลังจะเอื้อมถึง ช็อกโกแล็ตชิ้นนั้น

when you want to win that promotion at work.

เมื่อคุณปรารถนา อยากเลื่อนตำแหน่งที่ทำงาน

The motor of the brain.

มอเตอร์ในสมอง

It's a drive.

คือความต้องการ

And in fact, I think it's more powerful than the sex drive.

อันที่จริง ดิฉันคิดว่ามันมีพลังมากกว่า ความต้องการทางเพศ

You know, if you ask somebody to go to bed with you,

รู้ไหม ถ้าคุณขอให้ใครสักคนนอนกับคุณ

and they say, "No, thank you,"

และพวกเค้าพูดว่า "ไม่ ขอบคุณ"

you certainly don't kill yourself or slip into a clinical depression.

แน่นอนว่าคุณคงไม่ฆ่าตัวตาย หรือเป็นโรคซึมเศร้า

But certainly, around the world,

แต่แน่นอน ใครๆ ก็ตามในโลก

people who are rejected in love will kill for it.

ที่ถูกปฏิเสธในความรัก จะยอมทำทุกอย่างเพื่อความรัก

People live for love.

คนเราอยู่เพื่อความรัก

They kill for love.

คนเรายอมฆ่าเพื่อความรัก

They die for love.

คนเรายอมแม้แต่จะตายเพื่อความรัก

They have songs, poems, novels,

พวกเขามีเพลง, บทกวี, นิยาย,

sculptures, paintings, myths, legends.

รูปปั้น, รูปวาด, เทพนิยาย, ตำนาน

In over 175 societies,

ในมากกว่า 175 สังคมวัฒนธรรม

people have left their evidence of this powerful brain system.

คนเราได้ทิ้งหลักฐาน ของระบบสมองอันทรงพลังนี้

I have come to think

ดิฉันคิดว่า

it's one of the most powerful brain systems on Earth

มันเป็นหนึ่งในระบบสมอง ที่ทรงพลังที่สุดในโลกใบนี้

for both great joy and great sorrow.

อันนำมาซึ้งความปีติยินดี และความโศกเศร้า

And I've also come to think

และดิฉันก็เริ่มคิดว่า

that it's one of three basically different brain systems

มันคือหนึ่งในสามระบบสมองที่แตกต่างกัน

that evolved from mating and reproduction.

ที่วิวัฒนาการมาจาก การหาคู่และสืบพันธุ์

One is the sex drive: the craving for sexual gratification.

อยากแรกคือความต้องการทางเพศ ความกระหายในความพึงพอใจทางเพศ

W.H. Auden called it an "intolerable neural itch,"

ดับบิว. เอช. ออร์เดน เรียกมันว่า "ความปรารถนาทางระบบประสาทที่ยากต้านทาน"

and indeed, that's what it is.

และแน่นอน มันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

It keeps bothering you a little bit, like being hungry.

มันอาจรบกวนจิตใจคุณอยู่บ้าง เหมือนเวลาคุณหิว

The second of these three brain systems is romantic love:

อยากที่สองจากระบบสมองสามแบบ คือ ความรักโรแมนติก

that elation, obsession of early love.

ความอิ่มอกอิ่มใจ ความหมกหมุ่นในรักระยะแรก

And the third brain system is attachment:

และระบบสมองแบบที่สาม คือความผูกพันทางอารมณ์

that sense of calm and security you can feel for a long-term partner.

ความรู้สึกสงบและปลอดภัยที่คุณ สัมผัสได้จากคู่ครองที่อยู่กันมานาน

And I think that the sex drive evolved to get you out there,

และดิฉันคิดว่าความต้องการ ทางเพศพัฒนาให้เราหลุดจากจุดนั้นได้

looking for a whole range of partners.

และมองหาคู่ที่หลากหลายขึ้นได้

You can feel it when you're just driving along in your car.

คุณสามารถสัมผัสมันได้แม้แต่ ตอนที่คุณกำลังขับรถอยู่

It can be focused on nobody.

คุณไม่สามารถสนใจใครได้

I think romantic love evolved to enable you to focus your mating energy

ดิฉันคิดว่าความรักโรแมนติกพัฒนาขึ้นมา เพื่อให้เราสามารถทุ่มเทพลังงานทางเพศ

on just one individual at a time,

ให้กับแค่คนๆ เดียวในเวลานั้น

thereby conserving mating time and energy.

ด้วยการเก็บเวลาและพลังงาน ที่ใช้ในการสืบพันธ์ุ

And I think that attachment, the third brain system,

และดิฉันคิดว่าความผูกพันทางอารมณ์ ซึ่งคือระบบสมองแบบที่สาม

evolved to enable you to tolerate this human being

ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้คุณสามารถทนคนๆ นั้นได้

at least long enough to raise a child together as a team.

อย่างน้อยก็นานมากพอที่จะ มีทายาทและเลี้ยงดูเขาด้วยกันได้

So with that preamble,

และด้วยบทนำนี้

I want to go into discussing the two most profound social trends.

ดิฉันอยากจะพูดถึงแนวโน้ม ทางสังคมสองประเด็นที่ลึกซึ้งที่สุด

One of the last 10,000 years

ประเด็นแรกเกิดขึ้นเมื่อ 10,000 ปีก่อน

and the other, certainly of the last 25 years,

และอีกประเด็น แน่นอนว่าเมื่อ 25 ปีก่อน

that are going to have an impact on these three different brain systems:

ซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบสมอง ที่แตกต่างกันทั้งสามระบบ

lust, romantic love and deep attachment to a partner.

ความใคร่,ความรักโรแมนติก และความผูกพันทางอารมณ์ที่รุนแรงต่อคู่รัก

The first is women working, moving into the workforce.

อย่างแรกคือผู้หญิงจะทำงานมากขึ้น เข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น

I've looked at 130 societies

ดิฉันได้ศึกษาจาก 130 สังคมวัฒนธรรม

through the demographic yearbooks of the United Nations.

ผ่านทางรายงานสำรวจสถิติประชากร ประจำปีของสหประชาชาติ

Everywhere in the world, 129 out of 130 of them,

ทุกหนทุกแห่งทั่วโลก 129 จากทั้งหมด 130 แห่ง

women are not only moving into the job market --

ผู้หญิงไม่ได้แค่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน--

sometimes very, very slowly, but they are moving into the job market --

บางครั้งถึงแม้จะช้า ช้ามากๆ ก็ตาม แต่พวกเธอกำลังค่อยๆ เข้าสู่ตลาดแรงงาน

and they are very slowly closing that gap between men and women

และพวกเธอกำลังลดช่องว่างระหว่าง ผู้หญิงและผู้ชายอย่างช้าๆ

in terms of economic power, health and education.

ในแง่ของอำนาจทางเศรษฐกิจ,สุขภาพและการศึกษา

It's very slow.

มันช้ามาก

For every trend on this planet, there's a counter-trend.

สำหรับทุกกระแสบนโลกใบนี้ ย่อมมีกระแสต่อต้าน

We all know of them, but nevertheless --

เรารับรู้ทุกอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม

the Arabs say, "The dogs may bark, but the caravan moves on."

ชาวอาหรับกล่าวว่า "ถึงหมาจะเห่า แต่กองคาราวานยังคงเดินหน้าต่อไป"

And, indeed, that caravan is moving on.

และแน่นอน กองคาราวานกำลังเดินหน้าอยู่

Women are moving back into the job market.

ผู้หญิงกำลังมุ่งกลับสู่ตลาดแรงงาน

And I say back into the job market, because this is not new.

และดิฉันพูดว่ากลับสู่ตลาดแรงาน เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่

For millions of years, on the grasslands of Africa,

เมื่อหลายล้านปีก่อน ในทุ่งหญ้าแอฟริกา

women commuted to work to gather their vegetables.

ผู้หญิงเดินทางไปทำงานเพื่อเก็บพืชผัก

They came home with 60 to 80 percent of the evening meal.

พวกเธอกลับบ้านพร้อมกับ 60 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของอาหารมื้อเย็น

The double income family was the standard.

ครอบครัวที่มีรายได้สองทางถือเป็นมาตรฐาน

And women were regarded as just as economically,

และผู้หญิงถูกยกย่องว่า ทรงประสิทธิภาพทางด้านเศรษฐกิจ

socially and sexually powerful as men.

สังคมและเพศเท่าเทียมกับผู้ชาย

In short, we're really moving forward to the past.

สรุปสั้นๆ คือเรากำลังมุ่งหน้าไปหาอดีต

Then, women's worst invention was the plow.

และสิ่งประดิษฐ์ที่แย่ที่สุด สำหรับผู้หญิงคือ คันไถ

With the beginning of plow agriculture, men's roles became extremely powerful.

เมื่อมีการทำเกษตรกรรมโดยใช้คันไถ บทบาทของผู้ชายเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น

Women lost their ancient jobs as collectors,

ผู้หญิงสูญเสียอาชีพที่มีมาแต่โบราณ ในฐานะคนรวบรวมอาหาร

but then with the industrial revolution and the post-industrial revolution

แต่หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และการปฏิวัติหลังการอุตสาหกรรม

they're moving back into the job market.

พวกเธอมุ่งหน้ากลับไปยังตลาดแรงงาน

In short, they are acquiring the status that they had a million years ago,

พูดอย่างสั้นๆคือ พวกเธอจะได้รับสถานะ ที่เคยมีเมื่อล้านปีก่อน

10,000 years ago, 100,000 years ago.

หมื่นปีก่อน, แสนปีก่อน

We are seeing now one of the most remarkable traditions

ที่เราเห็นอยู่ ณ ตอนนี้ คือหนึ่งใน ธรรมเนียมปฏิบัติที่โดดเด่นที่สุด

in the history of the human animal.

ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

And it's going to have an impact.

และมันกำลังจะส่งผลกระทบ

I generally give a whole lecture

โดยปกติดิฉันจะบรรยาย

on the impact of women on the business community.

เรื่องผลกระทบของผู้หญิงต่อสังคมธุรกิจ

I'll say just a couple of things, and then go on to sex and love.

ดิฉันจะขอพูดบางอย่างก่อน แล้วค่อยไปเรื่องเพศสัมพันธ์กับความรัก

There's a lot of gender differences;

มีความแตกต่างทางเพศมากมาย

anybody who thinks men and women are alike

ใครก็ตามที่คิดว่าชาย และหญิงนั้นเหมือนกัน

simply never had a boy and a girl child.

แน่นอนว่าไม่เคยมีลูกชายหรือลูกสาวมาก่อน

I don't know why they want to think that men and women are alike.

และดิฉันไม่เข้าใจว่าทำไม พวกเค้าอยากคิดว่าชายและหญิงนั้นเหมือนกัน

There's much we have in common,

มีหลายอย่างที่เรามีเหมือนกัน

but there's a whole lot that we do not have in common.

แต่ก็มีสิ่งมากมายหลายอย่าง ที่เราไม่ได้มีเหมือนกัน

We are -- in the words of Ted Hughes,

พวกเราคือ-- จากคำพูดของเท็ด ฮิวจ์ส

"I think that we are like two feet. We need each other to get ahead."

"ผมคิดว่าเราเหมือนเท้าสองข้าง เราต้องการกันและกันเพื่อเดินไปข้างหน้า"

But we did not evolve to have the same brain.

แต่เราไม่ได้ผ่านวิวัฒนาการมา เพื่อมีสมองแบบเดียวกัน

And we're finding more and more gender differences in the brain.

และพวกเราค้นพบความต่างของ สมองระหว่างเพศมากขึ้น

I'll only just use a couple and then move on to sex and love.

ดิฉันจะพูดถึงบางส่วนแล้วค่อย เข้าสู่เรื่องเพศสัมพันธ์กับความรัก

One of them is women's verbal ability.

หนึ่งในนั้นคือทักษะในการใช้ภาษาของผู้หญิง

Women can talk.

ผู้หญิงสามารถพูดสื่อสาร

Women's ability to find the right word rapidly, basic articulation

ทักษะของผู้หญิงที่คัดสรรคำที่เหมาะสม ถูกต้องได้อย่างรวดเร็ว

goes up in the middle of the menstrual cycle,

ยิ่งพัฒนาดีขึ้นระหว่าง สภาวะการมีประจำเดือน

when estrogen levels peak.

เมื่อระดับของเอสโตรเจนพุ่งสูง

But even at menstruation, they're better than the average man.

แม้กระทั่งช่วงเวลาที่มีประจำเดือน พวกเธอยังทำได้ดีกว่าผู้ชายทั่วไป

Women can talk.

ผู้หญิงสื่อสารได้ดี

They've been doing it for a million years; words were women's tools.

พวกเธอทำอย่างนั้นมากกว่าล้านปี คำพูดคือเครื่องมือของผู้หญิง

They held that baby in front of their face,

พวกเธออุ้มทารกไว้แนบใบหน้า

cajoling it, reprimanding it, educating it with words.

เกลี้ยกล่อม ว่ากล่าว สั่งสอนด้วยคำพูด

And, indeed, they're becoming a very powerful force.

และแท้จริงแล้วมันได้กลายเป็น พลังที่มีอำนาจมาก

Even in places like India and Japan,

แม้กระทั่งดินแดนอย่างอินเดียและญี่ปุ่น

where women are not moving rapidly into the regular job market,

ที่ๆ ผู้หญิงไม่ได้มุ่งเข้า ตลาดแรงงานแบบปกติ

they're moving into journalism.

พวกเธอมุ่งเข้าสู่วงการนักเขียน

And I think that the television is like the global campfire.

และดิฉันคิดว่าโทรทัศน์นั้น เป็นเหมือนซุ้มกองไฟระดับโลก

We sit around it and it shapes our minds.

เรานั่งล้อมรอบมันและ มันหล่อหลอมความคิดของเรา

Almost always, when I'm on TV, the producer who calls me,

เกือบทุกครั้งที่ดิฉันออกทีวี โปรดิวเซอร์ที่โทรหาดิฉัน

who negotiates what we're going to say,

คนที่เจรจาว่าเราจะพูดอะไรบ้าง

is a woman.

ก็คือผู้หญิง

In fact, Solzhenitsyn once said,

ความจริงแล้ว โซลเซนิตซิน เคยกล่าวไว้ว่า

"To have a great writer is to have another government."

"การที่จะมีนักเขียนที่ยอดเยี่ยม คือต้องมีรัฐบาลอีกชุดหนึ่ง"

Today 54 percent of people who are writers in America are women.

ปัจจุบันร้อนละ 54 ของนักเขียน ในแอฟริกาเป็นผู้หญิง

It's one of many, many characteristics that women have

เป็นหนึ่งในคุณลักษณะมากมายที่ผู้หญิงมี

that they will bring into the job market.

ซึ่งพวกเธอจะนำทักษะนี้เข้าสู่ตลาดแรงงาน

They've got incredible people skills, negotiating skills.

พวกเธอมีมนุษยสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยม มีทักษะการเจรจาต่อรอง

They're highly imaginative.

พวกเธอมีจินตนาการสูง

We now know the brain circuitry of imagination, of long-term planning.

ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคือวงจรสมองของ ความคิดสร้างสรรค์และการวางแผนระยะยาว

They tend to be web thinkers.

พวกเธอมีแนวโน้มจะเป็นนักคิดแบบเชื่อมโยง

Because the female parts of the brain are better connected,

เพราะว่าส่วนสมองของผู้หญิง เชื่อมต่อกันได้ดีกว่า

they tend to collect more pieces of data when they think,

พวกเธอมีแนวโน้มที่จะเก็บข้อมูลต่างๆ ได้มากกว่าเวลาคิด

put them into more complex patterns, see more options and outcomes.

นำข้อมูลมาประกอบเป็นรูปแบบที่ซับซ้อน เพื่อมองหาทางเลือกและผลลัพธ์ที่มากกว่า

They tend to be contextual, holistic thinkers,

พวกเธอมีแนวโน้มที่จะเป็น นักคิดแบบมององค์รวมและเชิงบริบท

what I call web thinkers.

ดิฉันเรียกว่านักคิดแบบเชื่อมโยง

Men tend to -- and these are averages --

ผู้ชายมักจะ -- ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว --

tend to get rid of what they regard as extraneous,

มักจะกำจัดสิ่งที่พวกเขาคิดว่า ไม่เกี่ยวข้องออกไป

focus on what they do,

จดจ่อกับสิ่งที่พวกเขาทำ

and move in a more step-by-step thinking pattern.

ดำเนินการทางความคิด เป็นลำดับขั้นตอนมากกว่า

They're both perfectly good ways of thinking.

ทั้งคู่เป็นวิธีการคิดที่ดีอยู่แล้ว

We need both of them to get ahead.

เราต้องการทั้งสองแบบ เพื่อที่จะเดินหน้าต่อได้

In fact, there's many more male geniuses in the world.

จริงๆ แล้ว ในโลกนี้มีคนอัจฉริยะ ที่เป็นผู้ชายมากกว่า

And there's also many more male idiots in the world.

และก็มีคนโง่ที่เป็นผู้ชายมากกว่าเช่นกัน

(Laughter)

(หัวเราะ)

When the male brain works well, it works extremely well.

ในตอนที่สมองผู้ชายทำงานได้ดี มันก็จะดีอย่างยอดเยี่ยม

And what I really think that we're doing is,

และสิ่งที่ดิฉันคิดว่าพวกเรากำลังทำอยู่คือ

we're moving towards a collaborative society,

พวกเรากำลังมุ่งไปสู่สังคมแห่งการร่วมมือกัน

a society in which the talents of both men and women

สังคมซึ่งความสามารถพิเศษ ของทั้งชายและหญิงนั้น

are becoming understood and valued and employed.

เป็นที่เข้าใจ ได้รับการยอมรับ และถูกนำไปประยุกต์ใช้

But in fact, women moving into the job market

แต่ในความจริงผู้หญิงที่กำลังมุ่งหน้า เข้าสู่ตลาดแรงงานนั้น

is having a huge impact on sex and romance and family life.

ส่งผลกระทบอย่างมากต่อเพศสัมพันธ์ และความรักในชีวิตครอบครัวอย่างใหญ่หลวง

Foremost, women are starting to express their sexuality.

ที่สำคัญที่สุด ผู้หญิงเริ่มที่จะ แสดงออกเรื่องทางเพศ

I'm always astonished when people come to me and say,

ดิฉันมักจะประหลาดใจเสมอ เมื่อมีคนเดินมาหาและพูดว่า

"Why is it that men are so adulterous?"

"ทำไมผู้ชายถึงเจ้าชู้จัง?"

"Why do you think more men are adulterous than women?"

"ทำไมคุณถึงคิดว่าผู้ชาย เจ้าชู้กว่าผู้หญิง?"

"Well, men are more adulterous!"

"ก็ผู้ชายเจ้าชู้มากกว่า!"

And I say, "Who do you think these men are sleeping with?"

ดิฉันก็เลยพูดว่า "คุณคิดว่าผู้ชายพวกนั้นนอนกับใครล่ะ? "

(Laughter)

(หัวเราะ)

And -- basic math!

และ-- คณิตคิดง่ายๆ!

Anyway.

อย่างไรก็ตาม

In the Western world,

ในโลกตะวันตก

women start sooner at sex, have more partners,

ผู้หญิงเริ่มมีเพศสัมพันธ์เร็วขึ้น มีคู่นอนเยอะขึ้น

express less remorse for the partners that they do,

แสดงความโรแมนติกน้อยกว่า ต่อคู่ที่มีความสัมพันธ์ด้วย

marry later, have fewer children,

แต่งงานช้า มีลูกน้อย

leave bad marriages in order to get good ones.

ทิ้งชีวิตแต่งงานแย่ๆ เพื่อแสวงหา ชีวิตแต่งงานที่ดีกว่า

We are seeing the rise of female sexual expression.

เรากำลังเห็นการแสดงออก เรื่องทางเพศของผู้หญิงที่เพิ่มมากขึ้น

And, indeed, once again we're moving forward to the kind of sexual expression

และแน่นอน อีกครั้งที่เรามุ่งหน้าสู่ การแสดงออกเรื่องทางเพศ

that we probably saw on the grasslands of Africa a million years ago,

แบบที่เราน่าจะเห็นในทุ่งหญ้า แอฟริกาเมื่อหลายล้านปีก่อน

because this is the kind of sexual expression that we see

เพราะนี่คือการแสดงออกทางเพศซึ่งเราจะเห็น

in hunting and gathering societies today.

ในสังคมของการล่าและเก็บเกี่ยวในปัจจุบัน

We're also returning to an ancient form of marriage equality.

เรากำลังย้อนกลับสู่รูปแบบโบราณ ของความเท่าเทียมการสมรส

They're now saying that the 21st century

ตอนนี้พวกเขาพูดกันว่าศตวรรษที่ 21

is going to be the century of what they call the "symmetrical marriage,"

กำลังจะเป็นศตวรรษที่เรียกว่ายุค "การสมรสแบบสมมาตร"

or the "pure marriage," or the "companionate marriage."

หรือ "การสมรสที่บริสุทธิ์" หรือ "การสมรสแบบเพื่อน"

This is a marriage between equals,

นี่เป็นการแต่งงานระหว่าง คู่รักที่เท่าเทียมกัน

moving forward to a pattern

ที่ต่างมุ่งหน้าสู่รูปแบบ

that is highly compatible with the ancient human spirit.

ที่สอดคล้องกับจิตวิญญาณอัน เก่าแก่ของมนุษย์

We're also seeing a rise of romantic love.

เรายังเห็นการเพิ่มขึ้นของ ความรักโรแมนติกด้วย

91 percent of American women and 86 percent of American men

ผู้หญิงอเมริกันร้อยละ 91 และผู้ชายอเมริกันร้อยละ 86

would not marry somebody who had every single quality

จะไม่แต่งงานกับคู่ที่มีทุกคุณสมบัติ

they were looking for in a partner,

ที่พวกเค้ามองหาในคู่ชีวิต

if they were not in love with that person.

ถ้าพวกเค้าไม่ได้ตกหลุมรักกับคนๆ นั้น

People around the world, in a study of 37 societies,

จากการศึกษาใน 37 สังคมวัฒนธรรม ผู้คนรอบโลก

want to be in love with the person that they marry.

ต้องการที่จะตกหลุมรักกับ คนที่พวกเค้าแต่งงานด้วย

Indeed, arranged marriages are on their way off this braid of human life.

ที่จริงการแต่งงานที่่ถูกวางแผนนั้น กำลังออกห่างจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของมนุษย์

I even think that marriages might even become more stable

ดิฉันถึงขั้นคิดว่าชีวิตแต่งงาน อาจจะเริ่มมั่นคงมากขึ้น

because of the second great world trend.

เพราะแนวโน้มทางสังคมอันที่สองนี้

The first one being women moving into the job market,

อย่างแรกคือการที่ผู้หญิงมุ่งหน้า เข้าสู่ตลาดแรงงาน

the second one being the aging world population.

อยากที่สองคือการโลกเรากำลัง กลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ

They're now saying that in America,

ตอนนี้พวกเขาพูดว่าที่อเมริกา

that middle age should be regarded as up to age 85.

วัยกลางคนควรไปหยุดอยู่ที่อายุ 85 ปี

Because in that highest age category of 76 to 85,

เพราะในช่วงอายุที่ มากที่สุดตั้งแต่ 76 ถึง 85 ปี

as much as 40 percent of people have nothing really wrong with them.

ร้อยละ 40 ของคนเหล่านั้น ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเลย

So we're seeing there's a real extension of middle age.

ดังนั้นเราจะเห็นช่วงอายุ ของคนวัยกลางคนที่ขยายกว้างขึ้น

For one of my books, I looked at divorce data in 58 societies.

จากหนังสือเล่มหนึ่งของดิฉัน ดิฉันศึกษาข้อมูลการหย่าร้างใน 58 สังคม

And as it turns out, the older you get, the less likely you are to divorce.

ผลปรากฏว่ายิ่งคุณอายุมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะมีแนวโน้มหย่าร้างน้อยลง

So the divorce rate right now is stable in America,

ดังนั้นตอนนี้อัตราการหย่าร้าง ในอเมริกานั้นคงที่

and it's actually beginning to decline.

และที่จริงแล้วมันเริ่มที่จะลดลง

It may decline some more.

มันอาจจะลดลงมากกว่านี้

I would even say that with Viagra,

ดิฉันจะพูดว่าถึงแม้ด้วยยาไวอากร้า

estrogen replacement, hip replacements

การรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน การผ่าตัดเปลี่ยนสะโพก

and the incredibly interesting women

และการที่ผู้หญิงทำตัวน่าสนใจขึ้น

-- women have never been as interesting as they are now.

ผู้หญิงไม่เคยน่าเป็นที่น่าสนใจ เท่านี้มาก่อน

Not at any time on this planet have women been so educated,

ไม่เคยมีช่วงไหนบนโลกใบนี้ ที่ผู้หญฺิงจะมีการศึกษา

so interesting, so capable.

น่าสนใจ มีความสามารถ

And so I honestly think that if there really was ever a time in human evolution

ดังนั้นดิฉันจึงคิดอย่างเชื่อมั่นว่า ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนในวิวัฒนาการมนุษย์

when we have the opportunity to make good marriages, that time is now.

ที่เราจะมีโอกาสสร้างการสมรสที่ดี ตอนนี้คือโอกาสนั้น

However, there's always kinds of complications in this.

อย่างไรก็ตาม มันมักจะมี ความซับซ้อนในเรื่องนี้

These three brain systems -- lust, romantic love and attachment --

ระบบสมองทั้งสามระบบนี้ ความต้องการทางเพศ ความรักโรแมนติกและความผูกพันธ์ทางอารมณ์

don't always go together.

ไม่ได้ไปด้วยกันเสมอไป

They can go together, by the way.

อย่างไรก็ดีพวกมันสามารถไปด้วยกันได้

That's why casual sex isn't so casual.

เซ็กส์ชั่วคราวจึงไม่ชั่วคราว

With orgasm you get a spike of dopamine.

เมื่อถึงจุดสุดยอด สารโดปามีนเพิ่มขึ้น

Dopamine's associated with romantic love,

โดปามีนเกี่ยวข้องกับความรักโรแมนติก

and you can just fall in love with somebody

และคุณสามารถตกหลุมรักใครสักคน

who you're just having casual sex with.

ที่คุณมีเซ็กส์แบบชั่วครั้งชั่วคราวได้

With orgasm, then you get a real rush of oxytocin and vasopressin --

เมื่อถึงจุดสุดยอด คุณจะรู้สึกถึง ออกซิโทซินและวาโซเพรสซินที่พุ่งพล่าน

those are associated with attachment.

พวกมันเกี่ยวข้องกับความผูกพันธ์ทางอารมณ์

This is why you can feel such a sense of cosmic union with somebody

นั่นคือสาเหตุว่าทำไมคุณสามารถสัมผัสถึง ความสัมพันธ์ระดับจักรวาลกับใครบางคน

after you've made love to them.

หลังจากที่คุณมีเพศสัมพันธ์กับพวกเขา

But these three brain systems: lust, romantic love and attachment,

แต่ระบบสมองทั้งสามระบบ ความต้องการทางเพศ ความรักโรแมนติกและความผูกพันธ์ทางอารมณ์

aren't always connected to each other.

ไม่ได้เชื่อมต่อกันตลอดเสมอไป

You can feel deep attachment to a long-term partner

คุณสามารถรู้สึกถึงความผูกพันธ์ทางอารมณ์ ที่ลึกซึ้งกับคู่ที่คบมานาน

while you feel intense romantic love for somebody else,

ในขณะที่คุณรู้สึกถึงความรักโรแมนติก อย่างรุนแรงกับคนอื่น

while you feel the sex drive for people unrelated to these other partners.

ในขณะที่คุณรู้สึกถึงความต้องการทางเพศ กับคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคู่อื่นๆ

In short, we're capable of loving more than one person at a time.

สรุปสั้นๆ คือ เราสามารถรักคนได้มากกว่า หนึ่งคนในเวลาเดียวกัน

In fact, you can lie in bed at night

ความจริงคือ คุณสามารถนอนอยู่บนเตียง

and swing from deep feelings of attachment for one person

และเปลี่ยนจากความความผูกพันทางอารมณ์ ต่อคนๆ หนึ่ง

to deep feelings of romantic love for somebody else.

ไปเป็นความรู้สึกรักโรแมนติก อย่างมากกับใครอีกคนหนึ่ง

It's as if there's a committee meeting going on in your head

เหมือนกับว่ามันมีการประชุม กรรมการเกิดขึ้นในหัวของคุณ

as you are trying to decide what to do.

ในขณะที่คุณพยายามตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร

So I don't think, honestly,

ดังนั้นตามสัตย์จริง ดิฉันไม่คิดว่า

we're an animal that was built to be happy;

พวกเราคือสัตว์ที่สร้างขึ้นมาให้มีความสุข

we are an animal that was built to reproduce.

พวกเราคือสัตว์ที่ถูกสร้าง ขึ้นมาเพื่อสืบพันธุ์

I think the happiness we find, we make.

ดิฉันคิดว่าความสุขที่เราตามหา เราเองที่เป็นคนสร้างขึ้น

And I think, however,

และอย่างไรก็ตาม ดิฉันคิดว่า

we can make good relationships with each other.

เราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างกันได้

So I want to conclude with two things.

ดังนั้นดิฉันจึงอยากสรุปสองประเด็น

I want to conclude with a worry,

ดิฉันอยากจะสรุปด้วยความห่วงใย

and with a wonderful story.

และด้วยเรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์

The worry is about antidepressants.

ข้อห่วงใยนั้นเกี่ยวกับ ยารักษาอาการซึมเศร้า

Over 100 million prescriptions of antidepressants

มีการออกใบสั่งยารักษาอาการซึมเศร้า มากกว่า 100 ล้านใบ

are written every year in the United States.

ทุกปีในประเทศสหรัฐอเมริกา

And these drugs are going generic.

และยาเหล่านี้เริ่มมีอยู่ทั่วไป

They are seeping around the world.

พวกมันแพร่กระจายไปทั่วโลก

I know one girl who's been on these antidepressants,

ดิฉันรู้จักเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ ยารักษาอาการซึมเศร้า

เอสเอสอาร์ไอ,ยาต้านความเศร้าซึ่ง ช่วยเพิ่มเซโรโทนิน ตั้งแต่เธออายุ 13 ปี

SSRIs, serotonin-enhancing antidepressants -- since she was 13.

She's 23. She's been on them ever since she was 13.

ตอนนี้เธออายุ 23 ปี เธอใช้มันมาตลอด ตั้งแต่เธออายุ 13 ปี

I've got nothing against people who take them short term,

ดิฉันไม่มีอะไรจะว่าคนที่ใช้มัน เป็นระยะเวลาสั้นๆ

when they're going through something horrible.

เมื่อพวกเค้าต้องผ่านเรื่องเลวร้าย

They want to commit suicide or kill somebody else.

หรือพวกเค้าอยากฆ่าตัวตายหรือฆ่าใครสักคน

I would recommend it.

ดิฉันก็จะแนะนำยานี้

But more and more people in the United States

แต่ผู้คนมากมายในประเทศสหรัฐอเมริกา

are taking them long term.

ใช้มันระยะยาว

And indeed, what these drugs do is raise levels of serotonin.

และแน่นอน สิ่งที่ยานี้ทำคือ เพิ่มระดับของเซโรโทนิน

And by raising levels of serotonin, you suppress the dopamine circuit.

และระดับของเซโรโทนินที่เพิ่มขึ้น จะไปยับยั้งวงจรไหลเวียนสารโดปามีน

Everybody knows that.

ทุกคนรู้เรื่องนี้

Dopamine is associated with romantic love.

โดปามีนนั้นสัมพันธ์กับความรักโรแมนติก

Not only do they suppress the dopamine circuit,

มันไม่ใช่แค่คุณยับยั้งวงจรโดปามีน

but they kill the sex drive.

แต่คุณทำลายความต้องการเพศ

And when you kill the sex drive, you kill orgasm.

และเมื่อคุณทำลายความต้องการทางเพศ คุณทำลายจุดสุดยอด

And when you kill orgasm,

และเมื่อคุณทำลายจุดสุดยอด

you kill that flood of drugs associated with attachment.

คุณทำลายสารเคมีมากมายที่ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทางอารมณ์

The things are connected in the brain.

สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับสมอง

And when you tamper with one brain system,

และเมื่อคุณยุ่งกับระบบสมองส่วนหนึ่ง

you're going to tamper with another.

คุณจะไปยุ่งกับส่วนอื่นๆด้วย

I'm just simply saying that a world without love is a deadly place.

ดิฉันแค่จะพูดว่าโลกที่ปราศจาก ความรักเป็นสถานที่ที่ปราศจากชีวิตชีวา

So now --

และตอนนี้

(Applause)

(ปรบมือ)

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

I want to end with a story.

ดิฉันอยากปิดท้ายด้วยเรื่องเล่า

And then, just a comment.

กับแค่คำแนะนำ

I've been studying romantic love and sex and attachment for 30 years.

ดิฉันได้ศึกษาเรื่องรักโรแมนติก เพศสัมพันธ์ และความยึดติดทางอารมณ์มา 30 ปี

I'm an identical twin; I am interested in why we're all alike.

ดิฉันเป็นแฝดเหมือน ดิฉันสนใจว่าอะไรทำให้เราเหมือนกัน

Why you and I are alike, why the Iraqis and the Japanese

ทำไมคุณกับดิฉันถึงเหมือนกัน ทำไมคนอิรักกับคนญี่ปุ่น

and the Australian Aborigines and the people of the Amazon River

คนเผ่าอะบอริจิน และคนจากลุ่มน้ำอเมซอน

are all alike.

ถึงเหมือนกัน

And about a year ago,

และประมาณปีที่แล้ว

an Internet dating service, Match.com, came to me

บริการจับคู่ทางอินเตอร์เน็ต ชื่อว่า แมตช์ดอตคอม ได้มาหาดิฉัน

and asked me if I would design a new dating site for them.

และถามดิฉันว่าดิฉันจะสามารถออกแบบ เว็บหาคู่อันใหม่ให้พวกเค้าได้ไหม

I said, "I don't know anything about personality. You know?

ดิฉันพูดว่า "คุณรู้ไหม? ชั้นไม่รู้อะไร เกี่ยวกับลักษณะนิสัยเลย

I don't know. Do you think you've got the right person?"

ไม่รู้สิ คุณคิดว่าคุณเลือกคนถูกแล้วเหรอ?"

They said, "Yes."

พวกเค้าพูดว่า "ถูกสิ'

It got me thinking about why it is that you fall in love

มันทำให้ดิฉันคิดว่าทำไมคุณถึงตกหลุมรัก

with one person rather than another.

กับคนๆ หนึ่งแทนที่จะเป็นอีกคน

That's my current project; it will be my next book.

นี่คือโครงงานปัจจุบันของดิฉัน มันจะเป็นหนังสือเล่มต่อไปของดิฉัน

There's all kinds of reasons

มีเหตุผลมากมาย

that you fall in love with one person rather than another.

ที่คุณจะตกหลุมรักใครสักคน แทนที่จะเป็นคนอื่น

Timing is important. Proximity is important.

จังหวะเวลานั้นสำคัญ ความใกล้ชิดก็สำคัญ

Mystery is important.

ความน่าค้นหาก็สำคัญ

You fall in love with somebody who's somewhat mysterious,

คุณตกหลุมรักคนที่ค่อนข้างน่าค้นหา

in part because mystery elevates dopamine in the brain,

บางส่วนเพราะว่าความน่าค้นหา เพิ่มสารโดปามีนในสมอง

probably pushes you over that threshold to fall in love.

อาจจกระตุ้นคุณให้ข้ามผ่าน เส้นกั้นบางๆ นั้นเพื่อตกหลุมรัก

You fall in love with somebody

คุณตกหลุมรักใครสักคน

who fits within what I call your "love map,"

คนที่เหมาะสมตรงกับสิ่งที่เรียกว่า "แผนผังรัก"

an unconscious list of traits

ซึ่งเป็นรายการของคุณลักษณะ

that you build in childhood as you grow up.

ที่คุณสร้างโดยไม่รู้ตัว ในวัยเด็กจนกระทั่งคุณโตขึ้น

And I also think that you gravitate to certain people,

และดิฉันก็คิดว่าคุณถูกดึงดูดเข้าหาคนบางคน

actually, with somewhat complementary brain systems.

ด้วยพลังของระบบสมองส่วนเสริม

And that's what I'm now contributing to this.

และนั่นคือสิ่งที่ดิฉันกำลังศึกษาอยู่

But I want to tell you a story, to illustrate.

แต่ดิฉันอยากเล่าเรื่อง เพื่อยกตัวอย่าง

I've been carrying on here about the biology of love.

ดิฉันได้กลับไปศึกษาต่อเกี่ยวกับ ชีววิทยาแห่งความรัก

I wanted to show you a little bit about the culture of it, too,

ดิฉันอยากจะแสดงอะไรเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมันเช่นกัน

the magic of it.

เวทมนต์ของมัน

It's a story that was told to me

ดิฉันรับฟังเรื่องเล่านี้มา

by somebody who had heard it just from one --

จากใครบางคนที่ก็ฟังมาจากอีกคนหนึ่ง

probably a true story.

น่าจะเป็นเรื่องจริง

It was a graduate student -- I'm at Rutgers and my two colleagues --

มีนักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่ง ดิฉันอยู่ ม.รัตเกอร์สกับเพื่อนร่วมงานสองคน

Art Aron is at SUNY Stony Brook.

อาเทอร์ อารอน อยู่ที่่ ม. ซูนี่ สโตนี่ บรูค

That's where we put our people in the MRI machine.

นั่นคือที่เราเอาคนของเราใส่เครื่องสแกนสมอง

And this graduate student was madly in love with another graduate student,

และนักศึกษาปริญญาโทหนุ่มคนนี้ตกหลุมรัก กับนักศึกษาปริญญาโทหญิงอีกคนหนึ่ง

and she was not in love with him.

แต่เธอไม่ได้ตกหลุมรักเขา

And they were all at a conference in Beijing.

และพวกเค้าทั้งหมดไปเจอกัน ที่งานประชุมที่ปักกิ่ง

And he knew from our work

และชายหนุ่มก็เคยผ่านตางานพวกเรามาก่อน

that if you go and do something very novel with somebody,

ว่าถ้าคุณไปทำดีกับใครบางตน

you can drive up the dopamine in the brain,

คุณสามารถเพิ่มระดับโดปามีนในสมองได้

and perhaps trigger this brain system for romantic love.

และบางทีอาจจะกระตุ้นระบบสมอง ส่วนที่เป็นความรักโรแมนติก

(Laughter)

(หัวเราะ)

So he decided he'd put science to work.

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจใช้ วิทยาศาสตร์เป็นตัวช่วย

And he invited this girl to go off on a rickshaw ride with him.

และเค้าได้เชิญผู้หญิงคนนั้น ไปนั่งรถสามล้อด้วยกัน

And sure enough -- I've never been in one,

และจะบอกว่า ดิฉันไม่เคยนั่งสามล้อ

but apparently they go all around the buses and the trucks

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพวกเขานั่ง ไปเจอทั้งรถบัสรถบรรทุก

and it's crazy and it's noisy and it's exciting.

มันบ้า หนวกหูและน่าตื่นเต้น

He figured that this would drive up the dopamine,

เค้าคิดว่านี่จะทำให้ ระดับโดปามีนสูงขึ้น

and she'd fall in love with him.

และเธอจะตกหลุมรักเขา

So off they go and she's squealing and squeezing him

ตอนที่พวกเค้านั่ง เธอร้องเสียงแหลมและบีบเค้าแน่น

and laughing and having a wonderful time.

ทั้งคู่หัวเราะและมีช่วงเวลาแสนวิเศษ

An hour later they get down off of the rickshaw,

ชั่วโมงต่อมาพวกเขา ลงจากรถสามล้อ

and she throws her hands up and she says,

เธอชูแขนขึ้นแล้วบอกเขาว่า

"Wasn't that wonderful?"

"สุดยอดไปเลยว่าไหม? "

And, "Wasn't that rickshaw driver handsome!"

กับ "คนขับรถสามล้อหล่อเนอะ!"

(Laughter)

(หัวเราะ)

(Applause)

(ปรบมือ)

นี่ละความมหัศจรรย์ของรัก!

There's magic to love!

(Applause)

(ปรบมือ)

But I will end by saying that millions of years ago,

แต่ดิฉันขอทิ้งท้ายว่า เมื่อหลายล้านปีก่อน

we evolved three basic drives:

เราวิวัฒนาการความต้องการ พื้นฐานสามอย่าง

the sex drive, romantic love

ความต้องการทางเพศ ความรักโรแมนติก

and attachment to a long-term partner.

และความผูกพันธ์ทางอารมณ์ กับคู่ที่อยู่ด้วยกันมานาน

These circuits are deeply embedded in the human brain.

ระบบเหล่านี้ถูกฝังลึกอยู่ในสมองของมนุษย์

They're going to survive as long as our species survives

มันจะคงอยู่นานเตราบเท่าที่ สปีชีส์ของเรายังอยู่รอด

on what Shakespeare called "this mortal coil."

เป็นสิ่งที่เชกสเปียร์เรียกว่า "ภาระของชีวิต"

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

Chris Anderson: Helen Fisher!

คริส แอนเดอร์สัน: เฮเลน ฟิชเชอร์!

(Applause)

(ปรบมือ)