How do you explain consciousness? | David Chalmers

Translator: aaaaaaaaa bbbbbbbbb Reviewer: Suppadej Mahapokai

Right now

ตอนนี้

you have a movie playing inside your head.

คุณมีหนังที่กำลังฉายอยู่ในหัวของคุณ

It's an amazing multi-track movie.

มันเป็นหนังที่มีหลายบทบาทซ้อนกัน

It has 3D vision and surround sound

เป็นหนังสามมิติ และมีเสียงรอบทิศทาง

for what you're seeing and hearing right now,

สำหรับสิ่งที่คุณกำลังดูและฟังอยู่ตอนนี้

but that's just the start of it.

แต่มันเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นแหละ

Your movie has smell and taste and touch.

หนังของคุณมีทั้งกลิ่น รสชาติและสัมผัสได้

It has a sense of your body,

มันรับรู้ได้โดยร่างกายคุณ

pain, hunger, orgasms.

ความเจ็บปวด ความหิวกระหาย จุดสุดยอด

It has emotions,

มีอารมณ์ต่างๆ

anger and happiness.

ความโกรธและความสุข

It has memories, like scenes from your childhood

มันมีความทรงจำ เหมือนกับฉากในวัยเด็กของคุณ

playing before you.

เล่นอยู่ในหัวของคุณ

And it has this constant voiceover narrative

และมันยังมีเสียงพากย์

in your stream of conscious thinking.

ในความคิดของคุณตลอดด้วยครับ

At the heart of this movie is you

หัวใจของหนังเรื่องนี้คือคุณ

experiencing all this directly.

คุณกำลังเผชิญหน้ากับมันโดยตรง

This movie is your stream of consciousness,

หนังเรื่องนี้คือกระแสสติสัมปชัญญะ ของคุณครับ

the subject of experience

เป็นประสบการณ์

of the mind and the world.

ของจิตและโลกใบนี้

Consciousness is one of the fundamental facts

สติสัมปชัญญะเป็นหนึ่งในข้อเท็จจริงพื้นฐาน

of human existence.

ของเผ่าพันธ์ุมนุษย์

Each of us is conscious.

เราแต่ละคนนั้นมีสติ

We all have our own inner movie,

เราทุกคนมีหนังของเราเองทั้งนั้น

you and you and you.

คุณ คุณ และคุณ

There's nothing we know about more directly.

แต่ไม่มีอะไรที่เรารู้โดยตรงไปมากกว่านั้น

At least, I know about my consciousness directly.

อย่างน้อย ผมก็รู้ถึงสติสัมปชัญญะโดยตรง

I can't be certain that you guys are conscious.

แต่ผมไม่สามารถบอกได้ว่าพวกคุณกำลังมีสติอยู่

Consciousness also is what makes life worth living.

สติสัมปชัญญะนั้นยังเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเรา คุ้มค่าที่จะดำรงอยู่

If we weren't conscious, nothing in our lives

ถ้าเราไม่มีสติ จะไม่มีสิ่งใดในชีวิตเรา

would have meaning or value.

ที่มีความหมายหรือมีค่า

But at the same time, it's the most

แต่ในเวลาเดียวกันนั้น

mysterious phenomenon in the universe.

มันก็ยังเป็นสิ่งที่ลึกลับที่สุดในจักรวาล

Why are we conscious?

ทำไมเราถึงมีสติ?

Why do we have these inner movies?

ทำไมเราถึงมีหนังพวกนี้ฉายในหัว

Why aren't we just robots

ทำไมเราไม่ได้เป็นแค่หุ่นยนต์

who process all this input,

ที่รับข้อมูลเข้ามา

produce all that output,

แล้วผลิตข้อมูลส่งออกไป

without experiencing the inner movie at all?

โดยที่ไม่ต้องรู้สึกถึงหนังที่เล่นในหัวเราเลย

Right now, nobody knows the answers

ตอนนี้ ไม่มีใครที่รู้คำตอบ

to those questions.

ของคำถามพวกนี้เลย

I'm going to suggest that to integrate consciousness

ผมอยากแนะนำว่า การที่จะรวบรวมสติสัมปชัญญะ

into science, some radical ideas may be needed.

ให้เป็นวิทยาศาสตร์นั้น เราอาจต้องใช้ความคิดที่สุดขั้ว

Some people say a science of consciousness

บางคนบอกว่า วิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะนั้น

is impossible.

เป็นไปไม่ได้

Science, by its nature, is objective.

วิทยาศาสตร์ ตามหลักของมันแล้ว เป็นสิ่งที่จับต้องได้หรือรูปธรรม

Consciousness, by its nature, is subjective.

สติสัมปชัญญะ ตามหลักของมัน เป็นแค่ความคิดหรือนามธรรม

So there can never be a science of consciousness.

ดังนั้นวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะนั้น คงไม่มีทางเกิดขึ้น

For much of the 20th century, that view held sway.

ความคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากในศตวรรษที่ 20

Psychologists studied behavior objectively,

นักจิตวิทยาศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมอย่างเป็นรูปธรรม

neuroscientists studied the brain objectively,

นักประสาทวิทยาศึกษาสมองแบบรูปธรรม

and nobody even mentioned consciousness.

และไม่มีใครที่กล่าวถึงสติสัมปชัญญะเลย

Even 30 years ago, when TED got started,

แม้แต่ 30 ที่แล้ว ตอนที่ TED เพิ่งเริ่ม

there was very little scientific work

ก็ยังมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์น้อยมาก

on consciousness.

เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ

Now, about 20 years ago,

ตอนนี้ ประมาณยี่สิบปีที่แล้ว

all that began to change.

ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป

Neuroscientists like Francis Crick

นักประสาทวิทยาอย่าง ฟรานซิส คริก

and physicists like Roger Penrose

และนักฟิสิกส์อย่าง โรเจอร์ เพนโรส

said now is the time for science

ได้กล่าวว่า ตอนนี้ ถึงเวลาของวิทยาศาสตร์

to attack consciousness.

ที่จะเข้าสู่พรมแดนของสติสัมปชัญญะ

And since then, there's been a real explosion,

จากนั้นเป็นต้นมา เหมือนกับการระเบิดออก

a flowering of scientific work

ของงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์

on consciousness.

ที่เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ

And this work has been wonderful. It's been great.

และงานนี้ก็ยอดเยี่ยมมากด้วยครับ

But it also has some fundamental

แต่มันก็ยังมีข้อจำกัดพื้นฐาน

limitations so far.

อยู่บ้าง

The centerpiece

จุดกึ่งกลาง

of the science of consciousness in recent years

ของวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะในไม่กี่ปีมานี้

has been the search for correlations,

คือการหาความสัมพันธ์

correlations between certain areas of the brain

ระหว่างพื้นที่ของสมองแบบเจาะจง

and certain states of consciousness.

เทียบกับระดับของสติสัมปชัญญะ

We saw some of this kind of work

เราได้เห็นงานบางชิ้น

from Nancy Kanwisher and the wonderful work

จากแนนซี่ คานวิชเชอร์ ที่สุดแสนวิเศษ

she presented just a few minutes ago.

และเธอได้นำเสนอเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

Now we understand much better, for example,

ตอนนี้เราได้เข้าใจมากขึ้นครับ อย่างเช่นว่า

the kinds of brain areas that go along with

พื้นที่บางส่วนของสมองนั้น

the conscious experience of seeing faces

มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดสติรับรู้ เวลาที่เราเห็นใบหน้าคน

or of feeling pain

หรือรับรู้ความเจ็บปวด

or of feeling happy.

หรือรู้สึกถึงความสุข

But this is still a science of correlations.

แต่มันยังคงเกี่ยวกับความสัมพันธ์

It's not a science of explanations.

ไม่ใช่การอธิบายการเกิดโดยตรง

We know that these brain areas

เราแค่รู้ว่าพื้นที่ในสมอง

go along with certain kinds of conscious experience,

มีส่วนเกี่ยวข้องกับการมีสติ รับรู้ประสบการณ์บางอย่าง

but we don't know why they do.

แต่เรายังไม่ทราบว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

I like to put this by saying

ผมชอบที่จะอธิบายมันอย่างนี้ครับ

that this kind of work from neuroscience

งานพวกนี้จากนักประสาทวิทยา

is answering some of the questions

สามารถตอบได้แค่บางคำถาม

we want answered about consciousness,

ที่เราต้องการคำตอบเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ

the questions about what certain brain areas do

คำถามพวกที่ว่า พื้นที่สมองส่วนนี้ทำหน้าที่อะไรนั้น

and what they correlate with.

และอะไรที่มันมีความสัมพันธ์ด้วย

But in a certain sense, those are the easy problems.

แต่ที่แน่ๆ พวกนั้นเป็นปัญหาง่ายๆ

No knock on the neuroscientists.

ไม่ต้องถามนักประสาทวิทยาก็ได้ครับ

There are no truly easy problems with consciousness.

มันไม่มีอะไรง่าย เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะหรอกครับ

But it doesn't address the real mystery

แต่มันก็ไม่ได้กล่าวถึงความลึกลับที่แท้จริง

at the core of this subject:

ที่ใจความของเรื่องนี้

why is it that all that physical processing in a brain

ทำไมกระบวนการทางกายภาพต่าง ๆ ในสมอง

should be accompanied by consciousness at all?

นั้นควรจะเกิดขึ้นร่วมกับสติสัมปชัญญะด้วย?

Why is there this inner subjective movie?

ทำไมต้องมีหนังฉายอยู่ในหัวเราด้วย?

Right now, we don't really have a bead on that.

ตอนนี้ เรายังไม่มีคำตอบครับ

And you might say,

และคุณอาจจะบอกว่า

let's just give neuroscience a few years.

ให้เวลาแก่นักประสาทวิทยาสักสองสามปี

It'll turn out to be another emergent phenomenon

มันจะเกิดเป็นอีกปรากฏการณ์

like traffic jams, like hurricanes,

เหมือนรถติด เหมือนพายุเฮอริเคน

like life, and we'll figure it out.

เหมือนกับชีวิต แล้วเราจะคิดมันออกเอง

The classical cases of emergence

พวกกรณีดั้งเดิมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

are all cases of emergent behavior,

เกิดจากพฤติกรรมทั้งนั้น

how a traffic jam behaves,

รถนั้นติดได้อย่างไร

how a hurricane functions,

พายุเฮอริเคนทำงานอย่างไร

how a living organism reproduces

สิ่งมีชีวิตขยายพันธ์ุได้อย่างไร

and adapts and metabolizes,

และปรับตัวและเผาผลาญอาหารอย่างไร

all questions about objective functioning.

พวกคำถามเกี่ยวกับการทำงานต่างๆน่ะครับ

You could apply that to the human brain

คุณสามารถนำไปใช้กับสมองของมนุษย์

in explaining some of the behaviors

โดยอธิบายถึงพฤติกรรม

and the functions of the human brain

และระบบของสมองมนุษย์บางอย่าง

as emergent phenomena:

ว่าเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง

how we walk, how we talk, how we play chess,

การเดินของเรา การพูดของเรา การเล่นหมากรุก

all these questions about behavior.

พวกคำถามเกี่ยวกับพฤติกรรมต่าง ๆ

But when it comes to consciousness,

แต่เวลาที่มันจะต้องมาเกี่ยวพันกับสติสัมปชัญญะ

questions about behavior

พวกคำถามเรื่องพฤติกรรม

are among the easy problems.

กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย

When it comes to the hard problem,

เรื่องที่ยากกว่านั้นก็คือ

that's the question of why is it

คำถามที่ว่า

that all this behavior

ทำไมทุกพฤติกรรม

is accompanied by subjective experience?

ถึงเกิดพร้อมกับประสบการณ์แบบนามธรรม

And here, the standard paradigm

และทีนี้ แบบจำลองมาตรฐาน

of emergence,

ของสิ่งที่เกิดขึ้น

even the standard paradigms of neuroscience,

ไม่ว่าจะเป็นทางประสาทวิทยา

don't really, so far, have that much to say.

ไม่ได้บอกอะไรเรามากขนาดนั้นเลยครับ

Now, I'm a scientific materialist at heart.

ผมเป็นพวกที่ใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ เป็นชีวิตจิตใจ

I want a scientific theory of consciousness

ผมจึงอยากจะให้มันมีทฤษฎีของสติสัมปชัญญะ

that works,

ที่ใช้งานได้

and for a long time, I banged my head

เป็นช่วงเวลานานมาแล้ว

against the wall

ที่ผมอยากให้มันเกิดขึ้น

looking for a theory of consciousness

ผมพยายามหาทฤษฎีที่ว่ามาตลอด

in purely physical terms

ในรูปแบบที่จับต้องได้

that would work.

ที่ใช้การได้

But I eventually came to the conclusion

แต่ผมก็ได้บทสรุปที่ว่า

that that just didn't work for systematic reasons.

มันยังใช้ไม่ได้ ด้วยเหตุผลบางประการ

It's a long story,

เรื่องมันยาวครับ

but the core idea is just that what you get

แต่ที่แน่ ๆ แก่นของความคิดนี้ก็คือ สิ่งที่คุณได้

from purely reductionist explanations

จากการหาคำวิเคราะห์และอธิบาย

in physical terms, in brain-based terms,

ที่เป็นรูปเป็นร่าง ในเชิงของสมอง

is stories about the functioning of a system,

คือเรื่องเกี่ยวกับระบบการทำงาน

its structure, its dynamics,

โครงสร้าง การเคลื่อนที่

the behavior it produces,

พฤติกรรมที่มันสร้างขึ้น

great for solving the easy problems —

การแก้ไขปัญหาที่ง่าย ๆ

how we behave, how we function —

อย่างเช่น เราปฏิบัติตัวได้อย่างไร ระบบทำงานอยางไร

but when it comes to subjective experience —

แต่พอมันเป็นเรื่องของประสบการณ์เรานั้น

why does all this feel like something from the inside? —

อย่างเช่น ภายในใจเรารู้สึกเช่นไร

that's something fundamentally new,

มันกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่เลยครับ

and it's always a further question.

และมันยังมีคำถามหลังจากนั้นอีกมากมาย

So I think we're at a kind of impasse here.

ดังนั้น ผมจึงคิดว่า เราถึงทางตันซะแล้วครับ

We've got this wonderful, great chain of explanation,

เรามีคำอธิบายที่ดีมาก

we're used to it, where physics explains chemistry,

และเราก็คุ้นเคยกับมัน เรามักจะใช้กฎทางฟิสิกส์ไปอธิบายเคมี

chemistry explains biology,

กฎทางเคมีไปอธิบายชีววิทยา

biology explains parts of psychology.

ชีววิทยาไปอธิบายจิตวิทยาบางส่วน

But consciousness

แต่ทว่า สติสัมปชัญญะนั้น

doesn't seem to fit into this picture.

ไม่สามารถใช้หลักการแบบนี้อธิบายได้

On the one hand, it's a datum

เพราะข้อมูลต่างๆ

that we're conscious.

ที่เรารับรู้

On the other hand, we don't know how

และเพราะ เราไม่รู้ว่า

to accommodate it into our scientific view of the world.

เราจะปรับข้อมูลเหล่านั้นให้สามารถอธิบายในแบบวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร

So I think consciousness right now

ผมจึงคิดว่า สติสัมปชัญญะ ที่เรารู้ในตอนนี้

is a kind of anomaly,

เป็นเรื่องที่ประหลาด

one that we need to integrate

ที่เราจำเป็นต้องผสมเข้ากับ

into our view of the world, but we don't yet see how.

มุมมองของเราที่มีต่อโลก แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าทำได้อย่างไร

Faced with an anomaly like this,

การเผชิญกับสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้

radical ideas may be needed,

เราอาจต้องการความคิดที่สุดโต่ง

and I think that we may need one or two ideas

และผมคิดว่า เราอาจจะต้องการหนึ่งหรือสองความคิด

that initially seem crazy

ที่ตอนแรกอาจจะดูเหมือนบ้า

before we can come to grips with consciousness

ก่อนที่เราจะสามารถสรุป เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะได้

scientifically.

อย่างเป็นวิทยาศาสตร์

Now, there are a few candidates

ในตอนนี้ ก็มีความคิดที่บ้าๆ

for what those crazy ideas might be.

ที่เราคิดว่ามันอาจจะเป็นความคิดที่เราตามหากันอยู่บ้างแล้วล่ะครับ

My friend Dan Dennett, who's here today, has one.

เพื่อนของผม แดน เดนเนท ที่อยู่กับเราวันนี้ด้วย ก็มีความคิดแบบนั้นอยู่

His crazy idea is that there is no hard problem

ความคิดบ้าๆของเขาคือ ไม่มีอะไรที่ยาก

of consciousness.

เกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ

The whole idea of the inner subjective movie

ความคิดทั้งหมดที่เกี่ยวกับหนัง ที่เล่นอยู่ในหัวของเรานั้น

involves a kind of illusion or confusion.

มันเกี่ยวกับภาพลวงตาหรือความสับสน

Actually, all we've got to do is explain

จริงๆแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือ อธิบาย

the objective functions, the behaviors of the brain,

ระบบที่เป็นรูปธรรม พฤติกรรมของสมอง

and then we've explained everything

แล้วเราจะสามารถอธิบายสิ่งอื่นๆ

that needs to be explained.

ที่ต้องการคำอธิบายได้ครับ

Well I say, more power to him.

ผมบอกว่า มันน่าจะเป็นไปได้นะครับ

That's the kind of radical idea

มันเป็นความคิดสุดโต่งที่เรา

that we need to explore

ควรจะศึกษาให้มากขึ้น

if you want to have a purely reductionist

หากคุณต้องการทฤษฎีวิเคราะห์

brain-based theory of consciousness.

สติสัมปชัญญะที่มาจากสมองแบบล้วนๆ

At the same time, for me and for many other people,

ในเวลาเดียวกัน สำหรับผมและหลายๆคน

that view is a bit too close to simply

มุมมองนี้อาจจะดูง่ายไปหน่อย

denying the datum of consciousness

ที่ว่าการปฏิเสธข้อมูลต่าง ๆ ของสติสัมปชัญญะ

to be satisfactory.

เพื่อที่จะพอรับได้

So I go in a different direction.

ฉะนั้น ผมจึงไปในทิศทางตรงกันข้าม

In the time remaining,

ในเวลาที่เหลือ

I want to explore two crazy ideas

ผมอยากจะค้นพบความคิดบ้า ๆ อีกสองความคิด

that I think may have some promise.

ที่ผมค่อนข้างสนใจ

The first crazy idea

ความคิดแรกคือ

is that consciousness is fundamental.

สติสัมปชัญญะเป็นสิ่งพื้นฐาน

Physicists sometimes take some aspects of the universe

นักฟิสิกส์บางครั้งมองจักรวาลว่า

as fundamental building blocks:

เป็นตัวต่อพื้นฐานต่าง ๆ

space and time and mass.

ที่ว่าง เวลา และมวล

They postulate fundamental laws governing them,

พวกเขาตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับกฎพื้นฐาน ที่ครอบมันอยู่

like the laws of gravity or of quantum mechanics.

อย่างเช่นกฎของแรงดึงดูด หรือกลศาสตร์ควอนตัม

These fundamental properties and laws

คุณสมบัติและกฎพื้นฐานหล่านี้

aren't explained in terms of anything more basic.

ไม่ได้รับการอธิบายอย่างง่าย ๆ

Rather, they're taken as primitive,

แต่ทว่า มันกลับกลายเป็นสิ่งพื้นฐาน

and you build up the world from there.

และคุณก็ต่อยอดทุกอย่างจากกฏเหล่านั้น

Now sometimes, the list of fundamentals expands.

บางที รายการของหลักพื้นฐานต่างๆ กำลังเพิ่มขึ้น

In the 19th century, Maxwell figured out

ในศตวรรศที่ 19 แม็กซ์เวลล์ค้นพบว่า

that you can't explain electromagnetic phenomena

เราไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์แม่เหล็กไฟฟ้า

in terms of the existing fundamentals —

โดยใช้หลักการต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วได้

space, time, mass, Newton's laws —

พื้นที่ เวลา มวล กฏของนิวตัน

so he postulated fundamental laws

ฉะนั้น เขาจึงตั้งสมมติฐาน

of electromagnetism

เกี่ยวกับแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นมาเอง

and postulated electric charge

รวมไปถึงสมมติฐานประจุไฟฟ้า

as a fundamental element

และใช้เป็นกฎพื้นฐาน

that those laws govern.

ที่กฎอื่น ๆ นั้นครอบคลุมอยู่

I think that's the situation we're in

ผมคิดว่ามันเป็นสถานการณ์ที่เราเป็นกันอยู่

with consciousness.

ในเรื่องของสติสัมปชัญญะ

If you can't explain consciousness

ถ้าคุณไม่สามารถอธิบายสติสัมปชัญญะ

in terms of the existing fundamentals —

โดยใช้ทฤษฎีที่มีอยู่

space, time, mass, charge —

เกี่ยวกับพื้นที่ เวลา มวล และประจุไฟฟ้า

then as a matter of logic, you need to expand the list.

และตามตรรกะ คุณจำเป็นที่จะต้องขยายมันออกไป

The natural thing to do is to postulate

โดยธรรมชาติ คุณจะต้องตั้งสมมติฐาน

consciousness itself as something fundamental,

ว่าสติสัมปชัญญะนั้นคือพื้นฐานอย่างหนึ่ง

a fundamental building block of nature.

พื้นฐานที่ธรรมชาติสร้างขึ้น

This doesn't mean you suddenly can't do science with it.

แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณใช้วิทยาศาสตร์เข้าช่วยไม่ได้นะครับ

This opens up the way for you to do science with it.

มันแค่เปิดทางให้คุณได้ใช้วิทยาศาสตร์นั่นเอง

What we then need is to study

แล้วสิ่งที่เราควรศึกษาต่อไปนั้นก็คือ

the fundamental laws governing consciousness,

กฎพื้นฐานที่ครอบคลุมเรื่องสติสัมปชัญญะ

the laws that connect consciousness

กฎที่เชื่อมโยงสติสัมปชัญญะ

to other fundamentals: space, time, mass,

เข้ากับหลักอื่นๆได้แก่ พื้นที่ เวลา มวล

physical processes.

กระบวนการทางกายภาพต่างๆ

Physicists sometimes say

บางครั้ง นักฟิสิกส์บอกว่า

that we want fundamental laws so simple

เราอยากให้มีกฎพื้นฐานที่ง่าย ๆ

that we could write them on the front of a t-shirt.

ที่เราจะสามารถสกรีนลงบนเสื้อได้

Well I think something like that is the situation

ผมคิดว่า แบบนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ

we're in with consciousness.

ที่เรากำลังเผชิญอยู่

We want to find fundamental laws so simple

เราอยากให้กฎที่ตั้งขึ้นนั้นง่าย

we could write them on the front of a t-shirt.

ที่เราจะสามารถสกรีนลงบนเสื้อได้เลย

We don't know what those laws are yet,

เรายังไม่รู้ว่ากฎเหล่านั้นคืออะไร

but that's what we're after.

แต่มันเป็นสิ่งที่เรากำลังศึกษาอยู่ครับ

The second crazy idea

ความที่บ้า ๆ เรื่องที่สองครับ

is that consciousness might be universal.

คือ สติสัมปชัญญะอาจเป็นเรื่องที่เกิดทุกที่

Every system might have some degree

ทุก ๆ ระบบอาจจะมีระดับของ

of consciousness.

สติสัมปชัญญะของมันเอง

This view is sometimes called panpsychism:

แนวคิดนี่เรียกว่าจิตครอบคลุม (panpsychism) ครับ

pan for all, psych for mind,

ครอบคลุมไปทั้งหมด

every system is conscious,

ทุก ๆ ระบบนั้นมีสติของมันเอง

not just humans, dogs, mice, flies,

ไม่ใช่แค่มนุษย์ สุนัข หนู แมลงวัน

but even Rob Knight's microbes,

แม้แต่จุลินทรีย์ของร็อบ ไนท์

elementary particles.

สสารเล็ก ๆ

Even a photon has some degree of consciousness.

แม้แต่โฟตอนก็มีสติของมัน

The idea is not that photons are intelligent

แต่ไม่ได้หมายความว่าโฟตอนนั้นอัจฉริยะ

or thinking.

หรือคิดเป็นนะครับ

It's not that a photon

โฟตอนไม่ได้

is wracked with angst

รู้สึกทุกข์ได้

because it's thinking, "Aww, I'm always buzzing around near the speed of light.

เพราะมันคิดว่า "โอ้ ชั้นต้องโคจรใกล้ๆความเร็วแสงตลอดเลย

I never get to slow down and smell the roses."

ชั้นไม่เคยวิ่งช้าลงแล้วเชยชมกลิ่นกุหลาบเลย"

No, not like that.

ไม่ใช่อย่างนั้นครับ

But the thought is maybe photons might have

แต่เป็นความคิดที่ว่า บางทีโฟตอนอาจจะมี

some element of raw, subjective feeling,

ความดิบ ความรู้สึก

some primitive precursor to consciousness.

หรือสติสัมปชัญญะบ้าง

This may sound a bit kooky to you.

มันอาจจะฟังดูเหมือนบ้านะครับ

I mean, why would anyone think such a crazy thing?

หมายถึง ทำไมคนเรา ถึงคิดอะไรได้บ้ามากขนาดนี้?

Some motivation comes from the first crazy idea,

แรงจูงใจบางอย่างก็มาจาก ไอเดียบ้า ๆ แบบนี้ล่ะครับ

that consciousness is fundamental.

ว่าสติสัมปชัญญะเป็นสิ่งพื้นฐาน

If it's fundamental, like space and time and mass,

และถ้ามันเป็นสิ่งพื้นฐาน เหมือนกับพื้นที่ เวลา และมวล

it's natural to suppose that it might be universal too,

ก็เป็นเรื่องธรรมชาติที่ เราจะคิดว่าสติสัมปชัญญะนั้นสากล

the way they are.

เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ

It's also worth noting that although the idea

และมันก็ไม่มีค่าพอ แม้ว่าความคิดนี้

seems counterintuitive to us,

อาจจะขัดกับสิ่งที่เราคิดไปบ้าง

it's much less counterintuitive to people

แต่มันอาจจะเข้ากับคน

from different cultures,

ที่มาจากวัฒนธรรมอื่นเช่นกันนะครับ

where the human mind is seen as much more

จิตใจของมนุษย์นั้น เหมือนจะ

continuous with nature.

ผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ

A deeper motivation comes from the idea that

แรงจูงใจที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น มาจากความคิดที่ว่า

perhaps the most simple and powerful way

บางทีเรื่องที่ง่ายและมีพลังมากที่สุด

to find fundamental laws connecting consciousness

ที่จะหาหลักพื้นฐานที่เชื่อมโยงสติสัมปชัญญะ

to physical processing

กับกระบวนการทางกายภาพ

is to link consciousness to information.

นั้น คือการเชื่อมโยงสติสัมปชัญญะเข้ากับข้อมูล

Wherever there's information processing,

ที่ซึ่งข้อมูลกำลังถูกประมวล

there's consciousness.

ที่นั้นจะมีสติสัมปชัญญะ

Complex information processing, like in a human,

ข้อมูลที่ซับซ้อนกำลังถูกจัดการ เช่น ในมนุษย์

complex consciousness.

สติสัมปชัญญะอันซับซ้อนก็เช่นเดียวกัน

Simple information processing,

ข้อมูลที่ง่ายในการประมวล

simple consciousness.

สติสัมปชัญญะง่าย ๆ ก็เช่นกัน

A really exciting thing is in recent years

สิ่งที่น่าตื่นเต้นไม่กี่ปีมานี้

a neuroscientist, Giulio Tononi,

นักประสาทวิทยา จูลิโอ โทโนนี

has taken this kind of theory

ได้ตั้งทฤษฏีลักษณะนี้ขึ้นมา

and developed it rigorously

และพัฒนาต่อยอดอย่างกว้างขวาง

with a mathematical theory.

ด้วยทฤษฎีของคณิตศาสตร์

He has a mathematical measure

เขาได้คำนวณ

of information integration

ข้อมูลที่ผสมผสานกัน

which he calls phi,

ที่เขาเรียกมันว่า "ฟาย" (phi)

measuring the amount of information

ที่ใช้วัดจำนวนข้อมูล

integrated in a system.

ที่ผสมผสานอยู่ในระบบ

And he supposes that phi goes along

เขาเชื่อว่าฟายนั้นใช้ได้กับ

with consciousness.

สติสัมปชัญญะ

So in a human brain,

ดังนั้น ในสมองของมนุษย์

incredibly large amount of information integration,

ที่รวบรวมข้อมูลมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ

high degree of phi,

มีฟายอยู่มากมาย

a whole lot of consciousness.

และมีสติสัมปชัญญะมากมายด้วยเช่นกัน

In a mouse, medium degree of information integration,

ในหนู ข้อมูลที่มีอยู่ในสมองนั้น

still pretty significant,

ก็ยังถือว่ามีอยู่พอสมควร

pretty serious amount of consciousness.

เช่นเดียวกับปริมาณสติสัมปชัญญะ

But as you go down to worms,

แต่ถ้าคุณมองต่อไปถึงตัวหนอน

microbes, particles,

จุลินทรีย์ อนุภาค

the amount of phi falls off.

ขนาดของฟายจะลดลง

The amount of information integration falls off,

เพราะขนาดของข้อมูลนั้นลดลง

but it's still non-zero.

แต่ไม่ถึงกับเป็นศูนย์นะครับ

On Tononi's theory,

ทฤษฎีของโทโนนิ

there's still going to be a non-zero degree

สติสัมปชัญญะ

of consciousness.

จะไม่เป็นศูนย์เลย

In effect, he's proposing a fundamental law

ผลคือ เขาเสนอกฎพื้นฐาน

of consciousness: high phi, high consciousness.

ของสติสัมปชัญญะว่า ฟายสูง เท่ากับ สติสัมปชัญญะมาก

Now, I don't know if this theory is right,

ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ว่าทฤษฎีนี้ถูกต้องหรือไม่

but it's actually perhaps the leading theory right now

แต่จริง ๆ แล้ว มันอาจจะเป็นทฤษฎี มีบทบาทนำอยู่ในขณะนี้

in the science of consciousness,

ในเชิงวิทยาศาสตร์ของสติสัมปชัญญะ

and it's been used to integrate a whole range

และมันก็ถูกใช้เพื่อรวบรวม

of scientific data,

ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ในหลาย ๆ รูปแบบ

and it does have a nice property that it is in fact simple enough

และมันยังมีคุณสมบัติที่ดี คือมันง่ายพอ

you can write it on the front of a t-shirt.

ที่จะสามารถสกรีนลงบนเสื้อยืดของคุณได้

Another final motivation is that

และแรงจูงใจสุดท้ายก็คือ

panpsychism might help us to integrate

ทฤษฎีจิตครอบคลุมอาจจะช่วยให้เราผสาน

consciousness into the physical world.

สติสัมปชัญญะให้เข้ากับโลกกายภาพได้

Physicists and philosophers have often observed

นักฟิสิกส์และนักปรัชญามักจะสังเกต

that physics is curiously abstract.

ว่าฟิสิกส์นั้นเป็นเรื่องของนามธรรม

It describes the structure of reality

มันอธิบายโครงสร้างของความเป็นจริง

using a bunch of equations,

โดยใช้สมการมากมาย

but it doesn't tell us about the reality

แต่มันไม่ได้บอกเราเกี่ยวกับความเป็นจริง

that underlies it.

ที่เป็นจุดตั้งต้นของสิ่งเหล่านั้น

As Stephen Hawking puts it,

ดั่งที่สตีเฟน ฮอว์กินได้กล่าวไว้ว่า

what puts the fire into the equations?

สิ่งใดที่เติมไฟเข้าไปในสมการ?

Well, on the panpsychist view,

ในมุมมองของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม

you can leave the equations of physics as they are,

คุณสามารถปล่อยสมการของฟิสิกส์ให้เป็นไปเช่นนั้น

but you can take them to be describing

แต่คุณไม่สามารถนำสมการนั้นไปอธิบาย

the flux of consciousness.

เกี่ยวกับความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะได้

That's what physics really is ultimately doing,

นั่นคือสิ่งที่ฟิสิกส์ทำได้ดีที่สุดแล้ว

describing the flux of consciousness.

เมื่อมันต้องอธิบายความต่อเนื่องของสติสัมปชัญญะ

On this view, it's consciousness

ในมุมมองนี้ สติสัมปชัญญะคือตัวที่

that puts the fire into the equations.

นำไฟไปใส่ในสมการ

On that view, consciousness doesn't dangle

มุมมองนี้สติสัมปชัญญะไม่ได้มีความหละหลวม

outside the physical world

ในโลกที่จับต้องได้

as some kind of extra.

เหมือนกับว่าเป็นแค่ตัวเสริมเท่านั้น

It's there right at its heart.

จริง ๆ แล้วมันเป็นใจความเลยก็ว่าได้

This view, I think, the panpsychist view,

มุมมองนี้ ในมุมของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม ผมคิดว่า

has the potential to transfigure our relationship

มันมีศักยภาพมากพอที่จะไขความสัมพันธ์ของเรา

to nature,

กับธรรมชาติได้

and it may have some pretty serious social

และมันอาจจะส่งผลกระทบด้านสังคม

and ethical consequences.

และศีลธรรม

Some of these may be counterintuitive.

ซึ่งบางที ผลนั้นมันอาจจะธรรมดามาก

I used to think I shouldn't eat anything

ผมเคยคิดว่าผมไม่ควรกินอะไรเลย

which is conscious,

นั่นคือสติครับ

so therefore I should be vegetarian.

ดังนั้น ผมจึงควรเป็นมังสวิรัติ

Now, if you're a panpsychist and you take that view,

ถ้าหากคุณเป็นนักทฤษฎีจิตครอบคลุม และมองจากมุมนั้น

you're going to go very hungry.

คุณจะหิวมาก

So I think when you think about it,

ดังนั้น ผมคิดว่าเวลาที่คุณคิดถึงมัน

this tends to transfigure your views,

มันมีแนวโน้วที่จะเปลี่ยนแนวคิดของคุณ

whereas what matters for ethical purposes

จากอะไรก็ตามที่สำคัญตามหลักของจรรยาบรรณ

and moral considerations,

และศีลธรรม

not so much the fact of consciousness,

ไม่ค่อยเกี่ยวข้องมากนักกับข้อเท็จจริงของสติสัมปชัญญะ

but the degree and the complexity of consciousness.

แต่เกี่ยวมากกว่าในเรื่องของระดับและความซับซ้อนของสติ

It's also natural to ask about consciousness

มันเป็นเรื่องธรรมชาติเช่นกันที่จะถามถึงสติสัมปชัญญะ

in other systems, like computers.

ในระบบอื่นๆ อย่างเช่นความพิวเตอร์

What about the artificially intelligent system

เรื่องของระบบอัจฉริยะภาพที่ถูกสร้างขึ้นในคอมพิวเตอร์

in the movie "Her," Samantha?

อย่างในเรื่อง"Her" ซาแมนธา?

Is she conscious?

เธอมีสติหรือไม่

Well, if you take the informational,

ครับ ถ้าคุณดูจากข้อมูล

panpsychist view,

มองแบบนักทฤษฎีจิตครองคลุม

she certainly has complicated information processing

เธอมีการดำเนินการข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด

and integration,

รวมไปถึงการเรียบเรียง

so the answer is very likely yes, she is conscious.

ดังนั้น คำตอบนั้นมีแนวโน้มมากว่าเธอจะมีสติครับ

If that's right, it raises pretty serious

และถ้ามันถูกต้อง มันจะทำให้เกิด

ethical issues about both the ethics

เรื่องเกี่ยวกับจรรยาบรรณเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้ง

of developing intelligent computer systems

ในเรื่องของการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ

and the ethics of turning them off.

และเรื่องของการหยุดยั้งมัน

Finally, you might ask about the consciousness

ท้ายที่สุด คุณอาจจะถามเกี่ยวกับสติสัมปชัญญะ

of whole groups,

ของทั้งกลุ่ม

the planet.

ของดาวทั้งดวงนี้

Does Canada have its own consciousness?

ประเทศแคนาดามีสติหรือไม่

Or at a more local level,

หรือย่อยลงมาหน่อย

does an integrated group

กลุ่มที่มีการผสมผสานกัน

like the audience at a TED conference,

อย่างผู้ชมของTED

are we right now having a collective TED consciousness,

มีสติร่วมกันกับTEDหรือไม่

an inner movie

และหนังภายในใจเรา

for this collective TED group

สำหรับกลุ่มผู้ชมกลุ่มนี้ล่ะ

which is distinct from the inner movies

ที่แตกต่างกัน

of each of our parts?

สำหรับแต่ละคน

I don't know the answer to that question,

ผมก็ไม่ทราบคำตอบนั้นหรอกครับ

but I think it's at least one

แต่ผมคิดว่า อย่างน้อย

worth taking seriously.

มันก็คุ้มค่าที่จะคิดนะครับ

Okay, so this panpsychist vision,

โอเคครับ นี่คือมุมมองของนักทฤษฎีจิตครอบคลุม

it is a radical one,

ซึ่งค่อนข้างสุดโต่ง

and I don't know that it's correct.

และผมไม่ทราบว่ามันถูกต้องไหม

I'm actually more confident about

จริงๆแล้วผมค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับ

the first crazy idea,

ไอเดียบ้า ๆ อันแรกนะครับ

that consciousness is fundamental,

ที่ว่าสติสัมปชัญญะเป็นเรื่องพื้นฐาน

than about the second one,

มากกว่าไอเดียที่สองนะครับ

that it's universal.

ที่ว่าสติสัมปชัญญะเป็นสากล

I mean, the view raises any number of questions,

ผมหมายถึง มุมมองนี้ทำให้เกิดคำถามมากมาย

has any number of challenges,

ความท้าทายมากมาย

like how do those little bits

เหมือนกับเวลาที่เราทำอะไร

of consciousness add up

แล้วมีสติมากขึ้น

to the kind of complex consciousness

เวลาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

we know and love.

ทั้งในแบบที่เรารู้และรัก

If we can answer those questions,

ถ้าเราสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้

then I think we're going to be well on our way

ผมคิดว่าเราจะดีขึ้นครับ

to a serious theory of consciousness.

ในเรื่องของทฤษฎีของสติสัมปชัญญะ

If not, well, this is the hardest problem perhaps

ถ้าไม่ ผมคิดว่า เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุด

in science and philosophy.

ในหมวดวิทยาศาสตร์และปรัชญา

We can't expect to solve it overnight.

เราไม่สามารถคาดหวังที่จะแก้ปัญหานี้ภายในข้ามคืน

But I do think we're going to figure it out eventually.

แต่ผมคิดว่าในที่สุดเราคงจะไขมันออกล่ะครับ

Understanding consciousness is a real key, I think,

การเข้าใจสติสัมปชัญญะคือกุญแจที่สำคัญที่สุด ผมว่างั้นนะครับ

both to understanding the universe

เพื่อเข้าใจจักรวาล

and to understanding ourselves.

และเพื่อเข้าใจพวกเราเอง

It may just take the right crazy idea.

อาจแค่ต้องเลือกความคิดบ้า ๆ ให้ถูกเท่านั้นแหละครับ

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(ปรบมือ)