Jennifer Pahlka: Coding a better government

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Unnawut Leepaisalsuwanna

So a couple of years ago I started a program

สองปีก่อนดิฉันริเริ่มโครงการหนึ่ง

to try to get the rockstar tech and design people

เพื่อพยายามเอานักพัฒนาและนักออกแบบชั้นหัวกระทิ

to take a year off

ให้ลางานสักหนึ่งปี

and work in the one environment

เพื่อไปทำงานในอีกสภาพแวดล้อมหนึ่ง

that represents pretty much everything they're supposed to hate;

ที่เกือบทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่พวกเขาเกลียด

we have them work in government.

เราให้พวกเขาไปทำงานกับรัฐบาล

The program is called Code for America,

โปรแกรมนี้มีชื่อว่า Code for America

and it's a little bit like a Peace Corps for geeks.

ซึ่งคล้ายๆกับ Peace Corps สำหรับพวกบ้าคอมพิวเตอร์

We select a few fellows every year

ทุกปีเราคัดเลือกผู้เชี่ยวชาญสองสามคน

and we have them work with city governments.

ให้พวกเขาไปทำงานกับรัฐบาลของเมืองต่างๆ

Instead of sending them off into the Third World,

แทนที่จะส่งเขาไปทำงานในประเทศโลกที่สาม,

we send them into the wilds of City Hall.

เราส่งเขาเข้าไปในศาลากลาง

And there they make great apps, they work with city staffers.

และที่นั่นพวกเขาสร้างแอพที่ยิ่งใหญ่ ได้ทำงานกับพนักงานรัฐ

But really what they're doing is they're showing what's possible

แต่จริงๆแล้วสิ่งที่เขากำลังทำคือแสดงถึงสิ่งที่เป็นไปได้

with technology today.

กับเทคโนโลยีปัจจุบัน

So meet Al.

เรามาทำความรู้จัก อัล กันดีกว่า

Al is a fire hydrant in the city of Boston.

อัล เป็นหัวประปาดับเพลิงในกรุงบอสตัน

Here it kind of looks like he's looking for a date,

คล้ายกับว่าเขากำลังหาคนที่จะนัดเที่ยวด้วย

but what he's really looking for is for someone to shovel him out when he gets snowed in,

แต่จริงๆ แล้วเขามองหาใครสักคนมาโกยหิมะออกไป

because he knows he's not very good at fighting fires

เพราะว่าเขารู้ว่าเขาจะสู้ไฟได้ไม่ดีนัก

when he's covered in four feet of snow.

เมื่อเขาถูกคลุมด้วยหิมะหนาถึงสี่ฟุต

Now how did he come to be looking for help

เขาออกหาความช่วยเหลือ

in this very unique manner?

ด้วยวิธีที่น่าประหลาดได้อย่างไร

We had a team of fellows in Boston last year

ปีที่แล้วเรามีสมาชิกอยู่ในกรุงบอสตัน

through the Code for America program.

ผ่านทางโครงการ Code for America

They were there in February, and it snowed a lot in February last year.

พวกเขาอยู่ที่นั่นในเดือนก.พ. หิมะมักจะตกหนักในช่วงนี้ของปี

And they noticed that the city never gets

และพวกเขาสังเกตเห็นว่าบอสตันไม่เคย

to digging out these fire hydrants.

ขุดหัวประปาดับเพลิงเหล่านี้

But one fellow in particular,

แต่มีสมาชิกเราคนหนึ่ง

a guy named Erik Michaels-Ober,

ชายที่ชื่อว่า Erik Michaels-Ober,

noticed something else,

สังเกตเห็นสิ่งอื่น

and that's that citizens are shoveling out sidewalks

นั่นคือ ชาวเมืองกำลังโกยหิมะออกจากทางเท้า

right in front of these things.

ข้างหน้าหัวประปาเหล่านี้

So he did what any good developer would do,

ดังนั้นเขาจึงทำอย่างที่นักพัฒนาที่ดีพึงกระทำ

he wrote an app.

เขาเขียนแอพขึ้นมา

It's a cute little app where you can adopt a fire hydrant.

เป็นแอพเล็กๆน่ารักๆ ให้คุณรับอุปการะหัวดับเพลิง

So you agree to dig it out when it snows.

คุณสัญญาว่าจะขุดหิมะออกจากมัน

If you do, you get to name it,

ถ้าคุณทำ คุณก็จะได้ตั้งชื่อให้มัน

and he called the first one Al.

หัวดับเพลิงหัวแรก มีชื่อว่าอัล

And if you don't, someone can steal it from you.

แต่ถ้าคุณไม่ทำ คนอื่นก็จะขโมยมันไปจากคุณได้

So it's got cute little game dynamics on it.

มันจึงมีกลศาสตร์ของเกมที่น่ารักๆอยู่ด้วย

This is a modest little app.

นี่เป็นแอพเล็กๆ

It's probably the smallest

อาจจะเล็กที่สุด

of the 21 apps that the fellows wrote last year.

ใน 21 โปรแกรมประยุกต์ ที่สมาชิกของเราเขียนขึ้นปีที่แล้ว

But it's doing something

แต่มันทำบางสิ่ง

that no other government technology does.

ที่ไม่มีเทคโนโลยีอื่นของรัฐบาลทำ

It's spreading virally.

มันได้แพร่ขยายต่อๆกันไปในโลกอินเตอร์เน็ต

There's a guy in the I.T. department of the City of Honolulu

มีหนุ่มคนหนึ่งในแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศของศาลากลางโฮโนลูลู

who saw this app and realized

เห็นแอพตัวนี้และคิดได้ว่า

that he could use it, not for snow,

ว่าเขาจะใช้มันได้ ไม่เพียงแค่หิมะ

but to get citizens to adopt tsunami sirens.

แต่เพื่อให้พลเมืองนำไปใช้กับสัญญาณเตือนภัยสึนามิ

It's very important that these tsunami sirens work,

มันสำคัญมากที่สัญญาณเตือนภัยสึนามิต้องทำงานได้

but people steal the batteries out of them.

แต่คนมักขโมยแบตเตอรีออกไป

So he's getting citizens to check on them.

เขาอยากให้พลเมืองไปตรวจดู

And then Seattle decided to use it

และที่เมืองซีแอตเติลก็ตกลงนำไปใช้

to get citizens to clear out clogged storm drains.

เพื่อให้พลเมืองล้างทำความสะอาดท่อระบายนํ้าที่อุดตัน

And Chicago just rolled it out

และเมืองชิคาโกก็เพิ่งนำมันออกมาใช้

to get people to sign up to shovel sidewalks when it snows.

เพื่อให้พลเมืองลงชื่อ ออกมาโกยหิมะออกจากทางเดินริมถนน

So we now know of nine cities

ตอนนี้มีเมืองใหญ่ๆ 9 เมือง

that are planning to use this.

ที่กำลังวางแผนที่จะใช้สิ่งนี้

And this has spread just frictionlessly,

และมันก็กระจายออกไปอย่างหยุดไม่อยู่

organically, naturally.

ด้วยตัวของมันเอง

If you know anything about government technology,

ถ้าคุณยึกถึงเรื่องเทคโนโลยีกับรัฐบาล,

you know that this isn't how it normally goes.

คุณจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ

Procuring software usually takes a couple of years.

การที่จะได้โปรแกรมคอมพิวเตอร์มามักใช้เวลาหลายปี

We had a team that worked on a project in Boston last year

แต่เมื่อปีที่แล้วเรามีทีมงานที่ทำงานอยู่ในบอสตัน

that took three people about two and a half months.

ซึ่งใช้คนสามคน ประมาณสองเดือนครึ่ง

It was a way that parents could figure out

หาวิธีการที่พ่อแม่สามารถใช้ประเมิน

which were the right public schools for their kids.

ว่าโรงเรียนรัฐบาลแห่งไหนที่เหมาะกับลูกของตน

We were told afterward that if that had gone through normal channels,

มีคนบอกเราหลังจากนั้นว่า ถ้าทำไปตามช่องทางปกติแล้ว,

it would have taken at least two years

จะใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดก็สองปี

and it would have cost about two million dollars.

และอาจต้องเสียเงินราวสองล้านดอลล่าร์

And that's nothing.

ซึ่งเป็นไปไม่ได้

There is one project in the California court system right now

ปัจจุบันมีโครงการหนึ่งในระบบศาลของแคลิฟอร์เนีย

that so far cost taxpayers

ที่ผลาญเงินภาษี

two billion dollars,

ไปกว่าสองพันล้านดอลลาร์,

and it doesn't work.

สุดท้ายก็ใช้งานไม่ได้

And there are projects like this

และมีโครงการต่างๆที่เป็นแบบนี้

at every level of government.

ในทุกระดับของรัฐบาล

So an app that takes a couple of days to write

ดังนั้นแอพที่ใช้เวลาไม่กี่วันเขียนขึ้นมา

and then spreads virally,

แล้วให้มันแพร่กระจายออกไป

that's sort of a shot across the bow

คล้ายกับเป็นการพังหน้า

to the institution of government.

ต่อสถาบันของรัฐบาล

It suggests how government could work better --

มันชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลสามารถทำงานได้ดีกว่านี้

not more like a private company,

ไม่ใช่ว่าเหมือนกับบริษัทเอกชน

as many people think it should.

ตามที่คนจำนวนมากคิดว่าจะเป็น

And not even like a tech company,

และไม่เหมือนกระทั่งกับบริษัทเทคโนโลยี

but more like the Internet itself.

แต่เหมือนกับอินเตอร์เน็ตเองมากกว่า

And that means permissionless,

และนั่นก็คือ ไม่มีการกำหนดสิทธิ

it means open, it means generative.

เปิดกว้าง และต่อยอดได้

And that's important.

และนั่นเป็นเรื่องสำคัญ

But what's more important about this app

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าเกี่ยวกับแอพนี้

is that it represents how a new generation

คือมันแสดงให้เห็นถึงวิธีที่คนยุคใหม่

is tackling the problem of government --

กำลังจัดการกับปัญหาของรัฐบาล

not as the problem of an ossified institution,

ไม่ใช่เป็นปัญหาเรื่องการไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

but as a problem of collective action.

แต่คือการเรียกร้องหน้าที่ของส่วนรวม

And that's great news,

และนั่นเป็นข่าวที่ดีเลย

because, it turns out, we're very good at collective action

เพราะพิสูจน์ได้ว่า เราสามารถเรียกกำลังจากผู้คน

with digital technology.

ด้วยเทคโนโลยีทุกวันนี้

Now there's a very large community of people

ขณะนี้มีกลุ่มคนขนาดใหญ่

that are building the tools that we need

ที่กำลังสร้างเครื่องมือที่เราต้องการ

to do things together effectively.

เพื่อทำสิ่งต่างๆร่วมกันอย่างได้ผล

It's not just Code for America fellows,

ไม่ใช่แค่สมาชิก Code for America อย่างเดียว

there are hundreds of people all over the country

แต่มีคนจำนวนมากทั่วประเทศ

that are standing and writing civic apps

ที่ลุกขึ้นเขียนโปรแกรมเพื่อเมืองใหญ่

every day in their own communities.

ในทุกๆวันในชุมชนของเขาเอง

They haven't given up on government.

พวกเขายังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียวกับรัฐบาล

They are frustrated as hell with it,

พวกเขารู้สึกท้อแท้กับรัฐบาล

but they're not complaining about it,

แต่เขาไม่ได้กำลังบ่นหรือต่อว่าอย่างเดียว

they're fixing it.

พวกเขากำลังแก้ไขมัน

And these folks know something

และคนเหล่านี้รู้เรื่องบางอย่าง

that we've lost sight of.

ที่เราลืมกันไปแล้ว

And that's that when you strip away all your feelings

และนั่นคือเมื่อคุณปลดเปลื้องความรู้สึกทั้งหมดออกไป

about politics and the line at the DMV

เกี่ยวกับการเมืองและคิวที่แสนยาวที่สนามบิน

and all those other things

และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย

that we're really mad about,

ที่เรารู้สึกโกรธเกลียดอย่างมาก,

government is, at its core,

รัฐบาลคือแก่นของมัน

in the words of Tim O'Reilly,

ตามคำของ Tim O'Reilly

"What we do together that we can't do alone."

"เราร่วมกันทำ ในสิ่งที่เราทำคนเดียวไม่ได้"

Now a lot of people have given up on government.

ปัจจุบันคนจำนวนมากเบื่อหน่ายกับรัฐบาล

And if you're one of those people,

และถ้าเราเป็นหนึ่งในคนพวกนั้น,

I would ask that you reconsider,

ดิฉันขอร้องให้คุณกลับมาพิจารณาอีกครั้ง,

because things are changing.

เพราะว่าสิ่งต่างๆกำลังเปลี่ยนไป

Politics is not changing;

การเมืองไม่เปลี่ยน

government is changing.

แต่รัฐบาลกำลังเปลียน

And because government

และเพราะว่ารัฐบาล

ultimately derives its power from us --

ท้ายที่สุดได้รับอำนาจมาจากเรา

remember "We the people?" --

จำได้ไหม "เราคือประชาชน"

how we think about it

สิ่งที่เราคิดตอนนี้

is going to effect how that change happens.

จะเป็นผลต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

Now I didn't know very much about government when I started this program.

เมื่อดิฉันเริ่มโครงการนี้ ดิฉันรู้อะไรไม่มากเกี่ยวกับรัฐบาล

And like a lot of people,

เช่นเดียวกับผู้คนอีกมากมาย

I thought government was basically about getting people elected to office.

ดิฉันคิดว่ารัฐบาลโดยพื้นฐานแล้ว เกี่ยวกับการเลือกคนเข้ารับตำแหน่ง

Well after two years, I've come to the conclusion

หลังจากสองปี ดิฉันก็สรุปได้

that, especially local government,

ว่ารัฐบาล โดยเฉพาะรัฐบาลท้องถิ่น

is about opossums.

เป็นเรื่องของหนูพอสซัม

This is the call center for the services and information line.

นี่คือศูนย์รับเรื่องทางโทรศัพท์เพื่อการบริการและข้อมูล

It's generally where you will get

โดยทั่วไปคุณจะได้รับบริการ

if you call 311 in your city.

ถ้าคุณโทร 311 จากเมืองของคุณ

If you should ever have the chance

ถ้าคุณเกิดมีโอกาส

to staff your city's call center,

ได้ทำงานในศูนย์รับเรื่องทางโทรศัพท์ของแต่ละเมือง

as our fellow Scott Silverman did as part of the program --

เหมือนสมาชิกของเรา Scott Silverman ได้ทำ

in fact, they all do that --

จริงๆแล้ว สมาชิกทุกคนของเราแหละค่ะ

you will find that people call government

คุณจะพบว่าคนโทรหารัฐบาล

with a very wide range of issues,

ด้วยปัญหาหลากหลายมากๆ

including having an opossum stuck in your house.

เช่น มีหนูพอสซัมเข้ามาติดอยู่ในบ้าน

So Scott gets this call.

สก๊อตเป็นคนรับสายนี้

He types "Opossum" into this official knowledge base.

เขาพิมพ์ "พอสซัม" เข้าไปในฐานความรู้ของหน่วยงาน

He doesn't really come up with anything. He starts with animal control.

เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรออกมา จึงเริ่มติดต่อหน่วยควบคุมสัตว์

And finally, he says, "Look, can you just open all the doors to your house

และในที่สุดเขาบอกไปว่า "ฟังนะ คุณแค่เปิดประตูบ้านทุกบานได้ไม๊

and play music really loud

แล้วเปิดเพลงให้ดังๆ

and see if the thing leaves?"

แล้วดูว่ามันจะออกไปไหม"

So that worked. So booya for Scott.

และมันก็ได้ผล เยี่ยมมากค่ะ

But that wasn't the end of the opossums.

แต่นั่นไม่ใช่ตอนจบของเรื่องพอสซัม

Boston doesn't just have a call center.

กรุงบอสตันไม่ได้มีแต่เพียงศูนย์รับเรื่องทางโทรศัพท์

It has an app, a Web and mobile app,

เขายังมีแอพทั้งบนมือถือและบนเว็บ

called Citizens Connect.

เรียกว่า Citizens Connect

Now we didn't write this app.

เราไม่ได้เขียนโปรแกรมประยุกต์นี้ขึ้นมา

This is the work of the very smart people

นี่เป็นงานของกลุ่มคนที่ฉลาดมากๆ

at the Office of New Urban Mechanics in Boston.

ที่สำนักงานช่างยนต์ยุคใหม่ในบอสตัน

So one day -- this is an actual report -- this came in:

ในวันหนึ่ง มีรายงานนี้เข้ามา

"Opossum in my trashcan. Can't tell if it's dead.

"ตัวพอสซัมอยู่ในถังขยะ ไม่รู้ว่ามันตายแล้วหรือยัง

How do I get this removed?"

ฉันจะเอามันออกไปได้อย่างไร"

But what happens with Citizens Connect is different.

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับ Citizen Connect นั้นต่างออกไป

So Scott was speaking person-to-person.

ในขณะที่สก๊อตต้องพูดทางโทรศัพท์ตัวต่อตัว

But on Citizens Connect everything is public,

ใน Citizens Connect ทุกอย่างถูกเปิดเผย

so everybody can see this.

ดังนั้นทุกคนจะเห็นสิ่งนี้

And in this case, a neighbor saw it.

และในกรณีนี้ เพื่อนบ้านก็เห็น

And the next report we got said,

และรายงานที่เราได้รับถัดมาคือ

"I walked over to this location,

"ลองเดินไปดูแล้วนะ

found the trashcan behind the house.

เจอถังขยะอยู่หลังบ้าน

Opossum? Check. Living? Yep.

พอสซัม...มี ตายหรือยัง...ยัง

Turned trashcan on its side. Walked home.

วางถังขยะนอนลง แล้วเดินกลับบ้าน

Goodnight sweet opossum."

ราตรีสวัสดิ์ พอสซัมที่น่ารัก"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Pretty simple.

ง่ายใช่ไหมคะ

So this is great. This is the digital meeting the physical.

นี่เป็นการพบกันระหว่างโลกดิจิตอลกับโลกแห่งความจริง

And it's also a great example

และมันยังเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยม

of government getting in on the crowd-sourcing game.

ของรัฐบาลที่เข้ามาในโลกออนไลน์

But it's also a great example of government as a platform.

และมันยังเป็นตัวอย่างของรัฐบาลในฐานะเวทีสาธารณะ

And I don't mean necessarily

ดิฉันไม่ได้หมายความว่าต้องเป็น

a technological definition of platform here.

จะต้องเป็นเวทีดิจิตอลเท่านั้น

I'm just talking about a platform for people

ดิฉันกำลังพูดถึงเวทีสำหรับคน

to help themselves and to help others.

ที่จะช่วยตนเองและผู้อื่น

So one citizen helped another citizen,

นั่นคือ พลเมืองคนหนึ่งช่วยพลเมืองอีกคน

but government played a key role here.

แต่รัฐบาลได้เล่นบทบาทสำคัญตรงนี้

It connected those two people.

โดยเชื่อมโยงคนสองคนนี้

And it could have connected them with government services if they'd been needed,

และมันอาจเชื่อมคนเหล่านี้ักับบริการต่างๆของรัฐบาล ถ้าต้องการ

but a neighbor is a far better and cheaper alternative

แต่เพื่อนบ้านหนึ่งคน เป็นทางเลือกที่ดีกว่าและถูกกว่ามาก

to government services.

เมื่อเทียบกับบริการของรัฐบาล

When one neighbor helps another,

เมื่อเพื่อนบ้านคนหนึ่งช่วยอีกคนหนึ่งได้

we strengthen our communities.

เราทำให้ชุมชนของเราแข็งแกร่งขึ้น

We call animal control, it just costs a lot of money.

เราติดต่อหน่วยควบคุมสัตว์ ค่าใช้จ่ายสูงมาก

Now one of the important things we need to think about government

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราจำเป็นต้องคำนึงถึงเกี่ยวกับรัฐบาล

is that it's not the same thing as politics.

คือ มันไม่ใช่สิ่งเดียวกับการเมือง

And most people get that,

และคนส่วนใหญ่ก็เข้าใจในจุดนั้น

but they think that one is the input to the other.

แต่พวกเขาคิดว่า มันขึ้นอยู่กับกันและกัน

That our input to the system of government

คิดว่าสิ่งที่เราป้อนเข้าไปสู่ระบบรัฐบาล

is voting.

คือการออกเสียงเลือกตั้ง

Now how many times have we elected a political leader --

มีสักกี่ครั้งที่เราเลือกตั้งผู้นำทางการเมือง

and sometimes we spend a lot of energy

และบางครั้ง เราใช้พลังมากมาย

getting a new political leader elected --

เพื่อให้ได้ผู้นำทางการเมืองได้รับการเลือกตั้งเข้ามา

and then we sit back and we expect government

และเราก็นั่งพักและคาดหมายว่ารัฐบาล

to reflect our values and meet our needs,

จะปฎิบัติตามค่านิยมและความต้องการของเรา

and then not that much changes?

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงใช่ไหม

That's because government is like a vast ocean

นั่นคือ รัฐบาลก็เหมือนกับท้องทะเลกว้างใหญ่

and politics is the six-inch layer on top.

และการเมืองคือชั้นพื้นผิวด้านบนที่หนาหกนิ้ว

And what's under that

และสิ่งที่อยู่ข้างใต้นั้น

is what we call bureaucracy.

คือสิ่งที่เราเรียกว่าระบบราชการ

And we say that word with such contempt.

และเราพูดคำนี้อย่างดูแคลน

But it's that contempt

แต่เป็นการดูหมิ่น

that keeps this thing that we own

ที่ทำให้สิ่งที่เราเป็นเจ้าของ

and we pay for

และจ่ายเงินให้ไป

as something that's working against us, this other thing,

ยังคงเป็นเหมือนสิ่งที่ทำงานเป็นปฏิปักษ์กับเรา

and then we're disempowering ourselves.

แล้วเราก็กำลังปลดอำนาจออกจากตัวของเราเอง

People seem to think politics is sexy.

คนมักจะคิดว่าการเมืองเย้ายวนใจ

If we want this institution to work for us,

ถ้าเราต้องการให้สถาบันนี้ทำงานให้กับเรา

we're going to have to make bureaucracy sexy.

เราจะต้องทำให้ระบบราชการเป็นที่เย้ายวนใจ

Because that's where the real work of government happens.

เพราะว่านั่นคือที่ที่งานโดยแท้จริงของรัฐบาลเกิดขึ้น

We have to engage with the machinery of government.

เราต้องเข้าไปจัดการกับกลไกของรัฐบาล

So that's OccupytheSEC movement has done.

และนั่นคือการเคลื่อนไหวของ OccupytheSEC

Have you seen these guys?

คุณเคยเห็นพวกเขาเหล่านี้ไหม

It's a group of concerned citizens

เป็นกลุ่มของพลเมืองที่มีความห่วงใย

that have written a very detailed

ที่ได้เขียนรายงานที่ละเอียดมาก

325-page report

ถึง 325 หน้า

that's a response to the SEC's request for comment

ซึ่งเป็นการขานรับการเรียกร้องของกลุ่ม SEC ที่ให้อธิบาย

on the Financial Reform Bill.

เรื่องกฎหมายการปฏิรูปทางการเงิน

That's not being politically active,

ซึ่งไม่ใช่การเคลื่อนไหวทางการเมือง

that's being bureaucratically active.

แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางระบบราชการ

Now for those of us who've given up on government,

สำหรับพวกเราที่ไม่เอารัฐบาลแล้ว

it's time that we asked ourselves

ถึงเวลาที่เราจะถามตนเอง

about the world that we want to leave for our children.

เกี่ยวกับโลกที่เรายังต้องการทิ้งไว้ให้กับลูกหลานของเรา

You have to see the enormous challenges

คุณต้องมองเห็นความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง

that they're going to face.

ที่เขาทั้งหลายจะเผชิญ

Do we really think we're going to get where we need to go

เราคิดหรือว่า เราจะไปถึงที่ๆ เราต้องการ

without fixing the one institution

โดยไม่ปรับแก้สถาบันหนึ่ง

that can act on behalf of all of us?

ที่สามารถทำงานในฐานะตัวแทนของเราทุกคนได้

We can't do without government,

เราทำอะไรไม่ได้ถ้าไม่มีรัฐบาล

but we do need it

เราจำเป็นต้องมีรัฐบาล

to be more effective.

เพื่อให้เกิดผลเพิ่มขึ้น

The good news is that technology is making it possible

ข่าวดีก็คือ เทคโนโลยีทำให้มันเป็นไปได้

to fundamentally reframe

ที่จะสร้างและพัฒนา

the function of government

การทำงานของรัฐบาลขึ้นมาใหม่

in a way that can actually scale

ไปในแนวทางที่จะเพิ่มพูนได้จริงๆ

by strengthening civil society.

ด้วยการทำให้สังคมประชากรเข้มแข็งขึ้น

And there's a generation out there that's grown up on the Internet,

และเรามีคนรุ่นที่เติบโตมากับอินเตอร์เน็ต

and they know that it's not that hard

และพวกเขารู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ยาก

to do things together,

ที่จะร่วมกันทำสิ่งต่างๆ

you just have to architect the systems the right way.

คุณเพียงแค่ต้องออกแบบระบบให้ถูกต้อง

Now the average age of our fellows is 28,

ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของสมาชิกเราคือ 28 ปี

so I am, begrudgingly,

ดิฉันจึงเป็นคนรุ่นก่อน

almost a generation older than most of them.

ที่ห่างจากคนรุ่นอินเตอร์เน็ต เกือบรุ่นหนึ่ง

This is a generation

คนรุ่นนี้

that's grown up taking their voices pretty much for granted.

เติบโตขึ้นด้วยความเคยชินกับการแสดงความคิดเห็น

They're not fighting that battle that we're all fighting

พวกเขาไม่ได้ต่อสู้แบบที่เรากำลังต่อสู้

about who gets to speak;

เกี่ยวกับว่าใครจะได้พูด

they all get to speak.

พวกเขาทั้งหมดได้พูด

They can express their opinion

พวกเขาสามารถแสดงความคิดเห็น

on any channel at any time,

ที่ไหนก็ได้เวลาใดก็ได้

and they do.

และเขาก็ทำตามนั้น

So when they're faced with the problem of government,

ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาของรัฐบาล

they don't care as much

พวกเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก

about using their voices.

เกี่ยวกับการใช้เสียง

They're using their hands.

พวกเขาใช้มือของเขา

They're using their hands

พวกเขาใช้มือของเขา

to write applications that make government work better.

เขียนแอพที่ทำให้รัฐบาลทำงานดีขึ้น

And those applications let us use our hands

และแอพเหล่านั้นทำให้เราได้ใช้มือของเรา

to make our communities better.

ลงมือทำให้ชุมชนของเราดีขึ้น

That could be shoveling out a hydrant, pulling a weed,

อาจจะเป็นการโกยหิมะจากหัวดับเพลิง หรือการถอนวัชพืช

turning over a garbage can with an opossum in it.

หรือล้มถังขยะที่มีตัวพอสซัมอยู่ข้างใน

And certainly, we could have been shoveling out those fire hydrants all along,

และแน่นอน เราน่าจะโกยหิมะออกจากหัวดับเพลิงตั้งนานแล้ว

and many people do.

และคนหลายคนได้ทำอย่างนั้น

But these apps are like little digital reminders

แอพเหล่านี้เป็นเหมือนผู้เตือนความจำดิจิตอลตัวน้อยๆ

that we're not just consumers,

ว่าเราไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภคเท่านั้น

and we're not just consumers of government,

และเราไม่ได้เป็นเพียงผู้บริโภคของรัฐบาล

putting in our taxes and getting back services.

ที่เอาภาษีไปและเราได้บริการกลับมา

We're more than that,

เราเป็นมากกว่านั้น

we're citizens.

เราเป็นพลเมือง

And we're not going to fix government

และเราจะไม่ไปแก้ไขรัฐบาล

until we fix citizenship.

จนกว่าเราปรับแก้การเป็นพลเมือง

So the question I have for all of you here:

ดังนั้นคำถามที่ดิฉันมีให้ท่านทั้งหลายที่นี่คือ

When it comes to the big, important things

เมื่อมาถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ

that we need to do together,

ที่เราจำเป็นต้องร่วมมือกัน

all of us together,

ระหว่างพวกเราทุกคน

are we just going to be a crowd of voices,

คำถามนั้นคือ เราจะเป็นเพียงกลุ่มของเสียงความคิดเห็น

or are we also going to be

หรือเราพร้อมจะเป็น

a crowd of hands?

กลุ่มของมือที่จะลงมือทำด้วย

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)