Alex Steffen: The shareable future of cities

Translator: Pieng-or M. Reviewer: Sritala Dhanasarnsombut

Climate change is already a heavy topic,

การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั้นเป็นเรื่องที่หนัก

and it's getting heavier

และกำลังจะหนักขึ้นเรื่อยๆ

because we're understanding

เพราะว่าตอนนี้เรากำลังเข้าใจ

that we need to do more than we are.

ว่าเราต้องทำอะไรมากกว่าที่เราทำอยู่

We're understanding, in fact,

เรากำลังเข้าใจว่า จริงๆ แล้ว

that those of us who live in the developed world

พวกเราที่อยู่ในโลกที่พัฒนาแล้ว

need to be really pushing towards eliminating our emissions.

จำเป็นจะต้องผลักดันให้มีการกำจัดการปล่อยพลังงานของเรา

That's, to put it mildly, not what's on the table now.

แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องทำจริงๆ

And it tends to feel a little overwhelming

บางทีเราจะรู้สึกท้อแท้กับสิ่งที่เป็น

when we look at what is there in reality today

เมื่อเราได้เห็นว่าความจริงที่เกิดขึ้นทุกวันนี้

and the magnitude of the problem that we face.

กับปัญหาที่เราเผชิญอยู่นั้นมันหนักหนาขนาดไหน

And when we have overwhelming problems in front of us,

และเมื่อเราได้เผชิญกับปัญหาทั้งหลายตรงหน้าเรา

we tend to seek simple answers.

บ่อยครั้งที่เราหาแต่คำตอบง่ายๆ

And I think this is what we've done with climate change.

และนี่ก็คือสิ่งที่ผมคิดว่าเราได้ทำอะไรไปกับปัญหาโลกร้อน

We look at where the emissions are coming from --

เรามองเอาว่าการปล่อยพลังงานนั้นมาจากไหน

they're coming out of our tailpipes and smokestacks and so forth,

มันมาจากท่อไอเสียและปล่องควันและอย่างอื่น

and we say, okay, well the problem is

เราเลยบอกว่า โอเค ปัญหาก็คือ

that they're coming out of fossil fuels that we're burning,

มลพิษเหล่านี้มันมาจากการเผาของเชื้อเพลิงที่เราเผามัน

so therefore, the answer must be

เพราะฉะนั้น ทางแก้ก็ต้องเป็น

to replace those fossil fuels with clean sources of energy.

การทดแทนเชื้อเพลิงเหล่านั้นด้วยแหล่งพลังงานสะอาด

And while, of course, we do need clean energy,

อย่างนั้น เราก็ต้องหาพลังงานสะอาด

I would put to you that it's possible

ผมบอกได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นไปได้

that by looking at climate change

ที่จะพูดว่าปัญหาสภาพภูมิอากาศ

as a clean energy generation problem,

ก็คือการแก้ปัญหาด้านพลังงานสะอาด

we're in fact setting ourselves up

แต่จริงๆแล้ว เราเองนี่แหละที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้

not to solve it.

ไม่ได้ถูกแก้เลย

And the reason why

แล้วเหตุผลก็คือว่า

is that we live on a planet

เราอาศัยอยู่บนโลก

that is rapidly urbanizing.

ที่มีความเป็นเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว

That shouldn't be news to any of us.

ซึ่งทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้ว

However, it's hard sometimes

แต่อย่างไรก็ตาม บางทีมันก็ยาก

to remember the extent of that urbanization.

ที่เราจะตระหนักถึงการขยายตัวของเมืองเหล่านั้น

By mid-century,

เมื่อถึงกลางศตวรรษนี้

we're going to have about eight billion -- perhaps more -- people

เราจะมีประชากรประมาณ 8 พันล้านคนหรืออาจจะมากกว่านั้น ผู้คนเหล่านี้

living in cities or within a day's travel of one.

อาศัยอยู่ในเมืองหรือเดินทางเข้าเมืองได้ภายใน 1 วัน

We will be an overwhelmingly urban species.

เราจะเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ในเมืองอย่างแออัด

In order to provide

ในกรณีที่เราจะมี

the kind of energy that it would take

พลังงานเพื่อคนมากมายที่กำลังจะเกิดขึ้นถึง

for eight billion people living in cities

8 พันล้านคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ

that are even somewhat like the cities

หรือใกล้เคียงกับเมืองใหญ่

that those of us in the global North live in today,

อย่างพวกเราที่อาศัยอยู่ในกลุ่มประเทศซีกโลกเหนือทุกวันนี้

we would have to generate

เราจะต้องผลิต

an absolutely astonishing amount of energy.

พลังงานที่มากมายมหาศาลเท่านั้น

It may be possible

มันเป็นไปได้อยู่แล้ว

that we are not even able

ว่าเราไม่สามารถ

to build that much clean energy.

สร้างพลังงานสะอาดได้มากมายขนาดนั้น

So if we're seriously talking about tackling climate change

เพราะฉะนั้น หากเราจะตั้งใจจริงๆ ในเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป

on an urbanizing planet,

บนโลกที่วุ่นวายนี้

we need to look somewhere else for the solution.

เราจำเป็นที่จะต้องมองหาทางแก้อื่นๆ

The solution, in fact, may be closer to hand than we think,

จริงๆ แล้ว ทางแก้นั้นอาจจะง่ายกว่าที่เราคิด

because all of those cities we're building

เพราะว่าเมืองทั้งหลายที่เรากำลังจะสร้างขึ้นนั้น

are opportunities.

คือโอกาสของเรา

Every city determines to a very large extent

ทุกๆ เมืองนั้นมีผลต่อปริมาณพลังงานมหาศาล

the amount of energy used by its inhabitants.

ที่จะถูกใช้จากผู้อยู่อาศัยในเมืองนั้นๆ

We tend to think of energy use as a behavioral thing --

ส่วนมากเราจะคิดแต่ว่าการใช้พลังงานนั้นเกี่ยวข้องกับพฤติกรรม

I choose to turn this light switch on --

เช่น การเลือกที่จะเปิดไฟ

but really, enormous amounts of our energy use

แต่จริงๆ แล้ว การใช้พลังงานที่มีปริมาณมหาศาลนั้น

are predestined

ขึ้นอยู่กับ

by the kinds of communities and cities that we live in.

ลักษณะของชุมชนและเมืองที่เราอยู่อาศัยต่างหาก

I won't show you very many graphs today,

วันนี้ผมจะไม่เอากราฟให้ดูมากมาย

but if I can just focus on this one for a moment,

แต่ผมขอให้เราดูกราฟอันนี้สักครู่หนึ่ง

it really tells us a lot of what we need to know --

ซึ่งบอกอะไรเราหลายอย่างที่เราจำเป็นต้องรู้

which is, quite simply,

และค่อนข้างง่าย

that if you look, for example, at transportation,

อันนี้ ยกตัวอย่างเช่น การคมนาคม

a major category of climate emissions,

ซึ่งเป็นปัญหาหลักในการปลดปล่อยพลังงานเสีย

there is a direct relationship

อันนี้เราจะเห็นความสัมพันธ์โดยตรง

between how dense a city is

ระหว่างความแออัดของเมือง

and the amount of climate emissions

กับการปลดปล่อยพลังงานต่างๆ

that its residents spew out into the air.

ที่ผู้อยู่อาศัยนั้นปล่อยไปในอากาศ

And the correlation, of course,

และแน่นอนที่สุด ความสัมพันธ์นี้นั้น

is that denser places tend to have lower emissions --

ที่ๆ มีความหนาแน่นกว่าจะปล่อยพลังงานน้อยกว่า

which isn't really all that difficult to figure out, if you think about it.

ซึ่งไม่ยากที่เราจะคิดหาเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น

Basically,

เพราะโดยทั่วไปแล้ว

we substitute, in our lives,

เราใช้ชีวิตเราไปกับการ

access to the things we want.

ขวนขวายหาสิ่งที่เราต้องการ

We go out there and we hop in our cars

เรากระโดดขึ้นรถเพื่อจะออกไปข้างนอก

and we drive from place to place.

แล้วเราก็ขับรถจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง

And we're basically using mobility to get the access we need.

นั่นก็คือเราใช้สิ่งที่เคลื่อนที่ย้ายเราได้เป็นตัวพาเราไปหาสิ่งที่ต้องการ

But when we live in a denser community,

แต่เมื่อเราอาศัยอยู่ในเมืองที่แออัดขึ้น

suddenly what we find, of course,

แน่นอนที่สุด เราจะพบว่า

is that the things we need are close by.

ทุกๆ อย่างที่เราต้องการนั้นอยู่ใกล้กัน

And since the most sustainable trip

และเมื่อการเดินทางที่จะเสียพลังงานมากที่สุดนั้น

is the one that you never had to make in the first place,

คืออันที่เราได้หลีกเลี่ยงไปตั้งแต่แรกเนี่ย

suddenly our lives become instantly more sustainable.

ชีวิตของเราก็จะมีความพอเพียงขึ้นทันที

And it is possible, of course,

แล้วมันก็เป็นไปได้อย่างง่ายๆ

to increase the density of the communities around us.

ที่จะเพิ่มความหนาแน่นของชุมชนรอบๆ เรา

Some places are doing this with new eco districts,

บางที่นั้นกำลังทำเขตแวดล้อมเชิงนิเวศน์

developing whole new sustainable neighborhoods,

โดยการพัฒนารูปแบบของสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนทั้งหมดให้รอบๆ เมือง

which is nice work if you can get it,

ซึ่งเป็นงานที่ดีหากคุณสามารถทำได้

but most of the time, what we're talking about is, in fact,

แต่ส่วนใหญ่แล้ว สิ่งที่เราพูดถึง จริงๆ แล้วคือ

reweaving the urban fabric that we already have.

คล้ายกับการถักทอใหม่จากสิ่งที่เป็นผ้าอยู่แล้ว

So we're talking about things like infill development:

ซึ่งเรากำลังพูดถึงสิ่งที่คล้ายกับการฟื้นฟูสภาพแบบเบ็ดเสร็จ

really sharp little changes

เป็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนแต่เล็กมากๆ

to where we have buildings, where we're developing.

ในที่ๆ เป็นตึกหรือในที่ๆ มีการพัฒนา

Urban retrofitting:

หรือการปรับสภาพเมือง

creating different sorts of spaces and uses

ซึ่งก็คือการสร้างพื้นที่ต่างๆ ใหม่

out of places that are already there.

และใช้พื้นที่เดิมที่มีอยู่แล้ว

Increasingly, we're realizing

พอนานๆ ขึ้น เราจะตระหนักได้ว่า

that we don't even need to densify an entire city.

เราไม่ได้ต้องการที่จะทำให้เมืองทั้งเมืองนั้นแออัด

What we need instead is an average density

แต่เราต้องการความหนาแน่นที่พอดี

that rises to a level

ที่จะเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่

where we don't drive as much and so on.

เราไม่ต้องขับรถมากขึ้นเรื่อยๆ

And that can be done

สิ่งเหล่านี้จะสำเร็จขึ้นได้

by raising the density in very specific spots a whole lot.

ด้วยการเพิ่มอัตราความหนาแน่นของจุดสำคัญๆ ให้มากขึ้น

So you can think of it as tent poles

หรือลองคิดว่ามันเป็นเสาเต้นท์

that actually raise the density of the entire city.

ที่จะรวมกันจนเกิดความหนาเเน่นให้กับเมืองทั้งเมือง

And we find that when we do that,

และเราจะพบว่าเมื่อเราทำสำเร็จแล้ว

we can, in fact, have a few places that are really hyper-dense

เราจะมีบางที่ๆ มีความหนาแน่นจริงๆ

within a wider fabric of places

บนพื้นที่ๆ กว้างขึ้น

that are perhaps a little more comfortable

ซึ่งอาจจะทำให้สะดวกสบายขึ้น

and achieve the same results.

และได้ผลลัพธ์อย่างที่เราต้องการ

Now we may find that there are places that are really, really dense

ทุกวันนี้ เราอาจเห็นบางที่ๆ มีความหนาแน่นจริงๆ

and still hold onto their cars,

แต่ทุกคนก็ยังมีรถเป็นของตนเอง

but the reality is that, by and large,

แต่จริงๆ แล้ว โดยส่วนมากเนี่ย

what we see when we get a lot of people together with the right conditions

สิ่งที่เราเห็นคือเมื่อเราหยิบยกเอาเงื่อนไขที่ดีให้กับคนกลุ่มใหญ่

is a threshold effect,

สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่

where people simply stop driving as much,

คือคนเหล่านั้นจะหยุดขับรถไปเอง

and increasingly, more and more people,

แล้วก็จะเกิดกับคนมากขึ้นๆ เรื่อยๆ

if they're surrounded by places that make them feel at home,

หากพวกเขาได้อยู่ในที่ๆ เขารู้สึกเหมือนบ้าน

give up their cars altogether.

เขาก็จะสละรถไปพร้อมๆ กัน

And this is a huge, huge energy savings,

แล้วมันก็จะเป็นการประหยัดพลังงานที่มหาศาล

because what comes out of our tailpipe

เพราะสิ่งที่ออกมาจากท่อไอเสียของเรานั้น

is really just the beginning of the story

จริงๆ เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง

with climate emissions from cars.

การปล่อยพลังงานเสียสู่อากาศ

We have the manufacture of the car, the disposal of the car,

เรายังมีโรงงานผลิตรถยนต์ ทำลายรถยนต์

all of the parking and freeways and so on.

ที่จอดรถ ทางด่วน หรืออย่างอื่นอีกมากมาย

When you can get rid of all of those

เมื่อใดที่คุณกำจัดสิ่งเหล่านี้ไปได้

because somebody doesn't use any of them really,

เพราะไม่มีใครใช้มันจริงสักเท่าไหร่

you find that you can actually cut transportation emissions

คุณจะพบว่าคุณสามารถตัดการปล่อยพลังงานเสียจากการคมนาคมได้

as much as 90 percent.

มากถึง 90 เปอร์เซนต์

And people are embracing this.

เราจะเห็นว่ามีหลายคนที่เริ่มการกระทำนี้

All around the world, we're seeing more and more people embrace this walkshed life.

หลายที่ในโลกตอนนี้ มีคนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หันมาใช้ชีวิตแบบเดินเท้ามากขึ้น

People are saying that it's moving from the idea of the dream home

พวกเขาบอกว่าสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนจากไอเดียของบ้านในฝัน

to the dream neighborhood.

เป็นละแวกบ้านในฝัน

And when you layer that over

และเมื่อใดที่คุณทำให้มันเป็นแบบนั้นได้

with the kind of ubiquitous communications that we're starting to see,

ด้วยการติดต่อกันได้ทุกๆ ที่อย่างที่เราเริ่มเห็นกัน

what you find is, in fact,

เราจะพบว่า จริงๆ แล้ว

even more access suffused into spaces.

เราจะไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้นทุกๆ ที่

Some of it's transportation access.

บางทีเป็นเพราะการเข้าถึงของคมนาคม

This is a Mapnificent map that shows me, in this case,

ยกตัวอย่างเช่นอันนี้ เป็นแผนที่ของกูเกิลที่แสดงให้เห็นว่า

how far I can get from my home in 30 minutes

ผมเดินทางไปได้ไกลแค่ไหนภายใน 30 นาที

using public transportation.

โดยการใช้ยานพาหนะสาธาณะ

Some of it is about walking. It's not all perfect yet.

บางอันก็มีการเดิน แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์นัก

This is Google Walking Maps.

อันนี้เป็นแผนที่การเดินของกูเกิล

I asked how to do the greater Ridgeway,

ผมเขียนไปว่าจะไปที่ริดจ์เวย์

and it told me to go via Guernsey.

แผนที่ก็บอกให้ผมไปทางเกิร์นซี่

It did tell me that this route

แต่มันก็บอกนะว่าทางนี้เนี่ย

maybe missing sidewalks or pedestrian paths, though.

อาจจะไม่มีทางให้เดินหรือทางเท้า

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But the technologies are getting better,

แต่เทคโนโลยีก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ

and we're starting to really kind of crowdsource this navigation.

เรากลายเป็นคนที่ช่วยพัฒนาเส้นทางการนำทางไปด้วย

And as we just heard earlier,

อย่างที่ได้ยินกัน

of course, we're also learning how to put information on dumb objects.

เราก็กำลังเรียนรู้วิธีการแบ่งปันข้อมูลลงบนสิ่งที่เป็นประโยชน์

Things that don't have any wiring in them at all,

ที่ยังไม่ปรากฎขึ้นหรือยังไม่ถูกกล่าวถึง

we're learning how to include

เราเรียนรู้ที่จะรวบรวม

in these systems of notation and navigation.

สิ่งเหล่านี้กับระบบของเครื่องหมายหรือการนำทาง

Part of what we're finding with this

ส่วนหนึ่งที่เราเจอจากนี้ก็คือ

is that what we thought

สิ่งที่เราเคยคิดไว้

was the major point

ว่าเป็นประเด็นหลัก

of manufacturing and consumption,

ของการผลิตและการบริโภค

which is to get a bunch of stuff,

ซึ่งก็คือการสรรหาสิ่งต่างๆ มากมายนั้น

is not, in fact,

จริงๆ แล้วมันไม่ใช่

how we really live best in dense environments.

ว่าเราจะอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่แออัดได้อย่างไร

What we're finding is that what we want

สิ่งที่เราพบก็คือสิ่งที่เราต้องการที่จะ

is access to the capacities of things.

เข้าถึงประสิทธิภาพของสิ่งต่างๆ

My favorite example is a drill. Who here owns a drill, a home power drill?

ตัวอย่างที่ผมชอบก็คือสว่าน ใครในที่นี้มีสว่านเจาะรูที่บ้านบ้าง

Okay. I do too.

โอเค ผมก็มี

The average home power drill is used somewhere between six and 20 minutes

สว่านสำหรับใช้ที่บ้านนั้นโดยเฉลี่ยเราจะใช้ประมาณ 6-20 นาที

in its entire lifetime,

ชั่วชีวิตของมัน

depending on who you ask.

ขึ้นอยู่กับว่าใครที่คุณถาม

And so what we do is we buy these drills

เพราะฉะนั้น อย่างเราๆ ก็คือการซื้อสว่าน

that have a potential capacity of thousands of hours of drill time,

ที่มีประสิทธิภาพในการใช้เป็นพันๆ ชั่วโมงในการเจาะรู

use them once or twice to put a hole in the wall and let them sit.

มาใช้อยู่ครั้งถึงสองครั้งเพื่อเจาะรูบนกำแพง เสร็จแล้วก็ทิ้งมันไว้เฉยๆ

Our cities, I would put to you,

ผมจะบอกว่าเมืองของเรานั้น

are stockpiles of these surplus capacities.

เป็นคลังสินค้าของสิ่งต่างๆ ที่เหลือใช้มากมาย

And while we could try and figure out

และในระหว่างที่เราพยายามค้นหา

new ways to use those capacities --

หนทางใหม่ๆ ที่จะใช้ศักยภาพที่เหลือใช้

such as cooking or making ice sculptures

เช่น การนำไปทำอาหาร หรือแกะสลักน้ำแข็ง

or even a mafia hit --

หรือแม้กระทั่งการฆาตกรรม

what we probably will find

สิ่งที่เราค้นพบนั้น

is that, in fact, turning those products into services

จริงๆ แล้วก็คือการเปลี่ยนจากสินค้าเป็นการบริการ

that we have access to when we want them,

ที่เราจะสามารถหยิบใช้ได้เมื่อต้องการ

is a far smarter way to go.

จะเป็นหนทางที่ฉลาดกว่า

And in fact, even space itself is turning into a service.

และแม้กระทั่งพื้นที่เองก็สามารถเปลี่ยนเป็นการบริการได้

We're finding that people can share the same spaces,

เราพบว่าเราสามารถแบ่งปันพื้นที่เดียวกันนี้

do stuff with vacant space.

ทำอะไรได้หลายอย่าง

Buildings are becoming bundles of services.

ตึกหลายตึกก็กลายเป็นการบริการที่หลากหลาย

So we have new designs

เราจึงมีการออกแบบใหม่ๆ

that are helping us take mechanical things that we used to spend energy on --

ที่จะช่วยเราในเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ที่ปกติเราใช้พลังงานไปกับมัน

like heating, cooling etc. --

เช่น เครื่องทำความร้อน แอร์ หรืออื่นๆ

and turn them into things that we avoid spending energy on.

ให้เปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นโดยการเลี่ยงที่จะใช้มัน

So we light our buildings with daylight.

อย่างการใช้แสงสว่างจากแสงอาทิตย์

We cool them with breezes. We heat them with sunshine.

การทำให้เย็นโดยลมธรรมชาติ หรือทำให้อบอุ่นด้วยแสงอาทิตย์

In fact, when we use all these things,

จริงๆ แล้ว เมื่อเราใช้สิ่งเหล่านี้

what we've found is that, in some cases,

สิ่งที่เราพบก็คือ ในบางกรณี

energy use in a building can drop as much as 90 percent.

การใช้พลังงานในตึกนั้นลดลงได้มากถึง 90 เปอร์เซนต์

Which brings on another threshold effect

ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นัก

I like to call furnace dumping,

ที่ผมเรียกว่าการละทิ้งเตาเผา

which is, quite simply,

ถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ

if you have a building that doesn't need to be heated with a furnace,

ถ้าคุณมีตึกที่ไม่จำเป็นต้องทำให้อุ่นด้วยเครื่องทำความร้อน

you save a whole bunch of money up front.

คุณก็จะประหยัดเงินได้มากตั้งแต่เริ่ม

These things actually become cheaper to build

แล้วการสร้างสิ่งเหล่านี้ก็ถูกลงเรื่อยๆ

than the alternatives.

กว่าทางเลือกอื่นๆ

Now when we look at being able

ถึงตอนนี้ถ้าเราสามารถ

to slash our product use, slash our transportation use,

ตัดการใช้สินค้า ตัดการใช้ยานพาหนะต่างๆ

slash our building energy use,

หรือตัดการใช้พลังงานในตึกได้

all of that is great, but it still leaves something behind.

ก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังคงทิ้งบางสิ่งไว้

And if we're going to really, truly become sustainable cities,

เพราะว่าหากเราต้องการที่จะมีการอยู่อาศัยแบบยั่งยืนในเมืองของเรา

we need to think a little differently.

เราจำเป็นต้องคิดต่างขึ้นหน่อย

This is one way to do it.

นี่คือทางหนึ่งที่จะทำ

This is Vancouver's propaganda about how green a city they are.

อันนี้เป็นการโฆษณาของเมืองแวนคูเวอร์ว่าเมืองเขาสีเขียวขนาดไหน

And certainly lots of people have taken to heart

และแน่นอนว่าหลายต่อหลายคนก็เข้าใจไป

this idea that a sustainable city is covered in greenery.

ว่าการอยู่อาศัยที่ยั่งยืนคือการมีสีเขียวของธรรมชาติปกคลุม

So we have visions like this.

เราก็เลยได้สิ่งที่เป็นแบบนี้

We have visions like this. We have visions like this.

แล้วก็แบบนี้ และก็แบบนี้อีกเช่นกัน

Now all of these are fine projects,

สิ่งเหล่านี้ก็เป็นโครงการที่ใช้ได้

but they really have missed an essential point,

แต่พวกเขาได้พลาดประเด็นที่สำคัญไป

which is it's not about the leaves above,

นั่นคือมันไม่ได้เกี่ยวกับใบไม้สีเขียวที่ปกคลุมอยู่

it's about the systems below.

แต่เกี่ยวกับระบบภายใต้นั้นต่างหาก

Do they, for instance, capture rainwater

อย่างเช่น สิ่งเหล่านี้ กักเก็บน้ำฝนได้ไหม

so that we can reduce water use?

เพื่อที่เราจะได้ลดการใช้น้ำได้

Water is energy intensive.

เพราะน้ำนั้นใช้พลังงานมหาศาล

Do they, perhaps, include green infrastructure,

สิ่งเหล่านี้ มีโครงสร้างผังเมืองที่เป็นสีเขียวไหม

so that we can take runoff

เพื่อที่เราจะสามารถนำของเหลว

and water that's going out of our houses

หรือน้ำที่ถูกใช้จากที่อยู่อาศัยของเรา

and clean it and filter it

มากรองให้สะอาด

and grow urban street trees?

เพื่อจะใช้สำหรับต้นไม้บนถนน

Do they connect us back to the ecosystems around us

สิ่งเหล่านี้ เชื่อมโยงเรากลับไปถึงระบบนิเวศรอบตัวเราหรือเปล่า

by, for example, connecting us to rivers

อย่างเช่น การเชื่อมโยงเรากับแม่น้ำ

and allowing for restoration?

สำหรับการฟื้นฟูธรรมชาติ

Do they allow for pollination,

สิ่งเหล่านี้ จะทำให้การถ่ายเทเกสรเป็นไปได้ไหม

pollinator pathways

หรือหนทางต่างๆ

that bees and butterflies and such can come back into our cities?

ที่ผึ้ง ผีเสื้อ หรืออื่นๆ นั้นจะสามารถกลับเข้ามาในเมืองได้อีกหรือไม่

Do they even take the very waste matter

หรือแม้กระทั่ง สิ่งเหล่านี้ให้ความสำคัญกับของเสีย

that we have from food and fiber and so forth,

ที่เราถ่ายจากอาหาร ธาตุไฟเบอร์และสิ่งอื่นๆ

and turn it back into soil

แล้วเปลี่ยนมันเป็นดินหรือไม่

and sequester carbon --

หรือการหยิบเอาคาร์บอน

take carbon out of the air

จากคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ

in the process of using our cities?

ที่ผ่านกระบวนการการใช้จากเมืองของเรา

I would submit to you that all of these things are not only possible,

ผมรับรองพวกคุณได้ว่าสิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดไม่ใช่แค่มันเป็นไปได้

they're being done right now,

แต่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้

and that it's a darn good thing.

และมันเป็นสิ่งที่วิเศษมากๆ

Because right now, our economy by and large

เพราะในขณะนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของเรานั้น

operates as Paul Hawken said,

เป็นแบบที่พอล ฮอว์เกนบอกว่าคือ

"by stealing the future, selling it in the present

"การขโมยอนาคตมาขายในปัจจุบัน

and calling it GDP."

และเรียกมันว่า จีดีพี"

And if we have another eight billion

และเมื่อไรที่เรามีคนอีก 8 พันล้าน

or seven billion,

7 พันล้าน

or six billion, even, people,

หรือ 6 พันล้าน หรือเท่าไหร่ก็ตาม

living on a planet where their cities also steal the future,

อาศัยอยู่บนโลกที่แต่ละที่นั้นขโมยอนาคตมาใช้ไปเรื่อยๆ

we're going to run out of future really fast.

อนาคตเราก็จะหมดลงอย่างรวดเร็ว

But if we think differently,

แต่ถ้าเราคิดในทางกลับกัน

I think that, in fact, we can have cities

จริงๆ แล้วผมคิดว่าเราสามารถมีเมือง

that are not only zero emissions,

ที่ไม่ใช่แค่ปลอดจากการปล่อยสารพิษ

but have unlimited possibilities as well.

แต่จะมีทางเลือกที่เป็นไปได้อย่างไม่สิ้นสุด

Thank you very much.

ขอบคุณมากครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)