The brain in love | Helen Fisher

Translator: Patama Patamajinda Reviewer: Kanawat Senanan

I and my colleagues Art Aron and Lucy Brown and others,

ฉันและเพื่อนร่วมงาน อาร์ต แอรอน และ ลูซี่ บราวน์ กับคนอื่นๆ

have put 37 people who are madly in love into a functional MRI brain scanner.

ได้นำคนที่กำลังมีความรักอย่างบ้าคลั่ง 37 คน

เข้าเครื่องสแกนสมองเอ็มอาร์ไอ (MRI)

17 who were happily in love, 15 who had just been dumped,

17 คนมีความสุขกับความรัก อีก 15 คนเพิ่งถูกทิ้ง

และเราก็เพิ่งเริ่มการทดลองครั้งที่สาม

and we're just starting our third experiment:

studying people who report that they're still in love

คือศึกษากลุ่มคนที่บอกว่าพวกเขายังคงอยู่ในห้วงรัก

หลังจากแต่งงานมาแล้ว 10 ถึง 25 ปี

after 10 to 25 years of marriage.

So, this is the short story of that research.

ต่อไปนี้ก็คือเรื่องเล่าสั้นๆ ของงานวิจัยนั้น

ในป่าของประเทศกัวเตมาลา ที่เมืองโบราณตีกัล มีวิหารหนึ่ง

In the jungles of Guatemala, in Tikal, stands a temple.

It was built by the grandest Sun King, of the grandest city-state,

ถูกสร้างขึ้นโดย ซัน คิง ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด

แห่งเมืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

of the grandest civilization of the Americas, the Mayas.

ของอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกา อารยธรรมมายา

ชื่อของเขาคือ จาซอว์ ชาน คาวีล

His name was Jasaw Chan K'awiil.

He stood over six feet tall.

เขาสูงกว่าหกฟุต

เขาใช้ชีวิตจนอายุขัยได้กว่า 80 ปี

He lived into his 80s,

ร่างของเขาถูกฝังไว้ใต้อนุสรณ์สถานแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 720

and he was buried beneath this monument in 720 AD.

And Mayan inscriptions proclaim that he was deeply in love with his wife.

ในจารึกของชาวมายันได้ประกาศไว้ว่า

เขามีความรักอย่างลึกซึ้งต่อภรรยา

เขาจึงสร้างวิหารขึ้นหลังหนึ่งเพื่อเป็นเกียรติแก่เธอ โดยให้หันหน้าเข้าหาวิหารของเขา

So, he built a temple in her honor, facing his.

And every spring and autumn, exactly at the equinox,

และทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง ในวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน

ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากทางด้านหลังวิหารของเขา

the sun rises behind his temple,

and perfectly bathes her temple with his shadow.

ทำให้เงาจากวิหารของเขา ปกคลุมวิหารของเธอได้อย่างลงตัว

And as the sun sets behind her temple in the afternoon,

และช่วงที่ดวงอาทิตย์ตก ทางด้านหลังวิหารของเธอในยามบ่าย

it perfectly bathes his temple with her shadow.

เงาจากวิหารของเธอก็ปกคลุมวิหารของเขาได้อย่างสมบูรณ์

เวลาผ่านไปกว่า 1,300 ปี คู่รักคู่นี้

After 1,300 years, these two lovers still touch and kiss from their tomb.

ยังคงสัมผัสและจุมพิตกันจากหลุมศพของพวกเขา

รอบโลกใบนี้ ผู้คนต่างมีความรัก

Around the world, people love.

พวกเขาร้องเพลงเพื่อความรัก เต้นเพื่อความรัก

They sing for love, they dance for love,

they compose poems and stories about love.

พวกเขาแต่งกลอน และเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก

They tell myths and legends about love.

พวกเขาเล่าเรื่องปรัมปราและตำนานเกี่ยวกับความรัก

พวกเขาเศร้าโศกเพราะความรัก มีชีวิตอยู่เพื่อความรัก

They pine for love, they live for love, they kill for love, and they die for love.

พวกเขาฆ่าเพื่อความรัก และยอมตายเพื่อความรัก

ดังที่วอลท์ วิทแมน เคยกล่าวไว้ครั้งหนึ่ง

As Walt Whitman once said, "O I would stake all for you."

เขากล่าวว่า "ฉันจะเดิมพันด้วยทุกอย่างเพื่อเธอ"

นักมานุษยวิทยาได้ค้นพบหลักฐาน เกี่ยวกับรักโรแมนติคใน 170 กลุ่มสังคม

Anthropologists have found evidence of romantic love in 170 societies.

They've never found a society that did not have it.

พวกเขาไม่เคยพบกลุ่มสังคมใดที่ไม่มีหลักฐานประเภทนั้น

แต่ความรักก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่แสนสุขเสมอไป

But love isn't always a happy experience.

มีการค้นคว้าของกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่ง

In one study of college students, they asked a lot of questions about love,

พวกเขาตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับความรัก

แต่สองคำถามที่น่าสนใจที่สุดสำหรับฉันคือ

but the two that stood out to me the most were:

"คุณเคยถูกปฏิเสธโดยคนที่คุณรักอย่างจริงจังหรือไม่"

"Have you ever been rejected by somebody who you really loved?"

And the second question was:

และคำถามที่สองคือ

"คุณเคยทิ้งคนที่รักคุณอย่างจริงจังหรือไม่"

"Have you ever dumped somebody who really loved you?"

And almost 95 percent of both men and women said yes to both.

และเกือบ 95 เปอร์เซ็นต์ของทั้งชายและหญิง ตอบว่า เคย ทั้งสองคำถาม

เกือบจะไม่มีใครมีชีวิตรอดพ้นจากความรัก

Almost nobody gets out of love alive.

So, before I start telling you about the brain,

ก่อนที่ฉันจะเริ่มเล่าเกี่ยวกับสมองให้คุณฟัง

ฉันอยากจะอ่าน

I want to read for you

what I think is the most powerful love poem on Earth.

บทกลอนที่ฉันคิดว่าเป็นกลอนความรักที่มีพลังที่สุดในโลก

There's other love poems that are, of course, just as good,

แน่นอนว่ามีกลอนบทอื่นๆ ที่ดีพอๆ กันอยู่แล้ว

แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีกลอนบทไหนที่โดดเด่นกว่ากลอนบทนี้

but I don't think this one can be surpassed.

มันได้รับการถ่ายทอดโดยชาวอินเดียนควาคิยุล์ทนิรนาม แห่งอลาสก้าตอนใต้

It was told by an anonymous Kwakiutl Indian of southern Alaska

to a missionary in 1896.

ให้กับมิชชันนารีคนหนึ่ง ในปี 1896 และนี่ก็คือกลอนที่ว่า

And here it is.

ฉันไม่เคยได้มีโอกาสเอ่ยกลอนบทนี้มาก่อนเลย

I've never had the opportunity to say it before.

"Fire runs through my body with the pain of loving you.

"เปลวไฟแผ่ไปทั่วร่าง จากความเจ็บปวดเพราะรักเธอ

ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วร่าง จากไฟรักที่มอบให้เธอ

Pain runs through my body with the fires of my love for you.

Pain like a boil about to burst with my love for you,

เจ็บปวดดังจุดเดือดจวนระเบิด เพราะรักที่ฉันมีต่อเธอ

ถูกกลืนกินด้วยไฟรักที่มีไว้เพื่อเธอ

consumed by fire with my love for you.

I remember what you said to me.

ฉันจดจำสิ่งที่เธอเคยบอก

ฉันคิดถึงความรักที่เธอเคยมอบ

I am thinking of your love for me.

ฉันใจสลายเพราะรักที่เธอเคยให้

I am torn by your love for me.

ความเจ็บปวดที่ถาโถม

Pain and more pain --

where are you going with my love?

เธอจะพารักของฉันไปแห่งใด

มีใครบอกฉันว่าเธอจะไปจากที่นี่

I am told you will go from here.

I am told you will leave me here.

มีคนบอกฉันว่าเธอจะทิ้งฉันไว้

ร่างกายฉันมันชาเพราะความโศกเศร้า

My body is numb with grief.

โปรดจดจำสิ่งที่ฉันบอกเถิดที่รัก

Remember what I said, my love.

ลาก่อน ที่รัก ลาก่อน"

Goodbye, my love, goodbye."

Emily Dickinson once wrote, "Parting is all we need to know of hell."

เอมิลี ดิกคินสัน เคยเขียนไว้ว่า

"การพรากจากกันก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา ที่จะต้องรู้เกี่ยวกับนรก"

มีกี่คนที่ต้องทนทุกข์

How many people have suffered

ในตลอดหลายล้านปีของวิวัฒนาการมนุษย์

in all the millions of years of human evolution?

How many people around the world

มีกี่คนบนโลกใบนี้

ที่กำลังกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข ณ วินาทีนี้

are dancing with elation at this very minute?

Romantic love is one of the most powerful sensations on Earth.

รักโรแมนติคเป็นความรู้สึกที่มีอิทธิพลที่สุดในโลกใบนี้

ดังนั้น หลายปีที่แล้ว ฉันจึงตัดสินใจสำรวจดูสมอง

So, several years ago, I decided to look into the brain

และศึกษาความคลั่งไคล้นี้

and study this madness.

Our first study of people who were happily in love

งานชิ้นแรกของเราที่ศึกษาคนที่มีความสุขกับความรัก

has been widely publicized,

ได้รับการเผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง

so I'm only going to say very little about it.

ฉันก็เลยจะขอพูดถึงแค่เพียงนิดเดียว

We found activity in a tiny, little factory near the base of the brain

เราได้พบกิจกรรมบางอย่าง ในส่วนที่เล็กมากๆ ใกล้กับฐานสมอง

called the ventral tegmental area.

เรียกว่า เวนทราล เทกเมนทัล แอเรีย (Ventral Tegmental Area)

We found activity in some cells called the A10 cells,

เราพบกิจกรรมในเซลล์บางกลุ่ม ที่เรียกว่าเซลล์เอเท็น (A10)

cells that actually make dopamine, a natural stimulant,

ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นเซลล์ที่ผลิตโดปามีน สารกระตุ้นธรรมชาติ

and spray it to many brain regions.

และฉีดพ่นไปยังหลายๆ ส่วนของสมอง

วีทีเอ เป็นส่วนหนึ่งของระบบการให้รางวัลของสมอง

Indeed, this part, the VTA, is part of the brain's reward system.

มันอยู่ลึกกว่ากระบวนการคิดอย่างมีเหตุมีผลไปมาก

It's way below your cognitive thinking process.

It's below your emotions.

อยู่ลึกกว่าอารมณ์ต่างๆ ของคุณ

It's part of what we call the reptilian core of the brain,

มันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เราเรียกว่า เรปทิเลียนคอร์ ของสมอง

associated with wanting, with motivation, with focus and with craving.

เกี่ยวข้องกับความต้องการ แรงจูงใจ

การมุ่งความสนใจ และความอยาก

In fact, the same brain region where we found activity

อันที่จริง เป็นสมองส่วนเดียวกับที่เราพบกิจกรรม

ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับตอนที่คุณรู้สึกพลุ่งพล่านจากโคเคน

becomes active also when you feel the rush of cocaine.

But romantic love is much more than a cocaine high --

แต่รักโรแมนติคมีอะไรที่มากกว่าการเมาโคเคน

at least you come down from cocaine.

อย่างน้อยคุณยังสร่างเมาจากโคเคนได้

Romantic love is an obsession, it possesses you.

รักโรแมนติคเป็นความหมกมุ่น มันครอบงำคุณ

You lose your sense of self.

คุณสูญเสียความเป็นตัวเอง

คุณไม่สามารถหยุดคิดถึงเกี่ยวกับมนุษย์อีกคนได้

You can't stop thinking about another human being.

Somebody is camping in your head.

ใครบางคนมาตั้งแคมป์อยู่ในหัวของคุณ

ตามที่กวีชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่แปด กล่าวไว้ว่า

As an eighth-century Japanese poet said, "My longing had no time when it ceases."

"ความปรารถนาของฉันไม่มีเวลาสิ้นสุด"

ความดุเดือดคือความรัก

Wild is love.

และการถูกครอบงำก็ยิ่งเลวร้ายขึ้นเมื่อคุณถูกปฏิเสธ

And the obsession can get worse when you've been rejected.

พอมาถึงตอนนี้ ลูซี บราวน์ กับฉัน นักประสาทวิทยาของโปรเจคนี้

So, right now, Lucy Brown and I, the neuroscientists on our project,

ก็กำลังศึกษาข้อมูลของผู้คน

are looking at the data of the people

ที่ถูกส่งเข้าเครื่องสแกนหลังจากที่พวกเขาเพิ่งถูกทิ้ง

who were put into the machine after they had just been dumped.

It was very difficult actually, putting these people in the machine,

ที่จริงแล้วมันค่อนข้างยาก

ที่จะส่งคนพวกนี้เข้าเครื่องสแกน

because they were in such bad shape.

เพราะพวกเขาหมดสภาพมาก

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

So anyway, we found activity in three brain regions.

อย่างไรก็ตาม เราได้พบกิจกรรมในสมองสามส่วน

We found activity in the brain region,

เราพบกิจกรรมในส่วนสมอง

in exactly the same brain region associated with intense romantic love.

ที่เป็นส่วนเดียวกัน

กับส่วนที่เกี่ยวข้องกับรักโรแมนติค

เป็นเรื่องที่แย่จริงๆ

What a bad deal.

You know, when you've been dumped,

คุณก็รู้ดีว่า ตอนที่คุณถูกทิ้ง

the one thing you love to do is just forget about this human being,

สิ่งเดียวที่คุณอยากทำก็คือลืมๆ มนุษย์คนนั้นไปซะ

แล้วก็ดำเนินชีวิตของคุณต่อ

and then go on with your life -- but no, you just love them harder.

แต่มันไม่ใช่ คุณกลับยิ่งรักเขามากขึ้น

ตามที่ เทเรนซ์ กวีของโรมัน ได้เคยกล่าวไว้ว่า

As the poet Terence, the Roman poet once said,

he said, "The less my hope, the hotter my love."

"ความหวังยิ่งน้อย ความรักยิ่งรุ่มร้อน"

แล้วก็จริงๆ ด้วย ตอนนี้เรารู้แล้วว่าทำไม

And indeed, we now know why.

Two thousand years later, we can explain this in the brain.

สองพันปีต่อมา เราสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้จากในสมอง

ระบบสมองระบบนั้น ระบบการให้รางวัล

That brain system -- the reward system

for wanting, for motivation, for craving, for focus --

สำหรับความต้องการ แรงจูงใจ ความอยาก และการมุ่งความสนใจ

becomes more active when you can't get what you want.

ยิ่งมีการทำงานมากขึ้น ถ้าคุณไม่ได้สิ่งที่ต้องการ

In this case, life's greatest prize: an appropriate mating partner.

ซึ่งในกรณีนี้ เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต

คือคู่ร่วมสืบพันธุ์ที่เหมาะสม

We found activity in other brain regions also --

เรายังพบกิจกรรมในส่วนอื่นๆ ของสมองด้วย

คือสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคำนวณ การได้และการสูญเสีย

in a brain region associated with calculating gains and losses.

นึกดูว่า ตอนที่คุณนอนตรงนั้น มองดูรูปภาพไปด้วย

You're lying there, you're looking at the picture,

และคุณกำลังอยู่ในเครื่องสแกน

and you're in this machine,

และคุณก็คิดคำนวณว่ามันผิดพลาดตรงไหน

and you're calculating what went wrong.

What have I lost?

ฉันสูญเสียอะไรไปได้อย่างไร

As a matter of fact, Lucy and I have a little joke about this.

อันที่จริงแล้ว ลูซีกับฉัน มีเรื่องเล่าขำขันเล็กน้อยเกี่ยวกับประเด็นนี้

มันมาจากละครของเดวิด มาเม็ท

It comes from a David Mamet play,

and there's two con artists in the play,

ในละคร มีนักต้มตุ๋นสองคน

ผู้หญิงก็กำลังต้มผู้ชาย

and the woman is conning the man,

and the man looks at the woman and says,

ผู้ชายมองผู้หญิงแล้วพูดว่า

"เธอมันก็ม้าแย่ๆ ตัวนึง ฉันจะไม่พนันข้างเธอหรอก"

"Oh, you're a bad pony, I'm not going to bet on you."

And indeed, it's this part of the brain,

แล้วก็จริงๆ มันคือส่วนนี้ของสมอง

ส่วนแกนของ นิวเคลียส แอคคัมเบนส์ ที่มีการทำงาน

the core of the nucleus accumbens,

that is becoming active as you're measuring your gains and losses.

ในขณะที่คุณกำลังประเมินส่วนได้ส่วนเสีย

มันยังเป็นสมองส่วนที่ทำงาน

It's also the brain region that becomes active

ขณะที่คุณตั้งใจจะลงทุนเสี่ยงครั้งใหญ่

when you're willing to take enormous risks for huge gains and huge losses.

ที่จะมีกำไร หรือขาดทุนมหาศาล

Last but not least, we found activity in a brain region

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด เรายังพบกิจกรรมในส่วนสมอง

ที่เกี่ยวข้องกับการผูกพันลึกซึ้งกับอีกบุคคลหนึ่ง

associated with deep attachment to another individual.

No wonder people suffer around the world, and we have so many crimes of passion.

ไม่น่าแปลกเลยที่ผู้คนถึงได้ทนทุกข์ไปทั่วโลก

และมีอาชญากรรมที่เกิดจากความรักความหึงหวง

When you've been rejected in love,

เมื่อถูกปฏิเสธรัก

คุณไม่เพียงแค่ถูกกลืนด้วยความรู้สึกรักโรแมนติค

not only are you engulfed with feelings of romantic love,

แต่คุณยังรู้สึกผูกพันลึกซึ้งกับคนนั้น

but you're feeling deep attachment to this individual.

Moreover, this brain circuit for reward is working,

ยิ่งไปกว่านั้น วงจรสมองสำหรับการให้รางวัลก็ยังทำงาน

และคุณก็รู้สึกได้ถึงพลัง และสมาธิที่แรงกล้า

and you're feeling intense energy, intense focus, intense motivation

มีแรงจูงใจที่ชัดเจน และความตั้งใจที่จะยอมเสี่ยงทุกอย่าง

and the willingness to risk it all, to win life's greatest prize.

เพื่อที่จะได้มาซึ่งรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

So, what have I learned from this experiment

แล้วฉันได้เรียนรู้อะไรจากการทดลองนี้

that I would like to tell the world?

ที่ฉันอยากจะบอกให้โลกรู้

Foremost, I have come to think

ที่สำคัญที่สุด ฉันได้คิดว่า

that romantic love is a drive, a basic mating drive.

รักโรแมนติคเป็นแรงขับ แรงขับพื้นฐานทางการสืบพันธุ์

ไม่ใช่แรงขับทางเพศ แรงขับทางเพศทำให้คุณกล้าออกไป

Not the sex drive --

the sex drive gets you looking for a whole range of partners.

ค้นหาเหล่าผู้คนหลายจำพวกเพื่อเป็นคู่นอน

รักโรแมนติคทำให้คุณรวมพลังการสืบพันธุ์ของคุณ

Romantic love enables you to focus your mating energy

on just one at a time, conserve your mating energy,

แค่ทีละครั้ง สงวนรักษาพลังการสืบพันธุ์

and start the mating process with this single individual.

และเริ่มกระบวนการสืบพันธุ์กับคนนั้นเพียงคนเดียว

ฉันคิดว่าจากบทกลอนรักโรแมนติค ทั้งหมดที่ฉันได้อ่านมานั้น

I think of all the poetry that I've read about romantic love,

มีบทหนึ่งที่สรุปได้ดีที่สุด โดย เพลโต

what sums it up best is something that is said by Plato

over 2,000 years ago.

เมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว

เขากล่าวว่า "เทพเจ้าแห่งความรัก มีชีวิตอยู่ในภาวะแห่งความจำเป็น

He said, "The god of love lives in a state of need.

มันเป็นความจำเป็นต้องมี มันคือแรงกระตุ้น

It is a need, it is an urge, it is a homeostatic imbalance.

มันคือภาวะไม่สมดุลในร่างกายมนุษย์

Like hunger and thirst, it's almost impossible to stamp out."

ดังเช่นความหิว และความกระหาย เกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะดับมันลงไป"

ฉันยังได้เกิดความเชื่อว่ารักโรแมนติคเป็นการเสพติด

I've also come to believe that romantic love is an addiction:

a perfectly wonderful addiction when it's going well,

เป็นการเสพติดที่แสนวิเศษถ้ามันเป็นไปได้ด้วยดี

และเป็นการเสพติดที่สุดแย่ถ้ามันเป็นไปอย่างไม่ดีนัก

and a perfectly horrible addiction when it's going poorly.

And indeed, it has all of the characteristics of addiction.

และจริงๆ แล้ว มันก็มีลักษณะทุกอย่างของการเสพติด

You focus on the person, you obsessively think about them,

คุณพุ่งเป้าไปที่คนคนเดียว คุณคิดถึงเขาอย่างหมกมุ่น

you crave them, you distort reality,

คุณโหยหาเขา คุณบิดเบือนความจริง

your willingness to take enormous risks to win this person.

คุณเต็มใจเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อให้ได้คนคนนี้มา

And it's got the three main characteristics of addiction:

ซึ่งมันมีลักษณะหลักๆ ของการเสพติดอยู่สามลักษณะ

ความอดกลั้น คุณจำเป็นต้องเจอเขามากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

tolerance, you need to see them more, and more, and more;

withdrawals;

การถอน และ การคืนสู่สภาพเดิม

and last: relapse.

ฉันมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งพ้นความรักแย่ๆ มาได้

I've got a girlfriend who's just getting over a terrible love affair.

It's been about eight months, she's beginning to feel better.

ผ่านมาได้ประมาณแปดเดือน เธอเริ่มจะรู้สึกดีขึ้น

แล้ววันหนึ่ง เธอกำลังขับรถ

And she was driving along in her car the other day,

แล้วเธอก็ได้ยินเพลงเพลงหนึ่งจากวิทยุ

and suddenly she heard a song on the car radio

ซึ่งทำให้เธอหวนคิดถึงเขา

that reminded her of this man.

Not only did the instant craving come back,

และไม่เพียงแค่ความโหยหาที่กลับมาในทันใด

but she had to pull over from the side of the road and cry.

แต่เธอถึงกับต้องจอดรถ

ไว้ข้างทางและร้องไห้

So, one thing I would like the medical community,

อย่างหนึ่งที่ฉันอยากจะให้วงการแพทย์

วงการทางกฎหมาย และแม้แต่วงการการศึกษา

and the legal community, and even the college community,

to see if they can understand, that indeed, romantic love

ลองทำความเข้าใจดูว่า จริงๆ แล้ว

รักโรแมนติคเป็นหนึ่งในสารที่เสพติดได้มากที่สุดในโลก

is one of the most addictive substances on Earth.

I would also like to tell the world that animals love.

ฉันยังอยากจะบอกโลกว่าสัตว์ก็มีความรัก

There's not an animal on this planet

ไม่มีสัตว์ชนิดใดบนโลกนี้

ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับอะไรก็ได้ที่ผ่านมา

that will copulate with anything that comes along.

แก่ไป เด็กไป สกปรกไป โง่ไป พวกมันก็ทำไม่ได้

Too old, too young, too scruffy, too stupid, and they won't do it.

Unless you're stuck in a laboratory cage --

นอกจากว่าคุณจะติดอยู่ในกรงของห้องแล็บ

and you know, if you spend your entire life in a little box,

และถ้าหากคุณต้องใช้ทั้งชีวิตอยู่ในกล่องเล็กๆ

คุณก็คงจะเลือกมากไม่ได้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์กับใคร

you're not going to be as picky about who you have sex with,

but I've looked in a hundred species,

แต่ฉันได้ลองสำรวจหนึ่งร้อยสายพันธุ์

และในทุกพื้นที่ป่า สัตว์ต่างๆ ก็มีขวัญใจของพวกมัน

and everywhere in the wild, animals have favorites.

As a matter of fact, ethologists know this.

อันที่จริงแล้วนักศึกษาพฤติกรรมสัตว์ก็รู้เรื่องนี้ดี

There are over eight words for what they call "animal favoritism:"

มีคำมากกว่าแปดคำสำหรับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น "ความชอบพอส่วนตัวของสัตว์"

selective proceptivity, mate choice, female choice, sexual choice.

พฤติกรรมการผสมพันธุ์แบบคัดเลือก, การเลือกคู่ผสมพันธุ์, การเลือกตัวเมีย, การเลือกเกี่ยวกับเพศ

And indeed, there are now three academic articles

และจริงๆ แล้ว ตอนนี้มีบทความทางวิชาการสามบทความ

in which they've looked at this attraction,

เกี่ยวกับการศึกษาแรงดึงดูดนี้

which may only last for a second,

ซึ่งถึงแม้มันจะเกิดขึ้นเพียงวินาทีเดียว

but it's a definite attraction,

แต่มันเป็นแรงดึงดูดที่ชัดเจน

และทั้งสมองส่วนเดียวกันนี้ ระบบการให้รางวัลส่วนนี้

and either this same brain region, this reward system,

or the chemicals of that reward system are involved.

หรือสารเคมีจากระบบการให้รางวัลนั้น ต่างก็มีส่วนเกี่ยวข้อง

In fact, I think animal attraction can be instant --

อันที่จริง ฉันคิดว่าการถูกใจกันของสัตว์นั้น เกิดขึ้นได้แบบฉับพลัน

you can see an elephant instantly go for another elephant.

คุณจะเห็นว่าช้างตัวหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็วิ่งเข้าหาช้างอีกตัวหนึ่งได้ทันที

And I think that this is really the origin

และฉันก็คิดว่านี่คือต้นกำเนิดที่แท้จริงของ

of what you and I call "love at first sight."

สิ่งที่คุณและฉันเรียกว่า "รักแรกพบ"

มีคนถามฉันอยู่บ่อยๆ ว่า

People have often asked me

whether what I know about love has spoiled it for me.

สิ่งที่ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรัก ทำให้ฉันหมดอารมณ์กับความรักไหม

And I just simply say, "Hardly."

ฉันก็ตอบแค่ว่า "แทบจะไม่ค่ะ"

You can know every single ingredient in a piece of chocolate cake,

คุณอาจจะรู้ดีว่าเค้กช็อกโกแล็ตชิ้นนั้นมีส่วนผสมอะไรบ้าง

แลัวตอนที่คุณนั่งลงและกินเค้กชิ้นนั้น

and then when you sit down and eat that cake,

you can still feel that joy.

คุณก็ยังดื่มด่ำกับรสชาติของมันได้อยู่

And certainly, I make all the same mistakes that everybody else does too,

และแน่นอนว่า ฉันก็ทำสิ่งผิดพลาด

เช่นเดียวกับที่คนอื่นๆ ทำ

but it's really deepened my understanding

แต่มันทำให้ความเข้าใจ และความเห็นอกเห็นใจ

and compassion, really, for all human life.

ต่อชีวิตมนุษย์ที่ฉันมี ยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

As a matter of fact, in New York, I often catch myself

ความจริงแล้ว ในนิวยอร์ค ฉันมักจะพบว่าตัวเอง

looking in baby carriages and feeling a little sorry for the tot.

มองเด็กทารกในรถเข็น และรู้สึกสงสารเด็กเหล่านั้น

And in fact, sometimes I feel a little sorry

และบ่อยครั้งที่ฉันรู้สึกสงสาร

for the chicken on my dinner plate,

ไก่ที่กลายมาเป็นอาหารเย็นในจานของฉัน

เมื่อคิดถึงว่าระบบสมองนี้มันเข้มข้นรุนแรงขนาดไหน

when I think of how intense this brain system is.

Our newest experiment has been hatched

การทดลองครั้งล่าสุดของเรากำลังฟักตัว

by my colleague, Art Aron --

โดยเพื่อนร่วมงานของฉัน อาร์ต อารอน

putting people who are reporting that they are still in love,

เขานำกลุ่มคนที่รายงานไว้ว่าพวกเขายังคงมีความรัก

ในความสัมพันธ์ระยะยาว เข้าเครื่องเอ็มอาร์ไอ

in a long-term relationship, into the functional MRI.

We've put five people in so far,

ตอนนี้เราสแกนไปแล้วห้าคน

and indeed, we found exactly the same thing.

และก็จริงๆ เราได้ค้นพบสิ่งเดียวกันเป๊ะ พวกเขาไม่ได้โกหก

They're not lying.

The brain areas associated with intense romantic love

พื้นที่สมอง

ที่เกี่ยวข้องกับรักโรแมนติคที่ดุเดือด

still become active, 25 years later.

ยังคงทำงานอยู่ หลังจากผ่านไปแล้ว 25 ปี

There are still many questions to be answered

มีอีกหลายคำถามที่ยังคงต้องการคำตอบ

and asked about romantic love.

และยังต้องถามต่อไป เกี่ยวกับรักโรแมนติค

The question that I'm working on right this minute --

คำถามที่ฉันกำลังศึกษาอยู่ ณ นาทีนี้ --

และฉันก็จะพูดถึงแค่วินาทีเดียว แล้วก็เลิก --

and I'm only going to say it for a second, and then end --

นั่นก็คือ ทำไมคุณถึงตกหลุมรักคนคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนอื่น

is, why do you fall in love with one person, rather than another?

I never would have even thought to think of this,

ฉันเกือบจะไม่ได้คิดถึงประเด็นนี้เลย

but Match.com, the Internet dating site,

ถ้าไม่ใช่เพราะเว็บหาคู่ match.com

came to me three years ago and asked me that question.

ได้มาหาฉันเมื่อสามปีที่แล้ว และถามคำถามนั้น

และฉันก็บอกไปว่า ฉันไม่รู้ค่ะ

And I said, I don't know.

I know what happens in the brain, when you do become in love,

ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสมอง ตอนที่คุณมีความรัก

but I don't know why you fall in love with one person rather than another.

แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงหลงรักคนคนหนึ่ง

แทนที่จะเป็นคนอื่น

ฉันก็เลยใช้เวลาสามปีที่ผ่านมาศึกษาเกี่ยวกับประเด็นนี้

And so, I've spent the last three years on this.

And there are many reasons that you fall in love with one person

และมันก็มีเหตุผลมากมายเมื่อคุณจะหลงรักคนคนหนึ่ง

แทนที่จะเป็นคนอื่น ที่นักจิตวิทยาจะบอกคุณได้

rather than another, that psychologists can tell you.

และเราก็มักจะตกหลุมรักคนที่

And we tend to fall in love with somebody from the same socioeconomic background,

มาจากพื้นเพทางสังคมและเศรษฐกิจเดียวกัน

มีระดับสติปัญญาเท่าๆ กัน

the same general level of intelligence, of good looks, the same religious values.

มีระดับความหน้าตาดีพอๆ กัน

มีค่านิยมทางศาสนาเหมือนๆ กัน

Your childhood certainly plays a role, but nobody knows how.

แน่นอนว่า ประสบการณ์ในวัยเด็กก็มีบทบาท แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีบทบาทอย่างไร

And that's about it, that's all they know.

และก็มีเท่านั้น นั่นคือทั้งหมดที่พวกเขารู้

No, they've never found

ไม่ค่ะ พวกเขาไม่เคยค้นพบว่าคนสองคน

the way two personalities fit together to make a good relationship.

จะเข้ากันได้ดีและเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างไร

So, it began to occur to me

มันก็เลยทำให้ฉันฉุกคิดได้ว่า

that maybe your biology pulls you towards some people rather than another.

ลักษณะทางชีววิทยาของคุณ อาจจะดึงตัวคุณ

เข้าหาคนบางคน แทนที่จะเป็นคนอื่น

And I have concocted a questionnaire to see to what degree

และฉันก็ได้แต่งแบบสอบถามขึ้นมาเพื่อดูว่า

you express dopamine, serotonin, estrogen and testosterone.

คุณได้ส่งเอาโดปามีน เซโรโทนิน เอสโตรเจน และเทสโทสเตอโรน ออกมาในระดับไหน

I think we've evolved four very broad personality types

ฉันคิดว่าเราได้ค่อยๆ พัฒนาประเภทของบุคลิกไว้สี่ประเภทกว้างๆ

associated with the ratios of these four chemicals in the brain.

ที่เกี่ยวข้องกับสัดส่วนของสารเคมีในสมองสี่ตัวนี้

And on this dating site that I have created, called Chemistry.com,

และในเว็บหาคู่นี้ ฉันก็ได้สร้าง

chemistry.com ฉันจะถามคำถามคุณชุดหนึ่งก่อน

I ask you first a series of questions

to see to what degree you express these chemicals,

เพื่อดูว่าคุณได้ส่งสารเคมีเหล่านี้ออกมาในระดับไหน

and I'm watching who chooses who to love.

และฉันก็เฝ้าดูว่าใครเลือกที่จะรักใคร

And 3.7 million people have taken the questionnaire in America.

และมี 3.7 ล้านคนในอเมริกาทำแบบทดสอบนี้

อีกประมาณ 600,000 คน ทำจากประเทศอื่น 33 ประเทศ

About 600,000 people have taken it in 33 other countries.

I'm putting the data together now,

ตอนนี้ฉันกำลังรวบรวมข้อมูล

and at some point -- there will always be magic to love,

และเมื่อถืงจุดๆ หนึ่ง -- ความรักมักจะมีมนตราเสมอ

แต่ฉันคิดว่าฉันเกือบจะทำความเข้าใจได้แล้ว

but I think I will come closer to understanding

ว่าทำไม ตอนที่คุณเดินเข้ามาในห้อง

why it is you can walk into a room and everybody is from your background,

และทุกคนในห้องนั้นก็มาจากพื้นเพเดียวกับคุณ

your same general level of intelligence, good looks,

มีระดับสติปัญญาเดียวกันกับคุณ

มีระดับความหน้าตาดีพอๆ กับคุณ

แต่คุณก็ไม่ได้รู้สึกถูกใจทุกคนในห้องนั้น

and you don't feel pulled towards all of them.

I think there's biology to that.

ฉันคิดว่ามันมีเรื่องชีววิทยามาเกี่ยวข้อง

I think we're going to end up, in the next few years,

ฉันคิดว่าอีกสองสามปี เราจะลงเอยที่

to understand all kinds of brain mechanisms

ความเข้าใจเกี่ยวกับกลไกของสมองหลายๆ ชนิด

that pull us to one person rather than another.

ที่ดึงดูดเราเข้าหาคนคนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนอื่น

So, I will close with this.

ฉันก็จะขอจบด้วยเรื่องนี้ นี่คือเหล่าผู้อาวุโสของฉัน

These are my older people.

Faulkner said, "The past is not dead, it's not even past."

โฟล์คเนอร์เคยกล่าวไว้ว่า "อดีตนั้นไม่ตาย

ม้นไม่ได้เป็นแม้แต่อดีต"

ซึ่งก็จริง เราต่างหอบหิ้วสัมภาระ

Indeed, we carry a lot of luggage from our yesteryear in the human brain.

จากเมื่อปีมะโว้เอาไว้ในสมอง

And so, there's one thing that makes me pursue my understanding of human nature,

มันก็เลยมีสิ่งหนึ่ง

ที่ทำให้ฉันแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับ ธรรมชาติของมนุษย์

and this reminds me of it.

และนี่ก็ทำให้ฉันนึกถึงมันขึ้นมาได้

These are two women.

นี่คือผู้หญิงสองคน

Women tend to get intimacy differently than men do.

ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดความใกล้ชิดแตกต่างจากผู้ชาย

Women get intimacy from face-to-face talking.

ผู้หญิงเกิดความใกล้ชิดจากการพูดคุยแบบต่อหน้า

เราต่างหมุนเข้าหากัน

We swivel towards each other,

we do what we call the "anchoring gaze" and we talk.

เราทำสิ่งที่เราเรียกว่า "ตามองตา" และเราคุยกัน

นี่คือความใกล้ชิดสำหรับผู้หญิง

This is intimacy to women.

I think it comes from millions of years

ฉันคิดว่ามันมาจากหลายล้านปี

ของการอุ้มเด็กทารกไว้ตรงหน้า

of holding that baby in front of your face,

หยอกล้อกับเด็ก ดุด่าว่าเด็ก สั่งสอนเด็กด้วยคำพูด

cajoling it, reprimanding it, educating it with words.

ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเกิดความใกล้ชิดจากด้านข้าง

Men tend to get intimacy from side-by-side doing.

(เสียงหัวเราะ)

As soon as one guy looks up, the other guy will look away.

ทันทีที่ชายคนหนึ่งเงยหน้ามอง ชายอีกคนก็จะหันไปทางอื่น

(เสียงหัวเราะ)

(Laughter)

I think it comes from millions of years sitting behind the bush,

ฉันคิดว่ามันมาจากหลายล้านปี

ของการยืนอยู่ข้างหลัง -- นั่งอยู่หลังพุ่มไม้

looking straight ahead, trying to hit that buffalo on the head with a rock.

มองตรงไปข้างหน้า

พยายามทุบหัวควายตัวนั้นด้วยก้อนหิน

(เสียงหัวเราะ)

I think, for millions of years, men faced their enemies,

ฉันคิดว่า เป็นเวลาหลายล้านปี ผู้ชายต่างเผชิญหน้ากับศัตรู

และนั่งเคียงข้างกับเพื่อนฝูง

they sat side-by-side with friends.

So my final statement is: love is in us.

ดังนั้น สิ่งที่ฉันจะกล่าวทิ้งท้ายคือ ความรักมีอยู่ในตัวของพวกเรา

มันถูกฝังอยู่ลึกๆ ในสมอง

It's deeply embedded in the brain.

Our challenge is to understand each other.

ความท้าทายของเราก็คือ การทำความเข้าใจกันและกัน ขอบคุณค่ะ

Thank you.

(เสียงปรบมือ)

(Applause)