Wireless data from every light bulb | Harald Haas

Translator: Pattapon Kasemtanakul Reviewer: Surat Bunditraksana

Do you know

คุณรู้หรือเปล่า

that we have 1.4 million cellular radio masts

ว่าเรามีเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือมากถึง 1.4 ล้านเสา

deployed worldwide?

ติดตั้งอยู่ทั่วโลก?

And these are base stations.

โดยทำหน้าที่เป็นสถานีฐาน

And we also have

และเราก็ยังมี

more than five billion

มากกว่า 5 พันล้านเครื่อง

of these devices here.

ของเจ้านี่

These are cellular mobile phones.

เจ้าพวกนี้คือโทรศัพท์มือถือ

And with these mobile phones,

และด้วยโทรศัพท์มือถือพวกนี้

we transmit more than 600 terabytes of data

เราส่งผ่านข้อมูลมากกว่า 600 เทราไบท์

every month.

ทุกๆ เดือน

This is a 6 with 14 zeroes --

ซึ่งก็คือ 6 ต่อท้ายด้วย 0 ถึง 14 ตัว

a very large number.

เป็นตัวเลขที่เยอะมาก

And wireless communications

และเครือข่ายไร้สาย

has become a utility

ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็น

like electricity and water.

เหมือนกับไฟฟ้าและน้ำ

We use it everyday. We use it in our everyday lives now --

เราใช้มันทุกวัน มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันเราไปแล้ว

in our private lives, in our business lives.

ในชีวิตส่วนตัว ในธุรกิจ

And we even have to be asked sometimes, very kindly,

และบางครั้งเรายังถึงกับต้องถูกถาม

to switch off the mobile phone at events like this

ให้ช่วยปิดโทรศัพท์มือถือในงานเช่นนี้

for good reasons.

ด้วยเหตุผลที่ดี

And it's this importance

และเนื่องจากมันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขนาดนี้

why I decided to look into the issues

ผมจึงตัดสินใจที่จะลองมองปัญหา

that this technology has,

ที่มีอยู่ในเทคโนโลยีนี้

because it's so fundamental to our lives.

เพราะว่ามันเป็นสิ่งพื้นฐานในชีวิตของพวกเรา

And one of the issues is capacity.

ปัญหาอย่างหนึ่งเลยคือเรื่องของความจุ

The way we transmit wireless data is by using electromagnetic waves --

เนื่องจากเราใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการส่งข้อมูลไร้สาย

in particular, radio waves.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลื่นวิทยุ

And radio waves are limited.

ซึ่งคลื่นพวกนี้มีช่วงความถี่จำกัด

They are scarce; they are expensive;

พวกมันหาได้ยาก และมีราคาแพง

and we only have a certain range of it.

และเราก็มีเพียงช่วงเดียวของมันเท่านั้น

And it's this limitation

และนี่แหละคือขอบเขต

that doesn't cope

ที่ไม่เข้ากับ

with the demand of wireless data transmissions

ความต้องการของเครือข่ายการส่งข้อมูลไร้สาย

and the number of bytes and data which are transmitted every month.

กับจำนวนของไบท์และข้อมูลที่ถูกส่งในแต่ละเดือน

And we are simply running out of spectrum.

ช่วงความถี่ที่พวกเราใช้ได้กำลังจะหมดไป

There's another problem.

ปัญหาอีกอย่าง

That is efficiency.

คือเรื่องของประสิทธิภาพ

These 1.4 million cellular radio masts, or base stations,

เสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ หรือสถานีฐาน 1.4 ล้านเสานี้

consume a lot of energy.

ใช้พลังงานเยอะมาก

And mind you, most of the energy

โดยที่ความจริง พลังงานส่วนใหญ่

is not used to transmit the radio waves,

นั้นไม่ได้ถูกใช้ในการส่งคลื่นวิทยุแต่อย่างใด

it is used to cool the base stations.

แต่กลับถูกใช้ในการทำให้สถานีฐานนั้นเย็นขึ้น

Then the efficiency of such a base station

เพราะฉะนั้น ประสิทธิภาพของสถานีพวกนี้

is only at about five percent.

จึงอยู่ที่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

And that creates a big problem.

และนั่นสร้างปัญหาที่ใหญ่มาก

Then there's another issue that you're all aware of.

ปัญหาอีกอย่างที่พวกคุณทุกคนรู้กันอยู่แล้ว

You have to switch off your mobile phone

เหตุผลเดียวกับที่คุณต้องปิดโทรศัพท์มือถือ

during flights.

ระหว่างโดยสารเครื่องบิน

In hospitals, they are security issues.

หรือในโรงพยาบาล เหตุผลของความปลอดภัย

And security is another issue.

และความปลอดภัยนี่แหละ คือปัญหาอีกอย่างนึง

These radio waves penetrate through walls.

คลื่นวิทยุพวกนี้ สามารถส่งผ่านกำแพงได้

They can be intercepted,

พวกมันจึงสามารถที่จะถูกแทรกแซง

and somebody can make use of your network

และคนนอกก็จะสามารถใช้เครือข่ายของท่านได้

if he has bad intentions.

ถ้าหากเค้ามีเจตนาร้าย

So these are the main four issues.

นี่แหละคือ 4 ปัญหาหลัก

But on the other hand,

แต่ในทางกลับกัน

we have 14 billion of these:

เรามีเจ้าพวกนี้อยู่ 1 หมื่น 4 พันล้านอัน

light bulbs, light.

หลอดไฟ แสงสว่าง

And light is part of the electromagnetic spectrum.

และแสงนี่แหละก็คือส่วนหนึ่งของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

So let's look at this in the context

เอาล่ะ เรามาดูบริบทของมันกันหน่อย

of the entire electromagnetic spectrum, where we have gamma rays.

จากช่วงความถี่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมด เรามีรังสีแกมม่า

You don't want to get close to gamma rays, it could be dangerous.

ที่คุณไม่น่าจะอยากเข้าใกล้ เพราะมันสามารถเป็นอันตรายกับคุณได้

X-rays, useful when you go to hospitals.

รังสีเอ็กซ์ ที่เป็นประโยชน์เวลาคุณไปโรงพยาบาล

Then there's ultraviolet light.

และก็มีรังสีอัลตร้าไวโอเลต

it's good for a nice suntan,

ซึ่งดีสำหรับการอาบแดด

but otherwise dangerous for the human body.

แต่นอกเหนือจากนั้นก็มีอันตรายต่อร่างกายมนุษย์

Infrared --

รังสีอินฟราเรด

due to eye safety regulations,

เนื่องด้วยข้อบังคับว่าด้วยความปลอดภัยทางสายตา

can be only used with low power.

คุณจะสามารถใช้มันได้ในพลังงานต่ำๆ เท่านั้น

And then we have the radio waves, they have the issues I've just mentioned.

และเราก็จะมาถึงคลื่นวิทยุ ซึ่งพวกมันก็มีปัญหาอย่างที่ผมได้กล่าวถึงในตอนต้น

And in the middle there, we have this visible light spectrum.

ในส่วนตรงกลางนี้ เรามีช่วงรังสีที่สามารถเห็นได้

It's light,

ซึ่งมันคือแสงสว่าง

and light has been around for many millions of years.

และแสงสว่างนี้อยู่รอบตัวเรามากกว่าล้านๆ ปีแล้ว

And in fact, it has created us,

และในความเป็นจริง มันเป็นผู้สร้างเรา

has created life,

สร้างชีวิต

has created all the stuff of life.

สร้างสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตทั้งมวล

So it's inherently safe to use.

เพราะฉะนั้นมันจึงปลอดภัยต่อการใช้งาน

And wouldn't it be great to use that for wireless communications?

และมันไม่ดีหรอกหรือ ถ้าเราจะนำมันมาใช้กับเครือข่ายไร้สาย

Not only that, I compared [it to] the entire spectrum.

ไม่เพียงแค่นั้น ผมได้เปรียบเทียบช่วงความถี่ของมันกับช่วงความถี่ทั้งหมด

I compared the radio waves spectrum --

ผมได้ทำการเปรียบเทียบช่วงของคลื่นวิทยุ

the size of it --

ขนาดของมัน

with the size of the visible light spectrum.

กับขนาดของช่วงรังสีที่สามารถมองเห็นได้

And guess what?

และคุณรู้อะไรมั้ย?

We have 10,000 times more of that spectrum,

เรามีช่วงของความถี่มากกว่าเดิมอีกถึง 10,000 เท่า

which is there for us to use.

ที่มีไว้ให้เราใช้

So not only do we have this huge amount of spectrum,

แต่ไม่ใช่แค่ว่าเรามีช่วงของความถี่ให้ใช้ได้มากขึ้น

let's compare that with a number I've just mentioned.

ลองเอาตัวเลขทั้งหมดที่ผมพูดมาลองเปรียบเทียบกันดู

We have 1.4 million

เรามี 1.4 ล้านซึ่งเป็นจำนวนของ

expensively deployed,

เสาสัญญาณโทรศัพท์ราคาแพง

inefficient radio cellular base stations.

ที่ถูกติดตั้งไปแล้ว

And multiply that by 10,000,

นำมาคูณด้วย 10,000

then you end up at 14 billion.

คุณก็จะได้ 1 หมื่น 4 พันล้าน

14 billion is the number of light bulbs installed already.

1 หมื่น 4 พันล้านคือตัวเลขของหลอดไฟที่ถูกติดตั้งเรียบร้อย

So we have the infrastructure there.

ดังนั้นเราจึงมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมแล้ว

Look at the ceiling, you see all these light bulbs.

ลองมองไปที่เพดาน คุณเห็นหลอดไฟทั้งหมดนั่น

Go to the main floor, you see these light bulbs.

ลองไปที่ชั้น 1 คุณจะเห็นหลอดไฟต่างๆ

Can we use them for communications?

เราจะสามารถนำมันมาใช้ในการสื่อสารได้มั้ยน่ะเหรอ?

Yes.

คำตอบคือได้

What do we need to do?

แล้วเราต้องทำอะไรบ้างล่ะ?

The one thing we need to do

สิ่งเดียวที่เราจำเป็นต้องทำ

is we have to replace these inefficient incandescent light bulbs,

คือเปลี่ยนหลอดไฟที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพพวกนี้

florescent lights,

พวกหลอดฟลูออเรสเซนต์

with this new technology of LED,

กับเทคโนโลยีของ LED

LED light bulbs.

หลอดไฟ LED

An LED is a semiconductor. It's an electronic device.

LED คืออุปกรณ์กึ่งตัวนำไฟฟ้า มันเป็นอุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ชนิดหนึ่ง

And it has a very nice acute property.

และมันมีคุณสมบัติที่แม่นยำมาก

Its intensity can be modulated

ความเข้มแสงของมันสามารถถูกปรับเปลี่ยนได้

at very high speeds,

ด้วยความเร็วสูง

and it can be switched off at very high speeds.

และมันก็สามารถที่จะถูกปิดด้วยความเร็วที่สูงมาก

And this is a fundamental basic property

และนี่คือคุณสมบัติพื้นฐานของมัน

that we exploit

ที่เรานำมาทดลอง

with our technology.

กับเทคโนโลยีของเรา

So let's show how we do that.

เอาล่ะมาดูกันว่าพวกเราทำได้อย่างไร

Let's go to the closest neighbor to the visible light spectrum --

ก่อนอื่นเรามาดูกันที่ญาติใกล้เคียงที่สุดของรังสีที่มองเห็นได้

go to remote controls.

ลองดูที่รีโมท

You all know remote controls have an infrared LED --

คุณรู้ว่ารีโมทนั้นมีหลอดไฟอินฟราเรด LED อยู่

basically you switch on the LED, and if it's off, you switch it off.

โดยพื้นฐานแล้ว คือคุณเปิด LED และถ้ามันปิด คุณก็จะปิดมัน

And it creates a simple, low-speed data stream

ซึ่งมันสร้างกระแสของข้อมูลแบบง่ายๆ ได้

in 10,000 bits per second,

ประมาณ 10,000 บิทต่อวินาที

20,000 bits per second.

ถึง 20,000 บิทต่อวินาที

Not usable for a YouTube video.

ยังไม่สามารถจะใช้สำหรับการดูวีดีโอในยูทูปได้

What we have done

สิ่งที่เราทำ

is we have developed a technology

คือเราพัฒนาเทคโนโลยี

with which we can furthermore

ที่ทำได้มากกว่ามาก

replace the remote control of our light bulb.

เปลี่ยนแปลงรีโมทให้เป็นหลอดไฟ

We transmit with our technology,

เทคโนโลยีของเรา

not only a single data stream,

ไม่ได้ส่งผ่านเพียงกระแสข้อมูลเดียว

we transmit thousands of data streams

เราส่งกระแสข้อมูลไปเป็นพันๆ

in parallel,

พร้อมๆ กัน

at even higher speeds.

ด้วยความเร็วที่สูงยิ่งกว่า

And the technology we have developed --

และเทคโนโลยีที่เราพัฒนาขึ้น

it's called SIM OFDM.

ที่ถูกเรียกว่า SIM OFDM

And it's spacial modulation --

และ Spacial Modulation

these are the only technical terms, I'm not going into details --

เป็นศัพท์ทางเทคนิคเพียง 2 คำ ที่ผมคงจะไม่ลงไปในรายละเอียด

but this is how we enabled

แต่นี่แหละคือวิธีที่เราทำให้

that light source

แหล่งกำเนิดแสง

to transmit data.

ส่งผ่านข้อมูลได้

You will say, "Okay, this is nice --

คุณอาจจะพูดว่า "โอเค มันก็ดูดีนะ

a slide created in 10 minutes."

การนำเสนอที่ถูกสร้างมาใน 10 นาที"

But not only that.

แต่ไม่ใช่แค่นั้น

What we've done

สิ่งที่เราทำ

is we have also developed a demonstrator.

คือเราได้เตรียมการสาธิตมาให้คุณได้รับชมด้วย

And I'm showing for the first time in public

และผมจะแสดงมันต่อหน้าสาธารณะชนเป็นครั้งแรก

this visible light demonstrator.

นี่คือแหล่งกำเนิดแสงตัวอย่าง

And what we have here

และสิ่งที่เรามีที่นี่

is no ordinary desk lamp.

คือหลอดไฟตั้งโต๊ะธรรมดา

We fit in an LED light bulb,

เราใส่หลอดไฟ LED

worth three U.S. dollars,

ที่มีราคา 3 เหรียญ ดอลล่าร์สหรัฐ เข้าไป

put in our signal processing technology.

ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงสัญญาณของเรา

And then what we have here is a little hole.

จากนั้นสิ่งที่เรามีตรงนี้คือรูเล็กๆ

And the light goes through that hole.

ที่แสงสามารถส่องผ่านได้

There's a receiver.

ซึ่งมันก็คือตัวรับสัญญาณ

The receiver will convert these little, subtle changes in the amplitude

โดยตัวรับสัญญาณนี้จะตรวจจับความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยของความสูงของคลื่น

that we create there

ที่เราสร้างจากตรงนั้น

into an electrical signal.

ไปเป็นสัญญาณไฟฟ้า

And that signal is then converted back

จากนั้นเราจึงจะทำการแปลงสัญญาณไฟฟ้ากลับไปเป็น

to a high-speed data stream.

การถ่ายทอดข้อมูลความเร็วสูงอีกครั้ง

In the future we hope

ในอนาคตพวกเราหวังว่า

that we can integrate this little hole

เราจะสามารถผนวกเจ้ารูเล็กๆ นี่

into these smart phones.

เข้ากับสมาร์ทโฟนพวกนี้ได้

And not only integrate a photo detector here,

และไม่ใช่แค่ใส่เครื่องจับภาพที่นี่เท่านั้น

but maybe use the camera inside.

แต่อาจจะใช้กล้องที่อยู่ข้างใน

So what happens

เพราะฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้น

when I switch on that light?

เมื่อผมเปิดไฟ?

As you would expect,

อย่างที่คุณน่าจะคาดเดาได้

it's a light, a desk lamp.

แสงสว่าง ก็มันคือโคมไฟตั้งโต๊ะ

Put your book beneath it and you can read.

เอาหนังสือวางไว้ข้างล่าง และคุณก็จะอ่านมันได้

It's illuminating the space.

มันให้แสงสว่างกับพื้นที่โดยรอบ

But at the same time, you see this video coming up here.

แต่ในเวลาเดียวกัน คุณจะเห็นวีดีโอเล่นอยู่ด้านหลัง

And that's a video, a high-definition video

และนั่นคือวีดีโอ แบบ High Definition (ความละเอียดสูง)

that is transmitted through that light beam.

ที่ถ่ายทอดผ่านมาทางแสงสว่างนั้น

You're critical.

คุณอาจวิจารณ์

You think, "Ha, ha, ha.

คุณอาจจะกำลังหัวเราะ

This is a smart academic doing a little bit of tricks here."

"นักวิชาการคนนี้คงเล่นกลอะไรซักอย่างอยู่แน่ๆ"

But let me do this.

แต่ให้ผมลองทำอย่างนี้

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Once again.

อีกครั้ง

Still don't believe?

ยังไม่เชื่ออยู่หรือเปล่า?

It is this light

มันคือแสงนี่

that transmits this high-definition video in a split stream.

ที่ส่งผ่านข้อมูลวีดีโอแบบความละเอียดสูง

And if you look at the light,

และถ้าคุณมองแสงนั่น

it is illuminating as you would expect.

มันก็จะให้แสงสว่างอย่างที่คุณคาดไว้

You don't notice with your human eye.

คุณจะไม่เห็นความแตกต่างใดๆ จากดวงตามนุษย์

You don't notice the subtle changes in the amplitude

คุณจะไม่สังเกตเห็นความแตกต่างในการเปลี่ยนแปลงของความสูงของคลื่นใดๆ

that we impress onto this light bulb.

จากหลอดไฟดวงนี้

It's serving the purpose of illumination,

มันยังคงทำหน้าที่ในการให้แสงสว่าง

but at the same time, we are able to transmit this data.

แต่ในเวลาเดียวกัน เราก็สามารถส่งผ่านข้อมูลนี้ได้

And you see,

และอย่างที่คุณเห็น

even light from the ceiling comes down here to the receiver.

ว่าแม้แต่แสงที่ส่องจากเพดานลงมาที่จุดรับสัญญาณ

It can ignore that constant light,

มันก็สามารถจะละเลยแสงคงที่นั้นได้

because all the receiver's interested in

เพราะทั้งหมดที่จุดรับสัญญาณสนใจ

are subtle changes.

ก็คือความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญเท่านั้น

You also have a critical question now, and

คุณอาจกำลังมีคำถามสำคัญอยู่ในใจอยู่ตอนนี้

you say, "Okay,

ว่า "โอเค

do I have to have the light on all the time

นี่ฉันจะต้องเปิดไฟทิ้งไว้ตลอดเวลา

to have this working?"

เพื่อที่จะให้มันทำงานหรือเปล่า?"

And the answer is yes.

และคำตอบก็คือใช่

But, you can dim down the light

แต่ก็คุณสามารถลดแสงลง

to a level that it appears to be off.

ให้อยู่ในระดับที่เสมือนว่ามันปิดอยู่

And you are still able to transmit data -- that's possible.

โดยที่คุณก็ยังสามารถที่จะส่งข้อมูลได้อยู่ ซึ่งนั่นมันก็เป็นไปได้

So I've mentioned to you the four challenges.

ดังนั้นผมได้พูดถึงความท้าทาย 4 อย่าง

Capacity:

ความจุ

We have 10,000 times more spectrum,

เรามีความถี่ของคลื่นให้ใช้มากกว่าเดิมถึง 10,000 เท่า

10,000 times more LEDs

มี LED มากกว่าเดิมอีกถึง 10,000 เท่า

installed already in the infrastructure there.

ที่ติดตั้งเอาไว้ในโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว

You would agree with me, hopefully,

ผมหวังว่าคุณคงจะเห็นด้วยกับผม

there's no issue of capacity anymore.

ว่าเราไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของความจุอีกแล้ว

Efficiency:

ประสิทธิภาพ

This is data through illumination --

นี่คือการส่งข้อมูลผ่านการส่องสว่าง

it's first of all an illumination device.

อย่างแรกเลยคือมันเป็นเครื่องมือให้แสงสว่างอยู่แล้ว

And if you do the energy budget,

และถ้าคุณทำบัญชีค่าไฟฟ้า

the data transmission comes for free --

การส่งข้อมูลนั้น คือของแถม

highly energy efficient.

มีประสิทธิภาพทางพลังงานสูงมาก

I don't mention the high energy efficiency

นี่ผมไม่ได้พูดถึงการมีประสิทธิภาพสูง

of these LED light bulbs.

ของเจ้าพวกหลอดไฟ LED พวกนี้นะ

If the whole world would deploy them,

เพราะถ้าทั้งโลกใช้มันแล้วล่ะก็

you would save hundreds of power plants.

คุณก็จะลดโรงไฟฟ้าไปได้หลายร้อยโรงเลยล่ะ

That's aside.

ซึ่งนั่นเราไม่ต้องพูดถึง

And then I've mentioned the availability.

และผมก็พูดถึงความพร้อมใช้งาน

You will agree with me that we have lights in the hospital.

คุณคงจะเห็นด้วยกับผมว่าเรามีแสงสว่างในโรงพยาบาล

You need to see what to do.

คุณแค่ต้องรู้ว่าจะต้องทำอะไร

You have lights in an aircraft.

คุณมีแสงสว่างในเครื่องบิน

So it's everywhere in a day there is light.

ไปที่ไหนๆ ก็มีแสงสว่างไปหมด

Look around. Everywhere. Look at your smart phone.

ลองมองดูรอบๆ ทุกๆ ที่ ลองมองดูสมาร์ทโฟนของคุณ

It has a flashlight, an LED flashlight.

มันมีไฟฉาย ซึ่งก็เป็นไฟฉาย LED

These are potential sources for high-speed data transmission.

เจ้าพวกนี้สามารถเป็นแหล่งกำเนิดของการส่งข้อมูลความเร็วสูงได้

And then there's security.

จากนั้นก็เรื่องของความปลอดภัย

You would agree with me

คุณคงจะเห็นด้วยกับผม

that light doesn't penetrate through walls.

ว่าแสงไม่สามารถส่องผ่านกำแพงได้

So no one, if I have a light here,

เพราะฉะนั้นถ้าผมมีแสงสว่างที่นี่

if I have secure data,

และผมมีข้อมูลที่ต้องเก็บเป็นความลับ

no one on the other side of this room through that wall

ก็จะไม่มีใครในอีกฝั่งของกำแพง

would be able to read that data.

ที่จะสามารถได้รับข้อมูลนั้นได้

And there's only data where there is light.

จะมีข้อมูลในที่ๆ มีแสงส่องถึงเท่านั้น

So if I don't want that receiver to receive the data,

เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ต้องการที่จะรับข้อมูลนั้น

then what I could do,

สิ่งที่คุณทำได้

turn it away.

ก็คือหันมันหลบออกไป

So the data goes in that direction, not there anymore.

ข้อมูลก็จะไปทิศทางนั้น ไม่ใช่ตรงนี้อีกต่อไป

Now we can in fact see where the data is going to.

ตอนนี้ เราสามารถเห็นได้จริงๆ แล้ว ว่าข้อมูลถูกส่งไปทางไหน

So for me,

เพราะฉะนั้นสำหรับผม

the applications of it,

การนำมันไปใช้งานจริง

to me, are beyond imagination at the moment.

สำหรับผม ณ ตอนนี้มันเกินขอบเขตของจินตนาการ

We have had a century of very nice, smart application developers.

เราอยู่ในยุคที่มีนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นเจ๋งๆ

And you only have to notice, where we have light,

และคุณแค่ต้องนึกถึง ที่ใดก็ตามที่มีแสงสว่าง

there is a potential way to transmit data.

มันก็จะมีความเป็นไปได้ในการส่งผ่านข้อมูล

But I can give you a few examples.

แต่ผมจะยกตัวอย่างให้คุณฟังซักเล็กน้อยล่ะกัน

Well you may see the impact already now.

คุณอาจจะเห็นผลกระทบอยู่ ณ ตอนนี้แล้วก็ได้

This is a remote operated vehicle

นี่คือเครื่องควบคุมยานพาหนะระยะไกล

beneath the ocean.

ใต้ท้องทะเล

And they use light to illuminate space down there.

และพวกเขาใช้แสงในการส่องสว่างพื้นที่ข้างล่างนั่น

And this light can be used to transmit wireless data

และแสงนี้ก็สามารถที่จะใช้ในการส่งข้อมูล

that these things [use] to communicate with each other.

ที่เจ้าพวกนี้ใช้ติดต่อระหว่างกันได้

Intrinsically safe environments

ปลอดภัยต่อสภาพแวดล้อม

like this petrochemical plant --

อย่างที่เห็นในโรงงานผลิตปิโตรเคมีนี้

you can't use RF, it may generate antenna sparks,

คุณไม่สามารถที่จะใช้การส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุได้ เพราะมันอาจจะมีประกายไฟเกิดขึ้น

but you can use light -- you see plenty of light there.

แต่คุณสามารถใช้แสงสว่างได้ ที่นั่นคุณจะเห็นแต่แสงสว่างเต็มไปหมด

In hospitals,

ในโรงพยาบาล

for new medical instruments;

สำหรับเครื่องมือการรักษาแบบใหม่

in streets for traffic control.

บนท้องถนนสำหรับการควบคุมการจราจร

Cars have LED-based headlights, LED-based back lights,

รถยนต์โดยพื้นฐานใช้ไฟหน้าและ ไฟหลังแบบ LED

and cars can communicate with each other

และรถสามารถที่จะสื่อสารระหว่างกันเองได้

and prevent accidents

เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

in the way that they exchange information.

โดยวิธีที่พวกมันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเองได้

Traffic lights can communicate to the car and so on.

ไฟจราจรก็สามารถที่จะสื่อสารกับรถ เป็นต้น

And then you have these millions of street lamps

จากนั้นคุณยังมีโคมไฟถนนอีกนับล้านๆ ดวง

deployed around the world.

ติดตั้งอยู่ทุกมุมโลก

And every street lamp could be a free access point.

และโคมไฟถนนทุกดวงจะเป็น Access point (จุดกระจายสัญญาณ)

We call it, in fact, a Li-Fi,

โดยเราจะเรียกมันว่า Li-Fi

light-fidelity.

มาตรฐานเครื่องข่ายคอมพิวเตอร์แบบใช้แสง

And then we have these aircraft cabins.

และเราก็มีห้องโดยสารเครื่องบินพวกนี้

There are hundreds of lights in an aircraft cabin,

ซึ่งมีดวงไฟอยู่นับร้อยๆ ดวง

and each of these lights

และดวงไฟแต่ละดวง

could be a potential transmitter of wireless data.

ก็มีศักยภาพที่จะสามารถถ่ายทอดสัญญาณไร้สายได้

So you could enjoy your most favorite TED video

คุณก็จะสามารถเพลิดเพลินกับวีดีโอ TED สุดโปรด

on your long flight back home.

ระหว่างโดยสารเที่ยวบินขากลับอันยาวนานได้

Online life. So that is a vision, I think, that is possible.

ชีวิตที่เชื่อมต่อกับระบบตลอดเวลา ผมคิดว่ามันสามารถเป็นไปได้

So, all we would need to do

เพราะฉะนั้น ทั้งหมดที่เราต้องทำ

is to fit a small microchip

ก็คือใส่เจ้าไมโครชิพจิ๋วอันนี้

to every potential illumination device.

ลงไปในอุปกรณ์ให้แสงสว่างทั้งหมด

And this would then combine

และนี่ก็จะผนวก

two basic functionalities:

การใช้งานพื้นฐานสองอย่าง

illumination and wireless data transmission.

ทั้งการส่องสว่างและส่งผ่านข้อมูลไร้สายเข้าด้วยกัน

And it's this symbiosis that I personally believe

และโดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า นี่ก็คือการรวมกัน

could solve the four essential problems

ที่จะช่วยแก้ปัญหาทั้ง 4 อย่าง

that face us in wireless communication these days.

ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในการสื่อสารแบบไร้สายในปัจจุบัน

And in the future,

และในอนาคต

you would not only have 14 billion light bulbs,

คุณก็จะไม่ได้มีแค่หลอดไฟ 1 หมื่น 4 พันล้านหลอด

you may have 14 billion Li-Fis

คุณก็จะมี Li-Fi 1 หมื่น 4 พันจุด

deployed worldwide --

ติดตั้งอยู่ทั่วทั้งโลก

for a cleaner, a greener,

เพื่ออนาคตที่สะอาด

and even a brighter future.

และดีต่อธรรมชาติมากขึ้น

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)