The mind behind Tesla, SpaceX, SolarCity ... | Elon Musk

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Kanawat Senanan

Chris Anderson: Elon, what kind of crazy dream

คริส แอนเดอร์สัน: อีลอน ความฝันหลุดโลกแบบไหนครับ

would persuade you to think of trying

ที่โน้มน้าวให้คุณคิดจะพยายาม

to take on the auto industry and build an all-electric car?

เข้ามาในอุตสาหกรรมยานยนต์ และสร้างรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

Elon Musk: Well, it goes back to when I was in university.

อีลอน มัสค์: อืม มันย้อนไปเมื่อผมอยู่ในมหาวิทยาลัย

I thought about, what are the problems that are most likely

ผมคิดถึงว่า อะไรคือปัญหาที่น่าจะ

to affect the future of the world or the future of humanity?

กระทบต่ออนาคตของโลก หรืออนาคตของมนุษยชาติมากที่สุด

I think it's extremely important that we have sustainable transport

ผมคิดว่ามันสำคัญอย่างมาก ที่เรามีการคมนาคมที่ยั่งยืน

and sustainable energy production.

และการผลิตพลังงานที่ยั่งยืน

That sort of overall sustainable energy problem

เหล่าบรรดาปัญหาพลังงานที่ยั่งยืนทั้งหมดนั้น

is the biggest problem that we have to solve this century,

เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ที่เราต้องทำการแก้ไขในศตวรรษนี้

independent of environmental concerns.

อย่างอิสระจากการคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม

In fact, even if producing CO2 was good for the environment,

อันที่จริง สมมุติว่า การผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้น ดีต่อสิ่งแวดล้อม

given that we're going to run out of hydrocarbons,

แต่ถ้าเรากำลังจะขาดไฮโดรคาร์บอน

we need to find some sustainable means of operating.

พวกเราต้องการหาแนวทางการจัดการที่ยั่งยืน

CA: Most of American electricity comes from

คริส: กระแสไฟฟ้าในอเมริกาส่วนใหญ่มาจาก

burning fossil fuels.

การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงฟอสซิล

How can an electric car that plugs into that electricity help?

รถยนต์ไฟฟ้าที่ต่อสายไฟ เข้ากับระบบไฟฟ้าจะช่วยได้อย่างไร

EM: Right. There's two elements to that answer.

อีลอน: ครับ มีคำตอบอยู่สองประการครับ

One is that, even if you take the same source fuel

อย่างแรกก็คือ ถึงแม้ว่าคุณจะนำน้ำมันมา

and produce power at the power plant

ผลิตเป็นพลังงานที่โรงไฟฟ้า

and use it to charge electric cars, you're still better off.

และใช้มันเพื่อที่จะชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า มันก็ยังดีกว่า

So if you take, say, natural gas,

ถ้าคุณใช้ก๊าซธรรมชาติ

which is the most prevalent hydrocarbon source fuel,

ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันไฮโดรคาร์บอนที่พบได้มากที่สุด

if you burn that in a modern

ถ้าคุณเผามันใน

General Electric natural gas turbine,

กังหันก๊าซธรรมชาติสมัยใหม่ของบริษัท GE

you'll get about 60 percent efficiency.

คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพ ได้ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์

If you put that same fuel in an internal combustion engine car,

ถ้าคุณใช้เชื้อเพลิงเดียวกันนี้ ในเครื่องยนต์สันดาปภายใน

you get about 20 percent efficiency.

คุณจะวัดดัชนีประสิทธิภาพ ได้ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์

And the reason is, in the stationary power plant,

และเหตุผลก็คือ ในโรงไฟฟ้า

you can afford to have something that weighs a lot more,

คุณสามารถที่จะมีอะไรบางอย่าง ที่มีน้ำหนักมาก

is voluminous,

มีปริมาตรมาก

and you can take the waste heat

และคุณสามารถนำความร้อนที่ถูกปล่อยทิ้ง

and run a steam turbine and generate

ไปปั่นกังหันน้ำและให้กำเนิด

a secondary power source.

แหล่งพลังงานทุติยภูมิ

So in effect, even after you've taken transmission loss into account and everything,

ผลที่ได้คือ แม้ว่าคุณรวมเอาพลังงานที่สูญเสีย จากการส่งผ่านและอื่นๆทุกอย่างแล้ว

even using the same source fuel, you're at least twice as better off

ถึงแม้ว่าจะใช้แหล่งเชื้อเพลิงเดียวกัน การชาร์จไฟให้รถนั้นให้ผลดีกว่าอย่างน้อยสองเท่า

charging an electric car, then burning it at the power plant.

เมื่อเปรียบเทียบกับเผาไหม้มันในโรงงานไฟฟ้า

CA: That scale delivers efficiency.

คริส: ขนาดที่ใหญ่ช่วยให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

EM: Yes, it does.

อีลอน: ใช่ครับ

And then the other point is, we have to have sustainable means

และอีกประการหนึ่งก็คือ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกเราต้องมีมาตราการที่ยั่งยืน

of power generation anyway, electricity generation.

ในการผลิตพลังงาน อย่างพลังงานไฟฟ้าอยู่ดี

So given that we have to solve sustainable electricity generation,

ครับ ถ้าเราต้องแก้ปัญหา การผลิตพลังงานไฟฟ้าแบบยั่งยืน

then it makes sense for us to have electric cars

มันก็เป็นเหตุเป็นผลที่เราจะมีรถพลังงานไฟฟ้า

as the mode of transport.

เป็นวิธีหนึ่งของการเดินทาง

CA: So we've got some video here

คริส: เรามีวีดีโอตรงนี้

of the Tesla being assembled,

เกี่ยวกับ เทสล่า ที่กำลังถูกประกอบ

which, if we could play that first video --

ซึ่ง ถ้าเราเปิดวีดีโอแรก

So what is innovative about this process in this vehicle?

อะไรกันครับที่เป็นการปฏิรูปใหม่ ในกระบวนการผลิตของพาหนะนี้

EM: Sure. So, in order to accelerate the advent of electric transport,

อีลอน: อ้อครับ เพื่อเป็นการเร่งการมาถึง ของการขนส่งที่ใช้พลังไฟฟ้า

and I should say that I think, actually,

ผมจะบอกว่า ที่จริงผมคิดว่า

all modes of transport will become fully electric

ทุกวิถีทางการเดินทางจะเปลี่ยนไปเป็น ระบบไฟฟ้าทั้งหมด

with the ironic exception of rockets.

แต่ที่ตลกดีคือ ยกเว้นจรวดนะครับ

There's just no way around Newton's third law.

มันไม่มีทางจะแหกกฎข้อที่สามของนิวตัน

The question is how do you accelerate

คำถามก็คือว่า คุณจะเร่ง

the advent of electric transport?

การมาถึงของการเดินทางแบบไฟฟ้าได้อย่างไร

And in order to do that for cars, you have to come up with

และเพื่อที่จะทำเช่นนั้นในรถยนต์ คุณจะต้องคิดถึง

a really energy efficient car,

รถที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจริงๆ

so that means making it incredibly light,

ดังนั้น นั่นหมายถึงสร้างมันให้เบาอย่างน่าเหลือเชื่อ

and so what you're seeing here

และที่คุณได้เห็นนี้

is the only all-aluminum body and chassis car

เป็นเพียงรถรุ่นเดียว ที่มีตัวถังทำจากอลูมิเนียมทั้งหมด

made in North America.

ซึ่งผลิตในอเมริกาเหนือ

In fact, we applied a lot of rocket design techniques

ที่จริง พวกเราดัดแปลงเทคนิคมากมาย ในการออกแบบจรวด

to make the car light despite having a very large battery pack.

เพื่อที่จะสร้างรถที่เบา แม้ว่ามันจะมีกล่องแบตเตอรี่ขนาดใหญ่มาก

And then it also has the lowest drag coefficient

และมันก็มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศต่ำที่สุด

of any car of its size.

ในบรรดารถขนาดเท่าๆกัน

So as a result, the energy usage is very low,

ผลก็คือ อัตราสิ้นเปลืองพลังงานนั้นจึงต่ำมาก

and it has the most advanced battery pack,

และมันมีกล่องแบตเตอรี่รุ่นที่ก้าวหน้าที่สุด

and that's what gives it the range that's competitive,

และนั่นทำให้มันมีระยะวิ่งที่น่าสนใจ

so you can actually have on the order of a 250-mile range.

ซึ่งตามปกติมันจะวิ่งได้ราว 250 ไมล์

CA: I mean, those battery packs are incredibly heavy,

คริส: เอาล่ะครับ กล่องแบตเตอรี่นั้นมันหนักเหลือเกิน

but you think the math can still work out intelligently --

แต่คุณคิดว่าการคำนวณ จะหาทางออกให้อย่างชาญฉลาด

by combining light body, heavy battery,

โดยการรวมตัวของถังที่เบา แบตเตอรี่ที่หนัก

you can still gain spectacular efficiency.

คุณยังสามารถที่จะได้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม

EM: Exactly. The rest of the car has to be very light

อีลอน: ใช่เลยครับ ส่วนที่เหลือของรถยนต์ต้องเบามากๆ

to offset the mass of the pack,

เพื่อชดเชยน้ำหนักของกล่องแบตเตอรี่

and then you have to have a low drag coefficient so that you have good highway range.

และจากนั้นคุณต้องมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ ที่ต่ำ เพื่อที่คุณจะได้ระยะวิ่งบนถนนที่ดี

And in fact, customers of the Model S

และที่จริง เหล่าลูกค้าของโมเดล เอส

are sort of competing with each other

ก็คล้ายๆ กับกำลังแข่งขันกันเอง

to try to get the highest possible range.

เพื่อที่จะให้ได้ระยะที่ดีที่สุด

I think somebody recently got 420 miles out of a single charge.

ผมคิดว่าใครสักคนขับได้ระยะทาง 420 ไมล์ ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เมื่อไม่นานมานี้

CA: Bruno Bowden, who's here, did that,

คริส: บรูโน โบวเดน (Bruno Bowden) ผู้ซึ่งอยู่ที่นี่ด้วย เป็นผู้ทำมันครับ

broke the world record.EM: Congratulations.

ทำลายสถิติโลก อีลอน: ยินดีด้วยครับ

CA: That was the good news. The bad news was that

คริส: นั่นเป็นข่าวดีครับ ข่าวร้ายก็คือว่า

to do it, he had to drive at 18 miles an hour constant speed

เพื่อที่จะทำได้แบบนั้น เขาต้องขับด้วยความเร็วคงที่ 18 ไมล์ต่อชั่วโมง

and got pulled over by the cops. (Laughter)

และก็จะถูกตำรวจเรียก (เสียงหัวเราะ)

EM: I mean, you can certainly drive --

อีลอน: คุณสามารถขับได้แน่นอนครับ

if you drive it 65 miles an hour,

ถ้าคุณขับมันที่ 65 ไมล์ต่อชั่วโมง

under normal conditions,

ภายใต้เงื่อนไขปกติ

250 miles is a reasonable number.

250 ไมล์ เป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผล

CA: Let's show that second video

คริส: มาดูวีดีโอที่สอง

showing the Tesla in action on ice.

ที่แสดงให้เห็นเทสล่าขณะโลดแล่นบนน้ำแข็ง

Not at all a dig at The New York Times, this, by the way.

นี่ไม่ใช่การเย้าหยอกจากนิวยอร์คไทม์อะไรนะครับ

What is the most surprising thing about the experience

อะไรเป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุด เกี่ยวกับประสบการณ์

of driving the car?

ในการขับรถครับ

EM: In creating an electric car,

อีลอน: ในการสร้างสรรค์รถพลังงานไฟฟ้า

the responsiveness of the car is really incredible.

การตอบสนองของรถยนต์นั้นมันน่าทึ่งมากจริงๆ

So we wanted really to have people feel as though

เราก็เลยต้องการจริงๆที่จะให้คนรู้สึกเสมือนว่า

they've almost got to mind meld with the car,

พวกเขาเกือบที่จะหลอมรวมจิตไปกับยานยนต์

so you just feel like you and the car are kind of one,

เพื่อที่คุณจะรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ

and as you corner and accelerate, it just happens,

และเมื่อคุณเข้าโค้งและเร่ง มันก็จะตอบสนองทันที

like the car has ESP.

จะเป็นดั่งรถนั้นมีสัมผัสที่หก

You can do that with an electric car because of its responsiveness.

คุณสามารถทำแบบนั้นกับรถพลังงานไฟฟ้า เพราะมันมีการตอบสนองอันรวดเร็ว

You can't do that with a gasoline car.

คุณทำแบบนั้นไม่ได้กับรถยนต์เติมน้ำมัน

I think that's really a profound difference,

ผมคิดว่ามันแตกต่างกันอย่างลึกซี้ง

and people only experience that when they have a test drive.

และคนจะได้สัมผัสประสบการณ์นั้น ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ทดลองขับ

CA: I mean, this is a beautiful but expensive car.

คริส: ผมหมายความว่า มันเป็นรถที่สวยแต่แพง

Is there a road map where this becomes

มีแผนไหมครับว่ามันจะถูกผลิตออกมา

a mass-market vehicle?

เพื่อขายในท้องตลาดเมื่อไรครับ

EM: Yeah. The goal of Tesla has always been

อีลอน: ครับ เป้าหมายของเทสล่าตลอดมานั้น

to have a sort of three-step process,

มีอยู่สามขั้นตอน

where version one was an expensive car at low volume,

ในขณะที่แบบแรกเป็นรถยนต์ที่แพง ผลิตจำนวนน้อย

version two is medium priced and medium volume,

แบบที่สองมีราคาปานกลาง ปริมาณการผลิตปานกลาง

and then version three would be low price, high volume.

และแบบที่สามที่จะมีราคาถูก ปริมาณการผลิตสูง

So we're at step two at this point.

เรากำลังอยู่ในขั้นที่สอง

So we had a $100,000 sports car, which was the Roadster.

ดังนั้น เรามีรถสปอร์ตราคา 100,000 ดอลลาร์ ซึ่งก็คือรุ่น Roadster

Then we've got the Model S, which starts at around 50,000 dollars.

จากนั้นเราก็มี Model S ซึ่งมีราคาเริ่มต้น ประมาณ 50,000 ดอลลาร์

And our third generation car, which should hopefully

และรถในรุ่นที่สามของเราซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า

be out in about three or four years

จะออกมาภายในสามหรือสี่ปี

will be a $30,000 car.

จะมีราคาที่ 30,000 ดอลลาร์

But whenever you've got really new technology,

แต่ไม่ว่าเมื่อไรที่คุณได้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยจริงๆ

it generally takes about three major versions

ปกติแล้วมันต้องผ่านการพัฒนา ไปประมาณสามรุ่นหลักๆ

in order to make it a compelling mass-market product.

ก่อนที่มันจะเหมาะสมต่อการผลิตเพื่อการพาณิชย์

And so I think we're making progress in that direction,

และผมก็คิดว่า พวกเราได้มีความก้าวหน้าไปในทิศทางนั้น

and I feel confident that we'll get there.

และผมรู้สึกมั่นใจว่าเราจะไปถึงจุดนั้นแน่

CA: I mean, right now, if you've got a short commute,

คริส: ผมหมายถึงว่า ตอนนี้ ถ้าคุณเดินทางสั้นๆ

you can drive, you can get back, you can charge it at home.

คุณสามารถขับไป ขับกลับ แล้วชาร์จมันที่บ้าน

There isn't a huge nationwide network of charging stations now that are fast.

มันยังไม่มีเครือข่ายของสถานีชาร์จไฟแบบรวดเร็ว ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ

Do you see that coming, really, truly,

คุณเห็นว่าจริงๆแล้ว มันกำลังจะมาหรือเปล่า

or just on a few key routes?

หรือว่าจะมีแค่เฉพาะตามถนนสายหลักครับ

EM: There actually are far more charging stations

อีลอน: ที่จริงแล้วมันมีสถานีชาร์จไฟมากกว่า

than people realize,

ที่คนรู้

and at Tesla we developed something

และที่เทสล่า พวกเราพัฒนาอะไรบางอย่าง

called a Supercharging technology,

ที่เรียกว่า เทคโนโลยีซุปเปอร์ชาร์จิง (Supercharging)

and we're offering that if you buy a Model S

และพวกเราบริการสิ่งนี้ให้ ถ้าคุณซื้อ Model S

for free, forever.

ฟรีตลอดชีพเลย

And so this is something that maybe a lot of people don't realize.

และนี่เป็นอะไรบางอย่างที่ บางทีคนจำนวนมากอาจยังไม่ทราบ

We actually have California and Nevada covered,

ที่จริงแล้วพวกเรามีสถานีครอบคลุม แคลิฟอเนียและเนวาดา

and we've got the Eastern seaboard

และมีทาง อีสเทิร์นซีบอร์ด (Eastern seaboard)

from Boston to D.C. covered.

ครอบคลุมจากบอสตัน ถีง วอชิงตันดีซี

By the end of this year, you'll be able to drive

ภายในสิ้นปี เราจะสามารถขับรถ

from L.A. to New York

จากเอลเอไปถึงนิวยอร์ค

just using the Supercharger network,

แค่การใช้เครือข่ายซุเปอร์ชาร์จเจอร์

which charges at five times the rate of anything else.

ซึ่งชาร์จไฟเร็วเป็นห้าเท่าของระบบอื่นๆ

And the key thing is to have a ratio of drive to stop,

และที่สำคัญก็คือการมีอัตราส่วนเวลาในการขับ

to stop time, of about six or seven.

ต่อเวลาในการหยุด สักหกหรือเจ็ด

So if you drive for three hours,

ถ้าคุณขับสักสามชั่วโมง

you want to stop for 20 or 30 minutes,

คุณต้องการหยุดสัก 20 หรือ 30 นาที

because that's normally what people will stop for.

เพราะว่านั้นเป็นช่วงปกติที่คนจะหยุด

So if you start a trip at 9 a.m.,

ถ้าคุณเริ่มออกเดินทางตอน 9 โมงเช้า

by noon you want to stop to have a bite to eat,

พอถึงตอนเที่ยง คุณก็อยากที่จะหยุดเพื่อหาอะไรกิน

hit the restroom, coffee, and keep going.

เข้าห้องน้ำ ดื่มกาแฟ แล้วค่อยไปต่อ

CA: So your proposition to consumers is, for the full charge, it could take an hour.

คริส: ฉะนั้น ข้อเสนอของคุณต่อผู้บริโภคก็คือ ถ้าจะชาร์จให้เต็มมันอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมง

So it's common -- don't expect to be out of here in 10 minutes.

ฉะนั้น มันปกติ ที่จะไม่ต้องหวังว่า จะออกจากตรงนี้ไปภายใน 10 นาที

Wait for an hour, but the good news is,

รอสักชั่วโมง แต่ข่าวดีก็คือ

you're helping save the planet,

คุณได้ช่วยรักษาโลก

and by the way, the electricity is free. You don't pay anything.

และอีกอย่าง ค่าไฟฟ้าก็ฟรีด้วย คุณไม่ต้องจ่ายอะไรเลย

EM: Actually, what we're expecting is for people

อีลอน: อันที่จริง ที่เราคาดหวังจากผู้คน

to stop for about 20 to 30 minutes, not for an hour.

ให้หยุดสักประมาณ 20 ถึง 30 นาที ไม่ใช่เป็นชั่วโมง

It's actually better to drive for about maybe 160, 170 miles

ที่จริงมันดีกว่าที่จะขับ สักประมาณ 160 หรือ 170 ไมล์

and then stop for half an hour

และจากนั้นก็หยุดสักครึ่งชั่วโมง

and then keep going.

และจากนั้นก็ค่อยขับต่อ

That's the natural cadence of a trip.

นั่นเป็นจังหวะธรรมชาติของการเดินทางอยู่แล้ว

CA: All right. So this is only one string to your energy bow.

คริส: เอาล่ะครับ นั่นก็เป็นเส้นสายหนึ่ง ในคันธนูพลังงานของคุณ

You've been working on this solar company SolarCity.

คุณได้ทำงานบริหารบริษัทพลังงานแสงอาทิตย์ โซล่าซิตี้ (SolarCity)

What's unusual about that?

มันมีอะไรพิเศษหรือครับ

EM: Well, as I mentioned earlier,

อีลอน: ครับ อย่างที่ผมได้พูดก่อนหน้านี้

we have to have sustainable electricity production

เราต้องมีการผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืน

as well as consumption,

เช่นเดียวกับมีการใช้ที่ยั่งยืน

so I'm quite confident that the primary means

ดังนั้น ผมค่อนข้างมั่นใจว่า วิธีการหลัก

of power generation will be solar.

ของการผลิตพลังงานไฟฟ้า จะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์

I mean, it's really indirect fusion, is what it is.

ผมหมายถึงว่า มันเป็นนิวเคลียร์ฟิวชั่นโดยอ้อม

We've got this giant fusion generator in the sky called the sun,

พวกเรามีเครื่องกำเนิดฟิวชั่นขนาดยักษ์ในท้องฟ้า เรียกว่า ดวงอาทิตย์

and we just need to tap a little bit of that energy

และเราต้องการแบ่งพลังงานนั้นแค่เพียงน้อยนิด

for purposes of human civilization.

เพื่อจุดประสงค์ของอารยธรรมแห่งมนุษยชาติ

What most people know but don't realize they know

สิ่งที่คนส่วนใหญ่รู้แต่ไม่คิดว่าพวกเขารู้

is that the world is almost entirely solar-powered already.

ก็คือว่า โลกเกือบจะได้รับพลังงานทั้งหมด จากดวงอาทิตย์อยู่แล้ว

If the sun wasn't there, we'd be a frozen ice ball

ถ้าดวงอาทิตย์ไม่ได้อยู่ตรงนั้น พวกเราก็คงเป็นก้อนน้ำแข็ง

at three degrees Kelvin,

ที่อุณหภูมิสามเคลวิน

and the sun powers the entire system of precipitation.

และดวงอาทิตย์ก็ให้พลังงานกับ วัฏจักรของหยาดน้ำฟ้าทั้งหมด

The whole ecosystem is solar-powered.

ระบบนิเวศทั้งระบบนั้นขับเคลื่อน โดยพลังงานแสงอาทิตย์

CA: But in a gallon of gasoline, you have,

คริส: แต่ถ้าต่อหนึ่งแกลลอนของน้ำมันเบนซิน

effectively, thousands of years of sun power

มันเทียบเท่ากับพันๆ ปีของพลังงานแสงอาทิตย์

compressed into a small space,

อัดลงในที่เล็กๆ

so it's hard to make the numbers work right now on solar,

ดังนั้น มันยากที่พลังงานแสงอาทิตย์ จะตามทันตัวเลขนั้นทัน

and to remotely compete with, for example, natural gas,

และจะแข่งขันกับก๊าซธรรมชาติได้

fracked natural gas. How are you going to build a business here?

ไอ้ก๊าซธรรมชาตินี่ คุณจะสร้างธุรกิจได้ยังไงกันครับ

EM: Well actually, I'm confident that solar

อีลอน: ครับ ที่จริง ผมมั่นใจว่าพลังงานแสงอาทิตย์

will beat everything, hands down, including natural gas.

จะเอาชนะทุกอย่างแบบไม่ต้องสงสัยเลย รวมทั้งก๊าซธรรมชาติด้วย

(Applause)CA: How?

(เสียงปรบมือ) คริส: ยังไงกันครับ

EM: It must, actually. If it doesn't, we're in deep trouble.

อีลอน: ที่จริง มันต้องเป็นเช่นนั้นครับ มิฉะนั้นแล้ว เรามีปัญหาใหญ่แน่

CA: But you're not selling solar panels to consumers.

คริส: แต่คุณไม่ได้ขายแผงพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับผู้บริโภค

What are you doing?

คุณทำอะไรกันครับ

EM: No, we actually are. You can buy a solar system

อีลอน: ไม่ครับ จริงๆพวกเราขายครับ คุณสามารถซื้อพลังงานแสงอาทิตย์

or you can lease a solar system.

หรือสามารถที่จะเช่าพลังงานแสงอาทิตย์

Most people choose to lease.

คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเช่า

And the thing about solar power is that

และสิ่งหนึ่งเกี่ยวกับพลังงานแสงอาทิตย์ก็คือ

it doesn't have any feed stock or operational costs,

มันไม่มีวัตถุดิบเพิ่มเติมหรือมีค่าดำเนินการอะไรอีก

so once it's installed, it's just there.

ดังนั้น เมื่อติดตั้งมันแล้ว มันก็อยู่ตรงนั้น

It works for decades. It'll work for probably a century.

มันทำงานได้หลายทศวรรษ บางทีอาจเป็นศตวรรษ

So therefore, the key thing to do is to get the cost

ดังนั้น หัวใจสำคัญที่ต้องทำก็คือ

of that initial installation low,

ทำให้ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งนั้นลดลง

and then get the cost of the financing low,

และจากนั้นก็ทำให้ค่าใช้จ่ายในเรื่องการเงินลดลง

because that interest -- those are the two factors that drive the cost of solar.

เพราะว่านั้นน่าสนใจครับ นั่นเป็นสองโรงงาน ที่ขับเคลื่อนราคาของพลังงานแสงอาทิตย์

And we've made huge progress in that direction,

และเราก็กำลังมีความก้าวหน้า เป็นอย่างมากในทิศทางนั้น

and that's why I'm confident we'll actually beat natural gas.

และนั้นเป็นเหตุว่าทำไม ผมจึงมั่นใจว่า เราจะเอาชนะก๊าซธรรมชาติได้จริงๆ

CA: So your current proposition to consumers is,

คริส: ฉะนั้น ข้อเสนอตอนนี้ต่อผู้บริโภคก็คือ

don't pay so much up front.

อย่าจ่ายหนักแต่แรกเริ่ม

EM: Zero.CA: Pay zero up front.

อีลอน: ศูนย์เลยครับ คริส: ไม่ต้องจ่ายเลยหรอครับ

We will install panels on your roof.

เราจะติดตั้งตัวแผงบนหลังคาของคุณ

You will then pay, how long is a typical lease?

คุณจะจ่ายทีหลัง แล้วระยะให้เช่านี่นานแค่ไหนครับ

EM: Typical leases are 20 years,

อีลอน: โดยทั่วไปก็ 20 ปีครับ

but the value proposition is, as you're sort of alluding to, quite straightforward.

แต่ อย่างที่คุณพูดเป็นนัยๆ ค่าของข้อเสนอที่ตรงไปตรงมาก็คือ

It's no money down, and your utility bill decreases.

มันไม่มีการจ่ายเงินลงไป และค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคของคุณก็ลดลง

Pretty good deal.

เป็นความคิดที่ดีครับ

CA: So that seems like a win for the consumer.

คริส: นั่นเหมือนกับว่าเป็นกำไรของผู้บริโภคเลย

No risk, you'll pay less than you're paying now.

ไม่มีความเสี่ยง คุณจะจ่ายน้อยกว่าที่คุณกำลังจ่ายอยู่ตอนนี้

For you, the dream here then is that --

สำหรับคุณ ความฝันก็คือว่า--

I mean, who owns the electricity from those panels for the longer term?

ผมหมายถึง ใครจะเป็นเจ้าของไฟฟ้า ที่ได้มาจากแผงพลังงานในระยะยาว

I mean, how do you, the company, benefit?

ผมหมายถึง คุณ บริษัทของคุณ จะได้กำไรได้อย่างไร

EM: Well, essentially,

อีลอน: ครับ หลักๆแล้ว

SolarCity raises a chunk of capital

โซล่าซิตี้ มีเงินกองทุนตั้งต้น

from say, a company or a bank.

มาจาก บริษัทหรือธนาคาร เป็นต้น

Google is one of our big partners here.

กูเกิลก็เป็นหนึ่งในพันธมิตรของเรา

And they have an expected return on that capital.

และพวกเขาก็มีความคาดหวัง ที่จะได้ผลตอบแทนจากเงินลงทุนนี้

With that capital, SolarCity purchases and installs the panel on the roof

ด้วยเงินทุนนั้น โซล่าซิตี้ได้จัดซื้อ และติดตั้งแผงพลังงานบนหลังคา

and then charges the homeowner or business owner

และจากนั้นคิดค่าใช้จ่ายกับเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของกิจการ

a monthly lease payment, which is less than the utility bill.

เป็นรายเดือนสำหรับค่าเช่า ซึ่งน้อยกว่าค่าไฟฟ้าปกติ

CA: But you yourself get a long-term commercial benefit from that power.

คริส: แต่คุณเองได้ผลกำไรระยะยาวจากพลังงานนั้น

You're kind of building a new type of distributed utility.

มันแบบว่า คุณสร้างรูปแบบใหม่ของสาธารณูปโภค

EM: Exactly. What it amounts to

อีลอน: ใช่เลยครับ มันเสมือนเป็น

is a giant distributed utility.

การกระจายสาธารณูปโภคครั้งยิ่งใหญ่

I think it's a good thing, because utilities

ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าสาธารณูปโภคนั้น

have been this monopoly, and people haven't had any choice.

อยู่ในระบบผูกขาด และคนก็ไม่มีทางเลือก

So effectively it's the first time

ฉะนั้น นีมันเป็นครั้งแรกจริงๆ

there's been competition for this monopoly,

ที่มีการแข่งขันเกิดขึ้นกับระบบผูกขาดนี้

because the utilities have been the only ones

เพราะว่าสาธารณูปโภคนั้นเคยเป็นเพียงสิ่งเดียว

that owned those power distribution lines, but now it's on your roof.

ที่ครอบครองการแนวการแผ่ขยายของพลังงาน แต่ตอนนี้มันอยู่บนหลังคาบ้านของคุณ

So I think it's actually very empowering

ดังนั้น ผมคิดว่ามันเป็นการให้อำนาจจริงๆ

for homeowners and businesses.

กับเจ้าของบ้านและเจ้าของธุรกิจ

CA: And you really picture a future

คริส: และคุณเห็นภาพอนาคตไหมครับ

where a majority of power in America,

ว่าพลังงานหลักในอเมริกา

within a decade or two, or within your lifetime, it goes solar?

ในอีกสักหนึ่งหรือสองทศวรรษหรือในช่วงชีวิตเรา มันจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ไหมครับ

EM: I'm extremely confident that solar will be at least a plurality of power,

อีลอน: ผมมันใจเป็นอย่างยิ่งว่า พลังงานแสงอาทิตย์อย่างน้อยจะเป็นที่นิยมกว่า

and most likely a majority,

และน่าจะเป็นพลังงานหลัก

and I predict it will be a plurality in less than 20 years.

และผมขอคาดเดาว่า มันจะเป็นที่นิยมในไม่เกิน 20 ปีนี้

I made that bet with someone —CA: Definition of plurality is?

ผมขอเดิมพันกับใครบางคน -- คริส: นิยามของความนิยมในที่นี้คือยังไงครับ

EM: More from solar than any other source.

อีลอน: เราจะได้พลังงานจากแสงอาทิตย์ มากกว่าจากแหล่งอื่น

CA: Ah. Who did you make the bet with?

คริส: อ้า คุณพนันกับใครไว้ล่ะครับ

EM: With a friend who will remain nameless.

อีลอน: กับเพื่อนที่ผมจะยังจะไม่เอ่ยนามเขาครับ

CA: Just between us. (Laughter)

คริส: เป็นความลับระหว่างเรา (เสียงหัวเราะ)

EM: I made that bet, I think, two or three years ago,

อีลอน: ผมพนันไว้สองสามปีก่อนนะ ผมว่า

so in roughly 18 years,

มันก็ราวๆ 18 ปี

I think we'll see more power from solar than any other source.

ผมคิดว่าเราจะเห็นพลังงานจากแสงอาทิตย์ มากกว่าจากแหล่งอื่นๆ

CA: All right, so let's go back to another bet that you made

คริส: เอาล่ะครับ ลองกลับไปยังการเดิมพันอีกอันหนึ่ง

with yourself, I guess, a kind of crazy bet.

ที่คุณได้ตั้งไว้กับตัวเองผมเดานะครับ ว่ามันค่อนข้างบ้าบิ่นทีเดียว

You'd made some money from the sale of PayPal.

คุณได้ทำเงินจากการขาย เพย์พาว (PayPal)

You decided to build a space company.

คุณตัดสินใจที่จะสร้างบริษัทอวกาศ

Why on Earth would someone do that?

ทำไมคุณต้องทำบ้าอะไรอย่างนั้นด้วยครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

EM: I got that question a lot, that's true.

อีลอน: ผมได้รับคำถามนั้นบ่อยครับ มันก็จริงครับ

People would say, "Did you hear the joke about the guy

คุณจะถามว่า "คุณได้ยินเรื่องฮาๆ เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งไม๊

who made a small fortune in the space industry?"

คนที่ทำเงินได้นิดหน่อยจากบริษัทอวกาศไง"

Obviously, "He started with a large one," is the punchline.

แน่ล่ะ "แต่ตอนเริ่มเขาใช้เงินไปเยอะเลย" นั่นเป็นวลีหลักเลยครับ

And so I tell people, well, I was trying to figure out

และผมก็บอกคนอื่นว่า เอาล่ะ ผมพยายามที่จะคิดหา

the fastest way to turn a large fortune into a small one.

วิธีการที่เร็วที่สุด ที่จะเปลี่ยนเงินจำนวนมากให้เหลือนิดเดียว

And they'd look at me, like, "Is he serious?"

และพวกเขาก็มองผมแบบว่า "เขาเอาจริงหรอเนี่ย"

CA: And strangely, you were. So what happened?

คริส: และน่าประหลาด คุณก็เอาจริง และมันก็เกิดขึ้นใช่ไหม

EM: It was a close call. Things almost didn't work out.

อีลอน: หืดขึ้นคอเลยครับ มันเกือบจะไม่ได้ผล

We came very close to failure,

พวกเราเกือบที่จะล้มเหลว

but we managed to get through that point in 2008.

แต่พวกเราจัดการผ่านจุดนั้นในปี 2008 มาได้

The goal of SpaceX is to try to advance rocket technology,

เป้าหมายของ สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ก็คือ พยายามสร้างความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีจรวด

and in particular to try to crack a problem

โดยเฉพาะพยายามที่จะตีปัญหาให้แตก

that I think is vital

ซึ่งผมคิดว่ามันสำคัญ

for humanity to become a space-faring civilization,

สำหรับมนุษยชาติที่จะมี อารยธรรมแผ่ขยายไปในอวกาศ

which is to have a rapidly and fully reusable rocket.

ซึ่งก็คือการมีจรวดที่นำทุกส่วน มาใช้ซ้ำได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

CA: Would humanity become a space-faring civilization?

คริส: มนุษยชาติจะมีอารยธรรม แผ่ขยายไปในอวกาศหรือครับ

So that was a dream of yours, in a way, from a young age?

แล้วนั่นเป็นฝันของคุณตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า

You've dreamed of Mars and beyond?

คุณฝันถึงดาวอังคารและอะไรที่ไกลกว่านั้นหรือ

EM: I did build rockets when I was a kid,

อีลอน: ผมได้สร้างจรวดเมื่อผมเป็นเด็ก

but I didn't think I'd be involved in this.

แต่ผมไม่คิดว่ามันเกี่ยวกับอันนี้นะครับ

It was really more from the standpoint of

ที่มันเกี่ยวมากกว่าก็คือว่า อะไรเป็นจุดเริ่มต้น

what are the things that need to happen in order for

ของสิ่งที่ต้องการให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เพื่อที่ว่า

the future to be an exciting and inspiring one?

อนาคตจะเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น และเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

And I really think there's a fundamental difference,

และผมก็คืดจริงๆว่ามันมีความแตกต่างขั้นพื้นฐาน

if you sort of look into the future,

ถ้าคุณแบบว่ามองไปในอนาคต

between a humanity that is a space-faring civilization,

ระหว่างมนุษยชาติที่มีอารยธรรม แผ่ขยายไปในอวกาศ

that's out there exploring the stars, on multiple planets,

ที่อยู่ข้างนอกนั้น สำรวจดวงดาว อยู่บนดาวเคราะห์ต่างๆ

and I think that's really exciting,

และผมคิดว่ามันน่าตื่นเต้นมาก

compared with one where we are forever confined to Earth

เทียบกับที่ว่า เราจะจำกัดอยู่กับโลกใบนี้ไปตลอดกาล

until some eventual extinction event.

จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์การสูญพันธุ์ที่เป็นอันสิ้นสุด

CA: So you've somehow slashed the cost of building

คริส: ฉะนั้นคุณก็ได้เฉือนค่าใช้จ่ายในการสร้าง

a rocket by 75 percent, depending on how you calculate it.

จรวดไป 75 เปอร์เซ็นต์ขึ้นอยู่กับว่า คุณจะคำนวณมันอย่างไร

How on Earth have you done that?

คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไรกัน

NASA has been doing this for years. How have you done this?

นาซ่าพยายามมาตั้งหลายปี คุณทำมันได้อย่างไรครับ

EM: Well, we've made significant advances

อีลอน: พวกเราได้สร้างความก้าวหน้า ที่เห็นได้อย่างชัดเจน

in the technology of the airframe, the engines,

ในเทคโนโลยีด้านลำตัวเครื่องบิน เครื่องยนต์

the electronics and the launch operation.

อิเล็กทรอนิคส์ และระบบการปล่อยจรวด

There's a long list of innovations

มันมีรายการนวัตกรรมยาวเหยียด

that we've come up with there

ที่เราคิดขึ้นมาได้

that are a little difficult to communicate in this talk, but --

มันยากไปซะหน่อยที่จะสื่อออกมาให้ฟังได้ ในการพูดครั้งนี้ แต่--

CA: Not least because you could still get copied, right?

คริส: บอกไม่ได้เพราะคุณกลัวโดน ลอกเลียนใช่ไหมครับ

You haven't patented this stuff. It's really interesting to me.

คุณไม่ได้จดสิทธิบัตรสำหรับสิ่งพวกนี้ นี่มันน่าสนใจมากสำหรับผม

EM: No, we don't patent.CA: You didn't patent because you think it's

อีลอน: ไม่ครับ เราไม่ได้จดสิทธิบัตร คริส: คุณไม่ได้จดสิทธิบัตรเพราะคุณคิดว่า

more dangerous to patent than not to patent.

มันอันตรายกว่าเมื่อจดสิทธิบัตรหรือเปล่า

EM: Since our primary competitors are national governments,

อีลอน: เพราะว่าผู้แข่งขันรายหลักของเรา คือบรรดารัฐบาลทั้งหลาย

the enforceability of patents is questionable.(Laughter) (Applause)

การบังคับใช้สิทธิบัตรนั้นมันยังเป็นที่น่าสงสัย (เสียงหัวเราะ) (เสียงปรบมือ)

CA: That's really, really interesting.

คริส: มันน่าสนใจมากจริงๆครับ

But the big innovation is still ahead,

แต่นวัตกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ยังมาไม่ถึง

and you're working on it now. Tell us about this.

และคุณก็กำลังพัฒนามันอยู่ตอนนี้ บอกเล่าหน่อยสิครับ

EM: Right, so the big innovation—

อีลอน: ครับ มันเป็นนวัตกรรมมที่ยิ่งใหญ่ --

CA: In fact, let's roll that video and you can talk us through it, what's happening here.

คริส: ลองมาดูวีดีโอนั่น แล้วให้คุณบรรยาย ให้พวกเราฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกันครับ

EM: Absolutely. So the thing about rockets is that

อีลอน: ได้เลยครับ สิ่งที่เกี่ยวกับจรวดก็คือ

they're all expendable.

ทุกชิ้นส่วนถูกใช้แล้วทิ้งไป

All rockets that fly today are fully expendable.

จรวดทั้งหมดที่ใช้กันทุกวันนี้ไม่ถูกเก็บมาใช้อีก

The space shuttle was an attempt at a reusable rocket,

แต่กระสวยอวกาศนั้น คือความพยายามหนึ่ง ในการนำจรวดกลับมาใช้

but even the main tank of the space shuttle was thrown away every time,

แต่แม้แต่ตัวถังเชื้อเพลิงหลักของกระสวยอวกาศ ก็ยังถูกโยนทิ้งทุกที

and the parts that were reusable

และส่วนทีสามารถนำมาใช้ใหม่ได้

took a 10,000-person group nine months to refurbish for flight.

ก็ต้องใช้กลุ่มคนถึง 10,000 คน เพื่อซ่อมแซมมันนาน 9 เดือน ก่อนออกบินอีกครั้ง

So the space shuttle ended up costing a billion dollars per flight.

ดังนั้น การใช้กระสวยอวกาศ สิ้นเปลืองเงิน เป็นหลายพันล้านดอลล่าร์ต่อเที่ยวบิน

Obviously that doesn't work very well for —

เห็นได้ชัดว่ามันไม่ดีแน่สำหรับ --

CA: What just happened there? We just saw something land?

คริส: นั่นอะไรกันครับ เราเพิ่งเห็นอะไรบางอย่างลงจอด

EM: That's right. So it's important that the rocket stages

อีลอน: ใช่ครับ มันสำคัญว่าฐานของจรวดนั้น

be able to come back, to be able to return to the launch site

สามารถกลับมาได้ เพื่อที่จะกลับมายังฐานปล่อยจรวด

and be ready to launch again within a matter of hours.

และพร้อมที่จะถูกปล่อยขึ้นอีกครั้ง ภายในไม่กี่ชั่วโมง

CA: Wow. Reusable rockets.EM: Yes. (Applause)

คริส: ว้าว จรวดนำกลับมาใช้ใหม่ได้ อีลอน: ใช่ครับ (เสียงปรบมือ)

And so what a lot of people don't realize is,

และที่คนมากมายไม่ได้ตระหนักก็คือ

the cost of the fuel, of the propellant, is very small.

ค่าใช้จ่ายของเชื้อเพลิง และของตัวขับเคลื่อนนั้นน้อยมาก

It's much like on a jet.

มันค่อนข้างจะเหมือนเครื่องยนต์เจ็ทมากๆ

So the cost of the propellant is about .3 percent

ฉะนั้นค่าใช้จ่ายของตัวขับเคลื่อนนั้น อยู่ที่ประมาณ .3 เปอร์เซ็นต์

of the cost of the rocket.

ของค่าใช้จ่ายของจรวด

So it's possible to achieve, let's say,

ดังนั้น มันเป็นไปได้ที่จะลดค่าใช้จ่าย

roughly 100-fold improvement in the cost of spaceflight

ราวๆ 100 เท่า ในด้านการบินอวกาศ

if you can effectively reuse the rocket.

ถ้าคุณสามารถนำจรวดมาใช้ได้ใหม่ อย่างมีประสิทธิภาพ

That's why it's so important.

นั่นเป็นเหตุว่าทำไมมันถึงสำคัญ

Every mode of transport that we use,

ทุกวิธีการคมนาคมที่พวกเราใช้

whether it's planes, trains, automobiles, bikes, horses,

ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ จักรยาน หรือม้า

is reusable, but not rockets.

มันสามารถนำกับมาใช้ใหม่ได้ แต่ไม่ใช่กับจรวด

So we must solve this problem in order to become a space-faring civilization.

ดังนั้น เราต้องแก้ปัญหานี้ เพื่อที่จะก้าวไปสู่ การมีอารยธรรมที่แผ่ขยายออกไปในอวกาศ

CA: You asked me the question earlier

คริส: คุณถามผมก่อนหน้านี้

of how popular traveling on cruises would be

ว่าการเดินทางบนเรือสำราญ ที่เป็นที่นิยมจะเป็นอย่างไร

if you had to burn your ships afterward.EM: Certain cruises are apparently highly problematic.

ถ้าคุณจะต้องเผาเรือของคุณเมื่อจบการเดินทาง อีลอน: บริษัทเดินเรือมีปัญหามากอย่างแน่นอน

CA: Definitely more expensive.

คริส: ต้องแพงมากกว่านี้อย่างแน่นอน

So that's potentially absolutely disruptive technology,

ดังนั้น เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีแบบลบล้าง (Disruptive Technology) นี้

and, I guess, paves the way for your dream to actually take,

และ ผมเดานะครับ ว่ามันปูทางให้กับความฝันของคุณ

at some point, to take humanity to Mars at scale.

ที่จุดหนึ่งแล้ว จะนำมนุษยชาติไปยังดาวอังคาร

You'd like to see a colony on Mars.

คุณอยากจะเห็นประชากรบนดาวอังคาร

EM: Yeah, exactly. SpaceX, or some combination

อีลอน: ครับ แน่นอน สเปซเอ็กซ์ (SpaceX) หรือการรวมตัว

of companies and governments, needs to make progress

ของบริษัทหลายๆ แห่งและบรรดารัฐบาล จะต้องสร้างความก้าวหน้า

in the direction of making life multi-planetary,

ในทิศทางที่จะสร้างชีวิตในดาวเคราะห์อื่น

of establishing a base on another planet,

ในการตั้งฐานในดาวเคราะห์อื่น

on Mars -- being the only realistic option --

บนดาวอังคาร -- ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกเดียว ที่สมเหตุผล --

and then building that base up

และจากนั้นก็สร้างฐานขึ้น

until we're a true multi-planet species.

จนกระทั่งพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิต ที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์อื่นได้จริงๆ

CA: So progress on this "let's make it reusable,"

คริส: ฉะนั้นความก้าวหน้าในเรื่อง "ทำให้มันนำกลับมาใช้ใหม่ได้"

how is that going? That was just a simulation video we saw.

มันเป็นอย่างไรบ้างแล้วครับมันเป็น แค่วีดีโอจำลองที่เราเห็น

How's it going?

เป็นอย่างไรบ้างแล้วครับ

EM: We're actually, we've been making some good progress recently

อีลอน: เรามีก็คือหน้าไปได้เป็นอย่างดีครับ

with something we call the Grasshopper Test Project,

ด้วยสิ่งที่เราเรียกว่า โครงการ กราสฮอปเปอร์ เทสท์ (the Grasshopper Test Project)

where we're testing the vertical landing portion of the flight,

ที่ซึ่งเราทดสอบการลงจอดแนวดิ่ง

the sort of terminal portion which is quite tricky.

เป็นส่วนสุดท้ายที่มันค่อนข้างจะต้องใช้ฝีมือ

And we've had some good tests.

และเราก็ได้ผลทดสอบที่ดี

CA: Can we see that?EM: Yeah.

คริส: เราดูได้ไหมครับ อีลอน: ได้ครับ

So that's just to give a sense of scale.

นี่เพื่อให้แค่เห็นถึงขนาดนะครับ

We dressed a cowboy as Johnny Cash

เราจับคาวบอยแต่งตัวเป็น จอห์นนี่ แคช

and bolted the mannequin to the rocket. (Laughter)

และยึดหุ่นจำลองไว้กับจรวด (เสียงหัวเราะ)

CA: All right, let's see that video then,

คริส: เอาล่ะครับ ลองมาดูวีดีโอกัน

because this is actually amazing when you think about it.

เพราะว่านี่มันน่าทึ่งเสียจริงๆ เมื่อคุณคิดถึงมัน

You've never seen this before. A rocket blasting off and then --

คุณไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน จรวดถุกจุดขึ้น และจากนั้น --

EM: Yeah, so that rocket is about the size

อีลอน: ครับ จรวดนั้นก็มีขนาดประมาณ

of a 12-story building.

ตึก 12 ชั้น

(Rocket launch)

(เสียงปล่อยจรวด)

So now it's hovering at about 40 meters,

ตอนนี้ มันลอยอยู่ที่ระดับประมาณ 40 เมตร

and it's constantly adjusting

และมันทำการปรับอย่างต่อเนื่อง

the angle, the pitch and yaw of the main engine,

ทั้งมุม ความเอียง และการหันของเครื่องยนต์หลัก

and maintaining roll with cold gas thrusters.

และรักษาการระดับทิศทางด้วยตัวขับเคลื่อน จากก๊าซเชื้อเพลิง

CA: How cool is that? (Applause)

คริส: เจ๋งอะไรอย่างนี้ (เสียงปรบมือ)

Elon, how have you done this?

อีลอน คุณทำมันได้อย่างไรกันครับ

These projects are so -- Paypal, SolarCity,

โครงการเหล่านี้มันช่าง -- เพย์พาว โซล่าซิตี้

Tesla, SpaceX, they're so spectacularly different,

เทสล่า สเปซเอ็กซ์ พวกมันช่างแตกต่างกันอย่างน่าทึ่ง

they're such ambitious projects at scale.

พวกมันเป็นโครงการ ที่ช่างทะเยอทะยานในระดับยักษ์

How on Earth has one person

เป็นไปได้อย่างไรที่คนคนเดียว

been able to innovate in this way?

สามารถสร้างนวัตกรรมได้แบบนี้

What is it about you?

สำหรับคุณว่ายังไงครับ

EM: I don't know, actually.

อีลอน: ไม่ก็ไม่ทราบครับ จริงๆ

I don't have a good answer for you.

ผมไม่มีคำตอบที่ดีสำหรับคุณหรอกครับ

I work a lot. I mean, a lot.

ผมทำงานเยอะ ผมหมายถึง เยอะเลยครับ

CA: Well, I have a theory.EM: Okay. All right.

คริส: เอาล่ะ ผมมีทฤษฎีครับ อีลอน: โอเค เอาเลยครับ

CA: My theory is that you

คริส: ทฤษฎีของผมก็คือว่า

have an ability to think at a system level of design

คุณมีความสามารถ ที่จะคิดในการออกแบบระดับระบบ

that pulls together design, technology and business,

ที่จะดึงเอาการออกแบบ เทคโนโลยี และธุรกิจ เข้ามารวมกัน

so if TED was TBD, design, technology and business,

ดังนั้น ถ้า TED เป็น TBD ซึ่งย่อมาจาก การออกแบบ เทคโนโลยีและธุรกิจ

into one package,

ในองค์รวมเดียวกัน

synthesize it in a way that very few people can and --

ผสมผสานมันในรูปแบบ ที่น้อยคนจะสามารถทำได้ และ--

and this is the critical thing -- feel so damn confident

และนี่คือสิ่งสำคัญ -- การรู้สึกโคตรมั่นใจ

in that clicked-together package that you take crazy risks.

ในการองค์รวมที่ลงตัว ที่คุณกล้าบ้าบิ่นที่จะเสี่ยง

You bet your fortune on it, and you seem to have done that multiple times.

คุณเดิมพันชะตาของคุณไว้กับมันเหมือนว่า คุณจะทำแบบนั้นหลายครั้งหลายทีด้วย

I mean, almost no one can do that.

ผมหมายถึงว่า แทบจะไม่มีใครเลย ที่สามารถทำแบบนั้นได้

Is that -- could we have some of that secret sauce?

และนั่น เราขอเคล็ดลับบ้างได้ไหมครับ

Can we put it into our education system? Can someone learn from you?

เราจะนำมันเข้ามาในระบบการศึกษาได้อย่างไร ให้ใครสักคนมาเรียนรู้จากคุณได้หรือเปล่า

It is truly amazing what you've done.

สิ่งที่คุณทำมันช่างน่าประหลาดใจจริงๆ

EM: Well, thanks. Thank you.

อีลอน: ครับ ขอบคุณ ขอบคุณมากครับ

Well, I do think there's a good framework for thinking.

อืม ผมคิดว่ามันมีกรอบสำหรับแนวคิดที่ดี

It is physics. You know, the sort of first principles reasoning.

มันเป็นฟิสิกส์ ในแบบที่ว่าเป็นความรู้พื้นฐาน ของการให้เหตุผล

Generally I think there are -- what I mean by that is,

โดยทั่วไปแล้ว ผมคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น ผมหมายความว่า

boil things down to their fundamental truths

ขบปัญหาต่างๆ ลงถึงจุดที่เป็นแก่นความจริง

and reason up from there,

และใช้เหตุผลก่อนมันขึ้นมาจากตรงนั้น

as opposed to reasoning by analogy.

ซึ่งมันต่างจากการให้เหตุผลแบบเปรียบเปรย

Through most of our life, we get through life

ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่ในชีวิตเรา เราใช้ชีวิตเรา

by reasoning by analogy,

โดยใช้เหตุผลแบบเปรียบเปรยอ้างอิง

which essentially means copying what other people do with slight variations.

ซึ่งโดยหลักแล้วหมายถึงการลอกเลียนแบบสิ่ง ที่คนอื่นๆทำโดยมีความแตกต่างไปเล็กน้อย

And you have to do that.

และคุณก็จำเป็นที่จะต้องทำแบบนั้น

Otherwise, mentally, you wouldn't be able to get through the day.

มิฉะนั้น สมองคุณจะทำงานหนักจนเกินไป

But when you want to do something new,

แต่เมื่อคุณต้องการทำอะไรใหม่ๆ

you have to apply the physics approach.

คุณต้องนำวิธีการทางฟิสิกส์เข้ามาใช้

Physics is really figuring out how to discover

ฟิสิกส์นั้นเข้าใจจริงๆว่าจะต้องทำอย่างไร จึงจะค้นพบ

new things that are counterintuitive, like quantum mechanics.

สิ่งใหม่ๆซึ่งแย้งต่อสามัญสำนึก เช่น กลศาสตร์ควอนตัม (quantum machanics)

It's really counterintuitive.

มันเป็นอะไรที่แย้งกับสามัญสำนึกจริงๆ

So I think that's an important thing to do,

ฉะนั้น ผมคิดว่า มันคือสิ่งสำคัญที่ต้องทำ

and then also to really pay attention to negative feedback,

และนอกจากนั้น ยังต้องให้ความใส่ใจ กับผลตอบรับด้านลบ

and solicit it, particularly from friends.

และเรียกร้องหามัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเพื่อนฝูง

This may sound like simple advice,

นี่มันอาจเป็นคำแนะนำที่ฟังดูเรียบง่ายธรรมดา

but hardly anyone does that,

แต่แทบจะไม่มีใครปฎิบัติเช่นนั้น

and it's incredibly helpful.

และมันก็มีประโยชน์มากจริงๆ

CA: Boys and girls watching, study physics.

คริส: เอ้า น้องๆหนูๆที่ดูกันอยู่นะครับ เรียนฟิสิกส์

Learn from this man.

เรียนรู้จากคนๆ นี้นะครับ

Elon Musk, I wish we had all day, but thank you so much for coming to TED.

อีลอน ผมอยากจะให้เรามีเวลาทั้งวัน แต่ขอบคุณมากนะครับที่มาที่ TED

EM: Thank you. CA: That was awesome. That was really, really cool.

อีลอน: ขอบคุณครับ คริส: นั่นมันสุดยอดมาก เจ๋งสุดๆ ไปเลยครับ

Look at that. (Applause)

ดูนั่นสิครับ (เสียงปรบมือ)

Just take a bow. That was fantastic.

แค่โค้งก็พอครับ สุดยอดจริงๆครับ

Thank you so much.

ขอบคุณมากครับ