A boat carrying 500 refugees sunk at sea. The story of two survivors | Melissa Fleming

Translator: Krirkrit Ponlakhetpaiboon Reviewer: Rawee Ma

Every day, I listen to harrowing stories of people fleeing for their lives,

ทุก ๆ วัน ฉันได้ฟังเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจ ของผู้คนที่ดิ้นรนเพื่อชีวิต

across dangerous borders and unfriendly seas.

ข้ามผ่านพรมแดนที่อันตราย และทะเลที่ไม่เป็นมิตร

But there's one story that keeps me awake at night,

แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันหลับไม่ลง

and it's about Doaa.

เป็นเรื่องของโดอา

A Syrian refugee, 19 years old,

ผู้อพยพชาวซีเรีย วัย 19

she was living a grinding existence in Egypt working day wages.

เธอใช้ชีวิตอย่างทรหดในอียิปต์ ได้ค่าจ้างเป็นรายวัน

Her dad was constantly thinking of his thriving business back in Syria

ตลอดเวลาพ่อของเธอได้แต่คิดถึง ธุรกิจอันรุ่งเรืองตัวเองในซีเรีย

that had been blown to pieces by a bomb.

ที่ถูกทำลายไปโดยระเบิด

And the war that drove them there was still raging in its fourth year.

และสงครามทำให้พวกเขาต้องไปที่นั่น และยังคงคลุ้มคลั่งมาสี่ปี

And the community that once welcomed them there

และชุมชนที่ครั้งหนึ่งเคยต้อนรับพวกเขา

had become weary of them.

กลับกลายเป็นเฉยเมย

And one day, men on motorcycles tried to kidnap her.

และวันหนึ่ง ผู้ชายบนมอเตอร์ไซต์ พยายามจะฉุดตัวเธอ

Once an aspiring student thinking only of her future,

ครั้งหนึ่งของนักศึกษาที่มุ่งมั่น คิดถึงอนาคตของตนเอง

now she was scared all the time.

แต่ตอนนี้เธอกลับมีแต่ความกลัวอยู่ตลอดเวลา

But she was also full of hope,

แต่เธอเต็มไปด้วยความหวัง

because she was in love with a fellow Syrian refugee named Bassem.

เพราะเธอพบรักกับผู้อพยพ ชาวซีเรียอีกคนบาเซม

Bassem was also struggling in Egypt, and he said to Doaa,

บาเซมก็ดิ้นรนอยู่ในอียิปต์เช่นกัน จึงบอกกับโดอาว่า

"Let's go to Europe; seek asylum, safety.

"ไปยุโรป หาที่ลี้ภัย หาความปลอดภัย

I will work, you can study -- the promise of a new life."

ผมจะทำงาน ส่วนคุณจะเรียนก็ได้-- นี่เป็นสัญญาของชีวิตใหม่"

And he asked her father for her hand in marriage.

และเขาขอโดอาแต่งงานต่อพ่อของเธอ

But they knew to get to Europe they had to risk their lives,

พวกเขารู้ดีว่าการไปยุโรปมัน เป็นความเสี่ยงในชีวิต

traveling across the Mediterranean Sea,

เดินทางข้ามผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

putting their hands in smugglers', notorious for their cruelty.

ฝากชีวิตไว้กับพวกนายหน้า ที่เรื่องลือในเรื่องความโหดร้าย

And Doaa was terrified of the water.

และโดอา เธอกลัวน้ำ

She always had been. She never learned to swim.

เธอเป็นมาตลอด เธอไม่เคยแม้แต่จะหัดว่ายน้ำ

It was August that year, and already 2,000 people had died

มันเป็นเดือนสิงหาคมในปีนั้น และกว่า 2000 ชีวิตตายลง

trying to cross the Mediterranean,

ในการพยายามข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

but Doaa knew of a friend who had made it all the way to Northern Europe,

แต่โดอารู้จักเพื่อนที่ทำมันสำเร็จ อยู่ตอนเหนือของยุโรป

and she thought, "Maybe we can, too."

เธอได้แต่คิดว่า "บางทีเราอาจจะทำได้เหมือนกัน"

So she asked her parents if they could go,

ดังนั้นเธอจึงบอกกับพ่อแม่ว่าเธอจะไป

and after a painful discussion, they consented,

หลังจากการสนทนาที่ปวดร้าว พวกเขาก็ยอมให้เธอไป

and Bassem paid his entire life savings -- 2,500 dollars each --

และบาเซมจึงใช้เงินที่เขาเก็บออมมาทั้งชีวิต คนละ 2500 ดอลล่า--

to the smugglers.

ให้แก่พวกลักลอบเข้าเมือง

It was a Saturday morning when the call came,

มันเป็นเช้าวันเสาร์ ในตอนที่พวกเขาโทรศัพท์มา

and they were taken by bus to a beach, hundreds of people on the beach.

พวกเขานั่งรถบัสไปที่ชายหาด คนนับร้อยอยู่ที่นั่น

They were taken then by small boats onto an old fishing boat,

พวกเขาใช้เรือลำเล็กพาไปยังเรือประมงเก่า ๆ

500 of them crammed onto that boat,

คน 500 คนอัดแน่นกันอยู่บนเรือ

300 below, [200] above.

300 คนอยู่ด้านล่าง [200] ข้างบน

There were Syrians, Palestinians, Africans, Muslims and Christians,

มีทั้งคนซีเรีย ปาเลสไตน์ แอฟริกัน มุสลิม และคริสเตียน

100 children, including Sandra -- little Sandra, six years old --

เด็ก 100 คนรวมทั้ง ซานดรา ซานดราน้อย อายุหกขวบ

and Masa, 18 months.

และมาซา สิบแปดเดือน

There were families on that boat, crammed together shoulder to shoulder,

พวกเขาอยู่กันเป็นครอบครัวบนเรือ อยู่กันแน่นแบบไหล่ชนไหล่

feet to feet.

เท้าชนเท้า

Doaa was sitting with her legs crammed up to her chest,

โดอาได้แต่นั่งยอง ๆ ขาเธอเบียดกับอก

Bassem holding her hand.

บาเซมได้แต่กุมมือเธอไว้

Day two on the water, they were sick with worry

วันที่สองบนท้องทะเล พวกเขาเริ่มป่วยและกังวล

and sick to their stomachs from the rough sea.

ท้องไส้พวกเขาปั่นป่วนจากผืนทะเลที่บ้าคลั่ง

Day three, Doaa had a premonition.

วันที่สามโดอาเริ่มมีลางสังหรณ์

And she said to Bassem, "I fear we're not going to make it.

และเธอพูดกับบาเซมว่า "ฉันกลัวว่าเราจะทำไม่ได้

I fear the boat is going to sink."

ฉันกลัวเรือจะล่ม"

And Bassem said to her, "Please be patient.

บาเซมได้แต่บอกเธอว่า "อดทนไว้นะ

We will make it to Sweden, we will get married

เราจะไปสวีเดน เราจะแต่งงานกัน

and we will have a future."

เราจะมีอนาคต"

Day four, the passengers were getting agitated.

วันที่สี่ ผู้โดยสารเริ่มกระวนกระวาย

They asked the captain, "When will we get there?"

พวกเขาถามกัปตันว่า "เราจะไปถึงเมื่อไหร่"

He told them to shut up, and he insulted them.

กัปตันบอกให้พวกเขาหุบปากและด่าพวกเขา

He said, "In 16 hours we will reach the shores of Italy."

เขาได้แต่พูดว่า "อีก 16 ชั่วโมง เราก็จะถึงชายฝั่งอิตาลี"

They were weak and weary.

พวกเขาต่างอ่อนแอและเหนื่อยล้า

Soon they saw a boat approach -- a smaller boat, 10 men on board,

ไม่นานพวกเขาเห็นเรือลำหนึ่งตรงเข้ามา เป็นเรือเล็กที่ขนาดเล็กกว่ามีคนสิบคนบนนั้น

who started shouting at them, hurling insults,

พวกเขาเริ่มตะโกนใส่พวกเธอด่าพวกเธอ

throwing sticks, asking them to all disembark

ขว้างปากิ่งไม้ แล้วบอกให้รับ พวกเขาทุกคนขึ้นบนเรือด้วย

and get on this smaller, more unseaworthy boat.

ซึ่งถ้ารับขึ้นมาบนเรือลำนี้อีก เรือก็จะจมลงได้

The parents were terrified for their children,

พวกพ่อแม่เริ่มกังวลเกี่ยวกับลูก ๆ

and they collectively refused to disembark.

พวกเขาเลยปฏิเสธที่จะให้ขึ้นเรือ

So the boat sped away in anger,

ดังนั้นเรือลำนั้นจึงจากไปพร้อมกับความโกรธ

and a half an hour later, came back

ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขากลับมา

and started deliberately ramming a hole in the side of Doaa's boat,

และเริ่มกระแทกด้านข้างของเรือให้เป็นรู ด้านข้างโดอา

just below where she and Bassem were sitting.

ด้านล่างที่โดอากับบาเซมกำลังนั่งอยู่

And she heard how they yelled,

และเธอได้ยินพวกเขาตะโกน

"Let the fish eat your flesh!"

"ไปให้ปลากินเนื้อพวกแกซะ"

And they started laughing as the boat capsized and sank.

พวกเขาเริ่มหัวเราะในตอนที่เรือล่มและจมลง

The 300 people below deck were doomed.

300 คนข้างล่างจมอยู่ใต้น้ำ

Doaa was holding on to the side of the boat as it sank,

โดอาจับด้านข้างเรือตอนที่มันจมลง

and watched in horror as a small child was cut to pieces by the propeller.

และเห็นภาพสยดสยองที่เด็กตัวเล็กคนหนึ่ง ถูกใบพัดตัดเป็นชิ้น ๆ

Bassem said to her, "Please let go,

บาเซมบอกเธอว่า "ไปเถอะ

or you'll be swept in and the propeller will kill you, too."

หรือจะถูกดูดเข้าไปในใบพัดนั่นที่จะฆ่าคุณ"

And remember -- she can't swim.

และถ้าจำกันได้ เธอว่ายน้ำไม่เป็น

But she let go and she started moving her arms and her legs,

แต่เธอไปและเริ่มเคลื่อนไหวแขนและขาของเธอ

thinking, "This is swimming."

คิดเพียงว่า "นี่คือการว่ายน้ำ"

And miraculously, Bassem found a life ring.

น่าอัศจรรย์มาก บาเซมเจอห่วงยาง

It was one of those child's rings

เป็นห่วงยางเด็ก

that they use to play in swimming pools and on calm seas.

ที่เขาเอาไว้เล่นในสระว่ายน้ำและทะเลที่สงบ

And Doaa climbed onto the ring,

โดอาปีนขึ้นไปบนห่วงยาง

her arms and her legs dangling by the side.

แขนและขาเธอห้อยออกมาด้านข้าง

Bassem was a good swimmer,

บาเซมว่ายน้ำเก่ง

so he held her hand and tread water.

ดังนั้นเขาเลยจับมือเธอและลอยตัวในน้ำ

Around them there were corpses.

รอบ ๆ พวกเขาเต็มไปด้วยศพ

Around 100 people survived initially,

ในตอนแรกมีคนรอดตายประมาณ 100 คน

and they started coming together in groups, praying for rescue.

พวกเขาเริ่มรวมกันเป็นกลุ่ม ภาวนาขอความช่วยเหลือ

But when a day went by and no one came,

แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป ไม่มีใครมาช่วยเหลือ

some people gave up hope,

บางคนเร่ิมยอมแพ้

and Doaa and Bassem watched

โดอาและบาเซมมองเห็นพวกเขา

as men in the distance took their life vests off and sank into the water.

ในระยะที่โดอาและบาเซมเห็นได้ บางคนถอดเสื้อชูชีพออกและจมลงไป

One man approached them with a small baby perched on his shoulder,

ชายคนหนึ่งมาหาพวกเขาพร้อมทารกตัวเล็ก ที่เกาะอยู่บนบ่า

nine months old -- Malek.

มาเลก อายุเก้าเดือน

He was holding onto a gas canister to stay afloat, and he said to them,

เขาเกาะลอยตัวอยู่บนถังแก๊สและบอกพวกเขาว่า

"I fear I am not going to survive.

"ฉันกลัวว่าจะไม่รอด

I'm too weak. I don't have the courage anymore."

ฉันอ่อนแอเต็มทน ฉันหมดความกล้าหาญไปแล้ว"

And he handed little Malek over to Bassem and to Doaa,

เขาจึงส่งมาเลกน้อยแก่บาเซมและโดอา

and they perched her onto the life ring.

พวกเขาเอาเธอไว้บนห่วงยาง

So now they were three, Doaa, Bassem and little Malek.

ดังนั้นตอนนี้พวกเขามีกันสามคน โดอา บาเซม และมาเลกน้อย

And let me take a pause in this story right here

และฉันขอพักเรื่องไว้ตรงนี้ก่อน

and ask the question:

และขอถามว่า

why do refugees like Doaa take these kinds of risks?

ทำไมผู้ลี้ภัยอย่างโดอา ถึงได้ยอมรับความเสี่ยงเช่นนี้

Millions of refugees are living in exile, in limbo.

ผู้ลี้ภัยนับล้านใช้ชีวิตอย่างถูกทอดทิ้ง ในชายขอบ

They're living in countries [fleeing] from a war that has been raging

พวกเขาอยู่ในหลายประเทศ[ที่กำลังหนีภัย] จากสงครามที่กำลังโหมกระหน่ำ

for four years.

เป็นเวลากว่าสี่ปี

Even if they wanted to return, they can't.

แม้พวกเขาจะอยากกลับไป ก็กลับไม่ได้

Their homes, their businesses,

บ้านของพวกเขา ธุรกิจของพวกเขา

their towns and their cities have been completely destroyed.

เมืองของพวกเขาถูกทำลายไปหมดแล้ว

This is a UNESCO World Heritage City,

นี้คือเมืองมรดกโลกยูเนสโก

Homs, in Syria.

ฮอมส์ ในซีเรีย

So people continue to flee into neighboring countries,

ดังนั้นผู้คนจึงหนีตายไปประเทศ เพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง

and we build refugee camps for them in the desert.

และพวกเราสร้างค่ายอพยพ สำหรับพวกเขากลางทะเลทราย

Hundreds of thousands of people live in camps like these,

คนนับแสนอยู่ในค่ายอพยพแบบนี้

and thousands and thousands more, millions, live in towns and cities.

และกว่าล้านคนอยู่ในเมือง

And the communities,

และในชุมชนหลายแห่ง

the neighboring countries that once welcomed them

ชาติเพื่อนบ้านที่ครั้งหนึ่ง เคยยินดีต้อนรับพวกเขา

with open arms and hearts

ด้วยอ้อมแขนและหัวใจ

are overwhelmed.

ต่างเริ่มยอมแพ้

There are simply not enough schools, water systems, sanitation.

พวกเขามีโรงเรียน ระบบน้ำ และสุขาภิบาล ที่ไม่เพียงพอ

Even rich European countries could never handle such an influx

แม้แต่ชาติในยุโรปที่ร่ำรวย ก็อาจไม่สามารถจัดการได้

without massive investment.

ถ้าไม่มีเงินทุนมหาศาล

The Syria war has driven almost four million people over the borders,

สงครามซีเรียได้ขับไสคนกว่าสี่ล้านคน รอบ ๆ ชายแดน

but over seven million people are on the run inside the country.

แต่อีกกว่าเจ็ดล้านคนจากภายในประเทศ

That means that over half the Syrian population

นั้นหมายความว่าประชากรซีเรียมากกว่าครึ่ง

has been forced to flee.

ถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐาน

Back to those neighboring countries hosting so many.

ย้อนกลับไปที่ชาติเพื่อนบ้านจำนวนมาก

They feel that the richer world has done too little to support them.

พวกเขารู้สึกว่าชาติที่ร่ำรวยกว่า ช่วยพวกเขาเพียงน้อยนิด

And days have turned into months, months into years.

จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี

A refugee's stay is supposed to be temporary.

พวกผู้อพยพควรจะอยู่เพียงชั่วคราว

Back to Doaa and Bassem in the water.

กลับไปสู่โดอาและบาเซนกลางทะเล

It was their second day, and Bassem was getting very weak.

เป็นวันที่สองแล้ว บาเซมเริ่มอ่อนแรง

And now it was Doaa's turn to say to Bassem,

และตอนนี้เป็นโดอาที่กลับพูดว่า

"My love, please hold on to hope, to our future. We will make it."

"ที่รัก เธอต้องมีหวังกับอนาคตของเรา เราจะผ่านพ้นไป"

And he said to her,

เขาพูดกับเธอว่า

"I'm sorry, my love, that I put you in this situation.

"ที่รักผมขอโทษ ผมทำให้คุณต้องมาเจออะไรแบบนี้

I have never loved anyone as much as I love you."

ผมไม่เคยรักใครเท่ากับคุณเลย"

And he released himself into the water,

และเขาก็ปล่อยให้ตัวเองจมลงในน้ำ

and Doaa watched as the love of her life drowned before her eyes.

โดอาได้แต่มองคนรักของเธอจมลงไปต่อหน้าต่อตา

Later that day,

วันต่อมา

a mother came up to Doaa with her small 18-month-old daughter, Masa.

แม่คนหนึ่งมาหาโดอาพร้อมกับลูกของเธอ มาซาในวัยสิบแปดเดือน

This was the little girl I showed you in the picture earlier,

เธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันให้พวกคุณดูมาแล้ว

with the life vests.

เธอมาพร้อมกับเสื้อชูชีพ

Her older sister Sandra had just drowned,

พี่สาวเธอซานดราเพิ่งจะจมน้ำไป

and her mother knew she had to do everything in her power

และแม่ของเธอรู้ดีว่าเธอทำทุกอย่าง ที่เธอทำได้แล้ว

to save her daughter.

เพื่อช่วยชีวิตลูกสาวเธอ

And she said to Doaa, "Please take this child.

เธอพูดกับโดอาว่า "ได้โปรดช่วยเด็กคนนี้ด้วย

Let her be part of you. I will not survive."

ช่วยรับเธอไป ฉันคงไม่รอดแล้ว"

And then she went away and drowned.

ต่อจากนั้นเธอก็จากไปแล้วจมลงในทะเล

So Doaa, the 19-year-old refugee who was terrified of the water,

ดังนั้น โดอา ผู้ลี้ภัยวัย 19 ปี ผู้กลัวน้ำ

who couldn't swim,

ผู้ว่ายน้ำไม่เป็น

found herself in charge of two little baby kids.

ต้องรับผิดชอบสองชีวิตน้อย ๆ

And they were thirsty and they were hungry and they were agitated,

พวกเขากระหายน้ำ และพวกเขาหิว และพวกเขากระวนกระวาย

and she tried her best to amuse them,

และเธอพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ ทารกทั้งสองสบายใจ

to sing to them, to say words to them from the Quran.

ร้องเพลง พูดคุย ท่องอัลกุรอานให้พวกเขาฟัง

Around them, the bodies were bloating and turning black.

รอบ ๆ พวกเขา ศพเริ่มอืดและเริ่มหมองคล้ำ

The sun was blazing during the day.

ดวงอาทิตย์สาดแสงเต็มที่ตลอดทั้งวัน

At night, there was a cold moon and fog.

ตอนกลางคืน ดวงจันทร์ก็หนาวเย็น และปกคลุมด้วยหมอก

It was very frightening.

มันช่างน่ากลัว

On the fourth day in the water, this is how Doaa probably looked

วันที่สี่ในทะเล นี่อาจเป็นสิ่งที่โดอาเผชิญหน้า

on the ring with her two children.

บนห่วงยางกับทารกทั้งสอง

A woman came on the fourth day and approached her

ผู้หญิงเข้ามาในวันที่สี่ และตรงมาหาเธอ

and asked her to take another child --

และขอให้เธอรับเด็กเพิ่มอีก

a little boy, just four years old.

เด็กชายตัวเล็ก อายุเพียงสี่ขวบ

When Doaa took the little boy and the mother drowned,

เมื่อโดอารับเด็กมาและแม่ของหนูน้อยจมลงไป

she said to the sobbing child,

เธอบอกกับเด็กน้อยที่กำลังสะอื้น

"She just went away to find you water and food."

"แม่หนูไปหาน้ำกับอาหารมาให้"

But his heart soon stopped,

แต่ไม่นานหัวใจเด็กชายก็หยุดเต้น

and Doaa had to release the little boy into the water.

โดอาได้แต่ปล่อยร่างของเด็กน้อยลงสู่พื้นน้ำ

Later that day,

หลังจากวันนั้น

she looked up into the sky with hope,

เธอมองไปยังท้องฟ้าด้วยความหวัง

because she saw two planes crossing in the sky.

เพราะเธอเห็นเครื่องบินสองลำบินผ่าน

And she waved her arms, hoping they would see her,

เธอโบกมือได้แต่หวังว่าพวกเขาจะเห็นเธอ

but the planes were soon gone.

แต่แล้วเครื่องบินก็ผ่านไป

But that afternoon, as the sun was going down,

แต่ในตอนบ่ายในตอนที่ตะวันกำลังลับขอบฟ้า

she saw a boat, a merchant vessel.

เธอเห็นเรือเป็นเรือสินค้า

And she said, "Please, God, let them rescue me."

เธอพูดว่า"พระเจ้า ได้โปรดให้พวกเขาช่วยลูกด้วย"

She waved her arms and she felt like she shouted for about two hours.

เธอโบกมือและเธอรู้สึกเหมือนกับว่า เธอตะโกนอยู่ประมาณสองชั่วโมง

And it had become dark, but finally the searchlights found her

และแล้วมันเริ่มมืด แต่ในที่สุดไฟฉายบนเรือก็เจอเธอ

and they extended a rope,

พวกเขาคล้องเธอกับเชือก

astonished to see a woman clutching onto two babies.

และประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวอุ้มเด็กสองคน

They pulled them onto the boat, they got oxygen and blankets,

พวกเขาดึงพวกเธอขึ้นบนเรือ ให้อ็อกซิเจนและผ้าห่ม

and a Greek helicopter came to pick them up

เฮลิคอปเตอร์ของกรีซมารับพวกเธอไป

and take them to the island of Crete.

และพาพวกเธอไปเกาะครีต

But Doaa looked down and asked, "What of Malek?"

แต่โดอามองลงมากและถามหา "มาเลกไปไหน"

And they told her the little baby did not survive --

พวกเขาบอกเธอว่าเด็กน้อยไม่รอด

she drew her last breath in the boat's clinic.

เธอสิ้นลมในคลินิคของเรือ

But Doaa was sure that as they had been pulled up onto the rescue boat,

แต่โดอาแน่ใจว่าตอนพวกเขาช่วยพวกเธอขึ้นมาบนเรือ

that little baby girl had been smiling.

เด็กหญิงคนนั้นกำลังยิ้ม

Only 11 people survived that wreck, of the 500.

มีเพียง 11 คนจาก 500 คนที่รอดตายจากเรือล่ม

There was never an international investigation into what happened.

ไม่มีการสอบสวนในระดับนานาประเทศ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนั้น

There were some media reports about mass murder at sea,

มีเพียงแต่การรายงานข่าวเกี่ยวกับ การฆาตกรรมหมู่ในท้องทะเล

a terrible tragedy,

แค่โศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่ง

but that was only for one day.

เป็นเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

And then the news cycle moved on.

และแล้วข่าวคราวก็เลือนหายไป

Meanwhile, in a pediatric hospital on Crete,

ในขณะเดียวกัน บนโรงพยาบาลเด็กในเกาะครีต

little Masa was on the edge of death.

มาซาน้อยกำลังจะตาย

She was really dehydrated. Her kidneys were failing.

เธอขาดน้ำ ไตกำลังล้มเหลว

Her glucose levels were dangerously low.

กลูโคสในเลือดลดต่ำลง อยู่ในระดับอันตราย

The doctors did everything in their medical power to save them,

ทีมแพทย์ทำทุกวิถีทาง เท่าที่ทำได้เพื่อช่วยเธอ

and the Greek nurses never left her side,

พยาบาลชาวกรีกไม่ห่างไปจากเธอ

holding her, hugging her, singing her words.

กุมมือเธอ กอดเธอ พูดคุยกับเธอ

My colleagues also visited and said pretty words to her in Arabic.

เพื่อนร่วมงานของฉันก็ได้ไปเยี่ยมเธอ และพูดกับเธอเป็นภาษาอาราบิค

Amazingly, little Masa survived.

น่าอัศจรรย์ มาซาน้อยรอดตาย

And soon the Greek press started reporting about the miracle baby,

หลังจากนั้นกรีกเริ่มรายงาน เกี่ยวกับเด็กน้อยมหัศจรรย์

who had survived four days in the water without food or anything to drink,

ผู้มีชีวิตรอดตายถึงสี่วันกลางทะเล โดยไม่มีอาหารและน้ำ

and offers to adopt her came from all over the country.

และข้อเสนอที่จะรับเลี้ยงเธอจากทั่วประเทศ

And meanwhile, Doaa was in another hospital on Crete,

ในขณะเดียวกัน โดอาซึ่งอยู่ในอีกโรงพยาบาล บนเกาะครีต

thin, dehydrated.

ผอม ขาดน้ำ

An Egyptian family took her into their home as soon as she was released.

ครอบครัวชาวอียิปต์ครอบครัวหนึ่ง รับเธอไปอุปการะทันทีที่เธอออกมา

And soon word went around about Doaa's survival,

เรื่องของโดอาผู้รอดชีวิตกระจายไปทั่ว

and a phone number was published on Facebook.

เบอร์โทรถูกเผยแพร่บนเฟซบุ๊ค

Messages started coming in.

ข้อความต่าง ๆ เริ่มเข้ามา

"Doaa, do you know what happened to my brother?

"โดอา เธอรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น กับน้องชายฉัน

My sister? My parents? My friends? Do you know if they survived?"

พี่สาวฉัน พ่อแม่ฉัน เพื่อนฉัน พวกเขารอดตายไหม"

One of those messages said,

หนึ่งในข้อความเหล่านั้นบอกว่า

"I believe you saved my little niece, Masa."

"ฉันเชื่อว่าเธอช่วยหลานสาวตัวน้อยของฉัน มาซา"

And it had this photo.

และพวกเขามีรูปถ่าย

This was from Masa's uncle,

ที่มาจากลุงของมาซา

a Syrian refugee who had made it to Sweden with his family

ผู้อพยพชาวซีเรียที่สามารถไปถึงสวีเดน

and also Masa's older sister.

เช่นเดียวกับพี่สาวของมาซา

Soon, we hope, Masa will be reunited with him in Sweden,

เร็ว ๆ นี้ เราหวังว่ามาซาจะกลับไปรวมญาติ กับเขาในสวีเดน

and until then, she's being cared for in a beautiful orphanage in Athens.

จนกว่าจะถึงตอนนั้น เธอกำลังได้รับการดูแล โดยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่สวยงามในเอเธนส์

And Doaa? Well, word went around about her survival, too.

และโดอา แน่นอน เรื่องของเธอกระจายไปทั่ว

And the media wrote about this slight woman,

และสื่อเขียนเกี่ยวกับผู้หญิงตัวบอบบาง

and couldn't imagine how she could survive all this time

และไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ทำไมเธอถึงรอดตายมาได้

under such conditions in that sea,

ภายใต้สภาพท้องทะเลเช่นนั้น

and still save another life.

และยังสามารถช่วยชีวิตคนอื่นอีก

The Academy of Athens, one of Greece's most prestigious institutions,

The Academy of Athens หนึ่งในสถาบัน ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในกรีซ

gave her an award of bravery,

มอบรางวัลกล้าหาญให้กับเธอ

and she deserves all that praise,

และเธอสมควรได้รับการสรรเสริญ

and she deserves a second chance.

และเธอได้รับโชคครั้งที่สอง

But she wants to still go to Sweden.

แต่เธอยังต้องการไปสวีเดน

She wants to reunite with her family there.

เธอต้องการไปรวมญาติกับครอบครัวเธอที่นั่น

She wants to bring her mother and her father and her younger siblings

เธอต้องการพาพ่อแม่และและน้อง ๆ ของเธอ

away from Egypt there as well,

มาจากอียิปต์ด้วยเช่นกัน

and I believe she will succeed.

และฉันเชื่อว่าเธอจะทำสำเร็จ

She wants to become a lawyer or a politician

เธอต้องการจะเป็นนักกฎหมาย หรือไม่ก็นักการเมือง

or something that can help fight injustice.

หรืออะไรก็ตามแต่ที่สามารถ ช่วยต่อสู้กับความอยุติธรรม

She is an extraordinary survivor.

เธอคือผู้รอดตายที่ไม่ธรรมดา

But I have to ask:

แต่ฉันมีคำถาม

what if she didn't have to take that risk?

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอไม่เสี่ยงภัยแบบนี้

Why did she have to go through all that?

ทำไมเธอต้องผ่านเรื่องเลวร้ายทั้งหมดนี้

Why wasn't there a legal way for her to study in Europe?

ทำไมไม่มีวิธีการที่ถูกกฎหมายให้เธอ ได้รับการศึกษาต่อในยุโรป

Why couldn't Masa have taken an airplane to Sweden?

ทำไมมาซาถึงไม่ได้นั่งเครื่องบินไปยังสวีเดน

Why couldn't Bassem have found work?

ทำไมบาเซมถึงหางานทำไม่ได้

Why is there no massive resettlement program for Syrian refugees,

ทำไมไม่ไม่มีการตั้งถิ่นฐานใหม่ให้กับ ผู้ลี้ภัยจำนวนมาก

the victims of the worst war of our times?

เหยื่อสงครามที่เลวร้ายในยุคสมัยพวกเรา

The world did this for the Vietnamese in the 1970s. Why not now?

โลกได้ทำสิ่งนี้กับชาวเวียดนามในช่วงปี 1970 แล้วทำไมไม่ทำตอนนี้ละ

Why is there so little investment in the neighboring countries

ทำไมถึงมีการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย จากชาติข้างเคียง

hosting so many refugees?

ให้กับผู้ลี้ภัยจำนวนมาก

And why, the root question,

และทำไม รากฐานของปัญหา

is so little being done to stop the wars, the persecution

คือการทำเรื่องง่าย ๆ ที่จะหยุดสงคราม การฆ่าฟัน

and the poverty that is driving so many people

และความยากจนที่จะขับเคลื่อนผู้คนจำนวนมาก

to the shores of Europe?

ไปยังชายฝั่งยุโรป

Until these issues are resolved,

จนกว่าปัญหานี้จะถูกแก้ไข

people will continue to take to the seas

ผู้คนก็ยังคงจะลงไปในทะเล

and to seek safety and asylum.

และแสวงหาที่ปลอดภัยและที่ลี้ภัย

And what happens next?

แล้วจะเกิดอะไรต่อไป

Well, that is largely Europe's choice.

ใช่ นั่นคือทางเลือกที่ยิ่งใหญ่ของยุโรป

And I understand the public fears.

และฉันเข้าใจความกลัวของประชาชน

People are worried about their security, their economies, the changes of culture.

ผู้คนกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย เศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมของพวกเขา

But is that more important than saving human lives?

แต่พวกนั้นมันสำคัญไปกว่าการช่วยเหลือ ชีวิตมนุษย์อย่างนั้นหรือ

Because there is something fundamental here

เพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่เป็นขั้นพื้นฐาน

that I think overrides the rest,

ซึ่งฉันคิดว่าแทนที่ได้ทั้งหมด

and it is about our common humanity.

และมันเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ของคนเรา

No person fleeing war or persecution

ไม่ควรมีคนที่หนีภัยสงครามและการฆ่าฟัน

should have to die crossing a sea to reach safety.

หรือต้องสวมควรตายจากการข้ามทะเล มาหาสถานที่ปลอดภัย

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

One thing is for sure,

สิ่งหนึ่งที่แน่นอน

that no refugee would be on those dangerous boats

จะไม่มีผู้ลี้ภัยบนเรือที่อันตรายเหล่านั้น

if they could thrive where they are.

ถ้าพวกเขาสามารถอยู่ในที่ที่พวกเขาอยู่

And no migrant would take that dangerous journey

และไม่มีผู้ย้ายถิ่นที่จะเดินทางเสี่ยงตาย

if they had enough food for themselves and their children.

ถ้ามีอาหารเพียงพอสำหรับพวกเขา และบรรดาเด็กของพวกเขา

And no one would put their life savings

และจะไม่มีใครที่เอาเงินเก็บทั้งชีวิต

in the hands of those notorious smugglers

ไปอยู่ในมือพวกลักลอบคนเข้าเมืองที่ฉาวโฉ่

if there was a legal way to migrate.

ถ้ามีหนทางที่ถูกกฎหมายในการข้ามแดน

So on behalf of little Masa

ดังนั้นในนามของมาซาน้อย

and on behalf of Doaa

และในนามของโดอา

and of Bassem

ในนามของบาเซม

and of those 500 people who drowned with them,

และคนกว่า 500 คนที่จมน้ำตายไปด้วยกัน

can we make sure that they did not die in vain?

เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าพวกเขาจะไม่ต้องมาตายแบบนี้อีก

Could we be inspired by what happened,

เราอาจได้แรงบันดาลใจจากเรื่องที่เกิดขึ้น

and take a stand for a world in which every life matters?

และเริ่มยืดหยัดขึ้นเพื่อโลก ที่ซึ่งทุกชีวิตต่างมีความสำคัญ

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)