Aaron Huey: America's native prisoners of war

Translator: Bongkot Charoensak Reviewer: Pathumjit Atikomkamalasai

ผมมาที่นี่ในวันนี้เพื่อแสดงภาพถ่ายของชาวลาโกตา

I'm here today to show my photographs of the Lakota.

Many of you may have heard of the Lakota,

หลายท่านในที่นี้อาจเคยได้ยินเรื่องราวของเผ่าลาโกตา

or at least the larger group of tribes,

หรืออย่างน้อยก็เรื่องชนเผ่าขนาดใหญ่

called the Sioux.

ที่ชื่อเผ่าซู

The Lakota are one of many tribes that were moved off their land

ชาวลาโกตาเป็นหนึ่งในหลายชนเผ่า ที่ต้องอพยพออกจากแผ่นดินตนเอง

ไปยังค่ายกักกันนักโทษสงคราม

to prisoner-of-war camps,

now called reservations.

ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าเขตสงวน

The Pine Ridge Reservation,

ชื่อเต็มคือเขตสงวนไพน์ริดจ์

the subject of today's slide show,

หัวข้อของสไลด์นำเสนอในวันนี้

ตั้งอยู่ห่าง 75 ไมล์ออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้

is located about 75 miles southeast of the Black Hills in South Dakota.

ของเทือกเขาแบล็คฮิลในรัฐเซาท์ดาโกตา

ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า

It is sometimes referred to as Prisoner of War Camp Number 334,

ค่ายกักกันนักโทษสงครามหมายเลข 334

และเป็นที่ที่ชาวลาโกตาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

and it is where the Lakota now live.

Now, if any of you have ever heard of AIM,

ถ้ามีใครในที่นี้เคยได้ยินชื่อ AIM

the American Indian Movement,

ขบวนการอเมริกันอินเดียน

or of Russell Means,

หรือรัสเซลล์ มีนส์

or Leonard Peltier,

หรือลีโอนาร์ด เพลทิเอร์

or of the standoff at Oglala,

หรือการเผชิญหน้ารับศึกที่โอกลาลา

then you know Pine Ridge is ground zero for Native issues in the US.

ถ้าอย่างนั้นคุณคงทราบว่าไพน์ริดจ์เป็นจุดเกิดเหตุ

ของเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับชาวอเมริกันพื้นเมือง

So I've been asked to talk a little bit today

วันนี้ผมเลยได้รับเชิญมาพูดอะไรเล็กน้อย

about my relationship with the Lakota,

เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับชาวลาโกตา

and that's a very difficult one for me,

ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากเรื่องหนึ่ง

because, if you haven't noticed from my skin color,

เพราะว่า หากคุณได้สังเกตสีผิวของผม

ผมเป็นคนขาว

I'm white,

and that is a huge barrier on a Native reservation.

ซึ่งนับเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ ซึ่งขวางกั้นเขตสงวนชนพื้นเมืองอยู่

You'll see a lot of people in my photographs today.

วันนี้ คุณจะได้เห็นผู้คนมากมายในภาพถ่ายของผม

I've become very close with them, and they've welcomed me like family.

ผมสนิทกับพวกเขามาก พวกเขาต้อนรับผมดีเหมือนเป็นคนในครอบครัว

พวกเขาเรียกผมว่า "พี่ชาย" หรือว่า "ลุง"

They've called me "brother" and "uncle,"

และเชิญผมไปบ้านซ้ำแล้วซ้ำอีกตลอดเวลาห้าปี

and invited me again and again over five years.

แต่ว่าที่ไพน์ริดจ์

But on Pine Ridge,

I will always be what is called "wasichu."

ผมยังเป็นคนที่ถูกเรียกว่า "วาชิชู" เสมอ

"Wasichu" is a Lakota word

"วาชิชู" เป็นภาษาลาโกตา

that means "non-Indian,"

ซึ่งหมายถึง "คนที่ไม่ใช่ชาวอินเดียน"

but another version of this word

แต่อีกความหมายหนึ่งของคำนี้

หมายถึง "คนที่เก็บเนื้อส่วนที่ดีที่สุดไว้กับตัว"

means "the one who takes the best meat for himself."

And that's what I want to focus on --

ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมอยากจะเน้นย้ำ

the one who takes the best part of the meat.

คนที่เก็บเนื้อส่วนที่ดีที่สุดไว้กับตัว

หมายถึง คนโลภ

It means "greedy."

So take a look around this auditorium today.

ลองมองไปรอบๆห้องบรรยายในวันนี้สิครับ

เราอยู่กันที่โรงเรียนเอกชนทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา

We are at a private school in the American West,

นั่งบนเก้าอี้กำมะหยี่สีแดง

sitting in red velvet chairs

with money in our pockets.

มีเงินพกอยู่ในกระเป๋า

And if we look at our lives,

ถ้าเราลองมองชีวิตตัวเอง

we have indeed taken the best part of the meat.

แท้จริงแล้วเราได้ชิงเอา

เนื้อส่วนที่ดีที่สุดมาไว้กับตัว

So let's look today at a set of photographs

เพราะอย่างนั้น วันนี้ขอให้มาชมชุดภาพถ่าย

of a people who lost

ของผู้คนที่ต้องสูญเสีย

so that we could gain,

เพื่อให้เราเป็นผู้ได้มา

and know that when you see these people's faces,

โปรดระลึกว่าเมื่อคุณมองที่ใบหน้าของผู้คนเหล่านี้

that these are not just images of the Lakota;

นี่ไม่ใช่เพียงภาพของชาวลาโกตาเท่านั้น

they stand for all indigenous people.

แต่พวกเขายังสะท้อนภาพของชาวพื้นเมืองทั้งหมด

On this piece of paper

ในกระดาษใบนี้

is the history the way I learned it from my Lakota friends and family.

คือประวัติศาสตร์ในแบบที่ผมได้เรียนรู้

จากเพื่อนและครอบครัวชาวลาโกตา

The following is a time line of treaties made, treaties broken

ต่อไปนี้เป็นประวัติศาสตร์เรียงตามลำดับเวลา

ของการทำสนธิสัญญา การละเมิดสนธิสัญญา

and massacres disguised as battles.

และการสังหารหมู่ที่ถูกฉาบหน้าด้วยภาพของสงคราม

I'll begin in 1824.

ผมจะเริ่มจากปี ค.ศ. 1824

หน่วยงานที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ สำนักจัดการด้านชนพื้นเมือง

What is known as the Bureau of Indian Affairs

ได้รับการจัดตั้งขึ้นในกองทัพบก

was created within the War Department,

เป็นจุดเริ่มต้นของบรรยากาศการใช้ความรุนเรง

setting an early tone of aggression

in our dealings with the Native Americans.

ในการติดต่อเจรจากับชาวอเมริกันพื้นเมือง

1851:

ปี ค.ศ. 1851

The first treaty of Fort Laramie was made,

สนธิสัญญาค่ายลารามี ฉบับแรกก็ได้รับการยกร่าง

clearly marking the boundaries of the Lakota Nation.

เป็นการระบุขอบเขตดินแดน ของชาติลาโกตาอย่างชัดแจ้ง

ข้อความตามสนธิสัญญา

According to the treaty, those lands are a sovereign nation.

ระบุให้ดินแดนดังกล่าวเป็นรัฐเอกราช

If the boundaries of this treaty had held --

หากข้อตกลงในสนธิสัญญาได้รับการปฏิบัติตาม

and there is a legal basis that they should --

และมีกฎหมายรับรองข้อความตามสนธิสัญญา

then this is what the US would look like today.

เช่นนั้น หน้าตาของสหรัฐอเมริกาจะเป็นเช่นนี้ในวันนี้

10 ปีจากนั้น

Ten years later.

The Homestead Act, signed by President Lincoln,

พระราชบัญญัติโฮมสเตด ลงนามโดยประธานาธิบดีลินคอล์น

unleashed a flood of white settlers into Native lands.

ส่งผลให้คนขาวไหลบ่าเข้าไป ตั้งรกรากในดินแดนชาวพื้นเมือง

1863:

ปี ค.ศ. 1863

An uprising of Santee Sioux in Minnesota

การลุกฮือของชนเผ่าซูแถบซานตีในมินนิโซตา

ends with the hanging of 38 Sioux men,

ปิดฉากลงด้วยการแขวนคอชาวซู 38 ราย

the largest mass execution in US history.

เป็นการประหารชีวิตครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

The execution was ordered by President Lincoln,

การประหารครั้งนั้นได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีลินคอล์น

only two days after he signed the Emancipation Proclamation.

เหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงสองวัน

ถัดจากการลงนามในประกาศเลิกทาส

1866: The beginning of the Transcontinental Railroad --

ปี ค.ศ. 1866 ปีแห่งการเริ่มต้นสร้างทางรถไฟข้ามทวีป

ศักราชใหม่

a new era.

เราจัดสรรที่ดินเพื่อสร้างทางรถไฟ

We appropriated land for trails and trains

โดยการตัดเข้าไปยังใจกลางของชาติลาโกตา

to shortcut through the heart of the Lakota Nation.

The treaties were out the window.

สนธิสัญญาจึงถูกฉีกทิ้ง

In response, three tribes led by the Lakota chief Red Cloud

เพื่อเป็นการตอบโต้ ชาวพื้นเมืองสามชนเผ่า นำโดยหัวหน้าเรดคลาวด์

attacked and defeated the US army,

ได้โจมตีและเอาชนะกองทัพสหรัฐฯได้หลายครั้ง

many times over.

I want to repeat that part:

ผมอยากย้ำอีกครั้ง

The Lakota defeat the US army.

ชาวลาโกตาเอาชนะกองทัพสหรัฐฯได้

ปี ค.ศ. 1868 สนธิสัญญาค่ายลารามีฉบับที่สอง

1868: The second Fort Laramie Treaty clearly guarantees

ระบุชัดแจ้งถึงอำนาจอธิปไตยของชาติชนเผ่าซู

the sovereignty of the Great Sioux Nation

and the Lakotas' ownership of the sacred Black Hills.

และความเป็นเจ้าของเทือกเขา แบล็คฮิลศักดิ์สิทธิ์ของชาวลาโกตา

รัฐบาลยังรับรองกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และสิทธิในการล่าสัตว์

The government also promises land and hunting rights

บริเวณรัฐแวดล้อมด้วย

in the surrounding states.

We promise that the Powder River country

เราสัญญาว่าบริเวณลุ่มน้ำพาวเดอร์

จะปราศจากคนขาวนับจากวันที่ประกาศ

will henceforth be closed to all whites.

The treaty seemed to be a complete victory

สนธิสัญญานั้นเป็นชัยชนะที่สวยงามหมดจด

for Red Cloud and the Sioux.

สำหรับเรดคลาวด์และชาวซู

In fact, this is the only war in American history

ที่จริง สงครามดังกล่าวเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์

ที่รัฐบาลขอเจรจาสงบศึก

in which the government negotiated a peace

by conceding everything demanded by the enemy.

โดยยอมรับข้อเสนอทุกอย่างจากฝ่ายตรงข้าม

ปี ค.ศ. 1869

1869: The Transcontinental Railroad was completed.

การสร้างทางรถไฟข้ามทวีปเสร็จสมบูรณ์

It began carrying, among other things, large numbers of hunters,

และสิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับทางรถไฟ คือกลุ่มคนล่าสัตว์กลุ่มใหญ่

ผู้ออกล่าควายป่าครั้งใหญ่

who began the wholesale killing of buffalo,

eliminating a source of food, clothing and shelter for the Sioux.

ทำลายแหล่งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัยของชาวซู

ปี ค.ศ. 1871

1871:

The Indian Appropriation Act

พระราชบัญญัติอินเดียนแอพโพรพริเอชัน

makes all Indians wards of the federal government.

ทำให้ชาวอเมริกันอินเดียนทุกคน อยู่ใต้ความคุ้มครองของรัฐบาลกลาง

In addition, the military issued orders

นอกจากนี้ กองทัพยังออกคำสั่ง

forbidding western Indians from leaving reservations.

ไม่ให้ชาวอเมริกันอินเดียนแถบตะวันตกออกจากเขตสงวน

All western Indians at that point in time were now prisoners of war.

ชาวอเมริกันอินเดียนทุกคนในแถบตะวันตก ณ ตอนนั้น

ได้กลายเป็นนักโทษสงคราม

ในปี ค.ศ. 1871 เช่นเดียวกัน

Also in 1871,

we ended the time of treaty-making.

เป็นช่วงเวลาสิ้นสุดการทำสนธิสัญญา

The problem with treaties is they allow tribes to exist as sovereign nations,

ปัญหาของสนธิสัญญาคือ ได้มอบสถานะ ให้ชนเผ่าต่างๆมีฐานะเทียบเท่ารัฐเอกราช

ซึ่งเรายอมไม่ได้

and we can't have that.

We had plans.

เรามีแผนการ

1874:

ปี ค.ศ. 1874

General George Custer announced the discovery of gold in Lakota territory,

นายพลจอร์จ คัสเตอร์ประกาศถึง การขุดพบทองคำในดินแดนลาโกตา

specifically the Black Hills.

โดยเฉพาะแทบเทือกเขาแบล็กฮิล

The news of gold creates a massive influx of white settlers

ข่าวเรื่องทองคำส่งผลให้คนขาวจำนวนมาก อพยพเข้าไปตั้งรกราก

ในชาติลาโกตา

into Lakota Nation.

Custer recommends that Congress find a way

นายพลคัสเตอร์เสนอให้รัฐสภาหาหนทาง

ยุติสนธิสัญญากับชาวลาโกตา

to end the treaties with the Lakota as soon as possible.

ให้เร็วที่สุด

1875: The Lakota war begins

ปี ค.ศ. 1875 สงครามลาโกตาเริ่มต้นขึ้น

over the violation of the Fort Laramie Treaty.

เนื่องจากการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาค่ายลารามี

1876:

ปี ค.ศ. 1876

On July 26th,

วันที่ 26 กรกฎาคม

on its way to attack a Lakota village,

ระหว่างการเดินทางไปโจมตีหมู่บ้านลาโกตา

Custer's 7th Cavalry was crushed

กองทหารม้าที่ 7 ของคัสเตอร์โดนถล่มราบคาบ

at the battle of Little Big Horn.

ที่สมรภูมิลิตเติลบิ๊กฮอร์น

ปี ค.ศ. 1877

1877:

The great Lakota warrior and chief named Crazy Horse

นักรบชาวลาโกตาและหัวหน้าเครซีฮอร์ส

surrendered at Fort Robinson.

ยอมจำนนที่ค่ายโรบินสัน

เวลาต่อมา เขาถูกสังหารระหว่างที่ถูกคุมขัง

He was later killed while in custody.

ปี ค.ศ. 1877 ยังเป็นปีที่เราพบวิธี

1877 is also the year we found a way to get around the Fort Laramie Treaties.

การหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามสนธิสัญญาค่ายลารามี

A new agreement was presented to Sioux chiefs and their leading men,

มีการเสนอข้อตกลงใหม่ต่อหัวหน้าเผ่าซูและผู้นำอื่นๆ

ภายใต้แคมเปญว่า "ยอมขายหรืออดตาย"

under a campaign known as "Sell or Starve" --

sign the paper, or no food for your tribe.

จงลงนามในสัญญา ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีอาหารให้คนในเผ่า

Only 10 percent of the adult male population signed.

ประชากรชายเพียงร้อยละ 10 ลงนามในสัญญา

The Fort Laramie Treaty called for at least three-quarters of the tribe

สนธิสัญญาค่ายลารามี

ระบุให้ต้องมีสมาชิกในเผ่าจำนวนสามในสี่ลงนาม

to sign away land.

จึงจะถือเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดิน

That clause was obviously ignored.

ข้อตกลงในสนธิสัญญาจึงถูกละเลย

1887: The Dawes Act.

ปี ค.ศ. 1887 พระราชบัญญัติดอส์

การถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันบนพื้นที่เขตสงวนสิ้นสุดลง

Communal ownership of reservation lands ends.

Reservations are cut up into 160-acre sections,

เขตสงวนถูกตัดแบ่งเป็นผืนขนาด 0.65 ตร.กม.

and distributed to individual Indians

แต่ละผืนแจกจ่ายให้ชาวพื้นเมืองแต่ละคน

with the surplus disposed of.

ส่วนที่เหลือจากการจัดสรรก็ตกเป็นของรัฐ

Tribes lost millions of acres.

เผ่าสูญเสียที่ดินหลายแสนตารางกิโลเมตร

The American dream of individual land ownership

ความฝันแบบอเมริกัน ในการเป็นเจ้าของที่ดินส่วนตัว

turned out to be a very clever way

กลายเป็นวิธีการอันชาญฉลาด

to divide the reservation until nothing was left.

ในการแบ่งพื้นที่เขตสงวน จนไม่หลงเหลืออะไรไว้

การเปลี่ยนแปลงครั้งดังกล่าวทำลายเขตสงวนลง

The move destroyed the reservations,

ทำให้การแบ่งพื้นที่เพื่อนำไปขายทำได้ง่ายขึ้น

making it easier to further subdivide and to sell

เมื่อผ่านไปแต่ละรุ่น

with every passing generation.

Most of the surplus land

พื้นที่ส่วนใหญ่ที่เหลือจากการจัดสรร

and many of the plots within reservation boundaries

และที่ดินที่แบ่งแล้วในพื้นที่เขตสงวนหลายแปลง

are now in the hands of white ranchers.

ปัจจุบันนี้ตกเป็นของ เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ซึ่งเป็นคนขาว

Once again, the fat of the land goes to wasichu.

อีกครั้งหนึ่ง ที่ดินผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ ตกเป็นของวาชิชู

1890: A date I believe to be the most important in this slide show.

ปี ค.ศ. 1890 วันที่ผมเชื่อว่าเป็น

วันที่สำคัญที่สุดในสไลด์โชว์นี้

This is the year of the Wounded Knee Massacre.

นี่คือปีที่มีการสังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี

วันที่ 29 ธันวาคม

On December 29,

US troops surrounded a Sioux encampment at Wounded Knee Creek,

กองกำลังสหรัฐฯล้อมค่ายของชาวซูไว้ ที่บริเวณวูนเด็ดนีครีก

และสังหารหัวหน้าบิ๊กฟุต

and massacred Chief Big Foot and 300 prisoners of war,

พร้อมนักโทษสงคราม 300 ราย

โดยใช้อาวุธปืนยิงรัว

using a new rapid-fire weapon that fired exploding shells,

ยิงกระสุนระเบิด

called a Hotchkiss gun.

จากปืนที่เรียกว่าปืนใหญ่ฮ็อชคิส

For this so-called "battle,"

ฉากที่เรียกกันว่า "สงคราม" นี้

20 Congressional Medals of Honor for Valor

มีการมอบเหรียญกล้าหาญจากรัฐสภา 20 เหรียญ

were given to the 7th Cavalry.

ให้กองทหารม้าที่ 7

To this day,

จวบจนทุกวันนี้

ครั้งนั้นนับเป็นเหรียญกล้าหาญที่มากที่สุด

this is the most Medals of Honor ever awarded for a single battle.

ที่ได้มอบให้ในสงครามๆเดียว

More Medals of Honor were given

มีการมอบเหรียญกล้าหาญมากมาย

for the indiscriminate slaughter of women and children

ให้กับการสังหารผู้หญิงและเด็กอย่างไม่เลือกปฏิบัติ

than for any battle in World War One,

มากกว่าที่พบในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

สงครามโลกครั้งที่สอง

World War Two,

Korea, Vietnam,

สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม

อิรักหรืออัฟกานิสถาน

Iraq or Afghanistan.

การสังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี

The Wounded Knee Massacre is considered the end of the Indian wars.

นับเป็นการสิ้นสุดของสงครามกับชนพื้นเมือง

เมื่อไรก็ตามที่ผมไปยังจุด

Whenever I visit the site of the mass grave at Wounded Knee,

ที่เป็นสุสานหมู่แห่งวูนเด็ดนี

I see it not just as a grave for the Lakota or for the Sioux,

ผมมองเห็นไม่ใช่แค่หลุมศพ

สำหรับชาวลาโกตาหรือชาวซู

แต่เป็นหลุมศพของชาวพื้นเมืองทั้งหมด

but as a grave for all indigenous peoples.

The holy man Black Elk, said,

แบล็คเอลค์ บุคคลศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า

"ณ ตอนนั้น ข้าไม่รู้

"I did not know then how much was ended.

ว่าชีวิตถูกพรากไปเท่าใด

When I look back now from this high hill of my old age,

แต่เมื่อมองย้อนกลับไป

จากยอดเขาสูงแห่งวัยชรา

I can still see the butchered women and children

ข้ายังเห็นชีวิตสตรีและเด็กที่ถูกคร่า

ทั้งกองสูงและกระจัดกระจาย

lying heaped and scattered all along the crooked gulch,

ตลอดสายธารที่คดเคี้ยวนั้น

ภาพนั้นยังประจักษ์ชัดดุจเดียวกับ

as plain as when I saw them

with eyes still young.

ภาพที่มองด้วยสายตาในวัยหนุ่ม

And I can see that something else died there in the bloody mud

และข้าเห็นว่ามีบางสิ่งสูญสิ้นไปกับธุลีที่เปื้อนโลหิต

ถูกกลบอยู่ใต้พายุหิมะ

and was buried in the blizzard.

A people's dream died there.

ความฝันของชนชาติได้สูญสิ้นไป ณ ที่นั้น

And it was a beautiful dream."

ซึ่งฝันนั้นเป็นฝันอันงดงาม"

เหตุการณ์ดังกล่าว

With this event,

a new era in Native American history began.

ก่อให้เกิดศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์ชนพื้นเมือง

Everything can be measured before Wounded Knee and after,

ทุกอย่างถูกวัดค่าตีราคาได้

ทั้งก่อนเหตุการณ์วูนเด็ดนีและหลังจากนั้น

because it was in this moment,

เพราะว่าเป็นชั่วขณะนั้นเอง

with the fingers on the triggers of the Hotchkiss guns,

ที่นิ้วจ่ออยู่ที่ไกของปืนฮ็อชคิส

that the US government openly declared its position on Native rights.

ที่รัฐบาลสหรัฐฯประกาศ สิทธิของชนพื้นเมืองอย่างชัดแจ้ง

พวกเขารู้สึกเหนื่อยกับสนธิสัญญา

They were tired of treaties.

พวกเขาเหนื่อยกับเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์

They were tired of sacred hills.

เหนื่อยกับพิธีกรรมการร่ายรำ

They were tired of ghost dances.

And they were tired of all the inconveniences of the Sioux.

และยังเหนื่อยกับความยุ่งยากต่างๆที่เกิดกับชาวซู

พวกเขาเลยขนปืนใหญ่มา

So they brought out their cannons.

"You want to be an Indian now?" they said,

"ยังอยากเป็นชาวพื้นเมืองอยู่ไหม" พวกเขาถาม

finger on the trigger.

มือเหนี่ยวไกปืน

1900:

ปี ค.ศ. 1900

the US Indian population reached its low point --

ประชากรชาวอเมริกันอินเดียนมีจำนวนลดลง

less than 250,000,

เหลือ 250,000 คน

compared to an estimated eight million in 1492.

เทียบกับจำนวนประชากรราวแปดล้าน

ในปี ค.ศ. 1492

Fast-forward.

กรอเทปไปข้างหน้า

1980:

ปี ค.ศ. 1980

The longest-running court case in US history,

คดีที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา

ระหว่างชนพื้นเมืองเผ่าซู โจทก์ และสหรัฐอเมริกา จำเลย

the Sioux Nation versus the United States,

was ruled upon by the US Supreme Court.

ได้รับการพิจารณาโดยศาลสูงสหรัฐฯ

The court determined that when the Sioux were resettled onto reservations

ศาลวินิจฉัยว่า เมื่อชาวซูกลับเข้าไป ตั้งรกรากในเขตสงวนอีกครั้ง

และที่ดินของชาวซูราวสามหมื่นตารางกิโลเมตร

and seven million acres of their land were opened up

ก็เปิดให้คนเข้าไปสำรวจและตั้งรกราก

to prospectors and homesteaders,

the terms of the second Fort Laramie Treaty

ในการนี้ ข้อตกลงในสนธิสัญญาค่ายลารามีฉบับที่สอง

had been violated.

ถูกละเมิด

The court stated that the Black Hills were illegally taken,

ศาลระบุว่า

เทือกเขาแบล็คฮิลถูกแย่งชิงไปโดยผิดกฎหมาย

and that the initial offering price, plus interest,

และราคาตั้งต้นของที่ดินรวมกับอัตราดอกเบี้ย

ให้จ่ายให้กับชาวพื้นเมืองเผ่าซู

should be paid to the Sioux Nation.

เพื่อเป็นการจ่ายเงินชดเชยให้ชาวซู

As payment for the Black Hills,

ศาลสั่งให้จ่ายเงินจำนวนเพียง 106 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

the court awarded only 106 million dollars to the Sioux Nation.

แก่ประชาชนชาวซู

The Sioux refused the money with the rallying cry,

ชาวซูปฏิเสธเงินและเริ่มรณรงค์ในแคมเปญ

"The Black Hills are not for sale."

"เทือกเขาแบล็คฮิลไม่ได้มีไว้จำหน่าย"

2010:

ปี ค.ศ. 2010

Statistics about Native population today,

สถิติเกี่ยวกับชาวพื้นเมืองในวันนี้

more than a century after the massacre at Wounded Knee,

ผ่านไปกว่าหนึ่งศตวรรษหลังจาก เหตุการณ์สังหารหมู่ที่วูนเด็ดนี

reveal the legacy of colonization,

แสดงให้เห็นถึงมรดกที่ตกทอดมาจากการยึดครอง

การบังคับให้อพยพย้ายถิ่น

forced migration

and treaty violations.

และการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญา

อัตราการว่างงานในเขตสงวนไพน์ริดจ์

Unemployment on the Pine Ridge Indian Reservation

fluctuates between 85 and 90 percent.

แปรไปมาระหว่างร้อยละ 85 ถึง 90

The housing office is unable to build new structures,

สำนักพัฒนาที่อยู่อาศัยไม่สามารถก่อสร้างอะไรเพิ่มเติมได้

and existing structures are falling apart.

ส่วนสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ก็ค่อยๆพังทลายลง

หลายคนกลายเป็นคนไร้บ้าน

Many are homeless,

and those with homes are packed into rotting buildings

ส่วนผู้ที่มีบ้านก็แออัดยัดเยียด อยู่ในอาคารที่ส่งกลิ่นเหม็น

บ้างอยู่รวมกันถึงห้าครอบครัว

with up to five families.

Thirty-nine percent of homes on Pine Ridge

บ้านในเขตไพน์ริดจ์ถึงร้อยละ 39

ไม่มีไฟฟ้าใช้

have no electricity.

At least 60 percent of the homes on the reservation

และบ้านในเขตไพน์ริดจ์อย่างน้อยร้อยละ 60

are infested with black mold.

ก็ถูกรบกวนจากเชื้อราดำ

ประชากรกว่าร้อยละ 90

More than 90 percent of the population lives below the federal poverty line.

มีชีวิตอยู่ใต้เส้นแบ่งระดับความยากจนที่รัฐระบุไว้

อัตราของผู้ป่วยวัณโรคในเขตไพน์ริดจ์

The tuberculosis rate on Pine Ridge

is approximately eight times higher than the US national average.

สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่สหรัฐฯระบุไว้ประมาณแปดเท่า

The infant mortality rate is the highest on this continent,

อัตราตายของทารก

สูงที่สุดในทวีปนี้

and is about three times higher than the US national average.

และสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่สหรัฐฯระบุไว้ประมาณสามเท่า

Cervical cancer is five times higher

อัตราการเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงเป็นห้าเท่า

than the US national average.

ของค่าเฉลี่ยที่สหรัฐฯระบุไว้

The school dropout rate is up to 70 percent.

อัตราการออกจากโรงเรียนสูงถึงร้อยละ 70

อัตราการลาออกของครู

Teacher turnover is eight times higher than the US national average.

สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่รัฐระบุไว้แปดเท่า

Frequently, grandparents are raising their grandchildren

บ่อยครั้ง ที่พบว่าปู่ย่าตายายเป็นผู้เลี้ยงดูหลานๆ

เพราะว่าพ่อแม่ เนื่องจากการติดสุรา

because parents, due to alcoholism,

domestic violence and general apathy,

การใช้ความรุนแรงในครอบครัว และความไม่เอาใจใส่

ทำให้พวกเขาเลี้ยงดูลูกไม่ได้

cannot raise them.

Fifty percent of the population over the age of 40

ประชากรอายุกว่า 40 ปีจำนวนร้อยละ 50

suffers from diabetes.

ทุกข์ทรมานจากโรคเบาหวาน

The life expectancy for men is between 46 and 48 years old --

อายุคาดเฉลี่ยของชาย

อยู่ระหว่าง 46 ปี

ถึง 48 ปี

roughly the same as in Afghanistan and Somalia.

ซึ่งเท่ากับ

ค่าเฉลี่ยในประเทศอัฟกานิสถานและโซมาเลีย

The last chapter in any successful genocide

บทส่งท้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จ

is the one in which the oppressor

คือการที่ผู้กดขี่

can remove their hands and say,

สามารถถอนมือออกมาและพูดได้ว่า

"My god -- what are these people doing to themselves?

"ให้ตายสิ ดูว่าคนพวกนี้ทำอะไรกับตัวเอง

พวกเขาฆ่ากันเอง

They're killing each other.

They're killing themselves

พวกเขาฆ่าคนชาติเดียวกันเอง

while we watch them die."

ในขณะที่เรามองพวกเขาค่อยๆตาย"

This is how we came to own these United States.

นี่เป็นวิธีที่เราจับจองสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าของ

This is the legacy

นี่เป็นมรดก

of Manifest Destiny.

ของปรัชญาเทพลิขิต

Prisoners are still born into prisoner of war camps,

นักโทษยังคงถือกำเนิด

ในค่ายของนักโทษสงคราม

long after the guards are gone.

เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานแม้จะไม่มีผู้คุมแล้ว

These are the bones left after the best meat has been taken.

นี่คือกระดูกที่เหลือ

หลังจากเนื้อส่วนที่ดีที่สุดถูกชิงไป

นานมาแล้ว

A long time ago,

a series of events was set in motion

เหตุการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน

by a people who look like me, by wasichu,

โดยมีที่มาจากคนที่ดูเหมือนผม โดยวาชิชู

ผู้กระหายอยากได้ที่ดิน น้ำ

eager to take the land and the water and the gold in the hills.

และทองคำในหุบเขา

Those events led to a domino effect that has yet to end.

เหตุการณ์เหล่านั้นก่อให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโน

ที่สืบเนื่องยาวนานและยังไม่จบสิ้น

As removed as we, the dominant society, may feel

ความเป็นชาติมหาอำนาจของเรา อาจทำให้เรารู้สึกไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

from a massacre in 1890,

กับการสังหารหมู่ในปี ค.ศ. 1890

or a series of broken treaties 150 years ago,

หรือการละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาหลายคราว เมื่อ 150 ปีก่อน

I still have to ask you the question:

ผมยังต้องตั้งคำถามคุณ

ว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับค่าสถิติทุกวันนี้

How should you feel about the statistics of today?

อะไรคือความเชื่อมโยง

What is the connection between these images of suffering

ระหว่างภาพความทุกข์ทรมานเหล่านี้

and the history that I just read to you?

กับประวัติศาสตร์ที่ผมเพิ่งอ่านให้คุณฟัง

และประวัติศาสตร์เหล่านี้จำนวนมากน้อยแค่ไหน

And how much of this history do you need to own, even?

ที่คุณรู้สึกว่าตนเป็นเจ้าของ

Is any of this your responsibility today?

มีสิ่งใดไหมที่คุณคิดว่าเป็น ความรับผิดชอบของคุณในปัจจุบัน

I have been told that there must be something we can do.

ผมได้รับการบอกเล่าว่า ต้องมีอะไรบ้างที่เราทำได้

There must be some call to action.

น่าจะมีการกระตุ้นเตือนให้คนรู้สึกมีส่วนร่วม

Because for so long, I've been standing on the sidelines,

เนื่องจากผมยืนอยู่ขอบสนามมายาวนานแล้ว

พอใจกับการเป็นผู้เฝ้าดู

content to be a witness,

ทำเพียงแค่ถ่ายภาพ

just taking photographs.

Because the solutions seem so far in the past,

เนื่องจากหนทางแก้ไขดูจะอยู่ไกลไปในอดีต

I needed nothing short of a time machine to access them.

ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าเครื่องย้อนเวลา

เพื่อให้กลับไปแก้ไขได้

The suffering of indigenous peoples is not a simple issue to fix.

ความทุกข์ทรมานของชนพื้นเมือง

ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขได้ง่าย

It's not something everyone can get behind

ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะช่วยเหลือได้

the way they get behind helping Haiti,

ด้วยวิธีการที่เราช่วยเหลือประเทศไฮติ

or ending AIDS, or fighting a famine.

หรือหยุดโรคเอดส์ หรือต่อสู้กับความยากจน

The "fix," as it's called,

คำว่า "การแก้ไข" ที่เราใช้นี้

may be much more difficult for the dominant society

อาจเป็นเรื่องยากสำหรับชาติมหาอำนาจ

than, say, a $50 check

มากกว่าแค่การจ่ายเช็ค 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ

or a church trip to paint some graffiti-covered houses,

หรือการเดินทางเพื่อการกุศล

ไปทาสีบ้านที่เปื้อนสีสเปรย์

or a suburban family

หรือครอบครัวที่อาศัยย่านชานเมือง

donating a box of clothes they don't even want anymore.

บริจาคเสื้อผ้าที่พวกเขาไม่ต้องการแล้วกล่องหนึ่ง

So where does that leave us?

อย่างนั้นเราจะทำอะไรได้

Shrugging our shoulders in the dark?

แค่ยักไหล่อยู่ในความมืดอย่างนั้นหรือ

สหรัฐอเมริกา

The United States continues on a daily basis to violate the terms

ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

ที่จะละเมิดข้อตกลง

of the 1851 and 1868 Fort Laramie Treaties with the Lakota.

ที่ทำขึ้นในปี ค.ศ. 1851 และปี ค.ศ. 1868

ในสนธิสัญญาค่ายลารามีที่ทำขึ้นกับชาวลาโกตา

The call to action I offer today --

การกระตุ้นเตือนที่ผมอยากนำเสนอในวันนี้

ความประสงค์จาก TED คือสิ่งนี้

my TED wish -- is this:

Honor the treaties.

เคารพสนธิสัญญา

Give back the Black Hills.

คืนแบล็คฮิลกลับไป

It's not your business what they do with them.

ไม่ใช่เรื่องของเราว่าเขาจะเอาไปทำอะไร

(Applause)

(เสียงปรบมือ)