Alex Laskey: How behavioral science can lower your energy bill

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: Montian Tianprateep Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

How many of you have checked your email today?

วันนี้พวกคุณเช็คอีเมลกันซักกี่คนครับ

Come on, raise your hands.

เอาเลยครับ ยกมือหน่อย

How many of you are checking it right now?

แล้วมีซักกี่คนที่กำลังเช็คเมลกันอยู่ตอนนี้ครับ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And how about finances? Anybody check that today?

แล้วข้อมูลเกี่ยวกับการเงินล่ะครับ วันนี้มีใครเช็คบ้างไหมครับ

Credit card, investment account?

บัตรเครดิต หรือ บัญชีการลงทุนหล่ะครับ

How about this week?

แล้วอาทิตย์นี้ล่ะครับมีซักกี่คน

Now, how about your household energy use?

ทีนี้ แล้วพลังงานที่ใช้ภายในบ้านล่ะครับ

Anybody check that today?

มีใครเช็คบ้างไหมครับวันนี้

This week? Last week?

อาทิตย์นี้ หรือ อาทิตย์ที่แล้วล่ะครับ

A few energy geeks spread out across the room.

มีผู้คลั่งเรื่องพลังงานเพียงน้อยนิดเท่านั้นในห้องนี้

It's good to see you guys.

ยินดีที่ได้รู้จักกับพวกคุณนะครับ

But the rest of us -- this is a room filled with people

แต่ที่เหลือในห้องนี้เป็นผู้ที่

who are passionate about the future of this planet,

ใส่ใจเกี่ยวกับอนาคตของโลกใบนี้

and even we aren't paying attention

แม้ว่าเราไม่ได้ใส่ใจ

to the energy use that's driving climate change.

ในการใช้พลังงานที่มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สภาพทางภูมิอากาศ (climate change) เท่าใดนัก

The woman in the photo with me is Harriet.

สุภาพสตรีที่อยู่ในภาพกับผมนี้ เธอชื่อแฮร์เรียต (Harriet) ครับ

We met her on our first family vacation.

พวกเราพบกับเธอตอนวันพักผ่อนของครอบครัวครั้งแรก

Harriet's paying attention to her energy use,

แฮร์เรียตใส่ใจในการใช้พลังงานของเธอ

and she is decidedly not an energy geek.

และเธอไม่ใช่พวกคลั่งพลังงานอย่างแน่นอน

This is the story of how Harriet came to pay attention.

และนี่เป็นที่มาว่าแฮร์เรียตใส่ใจเรื่องดังกล่าวได้อย่างไร

This is coal,

นี่คือถ่าน

the most common source of electricity on the planet,

ซึ่งเป็นแหล่งให้พลังงานไฟฟ้าที่สามัญที่สุดบนโลกใบนี้

and there's enough energy in this coal

และพลังงานในถ่านนี้มีมากพอที่จะ

to light this bulb for more than a year.

ทำให้หลอดไฟสว่างได้มากกว่าหนึ่งปี

But unfortunately, between here and here,

แต่โชคร้ายที่ระหว่างนี่ถึงนี่

most of that energy is lost to things

พลังงานส่วนใหญ่ได้สูญหายไปกับสิ่งต่างๆ

like transmission leakage and heat.

เช่น การรั่วไหลระหว่างการส่งผ่านพลังงาน และความร้อน

In fact, only 10 percent ends up as light.

จริงๆ แล้ว มีพลังงานเพียง 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น ที่เปลี่ยนเป็นแสงสว่าง

So this coal will last a little bit more than a month.

ดังนั้น ถ่านนี้จะหมดไปในเวลาเพียงเดือนกว่าๆ เท่านั้น

If you wanted to light this bulb for a year,

ถ้าคุณต้องการให้แสงสว่างกับหลอดนี่ในหนึ่งปี

you'd need this much coal.

คุณจะต้องใช้ถ่านมากเท่านี้

The bad news here is that, for every unit of energy we use,

ข่าวร้ายที่เกิดขึ้นในที่นี้ก็คือ พลังงานที่เราใช้ทุกๆ ยูนิต

we waste nine.

เราจะสูญเสียไปถึง 9 ยูนิต

That means there's good news,

แต่นั่นก็นับว่าเป็นข่าวดีเหมือนกัน

because for every unit of energy we save,

เพราะพลังงานที่เราประหยัดทุกๆ ยูนิต

we save the other nine.

เราจะประหยัดได้มากขึ้นอีก 9 ยูนิตด้วย

So the question is, how can we get the people in this room

คำถามที่ตามมาก็คือ เราจะทำให้ผู้คนในห้องนี้

and across the globe to start paying attention

และที่อื่นๆ ทั่วโลกเริ่มหันมาใส่ใจ

to the energy we're using,

พลังงานที่เรากำลังใช้

and start wasting less of it?

และเริ่มทำให้มันสิ้นเปลืองน้อยลงได้อย่างไร

The answer comes from a behavioral science experiment

คำตอบของคำถามนี้ได้จากการทดลองด้านพฤติกรรมศาสตร์ (behavioral science)

that was run one hot summer, 10 years ago,

ที่เกิดขึ้นในหน้าร้อนเมื่อ 10 ปีก่อน

and only 90 miles from here,

และอยู่ห่างจากที่นี้เพียง 90 ไมล์

in San Marcos, California.

ในซานมาร์คอส แคลิฟอร์เนีย ครับ

Graduate students put signs on every door in a neighborhood,

นักศึกษาปริญญาโทและเอก ได้ติดสัญลักษณ์บนประตูบ้านของเพื่อนบ้านทุกบาน

asking people to turn off their air conditioning

เพื่อขอร้องให้ผู้คนปิดเครื่องปรับอากาศ

and turn on their fans.

แล้วหันมาเปิดพัดลมแทน

One quarter of the homes received a message that said,

บ้านเรือนหนึ่งในสี่ได้รับข้อความที่ว่า

did you know you could save 54 dollars a month this summer?

คุณทราบไหมว่าคุณประหยัดเงินถึง 54 ดอลล่าร์ต่อเดือน ในช่วงหน้าร้อนนี้ได้

Turn off your air conditioning, turn on your fans.

เพียงแค่ปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วหันมาเปิดพัดลม

Another group got an environmental message.

อีกกลุ่มหนึ่งจะได้ข้อความเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม

And still a third group got a message about

และกลุ่มที่สามจะได้รับข้อความเกี่ยวกับ

being good citizens, preventing blackouts.

การเป็นพลเมืองที่ดีจะช่วยไม่ให้ไฟดับทั้งเมืองได้

Most people guessed that money-saving message would work best of all.

คนส่วนใหญ่เดาว่า ข้อความเกี่ยวกับการประหยัดเงินน่าจะได้ผลดีที่สุด

In fact, none of these messages worked.

จริงๆ แล้ว ไม่มีข้อความไหนๆ เลยที่ได้ผล

They had zero impact on energy consumption.

พวกมันมีผลต่อการบริโภคพลังงานเป็นศูนย์

It was as if the grad students hadn't shown up at all.

ประหนึ่งว่า นักศึกษาปริญญาโทและเอกเหล่านี้ ไม่เคยทำอะไรเหล่านี้เลยครับ

But there was a fourth message,

แต่ยังมีข้อความที่สี่

and this message simply said,

ข้อความนี้พูดง่ายๆ ว่า

"When surveyed, 77 percent of your neighbors

"จากผลการสำรวจ 77 เปอร์เซนต์ของเพื่อนบ้านคุณ

said that they turned off their air conditioning and turned on their fans.

กล่าวว่า พวกเขาปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วหันมากเปิดพัดลมแทน

Please join them. Turn off your air conditioning

ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขา ด้วยการปิดเครื่องปรับอากาศ

and turn on your fans."

แล้วเปิดพัดลมกันครับ"

And wouldn't you know it, they did.

และพวกคุณคิดไม่ถึงซิครับว่า มันได้ผล

The people who received this message

ผู้คนที่รับข้อความดังกล่าว

showed a marked decrease in energy consumption

มีแนวโน้มที่มีการบริโภคพลังงานน้อยลง

simply by being told what their neighbors were doing.

อย่างง่ายๆ โดยได้รับการบอกกล่าว เพียงสิ่งที่เพื่อนบ้านของพวกเขากำลังทำกันอยู่

So what does this tell us?

เหตุการณ์นี้บอกอะไรกับเราครับ

Well, if something is inconvenient,

ครับ ถ้ามีอะไรบางอย่างที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ดี

even if we believe in it,

และแม้แต่เราเองก็เชื่อว่าอย่างนั้น

moral suasion, financial incentives, don't do much to move us --

การชักจูงด้วยเหตุผลทางศีลธรรม ทางการเงิน ไม่ส่งแรงกระตุ้นให้เราปฎิบัติมากเท่าใด

but social pressure, that's powerful stuff.

แต่แรงกดดันทางสังคมเป็นสิ่งที่ทรงพลังอย่างมาก

And harnessed correctly, it can be a powerful force for good.

บวกกับการใช้ที่ถูกวิธี จะทำให้มันเป็นแรงผลักที่ทรงพลังที่สุดในเวลานี้

In fact, it already is.

ซึงจริงๆ มันก็เป็นอยู่แล้ว

Inspired by this insight, my friend Dan Yates and I

ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้จากเหตุการณ์นี้ ผมและเพื่อน แดน เยตส์

started a company called Opower.

จึงก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อว่า โอพาเวอร์ (Opower) ขึ้น

We built software and partnered with utility companies

เราสร้างซอฟต์แวร์และเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทไฟฟ้าอื่นๆ

who wanted to help their customers save energy.

ที่ต้องการช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาประหยัดพลังงาน

We deliver personalized home energy reports

เราส่งรายงานการใช้พลังงานภายในบ้านแต่ละหลัง

that show people how their consumption

ให้กับเจ้าของว่าการบริโภคพลังงานของพวกเขา

compares to their neighbors in similar-sized homes.

เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน ที่มีขนาดบ้านเท่ากันนั้นแตกต่างกันอย่างไร

Just like those effective door hangers,

เช่นเดียวกับการแขวนป้ายบนประตูที่มีประสิทธิภาพ

we have people comparing themselves to their neighbors,

เราให้ผู้คนได้เปรียบเทียบตัวเขาเองกับเพื่อนบ่้าน

and then we give everyone targeted recommendations

และจากนั้น เราให้คำแนะนำแก่กลุ่มเป้าหมายทุกคน

to help them save.

เกี่ยวกับวิธีที่จะช่วยให้พวกเขาประหยัดพลังงาน

We started with paper, we moved to a mobile application,

เราเริ่มจากกระดาษ แล้วเปลี่ยนเป็นแอพบนมือถือ

web, and now even a controllable thermostat,

เวป และตอนนี้มีแม้แต่เทอร์โมสแตตที่ควบคุมได้ (controllable thermostat)

and for the last five years we've been running

เป็นเวลาห้าปีท้ายที่เราทำการ

the largest behavioral science experiment in the world.

การทดลองเกี่ยวกับพฤติกรรมศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนี้

And it's working.

และมันก็ประสบผลสำเร็จ

Ordinary homeowners and renters have saved

เจ้าของและผู้เช่าบ้านโดยทั่วไปจะประหยัด

more than 250 million dollars on their energy bills,

ค่าใช้พลังงานของพวกเขาได้มากกว่า 250 ล้านดอลลาร์

and we're just getting started.

นี่เราเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น

This year alone, in partnership with more than 80 utilities

ปีนี้ปีเดียว ในบริษัทไฟฟ้าที่ร่วมหุ้นมากกว่า 80 บริษัท

in six countries, we're going to generate

ในหกประเทศ เรากำลังก่อให้เกิด

another two terawatt hours of electricity savings.

การประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้อีกถึงสองเทราวัตต์ชั่วโมง

Now, the energy geeks in the room know two terawatt hours,

พวกคลั่งพลังงานในห้องนี้คงรู้จักสองเทราวัตต์ชั่วโมง

but for the rest of us, two terawatt hours

แต่สำหรับที่เหลือในห้องนี้ สองเทราวัตต์ชั่วโมง

is more than enough energy to power every home

เป็นพลังงานที่มากกว่าพลังงานที่จ่ายให้กับบ้านทุกๆ หลัง

in St. Louis and Salt Lake City combined

ในเซนต์หลุยส์ และซอลต์เลคซิตี้รวมกัน

for more than a year.

ในเวลาที่มากกว่าหนึ่งปี

Two terawatt hours, it's roughly half

สองเทราวัตต์ชั่วโมง โดยคร่าวๆ มีปริมาณถึงครึ่งหนึ่ง

what the U.S. solar industry produced last year.

ของพลังงานที่อุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ของสหรัฐผลิตได้ในปีที่แล้ว

And two terawatt hours? In terms of coal,

และสองเทราวัตต์ชั่วโมง เมื่อเทียบกับปริมาณของถ่านแล้ว

we'd need to burn 34 of these wheelbarrows

เราต้องเผาไหม้ปริมาณที่อยู่ในรถเข็นนี้ถึง 34 คันรถ

every minute around the clock every day for an entire year

ในทุกๆ นาที ทุกๆ วัน ตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

to get two terawatt hours of electricity.

จึงจะทำให้ได้พลังงานไฟฟ้าถึงสองเทราวัตต์ชั่วโมง

And we're not burning anything.

เราไม่ต้องเผาไหม้อะไรเลย

We're just motivating people to pay attention

เราเพียงแค่สร้างแรงจูงใจให้กับผู้คนให้หันมาใส่ใจ

and change their behavior.

และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของพวกเขา

But we're just one company, and this is just

แต่เราก็เป็นเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น และสิ่งที่ทำก็เพียงแค่

scratching the surface.

ผิวเผิน

Twenty percent of the electricity in homes is wasted,

พลังงานไฟฟ้าภายในบ้านอีก 20 เปอร์เซนต์ยังคงสูญเสีย

and when I say wasted, I don't mean that people have

และที่ผมพูดว่าสูญเสีย ไม่ได้หมายถึงพวกเขาใช้

inefficient lightbulbs. They may.

หลอดไฟที่ไม่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจริงๆ เขาอาจใช้

I mean we leave the lights on in empty rooms,

แต่ผมหมายถึงเราปล่อยให้แสงสว่างเปิดทิ้งอยู่ในห้องว่าง

and we leave the air conditioning on when nobody's home.

และเราก็ปล่อยให้เครื่องปรับอากาศเปิดอยู่ โดยไม่มีใครในบ้าน

That's 40 billion dollars a year wasted

นั่นทำให้เราสูญเสียพลังงานไฟฟ้าถึงสี่หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี

on electricity that does not contribute to our well-being

โดยที่ไม่ทำให้เรามีชีวิตที่สะดวกสบายขึ้นแต่อย่างใด

but does contribute to climate change.

มีแต่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น

That's 40 billion -- with a B --

นั่นมันสี่หมื่นล้าน

every year in the U.S. alone.

ทุกๆ ปีในสหรัฐเพียงประเทศเดียว

That's half our coal usage right there.

ซึ่งนั่นเป็นปริมาณถ่านครึ่งหนึ่งที่เราใช้อยู่เลย

Now thankfully, some of the world's best material scientists

ปัจจุบันต้องขอบคุณ นักวิทยาศาสตร์ด้านวัสดุศาสตร์ ที่ดีที่สุดในโลกบางท่าน

are looking to replace coal with sustainable resources

ที่กำลังมองหาแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนมาใช้แทนถ่าน

like these,

เช่นนี้

and this is both fantastic and essential.

มันช่างเป็นทั้งสิ่งที่วิเศษและจำเป็นจริงๆ

But the most overlooked resource to get us

แต่แหล่งพลังงานที่เรามองข้ามที่จะทำให้เราได้

to a sustainable energy future, it isn't on this slide.

พลังงานที่ยั่งยืนในอนาคตไม่ได้อยู่บนสไลด์แผ่นนี้

It's in this room. It's you, and it's me.

มันอยู่ในห้องนี้ มันก็คือพวกคุณ รวมทั้งผม

And we can harness this resource

เราสามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานนี้

with no new material science

โดยไม่พึ่งวิทยาศาสตร์วัตถุชนิดใหม่เลย

simply by applying behavioral science.

ง่ายๆ เพียงแค่ประยุกต์ใช้วิชาพฤติกรรมศาสตร์เท่านั้น

We can do it today, we know it works,

เราเริ่มทำได้ตั้งแต่วันนี้ เราก็รู้ว่ามันได้ผล

and it will save us money right away.

มันจะช่วยให้เราประหยัดเงินแน่ๆ

So what are we waiting for?

แล้วเราจะรออะไรอยู่หล่ะครับ

Well, in most places, utility regulation

ครับ ในพื้นที่ส่วนใหญ่ กฎเกณฑ์เกี่ยวกับบริษัทไฟฟ้า

hasn't changed much since Thomas Edison.

ไม่เปลี่ยนมากนักนับแต่ยุค โทมัส เอดิสัน

Utilities are still rewarded when their customers

บริษัทไฟฟ้ายังคงได้ประโยชน์จากการที่ลูกค้าของพวกเขา

waste energy.

สูญเสียพลังงาน

They ought to be rewarded for helping their customers save it.

พวกเขาควรจะได้รางวัล จากการที่ช่วยให้ลูกค้าของพวกเขาประหยัดพลังงานมากกว่า

But this story is much more than about household energy use.

แต่เรื่องนี้เป็นมากกว่าการใช้พลังงานภายในบ้าน

Take a look at the Prius.

ลองดูรถพรีอุสนะครับ

It's efficient not only because Toyota invested in material science

มันมีประสิทธิภาพไม่เพียงเพราะ โตโยต้าลงทุนในวิทยาศาสตร์วัสดุเท่านั้น

but because they invested in behavioral science.

แต่เพราะพวกเขาลงทุนในพฤติกรรมศาสตร์ด้วย

The dashboard that shows drivers how much energy

หน้าจอนี้แสดงให้ผู้ขับขี่เห็นถึงปริมาณพลังงาน

they're saving in real time

ที่พวกเขาประหยัดได้ในเวลาปัจจุบัน

makes former speed demons

ทำให้อดีตนักบิด

drive more like cautious grandmothers.

ขับเช่นเดียวกับคุณยายที่ระมัดระวังได้

Which brings us back to Harriet.

เรากลับมาที่ฮาร์เรียต์

We met her on our first family vacation.

ที่พวกผมพบเธอในวันพักผ่อนของครอบครัวครั้งแรก

She came over to meet my young daughter,

เธอมาพบกับลูกสาวตัวเล็กๆ ของผม

and she was tickled to learn that my daughter's name

และเธอก็ได้ทราบว่าชื่อของลูกสาวผมก็ชื่อ

is also Harriet.

ฮาร์เรียต์เหมือนกัน

She asked me what I did for a living,

เธอถามผมว่า ผมทำมาหากินอะไร

and I told her, I work with utilities

และผมก็ตอบเธอว่า ผมทำงานกับบริษัทไฟฟ้า

to help people save energy.

ที่จะช่วยให้ผู้คนประหยัดพลังงาน

It was then that her eyes lit up.

มันทำให้เธอเหลือบตาขึ้น

She looked at me, and she said,

มองผม แล้วพูดว่า

"You're exactly the person I need to talk to.

"คุณเป็นคนที่ฉันอยากจะพูดด้วยที่สุด

You see, two weeks ago, my husband and I got a letter

คุณรู้ไหม เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ฉันและสามีได้รับจดหมาย

in the mail from our utility.

ในตู้จากบริษัทไฟฟ้า

It told us we were using twice as much energy as our neighbors."

จดหมายว่า เรากำลังใช้พลังงาน มากกว่าเพื่อนบ้านถึงสองเท่า"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

"And for the last two weeks, all we can think about,

"และสองอาทิตย์หลัง เราก็คิด

talk about, and even argue about,

พูด แลเถียงกัน

is what we should be doing to save energy.

ว่าเราจะประหยัดพลังงานได้อย่างไร

We did everything that letter told us to do,

เราทำทุกๆ อย่างที่จดหมายนั่นบอกให้เราทำ

and still I know there must be more.

แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าต้องทำมากกว่านั้นอีก

Now I'm here with a genuine expert.

ตอนนี้ ฉันอยู่กับผู้เชี่ยวชาญที่ชาญฉลาดแล้ว

Tell me. What should I do to save energy?"

บอกฉันหน่อยซิ ว่าฉันจะประหยัดพลังงานได้อย่างไร"

There are many experts who can help answer Harriet's question.

มีผู้เชียวชาญหลายคนที่จะช่วยตอบคำถามฮาร์เรียต์ได้

My goal is to make sure

เป้าหมายของผมก็คือความมั่นใจ

we are all asking it.

ที่จะทำให้พวกเรายังคงถามถึงการประหยัดพลังงานอยู่

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)