How equal do we want the world to be? You'd be surprised | Dan Ariely

265,952 views ・ 2015-04-08

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Raweeon Rithiruang Reviewer: Rawee Ma
00:12
It would be nice to be objective in life,
0
12926
2645
มันคงจะดีนะ ถ้าชีวิตไม่มีความลำเอียง
00:15
in many ways.
1
15571
2022
ในหลายๆ ทาง
00:17
The problem is that we have these color-tinted glasses
2
17593
3378
ปัญหาก็คือ เราต่างก็มีแว่นหลากสี
00:20
as we look at all kinds of situations.
3
20971
4679
ที่เราใส่เมื่อมองดูเหตุการณ์ต่างๆ กัน
00:25
For example, think about something as simple as beer.
4
25650
3716
ยกตัวอย่างเรื่องธรรมดาๆ เช่น เรื่องเบียร์
00:29
If I gave you a few beers to taste
5
29366
2182
ถ้าผมเอาเบียร์ให้คุณชิมซัก 3-4 ยี่ห้อ
00:31
and I asked you to rate them on intensity and bitterness,
6
31548
3808
แล้วให้คุณจัดลำดับตามความเข้มข้นและความขม
00:35
different beers would occupy different space.
7
35356
3697
เบียร์ต่างยี่ห้อ ก็จะถูกจัดลำดับต่างกันไป
00:39
But what if we tried to be objective about it?
8
39053
2757
แต่ถ้าเราพยายามที่จะพิจารณาอย่างยุติธรรม
00:41
In the case of beer, it would be very simple.
9
41810
2160
ในกรณีของเบียร์ ก็คงทำได้ง่ายๆ
00:43
What if we did a blind taste?
10
43970
2152
แต่ถ้าเราให้ทดสอบรสชาติแบบปิดตาล่ะ
00:46
Well, if we did the same thing, you tasted the same beer,
11
46122
2724
เราทำเหมือนเดิม ชิมเบียร์กลุ่มเดิม
00:48
now in the blind taste, things would look slightly different.
12
48846
3971
ทีนี้การปิดตา ผลลัพธ์อาจต่างออกไปเล็กน้อย
00:52
Most of the beers will go into one place.
13
52817
2222
เบียร์ส่วนใหญ่ ถูกจัดไปรวมอยู่ในกลุ่มเดียว
00:55
You will basically not be able to distinguish them,
14
55039
2445
คุณจะไม่สามารถแยกแยะมันพวกออกจากกันได้
00:57
and the exception, of course, will be Guinness.
15
57484
3089
และข้อยกเว้นคือ แน่ล่ะ คงเป็นเบียร์กินเนส
01:00
(Laughter)
16
60573
2228
(เสียงหัวเราะ)
01:02
Similarly, we can think about physiology.
17
62801
2786
เช่นกัน เราลองคิดถึงเรื่องทางสรีระศาสตร์
01:05
What happens when people expect something from their physiology?
18
65587
3042
จะเป็นอย่างไรถ้าคนคาดหวังกับ เรื่องทางกายภาพของเขา
01:08
For example, we sold people pain medications.
19
68629
2508
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราขายยาแก้ปวดให้กับคน
01:11
Some people, we told them the medications were expensive.
20
71137
2739
แล้วบอกกับบางคนว่า ยานั้นมีราคาแพง
01:13
Some people, we told them it was cheap.
21
73876
1881
แต่บางคน เราก็บอกว่ามันเป็นของราคาถูก
01:15
And the expensive pain medication worked better.
22
75757
2972
ปรากฎว่ายากลุ่มที่บอกราคาแพงให้ผลดีกว่า
01:18
It relieved more pain from people,
23
78729
2554
มันช่วยแก้ปวดได้ดีกว่า
01:21
because expectations do change our physiology.
24
81283
3504
เพราะความคาดหวังนั้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนทางกายภาพได้
01:24
And of course, we all know that in sports,
25
84787
2062
และแน่นอน พวกเรารู้กันว่าในเรื่องกีฬา
01:26
if you are a fan of a particular team,
26
86849
1818
ถ้าคุณเป็นแฟนของทีมใดทีมหนึ่ง
01:28
you can't help but see the game
27
88667
2369
มันช่วยไม่ได้ที่คุณเห็นการที่
01:31
develop from the perspective of your team.
28
91036
3505
เกมพัฒนาไป โดยมุมมองของทีมที่คุณชอบ
01:34
So all of those are cases in which our preconceived notions
29
94541
4176
ซึ่งในกรณีทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่เราอุปาทานขึ้น
01:38
and our expectations color our world.
30
98717
3440
และความคาดหวังของเราก็ระบายสีสันให้กับโลก
01:42
But what happened in more important questions?
31
102157
3402
แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับคำถามที่สำคัญยิ่งกว่า
01:45
What happened with questions that had to do with social justice?
32
105559
3552
เกิดอะไรขึ้นกับคำถามที่มีผล ต่อความยุติธรรมในสังคม
01:49
So we wanted to think about what is the blind tasting version
33
109111
3405
ดังนั้นเราจึงอยากจะลองคิดถึง วิธีการทดสอบแบบปิดตา
01:52
for thinking about inequality?
34
112516
3065
ในเรื่องของความไม่เท่าเทียมกันดูบ้าง
01:55
So we started looking at inequality,
35
115581
2299
เราเริ่มต้นโดยมองไปที่ ความไม่เท่าเทียมกัน
01:57
and we did some large-scale surveys
36
117880
1950
และเราก็ทำการสำรวจขนาดใหญ่
01:59
around the U.S. and other countries.
37
119830
2554
ทั่วทั้งสหรัฐและประเทศอื่นๆ
02:02
So we asked two questions:
38
122384
1951
เราตั้งคำถาม 2 ข้อว่า
02:04
Do people know what kind of level of inequality we have?
39
124335
3366
ผู้คนทราบหรือไม่ว่า เรามีระดับ ความไม่เท่าเทียมกันแบบไหนบ้าง
02:07
And then, what level of inequality do we want to have?
40
127701
4111
แล้วค่อยถามต่อว่า เราอยากให้มีความไม่เท่าเทียมกันที่ระดับไหน
02:11
So let's think about the first question.
41
131812
2414
มาลองคิดถึงคำถามแรกกันก่อน
02:14
Imagine I took all the people in the U.S.
42
134226
2113
จินตนาการดูว่าผมนำประชาชนทั้งหมดในสหรัฐฯ
02:16
and I sorted them from the poorest on the right
43
136339
2925
มาแบ่งประเภทเรียงกัน จากคนที่ยากจนที่สุดให้อยู่ทางขวา
02:19
to the richest on the left,
44
139264
2392
คนที่รวยที่สุดให้อยู่ทางซ้าย
02:21
and then I divided them into five buckets:
45
141656
2662
จากนั้นจึงแบ่งคนทั้งหมดออกเป็น 5 กลุ่ม
02:24
the poorest 20 percent, the next 20 percent,
46
144318
2298
เริ่มจากคนจนที่สุด 20 % ถัดมาอีก 20%
02:26
the next, the next, and the richest 20 percent.
47
146616
2856
และถัดกันมาเรื่อยๆ จนถึง กลุ่มคนที่รวยที่สุด 20%
02:29
And then I asked you to tell me how much wealth do you think
48
149472
2996
และผมค่อยถามคุณว่า ความมั่งคั่งแค่ไหนที่คุณคิดว่า
02:32
is concentrated in each of those buckets.
49
152468
2949
รวมกันอยู่ในคนกลุ่มต่างๆ
02:35
So to make it simpler, imagine I ask you to tell me,
50
155417
2461
เพื่อทำให้มันง่ายมากขึ้น ลองจินตนาการว่าผมถามคุณว่า
02:37
how much wealth do you think is concentrated
51
157878
2260
ความมั่งคั่งแค่ไหนที่รวมกันอยู่
02:40
in the bottom two buckets,
52
160138
2260
ใน 2 กลุ่มคนที่อยู่ล่างสุด
02:42
the bottom 40 percent?
53
162398
2261
รวมเป็นคนกลุ่มล่าง 40%
02:44
Take a second. Think about it and have a number.
54
164659
2692
ลองใช้เวลาสักครู่ คิดถึงเรื่องนี้ และนึกถึงตัวเลขไว้
02:47
Usually we don't think.
55
167351
1904
โดยทั่วไปเราไม่ทันคิด
02:49
Think for a second, have a real number in your mind.
56
169255
2485
ลองคิดซักนิด แล้วเก็บตัวเลขไว้ในใจ
02:51
You have it?
57
171740
1625
ได้หรือยังครับ
02:53
Okay, here's what lots of Americans tell us.
58
173365
3065
โอเคและนี่คือสิ่งที่ คนอเมริกันจำนวนมากบอกเรา
02:56
They think that the bottom 20 percent
59
176430
1927
พวกเขาคิดว่ากลุ่มล่างสุด 20%
02:58
has about 2.9 percent of the wealth,
60
178357
2322
มีความมั่งคั่งประมาณ 2.9%
03:00
the next group has 6.4,
61
180679
2183
กลุ่มถัดมา 6.4%
03:02
so together it's slightly more than nine.
62
182862
2507
รวมกันก็เกิน 9% มานิดหน่อย
03:05
The next group, they say, has 12 percent,
63
185369
3413
กลุ่มต่อมา พวกเขาบอกว่ามี 12%
03:08
20 percent,
64
188782
1649
20%
03:10
and the richest 20 percent, people think has 58 percent of the wealth.
65
190431
4644
และกลุ่มคนที่รวยที่สุด 20% นั้น ผู้คนคิดว่าเขามั่งคั่งถึง 58 %
03:15
You can see how this relates to what you thought.
66
195075
3135
คุณคงเห็นได้ว่ามันสอดคล้องกับ สิ่งที่คุณเคยคิดอย่างไร
03:18
Now, what's reality?
67
198210
1741
ทีนี้มาดูความเป็นจริงกันบ้าง
03:19
Reality is slightly different.
68
199951
1811
ความจริงนั้นต่างออกไปเล็กน้อย
03:21
The bottom 20 percent has 0.1 percent of the wealth.
69
201762
3813
20% ของกลุ่มล่างสุด มีความมั่งคั่งเพียง 0.1%
03:25
The next 20 percent has 0.2 percent of the wealth.
70
205575
3251
อีก20% ถัดมามีความมั่งคั่งที่ 0.2%
03:28
Together, it's 0.3.
71
208826
2113
รวมกันเป็น 0.3%
03:30
The next group has 3.9,
72
210939
3529
กลุ่มถัดมามี 3.9%
03:34
11.3,
73
214468
2183
รวมเป็น 11.3
03:36
and the richest group has 84-85 percent of the wealth.
74
216651
5741
และกลุ่มคนที่รวยที่สุด มีความมั่งคั่งรวมกันถึง 84-85%
03:42
So what we actually have and what we think we have
75
222392
2966
จะเห็นว่า สิ่งที่เรามีจริงๆ กับสิ่งที่เราคิดว่าเรามี
03:45
are very different.
76
225358
1973
นั้นช่างแตกต่างกัน
03:47
What about what we want?
77
227331
2090
แล้วสิ่งที่เราต้องการล่ะ
03:49
How do we even figure this out?
78
229421
1997
เราจะรู้ได้อย่างไร
03:51
So to look at this,
79
231418
1411
ลองดูนี่
03:52
to look at what we really want,
80
232829
1578
เพื่อหาสิ่งที่เราต้องการจริงๆ
03:54
we thought about the philosopher John Rawls.
81
234407
3065
เราคิดถึงนักปรัชญาชื่อ จอห์น รอลส์
03:57
If you remember John Rawls,
82
237472
1835
ถ้าคุณจำ จอห์น รอลส์ ได้
03:59
he had this notion of what's a just society.
83
239307
3250
เขาให้เหตุผลว่า สังคมที่เป็นธรรมเป็นอย่างไร
04:02
He said a just society
84
242557
1482
เขาบอกว่าสังคมที่เป็นธรรม
04:04
is a society that if you knew everything about it,
85
244039
2715
ก็คือสังคมที่ หากว่าคุณ รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับมัน
04:06
you would be willing to enter it in a random place.
86
246754
2433
คุณก็จะยินดีที่จะก้าวเข้ามาในที่ใดก็ได้
04:09
And it's a beautiful definition,
87
249187
1524
และมันก็เป็นคำจำกัดความที่สวยงาม
04:10
because if you're wealthy, you might want the wealthy
88
250711
2478
เพราะหากว่าคุณเป็นคนร่ำรวย คุณก็อาจต้องการให้คนร่ำรวย
04:13
to have more money, the poor to have less.
89
253189
2037
มีเงินมากกว่า ให้คนจนมีน้อยกว่า
04:15
If you're poor, you might want more equality.
90
255226
2109
ถ้าคุณเป็นคนจน คงต้องการ ความเท่าเทียมมากขึ้น
04:17
But if you're going to go into that society
91
257335
2004
แต่ถ้าคุณจะเข้าไปในสังคมนั้น
04:19
in every possible situation, and you don't know,
92
259339
3320
ในทุกสถานการณ์ที่อาจเป็นไปได้ ซึ่งคุณไม่รู้
04:22
you have to consider all the aspects.
93
262659
2206
คุณก็ต้องพิจารณาในทุกแง่มุม
04:24
It's a little bit like blind tasting in which you don't know
94
264865
2926
ก็คล้ายๆ กับการทดสอบแบบปิดตา ซึ่งคุณไม่รู้
04:27
what the outcome will be when you make a decision,
95
267791
2670
ว่าผลจะเป็นอย่างไร เมื่อคุณตัดสินใจไป
04:30
and Rawls called this the "veil of ignorance."
96
270461
3715
และรอลส์เรียกสิ่งนี้ว่า "ผ้าคลุมหน้าของความไม่รู้"
04:34
So, we took another group, a large group of Americans,
97
274176
3607
เรามาดูกลุ่มอื่นดู กลุ่มใหญ่ของชาวอเมริกัน
04:37
and we asked them the question in the veil of ignorance.
98
277783
2755
แล้วเราถามคำถามพวกเค้าเรื่องของ ผ้าคลุมหน้าของความไม่รู้
04:40
What are the characteristics of a country that would make you want to join it,
99
280538
4110
อะไรคือคุณลักษณะของประเทศ ที่คุณอยากจะไปอยู่
04:44
knowing that you could end randomly at any place?
100
284648
3158
โดยรู้ว่าคุณไปอยู่ที่ไหนก็ได้
04:47
And here is what we got.
101
287806
1479
และนี่ก็คือคำตอบที่เราได้
04:49
What did people want to give to the first group,
102
289285
2259
อะไรคือสิ่งที่ผู้คนอยากให้ ในกลุ่มแรก
04:51
the bottom 20 percent?
103
291544
2183
กลุ่มที่เป็น 20% สุดท้าย
04:53
They wanted to give them about 10 percent of the wealth.
104
293727
2694
พวกเขาอยากให้มีความมั่งคั่งที่ 10%
04:56
The next group, 14 percent of the wealth,
105
296421
2600
กลุ่มถัดไปที่ 14% ของความมั่งคั่ง
04:59
21, 22 and 32.
106
299021
5363
21, 22 และ 32
05:04
Now, nobody in our sample wanted full equality.
107
304384
3506
ทีนี้ ไม่มีใครเลยในกลุ่มตัวอย่างที่อยากให้ กลายเป็นความเท่าเทียมเต็มๆ
05:07
Nobody thought that socialism is a fantastic idea in our sample.
108
307890
4433
ไม่มีใครคิดเลยว่า ระบบสังคมนิยม คือความคิดอันสุดวิเศษในกลุ่มตัวอย่างของเรา
05:12
But what does it mean?
109
312323
1288
แต่ มันหมายความว่าอย่างไร
05:13
It means that we have this knowledge gap
110
313611
2038
มันหมายความว่า เรามีช่องว่างของความรู้อยู่
05:15
between what we have and what we think we have,
111
315649
2658
ระหว่างสิ่งที่เรามี กับสิ่งที่เราคิดว่าเรามี
05:18
but we have at least as big a gap between what we think is right
112
318307
3715
แต่อย่างน้อยก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ ระหว่างสิ่งที่เราคิดว่าถูก
05:22
to what we think we have.
113
322022
2798
กับสิ่งที่เราคิดว่าเรามีอยู่
05:24
Now, we can ask these questions, by the way, not just about wealth.
114
324820
3192
ทีนี้ เราสามารถถามคำถามเหล่านี้ ไม่เพียงแต่เรื่องความมั่งคั่ง
05:28
We can ask it about other things as well.
115
328012
2415
เราสามารถถามเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆได้ด้วย
05:30
So for example, we asked people from different parts of the world
116
330427
4203
ยกตัวอย่างเช่น เราถามผู้คน ที่มาจากที่ต่างๆของโลก
05:34
about this question,
117
334630
1718
เกี่ยวกับคำถามนี้
05:36
people who are liberals and conservatives,
118
336348
2343
คนที่เป็นพวกเสรีนิยม และ อนุรักษ์นิยม
05:38
and they gave us basically the same answer.
119
338691
2044
แล้วพวกเขาให้คำตอบเหมือนๆกัน
05:40
We asked rich and poor, they gave us the same answer,
120
340735
2482
เราถามกลุ่มคนรวยและจน แล้วเขาให้คำตอบที่เหมือนกัน
05:43
men and women,
121
343217
1301
ชายและหญิง
05:44
NPR listeners and Forbes readers.
122
344518
2693
กลุ่มคนที่ฟังเอ็นพีอาร์ (NPR) และคนที่อ่านฟอร์ปส์ (Forbes)
05:47
We asked people in England, Australia, the U.S. --
123
347211
3229
เราถามคนที่อังกฤษ ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ
05:50
very similar answers.
124
350440
1717
คำตอบที่ได้คล้ายๆ กัน
05:52
We even asked different departments of a university.
125
352157
2771
เราถามแม้กระทั่งคนจากต่างคณะในมหาวิทยาลัย
05:54
We went to Harvard and we checked almost every department,
126
354928
2758
เราไปที่ฮาวาร์ด และเข้าไปเช็คเกือบทุกคณะ
05:57
and in fact, from Harvard Business School,
127
357686
2012
อันที่จริง จากโรงเรียนธุรกิจฮาวาร์ด
05:59
where a few people wanted the wealthy to have more and the [poor] to have less,
128
359698
3712
ที่ๆซึ่งมีไม่กี่คนที่ต้องการให้มีความมั่งคั่งมากขึ้น แล้วคนรวยมีน้อยลง
06:03
the similarity was astonishing.
129
363410
2540
เป็นความคล้ายคลึงกันที่น่าทึ่ง
06:05
I know some of you went to Harvard Business School.
130
365950
2824
ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนที่นี่เคยเรียนที่นั่น
06:08
We also asked this question about something else.
131
368774
3346
เรายังถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องอื่นด้วย
06:12
We asked, what about the ratio of CEO pay to unskilled workers?
132
372120
4969
เราถามถึงสัดส่วน ที่ผู้บริหารจ่ายให้กับแรงงานไร้ฝีมือ
06:17
So you can see what people think is the ratio,
133
377089
3157
ดังนั้นคุณจะได้เห็นสิ่งที่ ผู้คนคิดเป็นอัตราส่วน
06:20
and then we can ask the question, what do they think should be the ratio?
134
380246
3901
แล้วเราจะถามคำถามว่า คุณคิดว่าอัตราส่วนจะเป็นเท่าไหร่
06:24
And then we can ask, what is reality?
135
384147
2627
เสร็จแล้วเราถึงจะถามได้ว่า แล้วความจริงเป็นอย่างไร
06:26
What is reality? And you could say, well, it's not that bad, right?
136
386774
3278
อะไรคือความจริง แล้วคุณพูดได้ว่า อืม มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ใช่มั้ย
06:30
The red and the yellow are not that different.
137
390052
2153
สีแดง และสีเหลือง มันก็ไม่ได้ต่างกันมาก
06:32
But the fact is, it's because I didn't draw them on the same scale.
138
392205
3920
แต่ข้อเท็จจริงคือ เป็นเพราะว่า ผมไม่ได้วาดมันลงไปโดยใช้สเกลเดียวกัน
06:38
It's hard to see, there's yellow and blue in there.
139
398105
3910
มันยากที่จะเห็นว่า มีสีเหลืองและสีฟ้า อยู่ในนั้น
06:42
So what about other outcomes of wealth?
140
402015
2345
แล้วผลลัพธ์อื่นๆ ในเรื่องความมั่งคั่งล่ะ
06:44
Wealth is not just about wealth.
141
404360
1695
ความมั่งคั่ง ไม่ใช่แค่นี้อย่างเดียว
06:46
We asked, what about things like health?
142
406055
2624
เราถามว่า แล้วเรื่องของสุขภาพล่ะ
06:48
What about availability of prescription medication?
143
408679
4133
แล้วเรื่องการหาใบสั่งยามาได้ล่ะ
06:52
What about life expectancy?
144
412812
2020
แล้วเรื่องของอายุขัย
06:54
What about life expectancy of infants?
145
414832
2415
เรื่องอายุขัยของเด็กทารก
06:57
How do we want this to be distributed?
146
417247
2345
เราอยากให้เรื่องนี้ กระจายไปอย่างไร
06:59
What about education for young people?
147
419592
2809
แล้วเรื่องการศึกษาของเด็กๆ
07:02
And for older people?
148
422401
1870
และผู้สูงอายุ
07:04
And across all of those things, what we learned was that people
149
424271
2983
และจากสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด สิ่งที่เราเรียนรู้นั่นคือ
07:07
don't like inequality of wealth,
150
427254
3158
ผู้คนไม่ชอบเรื่องความไม่เท่าเทียม ในเรื่องความมั่งคั่ง
07:10
but there's other things where inequality, which is an outcome of wealth,
151
430412
3506
แต่มันมีอย่างอื่น ที่ความไม่เท่าเทียม ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของความมั่งคั่ง
07:13
is even more aversive to them:
152
433918
2043
ซึ่งยิ่งสร้างความไม่ชอบใจต่อพวกเขา
07:15
for example, inequality in health or education.
153
435961
3971
ตัวอย่างเช่น ความไม่เท่าเทียมในเรื่อง สุขภาพและการศึกษา
07:19
We also learned that people are particularly open
154
439932
2461
เราเรียนรู้มาว่าผู้คนจะเปิดเผย
07:22
to changes in equality when it comes to people
155
442393
2554
ที่จะเปลี่ยนแปลง ความเท่าเทียม เวลาที่มันมาถึงพวกเขา
07:24
who have less agency --
156
444947
2044
เรามีตัวแทนน้อยลง
07:26
basically, young kids and babies,
157
446991
2345
โดยพื้นฐานแล้วคือ ลูกๆ ของคุณ
07:29
because we don't think of them as responsible for their situation.
158
449336
4667
เพราะเราไม่ได้คิดว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบ กับสถานการณ์ของเขา
07:34
So what are some lessons from this?
159
454003
2345
แล้วบทเรียนที่ได้ในเรื่องนี้คืออะไร
07:36
We have two gaps:
160
456348
1160
เรามีช่องว่าง 2 แบบ
07:37
We have a knowledge gap and we have a desirability gap
161
457508
2580
และช่องว่างทางความรู้ และ ช่องว่างของความพึงพอใจ
07:40
And the knowledge gap is something that we think about,
162
460088
2622
และช่องว่างทางความรู้ เป็นบางสิ่งที่เราคิดไว้
07:42
how do we educate people?
163
462710
1370
เราให้ความรู้กับผู้คนอย่างไร
07:44
How do we get people to think differently about inequality
164
464080
2716
เราทำให้เขาคิดต่าง อย่างไร ในเรื่องความไม่เท่าเทียม
07:46
and the consequences of inequality in terms of health, education,
165
466796
3762
แล้วผลที่ได้จากความไม่เท่าเทียม ในเรื่องของสุขภาพและการศึกษา
07:50
jealousy, crime rate, and so on?
166
470558
2391
ความริษยา อัตราการเกิดอาชญากรรม และเรื่องอื่นๆ
07:52
Then we have the desirability gap.
167
472949
1881
แล้วเราก็มีช่วงว่างของความพึงพอใจ
07:54
How do we get people to think differently about what we really want?
168
474830
3823
เราทำให้คนอื่นๆ คิดต่างอย่างไร ในเรื่องของสิ่งที่เราต้องการ จริงๆ
07:58
You see, the Rawls definition, the Rawls way of looking at the world,
169
478653
3375
คุณเห็นมั้ย คำจำกับความของ รอลส์ และสิ่งที่ รอลส์ มองโลกนี้
08:02
the blind tasting approach,
170
482028
1742
การทดสอบแบบปิดตา
08:03
takes our selfish motivation out of the picture.
171
483770
2925
จะดึงเอาสิ่งเร้าที่เห็นแก่ตัวของเราออกมา
08:06
How do we implement that to a higher degree
172
486695
2577
เราจะนำสิ่งนั้นไปใช้อย่างไรในทางที่สูงขึ้น
08:09
on a more extensive scale?
173
489272
2624
หรือในสเกลที่ขยายเพิ่มขึ้น
08:11
And finally, we also have an action gap.
174
491896
2856
และท้ายสุด เราก็ยังคงมีช่องว่างของการกระทำ
08:14
How do we take these things and actually do something about it?
175
494752
2949
เราจะทำอย่างไรกับสิ่งนี้จริงๆ ดี
08:17
I think part of the answer is to think about people
176
497701
2902
ผมคิดว่า ส่วนหนึ่งของคำตอบก็คือ การคิดถึงผู้คน
08:20
like young kids and babies that don't have much agency,
177
500603
3112
เช่นเด็กๆ และทารก ที่ไม่ได้มีหน้าที่อะไรมาก
08:23
because people seem to be more willing to do this.
178
503715
3808
เพราะคนเราดูเหมือนจะยอมทำสิ่งนี้
08:27
To summarize, I would say, next time you go to drink beer or wine,
179
507523
5270
โดยสรุปแล้ว ผมอยากบอกว่า คราวหน้า ตอนที่คุณดื่มเบียร์ หรือไวน์
08:32
first of all, think about, what is it in your experience that is real,
180
512793
4087
ก่อนอื่นให้คิดว่า โดยประสบการณ์ ของคุณแล้ว อะไรเป็นของจริง
08:36
and what is it in your experience that is a placebo effect
181
516880
3274
แล้วอะไรที่เป็นประสบการณ์ของคุณ ที่มันเป็น ปรากฎการณ์ยาหลอก
08:40
coming from expectations?
182
520154
1604
ที่มาจากความคาดหวัง
08:41
And then think about what it also means for other decisions in your life,
183
521758
3529
และคิดไปถึงว่า มันไปมีผลต่อ การตัดสินใจอื่นๆ ในชีวิตคุณอย่างไร
08:45
and hopefully also for policy questions
184
525287
2075
แล้วหวังว่าจะมีผลต่อคำถามเรื่องนโยบาย
08:47
that affect all of us.
185
527362
1305
ที่ส่งผลกระทบต่อเราทุกคน
08:48
Thanks a lot.
186
528667
1727
ขอบคุณมากครับ
08:50
(Applause)
187
530394
2337
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7