Daniel Goleman: Why arent we all Good Samaritans?

350,564 views ・ 2008-01-09

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Worawach Tungjitcharoen Reviewer: Heartfelt Grace
00:13
You know, I'm struck by how one of the implicit themes of TED
0
13160
4000
คุณรู้ไหมครับ ผมรู้สึกแปลกใจเหมือนกันนะว่าไปไงมาไง ประเด็นหนึ่งที่เป็นประเด็นไปโดยปริยายของ TED
00:17
is compassion, these very moving demonstrations we've just seen:
1
17160
3000
คือประเด็นเรื่อง ความกรุณาปราณี ตัวอย่างสาธิตที่กระตุ้นใจตามเราเพิ่งได้เห็นเหล่านี้
00:21
HIV in Africa, President Clinton last night.
2
21160
4000
เชื้อเอชไอวี (HIV) ในอัฟริกา ประธานาธิบดีคลินตันเมื่อคืน
00:25
And I'd like to do a little collateral thinking, if you will,
3
25160
5000
และผมอยากจะพูดอะไรที่สอดคล้องกัน ถ้าคุณจะกรุณา
00:30
about compassion and bring it from the global level to the personal.
4
30160
5000
เกี่ยวกับเรื่องความกรุณาปราณี และดึงจากระดับสากลมาสู่ระดับบุคคล
00:35
I'm a psychologist, but rest assured,
5
35160
2000
ผมเป็นนักจิตวิทยา แต่กรุณามั่นใจเลยว่า
00:37
I will not bring it to the scrotal.
6
37160
1000
ผมจะไม่พูดเรื่องใต้สะดือ
00:39
(Laughter)
7
39160
4000
(เสียงหัวเราะ)
00:44
There was a very important study done a while ago
8
44160
2000
เมื่อไม่นานมานี้ มีงานวิจัยชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่ง
00:46
at Princeton Theological Seminary that speaks to why it is
9
46160
4000
ที่โรงเรียนศาสนาแห่งเมือง Princeton ที่ตั้งคำถามขึ้นมาว่า เพราะเหตุใด
00:51
that when all of us have so many opportunities to help,
10
51160
3000
หลายๆครั้งที่เรามีโอกาสช่วยเหลือผู้อื่น
00:54
we do sometimes, and we don't other times.
11
54160
3000
บางครั้ง เราก็ช่วย แต่บางครั้ง เรากลับไม่ช่วย
00:58
A group of divinity students at the Princeton Theological Seminary
12
58160
3000
กลุ่มนักศึกษาศาสนศาสตร์ที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งเมือง Princeton
01:02
were told that they were going to give a practice sermon
13
62160
4000
ได้รับแจ้งว่า พวกเขาจะได้รับการฝึกการเทศนา
01:06
and they were each given a sermon topic.
14
66160
3000
และแต่ละคนได้รับหัวข้อการเทศนาคนละหนึ่งหัวข้อ
01:09
Half of those students were given, as a topic,
15
69160
3000
ครึ่งหนึ่งได้รับหัวข้อ
01:12
the parable of the Good Samaritan:
16
72160
2000
นิทานสอนใจเรื่องผู้ใจบุญ
01:14
the man who stopped the stranger in --
17
74160
2000
ผู้ที่หยุดดูคนแปลกหน้าข้างถนน
01:17
to help the stranger in need by the side of the road.
18
77160
2000
เพื่อจะช่วยเหลือเขา
01:19
Half were given random Bible topics.
19
79160
3000
อีกครึ่งหนึ่งได้รับหัวข้ออย่างสุ่มๆจากในไบเบิล
01:22
Then one by one, they were told they had to go to another building
20
82160
3000
จากนั้น พวกเขาได้รับแจ้งว่า จะต้องไปที่อีกอาคารหนึ่งทีละคนๆ
01:26
and give their sermon.
21
86160
1000
เพื่อเทศนา
01:27
As they went from the first building to the second,
22
87160
3000
เมื่อเขาเดินจากอาคารแรกไปอาคารที่สอง
01:30
each of them passed a man who was bent over and moaning,
23
90160
3000
แต่ละคนจะผ่านคนๆหนึ่งที่นอนคุดคู้และร้องคราญขอความช่วยเหลือ
01:34
clearly in need. The question is: Did they stop to help?
24
94160
4000
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าต้องการความช่วยเหลือจริงๆ แต่คำถามคือ พวกเขาหยุดช่วยหรือไม่
01:38
The more interesting question is:
25
98160
1000
คำถามที่น่าสนใจกว่านั้นคือ
01:40
Did it matter they were contemplating the parable
26
100160
3000
เกี่ยวกันไหมกับที่พวกเขากำลังครุ่นคิดพิจารณาถึงนิทานสอนใจ
01:43
of the Good Samaritan? Answer: No, not at all.
27
103160
4000
เรื่องผู้ใจบุญ คำตอบก็คือ ไม่ ไม่เลยแม้แต่น้อย
01:48
What turned out to determine whether someone would stop
28
108160
3000
สิ่งที่ดูเหมือนว่าจะกำหนดว่า คนเราจะหยุด
01:51
and help a stranger in need
29
111160
1000
และช่วยคนแปลกหน้าที่ต้องการความช่วยหรือไม่นั้น
01:52
was how much of a hurry they thought they were in --
30
112160
3000
คือ การที่เขาคิดว่าเขารีบแค่ไหนต่างหาก
01:56
were they feeling they were late, or were they absorbed
31
116160
4000
ว่าเขารู้สึกว่าเขากำลังจะไปสายอยู่หรือเปล่า หรือว่าเขาจดจ่อ
02:00
in what they were going to talk about.
32
120160
1000
แต่กับสิ่งที่เขากำลังจะไปบรรยายอยู่หรือไม่
02:02
And this is, I think, the predicament of our lives:
33
122160
2000
และผมคิดว่านี่เป็นสภาพเลวร้ายของชีวิตเรา
02:05
that we don't take every opportunity to help
34
125160
4000
ที่เราไม่ช่วยเหลือผู้อื่นในทุกๆครั้งที่เรามีโอกาส
02:09
because our focus is in the wrong direction.
35
129160
3000
เพราะเราพุ่งความสนใจของเราไปอีกทางหนึ่ง
02:12
There's a new field in brain science, social neuroscience.
36
132160
3000
มีวิทยาศาสตร์ทางสมองแขนงใหม่ คือ ประสาทวิทยาศาสตร์เชิงสังคม
02:16
This studies the circuitry in two people's brains
37
136160
4000
เป็นการศึกษาระบบสมองของคนสองคน
02:20
that activates while they interact.
38
140160
2000
ที่เกิดการกระตุ้นเมื่อพวกเขามีปฏิสัมพันธ์กัน
02:22
And the new thinking about compassion from social neuroscience
39
142160
4000
และแนวคิดใหม่เกี่ยวกับความกรุณาปราณีจากแขนงวิชานี้
02:26
is that our default wiring is to help.
40
146160
4000
คือ เรามีธรรมชาติที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
02:30
That is to say, if we attend to the other person,
41
150160
4000
นั่นคือ เมื่อเราอยู่กับผู้อื่น
02:35
we automatically empathize, we automatically feel with them.
42
155160
3000
เราจะเข้าอกเข้าใจเขาไปโดยอัตโนมัติ เราจะรู้สึกร่วมไปกับพวกเขาได้โดยอัตโนมัติ
02:39
There are these newly identified neurons, mirror neurons,
43
159160
2000
มีเซลล์ประสาทที่เพิ่งจะมีการค้นพบใหม่ เรียกว่า เซลล์กระจกเงา (mirror neuron)
02:41
that act like a neuro Wi-Fi, activating in our brain
44
161160
4000
ทำหน้าที่เหมือนการส่งสัญญาณในระบบประสาท กระตุ้นสมองของเรา
02:45
exactly the areas activated in theirs. We feel "with" automatically.
45
165160
4000
ในส่วนเดียวกันกับเซลล์ของคนอื่น เราจึงรู้สึกร่วมโดยอัตโนมัติ
02:49
And if that person is in need, if that person is suffering,
46
169160
4000
และถ้าหากคนๆนั้นต้องการความช่วย หรือกำลังทุกข์ทรมาน
02:54
we're automatically prepared to help. At least that's the argument.
47
174160
4000
เราจะถูกเตรียมพร้อมอย่างอัตโนมัติที่จะช่วยเหลือ อย่างน้อยนี่ก็เป็นข้อโต้แย้ง
02:58
But then the question is: Why don't we?
48
178160
3000
แต่แล้ว ก็มีคำถามว่า ทำไมเราจึงไม่ช่วย
03:01
And I think this speaks to a spectrum
49
181160
2000
และผมคิดว่านี่บอกอะไรหลายอย่าง
03:04
that goes from complete self-absorption,
50
184160
2000
ตั้งแต่ การจดจ่อในตนเองอย่างสมบูรณ์
03:07
to noticing, to empathy and to compassion.
51
187160
2000
ไปถึงการสังเกต การเอาใจเขามาใส่ใจเรา และไปจนถึงความกรุณาปราณี
03:09
And the simple fact is, if we are focused on ourselves,
52
189160
4000
และด้วยความจริงง่ายๆที่ว่า หากเราสนใจในตนเองอยู่
03:14
if we're preoccupied, as we so often are throughout the day,
53
194160
3000
หากเราจดจ่อกับอะไรอยู่ อย่างที่เรามักเป็นแบบนั้นตลอดทั้งวัน
03:17
we don't really fully notice the other.
54
197160
3000
เราก็จะไม่สังเกตเห็นผู้อื่นได้อย่างเต็มที่จริงจัง
03:20
And this difference between the self and the other focus
55
200160
2000
และความแตกต่างระหว่างความสนใจในตนเองและความสนใจอื่นๆ
03:22
can be very subtle.
56
202160
1000
เป็นอะไรที่เข้าใจยาก
03:23
I was doing my taxes the other day, and I got to the point
57
203160
4000
วันหนึ่ง ผมกำลังจัดการเกี่ยวภาษีอยู่และผมได้ไปถึง
03:27
where I was listing all of the donations I gave,
58
207160
2000
ส่วนที่ผมต้องลงรายการการบริจาคทั้งหมด
03:30
and I had an epiphany, it was -- I came to my check
59
210160
3000
และผมรู้สึกมีความสุขมาก ตอนนั้นผมกลับไปดูเช็ค
03:33
to the Seva Foundation and I noticed that I thought,
60
213160
3000
ที่ส่งไปที่ Seva Foundation และผมพบว่าผมกำลังคิดอยู่ว่า
03:36
boy, my friend Larry Brilliant would really be happy
61
216160
2000
เอ้อ จริงด้วย!! ลาร์รี่ บริลเลียนท์ (Larry Brilliant) เพื่อนของผมจะต้องดีใจมากแน่ๆ
03:39
that I gave money to Seva.
62
219160
1000
ที่ผมบริจาคเงินให้ Seva
03:40
Then I realized that what I was getting from giving
63
220160
3000
ต่อมา ผมจึงตระหนักได้ว่าสิ่งที่ผมได้จากการให้นั้น
03:43
was a narcissistic hit -- that I felt good about myself.
64
223160
4000
มันเป็นผลเชิงหลงตนเอง นั่นคือผมรู้สึกดีต่อตัวผมเอง
03:47
Then I started to think about the people in the Himalayas
65
227160
5000
จากนั้น ผมเริ่มคิดเกี่ยวกับคนบนเทือกเขาหิมาลัย
03:52
whose cataracts would be helped, and I realized
66
232160
2000
ซึ่งพวกเขาจะได้รับการรักษาต้อกระจก และผมจึงตระหนักว่า
03:55
that I went from this kind of narcissistic self-focus
67
235160
3000
ผมได้ออกจากความรู้สึกหลงตน
03:59
to altruistic joy, to feeling good
68
239160
3000
ไปสู่ความปิติจากการช่วยเหลือ ไปสู่ความรู้สึกดี
04:02
for the people that were being helped. I think that's a motivator.
69
242160
4000
ต่อคนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ผมคิดว่านั่นแหละที่เป็นแรงบันดาล
04:06
But this distinction between focusing on ourselves
70
246160
3000
แต่ความแตกต่างระหว่างการสนใจตนเอง
04:09
and focusing on others
71
249160
1000
กับผู้อื่นนั้น
04:10
is one that I encourage us all to pay attention to.
72
250160
3000
คือสิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนใส่ใจ
04:13
You can see it at a gross level in the world of dating.
73
253160
3000
คุณๆจะเห็นมันในง่ายๆในของโลกของการเดท
04:17
I was at a sushi restaurant a while back
74
257160
3000
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมนั่งอยู่ในร้านซูชิ
04:20
and I overheard two women talking about the brother of one woman,
75
260160
3000
และผมเผอิญได้ยินผู้หญิงสองคนพูดถึงน้องชาย(หรือพี่ชาย)ของผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
04:24
who was in the singles scene. And this woman says,
76
264160
3000
ที่เป็นโสดอยู่ และผู้หญิงคนนั้นพูดว่า
04:27
"My brother is having trouble getting dates,
77
267160
2000
"น้องชายเรามีปัญหาในการหาคู่เดท
04:29
so he's trying speed dating." I don't know if you know speed dating?
78
269160
2000
เขาเลยลองการเดทด่วน" ผมไม่รู้ว่าคุณรู้จักการเดทด่วนไหม
04:31
Women sit at tables and men go from table to table,
79
271160
4000
ผู้หญิงนั่งประจำโต๊ะ ส่วนผู้ชายย้ายโต๊ะไปเรื่อยๆ
04:35
and there's a clock and a bell, and at five minutes, bingo,
80
275160
3000
จะมีนาฬิกาและระฆัง และเมื่อครบห้านาที บิงโก
04:39
the conversation ends and the woman can decide
81
279160
2000
จบการสนทนา และผู้หญิงจะตัดสินว่า
04:41
whether to give her card or her email address to the man
82
281160
4000
จะให้นามบัตรหรืออีเมลล์แก่ผู้ชายหรือไม่
04:45
for follow up. And this woman says,
83
285160
2000
เพื่อติดต่อกันภายหลัง และผู้หญิงคนนั้นบอกว่า
04:47
"My brother's never gotten a card, and I know exactly why.
84
287160
4000
"น้องเราไม่เคยได้นามบัตรเลย และเรารู้แหละว่าทำไม
04:51
The moment he sits down, he starts talking non-stop about himself;
85
291160
5000
คือตอนที่น้องเรานั่ง น้องเราไม่หยุดพูดเกี่ยวกับตัวเองเลย
04:56
he never asks about the woman."
86
296160
1000
น้องเราไม่เคยถามอะไรผู้หญิงเลย
04:58
And I was doing some research in the Sunday Styles section
87
298160
5000
และตอนที่ผมกำลังหาข้อมูลในคอลัมน์หมวด Sunday Styles
05:03
of The New York Times, looking at the back stories of marriages --
88
303160
3000
ของหนังสือพิมพ์ New York Times หาดูเรื่องราวเบื้องหลังการแต่งงาน
05:06
because they're very interesting -- and I came to the marriage
89
306160
3000
เพราะน่าสนใจมากๆ และผมได้พบกับเรื่องราวการแต่งงานของ
05:09
of Alice Charney Epstein. And she said
90
309160
3000
อลีซ ชาร์นี เอ็บสไตน์ (Alice Charney Epstein) ซึ่งเธอบอกว่า
05:12
that when she was in the dating scene,
91
312160
2000
เมื่อเธออยู่ในช่วงเดท
05:15
she had a simple test she put people to.
92
315160
2000
เธอมีวิธีทดสอบง่ายๆ
05:18
The test was: from the moment they got together,
93
318160
2000
บททดสอบคือ ตั้งแต่ที่ได้พบได้รู้จักกัน
05:20
how long it would take the guy to ask her a question
94
320160
3000
นานแค่ไหนกว่าที่ชายหนุ่มก็เริ่มถามเธอ
05:23
with the word "you" in it.
95
323160
2000
ด้วยคำถามที่มีคำว่า "คุณ" อยู่ในนั้น
05:25
And apparently Epstein aced the test, therefore the article.
96
325160
4000
และดูเหมือนว่าเธอประสบความสำเร็จกับการใช้แบบทดสอบนี้ แล้วก็เลยได้กลายเป็นบทความนั้นไงครับ
05:29
(Laughter)
97
329160
1000
(เสียงหัวเราะ)
05:30
Now this is a -- it's a little test
98
330160
2000
ตอนนี้เรามาดูแบบทดสอบชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งกันดีกว่า
05:32
I encourage you to try out at a party.
99
332160
2000
ผมอยากให้คุณทดลองใช้ในงานปาร์ตี้ดูนะครับ
05:34
Here at TED there are great opportunities.
100
334160
2000
ที่นี่ ที่ TED เต็มไปด้วยโอกาสที่ยิ่งใหญ่
05:38
The Harvard Business Review recently had an article called
101
338160
3000
ในวารสาร Harvard Business Review มีบทความหนึ่งชื่อว่า
05:41
"The Human Moment," about how to make real contact
102
341160
3000
"ณ ช่วงขณะของมนุษย์" ซึ่งเกี่ยวกับว่า ทำอย่างไรเราจะสามารถมีปฏิสัมพันธ์จริงๆ
05:44
with a person at work. And they said, well,
103
344160
3000
กับเพื่อนร่วมงาน และเขาบอกว่าอย่างนี้ครับ
05:47
the fundamental thing you have to do is turn off your BlackBerry,
104
347160
3000
พื้นฐานเลยก็คือคุณต้องปิด BlackBerry ของคุณก่อน
05:51
close your laptop, end your daydream
105
351160
3000
ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเลิกฝันกลางวัน
05:55
and pay full attention to the person.
106
355160
2000
และให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับคนๆนั้น
05:58
There is a newly coined word in the English language
107
358160
4000
มีศัพย์ใหม่คำหนึ่งในภาษาอังกฤษ
06:03
for the moment when the person we're with whips out their BlackBerry
108
363160
3000
สำหรับเวลาที่คนที่เราอยู่ด้วยหยิบเอา BlackBerry ขึ้นมา
06:06
or answers that cell phone, and all of a sudden we don't exist.
109
366160
3000
หรือรับโทรศัพท์มือถือ และ ก็เหมือนกับว่าเราได้อันตรธานไปโดยฉับพลัน
06:10
The word is "pizzled": it's a combination of puzzled and pissed off.
110
370160
4000
คำนั้นคือ "pizzled" มันเป็นการผสมคำของ puzzled [งงงัน] กับ pissed off [โมโห]
06:14
(Laughter)
111
374160
3000
(เสียงหัวเราะ)
06:17
I think it's quite apt. It's our empathy, it's our tuning in
112
377160
6000
ผมว่าก็เหมาะนะ มันเป็นความเอาใจเขามาใส่ใจเราของเรา เป็นการที่เราเข้าหาผู้อื่น
06:24
which separates us from Machiavellians or sociopaths.
113
384160
3000
ที่แยกเราจากพวกปลิ้นปล้อน และพวกต่อต้านสังคม
06:27
I have a brother-in-law who's an expert on horror and terror --
114
387160
5000
ผมมีน้อง(หรือพี่)เขยคนหนึ่ง เขาชำนาญเรื่องน่ากลัวและสยดสยอง
06:32
he wrote the Annotated Dracula, the Essential Frankenstein --
115
392160
3000
เขาเขียนหนังสือ the Annotated Dracula, the Essential Frankenstein
06:35
he was trained as a Chaucer scholar,
116
395160
1000
เขาถูกฝึกมาในแนวของ Chaucer (สไตล์นักเขียนคนหนึ่ง)
06:36
but he was born in Transylvania
117
396160
2000
แต่เขาเกิดที่ ทรานซิลเวเนีย
06:38
and I think it affected him a little bit.
118
398160
2000
และผมคิดว่านั่นส่งผลต่อเขาเล็กน้อย
06:40
At any rate, at one point my brother-in-law, Leonard,
119
400160
4000
ยังไงก็ตาม ณ จุดหนึ่ง ลีโอนาร์ด (Leonard) น้องเขยผมคนนี้
06:44
decided to write a book about a serial killer.
120
404160
2000
ตัดสินใจเขียนหนังสือเกี่ยวกับ ฆาตกรต่อเนื่อง
06:46
This is a man who terrorized the very vicinity we're in
121
406160
3000
คนที่เคยสร้างความสยดสยองไปทุกหัวระแหง
06:50
many years ago. He was known as the Santa Cruz strangler.
122
410160
2000
หลายปีที่ผ่านมา เขาเป็นที่รู้จักในนาม นักบีบคอแห่ง Santa Cruz
06:53
And before he was arrested, he had murdered his grandparents,
123
413160
4000
และ ก่อนที่เขาจะถูกจับ เขาได้ฆ่าปู่ย่าตายายของเขา
06:57
his mother and five co-eds at UC Santa Cruz.
124
417160
3000
แม่เขา และนักศีกษาในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียวิทยาเขต Santa Cruz อีก 5 คน
07:01
So my brother-in-law goes to interview this killer
125
421160
2000
น้องเขยผมไปสัมภาษณ์ฆาตกรคนนี้
07:04
and he realizes when he meets him
126
424160
2000
และเขาตระหนัก เมื่อเขาได้พบฆาตกรผู้นี้
07:06
that this guy is absolutely terrifying.
127
426160
1000
ว่า ชายคนนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
07:08
For one thing, he's almost seven feet tall.
128
428160
2000
ประการหนึ่งเพราะเขาสูงเกือบ 7 ฟุต (210 เซ็นติเมตร)
07:10
But that's not the most terrifying thing about him.
129
430160
3000
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับเขา
07:13
The scariest thing is that his IQ is 160: a certified genius.
130
433160
5000
ที่น่ากลัวที่สุดคือ IQ เขาสูงถึง 160 ซึ่งเป็นระดับอัจฉริยะ
07:19
But there is zero correlation between IQ and emotional empathy,
131
439160
4000
แต่มันไม่มีความสัมพันธ์ระหว่าง IQ และความเห็นอกเห็นใจ
07:23
feeling with the other person.
132
443160
1000
ความรู้สึกที่ร่วมไปกับผู้อื่น
07:25
They're controlled by different parts of the brain.
133
445160
2000
สิ่งเหล่านั้นมันถูกควบคุมด้วยสมองส่วนอื่น
07:28
So at one point, my brother-in-law gets up the courage
134
448160
2000
ณ จุดหนึ่ง น้อยเขยผมรวบรวมความกล้า
07:31
to ask the one question he really wants to know the answer to,
135
451160
2000
เพื่อถามคำถามหนึ่งที่เขาอยากรู้มากๆ
07:33
and that is: how could you have done it?
136
453160
3000
และนั่นคือคำถามว่า คุณทำอย่างนั้นได้อย่างไร
07:36
Didn't you feel any pity for your victims?
137
456160
2000
คุณไม่รู้สึกสงสารเหยื่อของคุณแม้สักนิดเลยหรือ
07:38
These were very intimate murders -- he strangled his victims.
138
458160
3000
การฆาตกรรมเหล่านั้นเป็นระยะประชั้นตัวกับคนใกล้ชิดคุ้นเคย เขาบีบคอเหยื่อ
07:42
And the strangler says very matter-of-factly,
139
462160
2000
และเขาตอบในสิ่งที่สำคัญมากคือ
07:44
"Oh no. If I'd felt the distress, I could not have done it.
140
464160
5000
"ไม่เลย หากผมรู้สึกเสียใจ ผมคงทำเช่นนั้นไม่ได้
07:49
I had to turn that part of me off. I had to turn that part of me off."
141
469160
6000
ผมต้องเอาส่วนนั้นออกไป ผมต้องทำอย่างนั้น"
07:55
And I think that that is very troubling,
142
475160
5000
และการคิดแบบนั้นนั่นแหละที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาอย่างยิ่ง
08:01
and in a sense, I've been reflecting on turning that part of us off.
143
481160
4000
และในแง่หนึ่ง ผมจึงได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับการที่เราตัดเอาความคิดส่วนนั้นออกไป
08:05
When we focus on ourselves in any activity,
144
485160
2000
เมื่อเรามุ่งความสนใจมาที่ตัวเราเองในการทำอะไรก็ตาม
08:08
we do turn that part of ourselves off if there's another person.
145
488160
3000
เราได้ตัดความคิดที่ว่านี่มีผู้อื่นอยู่หรือไม่
08:12
Think about going shopping and think about the possibilities
146
492160
5000
ลองคิดเกี่ยวกับการไปช็อปปิ้ง และคิดเกี่ยวกับความเป็นไปได้
08:17
of a compassionate consumerism.
147
497160
2000
ของแนวบริโภคนิยมเชิงอนุรักษ์
08:20
Right now, as Bill McDonough has pointed out,
148
500160
2000
ตอนนี้ เหมือนที่ บิลล์ แม็คโดนอฟ (Bill McDonough) ได้ชี้ไว้
08:24
the objects that we buy and use have hidden consequences.
149
504160
4000
สิ่งที่เราซื้อและใช้มักมีผลกระทบที่ซ่อนเร้นอยู่
08:28
We're all unwitting victims of a collective blind spot.
150
508160
3000
พวกเราทั้งหมดนั้นเป็นเหยื่อโดยที่ไม่รู้ตัวของสิ่งซ่อนเร้นพวกนี้
08:32
We don't notice and don't notice that we don't notice
151
512160
2000
เราไม่ได้สังเกต และ ไม่ได้สังเกตว่าเราไม่ได้สังเกตเกี่ยวกับ
08:35
the toxic molecules emitted by a carpet or by the fabric on the seats.
152
515160
6000
โมเลกุลที่เป็นพิษจากพรมหรือผ้าปูเบาะ
08:42
Or we don't know if that fabric is a technological
153
522160
5000
หรือเราไม่รู้ว่าผ้านั่นใช้เทคโนโลยีหรือการผลิตที่
08:47
or manufacturing nutrient; it can be reused
154
527160
4000
สามารถนำกลับมาใช่ใหม่ได้หรือไม่
08:51
or does it just end up at landfill? In other words,
155
531160
2000
หรือเราจะต้องทิ้งมันไป อีกนัยหนึ่ง
08:53
we're oblivious to the ecological and public health
156
533160
5000
เรานั้นไม่ได้สนใจเรื่องนิเวศและสาธารณสุข
08:59
and social and economic justice consequences
157
539160
3000
และ ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม
09:02
of the things we buy and use.
158
542160
2000
ของสิ่งที่เราซื้อและใช้
09:06
In a sense, the room itself is the elephant in the room,
159
546160
4000
จะว่าไป ก็เหมือนกันห้องหนึ่งที่ตัวห้องเองเป็นช้างที่อยู่ในห้อง
09:10
but we don't see it. And we've become victims
160
550160
4000
และเรามองไม่เห็นมัน และเรากลายเป็นเหยื่อ
09:14
of a system that points us elsewhere. Consider this.
161
554160
3000
ของระบบที่เกี่ยวกับเราในที่อื่นๆ ลองพิจารณาอันนี้ครับ
09:18
There's a wonderful book called
162
558160
3000
มีหนังสือที่เยี่ยมมากเล่มหนึ่งชื่อ
09:22
Stuff: The Hidden Life of Everyday Objects.
163
562160
2000
สิ่งของ:ชีวิตที่ซ่อนอยู่ของใช้ประจำวัน
09:25
And it talks about the back story of something like a t-shirt.
164
565160
3000
มันเกี่ยวกับเรื่องราวเบื้องหลังของของบางอย่างเช่น เสื้อยืด
09:28
And it talks about where the cotton was grown
165
568160
3000
และมันบอกเกี่ยวกับว่าฝ้ายปลูกที่ไหน
09:31
and the fertilizers that were used and the consequences
166
571160
2000
และปุ๋ยที่ใช้รวมทั้งผลกระทบของปุ๋ย
09:33
for soil of that fertilizer. And it mentions, for instance,
167
573160
4000
ที่มีต่อดิน และมันบอกว่า นี่ครับตัวอย่าง
09:37
that cotton is very resistant to textile dye;
168
577160
3000
ฝ้ายนั้นทนทานมากต่อสีย้อมผ้า
09:40
about 60 percent washes off into wastewater.
169
580160
3000
ราว 60 เปอร์เซ็นต์จะถูกล้างออกมาไปกับน้ำทิ้ง
09:43
And it's well known by epidemiologists that kids
170
583160
3000
และเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักระบาดวิทยาว่าเด็กๆ
09:46
who live near textile works tend to have high rates of leukemia.
171
586160
5000
ที่อาศัยอยู่ใกล้โรงย้อมผ้าจะมีอัตราการเป็นโรคลูคีเมียสูง
09:52
There's a company, Bennett and Company, that supplies Polo.com,
172
592160
4000
มีบริษัทหนึ่งชื่อว่า Bernett and Company ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าให้กับ Polo.com
09:57
Victoria's Secret -- they, because of their CEO, who's aware of this,
173
597160
5000
Victoria's Secret ด้วยเหตุที่ว่า CEO ของเขาที่สนใจในเรื่องนี้
10:03
in China formed a joint venture with their dye works
174
603160
4000
ได้ทำการร่วมทุนที่จีนกับบริษัทย้อมผ้า
10:07
to make sure that the wastewater
175
607160
2000
เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำทิ้งนั่น
10:09
would be properly taken care of before it returned to the groundwater.
176
609160
4000
จะถูกบำบัดด้วยวิธีที่เหมาะสมก่อนมันจะเทลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ
10:13
Right now, we don't have the option to choose the virtuous t-shirt
177
613160
4000
ตอนนี้ เรายังไม่มีหนทางที่จะเลือกซื้อเสื้อยืดที่ผลิตด้วยกระบวนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
10:18
over the non-virtuous one. So what would it take to do that?
178
618160
4000
แทนที่จะเป็นอันที่ไม่ดีได้ แล้วอะไรหล่ะที่จะทำให้เรามีหนทาง
10:25
Well, I've been thinking. For one thing,
179
625160
3000
อืม ผมคิดว่า อย่างหนึ่ง
10:28
there's a new electronic tagging technology that allows any store
180
628160
5000
มีเทคโนโลยีติดแถบป้ายอิเล็กทรอนิกส์ที่ทำให้ร้านค้าใดๆก็ตาม
10:33
to know the entire history of any item on the shelves in that store.
181
633160
4000
รู้ประวัติทั้งหมดของสิ่งของบนชั้นวางที่ร้านนั้น
10:38
You can track it back to the factory. Once you can track it
182
638160
2000
คุณสามารถตามย้อนรอยไปถึงโรงงาน และเมื่อคุณทำเช่นนั้น
10:40
back to the factory, you can look at the manufacturing processes
183
640160
4000
คุณจะสามารถดูกระบวนการผลิต
10:44
that were used to make it, and if it's virtuous,
184
644160
4000
ที่ถูกใช้ในการผลิตสินค้านั้น และถ้ามันผลิตด้วยกระบวนที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
10:48
you can label it that way. Or if it's not so virtuous,
185
648160
4000
คุณก็สามารถจะมั่นใจได้ หรือว่ามันไม่ใช่
10:52
you can go into -- today, go into any store,
186
652160
4000
ณ วันนี้ คุณสามารถไปที่ร้านไหนก็ได้
10:56
put your scanner on a palm onto a barcode,
187
656160
3000
เอาเครื่องตรวจทาบบนแถบรหัสสินค้า
10:59
which will take you to a website.
188
659160
2000
ซึ่งจะพาคุณไปที่เว็บไซต์
11:01
They have it for people with allergies to peanuts.
189
661160
2000
เขาทำขึ้นเพื่อคนที่แพ้ถั่วลิสง
11:04
That website could tell you things about that object.
190
664160
2000
และเว็บนั้นจะบอกคุณเกี่ยวกับสินค้านั้น
11:07
In other words, at point of purchase,
191
667160
1000
อีกนัยหนึ่ง ขณะที่ซื้อสินค้า
11:08
we might be able to make a compassionate choice.
192
668160
4000
เราสามารถจะเลือกทางเลือกที่รับผิดชอบต่อสังคมได้
11:12
There's a saying in the world of information science:
193
672160
6000
นี่เป็นที่สิ่งบอกว่าในโลกแห่งวิทยาการสารสนเทศ
11:18
ultimately everybody will know everything.
194
678160
3000
ท้ายสุดแล้ว ทุกคนจะรู้ทุกอย่าง
11:21
And the question is: will it make a difference?
195
681160
2000
และคำถามคือว่า มันจะทำให้เกิดความแตกต่างไหม
11:25
Some time ago when I was working for The New York Times,
196
685160
3000
ย้อนกลับไปพักหนึ่ง ตอนที่ผมทำงานกับ New York Times
11:29
it was in the '80s, I did an article
197
689160
2000
ในช่วงทศวรรษ 80s ผมเขียนบทความ
11:31
on what was then a new problem in New York --
198
691160
2000
ว่าอะไรจะเป็นปัญหาใหม่สำหรับมหานครนิวยอร์ก
11:33
it was homeless people on the streets.
199
693160
2000
นั่นคือคนเร่ร่อนบนถนน
11:35
And I spent a couple of weeks going around with a social work agency
200
695160
4000
และผมใช้เวลาสองสัปดาห์ไปกับหน่วยงานด้านสังคม
11:39
that ministered to the homeless. And I realized seeing the homeless
201
699160
3000
ที่ดูแลคนเร่ร่อน และผมตระหนักว่า จากการมองเห็นผ่านคนเร่ร่อน
11:42
through their eyes that almost all of them were psychiatric patients
202
702160
5000
ผ่านสายตาพวกเขานั้น พวกเขาเกือบทั้งหมดเป็นคนไข้จิตเวช
11:47
that had nowhere to go. They had a diagnosis. It made me --
203
707160
4000
ที่ไม่มีที่จะไป พวกเขาได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้ว มันทำให้ผม
11:52
what it did was to shake me out of the urban trance where,
204
712160
3000
มันปลุกผมออกจากภวังค์ของเมืองที่ซึ่ง
11:56
when we see, when we're passing someone who's homeless
205
716160
3000
เมื่อเราเห็น เมื่อเราเดินผ่านคนที่เร่ร่อน
11:59
in the periphery of our vision, it stays on the periphery.
206
719160
3000
เขาไม่อยู่ในตาสายเลย
12:04
We don't notice and therefore we don't act.
207
724160
2000
เราไม่สังเกต และด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ทำอะไร
12:09
One day soon after that -- it was a Friday -- at the end of the day,
208
729160
5000
วันหนึ่งหลังจากนั้นไม่นาน มันเป็นวันศุกร์ ตอนช่วงเย็นๆค่ำๆ
12:14
I went down -- I was going down to the subway. It was rush hour
209
734160
3000
ผมกำลังเดินไปที่รถไฟใต้ติน ในชั่วโมงเร่งด่วน
12:17
and thousands of people were streaming down the stairs.
210
737160
2000
ฝูงชนก็พากันกรูลงบันได
12:19
And all of a sudden as I was going down the stairs
211
739160
2000
และทันทีที่ผมกำลังจะเดินลงบันไดนั้น
12:21
I noticed that there was a man slumped to the side,
212
741160
3000
ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่งทรุดฮวบลงข้างทาง
12:24
shirtless, not moving, and people were just stepping over him --
213
744160
4000
ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ไม่เคลื่อนไหว และคนต่างก็เดินเหยียบเขา
12:29
hundreds and hundreds of people.
214
749160
1000
คนเป็นไม่รู้จะเท่าไหร่
12:31
And because my urban trance had been somehow weakened,
215
751160
3000
และเพราะว่าภวังค์หลงในความเมืองผมนั้นได้ลดลง
12:35
I found myself stopping to find out what was wrong.
216
755160
3000
ผมหยุดคิดว่าอะไรที่มันไม่ผิดปกติ
12:39
The moment I stopped, half a dozen other people
217
759160
2000
เวลาที่ผมหยุดนั้น คนสักครึ่งโหลได
12:42
immediately ringed the same guy.
218
762160
1000
ได้ล้อมไปช่วยที่ชายผู้นั้นทันที
12:44
And we found out that he was Hispanic, he didn't speak any English,
219
764160
2000
และเราพบว่าเขาเชื้อสายสเปน เขาพูดอังกฤษไม่ได้เลย
12:46
he had no money, he'd been wandering the streets for days, starving,
220
766160
5000
เขาไม่มีเงินเลย เขาได้เดินเตร่ตามถนนเป็นเวลาหลายวันแล้ว อย่างหิวโหย
12:51
and he'd fainted from hunger.
221
771160
1000
และหมดสติลงด้วยความหิว
12:52
Immediately someone went to get orange juice,
222
772160
2000
ทันใดนั้น ใครบางคนไปซื้อน้ำส้มให้
12:54
someone brought a hotdog, someone brought a subway cop.
223
774160
2000
บางคนซื้อฮอทดอก บางคนเรียกตำรวจรถไฟใต้ดินมาช่วย
12:57
This guy was back on his feet immediately.
224
777160
3000
ชายคนนี้กลับมาเป็นปกติในทันใด
13:00
But all it took was that simple act of noticing,
225
780160
4000
แต่สิ่งง่ายๆที่เราต้องการคือแค่ การสังเกต
13:05
and so I'm optimistic.
226
785160
1000
และ ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีด้วยสิ
13:06
Thank you very much.
227
786160
1000
ขอบคุณมากครับ
13:07
(Applause)
228
787160
2000
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7