Shilo Shiv Suleman: Using tech to enable dreaming

Translator: Sritala Dhanasarnsombut Reviewer: Wachara Fungwacharakorn

My story begins right here actually in Rajasthan

เรื่องราวของฉันเริ่มต้นที่นี่ ที่เมืองราชสถาน

about two years ago.

ย้อนไปเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน

I was in the desert, under the starry skies

ฉันใช้ชีวิตในทะเลทราย ใต้ดาราพราว

with the Sufi singer Mukhtiar Ali.

กับ มุค์เทีย อาลี นักร้องซูฟี

And we were in conversation

และเราก็ได้คุยกัน

about how nothing had changed

ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย

since the time of the ancient Indian epic "The Mahabharata."

ตั้งแต่ยุคก่อนเก่าอย่าง มหาภารตะ

So back in the day, when us Indians wanted to travel

ย้อนไปสมัยก่อนเมื่อชาวอินเดียอยากเดินทาง

we'd jump into a chariot and we'd zoom across the sky.

พวกเราจะกระโดดขึ้นรถม้าและแล่นข้ามฟากฟ้าไป

Now we do the same with airplanes.

ปัจจุบันเราก็ทำเช่นกัน แต่ด้วยเครื่องบิน

Back then,

เมื่อก่อน

when Arjuna, the great Indian warrior prince,

เมื่ออรชุน เจ้าชายอินเดียและนักรบที่ยิ่งใหญ่

when he was thirsty, he'd take out a bow,

กระหายน้ำ ทรงยิงคันแสง

he'd shoot it into the ground and water would come out.

ไปยังพื้นดิน และน้ำก็ออกมา

Now we do the same

ณ ปัจจุบัน เราก็ทำเหมือนกัน

with drills and machines.

ด้วยสว่านเจาะและเครื่องจักร

The conclusion that we came to

ข้อสรุปที่พวกเราได้

was that magic had been replaced

คือเวทมนตร์ได้ถูกแทนที่

by machinery.

ด้วยเครื่องจักร

And this made me really sad.

และนี่ทำให้ฉันเศร้ามากๆ

I found myself becoming a little bit of a technophobe.

ฉันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มกลายเป็นพวกติดโทรศัพท์เล็กๆ

I was terrified by this idea

แล้วก็กลัวกับความคิดนี้

that I would lose the ability

ที่ว่าฉันจะเสียศักยภาพ

to enjoy and appreciate the sunset

ที่จะชื่นชมและดื่มด่ำในอาทิตย์อัสดง

without having my camera on me, without tweeting it to my friends.

โดยปราศจากกล้องถ่ายรูป ปราศจากการทวีตถึงเพื่อนๆ

And it felt like technology

และรู้สึกว่าเทคโนโลยี

should enable magic, not kill it.

ควรที่จะเพิ่มพลังแห่งเวทมนตร์ ไม่ใช่มาหักล้างกัน

When I was a little girl,

เมื่อตอนฉันยังเป็นเด็กน้อย

my grandfather gave me his little silver pocket watch.

คุณปู่ได้ให้นาฬิกาพกสีเงินเรือนเล็กๆ กับฉัน

And this piece of 50-year-old technology

และเจ้าเทคโนโลยีอายุกว่า 50 ปีชิ้นนี้

became the most magical thing to me.

กลายเป็นของที่มหัศจรรย์ที่สุดของฉันเลย

It became a gilded gateway

มันกลายเป็นประตูทองคำ

into a world full of pirates and shipwrecks

ที่เปิดสู่โลกของโจรสลัดและซากเรืออับปาง

and images in my imagination.

และมนตร์เหล่านี้อยู่ในจินตนาการของฉัน

So I felt like our cellphones

ฉันเลยรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือของเรา

and our fancy watches and our cameras

นาฬิกาอันสวยงาม และกล้องถ่ายรูปของเรานั้น

had stopped us from dreaming.

หยุดยั้งเราจากความฝัน

They stopped us from being inspired.

จากการเป็นแรงบันดาลใจ

And so I jumped in, I jumped into this world of technology,

ฉันก็แค่โดดเข้าไป สู่โลกแห่งเทคโนโลยี

to see how I could use it to enable magic

เพื่อมองหาทางที่จะทำให้มันส่งเสริมเวทมนตร์

as opposed to kill it.

มากกว่าที่จะหักล้าง

I've been illustrating books since I was 16.

ฉันทำหนังสือภาพตั้งแต่ฉันอายุได้ 16

And so when I saw the iPad,

และเมื่อตอนที่ฉันได้เห็น iPad

I saw it as a storytelling device

ฉันเห็นมันเป็นอุปกรณ์เล่าเรื่อง

that could connect readers all over the world.

ที่สามารถเชื่อมผู้อ่านทั่วโลกได้

It can know how we're holding it.

สิ่งนี้รับรู้ได้ว่าเราถือมันยังไง

It can know where we are.

รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน

It brings together image and text

สิ่งนี้นำภาพและตัวหนังสือไว้ด้วยกัน

and animation and sound and touch.

และภาพเคลื่อนไหว เสียง แล้วยังสัมผัสอีก

Storytelling is becoming

การเล่าเรื่องจึงกลายเป็น

more and more multi-sensorial.

การรับรู้ผ่านหลายสัมผัส

But what are we doing with it?

แต่เราจะทำอะไรกับเจ้าสิ่งนี้ละ

So I'm actually just going to go in and launch Khoya,

ดังนั้นฉันต้องเข้าไปและเปิดตัว โคห์ยา

an interactive app for the iPad.

แอพแบบโต้ตอบบน iPad

So it says, "Place your fingers

ตรงนี้บอกว่า "วางนิ้วคุณลง

upon each light."

ตามแสงต่างๆ"

And so --

แล้วก็

(Music)

(เสียงดนตรี)

It says, "This box belongs to ... "

มันถามว่า "กล่องนี้เป็นของ..."

And so I type in my name.

แล้วฉันก็พิมพ์ชื่อฉันลงไป

And actually I become a character in the book.

แล้วฉันก็กลายเป็นตัวละครนึงในหนังสือ

At various points, a little letter drops down to me --

สักพักหนึ่งก็จะมีจดหมายน้อยๆ ส่งมาหาฉัน

and the iPad knows where you live because of GPS --

แล้ว iPad ก็รู้ว่าฉันอยู่ไหนเพราะ GPS

which is actually addressed to me.

ที่บ่งบอกที่อยู่กับฉัน

The child in me is really excited

ความเป็นเด็กในตัวฉันตื่นตัวขึ้นมา

by these kinds of possibilities.

ด้วยความสามารถเหล่านี้

Now I've been talking a lot about magic.

เอาหล่ะ ฉันได้พูดมาเยอะเกี่ยวกับเวทมนตร์

And I don't mean wizards and dragons,

และฉันไม่ได้หมายถึงพ่อมดและมังกร

I mean the kind of childhood magic,

ฉันหมายถึงเวทมนตร์ในช่วงวัยเยาว์

those ideas that we all harbored as children.

เหล่าความคิดต่างๆ ที่เราทอดทิ้งไว้ในตอนเด็ก

This idea of fireflies in a jar, for some reason,

กับความคิดเรื่องหิ่งห้อยในขวดโหล ด้วยเหตุผลบางอย่าง

was always really exciting to me.

มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง

And so over here you need to tilt your iPad,

และตรงนี้คุณต้องเอียง iPad

take the fireflies out.

เพื่อเอาหิงห้อยออก

And they actually illuminate your way through the rest of the book.

และพวกมันก็จะส่องแสงนำทางคุณไปตลอดเรื่อง

Another idea that really fascinated me as a child

และอีกความคิดที่ฉันหลงไหลมากตอนเด็ก

was that an entire galaxy could be contained

คือการนำกาแล็กซีทั้งกาแล็กซีมาบรรจุไว้ใน

within a single marble.

ลูกแก้วหนึ่งใบ

And so over here,

และตรงนี้

each book and each world

ในหนังสือแต่ละเล่ม และแต่ละโลก

becomes a little marble

กลายเป็นลูกแก้วเล็กๆ

that I drag in

ที่ฉันลากมา

to this magical device within the device.

ที่อุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นนี้ ทางอุปกรณ์ชิ้นนี้

And it opens up a map.

และมันจะเปิดแผนที่

All along, all fantasy books have always had maps,

ส่วนใหญ่ หนังสือแฟนตาซีมักมีแผนที่เสมอๆ

but these maps have been static.

แต่แผนที่เหล่านี้มักมาแบบคงที่

This is a map that grows and glows

แผนที่นี้จะเติบโตและส่องแสง

and becomes your navigation for the rest of the book.

และกลายเป็นเข็มทิศสำหรับส่วนที่เหลือของหนังสือ

It reveals itself to you at certain points in the book as well.

มันจะเผยตัวมันเองต่อคุณในหลายๆ จุด ในหนังสือเช่นกัน

So I'm just going to enter in.

ตอนนี้ฉันจะเข้าไปละนะคะ

Another thing that's actually really important to me

อีกสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันมากๆ

is creating content that is Indian

คือการสร้างเนื้อหาแบบอินเดีย

and yet very contemporary.

แต่ก็ยังคงร่วมสมัยมากๆ

Over here, these are the Apsaras.

ในส่วนนี้ นี่คือเหล่านางอัปสรา (อัปสร)

So we've all heard about fairies and we've all heard about nymphs,

พวกเราต่างเคยได้ยินเรื่องของเหล่านางฟ้าและผีสางเทวดา

but how many people outside of India

แต่มีสักกี่คนภายนอกอินเดีย

know about their Indian counterparts, the Apsaras?

ที่รู้เกี่ยวกับยมในอินเดีย เช่น เหล่านางอัปสร

These poor Apsaras have been trapped inside Indra's chambers for thousands of years

เหล่านางอัปสรผู้น่าสงสารเหล่านี้ถูกกักขังในหนังสือเก่า ฝุ่นเครอะ ที่ห้องของพระอินทร์

in an old and musty book.

กว่าพันปี

And so we're bringing them back

และพวกเราได้นำเธอกลับมาสู่

in a contemporary story for children.

นิทานร่วมสมัยของเด็กๆ

And a story that actually deals with new issues

และเรื่องราวนี้เกี่ยวเนื่องกับปัญหาปัจจุบันมากมาย

like the environmental crisis.

อย่างเช่นวิกฤตสิ่งแวดล้อม

(Music)

(เสียงดนตรี)

Speaking of the environmental crisis,

เมื่อพูดถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อม

I think a big problem has been in the last 10 years

ฉันคิดว่าปัญหาใหญ่นี้มีมากว่าสิบปีแล้ว

is that children have been locked inside their rooms,

นั่นคือเด็กถูกขังไว้ในห้อง

glued to their PCs, they haven't been able to get out.

ติดกับเครื่อง PC ไม่ได้ออกไปข้างนอก

But now with mobile technology,

แต่ตอนนี้ ด้วยเทคโนโลยีเคลื่อนที่

we can actually take our children outside into the natural world

เราสามารถพาเด็กๆ ออกไปข้างนอก สู่โลกธรรมชาติ

with their technology.

กับเทคโนโลยีของเขา

One of the interactions in the book

หนึ่งในฟังก์ชันตอบโต้ในหนังสือ

is that you're sent off on this quest

คือคุณถูกส่งออกไปทำภารกิจ

where you need to go outside,

ที่ซึ่งคุณต้องออกไปข้างนอก

take out your camera on the iPad

เอากล่องใน iPad ออกไป

and collect pictures of different natural objects.

เก็บภาพธรรมชาติต่างๆ สิ่งของที่ต่างกันออกไป

When I was a child, I had multiple collections

เมื่อตอนฉันเด็ก ฉันมีของสะสมมากมาย

of sticks and stones and pebbles and shells.

พวกไม้ หิน ก้อนกรวด เปลือกหอย

And somehow kids don't do that anymore.

ซึ่งเด็กเดี๋ยวนี้ไม่ทำกันแล้ว

So in bringing back this childhood ritual,

เพื่อนำพิธีกรรมของเด็กๆ เหล่านี้กลับมา

you need to go out

คุณต้องออกไป

and, in one chapter, take a picture of a flower

และในบทหนึ่ง คุณต้องถ่ายภาพดอกไม้

and then tag it.

แล้วแท็กมัน

In another chapter, you need to take a picture of a piece of bark

ในบทถัดมา คุณต้องถ่ายรูปเปลือกไม้

and then tag that.

แล้วก็แท็กด้วย

And what happens

ต่อจากนั้น

is that you actually create a digital collection of photographs

คือคุณได้สร้างภาพสะสมของดิจิตอลขึ้น

that you can then put up online.

ที่สามารถขึ้นออนไลน์ได้

A child in London puts up a picture of a fox

เด็กในลอนดอนขึ้นภาพสุนัขจิ้งจอก

and says, "Oh, I saw a fox today."

และพูดว่า "โอ้ วันนี้ฉันเห็นสุนัขจิ้งจอก"

A child in India says, "I saw a monkey today."

เด็กในอินเดียพูดว่า "วันนี้ฉันเห็นลิง"

And it creates this kind of social network

และได้สร้างกลุ่มสังคมออนไลน์

around a collection of digital photographs

ด้วยภาพสะสมดิจิตอลนี้

that you've actually taken.

ที่คุณได้ถ่ายเก็บไว้

In the possibilities of linking together

ในความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยง

magic, the earth and technology,

เข้าด้วยกันของเวทมนตร์ โลก และเทคโนโลยี

there are multiple possibilities.

มีอีกหลายสิ่งที่เป็นไปได้

In the next book, we plan on having an interaction

ในหนังสือเล่มต่อไป พวกเราวางแผนว่าจะมีฟังก์ชันโต้ตอบ

where you take your iPad out with the video on

ที่คุณนำ iPad ไปถ่ายวิดีโอ

and through augmented reality,

และด้วยเทคโนโลยีความจริงแบบแต่งเติม (Augmented reality)

you see this layer of animated pixies

คุณจะเห็นภาพซ้อนของภูติพิกซีที่เคลื่อนไหวไปมา

appear on a houseplant that's outside your house.

ปรากฎที่ต้นไม้นอกบ้านคุณ

At one point, your screen is filled up with leaves.

ในช่วงเวลาหนึ่ง หน้าจอคุณเต็มไปด้วยใบไม้

And so you need to make the sound of wind and blow them away

และคุณต้องทำเสียงลมและเป่ามันออกไป

and read the rest of the book.

แล้วอ่านส่วนที่เหลือของหนังสือ

We're moving, we're all moving here,

เรามาถึงจุดที่

to a world where the forces of nature

พลังงานธรรมชาติ

come closer together to technology,

เข้าใกล้เทคโนโลยีมากขึ้น

and magic and technology can come closer together.

และเวทมนตร์กับเทคโนโลยีสามารถอยู่ร่วมกันได้

We're harnessing energy from the sun.

พวกเรากำลังควบคุมพลังงานจากดวงอาทิตย์

We're bringing our children and ourselves

พวกเรานำเด็กๆ และพวกเราเอง

closer to the natural world

เข้าใกล้ธรรมชาติของโลก

and that magic and joy

และเวทมนตร์กับความสนุก

and childhood love that we had

และความรักในวัยเยาว์ที่พวกเรา

through the simple medium of a story.

ส่งผ่านเรื่องเล่าเหล่านี้

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)