Marla Spivak: Why bees are disappearing

Translator: Kanawat Senanan Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

This is our life with bees,

นี่คือชีวิตของเรา เมื่อมีผึ้ง

and this is our life without bees.

และนี่คือชีวิตของเรา เมื่อไม่มีผึ้ง

Bees are the most important pollinators

ผึ้งเป็นผู้ผสมเกสรที่สำคัญที่สุด

of our fruits and vegetables and flowers

สำหรับผลไม้ และผัก และดอกไม้ของเรา

and crops like alfalfa hay that feed our farm animals.

และพืชไร่เช่น ฟางอัลฟัลฟา (alfalfa) ที่ใช้เลี้ยงสัตว์ของเรา

More than one third of the world's crop production

กว่าหนึ่งในสามของผลิตผลของพืชในโลก

is dependent on bee pollination.

ขึ้นอยู่กับการผสมเกสรของผึ้ง

But the ironic thing is that bees are not out there

แต่ที่น่าขันก็คือ ผึ้งไม่ได้จงใจออกไป

pollinating our food intentionally.

ผสมเกสรเพื่อสร้างอาหารแก่เรา

They're out there because they need to eat.

มันทำไปเพราะมันต้องกิน

Bees get all of the protein they need in their diet

ผึ้งได้รับโปรตีนทั้งหมดที่จำเป็นในอาหารของพวกมัน

from pollen

จากละอองเกสร

and all of the carbohydrates they need from nectar.

และคาร์โบไฮเดรตทั้งหมดที่จำเป็นจากน้ำหวานดอกไม้

They're flower-feeders,

เป็นนักกินดอกไม้

and as they move from flower to flower,

และ ขณะที่พวกมันย้ายจากดอกไม้หนึ่งไปอีกดอกหนึ่ง

basically on a shopping trip at the local floral mart,

เหมือนการไปเดินช็อปปิ้งในร้านดอกไม้ใกล้ๆ บ้าน

they end up providing this valuable pollination service.

พวกมันจึงกลายเป็นผู้ให้บริการผสมเกสรอันมีค่าไปในตัว

In parts of the world where there are no bees,

ในบางส่วนของโลกที่ไม่มีผึ้ง

or where they plant varieties that are not attractive to bees,

หรือที่ที่ซึ่งเขาปลูกพันธุ์พืช แต่เป็นที่ไม่เป็นที่ดึงดูดสนใจสำหรับผึ้ง

people are paid to do the business of pollination by hand.

เราต้องจ่ายเงินให้คนทำหน้าที่เป็นผู้ผสมเกสรด้วยมือ

These people are moving pollen from flower to flower

คนเหล่านี้กำลังย้ายละอองเกสรจากดอกไม้ดอกหนึ่งไปยังอีกดอกหนึ่ง

with a paintbrush.

ด้วยพู่กัน

Now this business of hand pollination

ตอนนี้ธุรกิจของการผสมเกสรด้วยมือ

is actually not that uncommon.

ไม่ได้เป็นเรื่องพิสดาร

Tomato growers often pollinate their tomato flowers

เกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศมักจะผสมเกสรดอกมะเขือเทศ

with a hand-held vibrator.

ด้วยเครื่องเขย่ามือถือ

Now this one's the tomato tickler. (Laughter)

นี่คือเครื่องจั๊กจี้มะเขือเทศที่ว่า (เสียงหัวเราะ)

Now this is because the pollen within a tomato flower

นี้เป็นเพราะ ละอองเกสรภายในดอกมะเขือเทศ

is held very securely within

ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิด

the male part of the flower, the anther,

ในส่วนสืบพันธุ์เพศผู้ของดอกไม้ที่เรียกว่า อับเรณู (anther)

and the only way to release this pollen is to vibrate it.

และวิธีเดียวที่จะปล่อยละอองเกสรนี้ ก็คือต้องเขย่ามัน

So bumblebees are one of the few kinds of bees in the world

ผึ้งบัมเบิ้ลบี (bumblebee) เป็นหนึ่งในไม่กี่สายพันธุ์ในโลก

that are able to hold onto the flower and vibrate it,

ที่สามารถเกาะดอกไม้ และเขย่ามันได้

and they do this by shaking their flight muscles

และพวกมันทำได้โดยการสั่นของกล้ามเนื้อปีก

at a frequency similar to the musical note C.

ที่ความถี่ใกล้เคียงกับโน้ตดนตรีเสียงโด (ซี)

So they vibrate the flower, they sonicate it,

ดังนั้นพวกมันเขย่าดอกไม้ โดยใช้การสั่นสะเทือนจากเสียง

and that releases the pollen in this efficient swoosh,

และมันก็ปล่อยละอองเกสร ด้วยวิธีบินโฉบอันทรงประสิทธิภาพนี้

and the pollen gathers all over the fuzzy bee's body,

และละอองเกสรจะเกาะอยู่ทั่วตามขนฟูบนตัวผึ้ง

and she takes it home as food.

และเธอก็เอามันกลับรังเพื่อเป็นอาหาร

Tomato growers now put bumblebee colonies

เกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศในปัจจุบัน จะวางรังผึ้งบัมเบิลบี

inside the greenhouse to pollinate the tomatoes

ภายในเรือนกระจก เพื่อผสมเกสรดอกมะเขือเทศ

because they get much more efficient pollination

เนื่องจากพวกเขาได้รับการผสมเกสรที่มีประสิทธิภาพมากกว่า

when it's done naturally

เมื่อทำในแบบธรรมชาติ

and they get better quality tomatoes.

และพวกเขาได้มะเขือเทศคุณภาพดี

So there's other, maybe more personal reasons,

มีเหตุผลอื่นๆ ที่ออกจะเป็นเหตุผลส่วนตัว

to care about bees.

ที่เราควรใส่ใจผึ้ง

There's over 20,000 species of bees in the world,

มีผึ้งมากกว่า 20,000 ชนิดในโลก

and they're absolutely gorgeous.

และพวกมันช่างงดงามเหลือเกิน

These bees spend the majority of their life cycle

ผึ้งเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิต

hidden in the ground or within a hollow stem

ซ่อนอยู่ในพื้นดิน หรือภายกิ่งไม้กลวง

and very few of these beautiful species

และมีเพียงไม่กี่พันธุ์ที่สวยงามเหล่านี้ ที่จะมี

have evolved highly social behavior like honeybees.

วิวัฒนาอย่างสูงการด้านพฤติกรรมทางสังคม เฉกเช่น เหล่าผึ้งผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง (honeybee)

Now honeybees tend to be the charismatic representative

ผึ้งที่ให้น้ำผึ้งมักจะเป็นตัวแทนด้านพฤติกรรม

for the other 19,900-plus species

สำหรับอีกกว่า 19,900 ชนิดอื่น ๆ

because there's something about honeybees

เนื่องจากมีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง

that draws people into their world.

ที่ดึงดูดคนให้เข้ามาสนใจโลกพวกมัน

Humans have been drawn to honeybees

มนุษย์สนใจเหล่าผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง

since early recorded history,

ตั้งแต่ก่อนจะมีการบันทึกทางประวัติศาสตร์

mostly to harvest their honey,

ส่วนใหญ่เพื่อเก็บเกี่ยวน้ำผึ้ง

which is an amazing natural sweetener.

ซึ่งเป็นสารให้ความหวานทางธรรมชาติที่น่าทึ่ง

I got drawn into the honeybee world

ฉันหันมาสนใจกับโลกของผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง

completely by a fluke.

โดยบังเอิญจริงๆ

I was 18 years old and bored,

ตอนนั้นฉันอายุ 18 และกำลังเบื่อ

and I picked up a book in the library on bees

ฉันหยิบหนังสือเรื่องผึ้งเล่มหนึ่งในห้องสมุด

and I spent the night reading it.

และฉันอ่านมันทั้งคืน

I had never thought about insects

ฉันไม่เคยคิดว่าแมลง

living in complex societies.

จะใช้ชีวิตในรูปแบบสังคมที่ซับซ้อน

It was like the best of science fiction come true.

มันเหมือนเป็นนิยายวิทยาศาสตร์อันยอดเยี่ยม ที่กลายเป็นจริง

And even stranger, there were these people,

และที่แปลกยิ่งกว่านั้น ยังมีคนเหล่านี้

these beekeepers, that loved their bees like they were family,

เหล่าผู้เลี้ยงผึ้ง ที่รักผึ้งของพวกเขาเหมือนมันเป็นครอบครัว

and when I put down the book, I knew I had to see this for myself.

เมื่อฉันอ่านหนังสือเล่มนั้นเสร็จ ฉันรู้เลยว่าต้องเห็นด้วยตาฉันเองให้ได้

So I went to work for a commercial beekeeper,

ดังนั้น ฉันจึงไปทำงานให้กับผู้เลี้ยงผึ้งเชิงพาณิชย์

a family that owned 2,000 hives of bees in New Mexico.

เป็นครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของผึ้ง 2,000 รัง ในนิวเม็กซิโก

And I was permanently hooked.

และฉันก็ติดใจหลงใหลมันอย่างถาวร

Honeybees can be considered a super-organism,

ผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง จัดได้ว่าเป็นสุดยอดสิ่งมีชีวิต

where the colony is the organism

ซึ่งทั้งฝูงผึ้งคือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่

and it's comprised of 40,000 to 50,000

และประกอบด้วยผึ้ง 40,000-50,000 ตัว

individual bee organisms.

ซึ่งแต่ละตัวก็มีชีวิต

Now this society has no central authority.

ทีนี้ สังคมนี้ไม่มีผู้มีอำนาจกลาง

Nobody's in charge.

ไม่มีใครควบคุม

So how they come to collective decisions,

แล้วพวกมันสามารถตัดสินใจอะไรต่างๆ ร่วมกันได้อย่างไร

and how they allocate their tasks and divide their labor,

และพวกมันจัดสรรงาน และแบ่งแรงงานกันอย่างไร

how they communicate where the flowers are,

พวกมันสื่อสารว่าดอกไม้อยู่ที่ไหนได้อย่างไร

all of their collective social behaviors are mindblowing.

พฤติกรรมทางสังคมของพวกมันนั้นน่าทึ่งมาก

My personal favorite, and one that I've studied for many years,

เรื่องโปรดของฉัน ที่ฉันได้ศึกษามาหลายปี นั่นคือ

is their system of healthcare.

ระบบการดูแลสุขภาพของพวกมัน

So bees have social healthcare.

ผึ้งก็มีระบบสวัสดิการด้านการแพทย์เหมือนกัน

So in my lab, we study how bees keep themselves healthy.

ดังนั้น ในห้องปฏิบัติการของฉัน เราศึกษาว่าผึ้งดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไร

For example, we study hygiene,

ตัวอย่างเช่น เราศึกษาเรื่องอนามัย

where some bees are able to locate and weed out

ซึ่งผึ้งบางชนิดสามารถค้นหาและกำจัด

sick individuals from the nest, from the colony,

ผึ้งตัวที่ป่วยออกจากรังและฝูง

and it keeps the colony healthy.

และมันทำให้ผึ้งทั้งฝูงสุขภาพดี

And more recently, we've been studying resins

และเมื่อเร็วๆ นี้ เราได้ศึกษายางไม้

that bees collect from plants.

ที่ผึ้งเก็บจากพืช

So bees fly to some plants and they scrape

เหล่าผึ้งบินไปยังพืชบางชนิด แล้วก็ขูด

these very, very sticky resins off the leaves,

ยางไม้ที่เหนียวมากๆ นี้ออกจากใบ

and they take them back to the nest

และพวกมันก็นำกลับไปที่รัง

where they cement them into the nest architecture

ที่ซึ่งพวกมันจะเอาไปก่อให้เป็นรูปทรงของรัง

where we call it propolis.

เราเรียกสิ่งนี้ว่าพรอพอลิส (propolis)

We've found that propolis is a natural disinfectant.

เราพบว่าพรอพอลิสเป็นยาฆ่าเชื้อตามธรรมชาติ

It's a natural antibiotic.

เป็นยาปฏิชีวนะธรรมชาติ

It kills off bacteria and molds and other germs

มันฆ่าแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อโรคอื่น ๆ

within the colony,

ภายในรัง

and so it bolsters the colony health and their social immunity.

ดังนั้น มันจริงช่วยส่งเสริมสุขภาพและเพิ่มความต้านทานของฝูง

Humans have known about the power of propolis

มนุษย์รู้จักสรรพคุณของพรอโพลิส

since biblical times.

ตั้งแต่สมัยคริสตกาล

We've been harvesting propolis out of bee colonies

เราเก็บเกี่ยวพรอพอลิสออกจากฝูงผึ้ง

for human medicine,

มาเป็นยาสำหรับมนุษย์

but we didn't know how good it was for the bees.

แต่เราไม่เคยรู้ว่ามันดีมากแค่ไหนสำหรับผึ้ง

So honeybees have these remarkable natural defenses

เหล่าผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง มีเกราะคุ้มกันตามธรรมชาติอันเยี่ยมยอด

that have kept them healthy and thriving

ที่ทำให้มันสุขภาพดี และขยายเผ่าพันธุ์ได้

for over 50 million years.

มานานกว่า 50 ล้านปี

So seven years ago, when honeybee colonies

เจ็ดปีที่แล้ว เมื่อมีรายงานว่าฝูงผึ้งมากมาย

were reported to be dying en masse,

เกิดการตายยกรัง

first in the United States,

เป็นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา

it was clear that there was something really, really wrong.

มันชัดเจนว่าเกิดที่สิ่งผิดปกติเอามากๆ

In our collective conscience, in a really primal way,

ในสามัญสำนึกของทุกคน ในสัญชาติญาณเรา

we know we can't afford to lose bees.

เรารู้ว่า เราไม่สามารถจะสูญเสียผึ้งไปได้

So what's going on?

ดังนั้น มันเกิดอะไรขึ้น ?

Bees are dying from multiple and interacting causes,

ผึ้งตายจากหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องกัน

and I'll go through each of these.

และฉันอธิบายแต่ละสาเหตุ

The bottom line is,

ใจความสำคัญก็คือ

bees dying reflects a flowerless landscape

การตายของผึ้งสะท้อนให้เห็นถึงภูมิทัศน์ที่ไรัดอกไม้

and a dysfunctional food system.

และระบบอาหารที่ล่มสลาย

Now we have the best data on honeybees,

ตอนนี้ เรามีข้อมูลที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับผึ้งที่ให้น้ำผึ้ง

so I'll use them as an example.

ดังนั้นฉันจะใช้พวกมันเป็นตัวอย่าง

In the United States, bees in fact have been

ในสหรัฐอเมริกา ผึ้งได้ลดจำนวนลง

in decline since World War II.

อย่างต่อเนื่องตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง

We have half the number of managed hives

ตอนนี้ เรามีรังผึ้งเลี้ยงจำนวนเพียงครึ่งเดียว

in the United States now compared to 1945.

ในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปี 1945

We're down to about two million hives of bees, we think.

เราคาดว่า ตอนนี้เราเหลือผึ้งประมาณสองล้านรัง

And the reason is, after World War II,

และเหตุผลก็คือ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2

we changed our farming practices.

เราเปลี่ยนวิธีการทำไร่ของเรา

We stopped planting cover crops.

เราเลิกปลูกพืชปกคลุมหน้าดิน

We stopped planting clover and alfalfa,

เราหยุดปลูกโคลเวอร์และหญ้าอัลฟัลฟา

which are natural fertilizers that fix nitrogen in the soil,

ซึ่งเป็นปุ๋ยธรรมชาติที่เพิ่มไนโตรเจนให้กับดิน

and instead we started using synthetic fertilizers.

และเราเริ่มใช้ปุ๋ยเคมีแทน

Clover and alfalfa are highly nutritious food plants for bees.

โคลเวอร์และอัลฟัลฟาเป็นพืชอาหาร ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสำหรับผึ้ง

And after World War II, we started using herbicides

และหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เราเริ่มใช้ยากำจัดวัชพืช

to kill off the weeds in our farms.

เพื่อฆ่าวัชพืชในไร่ของเรา

Many of these weeds are flowering plants

ของวัชพืชเหล่านี้เป็นพืชดอก

that bees require for their survival.

ที่ผึ้งต้องการเพื่อความอยู่รอดของพวกมัน

And we started growing larger and larger crop monocultures.

และเราเริ่มปลูกพืชชนิดเดียวเป็นแปลงใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ

Now we talk about food deserts,

ที่นี้ เราพูดถึงดินแดนทะเลทรายที่ไร้อาหาร

places in our cities, neighborhoods that have no grocery stores.

สถานที่ในเมืองของเรา ละแวกใกล้เคียงที่ไม่มีร้านค้าร้านขายของชำ

The very farms that used to sustain bees

ไร่ที่เคยเป็นที่พึ่งพาของบรรดาผึ้ง

are now agricultural food deserts,

ขณะนี้กลายเป็นดินแดนทะเลทรายแนวกสิกรรม

dominated by one or two plant species

ครอบคลุมโดยพืชแค่หนึ่งหรือสองชนิด

like corn and soybeans.

เช่นข้าวโพดและถั่วเหลือง

Since World War II, we have been systematically

ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ระบบเกษตรได้ทำให้เรา

eliminating many of the flowering plants

กำจัดพืชดอกมากมาย

that bees need for their survival.

ที่ผึ้งต้องการเพื่อความอยู่รอด

And these monocultures extend even to crops

และการปลูกพืชชนิดเดียวเหล่านี้ ยังได้ขยาย

that are good for bees, like almonds.

ไปถึงพืชที่ดีสำหรับผึ้งด้วย เช่นอัลมอนด์

Fifty years ago, beekeepers would take a few colonies,

ห้าสิบปีที่ผ่านมา ผู้เลี้ยงผึ้งจะขนรังผึ้งเพียงไม่กี่รัง

hives of bees into the almond orchards, for pollination,

ไปยังสวนอัลมอนด์ เพื่อผสมเกสร

and also because the pollen in an almond blossom

และเนื่องจากละอองเกสรในดอกอัลมอนด์

is really high in protein. It's really good for bees.

มีโปรตีนสูงมาก ซึ่งก็ดีสำหรับผึ้ง

Now, the scale of almond monoculture

ขณะนี้ ขนาดของการปลูกอัลมอนด์เพียงชนิดเดียว

demands that most of our nation's bees,

ต้องการผึ้งแทบทั้งประเทศ

over 1.5 million hives of bees,

ผึ้งกว่า 1.5 ล้านรัง

be transported across the nation

ถูกขนส่งข้ามประเทศ

to pollinate this one crop.

เพื่อผสมเกสรพืชชนิดนี้

And they're trucked in in semi-loads,

และพวกมันถูกบรรทุกไปในรถพ่วงลาก

and they must be trucked out,

และเมื่อเสร็จแล้วก็บรรทุกกลับ

because after bloom, the almond orchards

เพราะหลังจากดอกบานแล้ว สวนอัลมอนด์

are a vast and flowerless landscape.

คือภูมิทัศน์อันกว้างใหญ่ที่ไร้ซึ่งดอกไม้

Bees have been dying over the last 50 years,

ผึ้งทั้งหลายต้องอยู่อย่างอดอยากตลอด 50 ปีที่ผ่านมา

and we're planting more crops that need them.

และเรายังปลูกพืชที่ต้องการผึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ

There has been a 300 percent increase in crop production

มีผลผลิตพืชไร่เพิ่มขึ้น 300%

that requires bee pollination.

ที่ต้องการการผสมเกสรจากผึ้ง

And then there's pesticides.

แล้วยังมียาฆ่าแมลงอีก

After World War II, we started using pesticides

หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เราเริ่มใช้ยาฆ่าแมลง

on a large scale, and this became necessary

อย่างกว้างขวาง และมันกลายเป็นสิ่งจำเป็น

because of the monocultures that put out a feast

เพราะการปลูกพืชชนิดเดียว เปรียบเสมือนงานเลี้ยงฉลอง

for crop pests.

สำหรับแมลงศัตรูพืช

Recently, researchers from Penn State University

ล่าสุด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยรัฐเพนน์ (Penn State University)

have started looking at the pesticide residue

เริ่มต้นศึกษาสารตกค้างจากยาฆ่าแมลง

in the loads of pollen that bees carry home as food,

ในละอองเกสรที่ผึ้งมีนำกลับรังไปเป็นอาหาร

and they've found that every batch of pollen

พวกเขาได้พบว่าทุกชุดตัวอย่างละอองเกสร

that a honeybee collects

ที่ผึ้งเก็บมา

has at least six detectable pesticides in it,

มียาฆ่าแมลงที่ตรวจสอบได้อย่างน้อย 6 ชนิด

and this includes every class of insecticides,

ซึ่งมันรวมสารพิษทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าแมลง

herbicides, fungicides,

ยากำจัดวัชพืช ยาฆ่าเชื้อรา

and even inert and unlabeled ingredients

และแม้แต่ส่วนผสมเฉื่อยและที่ไม่มีการระบุชื่อ

that are part of the pesticide formulation

ที่เป็นส่วนหนึ่งของสูตรยาฆ่าแมลง

that can be more toxic than the active ingredient.

ที่เป็นพิษมากยิ่งกว่าส่วนผสมออกฤทธิ์หลักเสียอีก

This small bee is holding up a large mirror.

ผึ้งเล็กๆ เหล่านี้ คือกระจกเงาสะท้อนบานใหญ่

How much is it going to take to contaminate humans?

จะอีกมากแค่ไหน ก่อนที่มนุษย์เราจะได้รับผลกระทบจากสิ่งปนเปื้อน ?

One of these class of insecticides,

หนึ่งในยาฆ่าแมลงเหล่านี้

the neonicontinoids,

คือ กลุ่มนีโอนิคอนตินอยด์ (neonicontinoid)

is making headlines around the world right now.

มันขึ้นพาดหัวข่าวไปทั่วโลก ณ ตอนนี้

You've probably heard about it.

คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับมัน

This is a new class of insecticides.

นี่เป็นยาฆ่าแมลงประเภทใหม่

It moves through the plant so that a crop pest,

มันซึมไปตามส่วนต่างๆ ของพืช เพื่อที่ว่าเมื่อศัตรูพืช

a leaf-eating insect,

พวกแมลงกินใบ

would take a bite of the plant

กัดกินพืชที่ว่า

and get a lethal dose and die.

มันจะได้รับยาในปริมาณมากและตาย

If one of these neonics, we call them,

ถ้าหนึ่งในยาที่เราจะเรียกมันสั้นๆว่ากลุ่มนีโอนิคส์

is applied in a high concentration,

ถูกใช้ในความเข้มข้นสูง

such as in this ground application,

เช่นการให้ผ่านทางดิน

enough of the compound moves through the plant

ส่วนประกอบที่มากพอ จะดูดซึมโดยพืช

and gets into the pollen and the nectar,

เข้าสู่ละอองเกสรและน้ำหวาน

where a bee can consume, in this case,

ซึ่งผึ้งอาจกินสารพิษที่เป็นอันตรายต่อระบบประสาทนี้

a high dose of this neurotoxin

เข้าไปเป็นปริมาณสูง

that makes the bee twitch and die.

ซึ่งทำให้มันชักกระตุกและตาย

In most agricultural settings, on most of our farms,

ในพื้นที่เกษตรกรรมส่วนใหญ่ ในไร่ส่วนใหญ่ของเรา

it's only the seed that's coated with the insecticide,

แม้แต่เมล็ดก็ถูกเคลือบไว้ด้วยยาฆ่าแมลงที่ว่า

and so a smaller concentration moves through the plant

และยาในปริมาณที่น้อยกว่าก็ถูกดูดซึมเข้าสู่พืช

and gets into the pollen and nectar,

และเข้าสู่ละอองเกสรและน้ำหวาน

and if a bee consumes this lower dose,

และ ถ้าผึ้งได้รับปริมาณยาน้อยๆ

either nothing happens

อาจไม่เกิดอะไรขึ้น

or the bee becomes intoxicated and disoriented

หรือไม่ผึ้งก็จะเมาและหลงทิศทาง

and she may not find her way home.

และมันก็ไม่อาจหาทางกลับรังได้

And on top of everything else, bees have

และนอกเหนือไปกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง

their own set of diseases and parasites.

เหล่าผึ้งเองนั้นก็มีโรคและปรสิตอยู่แล้ว

Public enemy number one for bees is this thing.

ศัตรูตัวฉกาจหมายเลขหนึ่งของผึ้งคือเจ้าสิ่งนี้

It's called varroa destructor.

มันคือ วาโรอา เดสทรัคทอร์ (varroa destructor)

It's aptly named.

มันถูกตั้งชื่อได้เหมาะยิ่ง

It's this big, blood-sucking parasite

ปรสิตดูดเลือดตัวใหญ่นี้

that compromises the bee's immune system

สามารถประณีประนอมระบบภูมิคุ้มกันของผึ้ง

and circulates viruses.

และปล่อยไวรัสเข้าสู่กระแสเลือด

Let me put this all together for you.

ให้ฉันกล่าวสรุปให้คุณฟัง

I don't know what it feels like to a bee

ฉันไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร ถ้าได้เป็นผึ้ง

to have a big, bloodsucking parasite running around on it,

ที่มีปรสิตดูดเลือดตัวใหญ่ วิ่งไปมาบนตัวมัน

and I don't know what it feels like to a bee to have a virus,

ฉันไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร ถ้าได้เป็นผึ้งที่มีไวรัส

but I do know what it feels like when I have a virus, the flu,

แต่ฉันรู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไรเมื่อฉันติดไวรัสไข้หวัด

and I know how difficult it is for me to get

และฉันรู้ว่ามันยากแค่ไหนที่ฉัน

to the grocery store to get good nutrition.

จะเดินไปร้านชำ เพื่อได้อาหารดีๆ

But what if I lived in a food desert?

แต่ถ้าฉันอยู่ในดินแดนไร้อาหารล่ะ ?

And what if I had to travel a long distance

และถ้าฉันต้องเดินทางไกลๆ

to get to the grocery store,

เพื่อไปยังร้านชำ

and I finally got my weak body out there

และในที่สุด ถ้าฉันก็พาร่างอ่อนแอของฉันออกไปจนได้

and I consumed, in my food,

และฉันบริโภคอาหาร ที่มียาฆ่าแมลง

enough of a pesticide, a neurotoxin,

และสารพิษทำลายระบบประสาท เข้าไปมากพอ

that I couldn't find my way home?

จนฉันหาทางกลับบ้านไม่ถูกล่ะ ?

And this is what we mean by multiple

และนี่คือสิ่งที่เราหมายถึง สาเหตุ

and interacting causes of death.

การเสียชีวิตอันหลากหลาย และเกี่ยวโยงกัน

And it's not just our honeybees.

และไม่เพียงผึ้งที่ให้น้ำผึ้งของเราเท่านั้น

All of our beautiful wild species of bees

เหล่าสายพันธุ์ผึ้งป่าอันสวยงาม

are at risk, including those tomato-pollinating bumblebees.

กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง รวมถึงเจ้าบัมเบิลบี นักผสมเกสรมะเขือเทศด้วย

These bees are providing backup for our honeybees.

ผึ้งเหล่านี้เป็นกองหนุนสำหรับผึ้งที่ให้น้ำผึ้งของเรา

They're providing the pollination insurance

พวกมันคือประกันภัยสำหรับกระบวนการผสมเกสร

alongside our honeybees.

ควบคู่ไปกับผึ้งที่ให้น้ำผึ้งของเรา

We need all of our bees.

เราต้องการให้ผึ้งของเราทั้งหมด

So what are we going to do?

ดังนั้น เราจะทำอย่างไรกันดี ?

What are we going to do about this big bee bummer

เรากำลังจะทำอย่างไรกันดี กับปัญหาใหญ่ของผึ้ง

that we've created?

ที่เราได้สร้างขึ้น ?

It turns out, it's hopeful. It's hopeful.

บังเอิญว่าเรายังมีหวังค่ะ ยังมีหวัง

Every one of you out there can help bees

ทุกๆ คนสามารถช่วยผึ้งได้

in two very direct and easy ways.

ในทางที่ตรงๆและง่ายๆ สองทาง

Plant bee-friendly flowers,

ปลูกพืชดอก ที่เป็นมิตรต่อผึ้ง

and don't contaminate these flowers,

และอย่าทำให้ดอกไม้เหล่านี้ ที่เป็นอาหารของผึ้ง

this bee food, with pesticides.

ปนเปื้อนยาฆ่าแมลง

So go online and search for flowers

ดังนั้น จงเข้าไปค้นหาในอินเตอร์เนต หาดอกไม้

that are native to your area and plant them.

ที่เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นในพื้นที่ของคุณ และปลูกมัน

Plant them in a pot on your doorstep.

ปลูกมันในกระถางหน้าบันไดประตูบ้านคุณ

Plant them in your front yard, in your lawns,

ปลูกมันในสนามหน้าบ้าน ในสนามหญ้า

in your boulevards.

ริมถนนในหมู่บ้านคุณ

Campaign to have them planted in public gardens,

ส่งเสริมให้ปลูกมันในสวนสาธารณะ

community spaces, meadows.

ในพื้นที่ชุมชน ในทุ่งหญ้า

Set aside farmland.

พื้นที่ที่กันไว้เพื่อการเกษตร

We need a beautiful diversity of flowers

เราต้องการดอกไม้สวยงามที่หลากหลาย

that blooms over the entire growing season,

ที่ผลิดอกตลอดทั้งฤดูเพาะปลูก

from spring to fall.

ตั้งแต่ใบไม้ผลิ จนใบไม้ร่วง

We need roadsides seeded in flowers for our bees,

เราต้องการดอกไม้ริมทางไม่เพียงเพื่อผึ้งของเรา

but also for migrating butterflies and birds

แต่สำหรับผีเสื้อและนกที่ย้ายถิ่น

and other wildlife.

และสัตว์ป่าอื่นๆ

And we need to think carefully about putting back in

และเราต้องคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับการนำ

cover crops to nourish our soil

พืชคลุมดินกลับมาเพื่อบำรุงดินของเรา

and nourish our bees.

และบำรุงผึ้งของเรา

And we need to diversify our farms.

และเราต้องมีการทำไร่ที่หลากหลาย

We need to plant flowering crop borders and hedge rows

เราต้องปลูกดอกไม้ตามแนวพื้นที่ และทำเป็นรั้ว

to disrupt the agricultural food desert

เพื่อแบ่งคั่นดินแดนไร้อาหาร

and begin to correct the dysfunctional food system

และเริ่มต้นการแก้ไขการล่มสลายของระบบอาหาร

that we've created.

ที่เราได้สร้างขึ้น

So maybe it seems like a really small countermeasure

มันอาจเหมือนเป็นมาตรการตอบโต้ที่เล็กน้อยมาก

to a big, huge problem -- just go plant flowers --

สำหรับปัญหาใหญ่ มหึมา - เพียงแค่ปลูกดอกไม้เอง-

but when bees have access to good nutrition,

แต่เมื่อผึ้งเข้าถึงโภชนาการที่ดีได้

we have access to good nutrition

เราก็จะเข้าถึงโภชนาการที่ดีไปด้วย

through their pollination services.

โดยผ่านทางบริการผสมเกสรของพวกมัน

And when bees have access to good nutrition,

และ เมื่อผึ้งมีโภชนาการที่ดี

they're better able to engage their own natural defenses,

พวกมันก็พร้อมจะสร้างเสริมเกราะป้องกันตามธรรมชาติ

their healthcare,

และระบบดูแลสุขภาพของพวกมันให้ดีขึ้น

that they have relied on for millions of years.

ซึ่งสิ่งที่พวกมันพึ่งพามาหลายล้านปี

So the beauty of helping bees this way, for me,

ดังนั้น ความงามของการช่วยผึ้งในแบบนี้ สำหรับฉัน

is that every one of us needs to behave

นั่นคือ ทุกๆ คนต้องประพฤติตัว

a little bit more like a bee society, an insect society,

ให้เหมือนสังคมของผึ้ง สังคมของแมลง มากขึ้นอีกนิด

where each of our individual actions

ซึ่งการกระทำของเราแต่ละคน

can contribute to a grand solution,

สามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาขนาดใหญ่

an emergent property,

ซึ่งจะให้ผลประโยชน์

that's much greater than the mere sum

ที่เป็นมากกว่าเพียงแค่ผลรวม

of our individual actions.

ของการกระทำของแต่ละคน

So let the small act of planting flowers

ดังนั้น จงให้การกระทำเล็กๆ ของการปลูกดอกไม้

and keeping them free of pesticides

และรักษามันให้ปลอดยาฆ่าแมลง

be the driver of large-scale change.

เป็นตัวผลักดันการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาค

On behalf of the bees, thank you.

ในนามของเหล่าผึ้ง ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Chris Anderson: Thank you. Just a quick question.

คริส แอนเดอร์สัน: ขอบคุณครับ คำถามสั้นๆ ครับ

The latest numbers on the die-off of bees,

ตัวเลขล่าสุดของจำนวนผึ้งที่ล้มตาย

is there any sign of things bottoming out?

มันมีสัญญาณว่าเราถึงจุดแย่ที่สุดหรือยังครับ?

What's your hope/depression level on this?

คุณมีระดับ ความหวัง/สิ้นหวัง แค่ไหนครับ?

Maria Spivak: Yeah.

มาร์ลา สปิวัคค์: ใช่ค่ะ

At least in the United States,

อย่างน้อยในสหรัฐอเมริกา

an average of 30 percent of all bee hives

เฉลี่ยร้อยละ 30 ของรังผึ้งทั้งหมด

are lost every winter.

จะหายไปทุกฤดูหนาว

About 20 years ago,

ประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา

we were at a 15-percent loss.

เราสูญเสียมันในอัตราร้อยละ 15

So it's getting precarious.

ดังนั้น มันค่อนข้างล่อแหลม

CA: That's not 30 percent a year, that's -- MS: Yes, thirty percent a year.

คริส: นั่นไม่ใช่ร้อยละ 30 ต่อปี นั่นมัน - มาร์ลา: ใช่ค่ะ ร้อยละ 30 ต่อปี

CA: Thirty percent a year. MS: But then beekeepers are able to divide their colonies

คริส: ร้อยละสามสิบต่อปี มาร์ลา: แต่ผู้เลี้ยงผึ้งสามารถแบ่งรังของพวกเขา

and so they can maintain the same number,

และดังนั้นพวกเขาจึงคงจำนวนเดิมเอาไว้ได้

they can recuperate some of their loss.

พวกเขาสามารถบรรเทาการสูญเสียได้

We're kind of at a tipping point.

เรากำลังถึงจุดหักเห

We can't really afford to lose that many more.

เราไม่สามารถจะเสียผึ้งไปได้มากกว่านั้นอีกแล้ว

We need to be really appreciative

เราต้องซาบซึ้งต่อเหล่า

of all the beekeepers out there. Plant flowers.

ผู้เลี้ยงผึ้งทั้งหลาย ปลูกดอกไม้กันเถอะค่ะ

CA: Thank you.

คริส: ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)