James B. Glattfelder: Who controls the world?

Translator: Joseph Geni Reviewer: Morton Bast

Translator: yamela areesamarn Reviewer: Unnawut Leepaisalsuwanna

เมื่อเกิดวิกฤติกาลขึ้น

"When the crisis came,

ข้อจำกัดร้ายแรงของรูปแบบทางเศรษฐกิจ และทางการเงินที่เป็นอยู่

the serious limitations of existing economic and financial models

ก็ปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด

immediately became apparent."

"มีความเชื่อที่หนักแน่น ซึ่งผมก็เห็นด้วย

"There is also a strong belief, which I share,

that bad or oversimplistic and overconfident economics

ว่าเศรษฐกิจที่มีลักษณะง่ายๆ และที่เราเชื่อมั่นจนเกินไป

helped create the crisis."

ช่วยให้เกิดภาวะวิกฤติขึ้น"

Now, you've probably all heard of similar criticism

ทุกท่านน่าจะได้ยินคำวิจารณ์เหมือนอย่างนี้

ซึ่งมาจากคนที่มีข้อกังขากับลัทธิทุนนิยม

coming from people who are skeptical of capitalism.

But this is different.

แต่เรื่องนี้ต่างออกไป

สิ่งนี้ออกมาจากหัวใจสำคัญของการเงิน

This is coming from the heart of finance.

The first quote is from Jean-Claude Trichet

ถ้อยคำที่ยกมาอันแรก มาจาก Jean-Claude Trichet

when he was governor of the European Central Bank.

เมื่อตอนเขาเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank)

The second quote is from the head of the UK Financial Services Authority.

ถ้อยคำที่ยกมาอันที่สอง มาจากหัวหน้า

การบริการทางการเงินของอังกฤษ (UK Financial Services Authority)

Are these people implying

คนเหล่านี้กำลังบอกเป็นนัยๆ ใช่หรือไม่

that we don't understand the economic systems

ว่าเราไม่เข้าใจระบบเศรษฐกิจ

that drive our modern societies?

ที่ขับเคลื่อนสังคมสมัยใหม่ของเรา

It gets worse.

มันยิ่งเลวร้ายลงไป

"We spend billions of dollars

"เราใช้เงินเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์

trying to understand the origins of the universe,

เพื่อพยายามเข้าใจต้นกำเนิดของจักรวาล

ในขณะที่เรายังคงไม่เข้าใจเงื่อนไข

while we still don't understand the conditions for a stable society,

สำหรับสังคมที่มั่นคง เศรษฐกิจที่เดินไปได้ หรือสันติภาพ

a functioning economy, or peace."

What's happening here? How can this be possible?

อะไรกำลังเกิดขึ้นตรงนี้ สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร

Do we really understand more about the fabric of reality

ใช่หรือไม่ว่า เราเข้าใจอย่างถ่องแท้ เกี่ยวกับโครงสร้างของโลกความเป็นจริง

than we do about the fabric which emerges from our human interactions?

มากกว่าที่เราเข้าใจโครงสร้าง

ที่เกิดจากปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เรา

Unfortunately, the answer is yes.

โชคร้ายที่คำตอบคือ ใช่

But there's an intriguing solution

แต่มีวิธีแก้ปัญหาที่น่าสนใจ ซึ่งมาจาก

which is coming from what is known as the science of complexity.

ที่เรารู้จักกันว่า ศาสตร์ของความซับซ้อน (the science of complexity)

เพื่ออธิบายว่าสิ่งนี้คืออะไร และหมายความว่าอย่างไร

To explain what this means and what this thing is,

please let me quickly take a couple of steps back.

กรุณาให้ผมถอยหลังกลับไปในอดีต อย่างรวดเร็วสองสามก้าว

ผมลงเอยที่งานด้านฟิสิกส์โดยบังเอิญ

I ended up in physics by accident.

It was a random encounter when I was young,

เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อตอนที่ผมยังอายุน้อยอยู่

and since then, I've often wondered about the amazing success of physics

แล้วตั้งแต่บัดนั้นมา ผมก็จะสงสัยอยู่เสมอๆ

เกี่ยวกับความสำเร็จที่น่าประหลาดใจของฟิสิกส์

ในการอธิบายความเป็นจริง ที่เราตื่นขึ้นมาเห็นในทุกๆวัน

in describing the reality we wake up in every day.

อย่างสั้นๆก็คือ คุณสามารถคิดว่าฟิสิกส์ เป็นได้คังนี้

In a nutshell, you can think of physics as follows.

So you take a chunk of reality you want to understand

คุณก็เอาก้อนของความเป็นจริง ที่คุณต้องการจะเข้าใจ

and you translate it into mathematics.

และคุณก็แปลงมันไปเป็นคณิตศาสตร์

คุณแปลงให้มันเป็นสมการ

You encode it into equations.

Then, predictions can be made and tested.

แล้วตั้งความคาดหมายขึ้น แล้วจึงมาทดสอบ

We're actually really lucky that this works,

จริงๆแล้วเราโชคดีมาก ที่วิธีนี้ใช้การได้

because no one really knows why the thoughts in our heads

เพราะว่าไม่มีผู้ใดรู้อย่างแท้จริงว่า ทำไมความคิดที่อยู่ในหัวสมองเรา

should actually relate to the fundamental workings of the universe.

จริงๆแล้วควรจะสัมพันธ์กับ การทำงานพื้นฐานของจักรวาล

Despite the success, physics has its limits.

แม้จะมีความสำเร็จ ฟิสิกส์ก็มีข้อจำกัด

As Dirk Helbing pointed out in the last quote,

ตามที่ Dirk Helbing ได้ชี้ให้เห็น ในถ้อยคำที่อ้างถึงอันสุดท้ายว่า

เราไม่เข้าใจอย่างแท้จริงถึงความซับซ้อน

we don't really understand the complexity that relates to us, that surrounds us.

ที่เกี่ยวข้องกับเรา หรือที่อยู่รอบๆเรา

This paradox is what got me interested in complex systems.

ข้อความที่ขัดแย้งนี้ คือ สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเรื่องระบบที่ซับซ้อน

So these are systems which are made up

ดังนั้น ระบบเหล่านี้ ซึ่งเกิดขึ้น

of many interconnected or interacting parts:

จากส่วนต่างๆ ที่สัมพันธ์กัน หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน

swarms of birds or fish,

เช่น ฝูงนก หรือปลา หรือรังมด

ant colonies, ecosystems, brains, financial markets.

ระบบนิเวศ สมอง ตลาดการเงิน

These are just a few examples.

เหล่านี้เป็นแค่เพียงบางตัวอย่าง

Interestingly, complex systems are very hard to map

ที่น่าสนใจก็คือ ระบบที่ซับซ้อนนั้น ยากมากที่จะทำออกมา

into mathematical equations,

เป็นสมการคณิตศาสตร์

so the usual physics approach doesn't really work here.

ดังนั้นวิธีการทางฟิสิกส์ปกติธรรมดา จึงใช้การไม่ได้ตรงนี้

So what do we know about complex systems?

แล้วเรารู้เรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับระบบที่ซับซ้อน

Well, it turns out that what looks like complex behavior from the outside

อ๋อ มันกลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ดูเหมือนพฤติกรรมที่ซับซ้อน

จากด้านนอก จริงๆแล้วเป็นผลมาจาก

is actually the result of a few simple rules of interaction.

กฎการปฏิสัมพันธ์ธรรมดาๆสองสามข้อ

หมายความว่า คุณสามารถลืมเรื่องสมการไปได้เลย

This means you can forget about the equations

and just start to understand the system

และเพียงแค่เริ่มทำความเข้าใจระบบนั่น

โดยดูที่การปฏิสัมพันธ์

by looking at the interactions,

so you can actually forget about the equations

ดังนั้นคุณจึงสามารถลืมเรื่องสมการไปได้เลย

and you just start to look at the interactions.

และคุณก็แค่มาเริ่มดูที่การปฏิสัมพันธ์

And it gets even better, because most complex systems

และมันก็จะดียิ่งขึ้น เพราะว่าระบบที่ซับซ้อนส่วนมาก

have this amazing property called emergence.

มีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจ เรียกว่า การอุบัติ (emergence)

So this means that the system as a whole suddenly starts to show a behavior

เรื่องนี้จึงหมายความว่า ระบบโดยรวม

จะเริ่มแสดงพฤติกรรม

ที่เราไม่สามารถเข้าใจ หรือคาดการณ์ได้

which cannot be understood or predicted

by looking at the components of the system.

โดยดูที่ส่วนประกอบต่างๆของระบบ

So the whole is literally more than the sum of its parts.

ในภาพรวมจึงมีความหมาย ที่มากกว่าการเอาส่วนต่างๆมารวมกัน

And all of this also means

และทั้งหมดนี้ ยังมีความหมายว่า คุณสามารถลืมไปได้เลย

that you can forget about the individual parts of the system,

ว่าแต่ละส่วนของระบบ จะมีความซับซ้อนอย่างไร

how complex they are.

So if it's a cell or a termite or a bird,

ดังนั้น ถ้ามันเป็นเซลล์ๆหนึ่ง หรือปลวกตัวหนึ่ง หรือนกตัวหนึ่ง

you just focus on the rules of interaction.

คุณก็แค่เพียงเน้นไปที่กฎของการปฏิสัมพันธ์

ผลลัพธ์ก็คือ ระบบเครือข่ายคือตัวแทนในอุดมคติ

As a result, networks are ideal representations of complex systems.

ของระบบที่ซับซ้อน

แม่ข่าย (node) ในเครือข่าย

The nodes in the network are the system's components,

เป็นส่วนประกอบของระบบ

และการเชื่อมต่อ (link) เกิดขึ้นได้จากการปฏิสัมพันธ์

and the links are given by the interactions.

So what equations are for physics,

ดังนั้น สมการจึงเป็นเรื่องของวิชาฟิสิกส์

complex networks are for the study of complex systems.

เครือข่ายที่ซับซ้อน จึงเป็นเรื่องของการศึกษาระบบที่ซับซ้อน

This approach has been very successfully applied

แนวคิดแบบนี้ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ได้ อย่างสัมฤทธิ์ผลเป็นอย่างมาก

to many complex systems in physics, biology,

ในระบบที่ซับซ้อนหลายระบบ ในวิชาฟิสิกส์ ชีววิทยา

computer science, the social sciences,

วิทยาการคอมพิวเตอร์ สังคมศาสตร์

but what about economics?

แต่สำหรับวิชาเศรษฐศาสตร์ล่ะ

Where are economic networks?

เครือข่ายเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์อยู่ที่ไหน

This is a surprising and prominent gap in the literature.

นี่แหละคือช่องว่างที่น่าประหลาดใจ และเห็นได้เด่นชัดในวรรณคดีที่เกี่ยวข้อง

การศึกษาที่เราตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว ชื่อว่า

The study we published last year, called "The Network of Global Corporate Control,"

"เครือข่ายการควบคุมของบริษัทข้ามชาติ"

เป็นการวิเคราะห์เครือข่ายเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง เป็นครั้งแรก

was the first extensive analysis of economic networks.

The study went viral on the Internet

การศึกษานี้ได้กลายเป็น ที่นิยมอย่างมากในอินเตอร์เน็ต

and it attracted a lot of attention from the international media.

และได้ดึงดูดความสนใจอย่างมาก จากสื่อมวลชลระหว่างประเทศ

This is quite remarkable, because, again, why did no one look at this before?

เป็นเรื่องพิเศษทีเดียว เพราะว่า ยํ้าอีกครั้ง

ทำไมจึงไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก่อน

Similar data has been around for quite some time.

ข้อมูลแบบเดียวกันนี้ มีให้เห็นมานานพอสมควรทีเดียว

What we looked at in detail was ownership networks.

สิ่งที่เราให้ความสนใจอย่างละเอียด ก็คือเครือข่ายความเป็นเจ้าของ

ดังนั้น ตรงนี้แม่ข่ายก็คือ บริษัท ผู้คน รัฐบาล

So here the nodes are companies, people, governments, foundations, etc.

มูลนิธิ และอื่นๆ

And the links represent the shareholding relations,

และการเชื่อมต่อก็ คือ ความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้น

so shareholder A has x percent of the shares in company B.

ดังนั้นผู้ถือหุ้น A จึงมี X เปอร์เซ็นต์ของหุ้นในบริษัท B

And we also assign a value to the company given by the operating revenue.

และเรายังกำหนดมูลค่าให้กับบริษัท

จากรายได้ของการดำเนินงาน

ดังนั้นเครือข่ายความเป็นเจ้าของกิจการ จึงเผยออกมาให้เห็นรูปแบบต่างๆ

So ownership networks reveal the patterns of shareholding relations.

ของความสัมพันธ์ของผู้ถือหุ้น

ในตัวอย่างเล็กๆนี้ คุณสามารถเห็น

In this little example, you can see a few financial institutions

สถาบันการเงินเพียงไม่กี่แห่ง

ที่มีการเชื่อมต่ออยู่หลายที่ และบางที่ได้ถูกไฮไลท์ไว้

with some of the many links highlighted.

Now, you may think that no one looked at this before

ตอนนี้คุณอาจจะคิดว่า ไม่มีใครให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก่อน

because ownership networks are really, really boring to study.

เพราะว่าเครือข่ายการเป็นเจ้าของกิจการ

จริงๆแล้วเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ที่จะทำการศึกษาวิจัย

Well, as ownership is related to control,

เอาละ เมื่อการเป็นเจ้าของกิจการสัมพันธ์กับการควบคุม

as I shall explain later,

ซึ่งผมจะอธิบายภายหลัง

looking at ownership networks

การให้ความสนใจกับเครือข่ายเจ้าของกิจการ

actually can give you answers to questions like,

จริงๆแล้วสามารถให้คำตอบกับคำถาม เช่น

who are the key players?

ใครเป็นบริษัทผู้นำ (key players)

How are they organized? Are they isolated?

พวกเขาจัดการกันอย่างไร พวกเขาอยู่โดดเดี่ยวหรือไม่

Are they interconnected?

พวกเขาเชื่อมต่อกันหรือไม่

And what is the overall distribution of control?

และการกระจายของการควบคุมโดยรวม เป็นอย่างไร

In other words, who controls the world?

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ใครควบคุมโลกนั่นเอง

I think this is an interesting question.

ผมคิดว่า นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจ

และมันมีความหมายกินไปถึง ดวามเสี่ยงเกี่ยวกับระบบ

And it has implications for systemic risk.

เรื่องนี้ เป็นการวัดจุดอ่อนของระบบโดยรวม

This is a measure of how vulnerable a system is overall.

การเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน ในระดับที่สูง

A high degree of interconnectivity can be bad for stability,

เป็นเรื่องเลวร้ายต่อความมั่นคงก็ได้

because then the stress can spread through the system like an epidemic.

เพราะว่า เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้ว ความตึงเครียดสามารถแผ่ออกไปได้ทั่วทั้งระบบ

เหมือนกับโรคระบาด

Scientists have sometimes criticized economists

นักวิทยาศาสตร์ได้เคยวิจารณ์นักเศรษฐศาสตร์

ที่เชื่อว่า แนวคิดและข้อคิดเห็น

who believe ideas and concepts are more important than empirical data,

สำคัญกว่า ข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ได้มาจากการทดลอง

because a foundational guideline in science is:

เพราะว่า ตัวชี้นำพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็คือ

ให้ข้อมูลพูดนะครับ ตกลงนะ เรามาลองดูกัน

Let the data speak. OK. Let's do that.

So we started with a database containing 13 million ownership relations from 2007.

เราจึงเริ่มต้นด้วยฐานข้อมูลที่มี

ความสัมพันธ์ของเจ้าของกิจการ 13 ล้านความสัมพันธ์ จากปี 2007

This is a lot of data, and because we wanted to find out

นี่เป็นข้อมูลที่มากมาย และเนื่องจากเราต้องการหาว่า

ใครปกครองโลก

"who rules the world,"

เราได้ตัดสินใจที่จะมุ่งไปที่บริษัทข้ามชาติ (transnational corporations)

we decided to focus on transnational corporations,

or "TNCs," for short.

หรือเรียกสั้นๆ ว่า TNC

These are companies that operate in more than one country,

พวกนี้เป็นบริษัทที่ประกอบการในมากกว่าหนึ่งประเทศ

and we found 43,000.

และเราพบว่ามีจำนวน 43,000 บริษัท

ในขั้นต่อไป เราได้สร้างเครือข่ายรอบๆบริษัทเหล่านี้

In the next step, we built the network around these companies,

so we took all the TNCs' shareholders,

เราได้เอาผู้ถือหุ้นของบริษัทข้ามชาติทั้งหมด

and the shareholders' shareholders, etc.,

และผู้ถือหุ้นของผู้ถือหุ้น และอื่นๆมา

all the way upstream, and we did the same downstream,

โดยครบถ้วนไปถึงต้นนํ้า และถึงปลายนํ้าเช่นกัน

and ended up with a network containing 600,000 nodes

สุดท้ายเราก็ได้เครือข่ายทั้งหมดรวม 600,000 แม่ข่าย

and one million links.

และหนึ่งล้านการเชื่อมต่อ

This is the TNC network which we analyzed.

นี่เป็นเครือข่ายบริษัทข้ามชาติ ที่เราได้วิเคราะห์แล้ว

และผลที่ได้มามีโครงสร้างดังที่เห็นนี้

And it turns out to be structured as follows.

So you have a periphery and a center

มีส่วนที่อยู่รอบๆ และจุดศูนย์กลาง

which contains about 75 percent of all the players,

ซึ่งมีประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทผู้นำทั้งหมด

และตรงกลางมีแกนเล็กๆ แต่มีบทบาทสำคัญ

and in the center, there's this tiny but dominant core

ซึ่งเกิดจากบริษัทใหญ่ๆ ที่มีการเชื่อมโยงซึ่งกันและกันอย่างสูง

which is made up of highly interconnected companies.

To give you a better picture,

เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ดียิ่งขึ้น

think about a metropolitan area.

ให้ลองคิดถึงพื้นที่ในเมืองใหญ่ๆ

So you have the suburbs and the periphery,

คุณจะมีบริเวณชานเมือง และเขตรอบนอก

you have a center, like a financial district,

คุณมีใจกลางเมือง เช่น ย่านการเงินการธนาคาร (financial district)

then the core will be something like

และแกนกลางก็จะเป็นอะไรจำพวก

the tallest high-rise building in the center.

อาคารสูงหลายชั้นที่สูงที่สุด อยู่ตรงกลาง

And we already see signs of organization going on here.

และเราก็ได้เห็นร่องรอยของการจัดการอย่างมีระบบ กำลังเกิดขึ้นที่นั่น

36 percent of the TNCs are in the core only,

36 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทข้ามชาติเท่านั้น ที่อยู่ในแกนกลาง

but they make up 95 percent of the total operating revenue of all TNCs.

แต่มันทำเงินรายได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ของรายได้รวม

ของบริษัทข้ามชาติทั้งหมด

ตอนนี้เราได้วิเคราะห์โครงสร้างนั้นแล้ว

OK, so now we analyzed the structure,

so how does this relate to the control?

แล้วมันสัมพันธ์กับการควบคุมอย่างไรเล่า

Well, ownership gives voting rights to shareholders.

เอาละ การเป็นเจ้าของได้ให้สิทธิ ในการออกเสียงกับผู้ถือหุ้น

This is the normal notion of control.

นี่แหละคือ แนวคิดเรื่องการควบคุมโดยปกติ

มีการจำลองแบบต่างๆ เพื่อให้คุณใช้คำนวณหา

And there are different models

which allow you to compute the control you get from ownership.

การควบคุมที่คุณได้รับ จากการเป็นเจ้าของ

ถ้าคุณมีมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นในบริษัทหนึ่ง

If you have more than 50 percent of the shares in a company,

คุณก็ได้การควบคุมไว้

you get control,

but usually, it depends on the relative distribution of shares.

แต่โดยปกติแล้ว มันขึ้นอยู่กับการเทียบเคียงการกระจายของหุ้น

And the network really matters.

และเครือข่ายนั้นสำคัญจริงๆ

About 10 years ago, Mr. Tronchetti Provera

เมื่อประมาณ 10 ปีมาแล้ว คุณ Tronchetti Provera

เป็นเจ้าของและควบคุมบริษัทเล็กๆบริษัทหนึ่ง

had ownership and control in a small company,

which had ownership and control in a bigger company.

ซึ่งบริษัทนั้นเป็นเจ้าของ และควบคุมบริษัทที่ใหญ่กว่าอยู่หนึ่งบริษัท

คุณนึกออกไหม

You get the idea.

This ended up giving him control in Telecom Italia with a leverage of 26.

สุดท้ายเขาก็ได้ควบคุมบริษัทการสื่อสาร Telecom Italia

มีอำนาจเพิ่มผลทางการเงินได้เท่ากับ 26 หน่วย

So this means that, with each euro he invested,

หมายความว่า กับทุกๆยูโรที่เขาได้ลงทุนไป

he was able to move 26 euros of market value

เขาสามารถที่จะโยก 26 ยูโรของมูลค่าตลาดมาใช้ได้

ผ่านลูกโซ่ความสัมพันธ์ของการเป็นเจ้าของกิจการ

through the chain of ownership relations.

Now what we actually computed in our study was the control over the TNCs' value.

เอาละ สิ่งที่เราเอามาคำนวณจริงๆ ในการวิจัยของเรา

ก็คือการควบคุมของมูลค่าของบริษัทข้ามชาติ

สิ่งนี้จะช่วยให่เราได้กำหนดระดับของอิทธิพล

This allowed us to assign a degree of influence to each shareholder.

ให้กับผู้ถือหุ้นแต่ละรายได้

เรื่องนี้ มีความหมายคล้ายคลึงมาก

This is very much in the sense of Max Weber's idea of potential power,

กับแนวคิดเรื่องพลังศักยภาพของ Max Weber

ซึ่งเป็นเรื่องของ ความเป็นไปได้ของการบังคับ ตามความต้องการของตนเอง

which is the probability of imposing one's own will

despite the opposition of others.

โดยไม่คำนึงถึงการไม่เห็นด้วยของผู้อื่น

If you want to compute the flow in an ownership network,

ถ้าคุณต้องการคำนวณหาการไหล ในเครือข่ายของการเป็นเจ้าของ

this is what you have to do.

นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องทำ

It's actually not that hard to understand.

จริงๆมันไม่ได้ยากนักที่จะเข้าใจได้

Let me explain by giving you this analogy.

ขอให้ผมอธิบายโดยการเปรียบเทียบนี้

ขอให้คิดถึงเรื่องการไหลของนํ้าในท่อ

So think about water flowing in pipes, where the pipes have different thickness.

เมื่อท่อเหล่านั้นมีความหนาแตกต่างกัน

So similarly, the control is flowing in the ownership networks

ในลักษณะคล้ายคลึงกัน การควบคุมไหลอยู่ใน เครือข่ายการเป็นเจ้าของ

และจะไปสะสมอยู่ที่แม่ข่าย

and is accumulating at the nodes.

So what did we find after computing all this network control?

แล้วเราได้พบอะไร หลังจากที่ได้คำนวณหาการควบคุม จากเครือข่ายทั้งหมดนี้

ผลออกมากลายเป็นว่า 737 คนซึ่งถือหุ้นสูงสุด

Well, it turns out that the 737 top shareholders

have the potential to collectively control 80 percent of the TNCs' value.

มีศักยภาพที่จะควบคุมพร้อมไปกับคนอื่นๆ

เป็นสัดส่วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าของบริษัทข้ามชาติ

Now remember, we started out with 600,000 nodes,

เอาล่ะ ยังคงจำได้นะครับ เราเริ่มต้นจาก หกแสนแม่ข่าย

so these 737 top players make up a bit more than 0.1 percent.

ดังนั้น บริษัทผู้นำทั้ง 737 บริษัทนี้

รวมกันแล้วเกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์อยู่นิดเดียว

They're mostly financial institutions in the US and the UK.

พวกนี้ส่วนใหญ่ เป็นสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ

And it gets even more extreme.

และมันก็ไปได้สุดกู่กว่านี้อีก

มีบริษัทผู้นำ 146 บริษัทในแกนกลาง

There are 146 top players in the core,

และพวกเขารวมกันแล้ว มีศักยภาพที่จะควบคุมรวมกันเป็น

and they together have the potential to collectively control

40 percent of the TNCs' value.

40 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าของบริษัทข้ามชาติ

แล้วคุณควรจะเอาอะไรจากทั้งหมดที่พูดนี้ กลับไปบ้านละครับ

What should you take home from all of this?

Well, the high degree of control you saw is very extreme by any standard.

ที่คุณได้เห็นระดับการควบคุมที่สูงนั้น

เป็นเรื่องสุดกู่มากๆ ไม่ว่าจะถือมาตรฐานใดก็ตาม

ระดับความเชื่อมโยงซึ่งกันและกันที่สูง

The high degree of interconnectivity of the top players in the core

ของบริษัทผู้นำในแกนหลักนี้

อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่สำคัญ ต่อเศรษฐกิจของโลกได้

could pose a significant systemic risk to the global economy.

และเราสามารถสร้างเครือข่ายบริษัทข้ามชาติ ได้อย่างง่ายๆ

And we could easily reproduce the TNC network

with a few simple rules.

ด้วยกฎพื้นๆสองสามข้อ

นี่ก็หมายความว่า โครงสร้างของมันน่าจะเป็นผลลัพธ์

This means that its structure is probably the result of self-organization.

จากการจัดการตนเอง (self-organization)

มันคือคุณสมบัติที่ปรากฎออกมา ซึ่งขึ้นอยู่กับ

It's an emergent property which depends on the rules of interaction in the system,

กฎของการมีปฏิสัมพันธ์กันในระบบ

so it's probably not the result of a top-down approach

ดังนั้น มันไม่น่าจะเป็นผลของวิธีการจากเบื้องบนลงมา

like a global conspiracy.

เช่น การวางแผนร้ายร่วมกันระดับโลก

การศึกษาของเรา "เป็นร่องรอยบนพื้นผิวของดวงจันทร์

Our study "is an impression of the moon's surface.

It's not a street map."

มิได้เป็นแผนที่ถนน"

So you should take the exact numbers in our study with a grain of salt,

ดังนั้น คุณจึงควรจะรับรู้ว่าตัวเลขจริงๆ ในงานวิจัยของเรา

มิใช่ถูกต้องอย่างสมบูรณ์

yet it "gave us a tantalizing glimpse of a brave new world of finance."

แต่มันก็ "ให้เราเห็นแว๊บหนึ่งที่ยั่วยวน

ของโลกทางการเงินใบใหม่ที่กล้าหาญ"

เราหวังว่าเราได้เปิดประตู เพื่อให้มีการวิจัยในทิศทางนี้มากขึ้น

We hope to have opened the door for more such research in this direction,

so the remaining unknown terrain will be charted in the future.

เพื่อให้อาณาเขตที่เรายังไม่รู้จัก ที่ยังหลงเหลืออยู่ จะได้ถูกบันทึกไว้ในอนาคต

And this is slowly starting.

และเรื่องนี้กำลังเริ่มต้นอย่างช้าๆ

We're seeing the emergence of long-term and highly-funded programs

เรากำลังจะได้เห็น โครงการระยะยาวออกมา

ที่ได้รับเงินอุดหนุนสูง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อความเข้าใจ

which aim at understanding our networked world

โลกที่ทำงานกันเป็นเครือข่ายของเรา จากมุมมองที่ซับซ้อน

from a complexity point of view.

แต่การเดินทางนี้ เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

But this journey has only just begun,

so we will have to wait before we see the first results.

ดังนั้นเราจะต้องรอคอย ก่อนที่เราจะเห็นผลลัพธ์แรก

Now there is still a big problem, in my opinion.

ในปัจจุบัน ในความคิดของผม เรายังคงมีปัญหาใหญ่

ความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เศรษฐกิจ การเมือง

Ideas relating to finance, economics, politics, society,

หรือสังคม เป็นเรื่องที่มักจะถูกทำให้มัวหมอง

are very often tainted by people's personal ideologies.

จากอุดมการณ์ส่วนตัวของผู้คน

I really hope that this complexity perspective

ผมหวังอย่างจริงจังว่า มุมมองที่ซับซ้อนนี้

allows for some common ground to be found.

จะทำให้พบพื้นที่ ที่เห็นพ้องต้องกันบ้าง

จะเยี่ยมยอดจริงๆ ถ้ามันมีพลัง

It would be really great if it has the power

to help end the gridlock created by conflicting ideas,

ที่จะช่วยขจัดการติดขัดทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นจากความคิดที่ขัดแย้งกัน

which appears to be paralyzing our globalized world.

ซึ่งเห็นได้ว่า ทำให้โลกาภิวัฒน์ต้องเป็นอัมพาตไป

Reality is so complex, we need to move away from dogma.

ความเป็นจริงนั้นซับซ้อนมาก เราจำเป็นต้องถอยออกจาก ความเชื่อแบบกำปั้นทุบดิน

But this is just my own personal ideology.

แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่อุดมการณ์ส่วนตัวของผมเองเท่านั้น

Thank you.

ขอบคุณครับ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)