The wars that inspired Game of Thrones - Alex Gendler

สงครามที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ เกมส์ ออฟ โธรน - อเล็กซ์ เจนดเลอร์ (Alex Gendler)

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Tisa Tontiwatkul

As far as we know,

เท่าที่เราทราบ

Medieval England was never invaded by ice zombies,

อังกฤษยุคกลางไม่เคยถูกบุกรุกโดยซอมบี้น้ำแข็ง

or terrorized by dragons,

หรือถูกระรานโดยมังกร

but it was shaken by a power struggle between two noble families

แต่มันถูกสั่นคลอนด้วยการแก่งแย่งอำนาจ จากขุนนางสองตระกูล

spanning generations

ยาวนานหลายชั่วอายุคน

and involving a massive cast of characters

และเกี่ยวข้องกับบุคคลมากมายหลากหลาย

with complex motives and shifting loyalties.

ที่มีจุดประสงค์ที่ซับซ้อนและความภักดีที่ผันแปร

If that sounds familiar,

ถ้ามันฟังดูคุ้นๆ แล้วล่ะก็

it's because the historical conflicts known as the Wars of the Roses

มันเป็นเพราะความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์ ที่รู้จักกันในนามของ สงครามกุหลาบ

served as the basis for much of the drama in Game of Thrones.

ซึ่งถูกใช้เป็นรากฐาน ของเรื่องราวส่วนใหญ่ในเกมส์ ออฟ โธรน

The real-life seeds of war were sewn by the death of King Edward III in 1377.

กำเนิดสงครามที่แท้จริง ก่อตัวเมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ที่สาม สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ. 1377

Edward's oldest son had died before his father,

พระโอรสองค์โตของเอ็ดเวิร์ดเสียชีวิตก่อนพระบิดา

but his ten-year-old son, Richard II,

succeeded to the throne ahead of Edward's three surviving sons.

แต่ริชาร์ดที่สอง พระโอรสที่มีพระชนมายุสิบชันษา

ขึ้นครองบัลลังก์ก่อนพระโอรสของเอ็ดเวิร์ด ทั้งสามพระองค์ที่ยังมีชีวิตอยู่

This skipping of an entire generation

การข้ามทั้งระดับรุ่นอายุนั้น

left lingering claims to the throne among their various offspring,

ทิ้งไว้ซึ่งการกล่าวอ้างต่อบัลลังก์ ที่ไม่จบสิ้นในบรรดาลูกหลาน

particularly the Lancasters, descended from Edward's third son,

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตระกูลแลนแคสเตอร์ สายเลือดพระโอรสองค์ที่สามของเอ็ดเวิร์ด

and the Yorks, descended from his fourth son.

และตระกูลยอร์ค ที่สืบสายเลือดมาจาก พระโอรสองค์ที่สี่ของเขา

The name of the ensuing wars

ชื่อของสงครามที่จะตามมานี้

comes from the symbols associated with the two families,

มาจากสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับสองตระกูล

the white rose of York and the red rose of Lancaster.

กุหลาบขาวแห่งยอร์ค และกุหลาบแดงแห่งแลนแคสเตอร์

The Lancasters first gained the throne

แลนแคสเตอร์ได้บัลลังก์ไปก่อน

when Richard II was deposed by his cousin Henry IV in 1399.

เมื่อริชาร์ดที่สองถูกยึดตำแหน่งโดยลูกพี่ลูกน้อง เฮนรี่ที่สี่ ในปี ค.ศ. 1399

Despite sporadic unrest,

แม้จะเกิดความวุ่นวายในหลายๆ ที่

their reign remained secure until 1422,

ตำแหน่งของพวกเขาก็ปลอดภัย จนมาถึง ค.ศ. 1422

when Henry V's death in a military campaign

เมื่อเฮนรี่ที่ห้าสิ้นพระชนม์ในการรณรงค์สงคราม

left an infant Henry VI as king.

ก็เหลือแต่ทารกเฮนรี่ที่หกที่จะเป็นกษัตริย์

Weak-willed and dominated by advisors,

ด้วยความไม่หลักแหลม และการครอบงำจากที่ปรึกษา

Henry was eventually convinced to marry Margaret of Anjou to gain French support.

เฮนรี่ก็ถูกโน้มน้าวให้แต่งงานกับ มาร์กาเรตแห่งอ็องฌู เพื่อการสนับสนุนจากฝรั่งเศส

Margaret was beautiful, ambitious,

มาร์กาเรต ช่างงดงาม มีความทะเยอทะยาน

and ruthless in persecuting any threat to her power,

และไร้ความปราณีในเรื่องการลงทัณฑ์ผู้ใดก็ตาม ที่เป็นภัยต่ออำนาจของนาง

and she distrusted Richard of York, most of all.

และนางก็ไม่เชื่อใจริชาร์ดแห่งยอร์คเป็นที่สุด

York had been the King's close advisor and loyal General,

ยอร์คเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดของกษัตริย์มาตลอด และเป็นแม่ทัพผู้ซื่อสัตย์

but was increasingly sidelined by the Queen,

แต่ก็ถูกกันท่าให้ห่างออกไปเรื่อยๆ ไปโดยราชินี

who promoted her favorite supporters, like the Earls of Suffolk and Somerset.

ผู้ซึ่งส่งเสริมผู้สนับสนุนคนโปรดของนาง อย่าง เอิร์ลแห่งซัฟโฟล์ค และซัมเมอร์เซท

York's criticism of their inept handling of the war against France

การที่ยอร์ควิพากษ์วิจารณ์ความไม่ชาญฉลาด ในการจัดการสงครามต่อฝรั่งเศสของพวกเขา

led to his exclusion from court and transfer to Ireland.

นำไปสู่การการถูกขับออกจากสภา และย้ายไปที่ไอร์แลนด์

Meanwhile, mounting military failures,

และระหว่างนั้น ความล้มเหลวทางการทหารที่เพิ่มขึ้น

and corrupt rule by Margaret and her allies

และการปกครองที่ถูกครอบงำ โดยมาร์กาเรตและพวกพ้อง

caused widespread discontent,

ทำให้เกิดความไม่พอใจไปทั่ว

and in the midst of this chaos,

และท่ามกลางความโกลาหลนี้

Richard of York returned with an army to arrest Somerset and reform the court.

ริชาร์ดแห่งยอร์คกลับมากับกองทัพ เพื่อจับซัมเมอร์เซทและปฏิรูปสภา

Initially unsuccessful, he soon got his chance

ครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในไม่นานก็สบโอกาส

when he was appointed Protector of the Realm

เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้ป้องกันอาณาจักร

after Henry suffered a mental breakdown.

หลังจากที่เฮนรี่มีอาการล้มเหลวทางประสาท

However, less than a year later,

อย่างไรก็ดี ไม่ถึงปีต่อมา

Henry suddendly recovered

เฮนรีก็มีอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

and the Queen convinced him to reverse York's reforms.

และราชินีก็โน้มน้าวให้เขา ยกเลิกการปฏิรูปของยอร์ค

York fled and raised an army once more.

ยอร์คหนีและตั้งกองทัพขึ้นมาอีก

Though he was unable to directly seize the throne,

แม้ว่าเขาไม่อาจชิงเอาบัลลังก์มาได้โดยตรง

he managed to be reinstated as Protector

เขาก็สามารถ ที่จะกลับมาครองตำแหน่งผู้คุ้มกัน

and have himself and his heirs designated to succeed Henry.

และกำหนดชะตาให้ตัวเองและทายาท รับช่วงต่อจากเฮนรี่

But instead of a crown,

แต่แทนที่จะได้สวมมงกุฎ

York's head acquired a pike

ศีรษะของยอร์คถูกเสียบบนไม้

after he was killed in battle with the Queen's loyalists.

หลังจากที่เขาถูกฆ่า ในสงครามกับผู้ภักดีต่อราชินี

His young son took up the claim and was crowned Edward IV.

โอรสองค์เล็กขึ้นรับสิทธินั้น และได้ขึ้นครองราชย์เป็น เอ็ดเวิร์ดที่สี่

Edward enjoyed great military success against the Lancasters.

เอ็ดเวิร์ดประสบความสำเร็จทางทหาร ในการต่อสู้กับแลนแคสเตอร์

Henry was captured,

เฮนรี่ถูกจับกุม

while Margaret fled into exile

ในขณะที่มาร์กาเรตหลบหนีไปได้

with their reportedly cruel son, Edward of Westminster.

พร้อมกับโอรสที่ว่ากันว่าโหดร้าย ที่มีนามว่า เอ็ดเวิร์ด แห่งเวสมินสเตอร์

But the newly crowned King made a tragic political mistake

แต่กษัตริย์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์ ได้ทำเรื่องผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงทางการเมือง

by backing out of his arranged marriage with a French Princess

โดยหันหลังให้กับการแต่งงานที่จัดเตรียมไว้ กับเจ้าหญิงแห่งฝรั่งเศส

to secretly marry the widow of a minor Noble.

เพื่อที่จะได้แต่งงานกับหญิงม่าย จากตระกูลที่มีศักดิ์รองลงมา

This alienated his most powerful ally, the Earl of Warwick.

นั่นทำให้เขาห่างเหินพรรคพวกที่ทรงอำนาจที่สุด เอิร์น แห่งวอร์วิค

Warwick allied with the Lancasters,

วอร์วิคเข้าพวกกับแลนแคสเตอร์

turned Edward's jealous younger brother, George, against him,

ทำให้จอร์ช พระอนุชาของเอ็ดเวิร์ด ต่อต้านเขา

and even briefly managed to restore Henry as King,

และถึงกับจัดการที่ให้เฮนรี่ กลับมาเป็นกษัตริย์อีกครั้ง

but it didn't last.

แต่มันก็ไม่นาน

Edward recaptured the throne,

เอ็ดเวิร์ดทวงบัลลังก์คืน

the Lancaster Prince was killed in battle,

เจ้าชายแลนแคสเตอร์ถูกสังหารในสงคราม

and Henry himself died in captivity not long after.

และเฮนรี่เองก็สิ้นพระชนม์ ไม่นานหลังจากนั้น

The rest of Edward IV's reign was peaceful,

รัชสมัยของเอ็ดเวิร์ดที่สี่หลังจากนั้นก็สงบสุข

but upon his death in 1483, the bloodshed resumed.

แต่ขณะที่เขากำลังจะสิ้นใจในปี ค.ศ. 1483 การนองเลือดก็กลับมาอีกครั้ง

Though his twelve-year-old son was due to succeed him,

แม้ว่าโอรสวัยยี่สิบชันษา จะถูกวางตัวไว้ให้สืบทอดต่อจากเขา

Edward's younger brother Richard III declared his nephews illegitimate

อนุชาผู้น้องของเอ็ดเวิร์ด นามว่า ริชาร์ดที่สาม ได้ประกาศว่าพระนัดดาของเขาเป็นเด็กนอกสมรส

due to their father's secret marriage.

จากสัมพันธ์นอกกฎหมายของพ่อของพวกเขา

He assumed the regency himself and threw the boys in prison.

เขาแต่งตั้งตัวเองเป็นผู้สำเร็จราชการ และจับเจ้าชายทั้งสองโยนใส่คุก

Though no one knows what ultimately became of them,

แม้ว่าจะไม่มีใครทราบว่า ที่สุดแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา

after a while, the Princes disappeared

ไม่นาน เจ้าชายทั้งสองก็หายตัวไป

and Richard's power seemed secure.

และอำนาจของริชาร์ดก็อยู่ในกำมือ

But his downfall would come only two years later

แต่หายนะของเขาก็มาถึง ในอีกสองปีถัดมา

from across the narrow sea of the English Channel.

จากอีกฟากของทะเลแคบๆ ช่องแคบอังกฤษ

Henry Tudor was a direct descendant of the first Duke of Lancaster,

เฮนรี่ ทิวดอร์ ซึ่งเป็นทายาทสายตรง ของดยุคองค์แรกแห่งแลนแคสเตอร์

raised in exile after his father's death in a previous rebellion.

ที่เติบโตนอกดินแดนที่เขาถูกเนรเทศ หลังจากการเสียชีวิตของบิดาก่อนการก่อกบฎ

With Richard III's power grab causing a split in the York faction,

การแย่งชิงอำนาจของริชาร์ดที่สาม ทำให้ยอร์คแตกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย

Henry won support for his royal claim.

เฮนรี่ได้รับการสนับสนุน ในสิทธิราชสำนักของเขา

Raising an army in France, he crossed the Channel in 1485

เขาเกณ์กองทัพจากฝรั่งเศส ข้ามช่องแคบมาในปี ค.ศ. 1485

and quickly defeated Richard's forces.

และจัดการกองกำลังของริชาร์ดได้อย่างรวดเร็ว

And by marrying Elizabeth of York, elder sister of the disappeared Princes,

และจากการแต่งงานกับเอลิซาเบธแห่งยอร์ค เจ้าหญิงองค์โตของเจ้าชายทั้งสองที่หายไป

the newly crowned Henry VII joined the two roses,

กษัตริย์องค์ใหม่นามเฮนรี่ที่แปด ก็นำกุหลาบทั้งสองมารวมกัน

finally ending nearly a century of war.

และสงครามที่ยาวนานเป็นศตวรรษก็จบลง

We often think of historical wars as decisive conflicts

เรามักคิดว่าสงครามจริงในประวัติศาสตร์ เป็นความขัดแย้งที่ชัดเจน

with clearly defined winners and losers.

ที่มีผู้แพ้และผู้ชนะที่กำหนดไว้ชัดเจน

But the Wars of the Roses, like the fiction they inspired,

แต่สงครามกุหลาบ ก็เหมือนกับนิยายที่ได้รับแรงบันดาลใจ

show us that victories can be uncertain,

มันแสดงให้เราเห็นว่า ชัยชนะนั้นไม่จีรัง

alliances unstable,

พันธมิตรนั้นไม่ยั่งยืน

and even the power of Kings as fleeting as the seasons.

และแม้แต่อำนาจของกษัตริย์ ก็ฉาบฉวยไม่ต่างกับฤดู