Alex Steffen: The route to a sustainable future

Translator: Varut Rintanalert Reviewer: weeraboon wisartsakul

When I'm starting talks like this,

เวลาที่ผมขึ้นมาพูดแบบนี้นะครับ

I usually do a whole spiel about sustainability

ผมมักจะพูดย้ำ เกี่ยวกับ ความยั่งยืน

because a lot of people out there don't know what that is.

เพราะว่า หลายคนไม่ทราบว่า "ความยั่งยืน" เนี่ยมันคืออะไร

This is a crowd that does know what it is,

แต่ผมเชื่อว่าพวกเราตรงนี้ คงจะเข้าใจดีอยู่แล้วนะครับ

so I'll like just do like the 60-second crib-note version. Right?

เดี้ยวผมจะสรุปอย่างย่อๆ สักนาทีนึงละกันครับ โอเคนะ

So just bear with me. We'll go real fast, you know?

ทนนึดนึงนะครับ เราจะสรุปกันเร็วๆ เลยละกัน

Fill in the blanks.

เหมือนเติมคำในช่องว่างครับ

So, you know, sustainability, small planet.

ครับ ความยั่งยืน กับดาวเล็กๆดวงนึง

Right? Picture a little Earth, circling around the sun.

ใช่มั้ยครับ คิดภาพโลกเล็กๆ ของเราที่โคจรรอบดวงอาทิตย์

You know, about a million years ago,

ก็ ประมานหนึ่งล้านปีได้

a bunch of monkeys fell out of trees,

เหล่าฝูงลิงต่างโดดลงมาจากต้นไม้

got a little clever, harnessed fire,

เริ่มฉลาดขึ้นทีละนิด เริ่มรู้จักก่อไฟ

invented the printing press,

ประดิษฐ์เครื่องมือการพิมพ์

made, you know, luggage with wheels on it.

สร้าง เอ่อ กระเป๋าเดินทางที่มีล้อลากได้

And, you know, built the society that we now live in.

แล้วก็ สร้างสังคมที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบัน

Unfortunately, while this society is, without a doubt,

อย่างไรก็ตาม สังคมที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า

the most prosperous and dynamic the world has ever created,

มีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดและเป็นโลกที่มีสีสันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

it's got some major, major flaws.

แต่สังคมก็ยังมีปัญหาบางอย่างที่ใหญ่มากๆ

One of them is that every society has an ecological footprint.

หนึ่งในนั้นก็คือการที่สังคมทุกๆสังคมมีการสร้างรอยเท้าทางนิเวศน์วิทยา

It has an amount of impact on the planet that's measurable.

ซึ่งมีส่งผลต่อโลก และเราก็สามารถวัดค่านี้ได้

How much stuff goes through your life,

มีสิ่งของมากแค่ไหนที่เราใช้ไปในชีวิต

how much waste is left behind you.

และมีของเสียมากขนาดไหนที่คุณทิ้งภาระเอาไว้

And we, at the moment, in our society,

และในเวลานี้ ตอนนี้ สังคมของเรา

have a really dramatically unsustainable level of this.

มีระดับของรอยเท้านี้สูงมากจนน่าวิตก

We're using up about five planets.

เราต้องการโลกถึงห้าดวง

If everybody on the planet lived the way we did,

ถ้าทุกคนบนโลกใช้ชีวิตอย่างตอนนี้

we'd need between five, six, seven,

อาจจะต้องใช้ ประมาน ห้า หก หรือ เจ็ด

some people even say 10 planets to make it.

หรืออาจจะเป็น สิบด้วยซ้ำเพื่อที่จะอยู๋รอด

Clearly we don't have 10 planets.

แน่นอน ว่าเราไม่มีโลกสิบดวง

Again, you know, mental, visual, 10 planets, one planet,

อืม คิดนะครับ โลกสิบดวง กับโลกใบเดียว

10 planets, one planet. Right?

สิบ กับ หนึ่ง นะครับ

We don't have that. So that's one problem.

เราไม่มีแน่ๆ นั่นเป็นปัญหาแรก

The second problem is that the planet that we have

อย่างที่สอง ก็คือ โลกที่เรามี

is being used in wildly unfair ways. Right?

กำลังถูกใช้อย่างไม่สมเหตุสมผล ใช่มั้ยครับ

North Americans, such as myself, you know,

คนอเมริกันตอนเหนือ อย่างผมเนี่ย

we're basically sort of wallowing, gluttonous hogs,

เป็นเหมือน หมู หมูที่อ้วนแล้วก็หิว

and we're eating all sorts of stuff.

แล้ว เราก็กิน กิน และกินทุกอย่าง

And, you know, then you get all the way down

แล้วเราก็ค่อยๆ ไล่กินระดับลงไปเรื่อยๆ

to people who live in the Asia-Pacific region, or even more, Africa.

จนถึง ผู้คนที่อยู่ใน เอเชียแปซิฟิก แล้วก็ แอฟริกา

And people simply do not have enough to survive.

คนเหล่านี้มีปัจจัยไม่พอจะอยู่รอด

This is producing all sorts of tensions,

นี่แหละที่สร้างความกดดัน

all sorts of dynamics that are deeply disturbing.

สร้างแนวโน้มที่เป็นปัญหาอย่างหนัก

And there's more and more people on the way. Right?

แล้วก็ยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากต้องเจอปัญหาเช่นนี้ ใช่มั้ยครับ

So, this is what the planet's going to look like in 20 years.

นี่แหละครับ โลกที่จะเป็นในอีกยี่สิบปีข้างหน้า

It's going to be a pretty crowded place, at least eight billion people.

เป็นโลกที่ค่อนข้างจะแออัด อย่างน้อยก็แปดร้อยล้านคนได้

So to make matters even more difficult, it's a very young planet.

ปัญหามันก็ยากขึ้นกว่าเดิม โลกเราก็ยังเด็กมาก

A third of the people on this planet are kids.

สามในสิบคนบนโลก ก็คือ เด็กๆ

And those kids are growing up in a completely different way

และเด็กๆ เหล่านี้ก็จะโตขึ้นอย่างแตกต่าง

than their parents did, no matter where they live.

จากพ่อแม่ของเขา โดยไม่เกี่ยวว่าเขาจะเกิดที่ไหน

They've been exposed to this idea of our society, of our prosperity.

เด็กเหล่านี้จะต้องเจอกับแนวคิดของสังคมของเรา และ สภาพการเป็นอยู่ของเรา

And they may not want to live exactly like us.

พวกเขาอาจจะไม่อยากอยู่อย่างเราก็ได้

They may not want to be Americans, or Brits,

เขาอาจจะไม่อยากเป็น อเมริกัน อังกฤษ

or Germans, or South Africans,

เยอรมัน หรือ แอฟริกาใต้

but they want their own version

แต่อาจจะเป็นชีวิตในแบบของพวกเขา

of a life which is more prosperous, and more dynamic,

ชีวิตที่ดีกว่า ที่มีสีสันกว่า

and more, you know, enjoyable.

ชีวิตที่สนุกและมีความสุขกว่า

And all of these things combine to create

และสิ่งเหล่านี้ก็จะผสมผสานกัน

an enormous amount of torque on the planet.

เป็นแรงขับดันที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกใบนี้

And if we cannot figure out a way to deal with that torque,

และถ้าพวกเราไม่รู้ว่าจะรับมือกับแรงเช่นนี้อย่างไร

we are going to find ourselves more and more and more quickly

พวกเราจำเป็นต้องค้นหาตัวเองให้เร็วมากขึ้น มากขึ้น ว่า

facing situations which are simply unthinkable.

กำลังเผชิญสถานการณ์ที่ไม่สามารถจินตนาการได้อย่างง่าย

Everybody in this room has heard the worst-case scenarios.

ทุกคนในห้องนี้ก็คงจะเคยเจอเรื่องร้ายๆที่สุดในชีวิต

I don't need to go into that.

ผมคิดว่าคุณคงรู้อยู่

But I will ask the question, what's the alternative?

แต่ผมจะขอถามว่า เราจะมีทางเลือกมั้ย

And I would say that, at the moment, the alternative is unimaginable.

และผมก็คงจะบอกว่า ตอนนี้ แค่ทางเลือกก็นึกภาพไม่ออกแล้ว

You know, so on the one hand we have the unthinkable;

ครับ ในด้านนึง เรามีสถานการณ์ที่ไม่มีทางคิดออก

on the other hand we have the unimaginable.

อีกด้าน เราไม่สามารถนึกภาพทางเลือกได้

We don't know yet how to build a society

แล้วเราก็ไม่รู้ว่าเราจะสร้างสังคมอย่างไร

which is environmentally sustainable,

ที่จะมีความยั่งยืนทางชีวภาพ

which is shareable with everybody on the planet,

ที่จะสามารถแบ่งบันให้กับทุกๆคนบนโลก

which promotes stability and democracy and human rights,

ที่จะส่งเสริมเสถียรภาพ ความเท่าเทียม และสิทธิมนุษย์ชน

and which is achievable in the time-frame necessary

และต้องเป็นสังคมที่สามารถทำได้ในช่วงเวลาที่เราต้องการ

to make it through the challenges we face.

เพื่อที่เราจะได้ก้าวผ่านอุปสรรคที่เราพบเจออยู่

We don't know how to do this yet.

ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าจะทำยังไง

So what's Worldchanging?

ถ้างั้น Worldchanging คืออะไรละ

Well, Worldchanging you might think of

อืม ลองนึกภาพนี้นะครับ

as being a bit of a news service for the unimaginable future.

เราเป็นเหมือนสถานีข่าวสำหรับอนาคตที่นึกไม่ออก

You know, what we're out there doing is looking

สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ก็คือ

for examples of tools, models and ideas,

มองหาอุปกรณ์ ตัวอย่าง และความคิด

which, if widely adopted, would change the game.

ที่ ถ้าเกิดเรานำมาใช้เนี่ยจะเปลี่ยนชีวิตเราได้

A lot of times, when I do a talk like this, I talk about things

ส่วนใหญ่เวลาที่ผมพูดแบบนี้ ผมก็จะพูด

that everybody in this room I'm sure has already heard of,

เกี่ยวกับสิ่งที่คนในห้องนี้น่าจะเคยได้ยินมาก่อน

but most people haven't.

แต่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยิน

So I thought today I'd do something a little different,

วันนี้ผมอยากจะทำอะไรที่แตกต่างสักหน่อย

and talk about what we're looking for, rather than saying, you know,

ผมจะพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เรามองหา แทนที่จะ เอ่อ

rather than giving you tried-and-true examples.

แทนที่จะยกตัวอย่างของจริง

Talk about the kinds of things we're scoping out.

ผมจะพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เราพยายามมองหา

Give you a little peek into our editorial notebook.

ผมจะให้คุณได้ดูงานที่พวกเราทำสักนึดนึง

And given that I have 13 minutes to do this, this is going to go kind of quick.

ผมมีเวลาประมาน 13 นาที จะอธิบายเร็วหน่อยนะครับ

So, I don't know, just stick with me. Right?

เอ่อ ไม่รู้สิ ตามผมให้ทันนะ

So, first of all, what are we looking for? Bright Green city.

โอเค อย่างแรก เรากำลังมองหาอะไร? เมืองสีเขียวครับ

One of the biggest levers that we have in the developed world

คันโยกที่ใหญ่ที่สุด ที่เรามีในโลกที่พัฒนาแล้ว

for changing the impact that we have on the planet

สำหรับเปลี่ยนสิ่งที่เราเคยทำกับโลกใบนี้

is changing the way that we live in cities.

ก็คือการเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของเราในเมืองต่างๆ

We're already an urban planet;

เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยเมือง

that's especially true in the developed world.

โดยเฉพาะโลกที่พัฒนาแล้ว

And people who live in cities in the developed world

และคนที่อยู่ในโลกที่พัฒนา

tend to be very prosperous, and thus use a lot of stuff.

ส่วนใหญ่จะมีชีวิตที่ดี ก็เลยจะใช้ของต่างๆ เยอะ

If we can change the dynamic,

ถ้าเราสามารถเปลี่ยนแนวโน้มนี้ได้

by first of all creating cities that are denser and more livable ...

เริ่มต้นจากการสร้างเมืองที่แน่นขึ้นและน่าอยู่ขึ้น

Here, for example, is Vancouver, which if you haven't been there,

ที่นี่ คือ แวนคูเวอร์นะครับ ถ้าเกิดคุณยังไม่เคยไป

you ought to go for a visit. It's a fabulous city.

เป็นเมืองที่สุดยอด และ เป็นที่ๆ น่าไปมากๆ

And they are doing density, new density,

เขากำลังทำให้เมืองแน่นขึ้น แต่แบบใหม่นะครับ

better than probably anybody else on the planet right now.

เป็นแบบที่ดีกว่าทุกที่ในเลยละ

They're actually managing to talk North Americans out of driving cars,

เขากำลังพยายามให้ ชาวอเมริกันทางเหนือ เลิกขับรถ

which is a pretty great thing.

ซึ่งเป็นอะไรที่ยอดมาก

So you have density. You also have growth management.

โอเค ถ้าคุณมีความหนาแน่น คุณก็ต้องมีการจัดการประชากร

You leave aside what is natural to be natural.

คุณต้องปล่อยให้ธรรมชาติอยู่เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม

This is in Portland. That is an actual development.

อันนี้คือ พอร์ทแลน นี่เป็นภาพโครงการจริงนะครับ

That land there will remain pasture in perpetuity.

พื้นที่ตรงนี้จะไม่มีการสร้างอะไรทับเด็ดขาด

They've bounded the city with a line.

เค้าได้แบ่งเมืองด้วยเส้น เส้นเดียวครับ

Nature, city. Nothing changes.

ธรรมชาติ กับ เมือง ไม่มีอะไรเปลี่ยน

Once you do those things, you can start making all sorts of investments.

พอคุณทำพวกนี้แล้ว ตอนนี้คุณก็จะเริ่มลงทุนต่างๆได้

You can start doing things like, you know,

อย่างเช่น เอ่อ ....

transit systems that actually work to transport people,

ระบบขนส่งที่ ใช้ขนส่งผู้คนได้จริงๆ

in effective and reasonably comfortable manners.

ระบบที่มีประสิทธิภาพ มีความสะดวกสบาย ใช่มั้ยละ

You can also start to change what you build.

ระบบที่คุณสามารถดัดแปลงสิ่งที่คุณเคยสร้าง

This is the Beddington Zero Energy Development in London,

อันนี้เป็น ตึกที่ไม่ใช่พลังงาน "เบดดิงตั้น" ในลอนดอนนะครับ

which is one of the greenest buildings in the world. It's a fabulous place.

เป็นหนึ่งในตึกที่ประหยัดพลังงานที่สุดในโลก สุดยอดมากๆนะครับ

We're able to now build buildings that generate all their own electricity,

ตอนนี้เราสร้างมาสร้างตึกที่ผลิดกระแสไฟฟ้าเอง

that recycle much of their water,

นำน้ำที่ใช้กลับมารีไซเคิลได้

that are much more comfortable than standard buildings,

เป็นตึกที่อยู่สบายกว่าตึกทั่วไปอีกนะครับ

use all-natural light, etc., and, over time, cost less.

ใช้แสงจากธรรมชาติ แล้วก็ค่าก่อสร้างถูกกว่าในระยะยาว

Green roofs. Bill McDonough covered that last night, so I won't dwell on that too much.

หลังคา'สีเขียว' บิล แมคโดนัล เพิ่งพูดไปเมื่อวาน ผมจะไม่พูดเกี่ยวกับมันมากละกันนะครับ

But once you also have people living

แต่พอคุณมีคนมาอยู่ด้วยกัน

in close proximity to each other,

ใกล้ๆกันแล้วเนี่ย

one of the things you can do is --

มีสิ่งนึงที่คุณทำได้

as information technologies develop --

นั่นก็คือ เมื่อเทคโนโลยีเริ่มพัฒนาขึ้น

you can start to have smart places.

คุณสามารถสร้าง ห้องที่มีระบบไฮเทค

You can start to know where things are.

คุณสามารถรู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน

When you know where things are, it becomes easier to share them.

พอคุณรู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน มันก็ง่ายที่จะแบ่งปัน

When you share them, you end up using less.

พอคุณเริ่มแบ่งปัน คุณก็ใช้น้อยลง

So one great example is car-share clubs,

หนึ่งในตัวอย่างที่เยี่ยมมากๆ ก็คือ สมาคมแชร์รถยนต์

which are really starting to take off in the U.S.,

ซึ่งเริ่มจะฮิตมากในสหรัฐนะครับ

have already taken off in many places in Europe, and are a great example.

แล้วตอนนี้ก็เริ่มทำกันในยุโรบ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ

If you're somebody who drives, you know, one day a week,

ถ้าคุณเป็นคนที่ขับรถ ประมาณสัปดาห์ละครัง

do you really need your own car?

คุณจำเป็นต้องมีรถส่วนตัวด้วยหรอครับ

Another thing that information technology lets us do

อีกอย่างนึงที่ เทคโนโลยี ทำให้เราได้

is start figuring out how to use less stuff

ก็คือ เริ่มคิดว่าจะทำยังไงให้เราใช้ของน้อยลง

by knowing, and by monitoring, the amount we're actually using.

โดยตระหนักและติดตาม สิ่งที่เราใช้

So, here's a power cord which glows brighter the more energy that you use,

โอเค อันนี้คือ เพาเวอร์คอร์ด นะครับ แสงจะสว่างขึ้นเรื่อยๆตามพลังงานที่คุณใช้

which I think is a pretty cool concept,

สำหรับผมนะ ผมว่าคอนเซ้ปนี้เจ๋งมากเลยละ

although I think it ought to work the other way around,

แต่ผมอยากให้มันทำงานอีกแบบมากกว่า

that it gets brighter the more you don't use.

แบบ สว่างขึ้น ถ้าคุณใช้น้อยลง

But, you know, there may even be a simpler approach.

นั่นแหละครับ มันอาจจะมีอะไรที่ง่ายๆกว่านี้

We could just re-label things.

เช่นเราแค่เริ่มติดป้ายให้ของต่างๆ

This light switch that reads, on the one hand, flashfloods,

อันนี้ก็เป็นปลั๊กที่ ด้านนึง เขียนว่าเปลืองไฟ

and on the other hand, off.

อีกด้าน ปิด

How we build things can change as well.

เราอาจจะเปลี่ยนวิธีที่เราสร้าง

This is a bio-morphic building.

อันนี้เป็นตึกที่สร้างเลียนแบบสิ่งมีชีวิตนะครับ

It takes its inspiration in form from life.

โดยนำไอเดียมากจากสิ่งมีชีวิตต่างๆ

Many of these buildings are incredibly beautiful,

ส่วนมาก ตึกเหล่านี้เนี่ย จะสวยมาก

and also much more effective.

แล้วก็มีประสิทธิภาพอย่างมาก

This is an example of bio-mimicry,

อันนี้เป็น ของที่เลียนแบบธรรมชาติ

which is something we're really starting to look a lot more for.

ซึ่งตอนนี้เราเริ่มพยายามที่จะมองหามากขึ้นนะครับ

In this case, you have a shell design

อันนี้ เป็นของในรูปของหอย

which was used to create a new kind of exhaust fan, which is greatly more effective.

ซึ่งเอามาใช้ในการสร้างที่ระบายความร้อนรุ่นใหม่ ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมมากๆ

There's a lot of this stuff happening; it's really pretty remarkable.

ของพวกนี้กำลังเกิดขึ้นเยอะนะครับ แล้วก็สุดยอดมาก

I encourage you to look on Worldchanging if you're into it.

ถ้าคุณชอบแนวๆนี้ ผมแนะนำให้ไปที่ Worldchanging นะครับ

We're starting to cover this more and more.

พอพูดถึงเรื่องแบบนี้เนี่ย

There's also neo-biological design,

เราก็มีของออกแบบ แบบชีวภาพ เข้ามาด้วย

where more and more we're actually using life itself

ซึ่งเราเริ่มที่จะเอาสิ่งมีชีวิต เข้ามามากขึ้น มากขึ้น

and the processes of life to become part of our industry.

และชีวิตเหล่านี้ก็เริ่มเป็นส่วนหนึ่งของอุสหกรรมของเรา

So this, for example, is hydrogen-generating algae.

โอเคอันนี้ เป็น สาหร่ายที่ผลิดไฮโดรเจนนะครับ

So we have a model in potential, an emerging model that we're looking for

ตอนนี้เรามีตัวอย่างที่มีศักยภาพ เป็นตัวอย่างที่

of how to take the cities most of us live in,

เราหวังว่าจะได้นำไปใช้กับเมืองต่างๆ

and turn them into Bright Green cities.

และเปลี่ยนให้เมืองเขียวขึ้นนะครับ

But unfortunately, most of the people on the planet don't live in the cites we live in.

น่าเสียดายที่ว่าคนอีกหลายๆคนบนโลก ไม่ได้อยู่ในเมืองแบบเรา

They live in the emerging megacities of the developing world.

แต่เป็นเมืองใหญ่ๆในประเทศที่กำลังพัฒนา

And there's a statistic I often like to use,

นี่เป็นสถิติอีกอันที่ผมชอบใช้นะครับ

which is that we're adding a city of Seattle every four days,

ซึ่งเป็นการที่เราเพิ่มขนาดเมืองของ ซีแอตเทิ้ล ทุกๆสี่วัน

a city the size of Seattle to the planet every four days.

แล้วก็วัดขนาดของเมืองเทียบกับขนาดของโลก

I was giving a talk about two months ago,

ผมเพิ่งจะพูดเรื่องนี้ไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว

and this guy, who'd done some work with the U.N., came up to me

แล้วก็มีผู้ชายคนนึงที่เคยทำงานให้กับ ยูเอ็น เดินมาคุยกับผม

and was really flustered, and he said, look,

แล้วเค้าหงุดหงิดมาก เขาบอกผมว่า

you've got that totally wrong; it's totally wrong.

นี่มันผิดหมดเลย แบบ คุณทำผิดหมดเลย

It's every seven days.

มันเป็นทุกๆเจ็ดวันต่างหาก

So, we're adding a city the size of Seattle every seven days,

เราก็เลยเปลี่ยนไปเพิ่มขนาดเมืองๆทุกๆเจ็ดวันแทน

and most of those cities look more like this than the city that you or I live in.

เมืองหลายเมืองนะครับ หน้าตาเป็นแบบนี้มากกว่าเมืองที่คุณหรือผมอยู่

Most of those cites are growing incredibly quickly.

เมืองเหล่านี้มีอัตราการเติบโตเร็วมาก

They don't have existing infrastructure;

พวกเค้ายังไม่มีโครงสร้างปัจจัยพื้นฐาน

they have enormous numbers of people who are struggling with poverty,

ประชากรจำนวนมากก็ยังมีปัญหาความยากจน

and enormous numbers of people are trying to figure out

และประชากรเหล่านี้ก็พยายามอย่างมาก

how to do things in new ways.

ที่จะทำสิ่งต่างๆ ในวิธิใหม่ๆ ใช่มั้ยครัย

So what do we need in order to make developing nation

แล้วเราจะทำยังไงให้ประเทศที่กำลังพัฒนาเหล่านี้

megacities into Bright Green megacities?

สร้างเมือง ที่จะเป็นเมืองสีเขียวในอนาคตได้

Well, the first thing we need is, we need leapfrogging.

อย่างแรกที่เราต้องใช้ ก็คือการกระโดด

And this is one of the things that we are looking for everywhere.

นี่เป็นอย่างนึงที่เราพยายามมองหาในทุกๆที่ครับ

The idea behind leapfrogging is that

ความคิดเบื้องหลังการก้าวกระโดดเนี่ยก็คือ

if you are a person, or a country, who is stuck in a situation

ถ้าคุณเป็นคน หรือเป็นประเทศ ที่กำลังติดอยู่ในสถานการณ์

where you don't have the tools and technologies that you need,

ที่คุณไม่มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่คุณต้องใช้

there's no reason for you to invest in last generation's technologies. Right?

ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องซื้อเทคโนโลยีล่าสุดมาใช้ ใช่มั้ยครับ

That you're much better off, almost universally,

เพราะคุณรู้ว่า ยังไงคุณสามารถ

looking for a low-cost or locally applicable version of the newest technology.

หาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ราคาถูกและหาได้ในท้องถิ่น

One place we're all familiar with seeing this is with cell phones. Right?

ตัวอย่างนึงที่เราเห็นกันประจำก็คือ มือถือใช่มั้ยครับ

All throughout the developing world, people are going directly to cell phones,

ทุกคนในประเทศที่กำลังพัฒนาทุกประเทศกำลังจะเปลี่ยนไปใช้มือถือ

skipping the whole landline stage.

ซึ่งเป็นการแทนที่โทรศัพท์พื้นฐานทั้งระบบ

If there are landlines in many developing world cities,

สายโทรศัพท์ส่วนใหญ่ในโลกที่กำลังพัฒนา

they're usually pretty crappy systems that break down a lot

ส่วนใหญ่จะค่อนข้างห่วยแล้วก็พังบ่อยๆ

and cost enormous amounts of money.

แล้วเปลืองงบสุดๆเลยใช่มั้ยละครับ

So I rather like this picture here.

ผมก็เลยชอบอะไรแบบนี้

I particularly like the Ganesh in the background, talking on the cell phone.

โดยเฉพาะกาเน็ตด้านหลังนี่ กำลังคุยมือถืออยู่ครับ

So what we have, increasingly, is cell phones just permeating out through society.

ตอนนี้ มือถือกำลังแพร่ขยายเข้าสู่สังคม

We've heard all about this here this week,

เราคงจะได้ยินกันไปแล้วในสัปดาห์นี้นะครับ

so I won't say too much more than that, other than to say

ผมจะไม่พูดมากละกัน นอกจากว่า

what is true for cell phones is true for all sorts of technologies.

สิ่งที่เกิดขึ้นกับมือถือ ก็เป็นจริงกับเทคโนโลยีทั้งหมด

The second thing is tools for collaboration,

อย่างที่สองก็คือ เครื่องมือที่ทำให้คนทำงานร่วมกัน

be they systems of collaboration, or intellectual property systems

จะเป็นระบบ หรือ ระบบทรัพย์สินทางปัญญา

which encourage collaboration. Right?

ก็จะช่วยให้คนทำงานร่วมกันได้ ใช่มั้ยครับ

When you have free ability for people to freely work together and innovate,

เมื่อคุณให้อิสระแก่ผู้คนให้ทำงานและสร้างสรรค์ร่วมกันอย่างเสรี

you get different kinds of solutions.

คุณก็จะได้วิธีแก้ปัญหาหลายรูปแบบ

And those solutions are accessible in a different way

และรูปแบบแก้ปัญหาเหล่านี้ก็สามารถเข้าถึงได้หลายทาง

to people who don't have capital. Right?

แก่ผู้ที่ไม่มีเงินทุน ใช่มั้ยครับ

So, you know, we have open source software,

เอ่อ ตอนนี้เรามีซอฟท์แวร์ที่เป็น open source

we have Creative Commons and other kinds of Copyleft solutions.

เรามี Creative Commons แล้วก็ Copyleft หลากหลายแบบใช่มั้ยครับ

And those things lead to things like this.

ของพวกนี้แหละ ที่ทำให้เกิดสิ่งแบบนี้ขึ้น

This is a Telecentro in Sao Paulo.

นี่คือ เทเลเซ็นโทร ใน เซาเปาโล

This is a pretty remarkable program

เป็นโปรแกรมที่มหัศจรรย์มากๆ

using free and open source software, cheap, sort of hacked-together machines,

เราได้ใช้ซอฟท์แวร์ที่เป็น open source, เครื่องจักรราคาถูกๆ

and basically sort of abandoned buildings --

แล้วก็ตึกร้างๆ ทั้งหลาย

has put together a bunch of community centers

แล้วก็สร้างเป็น ที่สาธารณะ

where people can come in, get high-speed internet access,

ที่คนสามารถเข้ามา แล้วใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง

learn computer programming skills for free.

เรียนการเขียนโปรแกรมฟรี

And a quarter-million people every year use these now in Sao Paulo.

ตอนนี้ ราวๆ สองแสนห้าหมื่นคนเริ่มใช่ระบบนี้แล้วใน เซาเปาโล

And those quarter-million people are some of the poorest people in Sao Paolo.

แล้ว ในคนสองแสนกว่าคนนี้ก็รวมคนที่ยากจนที่สุดในเซาเปาโลด้วย

I particularly like the little Linux penguin in the back. (Laughter)

ผมน่ะ ชอบตัวลีนุกซ์ด้านหลังตัวนี้มากเลยละครับ

So one of the things that that's leading to is a sort of southern cultural explosion.

อย่างนึงที่สิ่งเหล่านี้ทำ ก็คือทำให้วัฒนธรรมทางใต้บูมขึ้นได้

And one of the things we're really, really interested in at Worldchanging

แล้วนี่ก็เป็นอย่างนึงที่เรา สนใจ มากๆ ที่ Worldchanging

is the ways in which the south is re-identifying itself,

ก็คือการที่ทางใต้เริ่ม เปลี่ยนตัวเอง

and re-categorizing itself in ways

แล้วก็เริ่มเปลี่ยนแนวของตัวเอง

that have less and less to do with most of us in this room.

ทำให้ตัวเองเริ่มมีบทบาทกับชีวิตของเราๆ อย่างในห้องนี้น้อยลง

So it's not, you know, Bollywood isn't just answering Hollywood. Right?

มันไม่ใช่แค่ว่า Bollywood สร้างมาแข่งกับ Hollywood นะครับ

You know, Brazilian music scene isn't just answering the major labels.

ไม่ใช่แค่ว่า ฉากเพลงของบราซิล สร้างคำตอบเพื่อดันกระแสค่ายเพลงใหญ่ๆ

It's doing something new. There's new things happening.

แต่เป็นการทำสิ่งใหม่ๆ ตอนนี้มีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นตลอดเวลา

There's interplay between them. And, you know, you get amazing things.

แล้วสิ่งเหล่านี้ก็มีการมาผสานกัน แล้วก็นั่นแหละที่คุณจะได้ของเจ๋งๆ

Like, I don't know if any of you have seen the movie "City of God?"

แบบ เอ่อ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเคยดูเรื่อง City of God รึเปล่านะ

Yeah, it's a fabulous movie if you haven't seen it.

เป็นหนังที่ดีมากๆเลยละครับ

And it's all about this question, in a very artistic and indirect kind of way.

เป็นหนังที่เกี่ยวกับคำถามแบบนี้แหละ แต่แบบออกศิลป์ทางอ้อมหน่อย

You have other radical examples

ยังมีตัวอย่างแบบนี้อีกเยอะ

where the ability to use cultural tools is spreading out.

ที่ๆการใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือ เริ่มมีบทบาท

These are people who have just been visited by

นี่เป็นกลุ่มคนที่เพิ่้งได้ลองใช้

the Internet bookmobile in Uganda.

หนังสืออินเตอร์เน็ต ผ่านทางมือถือ ในอูกานดา

And who are waving their first books in the air,

แล้วก็สะบัดหนังสือไปมาแบบนี้นะครับ

which, I just think that's a pretty cool picture. You know?

ผมว่ามันเป็นภาพที่เจ๋งมากเลยนะ

So you also have the ability for people to start coming together

ตอนนี้คุณก็สามารถที่จะให้คนเข้าหากัน

and acting on their own behalf in political and civic ways,

แล้วก็เริ่มแสดงจุดยืนของตัวเองทั้งทางความคิดทางการเมืองและการกระทำ

in ways that haven't happened before.

อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

And as we heard last night, as we've heard earlier this week,

อย่างที่เราได้ยินเมือคืนกับ เมื่อต้นสัปดาห์นี้นะครับ

are absolutely, fundamentally vital to the ability to craft new solutions,

นี่เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะหาวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ™

is we've got to craft new political realities.

เราจะต้องสร้างความเป็นจริงทางการเมืองแบบใหม่

And I would personally say that we have to craft new political realities,

ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า เราต้องสร้างความจริงทางการเมือง

not only in places like India, Afghanistan, Kenya, Pakistan,

ไม่ใช่แค่ประเทศอย่าง อินเดีย อัฟกานิสถาน เคนย่า หรือ ปากีสถาน

what have you, but here at home as well.

แต่ต้องเริ่มต้นที่บ้านของเราด้วย

Another world is possible.

โลกใหม่ก็เป็นไปได้

And sort of the big motto of the anti-globalization movement. Right?

แล้วก็พวกแนวคิดใหญ่ๆเช่น หยุดโลกาภิวัตน์ นะครับ

We tweak that a lot.

เราพยายามปรับปรุงมันเยอะนะ

We talk about how another world isn't just possible; another world's here.

โลกใหม่น่ะ ไม่ใช่แค่เป็นไปได้ แต่โลกใหม่น่ะอยู่ตรงนี้แล้ว

That it's not just that we have to sort of imagine

ไม่ใช่แค่ว่าเราต้องจินตนาการ

there being a different, vague possibility out there,

ว่ามันเปลี่ยนไป หรือ ข้างนอกเริ่มเปลี่ยนไปนิดๆ

but we need to start acting a little bit more on that possibility.

แต่เราต้องเริ่มลงมือทำในความเป็นไปได้นั้นอีกสักนิด

We need to start doing things like Lula, President of Brazil.

เราต้องเราลงมือทำอย่างประธานาธิบดีของบราซิล ลูล่า

How many people knew of Lula before today?

มีใครรู้จักลูล่ามาก่อนมั้ยครับ

OK, so, much, much better than the average crowd, I can tell you that.

โอเค ดี ครับ รู้จักเยอะกว่าคนทั่วๆไปเยอะเลย

So Lula, he's full of problems, full of contradictions,

ลูล่า เป็นคนที่เต็มไปด้วยปัญหา เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

but one of the things that he's doing is,

แต่สิ่งหนึ่งที่เค้าทำ

he is putting forward an idea of how we engage in international relations that

ก็คือเค้าเริ่มพัฒนาแนวคิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

completely shifts the balance from the standard sort of north-south dialogue

ที่เปลี่ยนความสมดุลย์จาก แบบคนเหนือพูดอย่าง คนใต้พูดอย่าง

into a whole new way of global collaboration.

ไปสู่หนทางใหม่ของการไม่แบ่งแยกความสัมพันธ์ระดับโลก

I would keep your eye on this fellow.

ถ้าเป็นผมนะ ผมจะจับตาคนนี้ไว้เลยละ

Another example of this sort of second superpower thing

อีกตัวอย่างนึงก็คือ พวกเกมวางแผนที่คุณมีอำนาจเด็ดขาด

is the rise of these games that are what we call "serious play."

พวกเกมแบบนี้เนี่ยได้สร้างแนวคิด เล่นอย่างจริงจังขึ้นมา

We're looking a lot at this. This is spreading everywhere.

ตอนนี้เราสนใจเรื่องนี้มาก เพราะมันเริ่มขยายไปทุกที่แล้วครับ

This is from "A Force More Powerful." It's a little screenshot.

อันนี้ภาพจาก "A Force More Powerful" นะครับ

"A Force More Powerful" is a video game that,

เกม "A Force More Powerful" นี้เป็นเกมที่

while you're playing it, it teaches you how to engage

เวลาที่คุณเล่นมันจะสอน

in non-violent insurrection and regime change. (Laughter)

ให้คุณไม่ใช้ความรุนแรง และให้ใช้การเจรจาแทน

Here's another one. This is from a game called "Food Force,"

อันนี้เป็นอีกเกมนะครับ ชื่อ "Food Force"

which is a game that teaches children how to run a refugee camp.

เป็นเกมที่สอนให้เด็กฝึก บริหารค่ายลี้ภัย

These things are all contributing in a very dynamic way

สิ่งเหล่านี้นะครับ เป็นการช่วยสร้างความร่วมมือ

to a huge rise in, especially in the developing world,

โดยเฉพาะในโลกที่กำลังพัฒนาเนี่ย คนเริ่มหันมา

in people's interest in and passion for democracy.

สนใจและจริงจังกับ ประชาธิปไตยเป็นอย่างมากเลยนะครับ

We get so little news about the developing world

เราได้ข่าวสารจากประเทศที่กำลังพัฒนาเหล่านี้น้อยมาก

that we often forget that there are literally

หลายๆครั้ง เราก็เลยลืมไปว่า

millions of people out there struggling to change things

ยังมีคนอีกหลายล้านที่กำลังพยายามที่จะเปลี่ยนสิ่งต่างๆ

to be fairer, freer, more democratic, less corrupt.

ให้เท่าเทียม อิสระ ให้เป็นประชาธิปไตยจริงๆ ให้คอรัปชั่นน้อยลง

And, you know, we don't hear those stories enough.

คุณรู้มั้ยครับ ว่าเราได้ยินเรื่องเหล่านี้น้อยเหลือเกิน

But it's happening all over the place,

เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นทั่วโลก

and these tools are part of what's making it possible.

และเครื่องมือพวกนี้สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้

Now when you add all those things together,

สิ่งเหล่านี้เป็นจริงได้ ตอนนี้พอคุณผสมผสานกัน

when you add together leapfrogging and new kinds of tools,

แล้วเริ่มใส่ "การก้าวกระโดด" และเครื่องมือใหม่ๆลงไป

you know, second superpower stuff, etc., what do you get?

แบบพวกแนวคิดเกมวางแผนอะไรแบบนี้ แล้วคุณจะได้อะไรละ

Well, very quickly, you get a Bright Green future for the developing world.

แน่นอน ในระยะเวลาสั้นๆ คุณก็ได้จะอนาคตสีเขียวสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา

You get, for example, green power spread throughout the world.

พวกพลังงานสีเขียวก็จะขยายตัวไปทั่วโลก

You get -- this is a building in Hyderabad, India.

คุณจะได้แบบ เอ่อ อันนี้เป็นตึกใน ไฮเดอแบท ที่อินเดียครับ

It's the greenest building in the world.

เป็นตึกที่เขียวที่สุดในโลก

You get grassroots solutions, things that work

คุณมีวิธีการแก้ไขปัญหาจากราก จากต้นตอ

for people who have no capital or limited access.

มีสิ่งที่ใช้ได้สำหรับคนที่ไม่มีทุนหรือคนที่อยู่ในที่กันดาร

You get barefoot solar engineers carrying solar panels into the remote mountains.

คุณจะได้วิศวกร เดินถือแผงโซล่าเซล์เข้าไปให้คนในภูเขา

You get access to distance medicine.

ยาจะเข้าถึงพวกเขาได้มากขึ้น

These are Indian nurses learning how to use PDAs

นี่เป็น พยาบาลใน อินเดียกำลังเรียนวิธีใช้ PDA ครับ

to access databases that have information

เพื่อที่จะได้ค้นหาข้อมูลต่างๆ

that they don't have access to at home in a distant manner.

ที่พวกเค้าไม่สามารถทำได้ที่บ้าน หรือ ที่ๆห่างไกล

You get new tools for people in the developing world.

ตอนนี้คุณได้เครื่องมือใหม่ๆสำหรับโลกที่กำลังพัฒนา

These are LED lights that help the roughly billion people out there,

นี่เป็น ไฟแอลอีดี ที่กำลังช่วยคนประมาณร้อยล้านคน

for whom nightfall means darkness,

ทำให้เขารู้จักคำว่าแสงไฟ ในตอนกลางคืน

to have a new means of operating.

คุณจะได้ระบบใหม่ๆ

These are refrigerators that require no electricity;

นี่เป็นตู้เย็นที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า

they're pot within a pot design.

มันคือหม้อใบเล็กที่อยู่ในหม้อใบใหญ่ครับ

And you get water solutions. Water's one of the most pressing problems.

คุณจะได้การจัดการด้านการประปา น้ำเป็นปัญหาใหญ่นะครับ

Here's a design for harvesting rainwater that's super cheap

นี่เป็นงานออกแบบที่จะเก็บน้ำฝนที่ถูกมากๆ

and available to people in the developing world.

ของพวกนี้สามารถเข้าถึงคนในโลกเหล่านี้ได้

Here's a design for distilling water using sunlight.

นี่เป็นเครื่องกรองน้ำที่ใช้แสงอาทิตย์

Here's a fog-catcher, which, if you live in a moist, jungle-like area,

นี่เป็นตัวกลั่นความชื้น สมมุติว่าถ้าคุณอยู่ในป่าที่ชื้นๆนะครับ

will distill water from the air that's clean and drinkable.

มันจะกลั่นน้ำจากอากาศเป็นน้ำที่สะอาดและดื่มได้

Here's a way of transporting water.

อันนี้เป็นวิธีขนส่งน้ำครับ

I just love this, you know -- I mean carrying water is such a drag,

ผมชอบมากเลยละ จริงๆไอ้การขนน้ำเนี่ยเป็นเรื่องลำบากมาก

and somebody just came up with the idea of well, what if you rolled it. Right?

แล้วคนนึงก็โผล่มาแล้วบอกว่า เฮ่ยทำไมไม่กลิ้งมันซะละ

I mean, that's a great design.

คือ มันเป็นงานที่เจ๋งมากเลยนะครับ

This is a fabulous invention, LifeStraw.

อันนี้เป็นงานที่สุดยอดมาก มันคือ หลอดกรองน้ำ

Basically you can suck any water through this

ง่ายๆเลยนะครับ คุณสามารถดูดน้ำอะไรก็ได้ผ่านหลอดนี่

and it will become drinkable by the time it hits your lips.

แล้วมันจะกรองน้ำ พอถึงปากคุณปุ้ปมันจะเป็นน้ำที่ดื่มได้

So, you know, people who are in desperate straits can get this.

นี่แหละครับ คนที่ต้องการน้ำมากๆก็สามารถหามาใช้ได้

This is one of my favorite Worldchanging kinds of things ever.

อันนี้เป็นอีกอย่างที่ผมชอบมากๆมันเปลี่ยนโลกไปเลยละ

This is a merry-go-round invented by the company Roundabout,

เป็นม้าหมุน ออกแบบโดย บริษัท Roundabout

which pumps water as kids play. You know?

ซึ่งจะปั้มน้ำเวลาที่เด็กขึ้นไปหมุนๆครับ

Seriously -- give that one a hand, it's pretty great.

ให้ตายเหอะ ตบมือให้เขาหน่อย สุดยอดจริงๆ

And the same thing is true for people who are in absolute crisis. Right?

ของพวกเนี้ยเป็นเรื่องจริงสำหรับคนที่กำลังเจอกับวิกฤติ

We're expecting to have upwards of 200 million refugees by the year 2020

เรากำลังจะมีผู้ลี้ภัยมากกว่า 200 ล้านคน ภายในปี 2020

because of climate change and political instability.

ซึ่งเกิดจากภาวะโลกร้อน และ ความไม่มั่นคงทางการเมือง

How do we help people like that?

แล้วเราจะช่วยพวกเขายังไงละครับ

Well, there's all sorts of amazing new humanitarian designs

ก็ ตอนนี้เรามีงานออกแบบเจ๋งๆที่สร้างเพื่อผู้ใช้

that are being developed in collaborative ways all across the planet.

กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาร่วมกันจากหลายๆประเทศในโลก

Some of those designs include models for acting,

งานบางชิ้นก็รวมมีเรื่องของการลงมือทำ

such as new models for village instruction in the middle of refugee camps.

เช่นการแผนผังหมู่บ้านที่จะสร้างใจกลางค่ายลี้ภัย

New models for pedagogy for the displaced.

มีแผนใหม่สำหรับการฝึกสอนครู

And we have new tools.

และเราก็มีเครื่องมือใหม่ๆ

This is one of my absolute favorite things anywhere.

นี่เป็นอันที่ผมชอบที่สุดครับ

Does anyone know what this is?

มีใครรู้จักบ้างมั้ยครับเนี่ย

Audience: It detects landmines.

ผู้ฟัง: มันเอาไว้ตรวจกับระเบิดไง

Alex Steffen: Exactly, this is a landmine-detecting flower.

ใช่แล้วครับ นี่เป็นดอกไม้จับระเบิด

If you are living in one of the places

ถ้าคุณต้องอยู่ในที่

where the roughly half-billion unaccounted for mines are scattered,

ที่ มีระเบิดราวๆ ห้าสิบล้านลูกฝังไว้แล้วละครับ

you can fling these seeds out into the field.

คุณก็เอาหว่านเมล็ดเนี่ยลงไปในพิ้นที่ต่างๆ

And as they grow up, they will grow up around the mines,

พอดอกไม้เริ่มโต มันก็จะโตรอบๆกับระเบิด

their roots will detect the chemicals in them,

รากของดอกไม้จะหาสารเคมีในระเบิด

and where the flowers turn red you don't step.

ทีนี้พอที่ไหนมีดอกไม้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดง คุณก็ไม่เหยียบมัน

Yeah, so seeds that could save your life. You know?

ครับ เมล็ดๆเล็กๆบางทีก็ช่วยชีวิตคุณได้นะครับ

(Applause)

(ตบมือ)

I also love it because it seems to me

ผมรักมันเลยละเพราะว่า

that the example, the tools we use to change the world,

นี่เป็นตัวอย่างของเครื่องมีอที่ใช้เปลี่ยนแปลงโลก

ought to be beautiful in themselves.

แล้วยังมีความงามในตัวมันเองอีกด้วย

You know, that it's not just enough to survive.

คุณรู้มั้ย มันไม่พอหรอกครับ ที่จะแค่อยู่รอด

We've got to make something better than what we've got.

เราต้องทำอะไรที่มันดีกว่าสิ่งที่เรามีอยู่

And I think that we will.

และผมเชื่อว่าเราทำได้

Just to wrap up, in the immortal words of H.G. Wells,

ก่อนจะจบนะครับ H.G Wells เคยพูดไว้ว่า

I think that better things are on the way.

ผมคิดว่าสิ่งที่ดีกว่ากำลังจะมา

I think that, in fact, that "all of the past is but the beginning of a beginning.

ผมคิดว่า จริงๆแล้ว อดีตคือจุดเริ่มต้นของจุดเริ่มต้น

All that the human mind has accomplished

สิ่งที่จิตของมนุษย์ได้บรรลุแล้ว

is but the dream before the awakening."

ก็เป็นเพียงแค่ความฝันก่อนการตื่นเท่านั้น

I hope that that turns out to be true.

ผมเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้จะเป็นจริง

The people in this room have given me more confidence than ever that it will.

ทุกคนในที่นี้ได้ทำให้ผมเชื่อ เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้

Thank you very much.

ขอบคุณครับ

(Applause)

แปลโดย thaserty