Jaap de Roode: How butterflies self-medicate

Translator: Ponrawee Prasertsom Reviewer: Kelwalin Dhanasarnsombut

So infectious diseases, right?

โรคติดต่อน่ะหรือครับ

Infectious diseases are still the main cause

โรคติดต่อยังเป็นสาเหตุหลัก

of human suffering and death around the world.

ของความเจ็บและความตายของคนทั่วโลก

Every year, millions of people die of diseases such as T.B., malaria, HIV,

ทุก ๆ ปี คนนับล้านเสียชีวิตจากโรค อย่างเช่น วัณโรค มาลาเรีย เอชไอวี

around the world and even in the United States.

ทั่วโลก หรือแม้แต่ในสหรัฐเองก็ตาม

Every year, thousands of Americans die of seasonal flu.

คนอเมริกันหลายพันคนเสียชีวิต ด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลทุกปี

Now of course, humans, we are creative. Right?

แน่นอน มนุษย์นั้นมีความคิดสร้างสรรค์ใช่ไหมครับ

We have come up with ways to protect ourselves against these diseases.

เราคิดค้นหนทางป้องกันจากโรคเหล่านี้

We have drugs and vaccines.

เรามียาและวัคซีน

And we're conscious -- we learn from our experiences

เราตื่นตัวเสมอ -- เราเรียนรู้จากประสบการณ์

and come up with creative solutions.

และคิดวิธีแก้ไขที่สร้างสรรค์

We used to think we're alone in this, but now we know we're not.

เราเคยคิดว่ามีแต่เราที่ทำแบบนี้ได้ แต่ที่จริงแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้น

We're not the only medical doctors.

ไม่ได้มีแค่เราที่มีหมอ

Now we know that there's a lot of animals out there that can do it too.

ตอนนี้เรารู้แล้วว่า ยังมีสัตว์อีกมากมาย ที่ทำได้อย่างเรา

Most famous, perhaps, chimpanzees.

ที่ขึ้นชื่อที่สุดคงจะเป็นชิมแปนซี

Not so much different from us,

ไม่ได้ต่างกับเราเท่าไหร่

they can use plants to treat their intestinal parasites.

พวกมันรู้จักใช้พืชจัดการปรสิตในลำไส้

But the last few decades have shown us that other animals can do it too:

แต่ในช่วงไม่กี่ศตวรรษมานี้ เราพบว่าสัตว์ชนิดอื่นก็ทำได้เช่นกัน

elephants, porcupines, sheep, goats, you name it.

ช้าง เม่น แกะ แพะ ว่ามาเถอะครับ

And even more interesting than that is that recent discoveries are telling us

และที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ การค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ได้บอกเราว่า

that insects and other little animals with smaller brains can use medication too.

แมลงและสัตว์เล็ก ๆ ชนิดอื่นที่มี สมองขนาดเล็กก็รู้จักการรักษาเช่นเดียวกัน

The problem with infectious diseases, as we all know,

อย่างที่ทราบกัน ปัญหาเกี่ยวกับโรคติดต่อ

is that pathogens continue to evolve,

คือเชื้อโรคมีวิวัฒนาการไปเรื่อย ๆ

and a lot of the drugs that we have developed

และยาหลายตัวที่เราได้พัฒนาไว้

are losing their efficacy.

ก็ด้อยประสิทธิภาพลงเรื่อย ๆ

And therefore, there is this great need to find new ways to discover drugs

ดังนั้น เราจึงต้องการวิธีการใหม่ๆ เป็นอย่างมาก ในการที่จะค้นพบยา

that we can use against our diseases.

ที่สามารถใช้ต่อกรกับโรคต่างๆ

Now, I think that we should look at these animals,

ผมคิดว่า เราควรจะสังเกตสัตว์พวกนี้

and we can learn from them how to treat our own diseases.

และเราสามารถเรียนรู้จากพวกมันได้ ว่าจะรักษาโรคของเราอย่างไร

As a biologist, I have been studying monarch butterflies for the last 10 years.

ในฐานะนักชีววิทยา ผมได้ศึกษาผีเสื้อจักรพรรดิ มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา

Now, monarchs are extremely famous for their spectacular migrations

พวกมันโด่งดังมาก จากการอพยพย้ายถิ่นที่น่าตื่นตา

from the U.S. and Canada down to Mexico every year,

จากสหรัฐฯ และแคนาดา ลงไปเม็กซิโกทุกปี

where millions of them come together,

ที่ซึ่งพวกมันหลายล้านตัวมาอยู่รวมกัน

but it's not why I started studying them.

แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ผมเริ่มศึกษาพวกมัน

I study monarchs because they get sick.

ผมศึกษาเพราะพวกมันป่วยได้

They get sick like you. They get sick like me.

ป่วยเหมือนคุณ เหมือนผม

And I think what they do can tell us a lot about drugs

และผมคิดว่าสิ่งที่พวกมันทำ บอกเราเกี่ยวกับยา

that we can develop for humans.

ที่เราสามารถพัฒนาเพื่อใช้กับคนได้

Now, the parasites that monarchs get infected with

ทีนี้ปรสิตของผีเสื้อจักรพรรดิ

are called ophryocystis elektroscirrha -- a mouthful.

มีชื่อว่า ไฟริโอซิสทิส อีเลคโทรชิเรีย (ophryocystis elektroscirrha)

What they do is they produce spores,

ปรสิตพวกนี้สร้างสปอร์

millions of spores on the outside of the butterfly

เป็นล้าน ๆ ด้านนอกตัวผีเสื้อ

that are shown as little specks in between the scales of the butterfly.

ซึ่งจะเห็นเป็นจุดเล็ก ๆ ระหว่างเกล็ดผีเสื้อ

And this is really detrimental to the monarch.

และมันก็ส่งผลร้ายแรงมากต่อผีเสื้อ

It shortens their lifespan,

มันทำให้อายุของผีเสื้อสั้นลง

it reduces their ability to fly,

มันลดความสามารถในการบินของผีเสื้อ

it can even kill them before they're even adults.

มันสามารถฆ่าผีเสื้อ ก่อนที่พวกมันจะเป็นเต็มวัยเสียอีก

Very detrimental parasite.

เป็นปรสิตที่ร้ายแรงมาก

As part of my job, I spend a lot of time in the greenhouse growing plants,

ในงานผมส่วนหนึ่งของผม ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปกับการปลูกพืชในเรือนกระจก

and the reason for this is that monarchs are extremely picky eaters.

ด้วยเหตุผลที่ว่า ผีเสื้อจักพรรดิเรื่องมากเรื่องการกิน

They only eat milkweed as larvae.

ตัวอ่อนจะกินแต่ต้นมิลก์วีด (milkweed)

Luckily, there are several species of milkweed that they can use,

โชคดีที่มันกินมิลก์วีดได้หลายสปีชีส์

and all these milkweeds have cardenolides in them.

มิลก์วีดเหล่านี้ มีสารคาร์เดโนไลต์ (cardenolides) อยู่

These are chemicals that are toxic.

สารเคมีกลุ่มนี้มีพิษ

They're toxic to most animals, but not to monarchs.

พวกมันเป็นพิษต่อสัตว์ส่วนมาก แต่ไม่ใช่กับผีเสื้อจักรพรรดิ

In fact, monarchs can take up the chemicals,

จริง ๆ แล้ว พวกมันสามารถรับสารนี้

put it in their own bodies, and it makes them toxic

นำเข้าไปในร่างกายได้ ทำให้ตัวเป็นพิษ

against their predators, such as birds.

ต่อสัตว์นักล่าของพวกมันอย่างพวกนก

And what they do, then, is advertise this toxicity

และจากนั้น พวกมันก็ป่าวประกาศความเป็นพิษนี้

through their beautiful warning colorations

ผ่านลวดลายสีสวย ๆ แทนคำเตือน

with this orange, black and white.

ที่มีสีส้ม ดำ และขาว

So what I did during my job is grow plants in the greenhouse,

สิ่งที่ผมทำระหว่างงานคือการปลูกพืชในเรือนกระจก

different ones, different milkweeds.

พืชหลายชนิด มิลก์วีดหลายชนิด

Some were toxic, including the tropical milkweed,

บางชนิดมีพิษ เช่น มิลก์วีดเขตร้อน

with very high concentrations of these cardenolides.

ที่มีความเข้มข้นของคาร์เดโนไลต์สูง

And some were not toxic.

และบางชนิดไม่มีพิษ

And then I fed them to monarchs.

จากนั้นผมใข้พืชพวกนี้เลี้ยงผีเสื้อ

Some of the monarchs were healthy. They had no disease.

ผีเสื้อจักรพรรดิบางตัวสุขภาพดี พวกมันไม่มีโรคเลย

But some of the monarchs were sick,

แต่ผีเสื้อบางตัวก็ป่วย

and what I found is that some of these milkweeds are medicinal,

และผมก็พบว่า มิลก์วีดบางชนิดมีฤทธิ์เป็นยาได้

meaning they reduce the disease symptoms in the monarch butterflies,

ซึ่งหมายความว่ามันลดอาการของโรค ในผีเสื้อจักรพรรดิได้

meaning these monarchs can live longer when they are infected

นั่นหมายถึง ผีเสื้อที่ติดเชื้อจะอายุยืนยาวขึ้น

when feeding on these medicinal plants.

เมื่อมันได้กินพืชที่มีฤทธิ์ทางยา

And when I found this, I had this idea,

พอเจออย่างนี้เข้า ผมก็ได้ความคิดขึ้นมา

and a lot of people said it was a crazy idea,

เป็นความคิดที่หลายคนบอกว่าบ้า

but I thought, what if monarchs can use this?

แต่ผมคิดว่า ถ้าผีเสื้อพวกนี้ใช้นี่ได้ล่ะ

What if they can use these plants as their own form of medicine?

ถ้าหากพวกมันใช้พืชพวกนี้ เป็นยารักษาโรคในแบบของมันล่ะ

What if they can act as medical doctors?

ถ้าพวกมันมีบทบาทเป็นหมอได้ล่ะ

So my team and I started doing experiments.

ดังนั้น ผมและคณะก็เริ่มทำการทดลอง

In the first types of experiments,

ในการทดลองรูปแบบแรก ๆ

we had caterpillars, and gave them a choice:

เราให้หนอนผีเสื้อเลือกว่า

medicinal milkweed versus non-medicinal milkweed.

จะกินมิลก์วีดที่เป็นยา หรือมิลก์วีดที่ไม่ใช่ยา

And then we measured how much they ate of each species over their lifetime.

ดูปริมาณมิลก์วีดแต่ละชนิด ที่มันกินตลอดชีวิตของมัน

And the result, as so often in science, was boring:

และผลที่ได้นั้นน่าเบื่อ ตามแบบปกติในวิทยาศาสตร์

Fifty percent of their food was medicinal. Fifty percent was not.

ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของอาหารเป็นมิลก์วีดยา ส่วนอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่

These caterpillars didn't do anything for their own welfare.

พวกหนอนไม่ได้ทำอะไร เพื่อสวัสดิภาพของตัวเองเลย

So then we moved on to adult butterflies,

เราก็เลยมาดูผีเสื้อตัวเต็มวัยแทน

and we started asking the question

และเราก็เริ่มตั้งคำถาม

whether it's the mothers that can medicate their offspring.

ว่าเป็นตัวแม่รึเปล่า ที่ใช้การรักษาลูกของพวกมัน

Can the mothers lay their eggs on medicinal milkweed

ตัวแม่สามารถวางไข่บนมิลก์วีดที่เป็นยา

that will make their future offspring less sick?

ทำให้ลูกในอนาคตป่วยน้อยลงได้หรือเปล่า

We have done these experiments now over several years,

เราทำการทดลองนี้มาหลายปี

and always get the same results.

และได้ผลอย่างเดิมตลอด

What we do is we put a monarch in a big cage,

สิ่งที่เราทำก็คือ เราเอาผีเสื้อจักรพรรดิ์ใส่ในกรงใหญ่

a medicinal plant on one side, a non-medicinal plant on the other side,

วางมิลก์วีดที่เป็นยาไว้ฝั่งหนึ่ง มิลก์วีดปกติไว้อีกฝั่ง

and then we measure the number of eggs that the monarchs lay on each plant.

จากนั้นเรานับจำนวนไข่ ที่ผีเสื้อจักรพรรดิวางบนแต่ละต้น

And what we find when we do that is always the same.

และเมื่อเราทำอย่างนั้น ผลก็ออกมาเหมือนกันทุกครั้ง

What we find is that the monarchs strongly prefer the medicinal milkweed.

ผีเสื้อจักรพรรดิชอบวางไข่ บนต้นที่เป็นยามากกว่า

In other words, what these females are doing

พูดให้ชัดเจนคือ ตัวเมียพวกนี้

is they're laying 68 percent of their eggs in the medicinal milkweed.

วางไข่ 68 เปอร์เซ็นต์บนมิลก์วีดที่เป็นยา

Intriguingly, what they do is they actually transmit the parasites

ที่น่าสนใจมาก ๆ คือ พวกมันต้องแพร่ปรสิตไปยังลูก

when they're laying the eggs.

เมื่อมันวางไข่

They cannot prevent this.

พวกมันป้องกันไม่ได้

They can also not medicate themselves.

แล้วพวกมันก็ยังรักษาตัวเองไม่ได้ด้วย

But what these experiments tell us

แต่การทดลองพวกนี้บอกเราว่า

is that these monarchs, these mothers, can lay their eggs on medicinal milkweed

ผีเสื้อจักรพรรดิตัวแม่พวกนี้ สามารถวางไข่บนมิลก์วีดที่เป็นยา

that will make their future offspring less sick.

ที่จะทำให้ลูก ๆ มันป่วยน้อยลงได้

Now, this is a really important discovery, I think,

ผมคิดว่า การค้นพบนี้สำคัญมาก

not just because it tells us something cool about nature,

ไม่ใช่แค่เพราะมันเป็น ความเจ๋งของธรรมชาติ

but also because it may tell us something more about how we should find drugs.

แต่เพราะมันอาจช่วยบอกเราว่า เราควรหายาอย่างไร

Now, these are animals that are very small

สัตว์พวกนี้ตัวเล็กมาก ๆ

and we tend to think of them as very simple.

และเรามักคิดว่ามันไม่ซับซ้อน

They have tiny little brains,

พวกมันมีสมองเล็กนิดเดียว

yet they can do this very sophisticated medication.

แต่กลับมีวิธีการรักษาพยาบาลที่ซับซ้อนได้

Now, we know that even today, most of our drugs

ทุกวันนี้ เรารู้ว่ายาส่วนใหญ่ของเรา

derive from natural products, including plants,

ก็มาจากผลผลิตธรรมชาติ รวมถึงพวกพืชด้วย

and in indigenous cultures,

ในวัฒนธรรมชนเผ่าเอง

traditional healers often look at animals to find new drugs.

หมอพื้นบ้านจะสังเกตสัตว์เพื่อหายาใหม่ ๆ

In this way, elephants have told us how to treat stomach upset,

ด้วยวิธีการนี้ ช้างได้บอกกับเรา ถึงวิธีรักษาอาการท้องไส้ปั่นป่วน

and porcupines have told people how to treat bloody diarrhea.

และเม่นก็ได้บอกกับคน ถึงวิธีรักษาอาการถ่ายเป็นเลือด

What I think is important, though, is to move beyond

ผมคิดว่าที่สำคัญคือ การก้าวให้ไกล

these large-brained mammals and give these guys more credit,

กว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสมองใหญ่ และเชื่อถือสัตว์เรียบง่ายพวกนี้

these simple animals, these insects that we tend to think of

แมลงพวกนี้ที่เรามักจะคิดว่า

as very, very simple with tiny little brains.

เป็นสัตว์ที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และมีสมองเล็ก

The discovery that these animals can also use medication

การค้นพบว่าสัตว์เหล่านี้รู้วิธีการรักษา

opens up completely new avenues,

ได้เปิดพื้นที่ใหม่ ๆ ให้กับเรา

and I think that maybe one day, we will be treating human diseases

และผมคิดว่า สักวันหนึ่ง เราอาจรักษาโรคของมนุษย์

with drugs that were first discovered by butterflies,

ด้วยยาที่ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกโดยผีเสื้อ

and I think that is an amazing opportunity worth pursuing.

และผมเห็นว่า นี่เป็นโอกาสยอดเยี่ยม ที่คุ้มค่าที่จะลอง

Thank you so much.

ขอบคุณครับ

(เสียงปรบมือ)

(Applause)