Animations of unseeable biology | Drew Berry | TED

2,568,872 views ・ 2012-01-12

TED


โปรดดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษด้านล่างเพื่อเล่นวิดีโอ

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Techaphon Nitisaowaphak
00:15
What I'm going to show you are the astonishing molecular machines
0
15585
5317
สิ่งที่ผมกำลังจะแสดงให้คุณชม
คือเครื่องจักรขนาดโมเลกุลที่น่าอัศจรรย์
00:20
that create the living fabric of your body.
1
20926
3300
ที่ถักทอโครงร่างชีวิตของร่างกายคุณ
00:24
Now molecules are really, really tiny.
2
24250
3783
โมเลกุลเหล่านี้มันเล็กมากๆ
และเมื่อผมบอกว่าเล็ก
00:28
And by tiny, I mean really.
3
28057
2880
ผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ
00:31
They're smaller than a wavelength of light,
4
31905
2002
พวกมันเล็กว่าช่วงความยาวคลื่นแสง
00:33
so we have no way to directly observe them.
5
33931
2305
ฉะนั้นเราไม่มีทางที่จะสำรวจมันโดยตรงได้(ด้วยตาเปล่า)
แต่ด้วยวิทยาศาสาตร์ เรามีความรู้พอสมควร
00:37
But through science, we do have a fairly good idea
6
37011
2343
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างในระดับโมเลกุล
00:39
of what's going on down at the molecular scale.
7
39378
2212
ดังนั้น สิ่งที่เราจะทำก็คือ บอกเล่าเกี่ยวกับโมเลกุลให้คุณฟัง
00:42
So what we can do is actually tell you about the molecules,
8
42059
2777
00:44
but we don't really have a direct way of showing you the molecules.
9
44860
3237
แต่เราไม่มีวิธีการที่จะแสดงให้คุณเห็นโมเลกุลได้ตรงๆ
ทางออกวิธีหนึ่งก็คือใช้การวาดภาพ
00:48
One way around this is to draw pictures.
10
48121
2250
00:50
And this idea is actually nothing new.
11
50395
2540
และความคิดนี้จริงๆ ไม่ใช่อะไรที่ใหม่เลย
00:52
Scientists have always created pictures
12
52959
2288
นักวิทยาศาสตร์วาดภาพเสมอ
มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการคิดและการค้นพบของพวกเขา
00:55
as part of their thinking and discovery process.
13
55271
2786
พวกเขาวาดภาพสิ่งที่พวกเขาเห็นเมื่อทำการสำรวจด้วยตาเปล่า
00:58
They draw pictures of what they're observing with their eyes,
14
58081
2875
01:00
through technology like telescopes and microscopes,
15
60980
2392
ด้วยเทคโนโลยีดั่งเช่นกล้องโทรทัศน์และกล้องจุลทรรศน์
และสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่ในสมองด้วย
01:03
and also what they're thinking about in their minds.
16
63396
2439
01:05
I picked two well-known examples,
17
65859
1603
ผมเลือกตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักดีมาสองอัน
01:07
because they're very well-known for expressing science through art.
18
67486
3605
เพราะว่าพวกเขาเป็นที่รู้จักดี ในแง่การบอกเล่าวิทยาศาสตร์ผ่านงานศิลปะ
ผมขอเริ่มจากกาลิเลโอ
01:11
And I start with Galileo, who used the world's first telescope
19
71440
3703
เขาใช้กล้องโทรทัศน์ตัวแรกของโลก
ส่องดูดวงจันทร์
01:15
to look at the Moon.
20
75167
1186
01:16
And he transformed our understanding of the Moon.
21
76377
2307
และเขาได้เปลี่ยนความเข้าใจของเรา ที่มีต่อดวงจันทร์
01:18
The perception in the 17th century
22
78708
1633
แนวความคิดในช่วงยุคศตวรรษที่ 17 มีอยู่ว่า
01:20
was the Moon was a perfect heavenly sphere.
23
80365
2057
ดวงจันทร์นั้นเป็นทรงกลมราบเรียบสมบูรณ์แบบ
01:22
But what Galileo saw was a rocky, barren world,
24
82835
2984
แต่สิ่งที่กาลิเลโอเห็น คิอ พื้นผิวขุรขระกันดารเต็มไปด้วยหิน
01:25
which he expressed through his watercolor painting.
25
85843
2393
ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดผ่านภาพเขียนสีน้ำของเขา
01:28
Another scientist with very big ideas,
26
88671
2798
นักวิทยาศาสตร์อีกคนที่มีความคิดอันยิ่งใหญ่
ดาราแห่งวงการชีววิทยา ชาร์ล ดาวิน
01:31
the superstar of biology is Charles Darwin.
27
91594
2524
ในบทความที่โด่งดังอันหนึ่งในสมุดบันทึกของเขา
01:34
And with this famous entry in his notebook,
28
94142
2044
เขาเริ่มต้นจากมุมซ้ายบนด้วยคำว่า "ผมคิดว่า"
01:36
he begins in the top left-hand corner with, "I think,"
29
96210
2840
และจากนั้น ร่างภาพของต้นไม้แห่งชีวิต
01:39
and then sketches out the first tree of life,
30
99074
2707
01:41
which is his perception of how all the species,
31
101805
2930
ซึ่งมันเป็นแนวคิดของเขา
ว่าสิ่งมีชีวิตทุกสปีชีส์ที่อยู่บนโลกใบนี้
01:44
all living things on Earth are connected through evolutionary history --
32
104759
3858
เชื่อมโยงกันผ่านทางวิวัฒนาการในอดีต
01:48
the origin of species through natural selection
33
108641
2247
จากจุดเริ่มต้นของสปีชีส์ผ่านกระบวนการคัดเลือกโดยธรรมชาติ
01:50
and divergence from an ancestral population.
34
110912
2324
และการแปรเปลี่ยนไปจากบรรพบุรุษ
01:53
Even as a scientist,
35
113775
1461
ในฐานะนักวิทยาศาสตร์
01:55
I used to go to lectures by molecular biologists
36
115648
2513
ผมเคยไปฟังการบรรยายโดยนักอนูชีววิทยา
และพบว่ามันไม่สามารถเข้าใจได้เลย
01:58
and find them completely incomprehensible,
37
118185
2725
02:00
with all the fancy technical language and jargon
38
120934
2268
มันเต็มไปด้วยศัพท์แสงที่สวยหรูและคำเฉพาะทาง
ที่พวกเขาใช้ในการพรรณนางานของพวกเขา
02:03
that they would use in describing their work,
39
123226
2124
จนกระทั่งผมได้พบกับงานศิลป์ของเดวิด กู๊ดเซล
02:05
until I encountered the artworks of David Goodsell,
40
125374
3051
ซึ่งเป็นนักอนูชีววิทยา ณ สถาบันสคริปส์
02:08
who is a molecular biologist at the Scripps Institute.
41
128449
2741
และภาพของเขา
02:11
And his pictures -- everything's accurate and it's all to scale.
42
131214
3569
ทุกๆอย่างแม่นยำและสมส่วน
02:14
And his work illuminated for me
43
134807
2429
และผลงานของเขาก็ชี้ทางสว่างให้ผม
02:17
what the molecular world inside us is like.
44
137260
2315
เข้าใจว่าโลกแห่งโมเลกุลภายในตัวเรานั้นเป็นเช่นไร
นี่คือภาพตัดขวางของเลือด
02:20
So this is a transection through blood.
45
140075
2025
02:22
In the top left-hand corner, you've got this yellow-green area.
46
142124
2977
ที่มุมซ้ายบน คุณจะเห็นบริเวณที่เป็นสีออกเหลืองอมเขียว
บริเวณเหลืองอมเขียวนี้คือสารเหลวของเลือด ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำ
02:25
The yellow-green area is the fluid of blood, which is mostly water,
47
145125
3216
แต่มันก็ยังมี แอนติบอดี้ น้ำตาล
02:28
but it's also antibodies, sugars, hormones, that kind of thing.
48
148365
2987
ฮอร์โมน และอะไรพวกนี้
02:31
And the red region is a slice into a red blood cell.
49
151376
2488
และบริเวณสีแดงคือเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ถูกผ่าออก
02:33
And those red molecules are hemoglobin.
50
153888
1866
และโมเลกุลสีแดงเหล่านั้นก็คือฮีโมโกบิล
02:35
They are actually red; that's what gives blood its color.
51
155778
2695
พวกมันจริงๆแล้วก็สีแดง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้เลือดเราเป็นสีนั้น
และฮีโมโกบิลก็ทำหน้าที่เหมือนกับฟองน้ำ
02:38
And hemoglobin acts as a molecular sponge
52
158497
1967
ที่ดูดซับออกซิเจนในปอดของคุณ
02:40
to soak up the oxygen in your lungs
53
160488
1677
และนำมันไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
02:42
and then carry it to other parts of the body.
54
162189
2113
เมื่อหลายปีก่อน, ผมได้รับแรงบันดาลใจเป็นอย่างมากจากภาพนี้
02:44
I was very much inspired by this image many years ago,
55
164326
2532
02:46
and I wondered whether we could use computer graphics
56
166882
2551
และผมอยากรู้ว่า เราจะสามารถใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิก
เพื่อแสดงโลกแห่งโมเลกุลได้หรือไม่
02:49
to represent the molecular world.
57
169457
1604
มันจะมีหน้าตาอย่างไร
02:51
What would it look like?
58
171085
1151
02:52
And that's how I really began.
59
172260
1440
และนั่นคือการเริ่มต้นของผม ฉะนั้นมาเริ่มดูกันเลย
02:54
So let's begin.
60
174123
1613
02:55
This is DNA in its classic double helix form.
61
175760
2385
นี่คือดีเอ็นเอในโครงสร้างคลาสสิกแบบเกลียวคู่
ซึ่งได้มาจากการใช้เทคนิคทางผลึกศาสตร์(Crystallography)
02:58
And it's from X-ray crystallography, so it's an accurate model of DNA.
62
178169
3356
ฉะนั้น มันจึงเป็นโมเดลของดีเอ็นเอที่ถูกต้อง
03:01
If we unwind the double helix and unzip the two strands,
63
181549
2971
ถ้าเราคลายโครงสร้างเกลียวคู่ออก และแยกดีเอ็นเอทั้งสองสายออกจากกัน
คุณจะเห็นมันมีหน้าตาคล้ายฟัน
03:04
you see these things that look like teeth.
64
184544
2019
พวกมันคือตัวอักษรที่เป็นรหัสพันธุกรรม
03:06
Those are the letters of genetic code,
65
186587
1817
คือยีนจำนวน 25,000 ยีน ที่ได้ถูกบันทึกอยู่ในดีเอ็นเอของคุณ
03:08
the 25,000 genes you've got written in your DNA.
66
188428
2269
03:10
This is what they typically talk about -- the genetic code --
67
190721
2936
นี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดถึงกันเป็นประจำ
มันคือรหัสพันธุกรรม นี่คือสิ่งที่พวกเขาพูดถึง
03:13
this is what they're talking about.
68
193681
1691
แต่ว่า ผมอยากที่จะพูดถึงศาสตร์ของดีเอ็นเอในมุมที่แตกต่าง
03:15
But I want to talk about a different aspect of DNA science,
69
195396
2770
นั่นคือ ในมุมของลักษณะทางกายภาพของดีเอ็นเอ
03:18
and that is the physical nature of DNA.
70
198190
1889
ดีเอ็นเอสองสายนี้ วิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม
03:20
It's these two strands that run in opposite directions
71
200103
2585
03:22
for reasons I can't go into right now.
72
202712
2170
ด้วยเหตุผลที่ผมจะไม่กล่าวถึงในที่นี้
03:24
But they physically run in opposite directions,
73
204906
2208
โดยกายภาพแล้วพวกมันวิ่งไปในทิศตรงข้ามกัน
ซึ่งมันได้สร้างความซับซ้อนหลายอย่างให้กับเซลล์ของคุณ
03:27
which creates a number of complications for your living cells,
74
207138
3631
ซึ่งคุณกำลังจะได้เห็น
03:30
as you're about to see,
75
210793
1229
โดยเฉพาะขณะเมื่อดีเอ็นเอกำลังถูกคัดลอก
03:32
most particularly when DNA is being copied.
76
212046
2362
03:34
And so what I'm about to show you
77
214432
1918
และสิ่งที่ผมกำลังจะให้คุณได้รับชม
03:36
is an accurate representation of the actual DNA replication machine
78
216374
4016
เป็นการนำเสนอที่ถูกต้องแม่นยำ
ของกระบวนการจำลองตัวเองของดีเอ็นเอ ที่เกิดขึ้นขณะนี้ภายในร่างกายของคุณ
03:40
that's occurring right now inside your body,
79
220414
2057
ตามความรู้ทางชีววิทยาในปี 2002
03:42
at least 2002 biology.
80
222495
1812
03:44
So DNA's entering the production line from the left-hand side,
81
224617
3011
ดีเอ็นเอ เข้าสู่กระบวนการจากทางด้านซ้ายมือ
03:47
and it hits this collection, these miniature biochemical machines,
82
227994
3167
และมันก็เข้ามาเจอกับกลุ่มของเครื่องจักรกลขนาดจิ๋ว ทางชีวเคมี
ที่ดึงดีสายเอ็นเอแยกออกจากกัน และทำสำเนาที่เหมือนกันทุกประการ
03:51
that are pulling apart the DNA strand and making an exact copy.
83
231185
3144
ดังนั้น เมื่อดีเอ็นเอเข้ามา
03:54
So DNA comes in and hits this blue, doughnut-shaped structure
84
234353
3509
และชนเข้ากับโครงสร้างสีฟ้าๆที่หน้าตาคล้ายโดนัท
03:57
and it's ripped apart into its two strands.
85
237886
2307
และมันก็ถูกแยกออกเป็นสองสาย
สายหนึ่งสามารถทำการถอดแบบได้โดยตรง
04:00
One strand can be copied directly,
86
240679
1624
และคุณสามารถเห็นสิ่งนี้ม้วนออกทางด้านล่าง
04:02
and you can see these things spooling off to the bottom there.
87
242327
2923
แต่เรื่องมันไม่ได้ง่ายเช่นนี้สำหรับดีเอ็นเออีกสายหนึ่ง
04:05
But things aren't so simple for the other strand
88
245274
2260
เพราะว่าการถอดแบบมันต้องทำย้อนกลับ
04:07
because it must be copied backwards.
89
247558
1765
ดังนั้นมันจะถูกโยนกลับเข้าไปผ่านกระบวนการวนซ้ำ
04:09
So it's thrown out repeatedly in these loops
90
249347
2110
และถอดแบบแค่ส่วนหนึ่งในแต่ละครั้ง
04:11
and copied one section at a time, creating two new DNA molecules.
91
251481
4044
เกิดการสร้างดีเอ็นเอสองโมเลกุล
04:15
Now you have billions of this machine right now working away inside you,
92
255549
5283
ทีนี้ คุณมีเครื่องจักรกลนี้เป็นพันล้าน
กำลังทำงานอยู่ภายในร่างกายคุณในขณะนี้
04:20
copying your DNA with exquisite fidelity.
93
260856
2217
ถอดแบบดีเอ็นเอของคุณ อย่างความแม่นยำที่สุด
นี่คือการนำเสนอที่ถูกต้อง
04:23
It's an accurate representation,
94
263936
1534
และมีความเร็วที่สอดคล้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในตัวคุณ
04:25
and it's pretty much at the correct speed for what is occurring inside you.
95
265494
3529
ผมไม่ได้แก้ไขข้อผิดพลาดและสิ่งอื่นๆในนี้
04:29
I've left out error correction and a bunch of other things.
96
269047
2817
04:31
(Laughter)
97
271888
1759
มันเป็นงานที่ทำเมื่อหลายปีมาแล้วครับ
04:33
This was work from a number of years ago--
98
273671
2121
(เสียงผู้ชมปรบมือ) ขอบคุณครับ
04:35
Thank you.
99
275816
1169
งานนี้มาจากสิ่งที่เราทำเมื่อหลายปีก่อน
04:37
(Applause)
100
277009
1372
04:38
This is work from a number of years ago,
101
278405
1929
แต่สิ่งที่ผมจะนำเสนอคุณต่อไปนั้น เป็นงานวิทยาศาสตร์ใหม่ มันเป็นเทคโนโลยีล่าสุด
04:40
but what I'll show you next is updated science,
102
280358
2267
04:42
it's updated technology.
103
282649
1162
เช่นเคย พวกเราเริ่มต้นด้วยดีเอ็นเอ
04:43
So again, we begin with DNA.
104
283835
1360
มันสั่นๆ เขย่าไปมาเพราะว่า มันถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มของโมเลกุล
04:45
And it's jiggling and wiggling there
105
285219
1718
04:46
because of the surrounding soup of molecules,
106
286961
2181
ซึ่งถูกผมเอาออกไป เพื่อให้คุณได้เห็นอะไรบางอย่าง
04:49
which I've stripped away so you can see something.
107
289166
2383
ดีเอ็นเอมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 นาโนเมตร
04:51
DNA is about two nanometers across, which is really quite tiny.
108
291573
2975
ซึ่งที่จริงแล้วมันเล็กมากๆ
แต่ในแต่ละเซลล์ของคุณ
04:54
But in each one of your cells,
109
294572
1434
แต่ละเส้นสายของดีเอ็นเอนั้นมีความยาวประมาณ 30 ถึง 40 ล้านนาโนเมตร
04:56
each strand of DNA is about 30 to 40 million nanometers long.
110
296030
3177
04:59
So to keep the DNA organized and regulate access to the genetic code,
111
299674
3816
ดังนั้น เพื่อที่จะจัดเก็บดีเอ็นเอ และควบคุมการเข้าถึงรหัสพันธุกรรม
มันจะถูกพันรอบโปรตีนสีม่วงเหล่านี้
05:03
it's wrapped around these purple proteins --
112
303514
2083
หรือที่ผมทำให้มันเป็นสีม่วงในที่นี้
05:05
or I've labeled them purple here.
113
305621
1582
มันอัดตัวและพันตัวเข้า
05:07
It's packaged up and bundled up.
114
307227
1584
05:08
All this field of view is a single strand of DNA.
115
308835
2401
ภาพทั้งหมดที่เห็นนี้เป็นดีเอ็นเอหนึ่งสาย
05:11
This huge package of DNA is called a chromosome.
116
311771
3082
กลุ่มขนาดใหญ่ของดีเอ็นเอนี้เรียกว่า โครโมโซม
05:14
And we'll come back to chromosomes in a minute.
117
314877
2359
เราจะกลับมาพูดถึงมันในอีกสักครู่
05:17
We're pulling out, we're zooming out,
118
317675
2066
ตอนนี้พวกเราจะถอยออกมา ถอยห่างออกมา
05:19
out through a nuclear pore,
119
319765
1471
ออกมาผ่านรูนิวเคลียส
05:21
which is the gateway to this compartment that holds all the DNA,
120
321260
3660
ซี่งเป็นประตูสู่ห้องที่บรรจุดีเอ็นเอทั้งหมดไว้
05:24
called the nucleus.
121
324944
1419
ที่เรียกว่านิวเคลียส
05:26
All of this field of view is about a semester's worth of biology,
122
326917
4231
ทั้งหมดที่เห็นในภาพ
ประมาณเท่ากับการเรียนการสอนวิชาชีววิทยาเป็นเทอม และผมมีเวลาแค่เจ็ดนาที
05:31
and I've got seven minutes,
123
331172
1365
ดังนั้น ผมคงจะไม่สามารถที่จะอธิบายมันทั้งหมดในวันนี้
05:32
So we're not going to be able to do that today?
124
332561
2688
ไม่... มีคนบอกผมว่า "อย่าทำ"
05:35
No, I'm being told, "No."
125
335273
1962
05:37
This is the way a living cell looks down a light microscope.
126
337676
3365
นี่เป็นลักษณะของเซลล์ทีมีชีวิต เมื่อเรามองผ่านกล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสง
และมันถูกถ่ายทำด้วยเทคนิคแบบเร่งเวลา(time-lapse) ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณเห็นมันเคลื่อนไหว
05:41
And it's been filmed under time-lapse, which is why you can see it moving.
127
341065
3498
เยื่อหุ้มนิวเคลียสแตกออก
05:44
The nuclear envelope breaks down.
128
344587
1581
สิ่งที่มีลักษณะคล้ายกับไส้กรอกเหล่านี้คือโครโมโซม และพวกเราก็มุ่งความสนใจไปยังพวกมัน
05:46
These sausage-shaped things are the chromosomes,
129
346192
2245
05:48
and we'll focus on them.
130
348461
1181
พวกมันผ่านกระบวนการเคลื่อนไหวที่น่าทึ่ง
05:49
They go through this very striking motion that is focused on these little red spots.
131
349666
4038
ซึ่งมีจุดหลักอยู่ที่จุดแดงเล็กๆเหล่านี้
เมื่อเซลล์รู้สึกว่ามันพร้อมแล้ว
05:54
When the cell feels it's ready to go, it rips apart the chromosome.
132
354328
4235
มันก็แยกโครโมโซมออกจากกัน
05:58
One set of DNA goes to one side,
133
358587
2041
ชุดหนึ่งของดีเอ็นเอไปทางหนึ่ง
06:00
the other side gets the other set of DNA --
134
360652
2023
ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ได้อีกชุดหนึ่งของดีเอ็นเอ
06:02
identical copies of DNA.
135
362699
1837
เป็นสำเนาดีเอ็นเอที่เหมือนกัน
06:04
And then the cell splits down the middle.
136
364560
1960
และจากนั้นเซลล์ก็แบ่งตัวออกจากตรงกลาง
06:06
And again, you have billions of cells undergoing this process
137
366544
2859
คุณมีเซลล์อยู่เป็นหลายพันล้านเซลล์เช่นกัน
ที่กำลังอยู่ในกระบวนการนี้ภายในตัวคุณ ณ ขณะนี้
06:09
right now inside of you.
138
369427
1357
06:11
Now we're going to rewind and just focus on the chromosomes,
139
371602
2856
ทีนี้ เราจะย้อนกลับมาดูกันอีกครั้ง สังเกตเฉพาะที่โครโมโซม
06:14
and look at its structure and describe it.
140
374482
2242
ดูโครงสร้างของมัน และอธิบายมัน
ตอนนี้ เรากลับมาอยู่ ณ วินาที ที่มันอยู่ที่จุดศูนย์กลาง
06:17
So again, here we are at that equator moment.
141
377248
2425
โครโมโซมเรียงตัวกัน
06:20
The chromosomes line up.
142
380654
1200
06:21
And if we isolate just one chromosome,
143
381878
1827
และถ้าพวกเราแยกแค่หนึ่งโครโมโซมออกมา
06:23
we're going to pull it out and have a look at its structure.
144
383729
2817
เราก็กำลังที่จะดึงมันออกมาและมองดูโครงสร้างของมัน
นี่คือโครงสร้างโมเลกุลที่ใหญ่ที่สุดในตัวเรา
06:26
So this is one of the biggest molecular structures that you have,
145
386570
3062
ที่เรารู้จักภายในตัวเรา
06:29
at least as far as we've discovered so far inside of us.
146
389656
3055
นี่คือโครโมโซมเดี่ยว
06:33
So this is a single chromosome.
147
393286
1976
และคุณมีดีเอ็นเอสองสายในทุกโครโมโซม
06:35
And you have two strands of DNA in each chromosome.
148
395286
2601
06:37
One is bundled up into one sausage.
149
397911
1721
ดีเอ็นเอสายหนึ่งจะพันกันเป็นไส้กรอกอันหนึ่ง
06:39
The other strand is bundled up into the other sausage.
150
399656
2733
อีกสายหนึ่งก็จะพันเกลียวกันเป็นไส้กรอกอีกอัน
สิ่งที่รูปร่างคล้ายหนวดแมวที่ยื่นออกมาจากทั้งสองข้าง
06:42
These things that look like whiskers that are sticking out from either side
151
402413
3562
เป็นโครงสร้างที่เปลี่ยนรูปได้ของเซลล์
06:45
are the dynamic scaffolding of the cell.
152
405999
1906
06:47
They're called microtubules, that name's not important.
153
407929
2911
พวกมันเรียกว่า ไมโครทูบูล(microtubules) ชื่อมันไม่สำคัญเท่าไรนัก
แต่ว่า สิ่งที่เราจะให้ความสนใจก็คือ บริเวณที่ผมทำให้มันเป็นสีแดงนี้
06:50
But we're going to focus on the region labeled red here --
154
410864
2731
มันคือพื้นที่เชื่อมต่อ
06:53
and it's the interface between the dynamic scaffolding
155
413619
2537
ระหว่างโครงสร้างที่เปลี่ยนรูปได้ และโครโมโซม
06:56
and the chromosomes.
156
416180
1167
06:57
It is obviously central to the movement of the chromosomes.
157
417371
3105
เห็นได้ชัดว่า มันคือศูนย์กลาง สำหรับการเคลื่อนไหวของโครโมโซม
07:00
We have no idea, really, as to how it's achieving that movement.
158
420500
3572
พวกเราไม่รู้เลยจริงๆว่า มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไร
กำลังมีการศึกษาสิ่งนี้อยู่ พวกเขาเรียกมันว่า ไคนีโตคอร์ (kinetochore)
07:04
We've been studying this thing they call the kinetochore
159
424096
2647
แม้จะศึกษาอย่างจริงจังมากกว่าหนึ่งร้อยปี
07:06
for over a hundred years with intense study,
160
426767
2072
เราก็ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการค้นพบเกี่ยวกับมัน
07:08
and we're still just beginning to discover what it's about.
161
428863
2826
มันประกอบขึ้นจากโปรตีนชนิดต่างๆประมาณ 200 ชนิด
07:11
It is made up of about 200 different types of proteins,
162
431713
2754
โดยรวมแล้ว มีโปรตีนเป็นพันๆ
07:14
thousands of proteins in total.
163
434491
1711
07:16
It is a signal broadcasting system.
164
436990
2820
มันเป็นระบบส่งสัญญาณ
07:19
It broadcasts through chemical signals,
165
439834
2164
มันส่งสัญญาณด้วยสัญญาณทางเคมี
บอกส่วนอื่นๆ ของเซลล์ เมื่อมันพร้อม
07:22
telling the rest of the cell when it's ready,
166
442022
2744
07:24
when it feels that everything is aligned and ready to go
167
444790
2831
เมื่อมันรู้สึกว่าทุกสิ่งมาเรียงตัวกันเรียบร้อย และพร้อมที่จะเข้าสู่ขั้นตอน
07:27
for the separation of the chromosomes.
168
447645
1978
สำหรับการแยกโครโมโซม
07:29
It is able to couple onto the growing and shrinking microtubules.
169
449647
3332
มันสามารถที่จะจับเข้ากับไมโครทูบูลที่กำลัง ขยายตัวและหดตัวลง
มันมีส่วนร่วมในการสร้างไมโครทูบูล
07:33
It's involved with the growing of the microtubules,
170
453003
3199
และมันสามารถที่จะเข้าจับกับไมโครทูบูลชั่วคราวได้
07:36
and it's able to transiently couple onto them.
171
456226
2403
มันยังเป็นระบบที่ตรวจจับความสนใจ
07:39
It's also an attention-sensing system.
172
459359
1820
มันสามารถที่จะรู้สึกได้ว่า เมื่อไรที่เซลล์พร้อม
07:41
It's able to feel when the cell is ready,
173
461203
1976
เมื่อโครโมโซมอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
07:43
when the chromosome is correctly positioned.
174
463203
2234
มันจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
07:45
It's turning green here because it feels that everything is just right.
175
465461
3813
เพราะว่ามันรู้สึกว่า ทุกๆอย่างมันเหมาะสม
และคุณจะเห็นว่า มันมีส่วนที่เหลือเล็กๆส่วนหนึ่ง
07:49
And you'll see, there's this one little last bit
176
469298
2258
ที่ยังคงเป็นสีแดง
07:51
that's still remaining red.
177
471580
1433
และมันเดินลงไปตามไมโครทูบูล
07:53
And it's walked away down the microtubules.
178
473037
2533
นั่นคือระบบการส่งสัญญาณ ที่ส่งสัญญาณออกไปว่าให้หยุด
07:57
That is the signal broadcasting system sending out the stop signal.
179
477149
3179
และมันเดินออกไป ผมหมายความว่า มันเป็นกลไก
08:00
And it's walked away -- I mean, it's that mechanical.
180
480352
2696
มันเป็นนาฬิการะดับโมเลกุล
08:03
It's molecular clockwork.
181
483072
1568
08:04
This is how you work at the molecular scale.
182
484664
2572
นี่คือวิธีที่มันทำงานในระดับโมเลกุล
08:07
So with a little bit of molecular eye candy,
183
487869
2264
ดังนั้น ด้วยสิ่งเล็กๆระดับโมเลกุลสีลูกกวาดน่ายลพวกนี้
08:10
(Laughter)
184
490157
1198
เรามีไคเนส(kinesins) ที่เห็นสีส้มๆ นั่น
08:11
we've got kinesins, the orange ones.
185
491379
1950
08:13
They're little molecular courier molecules walking one way.
186
493353
2773
พวกมันคือนักขนส่งเล็กๆ ระดับโมเลกุล ที่เดินทางเดียว
และนี่คือ ไดนีอิน (dynein) พวกมันรับผิดชอบระบบการส่งสัญญาณนั้น
08:16
And here are the dynein, they're carrying that broadcasting system.
187
496150
3146
และพวกมันมีขายาวๆ เพื่อให้พวกมัน สามารถก้าวข้ามสิ่งกีดขวางและอะไรทำนองนั้นได้
08:19
And they've got their long legs
188
499320
1544
08:20
so they can step around obstacles and so on.
189
500888
2066
ทั้งหมดนี้ถูกจำลองมาจากข้อมูลวิทยาศาสตร์
08:22
So again, this is all derived accurately from the science.
190
502978
3027
อย่างถูกต้องแม่นยำ
ปัญหาก็คือ เราไม่สามารถนำเสนอมันให้คุณดูในทางอื่นได้
08:26
The problem is we can't show it to you any other way.
191
506029
2550
08:28
Exploring at the frontier of science, at the frontier of human understanding,
192
508603
4834
การสำรวจ ณ สุดพรมแดนความรู้ของวิทยาศาสตร์
ณ สุดขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์
มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก
08:33
is mind-blowing.
193
513461
1235
08:35
Discovering this stuff
194
515974
1178
การค้นพบสิ่งเหล่านี้
08:37
is certainly a pleasurable incentive to work in science.
195
517176
3528
แน่นอนว่ามันเป็นตัวกระตุ้นที่น่าพึงพอใจ ในการทำงานในวงการวิทยาศาสตร์
แต่นักวิจัยทางการแพทย์ส่วนใหญ่
08:41
But most medical researchers --
196
521220
1728
08:43
discovering the stuff is simply steps along the path to the big goals,
197
523901
4213
การค้นพบอะไรสักอย่าง
เป็นแค่ก้าวย่างของการเดิน ไปตามทางสู่จุดหมายที่ยิ่งใหญ่
08:48
which are to eradicate disease, to eliminate the suffering
198
528138
4421
ซึ่งก็คือเพื่อกำจัดโรคภัย
เพื่อที่จะขับไล่ความเจ็บไข้และ ความทรมานที่เกิดจากโรคภัย
08:52
and the misery that disease causes
199
532583
2075
และเพื่อดึงผู้คนให้พ้นจากความอยากลำบาก
08:54
and to lift people out of poverty.
200
534682
1680
ขอบคุณครับ
08:56
Thank you.
201
536386
1272
08:57
(Applause)
202
537682
5197
(เสียงปรบมือ)
เกี่ยวกับเว็บไซต์นี้

ไซต์นี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับวิดีโอ YouTube ที่เป็นประโยชน์สำหรับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ คุณจะได้เห็นบทเรียนภาษาอังกฤษที่สอนโดยอาจารย์ชั้นนำจากทั่วโลก ดับเบิลคลิกที่คำบรรยายภาษาอังกฤษที่แสดงในแต่ละหน้าของวิดีโอเพื่อเล่นวิดีโอจากที่นั่น คำบรรยายเลื่อนซิงค์กับการเล่นวิดีโอ หากคุณมีความคิดเห็นหรือคำขอใด ๆ โปรดติดต่อเราโดยใช้แบบฟอร์มการติดต่อนี้

https://forms.gle/WvT1wiN1qDtmnspy7