How trees talk to each other | Suzanne Simard

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Natachanan Lumpikanon

Imagine you're walking through a forest.

ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังเดินเข้าไปในป่า

I'm guessing you're thinking of a collection of trees,

และฉันก็เดาว่า คุณกำลังคิดถึงแมกไม้นานาพันธุ์

what we foresters call a stand,

สิ่งที่เราชาววนศาสตร์เรียกว่าป้อมปราการ

with their rugged stems and their beautiful crowns.

ที่มีกิ่งขรุขระ และเรือนยอดไม้ที่งดงาม

Yes, trees are the foundation of forests,

ค่ะ ต้นไม้เป็นรากฐานของป่า

but a forest is much more than what you see,

แต่ป่าเป็นอะไรมากกว่าที่คุณเห็นล

and today I want to change the way you think about forests.

และวันนี้ ฉันอยากที่จะเปลี่ยนแนวคิด ที่คุณมีต่อป่า

You see, underground there is this other world,

เห็นไหมคะว่า ใต้ผืนดินนั้น มีโลกอีกโลกหนึ่ง

a world of infinite biological pathways

โลกที่มีวิถีทางชีวภาพเป็นอนันต์

that connect trees and allow them to communicate

ที่เชื่อมโยงต้นไม้ และทำให้พวกมันสื่อสารกันได้

and allow the forest to behave as though it's a single organism.

และทำให้ป่ามีพฤติกรรมราวกับว่า มันเป็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่

It might remind you of a sort of intelligence.

มันอาจย้ำเตือนให้คุณรู้ ถึงความชาญฉลาด

How do I know this?

ฉันรู้ได้อย่างไรน่ะหรือคะ

Here's my story.

นี่คือเรื่องราวของฉัน

I grew up in the forests of British Columbia.

ฉันเติบโตในป่าที่บริทิชโคลัมเบีย

I used to lay on the forest floor and stare up at the tree crowns.

ฉันเคยนอนบนพื้นป่า และมองขึ้นไปบนเรือนยอดของต้นไม้

They were giants.

พวกมันใหญ่ยักษ์

My grandfather was a giant, too.

ปู่ของฉันเป็นยักษ์เหมือนกันค่ะ

He was a horse logger,

ท่านเป็นคนตัดไม้ที่ใช้ม้าลากซุง

and he used to selectively cut cedar poles from the inland rainforest.

และเคยตัดแต่ไม้ซีดาร์ จากป่าฝนลึกที่อยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดิน

Grandpa taught me about the quiet and cohesive ways of the woods,

ปู่สอนฉันเกี่ยวกับความสงัด และการยึดเหนี่ยวเกี่ยวพันกับป่าไม้

and how my family was knit into it.

และเรื่องราวที่ว่าครอบครัวของเรา ผูกพันกับมันอย่างไร

So I followed in grandpa's footsteps.

ฉะนั้น ฉันก็เดินตามรอยเท้าของปู่

He and I had this curiosity about forests,

เขาและฉันมีความสังสัยเกี่ยวกับป่า

and my first big "aha" moment

และวินาที "อะฮ่า" อันยิ่งใหญ่ของฉัน

was at the outhouse by our lake.

ก็คือที่เรือนเล็ก ๆ ใกล้กับทะเลสาบของเรา

Our poor dog Jigs had slipped and fallen into the pit.

จิ๊กส์ หมาผู้น่าสงสารของเรา ลื่นตกลงไปในหลุม

So grandpa ran up with his shovel to rescue the poor dog.

ปู่ของฉันก็เลยวิ่งไปพร้อมพลั่ว เพื่อที่จะช่วยเจ้าหมาผู้น่าสงสารนั่น

He was down there, swimming in the muck.

มันอยู่ข้างล่างนั่น ว่ายน้ำอยู่ในตม

But as grandpa dug through that forest floor,

แต่ปู่ของฉันขุดลงไปในพื้นป่า

I became fascinated with the roots,

ฉันตื่นตะลึงกับบรรดารากไม้

and under that, what I learned later was the white mycelium

และข้างใต้นั่น สิ่งที่ฉันได้รู้ในเวลาต่อมา ก็คือราไมซีเลียมสีขาว

and under that the red and yellow mineral horizons.

และใต้แนวยาวของแร่สีแดงและเหลือง

Eventually, grandpa and I rescued the poor dog,

ท้ายที่สุด ปู่และฉัน ก็ช่วยเจ้าหมาผู้น่าสงสารออกมาได้

but it was at that moment that I realized

แต่วินาทีนั้นเองที่ฉันได้ตระหนักว่า

that that palette of roots and soil

จานผสมสีแห่งรากและดิน

was really the foundation of the forest.

เป็นรากฐานของป่าจริง ๆ

And I wanted to know more.

และฉันอยากจะรู้มากกว่านั้น

So I studied forestry.

ฉันจึงศึกษาวนศาสตร์

But soon I found myself working alongside the powerful people

แต่ไม่นาน ฉันก็พบว่า ตัวเองทำงานกับคนใหญ่คนโต

in charge of the commercial harvest.

ที่ควบคุมการเก็บเกี่ยวเพื่อการพานิชย์

The extent of the clear-cutting

สิ่งที่นอกเหนือไปจากกรอบที่ชัดเจน

was alarming,

เป็นสื่งที่ไม่ค่อยน่าไว้ใจ

and I soon found myself conflicted by my part in it.

และไม่นาน ฉันก็พบกับความขัดแย้ง ในบทบาทของฉัน

Not only that, the spraying and hacking of the aspens and birches

ไม่เพียงแต่พ่นยาและถาง แอสเพินและเบิร์ช

to make way for the more commercially valuable planted pines and firs

เพื่อกรุยทางให้กับไม้สนและเฟอร์ ที่มีค่าในเชิงพานิชย์มากกว่า

was astounding.

จะน่าตกใจ

It seemed that nothing could stop this relentless industrial machine.

มันราวกับว่าไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้ง จักรกลอุตสาหกรรมที่ไม่เคยหลับนี้ได้

So I went back to school,

ฉะนั้น ฉันจึงกลับไปโรงเรียน

and I studied my other world.

และเรียนเกี่ยวกับโลกอีกใบหนึ่ง

You see, scientists had just discovered in the laboratory in vitro

ค่ะ นักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบ จากการทดลองในหลอดทดลอง

that one pine seedling root

ว่ารากของต้นสนที่กำลังงอก

could transmit carbon to another pine seedling root.

สามารถส่งคาร์บอนไปอีกรากหนึ่งได้

But this was in the laboratory,

แต่มันเป็นการทดลองในห้องทดลอง

and I wondered, could this happen in real forests?

และฉันสงสัยว่า มันจะเกิดขึ้นจริงในป่าหรือเปล่า

I thought yes.

ฉันคิดว่าคำตอบคือใช่ค่ะ

Trees in real forests might also share information below ground.

ต้นไม้ในป่าจริง ๆ อาจยังแบ่งปันข้อมูลทางใต้ดิน

But this was really controversial,

แต่แนวคิดนี้ค่อนข้างจะยังขัดแย้งกัน

and some people thought I was crazy,

และบางคนก็คิดว่าฉันบ้า

and I had a really hard time getting research funding.

และฉันก็หาเงินสนับสนุนการวิจัยได้ยากมาก

But I persevered,

แต่ฉันก็ยังยึดมั่น

and I eventually conducted some experiments deep in the forest,

และในที่สุดก็สามารถทำการทดลองในป่าลึกได้

25 years ago.

เมื่อ 25 ปีก่อน

I grew 80 replicates of three species:

ฉันปลูกต้นไม้สามสายพันธุ์อย่างละ 80 ต้น

paper birch, Douglas fir, and western red cedar.

ได้แก่ เปเปอร์ เบิร์ช, ดักลาส เฟอร์ และซีดาร์แดงตะวันตก

I figured the birch and the fir would be connected in a belowground web,

ฉันพบว่าเบิร์ช และเฟอร์ อาจเชื่อมต่อกัน ในเครือข่ายใต้ดิน

but not the cedar.

แต่ไม่ใช่สำหรับซีดาร์

It was in its own other world.

มันมีโลกของมันเอง

And I gathered my apparatus,

ฉันรวบรวมอุปกรณ์ของฉัน

and I had no money, so I had to do it on the cheap.

และฉันไม่มีเงิน ฉันก็เลยต้องทำทุกอย่างในราคาประหยัด

So I went to Canadian Tire --

ฉะนั้น ฉันไปที่ คานาเดียน ไทร์ --

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

and I bought some plastic bags and duct tape and shade cloth,

และซื้อถุงพลาสติก ทเป และผ้าสีเข้ม

a timer, a paper suit, a respirator.

นาฬิกาจับเวลา ชุดกระดาษ และเรสไปเรเตอร์

And then I borrowed some high-tech stuff from my university:

และจากนั้น ฉันยืมอุปกรณ์ไฮเทคบางชิ้น จากมหาวิทยาลัยของฉัน

a Geiger counter, a scintillation counter, a mass spectrometer, microscopes.

เช่น ไกเกอร์ เคาเตอร์, เซนทิเลชัน เคาเตอร์ แมส สเปกโตรมิเตอร์, กล้องจุลทรรศน์

And then I got some really dangerous stuff:

และจากนั้น ฉันก็หาของที่อันตรายมา

syringes full of radioactive carbon-14 carbon dioxide gas

เช่น หลอดฉีดยาที่เต็มไปด้วยกัมมันตรังสี ก๊าซคาร์บอน-14 คาร์บอนไดออกไซด์

and some high pressure bottles

และขวดทนแรงดันสูง

of the stable isotope carbon-13 carbon dioxide gas.

ของไอโซโทปที่เสถียร ของก๊าซคาร์บอน-13 คาร์บอนไดออกไซด์

But I was legally permitted.

แต่ฉันได้รับอนุญาติถูกต้องนะคะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Oh, and I forgot some stuff,

โอ้ และฉันลืมอะไรไปบางอย่าง

important stuff: the bug spray,

ของสำคัญด้วย นั่นก็คือสเปรย์ฉีดแมลง

the bear spray, the filters for my respirator.

สเปรย์ฉีดไล่หมี และเครื่องกรอง สำหรับเรสไปเรเตอร์ของฉัน

Oh well.

ค่ะ

The first day of the experiment, we got out to our plot

วันแรกของการทดลอง ฉันออกไปยังแปลงของเรา

and a grizzly bear and her cub chased us off.

และหมีกริสรีตัวใหญ่กับลูกก็วิ่งไล่เรา

And I had no bear spray.

และฉันก็ไม่มีสเปรย์ไล่หมีซะด้วย

But you know, this is how forest research in Canada goes.

แต่คุณรู้ไหมคะ นั่นเป็นงานวิจัยในป่าในแบบแคนาดาน่ะค่ะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So I came back the next day,

วันรุ่งขึ้นฉันก็เลยกับไป

and mama grizzly and her cub were gone.

และหมีตัวแม่และลูกของมันก็ไปแล้ว

So this time, we really got started,

ฉะนั้น นี่เป็นเวลาเหมาะที่ฉันจะลงมือ

and I pulled on my white paper suit,

และฉันก็ใส่เสื้อกระดาษขาวของฉัน

I put on my respirator,

และใส่แอสไปเรเตอร์

and then

และจากนั้น

I put the plastic bags over my trees.

ก็เอาถุงพลาสติกหุ้มต้นไม้

I got my giant syringes,

ฉันเอาเข็มฉีดยายักษ์มา

and I injected the bags

และฉีดเข้าไปในถุง

with my tracer isotope carbon dioxide gases,

ด้วยไอโซโทปติดตาม ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

first the birch.

เริ่มด้วย เบิร์ช

I injected carbon-14, the radioactive gas,

ฉันฉีดคาร์บอน-14 ก๊าซซึ่งมีกัมมันตรังสี

into the bag of birch.

เข้าไปในถุงของเบิร์ช

And then for fir,

และจากนั้นก็เฟอร์

I injected the stable isotope carbon-13 carbon dioxide gas.

ฉันฉีดไอโซโทปที่เสถียร ของก๊าซคาร์บอน-13 คาร์บอนไดออกไซด์

I used two isotopes,

ฉันใช้สองไอโซโทป

because I was wondering

เพราะฉันสงสัยว่า

whether there was two-way communication going on between these species.

มันจะมีการสื่อสารสองทาง ระหว่างสายพันธุ์เหล่านี้หรือไม่

I got to the final bag,

ฉันไปถึงถุงสุดท้าย

the 80th replicate,

ที่ต้นที่ 80

and all of a sudden mama grizzly showed up again.

และทันใดนั้นเอง หมีตัวแม่ก็โผล่มาอีก

And she started to chase me,

และเธอก็เริ่มวิ่งไล่ฉัน

and I had my syringes above my head,

ฉันมีเข็มฉีดยานั่นอยู่เหนือหัว

and I was swatting the mosquitos, and I jumped into the truck,

และฉันก็กำลังตบยุงและวิ่งเข้าไปในรถตู้

and I thought,

และฉันก็คิดว่า

"This is why people do lab studies."

"นี่คงเป็นเหตุผลว่า ทำไมคนเขา ทำการทดลองกันในห้องทดลอง"

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

I waited an hour.

ฉันรออยู่ชั่วโมงหนึ่ง

I figured it would take this long

ฉันได้เรียนรู้ว่า มันต้องใช้เวลานานขนาดนี้

for the trees to suck up the CO2 through photosynthesis,

ต้นไม้ถึงดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป โดยกระบวนการสังเคราะห์แสง

turn it into sugars, send it down into their roots,

เปลี่ยนมันเป็นน้ำตาล และส่งมันกลับลงมายังราก

and maybe, I hypothesized,

และบางที ฉันตั้งสมมติฐานไว้ว่า

shuttle that carbon belowground to their neighbors.

มันจะส่งคาร์บอนดังกล่าวไปใต้ดิน ให้เพื่อนบ้านของมัน

After the hour was up,

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง

I rolled down my window,

ฉันเปิดหน้าต่าง

and I checked for mama grizzly.

และมองหาหมีตัวแม่

Oh good, she's over there eating her huckleberries.

โอ้ ดีเลย มันไปกินฮักเคิลเบอร์รี อยู่ทางนั้นแล้ว

So I got out of the truck and I got to work.

ฉันออกจากรถตู้และไปทำงาน

I went to my first bag with the birch. I pulled the bag off.

ฉันไปยังถุงแรกที่มีเบิร์ช ดึงถุงออก

I ran my Geiger counter over its leaves.

และใช้เครื่องไกเกอร์ เคาเตอร์ ตรวจที่ใบ

Kkhh!

กริ๊ก

Perfect.

ยอดเลย

The birch had taken up the radioactive gas.

เบิร์ชดูดก๊าซกัมมันตรังสีเข้าไป

Then the moment of truth.

จากนั้นก็มาถึงวินาทีแห่งความจริง

I went over to the fir tree.

ฉันไปยังต้นเฟอร์

I pulled off its bag.

และดึงถุงออก

I ran the Geiger counter up its needles,

ใช้เครื่องไกเกอร์ เคาเตอร์ ตรวจไปบนใบของมัน

and I heard the most beautiful sound.

และฉันก็ได้ยินเสียงที่เพราะที่สุด

Kkhh!

กริ๊ก

It was the sound of birch talking to fir,

มันเป็นเสียงที่ต้นเบิร์ชคุยกับเฟอร์

and birch was saying, "Hey, can I help you?"

และเบิร์ชบอกว่า "เฮ่ ให้ช่วยไหม"

And fir was saying, "Yeah, can you send me some of your carbon?

และเฟอร์บอกว่า "เอาสิ ส่งคาร์บอนมาให้หน่อยได้ไหม

Because somebody threw a shade cloth over me."

เพราะใครบางคนเอาผ้าดำ ๆ มาคลุมฉัน"

I went up to cedar, and I ran the Geiger counter over its leaves,

ฉันไปยังต้นซีดาร์ และใช้เครื่องไกเกอร์ เคาเตอร์ ตรวจใบของมัน

and as I suspected,

และอย่างที่ฉันคาด

silence.

เงียบค่ะ

Cedar was in its own world.

ซีดาร์อยู่ในโลกของมันเอง

It was not connected into the web interlinking birch and fir.

มันไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย ที่เกี่ยวพันกันของเบิร์ชและเฟอร์

I was so excited,

ฉันตื่นเต้นมาก

I ran from plot to plot and I checked all 80 replicates.

ฉันวิ่งจากแปลงหนึ่งไปอีกแปลงหนึ่ง และตรวจดูพืชทั้งหมดอีก 80 ต้น

The evidence was clear.

หลักฐานแสดงชัดเจน

The C-13 and C-14 was showing me

C-13 และ C-14 แสดงให้ฉันเห็น

that paper birch and Douglas fir were in a lively two-way conversation.

ว่าเปเปอร์ เบิร์ช และดักลาส เฟอร์ กำลังถ่ายทอดสดการสนทนาสองทาง

It turns out at that time of the year,

ปรากฏว่าในช่วงนั้นของปี

in the summer,

ในช่วงฤดูร้อน

that birch was sending more carbon to fir than fir was sending back to birch,

เบิร์ชส่งคาร์บอนไปยังเฟอร์ มากกว่าที่เฟอร์ส่งมาให้เบิร์ช

especially when the fir was shaded.

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเฟอร์อยู่ในร่ม

And then in later experiments, we found the opposite,

และจากนั้นในการทดลองต่อไป เราพบสิ่งที่ตรงข้าม

that fir was sending more carbon to birch than birch was sending to fir,

ที่เฟอร์ส่งคาร์บอนให้เบิร์ช มากกว่าที่เบิร์ชส่งให้เฟอร์

and this was because the fir was still growing while the birch was leafless.

และนั่นเป็นเพราะเฟอร์ยังคงเติบโต ในขณะที่เบิร์ชไม่มีใบเลย

So it turns out the two species were interdependent,

ฉะนั้น มันกลายเป็นว่าสายพันธุ์ทั้งสอง พึ่งพากันและกัน

like yin and yang.

เหมือนหยินกับหยาง

And at that moment, everything came into focus for me.

และ ณ วินาทีนั้น ทุกอย่างเข้ามายังจุดนใจของฉัน

I knew I had found something big,

ฉันรู้ว่าฉันได้พบอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่

something that would change the way we look at how trees interact in forests,

บางอย่างที่อาจเปลี่ยนแนวความคิดของเรา ในเรื่องปฏิสัมพันธ์ของต้นไม้ในป่า

from not just competitors

จากไม่ใช่แค่เรื่องการแข่งขัน

but to cooperators.

แต่ยังเป็นเรื่องของการร่วมมือ

And I had found solid evidence

และฉันพบหลักฐานสำคัญ

of this massive belowground communications network,

ของเครือข่ายสื่อสารขนาดใหญ่ใต้ดินนี้

the other world.

ซึ่งเหมือนเป็นโลกอีกใบ

Now, I truly hoped and believed

ค่ะ ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งและเชื่อว่า

that my discovery would change how we practice forestry,

การค้นพบของฉันจะเปลี่ยนวิธีการ ที่เรามีต่อการดูแลรักษาป่า

from clear-cutting and herbiciding

จากการถางให้โล่งและใช้ยาฆ่าวัชพืช

to more holistic and sustainable methods,

มาเป็นวิธีการแบบบูรณาการณ์และยั่งยืน

methods that were less expensive and more practical.

วิธีการที่ประหยัดกว่าและปฏิบัติได้จริง

What was I thinking?

ดิแันกำลังคิดอะไรอยู่น่ะหรือคะ

I'll come back to that.

ฉันจะพูดถึงอีกครั้งค่ะ

So how do we do science in complex systems like forests?

แล้วเราจะศึกษาวิจัย ระบบที่ซับซ้อนอย่างป่านี้ได้อย่างไร

Well, as forest scientists, we have to do our research in the forests,

ค่ะ ในฐานะนักวนศาสตร์ ฉันจะต้องทำงานวิจัยในป่า

and that's really tough, as I've shown you.

และมันก็ยากมาก ๆ อย่างที่ฉันแสดงให้คุณดู

And we have to be really good at running from bears.

และฉันจะต้องวิ่งหนีหมีให้เก่งด้วย

But mostly, we have to persevere

แต่ที่สำคัญที่สุด เราต้องยืนหยัด

in spite of all the stuff stacked against us.

แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมาขวางทางเรา

And we have to follow our intuition and our experiences

และเราจะต้องตามสัญชาติญาณ และประสบการณ์ของเรา

and ask really good questions.

และถามคำถามที่สำคัญ

And then we've got to gather our data and then go verify.

และจากนั้น เราต้องรวบรวมข้อมูล และนำมาประมวลผล

For me, I've conducted and published hundreds of experiments in the forest.

สำหรับฉันแล้ว ฉันทำการศึกษาทดลอง และตีพิมพ์ผลงานมากมายในป่า

Some of my oldest experimental plantations are now over 30 years old.

การทดลองปลูกต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุด ตอนนี้มีอายุกว่า 30 ปีแล้ว

You can check them out.

คุณไปดูได้เลยค่ะ

That's how forest science works.

นั่นเป็นแนวทางของการทำงาน ในสาขาวนศาสตน์

So now I want to talk about the science.

ฉะนั้น ตอนนี้ฉันอยากพูดถึงวิทยาศาสตร์

How were paper birch and Douglas fir communicating?

เปเปอร์ เบิร์ช และดักลาส เฟอร์ สื่อสารกันได้อย่างไร

Well, it turns out they were conversing not only in the language of carbon

ค่ะ ปรากฏว่าพวกมันคุยกัน ไม่เพียงแต่ในภาษาคาร์บอนเท่านั้น

but also nitrogen and phosphorus

แต่ยังใช้ไนโตรเจนและฟอสฟอรัส

and water and defense signals and allele chemicals and hormones --

และน้ำและสัญญาณการป้องกันตัว และสารเคมีและฮอร์โมนอื่น ๆ --

information.

ในการส่งข้อมูล

And you know, I have to tell you, before me, scientists had thought

และรู้ไหมคะ ต้องบอกว่าก่อนที่ฉันจะค้นพบ นักวิทยาศาสตร์เข้าใจว่า

that this belowground mutualistic symbiosis called a mycorrhiza

การอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาใต้ดินนี้ ที่เรียกกันว่า ไมคอร์ไรซา

was involved.

มีส่วนเกี่ยวข้อง

Mycorrhiza literally means "fungus root."

ไมคอร์ไรซา มีชื่อตามความหมายว่า "รากฟังกัส"

You see their reproductive organs when you walk through the forest.

คุณจะเห็นอวัยวะสืบพันธุ์ของมัน เมื่อคุณเดินผ่านป่า

They're the mushrooms.

พวกมันคือเห็น

The mushrooms, though, are just the tip of the iceberg,

เห็น แม้ว่ามันจะเป็นเหมือนแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง

because coming out of those stems are fungal threads that form a mycelium,

เพราะว่าที่ออกมาจากก้านของพวกมัน คือสายฟังกัสที่ก่อตัวเป็นไมซิเลียม

and that mycelium infects and colonizes the roots

และไมซีเลียมดังกล่าว ก็บุกและตั้งอาณานิคมในราก

of all the trees and plants.

ของต้นไม้และพืช

And where the fungal cells interact with the root cells,

และที่ซึ่งเซลล์ของฟังกัส มีปฏิสัมพันธ์กับเซลล์ราก

there's a trade of carbon for nutrients,

ตรงนั้นมีการแลกเปลี่ยนคาร์บอน เพื่อสารอาหาร

and that fungus gets those nutrients by growing through the soil

และฟังกัสนั้นได้สารอาหารเหล่านั้น

and coating every soil particle.

และเคลือบไปบนทุกอนุภาคดิน

The web is so dense that there can be hundreds of kilometers of mycelium

ใยดังกล่าวหนาแน่นมาก จนมันอาจมีไมซิเลียมยาวหลายร้อยกิโลเมตร

under a single footstep.

ภายใต้เพียงหนึ่งก้าวย่าง

And not only that, that mycelium connects different individuals in the forest,

และไม่เพียงแค่นั้น ไมซีเลียมพวกนั้น ยังเชื่อมต่อสิ่งต่าง ๆ ในป่า

individuals not only of the same species but between species, like birch and fir,

สิ่งต่าง ๆ ไม่เพียงแต่จะเป็นสายพันธุ์เดียวกัน แต่ยังมีหลายสายพันธุ์ อย่างเบิร์ช และเฟอร์

and it works kind of like the Internet.

และมันทำงานเหมือนกับอินเทอร์เน็ต

You see, like all networks,

ค่ะ เหมือนกับเครือข่าย

mycorrhizal networks have nodes and links.

เครือข่ายไมคอร์ไรซา ที่มีจุดเชื่อมและการเชื่อมต่อ

We made this map by examining the short sequences of DNA

เราทำแผนที่นี้โดยสำรวจลำดับสั้น ๆ ของดีเอ็นเอ

of every tree and every fungal individual in a patch of Douglas fir forest.

ของต้นไม้และฟังกัสทุกต้น ในพื้นที่ของป่าดักลาส เฟอร์

In this picture, the circles represent the Douglas fir, or the nodes,

ในภาพนี้ วงกลมแสดงถึงดักลาส เฟอร์ หรือจุดเชื่อมต่อ

and the lines represent the interlinking fungal highways, or the links.

และเส้นพวกนี้แสดงถึงการเชื่อมต่อ ของเส้นทางฟังกัส หรือว่าการเชื่อมต่อ

The biggest, darkest nodes are the busiest nodes.

จุดเชื่อมต่อมืดใหญ่คือจุดที่ยุ่งเหยิง

We call those hub trees,

เราเรียกพวกมันว่า ต้นชุมสาย

or more fondly, mother trees,

หรือแบบอบอุ่นหน่อยก็ ต้นแม่

because it turns out that those hub trees nurture their young,

เพราะปรากฏว่า ต้นชุมสายเหล่านั้น ดูแลต้นที่อ่อนกว่า

the ones growing in the understory.

ที่เติบโตอยู่ภายใต้ร่มเงาของมัน

And if you can see those yellow dots,

และถ้าคุณเห็นจุดเหลือง ๆ เหล่านั้น

those are the young seedlings that have established within the network

นั่นคือต้นอ่อนที่อยู่ในเครือข่าย

of the old mother trees.

ของต้นแม่ที่แก่กว่า

In a single forest, a mother tree can be connected to hundreds of other trees.

ในป่าหนึ่ง ๆ ต้นแม่สามารถเชื่อมต่อ กับต้นไม้อื่น ๆ ได้หลายร้อยต้น

And using our isotope tracers,

และจากการใช้การติดตามไอโซโทปของเรา

we have found that mother trees

เราพบว่าต้นแม่

will send their excess carbon through the mycorrhizal network

จะส่งคาร์บอนที่มากเกินไป ผ่านเครือข่ายไมคอร์ไรซา

to the understory seedlings,

ไปยังต้นอ่อนในร่มเงาของมัน

and we've associated this with increased seedling survival

และเราได้เห็นความสัมพันธ์ของมัน ต่อการอยู่รอดของต้นอ่อนที่เพิ่มขึ้น

by four times.

ถึงสี่เท่า

Now, we know we all favor our own children,

ตอนนี้ คุณรู้ก็ว่าเราทุกคนชอบลูกของตัวเอง

and I wondered, could Douglas fir recognize its own kin,

และฉันก็สงสัยว่า ดักลาส เฟอร์ จะจำพวกเดียวกันได้หรือเปล่า

like mama grizzly and her cub?

เหมือนหมีตัวแม่กับลูก ๆ ของมัน

So we set about an experiment,

ฉันก็เลยทำการทดลองอีกชุดหนึ่ง

and we grew mother trees with kin and stranger's seedlings.

และปลูกต้นแม่ไว้กับต้นอ่อนพันธุ์เดียวกัน และต้นอ่อนต่างสายพันธุ์

And it turns out they do recognize their kin.

และปรากฏว่าพวกมันจำพวกเดียวกันเองได้

Mother trees colonize their kin with bigger mycorrhizal networks.

ต้นแม่ตั้งอาณานิคมพวกของมัน ด้วยเครือข่ายไมคอร์ไรซาที่ใหญ่กว่าเดิม

They send them more carbon below ground.

พวกมันส่งคาร์บอนไปใต้ดินมากกว่าเดิม

They even reduce their own root competition

พวกมันลดการใช้ในรากของมันด้วยซ้ำ

to make elbow room for their kids.

เพื่อสร้างห้องหักศอกให้ลูก ๆ ของมัน

When mother trees are injured or dying,

เมื่อต้นแม่ติดเชื้อและกำลังจะตาย

they also send messages of wisdom on to the next generation of seedlings.

พวกมันส่งข้อความที่เป็นความรู้ ไปยังต้นอ่อนรุ่นถัดไป

So we've used isotope tracing

เราใช้การติดตามไอโซโทป

to trace carbon moving from an injured mother tree

เพื่อติดตามการเคลื่อนของคาร์บอน จากต้นแม่ที่ติดเชื้อ

down her trunk into the mycorrhizal network

ไปตามลำต้นของมัน ลงไปยังเครือข่ายไมคอร์ไรซา

and into her neighboring seedlings,

และเข้าไปในต้นอ่อนใกล้ ๆ

not only carbon but also defense signals.

ไม่เพียงแต่คาร์บอน แต่มันยังส่งสัญญาณป้องกันด้วย

And these two compounds

และสององค์ประกอบนี้

have increased the resistance of those seedlings to future stresses.

เพิ่มการต้านทานของต้นอ่อนเหล่านั้น ต่อความเครียดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

So trees talk.

ฉะนั้น ต้นไม้พูดได้ค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

Through back and forth conversations,

จากการสนทนาไปกลับ

they increase the resilience of the whole community.

พวกมันเพิ่มความต้านทานของทั้งกลุ่ม

It probably reminds you of our own social communities,

มันอาจทำให้คุณนึกถึงกลุ่มสังคมโซเชียล

and our families,

และครอบครัวของเรา

well, at least some families.

ค่ะ อย่างน้อยก็บางครอบครัวน่ะค่ะ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

So let's come back to the initial point.

เอาล่ะ กลับมายังจุดเริ่มแรกกัน

Forests aren't simply collections of trees,

ป่าไม่ได้เป็นแค่สถานที่รวบรวมต้นไม้

they're complex systems with hubs and networks

พวกมันเป็นระบบที่ซับซ้อน ที่มีจุดเชื่อมต่อและเครือข่าย

that overlap and connect trees and allow them to communicate,

ที่ซ้อนทับและเชื่อมต่อต้นไม้ และยอมให้พวกมันสื่อสารกัน

and they provide avenues for feedbacks and adaptation,

และพวกมันทำให้เกิดเส้นทาง สำหรับการส่งผลตอบรับและการปรับเปลี่ยน

and this makes the forest resilient.

และสิ่งนี้เองทำให้ป่ามีความยืดหยุ่น

That's because there are many hub trees and many overlapping networks.

นั่นเป็นเพราะว่ามันมีต้นไม้ที่เป็นจุดเชื่อมต่อมากมาย และเครือข่ายที่มีการซ้อนทับกันมาก

But they're also vulnerable,

แต่พวกมันเปราะบาง

vulnerable not only to natural disturbances

ไม่เพียงแต่เปราะบาง ต่อการแปรปรวนทางธรรมชาติ

like bark beetles that preferentially attack big old trees

อย่างแมลกินเปลือกไม้ ที่เลือกโจมตีต้นไม้ใหญ่อายุมาก

but high-grade logging and clear-cut logging.

แต่มันยังถูกคุกคามจากการตัดไม้ และการถางป่าอีกด้วย

You see, you can take out one or two hub trees,

เห็นไหมคะ คุณสามารถตัดต้นชุมสาย ออกไปหนึ่งหรือสองต้น

but there comes a tipping point,

แต่นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยน

because hub trees are not unlike rivets in an airplane.

เพราะว่าต้นชุมสาย ไม่ได้ต่างอะไรกับหมุดบนเครื่องบิน

You can take out one or two and the plane still flies,

คุณเอามันออกไปสองสามตัว เครื่องบินก็ยังใช้การได้

but you take out one too many,

แต่ถ้าคุณเอามันออกไปมากเกินไป

or maybe that one holding on the wings,

หรือบางทีหมุดตัวนั้นยึดส่วนปีกอยู่

and the whole system collapses.

ระบบทั้งหมดก็อาจพังได้

So now how are you thinking about forests? Differently?

ฉะนั้น ตอนนี้คุณมองป่าอย่างไรคะ ต่างไปจากเดิมหรือเปล่า

(Audience) Yes.

(ผู้ชม) ใช่

Cool.

ยอดเลยค่ะ

I'm glad.

ฉันดีใจมากค่ะ

So, remember I said earlier that I hoped that my research,

ฉะนั้น จำไว้นะคะว่า ก่อนหน้านี้ฉันหวังว่างานวิจัยของฉัน

my discoveries would change the way we practice forestry.

การค้นพบของฉันจะเปลียนแปลง วิธีที่เราปฏิบัติต่อป่า

Well, I want to take a check on that 30 years later here in western Canada.

ค้่ะ ฉันอยากจะไปตรวจดูอีกครั้ง ในอีก 30 ปี ที่นี่ในแคนาดาตะวันตก

This is about 100 kilometers to the west of us,

ซึ่งห่างไปจากเราไปทางตะวันตก ประมาณ 100 กิโลเมตร

just on the border of Banff National Park.

ตรงชายแดนของอุทยานแห่งชาติบานฟ์

That's a lot of clear-cuts.

มันมีการถางป่ามากมาย

It's not so pristine.

มันไม่ได้งามบริสุทธิ์อย่างธรรมชาติ

In 2014, the World Resources Institute reported that Canada in the past decade

ในปี ค.ศ. 2014 สถาบันทรัพยากรโลก รายงานว่าแคนาดาในทศวรรษที่ผ่านมา

has had the highest forest disturbance rate of any country worldwide,

มีอัตราการรบกวนป่าสูงที่สุด กว่าประเทศใด ๆ ทั่วโลก

and I bet you thought it was Brazil.

และฉันขอพนันเลย ว่าคุณจะคิดว่าเป็นบราซิล

In Canada, it's 3.6 percent per year.

ในแคนานา ตัวเลขนั้นคือ 3.6 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

Now, by my estimation, that's about four times the rate that is sustainable.

ตอนนี้ จากการคำนวนคร่าว ๆ ของฉัน มันมากกว่าสี่เท่าของอัตราที่ยั่งยืน

Now, massive disturbance at this scale is known to affect hydrological cycles,

การรบกวนในระดับนั้น เป็นที่รู้กันว่ามันรบกวนต่อวัฏจักรไฮโดรเจน

degrade wildlife habitat,

ทำลายแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่า

and emit greenhouse gases back into the atmosphere,

และปล่อยก๊าซเรือนกระจก กลับออกไปยังบรรยากาศ

which creates more disturbance and more tree diebacks.

ซึ่งสร้างการรบกวนเพิ่มขึ้น และทำให้ต้นไม้ตายมากขึ้น

Not only that, we're continuing to plant one or two species

ไม่เพียงแค่นั้น เรายังปลูกพืช สองสามสายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

and weed out the aspens and birches.

และกำจัดแอสเพินและเบิร์ช

These simplified forests lack complexity,

ป่าที่ความหลากหลายลดลง ขาดความซับซ้อน

and they're really vulnerable to infections and bugs.

และพวกมันก็เปราะบาง ต่อการติดเชื้อและการโจมตึของแมลง

And as climate changes,

และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

this is creating a perfect storm

มันกำลังสร้างปัจจัยสำคัญ

for extreme events, like the massive mountain pine beetle outbreak

สำหรับเหตุการณ์ที่รุนแรง เช่น การระบาดหนักของแมลงปีกแข็งสนภูเขา

that just swept across North America,

ที่แพร่กระจายไปทั่วอเมริกาเหนือ

or that megafire in the last couple months in Alberta.

หรือไฟป่ารุนแรงในสองสามเดือนที่ผ่านมา ในอัลเบอร์ตา

So I want to come back to my final question:

ฉะนั้น ฉันอยากจะ กลับไปยังคำถามสุดท้ายของฉัน

instead of weakening our forests,

ซึ่งก็คือ แทนที่จะทำให้ป่าของเราอ่อนแอลง

how can we reinforce them and help them deal with climate change?

เราจะทำอย่างไรเพื่อช่วยให้พวกมัน รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

Well, you know, the great thing about forests as complex systems

ค่ะ สิ่งที่ดีสำหรับป่าที่เป็นระบบซับซ้อนนั้น

is they have enormous capacity to self-heal.

คือพวกมันมีความสามารถ ในการเยียวยาตัวเองได้มาก

In our recent experiments,

ในการทดลองของเราเมื่อไม่นานมานี้

we found with patch-cutting and retention of hub trees

พวกเราพบว่า การตัดไม้เป็นหย่อม ๆ และการคงต้นชุมสายเอาไว้

and regeneration to a diversity of species and genes and genotypes

และการเกิดขึ้นใหม่ของความหลากหลาย ของสายพันธุ์และยีนและจีโนไทป์

that these mycorrhizal networks, they recover really rapidly.

ที่เป็นเครือข่ายของไมคอร์ไรซาเหล่านี้ พวกมันฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

So with this in mind, I want to leave you with four simple solutions.

ค่ะ ฉันอยากจะทิ้งทางออกสี่ประการ เอาไว้ให้คุณคิด

And we can't kid ourselves that these are too complicated to act on.

และเราห้ามทำตัวเป็นเด็กโดยอ้างว่า นั่นมันซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะทำได้

First, we all need to get out in the forest.

ประการแรก เราทุกคนต้องไปในป่า

We need to reestablish local involvement in our own forests.

เราต้องสร้างความร่วมมือท้องถิ่น ในป่าของเราขึ้นมาใหม่

You see, most of our forests now

ค่ะ ป่าของเราส่วนใหญ่ในตอนนี้

are managed using a one-size-fits-all approach,

ถูกบริหารจัดการโดยใช้ วิธีการแบบที่ปรับใช้กับทุกอย่าง

but good forest stewardship requires knowledge of local conditions.

แต่การดูแลป่า ต้องการความรู้ ในเรื่องสภาพพื้นที่จำเพาะ

Second, we need to save our old-growth forests.

ประการที่สอง เราต้องการรักษา ป่าที่มีอยู่มานานแล้ว

These are the repositories of genes and mother trees and mycorrhizal networks.

มันเป็นแหล่งคลังของยีนและต้นแม่ และเครือข่ายไมคอร์ไรซา

So this means less cutting.

นั่นหมายถึง เราต้องลดการตัดไม้

I don't mean no cutting, but less cutting.

ฉันไม่ได้หมายความว่าเราตัดไม่ได้ แต่เราต้องลดการตัดไม้ลง

And third, when we do cut,

และประการที่สาม เมื่อเราตัดไม้

we need to save the legacies,

เราต้องรักษามรดกของมันเอาไว้

the mother trees and networks,

ซึ่งก็คือต้นแม่และเครือข่าย

and the wood, the genes,

และป่า และยีน

so they can pass their wisdom onto the next generation of trees

เพื่อที่มันจะได้ส่งต่อความรู้ของมัน ไปยังต้นไม้รุ่นถุดไป

so they can withstand the future stresses coming down the road.

เพื่อที่พวกมันจะสามารถทนทาน ต่อความเครียดในอนาคตที่กำลังจะมาถึง

We need to be conservationists.

เราต้องเป็นนักอนุรักษ์

And finally, fourthly and finally,

และสุดท้าย ประการที่สี่และประการสุดท้าย

we need to regenerate our forests with a diversity of species

เราต้องสร้างป่าของเราขึ้นใหม๋ ด้วยความหลากหลายทางสายพันธุ์

and genotypes and structures

และจีโนไทป์ และโครงสร้าง

by planting and allowing natural regeneration.

โดยการปลูกและการปล่อยให้มัน ฟื้นฟูขึ้นใหม่อย่างเป็นธรรมชาติ

We have to give Mother Nature the tools she needs

เราต้องมอบเครื่องมือที่พระแม่ธรณีต้องการ

to use her intelligence to self-heal.

เพื่อที่พระนางจะได้ใช้ปัญญาของท่าน ในการรักษาเยียวยาตนเอง

And we need to remember that forests aren't just a bunch of trees

และเราต้องจำไว้ว่า ป่าไม่ใช่แค่กลุ่มของต้นไม้

competing with each other,

ที่แข่งขันแก่งแย่งกันและกัน

they're supercooperators.

พวกมันทำงานร่วมกันอย่างมาก

So back to Jigs.

กลับไปยังจิ๊ก

Jigs's fall into the outhouse showed me this other world,

จิ๊กตกลงไปในบ่อเกรอะ ทำให้ฉันเห็นโลกอีกใบ

and it changed my view of forests.

และมันเปลี่ยนแนวคิดที่ฉันมีต่อป่า

I hope today to have changed how you think about forests.

ฉันหวังว่าวันนี้ คุณจะมีมุมมองต่อป่า ที่ต่างออกไป

Thank you.

ขอบคุณค่ะ

(Applause)

(เสียงปรบมือ)